ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Savage of the Sea [BTS x YOU] -END-

    ลำดับตอนที่ #6 : 06 | คนใจร้าย!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.94K
      1.22K
      22 ม.ค. 64












    12.15 น.


    “พวกเราซื้อน้ำมาให้”


    ลีอันแทบสำลักน่องไก่ที่แทะอยู่เมื่อยอนจุนตั้งแก้วน้ำอัดลมวางไว้ตรงหน้าเธอ ก่อนที่สมาชิกทั้งสามในแก๊งค์โหดจะนั่งลงตรงข้ามบนที่นั่งในโรงอาหาร


    น้ำแก้วนี้ตั้งยี่สิบบาท ลีอันมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกใจ


    “พวกเราไม่ได้วางยาถ่ายในแก้วน้ำหรอก”


    ซูบินพูดพลางดูดน้ำในมือของตัวเอง


    “แล้วซื้อมาให้ฉันทำไม ไม่มีเงินให้หรอกนะ”


    “ซื้อให้ฟรีๆ...นี่ เรามาเป็นมิตรกันเถอะ”


    บอมกยูเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง กระพริบตาปริบๆ ให้ลีอันจนเธอตักข้าวเข้าปากไปหรี่สายตาจับผิด


    “อย่าทำหน้าระแวงแบบนั้นสิ พวกเรามาอย่างสันตินะ”


    “ก็มันแปลกใจ ฉันไม่มีผลประโยชน์อะไร ทำไมพวกนายถึงมาตีสนิท?”


    ยอนจุนทำหน้าเลิกลั่ก หันมองเพื่อนทั้งสองที่ไม่เก็บอาการเช่นกัน


    “ม...มองโลกในแง่ร้ายชะมัด”


    “บอกมาตรงๆ เถอะ”


    “อ...เอ่อ...”


    “เฮียพวกนายจ้างมาป่วนฉันใช่มั้ย!?”


    ลีอันยกนิ้วชี้ทั้งสามคน อยากจะตบเข่าฉาดกับแผนการไม่เรื่องของพวกนี้ ไม่เนียนเอาซะเลย


    “บ...บ้าเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย!


    ยอนจุนเกาหัวแกรกๆ พยายามหาคำพูดแถต่อเพราะลีอันกำลังคิดไปไกล


    “จ้างเจิ้งอะไร เฮียไม่มาทำอะไรแบบนั้นหรอก ใช่ปะพวกเรา”


    “ใช่ๆ เราอยากซี้กับพี่สาวจริงๆ นะ”


    ซูบินบุคคลที่เรียกเธอว่าพี่สาวเพียงคนเดียวฉีกยิ้มหวาน ลีอันได้แต่เคี้ยวไก่ทอดตุ่ยๆ จ้องหน้าทั้งสามอย่างคาดโทษล่วงหน้า


    “ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนว่าอย่าคิดจะทำอะไรแผลงๆ ถ้ารู้เมื่อไรฉันไม่เอาพวกนายไว้แน่!


    “คร้าบพี่สาว อยากกินอะไรอีกมั้ยเดี๋ยวพวกเราไปซื้อให้”


    “ไม่ล่ะ”


    “เมื่อยมั้ย นั่งหลังขดหลังแข็งตั้งนานนี่”


    ยอนจุนทำหน้าเคร่งเครียดราวกับเป็นห่วง แผนการคือตีสนิทก็จริงแต่ไม่ใช่เพราะเฮียจ้างมาอย่างที่เธอเข้าใจ พวกเขาแค่หวังผลการณ์ไกลในภายภาคหน้า


    รอวันที่ลีอันได้เป็นซ้อของท่าเทียบเรือแห่งนี้ต่างหาก พวกเขาทั้งสามก็จะพลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วยแน่นอน วันนั้นเธอต้องสำนึกบุญคุณที่แก๊งค์โหดอย่างพวกเขาไปช่วยเหลือเกื้อกูล ไม่เหมือนคนงานอื่นๆ ที่เอาแต่เมินเธอ!


    “เมื่อยเหรอ? ก็นิดหน่อย”  ลีอันบิดลำคอ จะว่าไปก็เมื่อยจริงๆ นั่นแหละ


    “โอ๊ะ นายนวดเก่งนี่ ตรงนั้นแหละ ขวาๆ”


    หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเด็กหนุ่มที่ชื่อยอนจุนลุกขึ้นมายืนซ้อนหลัง ฝ่ามือใหญ่ๆ บีบเค้นแถวบ่าทั้งสองข้าง จิ้มไปจิ้มมาก็รู้ว่าตัวของเธอมันแข็งไปหมดเพราะทำงานหนัก


    “ตรงนี้นะ”


    “ใช่ ซ้ายอีกนิด นั่นแหละ!


    “ฉันป้อนน้ำนะพี่สาว”


    “หือ? ฮ้า...ชื่นใจจัง”


    “ส่วนขยะพวกนี้เดี๋ยวฉันไปทิ้งให้เอง”


    “อ๋อ ขอบใจนะ—ยอนจุนขวา”


    “จัดไป!


    “พวกมึงทำอะไร?”


    เฮือก!!


    เหมือนมดแตกรัง แก๊งค์สามโหดสะดุ้งแทบหงายหลังเมื่อสุ้มเสียงทุ้มดังอยู่ใกล้ๆ หันไปมองก็พบว่าเฮียเดินเข้ามา สีหน้าขึงขังเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง นัยน์ตาคมฉายประกายเข้มขึ้นเมื่อกราดสายมองมาที่พวกเขา


    “พะๆๆ พวกเรากำลังจะไปแล้วเฮีย ไปมึง!


     บอมกยูดันหลังยอนจุนก่อนจะลากซูบินที่ยืนอ้าปากพะงาบๆ ตรงนี้จึงเหลือเพียงลีอัน คนถูกนวดกำลังฟินทำหน้าหงุดหงิดเมื่อโดนขัดจังหวะ


    ดวงตากลมฉายความไม่พอใจจนออกนอกหน้านอกตา แหงนมองแทฮยองที่ยืนกอดอกจังก้าจ้องตาเป็นมันเหมือนรอเข้ามาเชือด


    ลีอันกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ อยากจะฟาดฝีปากแต่เกือบลืมว่าตอนนี้เราสองคนเล่นสงครามประสาทกันอยู่ เขาไม่คุยกับเธอ และลีอันก็ไม่มีวันเปิดปากคุยก่อนแน่ คนตัวเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทางถือดี เชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านไหล่คนตัวสูงอย่างไม่ใส่ใจ


    ส่งผลให้แทฮยองกัดฟันกรอดอย่างข่มอารมณ์ อาการของเขาตอนนี้มันบ่งบอกว่าอีกนิดจะจับเธอโยนลงทะเลหากยังทำท่าโอหังไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร


    เขาแก่กว่าเธอสี่ปี ไม่ใช่น้อยๆ ที่จะมาทำตัวปีนเกลียวไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่แบบนี้...เห็นทีต้องรีบทำตามที่ไอ้จองกุกบอกซะแล้ว

     

     



    เมื่อหมดเวลาพักเที่ยง เช่นเดียวกับเจ้าของท่าเทียบเรือแห่งนี้ที่ต้องกลับเข้ามาทำงานในห้องของตัวเอง แทฮยองตั้งใจทำงานไม่วอกแวกเพราะที่ผ่านมาเขาเอาเวลาไปจับผิดผู้หญิงคนนั้นจนงานค้างเป็นดินพอกหางหมู เสียเวลาจริงๆ ชายหนุ่มถอนหายใจกับงานตัวเลขที่กองพะเนินตรงหน้าก่อนจะเหลือบสายตาไปมองโทรศัพท์มือถือที่แผดเสียงร้อง


    “ฮัลโหล”


    (เฮีย ฉันไปสืบมาเรียบร้อยแล้วจ้ะ!)


    ปลายสายคือโฮซอกเด็กในปกครอง จากที่กะจะตั้งใจทำงานก็ต้องวกสายตากลับไปมองด้านนอกผ่านกระจกใสอีกครั้ง เห็นลีอันโยนปลาใส่ตะกร้าพลางยิ้มร่ากับความแม่นของตัวเอง


    “ว่ามา”


    (ไลฟ์สดในงานวัดคืนนั้นฉันหามาได้สามคนจ้ะ สามคนนี้แหละที่ถูกคนแชร์เยอะที่สุด!)


    “ดี”


    (ว่าแต่เฮียจะเอาไปทำอะไรเหรอจ๊ะ)


    “มึงขี้อยากรู้เรื่องเจ้านายตั้งแต่เมื่อไร”


    (เปล่าจ้า ฉันแค่อยากใส่ใจ)


    “ไม่ใช่เรื่องของมึง บอกมาสักทีว่ามีใครบ้าง”


    (รับแซ่บ!)


    แทฮยองตั้งอกตั้งใจฟังปลายสายที่ค่อยๆ แจกแจงรายละเอียด เขาเก็บทุกคำพูดของโฮซอกเมมโมรี่ใส่สมองและไม่น่าเชื่อว่ามันซึมซับดียิ่งกว่างานที่ทำตรงหน้าซะอีก สายตาเคร่งเครียดเฉียบขาด ก่อนจะกดวางสายและคว้ากุญแจรถผลีผลามออกจากห้องทำงานทันที


    “ไปไหนอะเฮีย”


    สาวบัญชีหน้าง่วงเอ่ยทักก่อนที่เขาจะออกจากประตูใหญ่ หล่อนเงยหน้าจากหมอนอิงถามไถ่ด้วยความอยากรู้


    “ไปธุระเดี๋ยวมา”


    “อ๋อ ฉันมีเรื่องจะถามอะเฮีย”


    เธออ้าปากหาววอดๆ ไม่ได้เกรงใจเจ้านายที่ยืดทำหน้าตายมองเลยสักนิด


    “อะไร”


    “คนงานผู้หญิงที่เฮียจับมาขังในห้องทำงานวันนั้นอะ”


    “ทำไม?”


    “ฝากมาถามว่าเฮียเป็นประสาทเหรอ”


    “...”


    “หลายวันแล้วเกือบลืมถามให้เลย แค่นี้แหละเฮียจบแล้ว”


    แทฮยองย่นคิ้วก่อนจะหลับตาข่มใจ กำลังจะเดือดดาลกับคำพูดลีอันแต่ก็ต้องทิ้งไว้ตรงนั้นเพราะหน้าตาง่วงๆ ของสาวบัญชีที่หันไปทำงานต่อ


    “ลูกน้องกูมีแต่ดีๆ ทั้งนั้น”

     

     




    แทฮยองขับกระบะมาจอดหน้าโรงเรียนมัธยมที่ถัดไปอีกหมู่บ้าน สารที่โฮซอกบอกมาคืออีกฝ่ายอยู่ ม.ห้า ที่โรงเรียนแห่งนี้ ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูหลังจากนั่งรอในรถอยู่นาน ดวงตาคมเหลือบมองหน้าโรงเรียนที่มีเด็กวัยรุ่นหญิงชายแห่กันออกมาเมื่อถึงเวลาโรงเรียนเลิก เขากวาดสายตาไปที่เด็กวัยรุ่นสะพายกระเป๋าเกลื่อนไปหมด แทฮยองไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือคนไหน เขามีแค่รูปภาพโปรไฟล์ในเฟสบุ้คเท่านั้น


    “เดี๋ยว”


    เสียงทุ้มห้าวของแทฮยองเอ่ยขึ้นก่อนจะขยำกระเป๋าเป้เด็กนักเรียนชายคนหนึ่ง เพราะหน้าตามันคลับคล้ายคลับคลาคนในรูปภาพซะเหลือเกิน


    “เอ็งใช่คนในรูปรึเปล่า?”


    เขายกจอโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดู เด็กม.ห้า พยักหน้าด้วยท่าทางไร้อารมณ์


    “มีไรกับผมอะลุง”


    “หึ่ม! มีธุระ ไปคุยกันหน่อย”

     



    ภายในรถกระบะที่จอดนิ่งที่เดิม แทฮยองพาเด็กที่ตามหาขึ้นมานั่งในรถเพื่อคุยการใหญ่ที่ค่อนข้างสำคัญ เด็กชายเอาแต่นั่งกดมือถือเล่นเกมยิกๆ ก่อนจะปรายสายตามองที่นั่งคนขับซึ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที


    “ลุงมีไรก็พูดมาดิ”


    “คลิปในเฟสบุ้ค...ลบซะ”


    แทฮยองเข้าเรื่อง ที่เขาเงียบไปพักหนึ่งเพราะพยายามปั้นน้ำเสียงให้เรียบนิ่งมากที่สุดต่างหาก...จะให้ไอ้เด็กนี่รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขากำลังหงุดหงิด


    “คลิปไรอะ”


    มันกดออกจากหน้าจอเกมตัวเองและเข้าเฟสบุ้ค เลื่อนไปเลื่อนมาก็ยกหน้าจอที่ปรากฏคลิปผู้หญิงร้องเพลงในงานวัดวันก่อน


    “อันนี้ปะ?”


    “เออ”


    “ลบทำไมอะ คนแชร์ตั้งเยอะ”


    “บอกให้ลบก็ลบ”


    เด็กม.ห้า หรี่สายตาลง ส่งผลให้คนที่ทำเสียงแข็งเมื่อครู่กระแอมในลำคอเพราะลืมตัว


    “พี่คนสวยนี่เมียลุงเหรอ”


    “ไม่ใช่!


    “ก็ว่าอยู่ ไม่เห็นเหมาะกันเลย”


    “ไอ้เด็กเวรนี่”


    “อยากให้ลบก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”


    “จะเอาอะไร”


    นัยน์ตาเคร่งเครียดจ้องมองเด็กข้างๆ อย่างไม่กักเก็บอารมณ์อีกต่อไป แทฮยองหันหน้าประชันกับอีกฝ่ายที่ทำท่าคิด ก่อนฝ่ามือจะแบออกตรงหน้าเขา


    คนโตกว่าพ่นลมหายใจ ท่าทางขึงขังแต่ทว่าก็ล้วงกระเป๋าตังออกมาจากกระเป๋ากางเกง


    “ห้าร้อยเหรอ ไม่พอ”


    แทฮยองสบถในลำคอ ก่อนจะควักแบงค์พันออกมาหนึ่งใบ


    “โอเค ลบให้ทันทีเลยคร้าบ”


    เด็กม.ห้า มักมากยิ้มกว้างพลางกดลบคลิปในเฟสตัวเองก่อนจะยื่นให้แทฮยองเช็คอีกครั้ง เขาพยักหน้าอย่างพอใจและโบกมือไล่อีกฝ่ายให้ลงจากรถ


    เรียบร้อยไปหนึ่ง

     



     

    มาถึงบุคคลที่สอง...ร่างสูงใหญ่ของแทฮยองยืนกอดอกอยู่หน้าร้านโชห่วยในหมู่บ้านที่ด้านหน้ามีม้านั่งตัวยาววางไว้ บนนั้นถูกจับจองด้วยเด็กประถมตัวอ้วนนั่งแลบลิ้นเลียไอติมในมือก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาปริบๆ


    “ตัวแค่นี้เล่นเฟสบุ้คแล้วเหรอวะ”


    มันพยักหน้าหงึกๆ เด็กอ้วนแก้มยุ้ยมองตามผู้ใหญ่ที่เดินมานั่งลงข้างๆ


    “เอ็งน่ะ เอาโทรศัพท์มารึเปล่า?”


    เด็กน้อยพยักหน้าอีกครั้ง มือป้อมล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ


    “ดี เข้าเฟสบุ้ค แล้วลบคลิปในงานวัดซะ”


    แทฮยองปรับน้ำเสียงให้ดูใจดีมากที่สุด เด็กนี้ไม่เกิน ป.สี่ หรอก ทำเสียงดุมากๆ เดี๋ยวมันจะร้องไห้ไปฟ้องแม่ซะก่อน


    แต่ดีที่เด็กน้อยคนนี้ว่าง่ายกว่าไอ้เด็กมัธยมปีนเกลียว อีกฝ่ายกดยิกๆ เข้าเฟสบุ้คก่อนจะเงยหน้ามองแทฮยองที่ยกยิ้มพึงพอใจ


    “อะไร? ลบสิ”


    แต่ทันใดเขาก็หันมองตามนิ้วชี้ป้อมๆ ของอีกฝ่าย เด็กประถมชี้ไปทางตู้ไอติมในร้านโชห่วย สงสัยต้องการข้อแลกเปลี่ยน


    เด็กสมัยนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะกว่าที่เขาคิด


    “ไม่มีปัญหา เอ็งจะเอากี่ไม้?”


    เด็กอ้วนตุ้ยนุ้ยส่ายหน้า ก่อนมันจะปีนลงจากม้านั่งวิ่งไปยังตู้ไอติมและทำท่ากอดราวกับเป็นของรักของหวง


    “หมดนี่เลยฮะ”


    “ว่าไงนะ?”


    “ทั้งหมด”


    เด็กตุ้ยนุ้ยฉีกยิ้มเผละ ส่งผลให้แทฮยองข่มอารมณ์ไม่ให้เดือดดาลกับความเจ้าเล่ห์ที่ผู้ใหญ่อย่างเขาตามแทบไม่ทัน ร่างสูงลุกขึ้นตามก่อนจะเดินเข้าในร้านหาเจ็กสูงอายุที่นั่งพะงาบอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ


    “เจ็ก เหมาไอติมหมดตู้นั่นเท่าไร?”

     

     



    และบุคคลสุดท้ายคิดว่างานหินที่สุดในบรรดาสามคน...แทฮยองยืนมองอนามัยตรงหน้าก่อนจะเดินดุ่มเข้าไปไม่สนใจสายตาของสาวๆ มากมายที่นั่งรอคิวอยู่ตรงม้านั่ง มือหนาผลักประตูห้องตรวจ โชคดีที่อยู่ในระหว่างเรียกคนไข้เพื่อเปลี่ยนคิว ในห้องตรวจจึงมีเพียงหมอจีมินนั่งอ่านแฟ้มชาร์ตอยู่


    “อ้าว คุณแทฮยอง?”


    เขาไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆ ร่างสูงโปร่งเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีโต๊ะกั้นกลางหนึ่งตัว หมอจีมินย่นคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่ยักจะเห็นชื่อเฮียเจ้าของท่าเทียบเรือประมงมาลงตรวจเอาไว้


    “ซักประวัติรึยังครับ?”


    “มีธุระจะคุย ขอเวลาหมอแค่แป๊บเดียว”


    แทฮยองไม่อยากจะนึกภาพหมอหน้ากระล่อนคนนี้ไปเกาะเวทีงานวัด แต่ก็คงไม่แปลกเพราะชื่อเสียงเรียงนามอีกฝ่ายก็ไม่ใช่น้อยๆในเรื่องการหม้อผู้หญิง


    “คุณแทฮยองมีอะไรเหรอครับ?”


    “คลิปในงานวัด ผมอยากให้หมอลบ”


    “คลิปคุณลีอันน่ะเหรอครับ”


    หมอจีมินยกยิ้ม เอนแผ่นหลังพิงพนักอย่างผ่อนคลายเมื่อนึกถึงคนสวยประจำเกาะ


    “คุณลีอันร้องเพลงเพราะนะครับ...ดังใหญ่แล้วด้วย”


    “...”


    อาการของแทฮยองตอนนี้หากไม่สังเกตดีๆ ก็คงไม่รู้ว่ากำลังอัดอั้นมากแค่ไหน คนที่ได้ชื่อว่าเฮียจดจ้องหมอหน้ากระล่อนด้วยแววตาไม่พอใจ ทว่าริมฝีปากก็เอื้อนเอ่ยประโยคถัดไปด้วยน้ำเสียงกดต่ำ


    “ผมคงไม่ขอมากไปนะหมอ”


    “แล้วคุณแทฮยองมีเหตุผลอะไรล่ะครับ”


    คนถูกถามชะงักกึก แต่ไม่นานเหตุผลร้อยแปดพันเก้าก็ผุดเข้ามาในสมองจนแจกแจงออกมาเป็นหน้ากระดาษได้


    หนึ่งคือเขาต้องรับรู้ถึงความวุ่นวายที่จะเกิดต่อจากนี้หากคลิปเฮงซวยนั่นถูกแชร์ออกไปเรื่อยๆ


    สองคือเขาไม่ต้องการให้คนมากมายรุมรักรุมชอบลีอัน เพราะผู้หญิงนิสัยไม่ดีเอาแต่ใจแบบนั้นไม่สมได้รับความรักจากทุกรูปแบบ


    เหตุผลแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอให้กับคุณหนูผู้ตกอับที่คอยแต่จะกลั่นแกล้งหลานรักของเขาแล้วไม่ใช่รึไง


    แต่ทว่าแทฮยองกลับยืนขึ้นเต็มความสูงแทนที่จะแจกแจงเหตุผลเหล่านั้นให้หมอจีมินฟัง เขากลับใช้สายตาสีดำขลับที่กำลังลุกวาวอย่างน่ากลัวจ้องหน้าหมอจีมิน แทฮยองยันมือลงบนโต๊ะพลางเอ่ยประโยคบางอย่าง


    เป็นสาเหตุให้หมอจีมินอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างเป็นไข่ห่านก่อนจะรีบหยิบมือถือของตัวเองเข้าเฟสบุ้คและกดลบคลิปจนมือไม้สั่น

     

     



    16.00 น.


    ลีอันยกแขนยืดเส้นยืดสายเมื่อรู้ว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาเลิกงานแล้ว ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มเล็กๆ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่หลายชั่วโมงและเดินตรงไปเข้าห้องน้ำเพราะเริ่มปวดฉี่


    แต่ทว่าสายตาเหลือบไปเห็นเด็กเรือแก๊งค์โหดทั้งสามคนกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น รอบข้างนั้นมีแต่ผู้ชายรูปร่างกำยำเต็มไปหมด หลายสายตาหันมามองลีอันราวกับเห็นของสวยงามที่ไม่ได้เจอบ่อยๆ ในท่าเทียบเรือที่มีแต่ผู้ชายแบบนี้ ส่งผลให้ยอนจุนที่รู้สึกตัวก็พุ่งไปกระโดดตบหัวพวกผู้ชายเหล่านั้นเรียงตัว ก่อนจะชี้หน้าคาดโทษว่าห้ามทำตาเล็กตาน้อยใส่ผู้หญิงคนนั้นอีก


    ยอนจุน ซูบินและบอมกยูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาดักหน้าลีอันที่ทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ เธอเบรกเอี้ยดทันทีก่อนจะเงยหน้าเด็กทั้งสามที่ตัวสูงเกินเธอไปมากโขแล้ว


    “มีอะไร”


    “พี่สาวจะไปเยี่ยวเหรอ”


    “อือ ทำไม จะเข้าไปประจบในห้องน้ำเหรอ?”


