ตอนที่ 2 : — 02
เสียงเพลงดังกระหึ่มภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากทีวีเท่านั้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นเดาว่าเป็นสายที่สิบของวัน ทำให้เจย์ที่นอนแผ่อยู่บนเตียงกว้างคว้ามากดรับด้วยใบหน้าติดรำคาญ
“อะไร”
(ไม่มาเรียนรึไงวะ มึงโดนเช็คขาดครั้งที่สามแล้วนะไอ้เจย์ ถ้าครั้งหน้ามึงขาดอีกโดนตัดสิทธิ์สอบนะเว้ย)
ดูเหมือนจะไทม์ที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว ผิดจากเจ้าตัวที่ไม่ยี่หระแถมยังเอาท่อนแขนข้างที่ว่างหนุนศีรษะ ใบหน้าเซื่องซึมจ้องมองเพดานนิ่ง
“ช่างมันดิ”
(ช่างห่าไร ดีๆ ดิ๊อย่าเล่น)
“กูไม่ได้เล่น แค่นี้นะ”
เจย์กดตัดสาย นัยน์ตาว่างเปล่าคาดเดาความคิดไม่ได้เพราะไม่มีความคิดอะไรอยู่ในหัวทั้งนั้น เจย์โยนมือถือกลับที่เดิม ท่ามกลางความเหน็บหนาวจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดเกินกว่าองศาปกติ เขาชอบหนาวๆ แบบนี้ ผิดกับใครอีกคนที่มักจะบ่นอยู่ตลอดเพราะเธอเป็นคนขี้หนาว
แต่ช่างมันประไร
ตอนนี้เขาสบายใจ เพราะอยากทำอะไรก็ได้ภายในห้องๆ นี้
เจย์ไล่ความคิดที่มักจะมารบกวนอย่างตัดรำคาญ เพียงเพราะเผลอนึกถึงใบหน้าของใครอีกคนความหงุดหงิดก็แล่นเข้ามาทักทาย เพราะเมื่อไรที่คิดถึงภาพเก่าๆ ความแขยงก็ก่อเกิดในจิตใจเพราะแฟนคนล่าสุดที่เลิกรากันไป...เลิกกันด้วยความไม่เข้าใจ เขาจะเกลียดเธอก็คงไม่แปลก
ทิฐิมักอยู่เหนือทุกสิ่งอย่างหากยังอยู่ในอารมณ์โกรธ เจย์โทษตัวเองส่วนหนึ่งและแน่นอนว่าคนที่ผิดร่วมกันก็คือเกล สองสัปดาห์แล้วที่เธอเก็บเสื้อผ้าและยอมเป็นฝ่ายออกไปจากที่นี่ ต่างจากเขาที่ไม่ว่ายังไงก็จะอยู่ที่นี่ต่อไป แม้ต้องเจอกับภาพเหตุการณ์เก่าๆ แวะเวียนเข้ามาทักทายก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะเจย์มั่นใจว่าคนที่มูฟออนได้เร็วที่สุดต้องเป็นเขาแน่นอน
ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียว เกลบอกเลิกเขาเอง ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องคิดถึงอีกฝ่ายให้เสียเวลา หากเขาก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ ลืมเธอได้แม้จะยังต้องนอนเตียงหลังเดิมทุกคืนวันโดยไม่มีอีกฝ่าย...เขาจะกลายเป็นผู้ชนะ และคนที่หนีไปนั่นคือคนแพ้
และเกลต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเสียใจ
วงแขนขาวนวลข้างกายโอบกอด ก่อนที่ศีรษะจะเลื่อนมาซุกอยู่แถวบริเวณอกแกร่ง เจย์หลุบสายตามองหญิงสาวต่างคณะที่คุยๆ กันอยู่ช่วงนี้และเมื่อคืนเราสองคนพึ่งร่วมรักกันไป
ร่วมรักกันบนเตียงที่เคยมีอีกฝ่าย...เปลี่ยนบ้างก็ท้าทายดีไม่น้อย
“เจย์ไม่ไปเรียนเหรอ เห็นเพื่อนโทรตาม”
“ไม่ไป”
“งั้นอยู่ด้วยกันนะ”
“อืม”
มือหนาเลื่อนไปวางลงบนแขนเรียวที่กำลังกอดเขาอยู่ นิ้วโป้งลูบวนบนเนื้อเนียนแผ่วเบา สายตาก็จดจ้องเพดานสีขาวอย่างเหม่อลอย
“เจย์”
“...”
