ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
    เช้าวันหนึ่งที่สงบนิ่ง ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงนกนางนวลที่ร้องขับขาน ดังก้องกังวานไปทั่วชายหาด ห่มไว้ด้วยทรายสีขาวที่มีคลื่นกระทบฝั่งดังครืนๆ เป็นจังหวะที่ฟังสบายๆ ชวนให้ผ่อนคลายในความเงียบแต่ไม่เหงานี้ ฉันยันตัวขึ้นเพื่อจะลุกออกจากเตียงพร้อมกับฮัมเพลงในลำคอเบาๆด้วยความรู้สึกว่า วันนี้จะต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
    หลังจากที่ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ฉันก็เดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านไม้สไตล์ตะวันตก ซึ่งมี 2 ชั้น เพื่อที่จะทานอาหารเช้าตามปกติ ทันทีที่ฉันลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เสียงๆหนึ่งก็ดังมาสะดุดหูของฉัน
    ‘...นั่นเสียงอะไรนะ...’
    ฉันพยายามมองหาที่มาของเสียงที่ฉันได้ยิน ฉับพลัน ฉันก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ท่าทางสะอาดสะอ้าน ผิวขาว รูปร่างไม่ใหญ่โตนัก เพราะฉะนั้นฉันจึงสรุปเอาเองว่า เขาต้องไม่ใช่คนในพื้นที่นี้อย่างแน่นอน เนื่องจากในระยะเวลา 3 สัปดาห์ที่ฉันมาพักอยู่ที่นี่ ทำให้ฉันพอจะสังเกตได้ว่า คนพื้นที่แทบจะทุกคนในบริเวณนี้ มักจะมีสีผิวคล้ำๆ หรือที่เราเรียกกันว่าสีน้ำผึ้งนั่นล่ะ แต่ก็อาจจะเป็นน้ำผึ้งบนขนมปังปิ้งจนไหม้ล่ะนะ หน้าตาคมเข้ม และยังมีกล้ามเป็นมัดๆอีกด้วย คนพวกนี้ชอบเดินเปลือยอก ฉันถึงเห็นกล้ามพวกเขาได้ถนัดตาไงล่ะ แต่สำหรับนายคนนี้แล้ว ฉันคิดว่าคงจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อน เนื่องจากหน้าตาที่ออกจะเรียกว่า ‘ตี๋’ ของแท้เลยทีเดียว และผิวขาวที่ใครดูก็รู้ว่าได้รับการดูแลรักษามาอย่างดี
    อืมมม... ดูจากหน้าตาแล้ว น่าจะอายุสักประมาณ 24 หรือ 25 นะ
    ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัว ว่าฉันกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงหยุดเล่นกีตาร์ที่ฟังแล้วไม่เหมือนเพลงสักเท่าไหร่ แถมยังฟังแล้วหนวกหูเสียด้วยซ้ำ แล้วเข้ามาหาฉันที่หน้าบ้าน หลังจากที่เราต่างก็มองหน้ากันอยู่สักพัก เขาก็เริ่มถามฉันก่อนว่า
    “มีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
    ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่สายตายังคงทอดมองไปที่กีตาร์ของเขา เขาจึงมองตามแล้วถึงไขข้อข้องใจให้ฉันว่า ทำไมเสียงกีตาร์ของเขาจึงได้ฟังแล้วทรมานหูอย่างนี้
    “ผมเล่นกีตาร์ไม่เป็นหรอกครับ แต่อยากลองเล่นดูก็เท่านั้นเอง”
    “ฉันเข้าใจค่ะ บางครั้งฉันเองก็รู้สึกว่าอยากลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและทำไม่เป็นดูบ้างเหมือนกัน”
    ฉันยิ้ม พร้อมกับเริ่มพูดกับเขาเป็นครั้งแรก อืม ดูๆไป นายคนนี้ก็หน้าตาดีใช่ย่อยแฮะ
    “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
    “มาพักผ่อนชั่วคราวน่ะครับ แล้วคุณล่ะ ดูแล้วไม่เหมือนคนแถวนี้เลย มาพักผ่อนเหมือนกันเหรอครับ”
    “ค่ะ” ฉันรับคำเขาง่ายๆ
    “คุณพูดน้อยจัง ไหนๆเราก็มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวกันแล้ว ทำไมเราไม่มาเป็นเพื่อนกันล่ะครับ”
    ‘...หืม?...’
    “คุณชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ผมชื่อนัยน์ นัยน์ที่แปลว่าตา ดวงตาน่ะครับ อายุ 25”
    ‘...เห็นมั้ยล่ะ เดาไม่ผิดเลยจริงๆ...’