    “บ้า! ใครเขาจะทำแบบนั้นล่ะ”


    บอมกยูทำเสียงสูงเมื่อลีอันรู้ทัน เธอหรี่สายตามองเด็กทั้งสามอีกครั้ง


    “หลบสิ จะเข้าห้องน้ำ”


    ทั้งสามแหวกตรงกลางให้คนตัวเล็กกว่า ลีอันเชิดใบหน้าขึ้นก่อนจะเดินกอดอกผ่านทั้งสามแต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรดีๆ ขึ้นออก


    เธอพอจะรู้ว่าเด็กยักษ์สามคนนี้ตั้งใจเข้ามาประจบประแจงเอาอกเอาใจ ถึงจะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทั้งสามต้องการอะไรก็เถอะ จะว่าไปก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด


    แถมยังมีประโยชน์หากเอามาทบทวนดูดีๆ...


    “พวกนายน่ะ”


    “รับทราบ!


    “ยัง!


    “พี่สาวมีอะไรให้พวกเราช่วยเหรอ”


    ยอนจุนกับบอมกยูเริ่มเรียกลีอันว่าพี่สาวตามซูบิน ทำให้เธอหันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นทางสะดวกว่าไม่มีเจ้ากรรมนายเวรป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ก็ยกยิ้มมุมปาก


    “ฉันมีอะไรจะให้พวกนายช่วย”


    “บอกพวกเรามาได้เลย! ไม่ว่าพี่สาวต้องการสากกะเบือหรือเรือรบ น้องชายคนนี้ก็จะหามาให้ได้ ขอแค่วันข้างหน้าอย่าลืมกันก็พอ”


    ลีอันย่นคิ้วกับคำพูดประหลาดๆ ของบอมกยู แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจนัก


    “ได้สิ ถ้าวันข้างหน้าได้ดี ฉันจะไม่ลืมพวกนาย”


    มือเล็กยกขึ้นตบบ่าหนาๆ ของเด็กเรือทั้งสาม พวกมันตื้นตันเหมือนจะร้องไห้


    “ขอแค่พี่สาวบอกมา เราพร้อมช่วยทุกอย่าง!


    “งั้นอย่างแรก ขอยืมโทรศัพท์หน่อย”


    “เห...โทรศัพท์เหรอ”


    “ใช่ แค่แป๊บเดียว”


    “ได้สิ ไม่มีปัญหาเลยพี่สาว”


    ซูบินควักของตัวเองยื่นให้เธอ ลีอันฉีกยิ้มกว้างก่อนจะกดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจ เธอเหลือบสายตามองเด็กยักษ์สามคนที่มองตามด้วยสายตาอยากรู้ ทำให้ลีอันเดินเลี่ยงไปคุยไกลๆ และหันหลังให้พวกนั้น


    ตู๊ดด...


    (สวัสดีครับ)


    “พ่อบ้าน หนูเองนะ”


    (คุณหนู!!)


    “ชู่ว...อย่าเสียงดังนะคะ อย่าให้คุณพ่อกับยัยแม่เลี้ยงมหาประลัยรู้เด็ดขาดว่าหนูโทรมา!


    (ฮึก ค...ครับ คุณหนูรอแป๊บนึงนะครับ—ซื้ดดด!)


    ปลายสายสั่งน้ำมูกเสียงสนั่น เธอชักโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน


    (มาแล้วครับ คุณหนูครับ ฮื้อ ฮึก กระผมคิดถึงคุณหนูมากๆ เป็นตายร้ายดียังไงบ้างครับเนี่ย มือถือคุณหนูก็โทรไม่ติด หายไปไม่ติดต่อกลับมาเลย รู้มั้ยครับว่ากระผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายสับสนหวาดกลัวว่าคุณหนูจะตกระกำลำบาก—)


    “เอ่อพ่อบ้าน คือหนูคุยได้ไม่นาน ขอเข้าธุระได้รึยังคะ”


    (ได้ครับ ฮึก)


    “พ่อบ้านพอจะมีเงินมั้ยคะ คือหนูอยากขอยืม”


    (ได้สิครับ คุณหนูจะเอาเท่าไรครับ กระผมเข้าแอปพลิเคชั่นธนาคารทำการโอนให้คุณหนูบัดเดี๋ยวนี้เลย!)


    “โอนไม่ได้ค่ะ! คือหนูอยากให้พ่อบ้านเอาเงินมาให้หนูที่จังหวัด...”


    ลีอันบอกรายละเอียดต่างๆ และอีกฝ่ายก็รับปากว่าจะเอามาให้พรุ่งนี้พร้อมกับของใช้ในห้องนอนของเธอหลายๆ อย่างที่ลีอันอยากได้ พรุ่งนี้เป็นคิววันหยุดของเธอแล้ว ลีอันตั้งใจจะเข้าเมืองตอนเช้าเพื่อนัดเจออีกฝ่าย แต่แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเพราะมารผจญชิ้นใหญ่คือแทฮยอง เขาต้องไม่ให้เธอออกไปแน่ๆ และยิ่งรู้ว่าลีอันจะไปเอาเงินจากคนที่บ้านและของใช้ที่ยังขาดเหลือ เขาต้องหาเรื่องแกล้งและห้ามไม่ให้เธอไปล้านเปอร์เซ็น!


    (ได้ครับคุณหนู เจอกันพรุ่งนี้นะครับ กระผมจะไปรอก่อนเวลานัดและจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับตามที่คุณหนูต้องการ วางใจได้เลยครับคุณหนูกระผมจะ...)


    “แค่นี้ก่อนนะคะพ่อบ้าน หนูต้องไปทำงานแล้ว”


    (คุณหนูครั—)


    ติ๊ด


    ลีอันกดตัดสายเพราะเกรงว่าปล่อยให้พ่ออธิปรายจบเธออาจจะถูกแทฮยองมากินหัวได้ เธอเดินกลับไปยังเด็กยักษ์ทั้งสามที่ยืนมองตาปริบๆ ยื่นโทรศัพท์คืนซูบินก่อนจะเม้มปากอย่างประหม่า


    “คือ...ฉันอยากให้พวกนายช่วยอีกเรื่องน่ะ มันค่อนข้างจะยาก”


    “ได้เลยพี่สาว ยากกว่านี้พวกเราก็พร้อมเสมอ!


    ดูเหมือนทั้งสามคนตรงหน้ากระตือรือร้นที่จะช่วยเธอมากซะจริงๆ ลีอันยกยิ้มกรุ่มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการในใจที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวสมองอย่างว่องไว


     

     

    17.30 น.


    เสียงตักน้ำตูมๆ ภายในห้องน้ำมุงหลังคาสังกะสี คนด้านในตักอาบไม่กี่ขันพลางเร่งหยิบผ้าถุงมาห่อตัวและกระโดดโหยงออกจากห้องน้ำเพราะอากาศค่อนข้างเย็น คิดถึงเครื่องทำน้ำอุ่นที่บ้านชะมัด ถ้าไม่ติดกับเจ้าของบ้านเป็นยักษ์มารเธอคงให้พ่อบ้านแกะเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้และติดตั้งมันซะที่นี่เลย


    เจ้าของร่างกายขาวผ่องมีน้ำมีนวลมากขึ้นเพราะช่วงหลังๆ มานี้ลีอันกินเก่งมาก ใช้คำว่ากินไม่เลือกจะดีกว่า มื้อค่ำฝีมือป้าจงทีไรเธอจะกินไม่เกรงใจราวกับจะเก็บความอิ่มเอมนี้ไปถึงตอนเช้า ว่าแล้วกลิ่นหอมๆ จากในครัวหลังบ้านใหญ่ก็โชยเข้าจมูก ลีอันกระชับปมผ้าถุงและทำท่าจะวิ่งขึ้นบ้านแต่เสียงของโฮซอกดังขึ้นซะก่อน


    “พี่ลีอันจ๊ะ!!


    เธอหันกลับไปมองอีกฝ่าย ลีอันยกผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตา


    “ว่าไงโฮซอก”


    “ฉันหาเสื้อยืดสมัยหลายปีก่อนได้อีกถุงใหญ่เลยจ้ะ”


    โฮซอกใจดีกับเธอเสมอ ลีอันยิ้มกว้างพลางรับถุงจากในมือคนตรงหน้า เธอเปิดออกดูก็พบว่าเป็นเสื้อยืดหลากหลายสีพับเอาไว้เรียบร้อย


    ถึงตัวจะใหญ่ไปสักหน่อยแต่ก็พอใส่ไปทำงานได้


    “ขอบคุณมากนะ นายดีกับพี่ตลอดเลย”


    “ไม่เป็นไรจ้ะคนกันเอง พี่ลีอันไปแต่งตัวนะจ๊ะเราจะได้ไปกินข้าวกัน วันนี้ป้าจงทำผัดเผ็ดหมูป่า มีต้มข่าไก่ที่พี่ลีอันชอบด้วย!


    “จริงเหรอ! งั้นพี่รีบไปแต่งตัวก่อ—”


    “ไอ้โฮซอก!!


    ทั้งคู่สะดุ้งเฮือก โฮซอกหันขวับไปมองด้านหลังก็เห็นคนเป็นนายเดิมดุ่มๆ เข้ามา


    “กลับมาแล้วเหรอจ๊ะเฮีย”


    โฮซอกหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นนัยน์ตาสีดำสนิทวาวโรจคล้ายกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง แทฮยองย่างกรายไปตรงหน้าลีอัน โฮซอกได้แต่ยืนกุมเป้าหลบไปอยู่ข้างหลังเจ้านายตัวเอง


    “กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปสุงสิงกับผู้หญิงคนนี้ให้มาก”


    เขาเอ่ยด้วยสุ้มเสียงกดต่ำ จ้องมองลีอันที่เม้มปากแน่น ดวงตากลมโตของเธอค้อนใส่อย่างถือดีอีกทั้งผ้าถุงผืนเดียวที่นุ่งอยู่ตอนนี้มันยิ่งทำให้แทฮยองเกือบจะระงับโทสะเอาไว้ไม่อยู่


    “ค...คือฉันเอาเสื้อผ้ามาให้พี่ลีอันเท่านั้นเองจ้ะเฮีย”


    “มันจะใช้งานมึงสิไม่ว่า!