“เจย์”
“อะไร?”
“ฉันหนาวอ่ะ”
“...”
“เบาแอร์หน่อยได้มั้ย”
‘หนาวจัง เบาแอร์ให้หน่อย ’
‘ไม่เบาได้มั้ย แต่เดี๋ยวเจย์จะกอดเกลให้อุ่นเอง’
‘คนบ้า—อื้อ’
“เจย์...เจย์!”
เสียงแหลมผ่าลงกลางห้วงภวังค์จนเจย์ผละมือออกจากแขนของคนข้างๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและเสยผมที่ปรกหน้าผากอย่างหงุดหงิด เขาสูดลมหายใจอย่างคนเสียอาการก่อนจะตวัดสายตามองคู่นอนที่ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน
“เจย์เป็นอะไร”
“กลับไปก่อน”
“ห๊ะ”
“หูหนวก?”
“เดี๋ยวก่อนนะ เราพึ่งได้กันนะเจย์ ไล่กันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ!”
“เออ”
“...!”
เขาจ้องหน้าเธอจนอีกฝ่ายรีบหุบปากที่กำลังจะท้วงสิทธิ์ที่ควรได้รับ แต่เมื่อเห็นท่าทางน่าหวาดผวาแบบนั้นเป็นใครก็คงไม่กล้าพูดต่อ หล่อนลุกขึ้นแต่งตัวก่อนจะกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องนี้ไป ทิ้งเพียงชายหนุ่มร่างกำยำจ้องมองปลายเตียงด้วยสายตาแข็งกระด้างเฉกเช่นเดิม
วันเวลาผ่านพ้นไปกว่าหนึ่งเดือน...เป็นอีกคืนที่เจย์สิงตัวอยู่ที่ร้านเหล้า โซนเอ้าดอร์ทำให้มองเห็นท้องฟ้ามืดมิดแต่ทว่าปลอดโปร่ง สายลมพัดกระทบร่างกายในขณะที่มือก็รินเบียร์ใส่แก้วทรงยาว
วงดนตรีสดบรรเลงเพลงช้ากินใจอยู่บนเวทีไกลๆ รอบข้างครึกครื้นด้วยนักท่องราตรีอัดแน่นร้านจนไม่เหลือโต๊ะว่าง นัยน์ตาดุจเหยี่ยวตัวร้ายกวาดมองไปรอบๆ จนไปหยุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่งซึ่งนั่งกันสามถึงสี่คน ล้วนแต่เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยทั้งโต๊ะ
เจย์ส่งยิ้มให้หนึ่งในนั้นจนอีกฝ่ายยิ้มเขินตอบกลับมา เขาร้องหึในลำคอเมื่อคืนนี้หาเหยื่อง่ายกว่าที่คิด เอาจริงๆ มากี่ครั้งเขาก็มักจะได้ผู้หญิงที่ยอมเล่นด้วยอย่างเต็มใจติดมือกลับห้องทุกครั้ง
เพราะตั้งแต่ครองโสด...ชีวิตของเจย์ก็ดูเหมือนจะสนุกจนเขาแทบจะติดใจ
การไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนคือสีสันอีกอย่างหนึ่งที่เจย์ค่อนข้างแปลกใหม่ อย่างที่รู้กันอยู่ว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาเขามีเจ้าของ การที่จะทำอะไรตามอำเภอใจนั้นยากกว่าสิ่งใด แบบนี้อาจจะเป็นชีวิตที่เจย์ต้องการก็ได้
ไม่มีเกลเขาก็ไม่เห็นตาย...ชายหนุ่มเอาแต่คิดแบบนั้น
แต่ทว่าในสายตาของคนนอกกลับตรงกันข้ามไปซะหมด ไทม์จ้องมองเพื่อนฝั่งตรงข้ามที่เอาแต่กวาดสายตามองหาผู้หญิงที่เข้าตา มันกลับมาเป็นเสือเต็มรูปแบบอีกครั้ง ติดตรงที่นัยน์ตาลึกๆ ของเจย์ไม่ได้ดูสดใสอย่างอาการที่พยายามแสดงออกไป หากไม่สังเกตก็คงมองไม่ออก