    “ ”
    “คุณครับ... คิดอะไรอยู่ ผมแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ ทีนี้ก็ตาคุณบ้างล่ะ”
    “ฉันชื่อเรไรค่ะ เรียกว่าเรก็ได้ ส่วนอายุ... ความลับค่ะ”
    “อะไรกันคุณ คนจะเป็นเพื่อนกันยังต้องมีความลับอะไรกันอีกเหรอ กะอีแค่อายุแค่นี้เอง ผู้หญิงนี่ทำเป็นคิดมากไปได้”
    ‘...!!! ผู้ชายอะไร หน้าตาก็ดี แต่ปากนี่สิ เอาตะบองเพชรมาอุดปาก ก็ยังไม่สาแก่ใจเลยมั้ง ไม่น่าไปหลงชื่นชมชั่วแวบนึงเลยจริงๆ...’
    “ขอโทษนะคะ ที่บังอาจมีความลับกับเพื่อนอย่างคุณ แต่ถ้าคิดว่าการเป็นเพื่อนคือการที่จะต้องรู้ทุกอย่าง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจบอกหรือไม่ ฉันก็คงจะขอไม่มีเพื่อนดีกว่าค่ะ”
    “อ้าว! พูดยาวๆก็เป็นด้วยเหรอ ผมก็นึกว่าคุณจะพูดเป็น แค่ ค่ะ กับประโยคสั้นๆเท่านั้นซะอีก”
    ‘...แหงล่ะสิ ใครจะเหมือนนาย พูดมากเป็นต่อยหอยเลย...’
    “ขอโทษละกันที่ฉันเป็นเพื่อนที่ไม่ถูกใจคุณพอ ขอตัวก่อนละกันนะคะ”
    ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินหนี เขาก็ก้าวเข้ามาคว้าข้อมือของฉันไว้
    “คุณ ใครบอกว่าไม่ถูกใจล่ะ เพียงแต่ว่า คุณน่ะยังไม่เปิดใจ ผมยังรู้สึกว่าคุณเกร็งๆกับผมอยู่เลย ผมเลยอยากจะให้คุณผ่อนคลายก็เท่านั้นเอง โธ่! เข้าใจผมผิดไปซะได้”
    ‘...เฮอะ ใครจะสน...’
    “ปล่อยมือฉันด้วยค่ะ”
    “อ่า... แหะๆ ขอโทษครับ” แล้วเขาก็คลายมือออกจากข้อมือของฉัน
    “เอาน่า ดีกันไว้ย่อมดีกว่านะ... นะครับ ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณจริงๆนะนี่”
    ‘...ดูเข้าสิ พูดเปล่าไม่พอ ยังทำหน้าทำตาอีก ถ้ายังไม่ตกลง สงสัยงานนี้ตื๊อไม่เลิกแน่...’
    “ก็ได้ค่ะ”
    “ไม่เอา แค่ก็ได้ มันยังไม่หนักแน่นพอ”
    “โอเคค่ะ ตกลง ฉันจะเป็นเพื่อนกับคุณ พอใจรึยังคะ”
    “ดีมาก” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ระบายอยู่บนใบหน้า
    ‘...คนอะไร นิสัยอย่างกับเด็ก...’
*************************************************************** To Be Continue ...
    หลังจากที่ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ฉันก็เดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านไม้สไตล์ตะวันตก ซึ่งมี 2 ชั้น เพื่อที่จะทานอาหารเช้าตามปกติ ทันทีที่ฉันลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เสียงๆหนึ่งก็ดังมาสะดุดหูของฉัน
    ‘...นั่นเสียงอะไรนะ...’
    ฉันพยายามมองหาที่มาของเสียงที่ฉันได้ยิน ฉับพลัน ฉันก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ท่าทางสะอาดสะอ้าน ผิวขาว รูปร่างไม่ใหญ่โตนัก เพราะฉะนั้นฉันจึงสรุปเอาเองว่า เขาต้องไม่ใช่คนในพื้นที่นี้อย่างแน่นอน เนื่องจากในระยะเวลา 3 สัปดาห์ที่ฉันมาพักอยู่ที่นี่ ทำให้ฉันพอจะสังเกตได้ว่า คนพื้นที่แทบจะทุกคนในบริเวณนี้ มักจะมีสีผิวคล้ำๆ หรือที่เราเรียกกันว่าสีน้ำผึ้งนั่นล่ะ แต่ก็อาจจะเป็นน้ำผึ้งบนขนมปังปิ้งจนไหม้ล่ะนะ หน้าตาคมเข้ม และยังมีกล้ามเป็นมัดๆอีกด้วย คนพวกนี้ชอบเดินเปลือยอก ฉันถึงเห็นกล้ามพวกเขาได้ถนัดตาไงล่ะ แต่สำหรับนายคนนี้แล้ว ฉันคิดว่าคงจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อน เนื่องจากหน้าตาที่ออกจะเรียกว่า ‘ตี๋’ ของแท้เลยทีเดียว และผิวขาวที่ใครดูก็รู้ว่าได้รับการดูแลรักษามาอย่างดี
    อืมมม... ดูจากหน้าตาแล้ว น่าจะอายุสักประมาณ 24 หรือ 25 นะ
    ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัว ว่าฉันกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงหยุดเล่นกีตาร์ที่ฟังแล้วไม่เหมือนเพลงสักเท่าไหร่ แถมยังฟังแล้วหนวกหูเสียด้วยซ้ำ แล้วเข้ามาหาฉันที่หน้าบ้าน หลังจากที่เราต่างก็มองหน้ากันอยู่สักพัก เขาก็เริ่มถามฉันก่อนว่า
    “มีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
    ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่สายตายังคงทอดมองไปที่กีตาร์ของเขา เขาจึงมองตามแล้วถึงไขข้อข้องใจให้ฉันว่า ทำไมเสียงกีตาร์ของเขาจึงได้ฟังแล้วทรมานหูอย่างนี้
    “ผมเล่นกีตาร์ไม่เป็นหรอกครับ แต่อยากลองเล่นดูก็เท่านั้นเอง”
    “ฉันเข้าใจค่ะ บางครั้งฉันเองก็รู้สึกว่าอยากลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและทำไม่เป็นดูบ้างเหมือนกัน”
    ฉันยิ้ม พร้อมกับเริ่มพูดกับเขาเป็นครั้งแรก อืม ดูๆไป นายคนนี้ก็หน้าตาดีใช่ย่อยแฮะ
    “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
    “มาพักผ่อนชั่วคราวน่ะครับ แล้วคุณล่ะ ดูแล้วไม่เหมือนคนแถวนี้เลย มาพักผ่อนเหมือนกันเหรอครับ”
    “ค่ะ” ฉันรับคำเขาง่ายๆ
    “คุณพูดน้อยจัง ไหนๆเราก็มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวกันแล้ว ทำไมเราไม่มาเป็นเพื่อนกันล่ะครับ”
    ‘...หืม?...’
    “คุณชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ผมชื่อนัยน์ นัยน์ที่แปลว่าตา ดวงตาน่ะครับ อายุ 25”
    ‘...เห็นมั้ยล่ะ เดาไม่ผิดเลยจริงๆ...’
    “ ”
    “คุณครับ... คิดอะไรอยู่ ผมแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ ทีนี้ก็ตาคุณบ้างล่ะ”
    “ฉันชื่อเรไรค่ะ เรียกว่าเรก็ได้ ส่วนอายุ... ความลับค่ะ”
    “อะไรกันคุณ คนจะเป็นเพื่อนกันยังต้องมีความลับอะไรกันอีกเหรอ กะอีแค่อายุแค่นี้เอง ผู้หญิงนี่ทำเป็นคิดมากไปได้”
    ‘...!!! ผู้ชายอะไร หน้าตาก็ดี แต่ปากนี่สิ เอาตะบองเพชรมาอุดปาก ก็ยังไม่สาแก่ใจเลยมั้ง ไม่น่าไปหลงชื่นชมชั่วแวบนึงเลยจริงๆ...’
    “ขอโทษนะคะ ที่บังอาจมีความลับกับเพื่อนอย่างคุณ แต่ถ้าคิดว่าการเป็นเพื่อนคือการที่จะต้องรู้ทุกอย่าง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจบอกหรือไม่ ฉันก็คงจะขอไม่มีเพื่อนดีกว่าค่ะ”
    “อ้าว! พูดยาวๆก็เป็นด้วยเหรอ ผมก็นึกว่าคุณจะพูดเป็น แค่ ค่ะ กับประโยคสั้นๆเท่านั้นซะอีก”
    ‘...แหงล่ะสิ ใครจะเหมือนนาย พูดมากเป็นต่อยหอยเลย...’
    “ขอโทษละกันที่ฉันเป็นเพื่อนที่ไม่ถูกใจคุณพอ ขอตัวก่อนละกันนะคะ”
    ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินหนี เขาก็ก้าวเข้ามาคว้าข้อมือของฉันไว้
    “คุณ ใครบอกว่าไม่ถูกใจล่ะ เพียงแต่ว่า คุณน่ะยังไม่เปิดใจ ผมยังรู้สึกว่าคุณเกร็งๆกับผมอยู่เลย ผมเลยอยากจะให้คุณผ่อนคลายก็เท่านั้นเอง โธ่! เข้าใจผมผิดไปซะได้”
    ‘...เฮอะ ใครจะสน...’
    “ปล่อยมือฉันด้วยค่ะ”
    “อ่า... แหะๆ ขอโทษครับ” แล้วเขาก็คลายมือออกจากข้อมือของฉัน
    “เอาน่า ดีกันไว้ย่อมดีกว่านะ... นะครับ ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณจริงๆนะนี่”
    ‘...ดูเข้าสิ พูดเปล่าไม่พอ ยังทำหน้าทำตาอีก ถ้ายังไม่ตกลง สงสัยงานนี้ตื๊อไม่เลิกแน่...’
    “ก็ได้ค่ะ”
    “ไม่เอา แค่ก็ได้ มันยังไม่หนักแน่นพอ”
    “โอเคค่ะ ตกลง ฉันจะเป็นเพื่อนกับคุณ พอใจรึยังคะ”
    “ดีมาก” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ระบายอยู่บนใบหน้า
    ‘...คนอะไร นิสัยอย่างกับเด็ก...’
*************************************************************** To Be Continue ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น