    แทฮยองหันไปตะคอกใส่คนด้านหลังตัวเอง โฮซอกก้มหน้างุดๆ


    “อย่าไปตกเป็นทาสมันเชียวล่ะ มึงเป็นเด็กในบ้านกู กูคนเดียวที่จะมึงต้องเชื่อฟังคำสั่ง”


    ลีอันกำมือจนร่างกายสั่นเกร็งไปหมด ข้างในมันเดือดปุดๆ เมื่อยิ่งเห็นโฮซอกโดนดุในเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แต่เธอไม่อยากจะเถียงทั้งที่ในใจมีร้อยแปดพันคำพูด เพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะ มีแต่จะทำให้โฮซอกพลอยเดือดร้อนไปด้วย


    ลีอันจึงตัดสินใจหมุนตัวกลับเข้ากระท่อมตัวเองโดยที่กระทืบเท้าปึงปังก่อนจะปิดประตูดังโครม ก่อนปิดลงเธอเห็นสายตาของแทฮยองมองมาอย่างดุดันจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ผู้ชายคนนั้นจงเกลียดจงชังเธอไปถึงไหน ลีอันไม่รู้เลยว่ามีเหตุผลอะไรถึงทำให้อีกฝ่ายมองเธอในแง่ร้ายตลอด


    ถ้าเป็นคำยุยงของแม่เลี้ยงมหาประลัยก็คงจะมีส่วน ผู้หญิงคนนั้นเป่าหูคนรอบตัวลีอันไปหมด เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ไม่แปลกที่จะหูเบาคล้อยตามง่ายดาย


    ขนาดพ่อแท้ๆ ของเธอยังไม่เหลือ นับประสาอะไรกับคนนอกที่ไม่รู้จักอะไรในตัวของเธอเลยอย่างแทฮยองกันล่ะ...

     

     



    23.40 น.


    “เฮียจ๊ะ เอาจริงเหรอจ๊ะ”


    โฮซอกวิ่งย่องๆ ตามหลังนายตัวเองเมื่อร่างสูงโปร่งของแทฮยองเดินดุ่มๆ ไปยังหน้ากระท่อมของลีอันในเวลาเกือบเที่ยงคืน เหงื่อกาฬไหลตามขมับโฮซอกไปหมดเพราะไม่รู้เลยว่าโซ่กับแม่กุญแจอันใหญ่ที่เฮียใช้ให้ไปซื้ออีกฝ่ายจะเอามาขังพี่ลีอัน โฮซอกได้แต่ย่ำเท้าอยู่กับที่ เพราะไม่สามารถช่วยอะไรลีอันได้เลย ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงเฮียก็ไม่ฟัง อีกฝ่ายจัดการคล้องโซ่จากข้างนอกและเมื่อเสร็จสิ้นแล้วแทฮยองก็เดินลงจากบันไดไม้มาตรงหน้าเด็กของตัวเองที่มองมาด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้


    “มึงเป็นอะไรไอ้โฮซอก กูแค่ขังมัน”


    “แล้วเฮียไปขังพี่ลีอันทำไมล่ะจ๊ะ”


    “พรุ่งนี้วันหยุดของยัยนั่น จำเอาไว้ว่าทุกวันหยุดกูจะไม่ปล่อยให้พี่ลีอันของมึงเพ่นพ่านไปไหนมาไหนตามใจชอบ เพราะกูขี้เกียจไปตามล้างตามเช็ดสิ่งที่มันไปก่อ”


    รอบก่อนก็งานวัดทีนึงแล้ว เขาต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งแรงไปตั้งเท่าไร


    “แต่พี่ลีอันก็ไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีหนิจ๊ะ”


    “เข้าข้างกันจัง ชอบมากก็เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนมันเอามั้ย เดี๋ยวกูเปิดประตูให้”


    “ม...ไม่เอาจ้ะเฮีย”


    “พรุ่งนี้กูไม่อยู่ห้ามเปิดให้ออกมาเด็ดขาด ส่วนข้าวน้ำก็ให้ป้าจงจัดการ อะนี่กุญแจ”


    “จ้ะเฮีย”


    โฮซอกรับกุญแจพลางมองแทฮยองที่เดินขึงขังตรงไปยังบ้านของตัวเอง ส่งผลให้เด็กหนุ่มทำหน้ารู้สึกผิดก่อนจะพึมพำออกมาเมื่อมองประตูกระท่อม


    “ฉันขอโทษนะจ๊ะพี่ลีอัน”

     



     

    06.00 น.


    ลีอันตื่นตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนเพราะวันนี้เธอค่อนข้างตื่นเต้นที่จะทำการยิ่งใหญ่คือนัดคุณพ่อบ้านในตัวเมือง ร่างเพรียวอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวเหมือนตอนไปทำงานในวันปกติแค่วันนี้เธอไม่ต้องทำงานเพราะเป็นวันหยุด ลีอันตื่นเต้นมากๆ ตั้งใจจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพราะรู้ว่าเวลานี้แทฮยองยังไม่ตื่น


    กึก


    ทว่าต้องเบิกตากว้างเมื่อเปิดประตูกระท่อมไม่ออก ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้


    “อะไรเนี่ย!


    ลีอันตัวชาวาบทันที พยายามดันประตูอีกหลายสิบครั้งก็พบว่ามันถูกปิดตายจากด้านนอก จะเป็นไปได้ยังไงถ้าไม่มีคนขังเธอเอาไว้


    การกระทำสุดพิเรนทร์ที่ไม่น่าให้อภัยก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ!


     ลีอันอยากจะบ้าตาย เธอยกมือขยำเส้นผมของตัวเองเหมือนคนจนตรอก ใบหน้าหวานอยากจะร้องไห้ให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ได้เด็ดขาด วันนี้เธอมีนัดและทุกอย่างก็ได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เด็กแสบแก๊งค์โหดประจำท่าเรือก็รับปากว่าจะช่วยเธอ แล้วไหงเป็นงี้ไปได้ล่ะ!


    “จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยแทฮยอง ได้ๆๆ”


    ลีอันไม่สนใจแล้วว่าตัวเองจะเป็นคุณหนูที่ไม่เคยตกระกำลำบากมาจากไหน เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าชีวิตนี้ต้องปีนหลังคาหรือไม่ก็กระโดดหน้าต่าง ในกะท่อมของเธอมีหน้าต่างอยู่หนึ่งบาน แต่มันเล็กมากๆ จึงไม่แน่ใจว่าจะยัดตัวเองออกไปได้หรือไม่


    โครม!


    ลีอันตัดสินใจยกขาถีบขื่อไม้ใกล้ๆ กับหน้าต่างบานนั้นจนมันพังเป็นช่องโหว่สองช่อง เพราะไม้ผุขนาดนี้อย่าว่าแต่ถีบเลย แค่พายุมากระท่อมทั้งหลังก็คงปลิวหายไปในทะเลแล้ว ใบหน้าสวยยกยิ้มมุมปากเมื่อช่องหน้าต่างที่จัดการพังมันกว้างพอจะยัดตัวเองออกไปได้ แต่ด้วยตัวบ้านที่ยกสูงจึงทำให้ลีอันกล้าๆ กลัวๆ ที่จะกระโดดลงพื้น แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ตายเป็นตายแหละวะ!

     

     



    08.20 น.


    ประโยคที่ว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด


    ลีอันพาตัวเองเข้ามาแอบในท่าเทียบเรือประมงของแทฮยองและแน่นอนว่าเจ้าของมันก็ยืนคุมลูกน้องที่เร่งยกลังใบใหญ่บรรจุน้ำแข็งลำเรียงขึ้นเรืออยู่ไกลๆ ลีอันนั่งแอบหลังลังน้ำแข็งใบหนึ่ง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อใครบางคนสะกิดจากด้านหลัง


    “พี่สาวเข้าไปเลย เดี๋ยวพวกเราจะยกลังนี้ขึ้นเรือเอง”


    ยอนจุนสอดส่องสายตามองคนงานอื่นๆ ที่ไม่ได้มาสนใจแถวนี้สักเท่าไร เธอพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเปิดฝาลังและกระโดดเข้าไปนั่งขดอยู่ข้างใน ยอนจุนรีบปิดฝาลงด้วยท่าทางเลิกลั่ก ก่อนจะกวักมือซูบินและบอมกยูมาช่วยแบก


    ทั้งสามยกลังเปล่าที่ไม่ได้มีน้ำแข็งทว่ามีคนอยู่ข้างในแทน เด็กหนุ่มทั้งสามปั้นใบหน้าให้ปกติที่สุดจังหวะที่เดินผ่านแทฮยอง ใบหน้าขึงขังของเฮียตวัดมองมาก่อนจะเอ่ยขึ้น


    “รีบหน่อยพวกมึง สายมากแล้ว”


    “ค...ครับเฮีย!


    ทั้งสามรีบสับเท้าขึ้นเรือและวางถังน้ำแข็งเรียงรายกับใบอื่นๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต วันนี้จะมีเรือออกทะเลหลายลำ และหนึ่งในนั้นเป็นกลุ่มของแก๊งค์เด็กโหดที่ต้องออกเรือด้วย ทั้งสามเลยนึกแผนการดีๆ ขึ้นออก ลีอันต้องการไปในเมืองและเรือประมงของพวกเขาก็จอดท่าเทียบตัวเมืองเป็นท่าแรก แค่หลบสายตาเฮียขึ้นมาบนเรือได้หลังจากนั้นก็สบาย เพราะคนอื่นๆ ไม่มีใครสนใจหรอก และอีกอย่างไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว


    ทั้งสามวางลังน้ำแข็งลงก่อนบอมกยูจะตบฝาลังปุๆ เชิงบอกคนข้างในว่าเรียบร้อยหายห่วง ลีอันที่นั่งขดอยู่ในนั้นก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงของแทฮยองด้วย...น่ากลัวชะมัด


    หากเขาจับได้นะ เธอคงไม่ได้ผุดได้เกิดแน่


    ลีอันนั่งรอในลังน้ำแข็งไม่ถึงสิบนาทีก็รู้สึกว่าเครื่องยนต์ของเรือเริ่มทำงาน ไม่นานฝาลังก็ถูเปิดออกจากคนด้านนอก เธอเงยหน้าขึ้นมอง


    “ออกมาได้แล้วพี่สาว เรือออกแล้ว”


    เป็นซูบินนั่นเอง ลีอันพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อทุกอย่างราบรื่นไปได้ด้วยดี เธอปีนลงจากถังน้ำแข็งก็กวาดสายตามองรอบด้านที่เป็นทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มองกลับไปยังท่าเทียบก็พบว่าเรือได้ขับมาค่อนข้างไกลแล้ว


    “ขอบใจพวกนายมาก ถ้าฉันได้ของที่ต้องการแล้วจะไม่ลืมบุญคุณเลย”


    เด็กทั้งสามคนยกมือปัดไปปัดมาเชิงบอกว่าบุญคุณอะไรกัน


    “เรื่องแค่นี้เอง ยังไงพวกเราก็จะล่มหัวจมท้ายไปกับพี่สาวอยู่แล้ว”


    ลีอันพยักหน้าและยิ้มให้เด็กตัวสูงทั้งสามคนที่พากันหัวเราะอย่างมีความสุข ผูกมิตรกับคนที่นี่เอาไว้ก็ไม่ได้แย่ เธอชื่นใจกับสายลมเย็นๆ ที่พัดกระทบร่างกาย ลีอันเดินไปตรงหัวลำเรือที่มีเสาสูงๆ ตั้งไว้ เธอจับมันก่อนจะยืนเก้ๆ กังๆ กางแขนออกเพื่อรับลมและกลิ่นอายของน้ำทะเล


    บรรยากาศดีมากๆ และเมื่อนึกว่าจะได้ไปเจอคุณพ่อบ้านเพื่อเอาเงินและของใช้ต่างๆ ก็ยังทำให้ลีอันยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงหู


    แต่ทันใดนั้นลีอันหันขวับไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินคนงานคุยกันเสียงโหวกเหวก คิ้วสวยขมวดแน่นเมื่อเห็นเด็กเรือที่ไม่รู้จักคนนึงวิ่งออกมาจากห้องควบคุมเครื่องยนต์ อีกฝ่ายตะโกนในประโยคที่ทำเอาลีอันช็อคค้าง


    “เฮียโทรมาบอกว่าให้หยุดเรือ! พวกมึงเตรียมทิ้งสมอเลย!