จิมมองหน้าไทม์อย่างรู้กัน ทั้งคู่ถอนหายใจและเลิกมองเจย์เพราะถ้าอีกฝ่ายอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้มันทำ เกือบหนึ่งเดือนที่เพื่อนของพวกเขาเลิกกับคนรักและทั้งสองก็รู้ว่าเจย์รักเกลมากแค่ไหน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนไม่ใช่แค่แก้วร้าวแต่เป็นแก้วที่แตกละเอียดยากจะต่อให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมง่ายๆ นิสัยของเจย์แก้ไม่หายในเรื่องปากเสียตอนโกรธ จิมและไทม์ไม่รู้ความจริงหรอกว่าเกลและเด็กปีสี่ที่ชื่อนอร์ทแอบคบหากันมาก่อนอย่างที่เจย์เอาแต่พูดรึเปล่า แต่ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะปักใจเชื่อแบบนั้นและคงไม่เปลี่ยนความคิด
แต่ลึกๆ แล้วทั้งสองรู้ดีว่าเจย์ไม่คิดว่าเกลแอบมีคนอื่น แค่มันยังโกรธที่เธอเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน ปากถึงได้แข็งเป็นก้อนหินอยู่แบบนี้
หรือไม่มันอาจจะไม่อยากยอมรับความจริงว่าแท้จริงแล้วเรื่องนี้ใครเป็นคนผิด...ยังหลอกตัวเองว่าเรื่องของแคทไม่ใช่ต้นเหตุ
เวลาหนึ่งเดือนที่เจย์ยังทำตัวเสเพลไม่ยอมไปเรียนจนเพื่อนเป็นห่วงถึงการสอบปลายภาคนี้ จิมและไทม์พยายามช่วยทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปมีแต่จะแย่กว่าเดิม
แต่คงอีกไม่นานหรอก...ไม่นานที่มันจะเป็นฝ่ายไปขอเกลคืนดีก่อน เพราะดูทรงแล้วคนที่อยู่ไม่ได้คงหนีไม่พ้นเพื่อนของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เวลายิ่งดึก ภายในร้านก็ยิ่งคึกคัก เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่หมายปองสาวสวยคนหนึ่งไว้เมื่อชั่วโมงก่อนตอนนี้เธอคนนั้นได้ใจกล้าเดินมาขอชนแก้วและนั่งโต๊ะเดียวกันเป็นที่เรียบร้อย คนอย่างเจย์ถึงไม่รุกก่อนก็ไม่วายมีเป้าหมายเข้ามาจู่โจมถึงที่ คืนนี้เป็นอีกคืนที่เจย์ไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย หญิงสาวหน้าตาน่ารักก็มานั่งลงข้างกายและแนะนำตัวกับเขาและเพื่อนอีกสองคนเป็นที่เรียบร้อย เธอคนนั้นคุยเก่งและยิ้มสวยอีกต่างหาก เรียกสายตาคู่คมของเจย์ให้จดจ้องใบหน้าของเธออยู่นานสองนาน...ก่อนจะผละออกราวกับเบื่อเสียงของหล่อนที่เอาแต่ชวนคุยไม่หยุด
“เจย์”
คนที่แนะนำตัวเองว่าชื่อซินยกแก้วขึ้น เจย์ยกแก้วขึ้นชนด้วยแต่ทว่าใบหน้ากลับเรียบนิ่งยามที่วงดนตรีสดบรรเลงเพลงขับกล่อมโซนประสาท...ยิ่งดื่มเข้าไปมากเขายิ่งควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้
“เจย์ชอบเพลงนี้เหรอ เหมือนเราเลย”
“...”
