ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรไร...อย่าไกลตา

    ลำดับตอนที่ #3 : ง้อ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 48


    ‘...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด…’



    ฉันล่ะอยากจะร้องออกมาดังๆนักเชียว ผู้ชายอะไรปากร้ายชะมัด นี่ขนาดเพิ่งจะรู้จักกันได้แค่วันเดียวเองนะ ยังพูดได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าถ้าคุยนานๆไปวาจาจะจัดจ้านขนาดไหน



    “เป็นอะไรครับ นั่งนิ่งหน้าย่นคิ้วพันกันเชียว”



    “…..” ฉันจ้องหน้าเขา พยายามจะอ่านใจของผู้ชายตรงหน้านี้ว่าจะมาไม้ไหน



    “ผมหิวแล้วนะ สั่งอาหารกันเถอะครับ”



    ว่าแล้วเจ้าตัวก็จัดแจงคว้าเมนูมาเปิดแล้วสั่งอาหารชุดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าต้องกินกี่มื้อจึงจะหมด



    “สั่งซะเยอะขนาดนั้นแล้วจะกินหมดมั้ยเนี่ย” ฉันปรารภกับตัวเอง



    “ว่าไงนะครับ”



    “คะ?…เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร แค่บ่นให้ตัวเองฟังเท่านั้น”



    ‘...ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้ หน้าตาก็ดี แกล้งทำเป็นไร้เดียงสาก็เก่ง ถ้าไม่เป็นเพราะความคิดที่หลุดออกมาทางปากนั่น ฉันก็คงจะญาติดีด้วยนานแล้ว...’



    “เร ไม่สั่งอะไรบ้างเหรอ?”



    “ไม่ล่ะค่ะ เดี๋ยวอาหารจะล้นโต๊ะ”



    “อ้อ จริงสินะ ผมก็ลืมตัวสั่งไปซะเยอะเลย”



    เกิดความเงียบครอบคลุมสักพักหนึ่ง เขาก็เอ่ยเป็นเชิงขอโทษขึ้นมา



    “เมื่อสักครู่นี้หวังว่าคงจะอภัยให้ผม ไม่ถือสาหาความกับผมนานนักนะครับ ผมเองก็คงจะพูดแรงเล่นแรงไปหน่อย”



    ‘...ไม่ใช่คงจะ แล้วก็ไม่หน่อยเลย และแน่นอนทำฉันอับอายได้ขนาดนี้ มีเหรอที่ฉันจะไม่ถือสา...’



    “แต่ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณจริงๆนะ”



    เขาพูดด้วยน้ำเสียงของคนสำนึกผิดจริงๆ แต่ยังหรอก จะให้ฉันบอกว่าให้อภัยเขาง่ายๆตอนนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะได้ไจ



    “…..” ฉันยังคงปั้นหน้านิ่งวางฟอร์มเชิดต่อไป



    “เอ่อ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมจะขอย้ำความตั้งใจเดิมอีกครั้งนะครับ ผมอยากจะเป็นเพื่อนกับคุณจริงๆ อยากให้คุณญาติดีกับผมด้วย ผมสัญญานะครับ ว่าถ้าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ผมจะไม่ใช้คำพูดล่วงเกินคุณเหมือนเมื่อสักครู่นี้อีกเลย”



    “หมายความว่า ถ้าฉันไม่เป็นเพื่อนคุณ คุณก็จะพูดอย่างเมื่อกี้อีกเหรอคะ”



    “ไม่ๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ คือผมหมายถึงว่า ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าคุณจะตอบยังไงก็ตาม เพียงแต่ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ… เรา…ดีกันนะ”



    เขาชูนิ้วก้อย ทำท่าขอคืนดีแบบที่เด็กๆชอบทำ ฉันแอบลอบยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอาคืนเขากลับบ้าง



    “ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองก่อน”



    เขายิ้มอย่างสดใสขึ้นมาทันที



    “จะให้ผมพิสูจน์ยังไงครับ”



    “อืม… ขอฉันคิดก่อนนะ”



    “เอาอย่างนี้ละกัน นายเห็นกีตาร์บนเวทีนั่นมั้ย?”



    “เห็นครับ แล้วจะให้ผมทำอะไรล่ะ บอกไว้ก่อนว่าผมเล่นกีตาร์ไม่….”