    อีกฝ่ายพูดจบก็วิ่งเข้าไปในห้องควบคุมเครื่องยนต์อีกครั้ง ลีอันตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ในขณะที่ยอนจุน ซูบินและบอมกยูต่างก็วิ่งกระจัดกระจายราวกับหนีความตาย ทำให้เธอวิ่งอย่างทุลักทุเลไปหาเด็กทั้งสามทว่าคนที่บอกว่าจะล่มหัวจมท้ายด้วยกลับหายวับไปต่อหน้าต่อตา ต่างคนต่างก็ตัวใครตัวมันทำให้ลีอันยิ่งช็อคหนักกว่าเก่าเมื่อเสียงเครื่องยนต์ของเรือสปีทโบ๊ทดังลั่นอยู่ไกลๆ และเสียงนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับชะตาชีวิตของเธอที่ริบรี่ลงเต็มที


    เพราะไม่มีทางเลือกลีอันจึงกระโดดลงไปในลังน้ำแข็งเปล่าลังเดิม จัดการปิดฝามันพร้อมกับยกมือปิดปากตัวเอง






    50%






    20 นาทีก่อนหน้า


    วันนี้แทฮยองออกจากบ้านก่อนเวลาปกติเพราะตั้งใจแวะตลาดเช้าซื้อของจำเป็นหลายอย่างที่ลิสไว้ในหัวเมื่อคืน ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงตรง ชายหนุ่มขับกระบะคู่ใจมาถึงท่าเทียบเรือในเวลาเริ่มงานพอดี สายตาสอดส่องมองคนงานที่เริ่มลงมือทำงานในส่วนของตัวเอง เขาเดินเข้าออฟฟิตเพื่อเก็บของครู่เดียวก็รีบออกมาตรงท่าเทียบเพราะวันนี้มีกำหนดออกเรือหลายลำและเขาก็ต้องออกมาคุมงานด้วยตัวเอง


    ร่างสูงโปร่งของเฮียเดินผ่านคนงานทุกคนต่างก็ทักทายหรือไม่ก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพราะโบนัสปลายปีใกล้จะมาถึงแล้ว เฮียของพวกเขาไม่ขี้งก หากปีไหนผลประกอบการดีแทฮยองก็จ่ายค่าตอบแทนให้คนงานอย่างสมเหตุสมผลเรื่อยมา เป็นอีกสาเหตุที่คนงานที่นี่รักเขาและพร้อมจะทุ่มเทกำลังแรงเพราะรู้ว่าสิ่งที่ได้มาจะคุ้มค่ากว่าเป็นหลายเท่า แทฮยองเดินตรวจงานอย่างขะมักเขม้นไม่น้อยไปกว่า ก่อนจะยกสมุดขึ้นจดตัวเลขน้ำมันและฉับพลันสายตาเหลือบไปเห็นท่าทางเลิกลั่กของคนงานสามคน


    แก๊งค์เด็กโหดที่แทฮยองไม่คิดว่ามันจะโหดอย่างที่สถาปนาตัวเองขึ้นมา ทั้งสามยกลังน้ำแข็งใบหนึ่งในขณะที่สายตาของซูบินก็พยายามหลบตาเขาเมื่อเผลอสบตากันเมื่อครู่ ปกติมันจะฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้เขาแล้ว...ท่าทางตอนนี้ของอีกฝ่ายนับว่าแปลกพิลึก


    “รีบหน่อยพวกมึง สายมากแล้ว”


    “ค...ครับเฮีย!


    แทฮยองเอ่ยทักและสังเกตท่าทาง ไม่ใช่แค่ซูบินที่ออกอาการแต่อีกสองคนก็ไม่ต่างกันสักเท่าไร โดยเฉพาะไอ้ยอนจุน หากเขาเอ่ยทักก่อนมันจะพูดจ้อสอพอเลียแข้งเลียขากลับมาแล้ว แต่ครั้งนี้หลบหน้าแทนไม่แม้แต่สบตาด้วย


    แทฮยองทำได้เพียงมองตามลูกน้องทั้งสามที่ยกลังน้ำแข็งใบนั้นขึ้นเรือ เขาไม่ใส่ใจกับความคิดที่จ้องจะจับผิดของตัวเองก่อนจะหันมาทำหน้าที่ต่อจนกระทั่งเรือประมงทุกลำทยอยออกจากท่าเทียบ


    Rrrr


    จู่ๆ เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นในกระเป๋ากางเกง แทฮยองถอนหายใจเล็กน้อย สายตายังจับจ้องที่สมุดในมือพลางล้วงออกมากดรับโดยไม่มองหน้าจอด้วยซ้ำ


    (เฮียๆๆๆ)


    “อะไรของมึงวะ”


    เมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงเด็กที่บ้านก็ทำให้แทฮยองละสายตาออกจากสมุดทันที เขาหันมาตั้งใจฟังปลายสายที่ติดอ่างฟังแทบไม่รู้เรื่อง ลางสังหรณ์ของเขามันเริ่มทำงาน


    (พี่ลันอันจ้ะ พี่ลีอันหายไป!!)


    “มึงว่าไงนะ!


    กระแสโทสะเปล่งออกมาจากน้ำเสียงชัดเจน จากที่อารมณ์คงที่ก็คุกรุ่นยากจะดับลง ใบหน้าของแทฮยองมันร้อนวูบไปหมด แบบนี้สินะที่เรียกว่าโกรธจนเลือดขึ้นหน้า


    (จริงจ้ะ ไม่รู้หายไปไหนฉันเป็นห่วงจัง)


    แทฮยองรีบกดวางสายทันทีเมื่อได้ยินความห่วงใยออกมาจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายเพราะไม่ได้ทำให้เขาเดือดน้อยลงมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ขายาวทำท่าจะก้าวออกจากตรงนี้เพื่อไปยังรถกระบะ แต่ฉับพลับเสียงของคนงานหญิงสองคนที่นั่งคัดแยกปลาตำแหน่งเดียวกับลีอันดังเข้ามาในหูของเขาจนต้องเปลี่ยนเส้นทางไปหาคนงานหญิงสองคนนั้นแทน


    “วันนี้ฉันเห็นแม่เด็กใหม่มาที่นี่ด้วย”


    “เหรอ ไหนว่าวันหยุด”


    “เห็นใครนะ?”


    แทฮยองไปหยุดตรงหน้าคนงานหญิงทันที ทั้งสองตกใจไม่น้อยแต่ก็ตอบคนเป็นนายออกไป


    “เด็กใหม่จ้ะเฮีย ตอนเช้าฉันไปเข้าห้องน้ำเห็นนั่งอยู่ตรงซอกลังน้ำแข็ง ท่าทางเหมือนแอบใคร”


    ซอกลังน้ำแข็งงั้นเหรอ?


    ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิด ก็นับว่ากล้าหาญชาญชัย


    แทฮยองเปลี่ยนสถานที่ใหม่ จากที่จะไปทางถนน รถกระบะของเขาคงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

     

     



    ลีอันยกมือปิดปากตัวเองแน่นเมื่อรู้สึกว่าเรือหยุดจอดนิ่งบนน้ำทะเลเพื่อรอใครบางคน เธอไม่คิดว่าเขาจะมีเรือสปีดโบ๊ทเป็นของตัวเองจนขับตามมาทันท่วงทีแบบนี้ คนอย่างแทฮยองน่ากลัวกว่าที่คาดคิด แบบนี้แปลว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้วสินะ


    ลีอันหลับตาปี๋ นั่งกอดเข่าตัวเองในลังน้ำแข็งใบเดิม เหงื่อกาฬไหลตามกรอบใบหน้า นาทีนี้ได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้ทุกอย่างราบรื่นอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรก เธอจะโดนจับได้ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด คุณพ่อบ้านรออยู่ ท่องเอาไว้ๆ...


    แกรก...


    ทว่าบทสวดมนต์ที่ท่องในใจคงจะผิดบท เพราะตอนนี้ฝาลังน้ำแข็งบนศีรษะของเธอมันถูกเปิดออกจากคนด้านนอก ลีอันเงยหน้ามองทันที ก่อนที่สีหน้าของเธอจะซีดแทบไม่เหลือเลือดหล่อเลี้ยงเมื่อสบตากับนัยน์ตาคู่ดุดันที่จ้องมองเหมือนจะพุ่งมากินเลือดกินเนื้อ


    ลีอันไม่เคยเห็นแทฮยองโกรธเท่าครั้งนี้มาก่อน ทุกๆ ครั้งที่เธอหาเรื่องยั่วโมโหเขา ทุกครั้งๆ มันจะหนักขึ้นและพีคขึ้นเสมอ


    ใบหน้าหวานที่เหมือนจะร้องไห้กัดปากตัวเองแน่น เธอกระพริบตาปริบๆ ทั้งที่ยังนั่งกอดเข่าอยู่ในนั้น จนกระทั่งแทฮยองเอ่ยคำสั่ง แต่คำสั่งที่ว่ามันออกมาจากสายตาไม่ใช่น้ำเสียง


    เธอจำใจลุกขึ้นยืนและปีนลงจากลังน้ำแข็งเฮงซวยนี้ สองมือเล็กกำขากางเกงแน่น กวาดมองรอบข้างที่เต็มไปด้วยคนงานในเรือนี้ออกมายืนมองสถานการณ์ ส่วนใหญ่ก็ช็อคค้างที่เห็นเธอออกมาจากลังนั้น ยกเว้นเด็กเรือสามคนที่ยืนเรียงหน้ากระดานเอามือกุมเป้าก้มหน้าซีดจนคางชิดอก


    “พวกมึงสามคน”


    “...”


    “กลับท่ามา กูจะคิดบัญชีทีหลัง”


    แทฮยองทิ้งคำสั่งไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปกระชากข้อมือของลีอันและลากไปยังเรือสปีดโบ๊ทของตัวเองที่จอดชิดกับเรือประมงลำใหญ่กว่า ลีอันปลิวไปตามแรงกระชาก เธอนิ่วใบหน้าก่อนจะดึงแขนกลับจนแทฮยองตวัดสายตามามอง


    “ฉันขอไปเมืองได้มั้ย แค่แป๊บเดียว”


    ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ลีอันไม่อยากกลับไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย


    ทว่าแทฮยองไม่ตอบ รังสีอำมหิตของเขาทำให้เธอเริ่มกลัวจนได้


    “นะ”


    “จะไปทำไม?”


    ในที่สุดแทฮยองเปล่งคำพูดออกมา ลีอันคลายความวิตกได้มาก เธอหันไปมองรอบข้างทุกสายตาของคนงานบนเรือที่มองอย่างสนใจ


    “ฉ...ฉันนัดคนที่บ้านเอาไว้”


    “นัดทำไม”


    คนตัวเล็กกัดปากแน่น กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ


    “แค่นัดเฉยๆ”


    “งั้นพ่อเธอคงรู้สินะ”


    “...”