เขาเพียงมองเธอและหันไปมองอย่างอื่นส่งผลให้ซินหน้าเสียลงเล็กน้อย เพลงนี้เจย์ได้ยินล่าสุดก็คงเป็นตอนที่เกลเปิดในห้อง...เขาไม่เคยลืม
ไม่ใช่เนื้อเพลง
แต่เป็นใครคนนั้นต่างหาก
และสุดท้ายก็คงเป็นเขาที่หนีไม่พ้นความรู้สึกลึกๆ ของตัวเอง หลอกใครต่อใครง่ายดาย แต่คนเรามักจะหลอกตัวเองไม่ได้ เจย์เข้าใจมันแจ่มแจ้ง
รอบข้างอื้ออึงราวกับเจย์นั่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดเพียงลำพัง มีเพียงเสียงเพลงเศร้าๆ ลอยกระทบหูและความหมายของมันยิ่งทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถเงยหน้าขึ้นไหว ไทม์รีบหันมองหน้าจิมเพราะเป็นห่วงเพื่อนอีกคนจับใจ ท่าทางแบบนี้เจย์คงเริ่มเมา และแน่นอนว่ามันคงคิดถึงเกลมาก
“ง...งั้นเรากลับโต๊ะก่อนนะ”
ซินดูออกว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไรและไม่มีเหตุผลที่เธอต้องนั่งปลอบใจคนอกหักให้เสียเวลา หล่อนบอกลาเพียงเท่านั้นก่อนจะกลับโต๊ะตัวเอง
“ไอ้เจย์ ไหวมั้ยวะ”
“นั่นดิ กลับกันเถอะ”
“...”
ทว่าทุกเสียงพูดไม่ได้เข้าโสนประสาทของเจย์แม้แต่นิด เขาก้มหน้ามองพื้นโต๊ะที่เปียกไปด้วยก้นแก้วเป็นรูปวงกลม เกลียดความรู้สึกที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันก็ไม่สามารถสลัดมันทิ้งได้ ไม่ว่าจะพยายามหาสิ่งใดมาแทนที่ ผลสุดท้ายหัวใจของเขามันก็วนลูปกลับไปที่เก่า
ไม่เคยทำใจและเลิกคิดถึงเกลได้เลยสักวินาทีเดียว
เจย์เริ่มสติเรือนลาง เขาอยากสูบบุหรี่ก่อนจะลุกขึ้นและไม่ลืมคว้าไฟแช็กที่จิมตั้งคืนบนโต๊ะเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันอย่างเป็นห่วง
ร่างสูงเดินมายังห้องน้ำชายหลังจากสูบบุหรี่เสร็จ เขาตั้งใจจะกลับเลยจึงแวะห้องน้ำก่อนแต่ทว่าสายตากลับมองเห็นแผ่นหลังบางที่คุ้นตากำลังเดินตรงไปยังห้องน้ำหญิง การกระทำที่ไวกว่าความคิด เจย์ตรงไปหาเธอคนนั้นและจับข้อมือของเธอจนอีกฝ่ายหันกลับมา
เป็นเกลจริงๆ ด้วย
หรือไม่ เขาก็คงเมาจนสติเลื่อนลอย
“เจย์...”
แต่ทว่าภาพตรงหน้าคือความจริง เธอดูตกใจไม่น้อยไปกว่ากันที่เผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสั่นไหวเมื่อมองหน้าคนรักเก่าที่เลิกรากันไปกว่าหนึ่งเดือน ทั้งคู่ยังคงมีบาดแผลในใจที่สาหัส อยู่ที่ว่าใครจะจัดการกับแผลนั้นได้ดีกว่า
“เกล”
เจย์เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า เขายังพอหลงเหลือสติแต่ไม่เต็มร้อยนัก...ถึงได้เอาแต่ส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเธออยู่แบบนี้
“...”
“เกล...มากับใคร”
“อีฟน่ะ”
“อ๋อ ไม่เห็นเลย นั่งตรงไหนเหรอ”
“ข้างใน”
ร้านนี้มีสองโซนคือเอ้าดอร์ที่เป็นดนตรีสดและด้านในซึ่งเป็นกึ่ง EDM เจย์พยักหน้าเบาๆ และยังคงจับข้อมือบางอยู่แบบนั้น เกลหลุบสายตามองมือของเขาก่อนจะเงยหน้ามองเจย์อีกครั้ง
“คือ—”
“ขอคุยด้วยหน่อย”
“...”