    เขามองหน้าฉัน ด้วยอาการที่บ่งบอกว่าปั้นสีหน้าได้อย่างยากลำบาก



    “หรือว่า….. อย่าบอกผมนะว่า…”



    “หึหึ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ๆฉันก็อยากจะฟังคนร้องเพลงพร้อมเสียงกีตาร์ล่ะ นายช่วยขึ้นไปร้องพร้อมดีดกีตาร์ให้ฉันฟังสักเพลงบนนั้นหน่อยสิ”



    ฉันพูดอย่างอารมณ์ดี สีหน้าของเขาบอกให้ฉันรู้ว่า เขากำลังตกใจสุดๆ แล้วลดเสียงลงพูดกระซิบว่า



    “คุณก็รู้นี่ ว่าผมเล่นกีตาร์ไม่เป็น”



    “ไม่รู้ล่ะ ก็ไหนว่าจะพิสูจน์ตัวเองไง”



    “โธ่! คุณนี่ก็… เฮ้อ! ก็ได้ เพลงเดียวเท่านั้นนะ เพื่อคุณเลยนะนี่ แล้วอย่าเคลิ้มกับเสียงร้องของผมไปล่ะ ฮ่าๆๆ”



    “ก็คงจะอย่างนั้น แต่ฉันก็หวังว่า เสียงกีตาร์ของนายจะมาช่วยลดทอนลงไปได้มากเลยล่ะ”



    ‘...ดูเข้าสิ ทำหน้าจ๋อยเป็นลูกลิงตกต้นไม้เชียว...’



    เขาเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วเริ่มดีดกีตาร์ให้เป็นเสียงโหยหวนชวนขนลุก แต่เมื่อเขาเริ่มร้องเพลง The end of the world ความน่ากลัวของเสียงเพลงก็หายไป เหลือไว้เพียงความเงียบ ที่เกิดจากความตั้งใจฟังเสียงร้องเพลงของเขา



    THE END OF THE WORLD



    Why does the sun go on shining? Why does the sea rush to shore? Don’t they know? It’s the end of the world. ‘Cause you don’t love me anymore.

    เพราะเหตุใดดวงตะวันยังทอแสง        ยังร้อนแรงแผดเผาอยู่มิรู้หาย

    เหตุใดคลื่นทะเลยังซัดหาดทราย         ไม่เคยคลายหายจากชายหาดมา

    หรือไม่รู้โลกถึงจุดสิ้นสุดแล้ว         เริ่มจะแคล้วล่วงลับดับปัญหา

    เหตุเพราะรักเราสิ้นสุดทางเยียวยา         สิ้นเมตตาสิ้นผูกพันสิ้นห่วงใย



    Why do the birds go on singing? Why do the stars glow above? Don’t they know? It’s the end of the world. It ended when I lost your love

    แต่นวลนกยังขับขานบทเพลงก้อง     อีกดาวจ้องดูระยับวิบวับไหว

    ไม่รู้หรือโลกเราจะดับไป         เหมือนดวงใจฉันลับไปไกลจากกัน



    I wake up in the morning and I wonder. Why everything the same as it was? I can’t understand. No, I can’t understand. How life goes on the way it does?

    ฉันตื่นขึ้นในยามเช้าเฝ้าสงสัย         ว่าทำไมไม่สิ้นสุดโลกดังฝัน

    ทุกทุกอย่างยังเป็นไปตามทางมัน         คงสีสันคงมั่นพันผูกกาย

    ไม่เข้าใจฉันยังไร้ซึ่งเหตุผล         ด้วยตัวตนฉันนั้นยังไม่สลาย

    ยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างสบาย         ยังไม่ตายลมหายใจยังทอดยาว



    Why does my heart go on beating? Why do these eyes of mine cry? Don’t they know? It’s the end of the world. It ended when you said goodbye

    ด้วยเหตุใดใจยังเต้นเป็นระส่ำ         เหตุใดน้ำตารินไหลให้เหน็บหนาว

    ยังแลเห็นทะเลใสประกายพราว         ยังคงก้าวตามทางวางชีวา

    แต่คงอีกไม่นานนักโลกคงดับ         คงจะลับลงแล้วล่วงเวหา

    ตั้งแต่รู้รักเราเป็นเช่นมายา         เมื่อเธอลาร้างรักจักลางเลือน



    ‘...แหม เข้าใจเลือกเพลงนะ เพลงโปรดของฉันเลยซะด้วย แถมยังร้องได้ดีอย่างที่คุยโวไว้อีก คะแนนเสียงร้องให้เต็ม 100 แต่สำหรับกีตาร์แล้วกรรมการคนนี้ให้ติดลบนะคะ...’



    *************************************************************** To Be Continue ...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×