    “ฉันโทรถามพ่อเธอแล้วกัน”


    “ไม่ได้!


    ลีอันโพล่งออกมาทันที หากพ่อเธอรู้แปลว่ายัยแม่เลี้ยงมหาประลัยต้องรู้ด้วย แบบนี้ไม่พ้นแม่เลี้ยงต้องไปเค้นความจริงจากปากพ่อบ้าน ถึงอีกฝ่ายจะรับปากว่าไม่บอกใครหากโดนบังคับจากเจ้านายก็ไม่รอด เหตุการณ์แบบนี้ลีอันเจอมาเยอะตั้งแต่เด็กจนโต ครั้งนี้ก็เหมือนกัน...ถ้าเกิดว่าแม่เลี้ยงรู้ว่าเธอจะยืมเงินพ่อบ้าน เธอต้องถูกเอาเรื่องนี้มาตราหน้า และคำว่าคุณหนูไม่ได้เรื่องก็จะคอยตามหลอกหลอนไม่จบสิ้น


    ลีอันไม่อยากดูแย่ในสายตาของแม่เลี้ยง เพราะอีกฝ่ายจะคอยหาโอกาสเอาเรื่องพวกนั้นมาซ้ำเติมกันและสุดท้ายเธอก็เถียงไม่ได้สักครั้ง...เพราะมันคือความจริง


    ลีอันก้มหน้านิ่ง เธอเบื่อกับเรื่องนี้เต็มทนและรู้ว่าสุดท้ายตัวเองก็ทำไม่ได้จนต้องไปขอยืมเงินคนอื่นทั้งที่อีกไม่กี่วันเงินเดือนก้อนแรกก็จะออก ดวงตาที่เริ่มแดงเงยมองแทฮยอง...เขาก็เหมือนกัน หากรู้ว่าลีอันอยู่ไม่ได้จนไปยืมเงินคนที่บ้าน คำว่าคุณหนูตกกระป๋องที่ไม่ได้เรื่องก็คงหลุดออกมาจากปากของเขาอีกครั้ง


    เธอไม่ชอบ ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย


    “ว่าไง จะกลับหรือจะให้ฉันโทรไปบอกพ่อเธอกับพี่สาวฉัน?”


    “...”


    “ตัดสินใจสิ”


    ลีอันเบือนสายตาหลบสายตาคู่คมของแทฮยอง เธอกำขากางเกงกับฝ่ามือที่เปียกชื้นของตัวเอง เดินผ่านไหล่อีกฝ่ายไปทางเรือสปีดโบ๊ทในที่สุด


    สามเดือน แค่สามเดือนเท่านั้น ลีอันจะหนีไปไม่ให้เหลือฝุ่นเลย


    แทฮยองเอี้ยวตัวมองอีกคนที่ยอมแพ้ เขากวาดสายตาดุๆ มองคนงานในเรือราวกับคาดโทษว่าเรื่องวันนี้จะไม่ฉาวโฉ่ออกไปให้คนนอกได้ยิน ทุกคนต่างก้มหน้าให้เฮียก่อนที่เขาจะเดินไปให้ทันลีอันและปีนลงเรือที่ขับมาเป็นคนแรก ส่งผลให้คนตัวเล็กที่ยืนเก้ๆ กังๆ มองลงไปก่อนจะหันหลังปีนลงท่าเดียวกับแทฮยองที่ลงไปรอในเรืออยู่ก่อนแล้ว


    เสียงเกลียวคลื่นรอบข้างไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างตอนแรก ลีอันทำท่าหันหลังให้ผืนทะเลอย่างระมัดระวังจนแทฮยองตะโกนขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด


    “ให้มันเร็วๆ”


    เธอเอี้ยวใบหน้าลงไปมอง ดวงตากลมแดงก่ำกลั้นน้ำตาอย่างสุดฤทธิ์รีบสับเท้าให้ไวและทำท่าจะกระโดดลงไป แต่อยู่ๆ ร่างของเธอก็ลอยหวืดจนลีอันคิดว่าตัวเองจะตกน้ำไปซะแล้ว แต่ผิดคาด เธอยืนลงบนพื้นสปีดโบ๊ทด้วยมือหนาสองข้างของเขาสอดใต้รักแร้เธอก่อนจะยกลงมาราวกับแบกปุยนุ่น


    ลีอันเดินโคลงเคลงไปนั่งที่นั่งดีๆ หันหน้าออกนอกทะเลในขณะที่เขาก็ทำหน้าที่คนขับจนกระทั่งเรือแล่นกลับไปทางฝั่งด้วยความเร็ว เส้นผมสีน้ำตาลสยายไปกับสายลมทำให้นัยน์ตาคู่คมจ้องมองคนด้านหน้าที่นั่งหันหลังให้

     



     

    ลีอันโดนลากกลับมาส่งกระท่อมของตัวเองภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตลอดระยะทางในเรือและรถกระบะเราสองคนไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก ลีอันรู้ดีว่าเขาโกรธมากและเธอก็โกรธไม่น้อยไปกว่ากันเพราะเรื่องที่แทฮยองล่ามโซ่ประตูกระท่อมเมื่อเช้าก็เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลสุดๆ เธอเปิดประตูลงจากรถก่อนจะเดินตรงเข้ากระท่อมตัวเองด้วยสีหน้าซีดๆ ที่ไม่โอเค ป้าจงโล่งใจที่เห็นลีอันกลับมาอย่างปลอดภัย เพราะเมื่อเช้าจะเอามื้อเช้าไปให้ก็เห็นสภาพกระท่อมที่เป็นแบบนั้น ไม่รู้ลีอันหนีไปเองหรือใครพังเข้ามาฉุดเธอ คนที่บ้านต่างร้อนใจไปหมดทำให้โฮซอกวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเมื่อเห็นพี่ลีอันกลับมาครบสามสิบสอง


    “พี่ลีอันจ๊ะ ฉันเป็นห่วงพี่แทบแย่”


    เธอพยายามไม่เอาอารมณ์ที่คั่งค้างในใจมาลงกับคนอื่น ลีอันสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยมองโฮซอกก็เห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มเป็นห่วงอย่างที่พูดจริงๆ


    “โฮซอก พี่ขอยืมมือถือแป๊บนึงได้มั้ย”


    ลีอันหันหลังไปมองก็พบแทฮยองยืนกอดอกมองอยู่ไกลๆ เธอรีบหันกลับมา แบมือตรงหน้าโฮซอกโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว


    “ได้สิจ๊ะ”


    เด็กหนุ่มควักโทรศัพท์ให้ ลีอันกดส่งข้อความบอกพ่อบ้านว่าให้กลับไปไม่ต้องรอแล้ว ก่อนลบข้อความนั้นทิ้งและยื่นคืนเจ้าของ เธอพูดขอบคุณและเดินหนีเข้ากระท่อมตัวเอง ไม่อยากเจอใครทั้งนั้น ดวงตาที่มันร้อนเผ่าอยู่เนิ่นนานใกล้จะทะลักเต็มที ร่างบางแทรกตัวเข้ากระท่อมก่อนจะปิดประตูลง ทว่าเจ้ากรรมนายเวรที่เธอเกลียดแสนเกลียดก็ผลักประตูย้อนเข้ามาจนลีอันปลิวถอยหลัง


    แทฮยองถือวิสาสะเข้ามาเหยียบในพื้นที่ของเธอ การกระทำของเขายิ่งทำให้ลีอันอดกลั้นความโมโหแทบไม่อยู่ โมโหจนอย่างจะร้องไห้ออกมาเพราะไม่สามารถทำอะไรได้ เธอพึ่งจะสัมผัสรสชาติของมันก็วันนี้


    “ออกไป”


    ลีอันกดเสียงต่ำ มองขวางร่างสูงใหญ่กว่าที่เดินไปหยุดตรงหน้าต่างบานที่เธอพังมันเองกับเท้า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันสนิทเมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนลงของแทฮยองก่อนหน้านี้ทวีรังสีโทสะออกมาอีกครั้ง


    “กระท่อมหลังนี้เป็นสมบัติของเธอรึไง อยากจะพังของใครก็ได้งั้นสิ?”


    ลีอันรู้ตัวว่าตัวเองผิด แต่เขาไม่ใช่เหรอที่ทำแบบนั้นก่อน


    “นายขังฉัน ถ้านายไม่ล็อคข้างนอกฉันก็ไม่พังมันหรอก!


    “ลองมองย้อนดูตัวเองบ้างว่าทำไมคนอื่นถึงทำแบบนี้!


    “...”


    “วันๆ เอาแต่สร้างเรื่อง ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบ้านตัวเองก็อยู่ไม่ได้”


    ลีอันกัดปากจนเจ็บแสบไปหมด ดวงตาแดงก่ำที่สั่นระริกมานานจ้องอีกฝ่ายอย่างแข็งกร้าวและในที่สุดลีอันก็กลั้นไม่ไหวอีกต่อไป


    “ใช่สิ ฉันมันไม่ได้เรื่องหนิ ฮึก...ไม่มีใครอยากให้อยู่ด้วย”


    ลีอันร้องไห้ออกมาและพูดความรู้สึกข้างในทั้งน้ำตา เสียงสะอื้นของเธอทำให้แทฮยองชะงัก ร่างเล็กสั่นเทาราวกับไร้เรี่ยวแรง


    “ทั้งพ่อของฉัน พี่สาวของนาย...ฮึก บ้านของฉันที่มันไม่มีความสุขอีกต่อไป ทั้งที่มันเคยมี”


    “...”


    “ทำไม การที่เป็นลูกของเมียที่ตายไปแล้วต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเหรอ ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเหรอ? ทั้งที่มันคือชีวิตของฉันมาตั้งแต่แรก...ฮึก”


    “เธอมันก็แค่เด็กเอาแต่ใจ”


    “นายจะไปรู้อะไร แม้แต่นิสัยจริงๆ ของพี่สาวตัวเองนายยังไม่รู้จักเลย อย่ามาพูดว่ารู้จักฉันดี!!


    “ลีอัน! อย่าขึ้นเสียงกับฉัน”


    แทฮยองตวาดคนเด็กกว่าที่จ้องหน้าอย่างเดือดดาลในขณะที่น้ำตาของเธอก็ร่วงหล่นอาบแก้มไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แววตากระด้างเย็นชาของแทฮยองบ่งบอกว่าอารมณ์ของเขาพุ่งทะยานถึงจุดไหน


    “แล้วก็อย่าลามปามถึงแม่เลี้ยงตัวเองต่อหน้าฉันให้มันมาก”


    “ฮึก ออกไป!


    ลีอันเกลียดทั้งแทฮยองและแทอินพี่สาวของเขา เธอหันไปหยิบหมอนบนฟูกและปาใส่ร่างสูงที่ยกแขนบัง ทำให้คนโตกว่าเอ่ยปากเตือนครั้งหนึ่งแล้วแต่เธอไม่ฟัง เขาก้มลงหยิบหมอนบนพื้นก่อนจะเขวี้ยงอัดกำแพงเฉียดลีอันไปเพียงนิดเดียว


    “อยากอยู่พังๆ แบบนี้ก็อยู่ไป!