“นะเกล...ขอร้องก็ได้”
ทั้งคู่ยืนพิงกำแพงด้านหลังร้านซึ่งเป็นลานกว้างไร้ผู้คนในตอนนี้ เจย์ก้มหน้าลงมองพื้นคอนกรีต...ก่อนจะเป่าปากออกอย่างยอมแพ้
แพ้แล้วจริงๆ เขาอยู่ไม่ได้หรอกนะ
“คิดถึง”
เจย์เอ่ยออกมาพลางมองใบหน้าที่แสนคิดถึงอย่างที่ปากบอกออกไป ส่งผลให้เกลชะงัก...
“คืนนั้นฉันกับแคทไม่มีอะไรกันจริงๆ แล้วฉันก็ไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนั้นด้วย”
“...”
“กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ยเกล”
เธอเงยหน้ามองคนตัวสูงที่เคลื่อนร่างกายมายืนคร่อมทับกันโดยที่เกลยังพิงกำแพงอยู่ นัยน์ตาเจ็บปวดของเขาซึ่งไม่ต่างจากเธอนัก แต่เกลคิดดีแล้วกับคำบอกเลิกที่เคยพูดออกไป
ไม่ใช่เธอไม่รักเจย์ และไม่ใช่แค่เรื่องของแคทเหตุผลเดียว แต่เธอเหนื่อยกับนิสัยพาลของเขาที่ผ่านมา โมโหทีไรเจย์มักจะพูดจาทำร้ายจิตใจกันตลอดทั้งที่เขาเคยสัญญาว่าจะเปลี่ยนตัวเอง
“เกล...”
“ให้มันจบดีกว่าเจย์”
“...”
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้ตอนนี้ ฉันแค่...”
“...”
“ไม่อยากดันทุรัง”
“เป็นเพื่อนกับผัวได้ด้วยเหรอเกล”
เจย์เริ่มขึ้นเสียง เกลหลับตาแน่นเพราะสุดท้ายก็วนกลับมาลูปเดิม
“นายเมา แยกกันตรงนี้เหอะ”
“ไม่รักกันเลยเหรอวะ”
เท้าทั้งสองหยุดชะงัก เกลร้อนเผ่าที่ขอบใจและจังหวะที่เธอหันกลับไปมองเขา น้ำตาของเจย์ก็ไหลลงมาต่อหน้าต่อตาของเธอ
“...”
“โอกาสก็ไม่มีให้กันเลยเหรอ”
“...”
“เธอแม่ง โคตรใจร้าย”
“...”
เจย์เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองและข่มความเสียใจเอาไว้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาร้องไห้ให้กับผู้หญิงคนนี้ แต่เป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้ต่อหน้าเธอ เกลไม่คิดว่าเจย์จะยังรักเธอมากขนาดนี้ ทั้งที่หนึ่งเดือนที่ผ่านเธอได้ยินว่าอีกฝ่ายคบผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้เป็นแบบนี้...
ร่างกำยำแต่ทว่าดูอ่อนแรงเดินผ่านหน้าเกลไป...เขาหายไปทิ้งเพียงความเจ็บปวดให้กับเธอที่ยังไม่ลืมเขาได้สักวันเดียวเช่นกัน เกลยกมือปิดปากตัวเองแน่นเพื่อซ่อนเสียงสะอื้น ยิ่งนึกถึงดวงตาปวดร้าวของเขา น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหลลงมา ภาพวันเก่าๆ ของเราไม่จางหายไปไหน เธอคิดถึงอีกฝ่ายไม่น้อยไปกว่ากันแค่กำลังพยายามเข้มแข็ง อยากตัดเขาออกไปจากชีวิตตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป...ขืนดันทุรังต่อไป ยังไงเรื่องของเราคงหนีไม่พ้นกลับมาถึงจุดจบเดิม
และอาจจะยิ่งแตกหักมากขึ้น ตอนนี้เราสองคนยังพอคุยกันได้อยู่ไม่ใช่เหรอ
เกลยืนร้องไห้อยู่เนิ่นนาน ความเข้มแข็งที่พกมาแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
หลายวันผ่านไป
เกลไปเรียนด้วยอาการเหม่อลอยยิ่งกว่าช่วงแรกๆ ที่เลิกกับอดีตคนรัก ที่มันเป็นแบบนี้เพราะก่อนหน้าเธอตั้งมั่นว่าจะเดินหน้าต่อไปแต่ทว่าหลังจากเจออีกฝ่ายคืนนั้น...ความสับสนก่อเกิดภายในใจยากที่จะสลัดออก
เกลกำลังคิดทบทวนว่าจะกลับไปลองดูใหม่ ต่างคนต่างปรับจูนเข้าหากันกับคนที่เธอรักมากๆ อีกสักครั้งดีหรือไม่
“เกล นั่นๆ พี่นอร์ท”
หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ที่มีแต่เจย์ ดวงตาหม่นหมองหันมองร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาทว่าไม่ถูกระเบียบนัก เสื้อสีขาวปล่อยชายออกจากกางเกงสแล็คดำ พับแขนเสื้อสองสามทบยิ่งเพิ่มความดูดียามที่ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรส่งยิ้มมาให้
นอร์ทเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบที่ตกแต่งสวยงาม ส่งผลให้เกลขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พี่นอร์ท...”
“เกล พี่ให้”
เขายื่นช่อดอกกุหลาบให้เธอ ฉับพลันเสียงพูดคุยจากคนรอบข้างก็ดังขึ้น เช่นเดียวกับที่นักศึกษาบางคนยกมือถือขึ้นถ่ายไม่เว้นอีฟเพื่อนสนิทซึ่งตลอดระยะเวลาที่เกลโสด อีฟมักจะเชียร์พี่รหัสตัวเองจนออกนอกหน้าหลายครั้ง เพราะพี่นอร์ทก็เป็นอีกคนที่คอยเทียวรับเทียวส่งเกล ดูก็รู้ว่าชายหนุ่มปีสี่คนนี้กำลังเดินหน้าจีบเธออีกครั้ง
เกลเม้มปากแน่น หันมองซ้ายขวาเพราะทำตัวไม่ถูก
“พ...พี่นอร์ทให้เกลทำไม”
ถามเสียงเบาและเอื้อมมือไปรับช่อดอกกุหลาบสีสวยมาไว้ในอ้อมกอด
“พี่ชอบเกลนะ”
“...!”
“พี่แค่บอกไว้ก่อน ว่าชอบมากๆ”
นอร์ทยิ้มหน้าแดงพลางยกมือขึ้นเกาแก้มเบาๆ ท่าทางน่ารักของเขาทำให้นักศึกษาหญิงที่สุ่มเชียร์อยู่ถึงกับส่งเสียงกรี๊ดออกมา
เกลลอบถอนหายใจ การกระทำนี้ไม่วายถูกคนรอบข้างเข้าใจผิดว่าเธอกับอีกฝ่ายคบกันแล้วแน่ๆ
ภายในรถยนต์คันหรูของนอร์ทที่ยังจอดอยู่ในลานจอดกว้างของมหาวิทยาลัย ทั้งคู่ขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจัดการเปิดเพลงและปรับองศาแอร์ให้พอดีกับคนตัวเล็กข้างกาย เกลนั่งกอดช่อดอกไม้บนตักทว่าใบหน้าของเธอดูอมทุกข์กับสิ่งที่กำลังจะบอกออกไป
“แวะหาอะไรกินก่อนดีมั้ย เกลอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
นอร์ทที่กำลังจะออกรถเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันไปมองเกลที่จู่ๆ ก็เรียกชื่อของเขา ดวงตากลมแฝงความอึดอัดเอาไว้
“พี่นอร์ท”
“ครับเกล”
“คือ...เกล”
“...”
“พี่นอร์ทรู้ใช่มั้ยว่าเกลยังไม่พร้อม”
เธอเม้มปากแน่น หลุบสายตามองช่อดอกกุหลาบบนตักตัวเอง คำพูดของเธอทำให้ร่างสูงฉุกคิดได้
“พี่เข้าใจว่าต้องใช้เวลา พี่รอได้—”
“แต่ยังไงเกลก็ลืมเจย์ไม่ได้”
“...”