    แทฮยองพุ่งตัวไปยังหน้าต่างบานที่ลีอันพังมันจนไม้ผุๆ หลุดออกปรากฏช่องกว้างขนาดใหญ่ก่อนเขาจะยกขาถีบไม้ที่เกาะกันด้วยตะปูขึ้นสนิมจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ซ้ำหลายที ลีอันสะดุ้งตัวสั่นและร้องไห้หนักขึ้น มองคนใจร้ายที่พังผนังกระท่อมเป็นช่องกว้างจนมองเห็นป่าด้านข้างชัดเจน


    “อย่าให้รู้ว่าซ่อม”


    เขาชี้มันเป็นครั้งสุดท้ายและย่างเท้าตึงตังออกจากกระท่อมใกล้พังหลังนี้ทันที ลีอันวิ่งไปปิดประตูล็อคจากด้านใน ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นกอดเข่าและร้องไห้ เสียงสะอื้นแห่งความเสียใจที่ไม่มีใครเข้าใจถึงความรู้สึกของเธอจริงๆ เลยสักคน

     





    แทฮยองปิดประตูห้องนอนของตัวเองดังโครมก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้โต๊ะทำงาน ดวงตาดำขลับฉายประกายดุดันมองขวางรอบข้างจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง เขาใส่อารมณ์กับเหตุการณ์เมื่อครู่จนไม่ควบคุมไม่อยู่ ไม่บ่อยที่แทฮยองจะกลายเป็นแบบนี้ มีเพียงเธอคนเดียวที่สามารถทำให้เขากลายร่างเป็นปีศาจได้บ่อยๆ นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำเพราะความโกรธ เขารีบพาตัวเองออกมาเพราะไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงจะหนักกว่าเดิม


    เด็กเอาแต่ใจนิสัยไม่ดีคนหนึ่ง...แทฮยองเกลียดคนแบบเธอยิ่งกว่าอะไร


    ยอมรับว่าอคติกับผู้หญิงที่ชื่อลีอันมานานพอสมควรเพราะฟังจากปากพี่สาวตัวเองที่หมั่นโทรมาระบายให้ฟังตั้งแต่ย้ายไปอยู่เมืองกรุงกับสามี กิติศัพท์ลูกติดสามีที่ไม่เคยทำตัวดีหรืออ่อนน้อมทั้งๆ ที่พี่สาวของเขาอายุมากกว่าเธอเป็นไหนๆ แทฮยองมาเจอกับตัวเองถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของพี่สาวเขาไม่ได้มากเกินไปแถมยังน้อยไปด้วยซ้ำ และอคติเหล่านั้นยิ่งทำให้เขาไม่เคยมองเธอในทางที่ดี จ้องแต่จะจับผิดในขณะที่อีกฝ่ายก็ขยันทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ


    คนทั้งคู่ไม่สมควรจะอยู่ใกล้กันด้วยซ้ำ


    แต่แทฮยองก็ไม่คิดจะปล่อยลีอันกลับบ้านไปง่ายๆ เด็ดขาด การพาเธอไปส่งอ้อมอกบิดาไม่ได้อยู่ในสารระบบสมองมาสักพักแล้ว ร่างสูงใหญ่นั่งพิงพนักเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าออกระงับสติอารมณ์เพราะช่วงบ่ายเขาต้องกลับไปทำงาน ตอนนี้ก็เสียเวลามามากพอ แทฮยองลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปนั่งบนเตียงนอน หยิบรีโมทมากดเปิดทีวีหน้าจอกว้างตรงหน้าเพื่อหาอะไรดูเพื่อคลายความหงุดหงิด


    แต่ดันเปิดไปเจอละครหลังข่าวเที่ยง ฉากพระเอกกับนางเอกทะเลาะกันจนเธอคนนั้นร้องไห้หน้าแดงไปหมด...


    ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน จากที่จะกดโทสะกลางอกให้มอดดับกลับเอาแต่คิดถึงใบหน้าของใครบางคน ก่อนออกมาลีอันร้องไห้หนักมากจนตัวเล็กๆ ของเธอยิ่งดูบอบบางกว่าเดิมเพราะไหล่สวยที่เคยสง่าผ่าเผยตอนนี้ไม่หลงเหลือคุณหนูลีอันคนที่เจอวันแรก แทฮยองยกมือลูบใบหน้าตัวเองและกดปิดทีวี...ทว่าฉากหนึ่งก่อนหน้าจอดับคือพระเอกตัดสินใจเดินหนีก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกหัก


    แต่ยังไงมันก็เป็นเพียงแค่ละครหลังข่าวที่ไร้สาระ เขาไม่สนใจอะไรพวกนั้นก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ มือหนาล้วงหยิบสิ่งหนึ่งในกระเป๋ากางเกงตัวเองออกมา  จ้องมองด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา รู้แค่เพียงวินาทีที่ตัดสินใจซื้อแตกต่างจากความรู้สึกในตอนนี้ที่เขาไม่อยากจะเห็นของในมือแม้แต่เงา


    หนังยางมัดผมของผู้หญิง จี้เล็กๆ ที่ห้อยตกแต่งเป็นรูปปลาดาวสีขาวตัดกับหนังยางเส้นบางๆ สีน้ำเงิน...ของจุกจิกแบบนี้เปลืองเงินโดยใช่เหตุ เขาไม่น่าเสียตังสิบบาทซื้อมันมาหวังจะให้ใครบางคนใช้มัดแทนหนังยางมัดถุงแกงเลย


    แทฮยองลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยสีหน้าเย็นชา เดินตรงไปยังถังขยะและทำท่าจะทิ้งมันลงไป ทว่าเสียงเคาะประตูดังขึ้นราวกับฉุดสติของเขาให้เข้าร่างกาย แทฮยองยัดหนังยางมัดผมอันนั้นใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองไว้อย่างเดิม เขาพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ เดินไปกระชากประตูออกก็พบว่าเป็นโฮซอก


    “เฮียจ๋า พ่อผู้ใหญ่มาหาจ้ะ”


    เขาขมวดคิ้วตึงทันที ความคุกรุ่นในก่อนหน้านี้หายไปเหลือเพียงความสงสัยว่าผู้ใหญ่บ้านมีธุระอะไรถึงดั้งด้นมาหาเขาที่นี่ แทฮยองตอบรับก่อนจะเดินออกไปยังห้องรับแขก เก้าอี้ตัวยาวกับโต๊ะไม้ด้านหน้ามีแก้วน้ำสองใบตั้งอยู่


    เขาเดินไปนั่งลง สีหน้าเรียบๆ ของเฮียเจ้าของเรือประมงไม่มีใครมองออกว่าก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกับใครบางคนมา เขาเอ่ยทักผู้ใหญ่บ้านสั้นๆ ส่งผลให้ชายวัยกลางคนยิ้มกว้างก่อนจะยกมือตบบ่าคนที่นั่งข้างตัวเองอยู่ก่อน


    “เฮีย นี่ลูกชายผมเอง พึ่งกลับมาจากเมืองนอก ไหว้เฮียเขาสิ”


    “เฮโบร หวัดดีครับ”


    แทฮยองพยักหน้ารับคนเด็กกว่าที่ฉีกยิ้มพลางยกมือเซฮาย เขาพอจะรู้ว่าลูกชายผู้ใหญ่บ้านไปเรียนต่อเมืองนอก คงจะพึ่งกลับมา


    “โตเป็นหนุ่มแล้วสินะ แล้วผู้ใหญ่มีธุระอะไรกับผมล่ะ อุตส่าห์มาถึงที่นี่”


    แทฮยองเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ คงไม่ใช่เหตุผลเดียวคือการแนะนำลูกชายตัวเองให้เขารู้จักหรอก แทฮยองถามผู้ใหญ่บ้านและปรายสายตามองเด็กหนุ่มตัวสูงที่นั่งข้างพ่อตัวเองพลางกวาดสายตามองสอดส่องรอบๆ บ้านของเขา เส้นผมสีสว่างที่อีกฝ่ายย้อมบนหัว ถึงจะแปลกไปสักนิดถ้าเทียบกับผู้คนแถวนี้แต่แทฮยองก็ไม่ได้มองว่ามันแปลกอะไร


    “ฮ่าๆๆ มีสิเฮีย เวทีประกวดสาวงามล่มเกาะที่จัดทุกปี ปีนี้ใกล้เข้ามาแล้ว”


    “...”


    แทฮยองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เขายกแขนขึ้นกอดอก จ้องหน้าผู้ใหญ่บ้านที่อ้าปากเตรียมจะเข้าเนื้อไม่ใช่เอาแต่เกริ่นน้ำ


    “แล้วที่ผมมาวันนี้ก็จะมาทาบทามแม่หนูที่อยู่บ้านเฮียไปประกวดเป็นตัวแทนของหมู่บ้านเรา แม่หนูนั่นหน้าตาดีกว่าใครที่นี่แล้วล่ะ คลิปร้องเพลงในไลฟ์สดก็คนแชร์เป็นพันๆ ถ้าได้ลงประกวดรับรองไม่พ้นได้ที่หนึ่งชัวร์ เฮียว่ามั้ย”


    แทฮยองตัวชาดิก นัยน์ตาจากที่เรียบนิ่งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างในฉับพลับ ทว่าเขาเก็บอาการและคิดถึงไอ้ไลฟ์สดร้องเพลงในงานวัดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวหลายๆ อย่าง


    คิดไว้ไม่ผิด


    แทฮยองไม่ตอบอะไรเพราะไม่รู้จะเอาคำพูดไหนออกมาตอกกลับให้มันดูไพเราะมากที่สุดในตอนนี้ เกรงว่าพูดตามที่คิดจะเสียคนเคยสนิท จนกระทั่งผู้ใหญ่บ้านพล่ามมาถึงประโยคสุดท้าย


    “แล้วอีกอย่างลูกชายผมก็ถูกตาต้องใจแม่หนูคนนั้นมาก ยังโสดมั้ยล่ะ”


    “...”