“เกลขอโทษนะพี่”
เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ยิ่งย้ำเตือนว่าภายในใจของเกลมีแต่เจย์จนไม่เหลือที่ว่าง แค่คิดว่าจะลองให้โอกาสนอร์ทเธอก็อยากจะร้องไห้ออกมาซะตอนนั้น เพราะความคิดที่ว่าคือเธอต้องสลัดเจย์ออกไปจากห้วงความทรงจำ...ความทรงจำที่ย้ำชัดว่าเราสองคนยังรักกันมากแค่ไหน คืนนั้นที่เธอบังเอิญเจออีกฝ่าย หลังจากได้ยินคำขอโอกาสและน้ำตาของเขา...หัวใจไม่รักดีมันก็อ่อนข้ออย่างไม่น่าให้อภัย
จะว่าเธอไม่เด็ดขาดก็ได้ ในเมื่อเกลก็รักเจย์มาก
“เกล...จะกลับไปหาเขาเหรอ”
“...”
เธอไม่ตอบ เพียงแค่สบตากลับไปเท่านั้น ความหมายที่สื่ออกมาจากแววตาทำให้นอร์ทเข้าใจยิ่งกว่าคำพูดนับร้อยคำ
“ดีแล้ว เจย์ยังดูคิดถึงเกลนะ กลับไปปรับความเข้าใจกันใหม่”
“ขอบคุณนะพี่นอร์ท”
“ไม่เป็นไร พี่ยังอยู่ตรงนี้แหละเกล”
“...”
“หันมาจะเจอพี่เสมอ”
“พี่นอร์ท...”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
นอร์ทส่งยิ้มให้เธอก่อนจะออกรถตรงไปยังคอนโดฯที่เกลเคยอาศัยอยู่กับคนที่เธอรัก เขาพอดูออกว่ายังไงสองคนนี้คงตัดกันไม่ขาด
...ไม่ใช่ครั้งแรกที่นอร์ทโดนปฎิเสธจากเธอคนนี้
แค่หัวใจที่ไม่รักดีมันยังเอาแต่คาดหวัง
ภายในห้องกว้างแต่ทว่ามืดมิด กลิ่นสาบของบุหรี่ที่อัดแน่นหลายวันซึ่งไม่ควรสูบมันในห้องแต่เขากลับทำลงไป รอบห้องรกรุงรังด้วยข้าวของวางสะเปะสะปะ ส่วนใหญ่มันถูกกวาดและโยนลงพื้นแทนที่จะอยู่บนโต๊ะหรือไม่ก็ชั้นวางอย่างเช่นตอนแรก ม่านกันแสงถูกปิดจนมิด สภาพของเจย์ดูไม่จืดหลังจากคืนนั้นที่เจอเกลโดยบังเอิญ เขาขอโอกาสจากเธอ ทิ้งทิฐิทุกอย่างเพราะรักที่ไม่สามารถลบเลือนได้
แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เขาต้องปล่อยเธอไปจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
นัยน์ตาแข็งกร้าวจ้องมองหน้าจอมือถือที่เพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งแชร์ลงหน้าเฟซบุ้คตัวเอง มันคือคลิปสั้นๆ ที่ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยื่นช่อดอกไม้ให้กันในมหาวิทยาลัยซึ่งเขาก็เรียนอยู่ที่นั่น คอมเมนท์ต่างไปในทิศทางที่ว่าฝ่ายชายกำลังขอฝ่ายหญิงเป็นแฟน
คลิปนั้นถูกตัดจบเพียงแค่สี่สิบวินาที เจย์กำโทรศัพท์แน่นหวังจะให้มันแตกละเอียดคามือ ให้เหมือนกับหัวใจของเขาในตอนนี้ ทั้งที่ระยะเวลาแป๊บเดียว ใครอีกคนกลับทำใจได้และกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่
แตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง
เจย์กวาดสายตาแดงก่ำเพราะหยาดน้ำเอ่อล้นมองรอบห้อง สภาพของเขาเหมือนคนตกนรกขุมลึกและเธอกำลังขึ้นสวรรค์ไปเจอกับเทวดารูปงาม มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอที่ใครคนหนึ่งจะใช้เวลาทำใจ