    “ถ้ายังไงผมจะมาสู่ขอไปอยู่กินเลย”


    “แด๊ด ไอเขินนะ”


    แทฮยองตวัดสายตามองเด็กตัวสูงลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่ยิ้มกว้างแต่ปากกลับบอกว่าเขิน มันนั่งม้วนตัวจนพ่อที่นั่งข้างๆ ยกมือตีไหล่


    “จะเขินอะไร เอ็งโตจนมีเมียได้แล้ว พ่อก็มาขอให้อยู่นี่ไงนัมจุน”


    “โห่แด๊ด! ไอบอกแล้วไงว่าไอเปลี่ยนชื่อเป็นแร๊ปมอนสเตอร์”


    “แร๊ปมงแร๊ปมอนอะไรวะเรียกยาก—ว่าแต่เฮียคิดยังไงบ้าง ผมไม่ได้รีบร้อนแค่มาทาบทามเอาไว้ก่อน”


    ผู้ใหญ่บ้านหันมาคุยกับแทฮยองที่นั่งนิ่งอยู่นานจนบรรยากาศรอบข้างตึงเครียดไปหมด นัยน์ตายากจะคาดเดาความคิดจดจ้องเด็กที่ชื่อนัมจุนหรือแรปมอนสเตอร์ จนอีกฝ่ายหุบรอยยิ้มที่กว้างในก่อนหน้านี้เพราะจะได้เมียก็ต้องเม้มปากลงพลางสะกิดพ่อตัวเองและกระซิบเบาๆ


    “ด...แด๊ด โบรเป็นอะไรน่ะ”


    “นั่นสิ....เอ่อเฮีย เป็นอะไรรึเปล่า”


    แทฮยองกระชากสติที่ขาดผึงของตัวเองกลับเข้าร่าง ดวงตาคมกริบวาวโรจน์จนสองพ่อลูกฉุกคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ก่อนสุ้มเสียงของเขาจะเอ่ยขึ้น แต่ทว่าทุ้มต่ำอยู่ในลำคอ


    “เรื่องสาวงามล่มเกาะ ดูท่าคนของผมจะไม่สะดวก ผู้ใหญ่ไปทาบทามคนอื่นเถอะ”


    ผู้ใหญ่บ้านทำหน้าเสียดาย


    “แต่เงินรางวัลหนึ่งหมื่นบาทเชียวนะเฮีย ลองถามแม่หนู—”


    “ผมบอกว่าไม่ก็ไม่”


    “อ...เอ่อ ไม่ก็ไม่”


    ผู้ใหญ่บ้านกลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มจะมาคุจนลูกชายที่นั่งเกี่ยวแขนอยู่เริ่มบีบแน่นราวกับเร่งให้พ่อตัวเองถามย้ำเรื่องขอเมีย ผู้ใหญ่บ้านเหลือบสายตามองลูกชายนิดๆ ก่อนจะรู้สึกว่าขมับตัวเองชื้นเหงื่อแต่ก็ยังใจกล้าถามออกไป


    “ล...แล้วเรื่องสู่ขอ”


    “ผมว่าผู้ใหญ่กลับไปเถอะ”


    แทฮยองลุกขึ้นยืน ยกมือไปที่ประตูจนสองพ่อลูกหันมองหน้ากันเลิกลั่ก


    “ผมได้ยินมาว่าแม่หนูเป็นคนเร่ร่อน เฮียรับเลี้ยงไว้เป็นคนงานที่ท่าเรือ เอ่อ...ถ้าเฮียไม่ว่าอะไรผมก็อยากจะสู่ขอมาให้ลูกชายดูแล—”


    “ไม่ต้องให้ถึงมือคนอื่นหรอก”


    แทฮยองตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุดจะระงับ ส่งผลให้ผู้ใหญ่บ้านที่รวบรวมความกล้าก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ต่อ


    “งั้นผมกับลูกชายลาแล้วกัน”


    “เชิญ”


    เขาผายมือไปที่ประตูบ้านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องของตัวเอง


    ยกให้คนอื่นดูแลงั้นเหรอ


    รอชาติหน้าตอนสายๆ เถอะ

     

     




    17.50 น.


    ช่วงบ่ายแทฮยองกลับไปทำงานและมาถึงบ้านก็ฟ้าใกล้ค่ำ เขาลงจากรถกระบะหลังจากที่ขับมาจอดในที่ของมัน กวาดสายตามองรอบๆ ลานหน้าบ้านที่เห็นป้าวิ่งไปเก็บผ้าที่ราวเพราะท้องฟ้ามืดครึ้มคิดว่าไม่นานฝนจะตก


    ขายาวก้าวเข้าบ้าน รอบด้านเงียบสงัดก่อนจะมีเสียงดังกระทบหลังคามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเม็ดฝนได้เทกระหน่ำลงมาเรียบร้อยแล้ว เขาทำท่าจะตรงเข้าห้องนอนตัวเอง ทว่าเสียงของโฮซอกเรียกอยู่ข้างหลังทำให้เขาหันกลับไปมอง


    “เฮียจ๋า”


    อีกฝ่ายหน้าตาดูร้อนใจ ส่งผลให้เขาขมวดคิ้วแน่น


    “มีอะไร”


    “เฮียไม่ให้ฉันไปซ่อมกระท่อมให้พี่ลีอันจริงๆ เหรอจ๊ะ”


    เขาจ้องหน้าโฮซอกที่กล้ามาพูดเรื่องนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าแทฮยองกำชับไปครั้งหนึ่งแล้วว่าไม่ต้องไปทำอะไรให้เด็ดขาด


    “ใช่ อย่าให้รู้ว่ามึงขัดคำสั่ง”


    “ฉันไม่กล้าหรอกจ้ะเฮีย”


    “งั้นมึงกับป้าจงไปกินข้าวกินปลาซะ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ปล่อยไป กูไม่ได้ล่ามโซ่ขังแล้ว มันออกมากินเองได้ไม่ต้องเอาไปประเคน”


    “จ้ะเฮีย”


    เสียงฟ้าร้องบ่งบอกว่าคืนนี้ฝนอาจจะตกทั้งคืน แทฮยองหมุนตัวเดินเข้าห้องนอนตัวเองด้วยอารมณ์คุกรุ่นอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้เขาเย็นลงแล้วแท้ๆ เชียว


    ผู้หญิงอวดดี หากเอาตัวเองยัดลงลังน้ำแข็งได้นานสองนานก็ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงหรอก

     

     




    21.00 น.


    ครื้น!


    ...ตั้งแต่ตอนที่แทฮยองกลับไปเมื่อกลางวัน ลีอันขังตัวเองอยู่ในกระท่อมและร้องไห้จนกระทั่งตอนนี้ ดวงตาบวมเป่งกวาดมองตรงหน้าต่างที่พังเป็นช่องกว้างและตอนนี้เม็ดฝนด้านนอกก็สาดเข้ามาจนเธอนั่งเบียดกำแพงอีกฝั่งเพื่อหลบฝนไม่ให้ร่างกายเปียก เสียงสะอื้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อนึกถึงชาตะกรรมของตัวเอง มีเพียงเควินที่นอนขดอยู่ข้างๆ เท่านั้นที่จะอยู่เป็นเพื่อนในเวลาลำบาก


    “ฮึก หนาวมั้ย”


    ลีอันก้มมองลูกหมาตัวเล็กที่ลืมตาขึ้นมองเช่นกัน มันคงง่วงนอนมากและปิดค่อยๆ เปลือกตาลงซุกร่างกายเบียดลีอันที่นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ในมุมกำแพง เสียงฟ้าร้องเป็นระยะทำให้เธอสะดุ้งอยู่หลายที เม็ดฝนด้านนอกสาดเข้ามามากขึ้นส่งผลให้ร่างกายของเธอค่อยๆ เปียกเช่นกัน


    ไม่รู้จะหลบตรงไหนแล้ว...ไม่มีอะไรเอามาบังช่องที่พังนั่นได้เลย


    คนตัวเล็กกอดเข่าแน่นขึ้น น้ำตาไหลอาบสองแก้มให้กับความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในตอนนี้ ความอ้างว้างที่พยายามข่มกลั้นมันเอาไว้ บางครั้งก็ไม่สามารถเข้มแข็งได้เพราะเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ลีอันได้แต่ภาวนาขอให้ฝนหยุดตก ความน้อยเนื้อต่ำใจและความเสียใจถูกบีบรัดจนเจ็บปวดไม่สามารถปลอบตัวเองด้วยถ้อยคำดีๆ ได้เลย พรุ่งนี้เธอสัญญาว่าจะเข้มแข็ง จะไม่ให้ใครว่าต่อว่าได้อีกแล้ว...ขอแค่วันนี้วันเดียว


    “ฮึก...”


    เนื้อตัวบอบบางสั่นระริก ร่างกายชื้นเปียกกอดตัวเองด้วยความหนาวสั่นและหวังจะหลับลงไปและตื่นมาพบเจอท้องฟ้ายามเช้าที่สดใส ทว่าเสียงประตูกระท่อมที่ปิดเอาไว้ดังกุกกักก่อนที่มันจะถูกเปิดเข้ามา


    น้ำตาที่คลอหน่วยตลอดเวลาทำให้ทัศนวิสัยพร่าเลือนมองไม่เห็น เธอเงยหน้าขึ้นจากหัวเข่าตัวเอง กลั้นก้อนสะอื้นในอกจ้องมองคนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ


    “โฮซอกเหรอ...”


    ลีอันยิ้มบางๆ และยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้า เธอพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เงยหน้ามองอีกคนชัดๆ ก็นิ่งค้างเพราะคาดไม่ถึง


    เจ้าของนัยน์ตาดุดันทว่าเรียบนิ่ง...คนใจร้ายที่ลีอันไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ


    “ฮึก!


    เมื่อเห็นหน้าเขาชัดๆ ก็ราวกับตอกย้ำความเจ็บปวด ลีอันเบ้ปากร้องไห้ออกมาจนแทฮยองกัดฟันข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่างของตัวเอง


    ความรู้สึกร้อนรนที่เขานั่งไม่ติดมาหลายชั่วโมง


    ความรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกทุกครั้งที่เสียงสายฟ้าฟาดลงมา


    ดวงหน้าเล็กๆ เหยเกร้องไห้อย่างหนัก เธอสะอื้นและยกมือผลักหน้าอกหนาในขณะที่แทฮยองก็เบียดตัวเองเข้าไปใกล้มากขึ้น


    เขายัดร่มในมือของตัวเองให้เธอถือ ก่อนร่างสูงจะก้มลงอุ้มไอ้เควินที่นอนตัวอ่อนยัดใส่อ้อมแขนลีอันอีกที คนตัวเล็กกอดทั้งลูกหมาทั้งถือร่ม เธอไม่เข้าใจนักและทำท่าจะเงยหน้าถาม...แต่ก็ถูกอ้อมแขนกำยำช้อนอุ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน


    “กางร่ม”


    เขาพูดในลำคอ ทำให้คนที่ถูกอุ้มกางร่มคันใหญ่ยกขึ้นบดบังเม็ดฝนให้ตัวเองและเขา...ลีอันกระชับแขนอีกข้างกอดลูกหมาที่ยังนอนหลับนิ่ง ก่อนจะหลบสายตาหนีเมื่อนัยน์ตาสีดำสนิทก้มมองลงมาในขณะที่สองขาก็ก้าวดุ่มๆ อุ้มเธอพ่วงด้วยลูกหมาอีกตัวเข้าบ้านของตัวเอง

     



    ทยอยแก้คำผิด*


    TBC.

    มาแล้วววฟหกดากห่เาดาดเดส

    ดึกแล้วมีใครรอบ้าง เฮียเขามานะพาร์ทนี้ อุ้มลูกอุ้มเมียกลับบ้าน--แค่กๆๆๆ

    มีใครงงฉากสุดท้ายมั้ย;-; คือว่าๆๆๆน้องลีอันอุ้มด่างอีกมือถือร่ม และก็ถูกอุ้มด้วยท่าเจ้าสาวจากเฮียแกอีกที แว๊กกกก จะทยอยเกลาสำนวนอีกครั้งนะคะ ไม่เขินๆ

    รออ่านคอมเมนต์บันเทิงของทุกคนอยู่น้า ส่องแท็ก #ฟิคเฮียแทฮยอง ด้วย! <3

    Facebook Fan page : PIMTAE

    Twitter : @pimtae_95

    #ฟิคเฮียแทฮยอง

    ภาพปลากอบลังน้ำแข็งที่น้องลีอันเข้าไปแอบค่ะ






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×