มันไม่เร็วไปหน่อยรึไง...กับเวลาสองปีที่เรารักกัน
เขาทรมานจนทิ้งตัวลงนั่งและกอดเข่าตัวเอง ดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำใสๆ ในคราแรกก็พากันไหลลงมาไร้เสียงสะอื้น คงเป็นน้ำตาแห่งความเจ็บใจมากกว่า ทำไมต้องกลายเป็นเขาที่โคตรแย่อยู่คนเดียว ทำไมเกลดูไม่เสียใจหรือคิดถึงเขาอย่างที่เจย์กำลังเป็นอยู่ เจย์พยายามอย่างหนักที่จะไม่เชื่อว่าเกลกับไอ้เด็กปีสี่คนนั้นแอบคุยกันมาก่อน
แต่พยายามยังไงก็ทำไม่ได้ เกลคงมีใครมาก่อนที่จะบอกเลิกเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เลือกมันได้เร็วขนาดนี้
ร่างกำยำนั่งซุกใบหน้าลงบนท่อนแขนของตัวเองที่กำลังกอดเข่าแน่น ทว่าเสียงข้อความกลับดังขึ้นทำให้เจย์ผละสายตาที่อาบน้ำตาจ้องมองหน้าจอ
เกล : เจย์ อยู่ห้องมั้ย ขอเข้าไปหานะ
เกล : ฉันมีเรื่องจะบอกนาย
นัยน์ตาจากที่วูบไหวแปลเปลี่ยนเป็นฉายประกายโทสะในฉับพลัน เสี้ยววินาทีนั้นน้ำตาทั้งหมดก็แห้งหายไปทันที...หลงเหลือเพียงความแข็งกร้าวเท่านั้น สัตว์ร้ายเข้าครอบงำและเอาแต่คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเกลจะมาที่นี่ทำไม ในเมื่อเธอกำลังมีความสุข จะกลับมาขุมนรกแห่งนี้อีกเพื่ออะไร
อาจจะแวะเอาของหรือไม่...ก็คงตั้งใจมาเยาะเย้ยสภาพที่น่าสมเพชของเขาตอนนี้
และคงเป็นอย่างหลัง เจย์เปลือยกายท่อนบนยืนเท้าระเบียงพลางพ่นควันสีเทาลอยคละคลุ้งกลางอากาศ จุดที่ยืนอยู่มองเห็นพื้นถนนด้านล่างที่รถยนต์ซึ่งเจย์จำได้แม่นว่าเป็นของไอ้นอร์ทเลี้ยวเข้าลานจอดของคอนโดฯ เจย์พ่นควันบุหรี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขยี้ปลายไฟลงบนถังสแตนเลส ไม่คิดจะเข้าไปจัดของในห้องให้ดูดีต้อนรับเมียเก่ากับผัวใหม่ที่กำลังจะมาสมเพชเขาถึงที่
ดีเหมือนกัน...เจย์อยากเจอหน้าพวกมัน จะได้ตอกย้ำว่าต่อไปนี้เขาควรปฏิบัติกับทั้งสองคนนั้นยังไง
หญิงสาวตัวเล็กยืนกำมือหน้าประตูห้องด้วยความประหม่า เกลสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจ รอยยิ้มเปื้อนใบหน้าและดวงตากลมที่เต็มไปด้วยความหวังบางอย่าง
เธอไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงให้เจย์เข้าใจ...แต่อีกฝ่ายคงไม่เข้าใจยากนักหรอก
นิ้วเรียวกดออดสัญญาณไม่นานประตูก็เปิดออก เกลไม่เห็นคนด้านใน เห็นแค่บานประตูเปิดออกเล็กน้อยราวกับเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปต่อจากนี้ เกลตัดสินใจเดินเข้าห้องที่คุ้นเคยแต่ทว่าทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป สายตามองเห็นรอบห้องที่เละเทะดูแทบไม่ได้
ไหนจะความมืดมิด...หาเจ้าของห้องไม่เจอ
เกลสะดุ้งเมื่อเสียงประตูด้านหลังปิดลงและล็อคอัตโนมัติ เธอหันมากวาดมองหาใครบางคนในความมืดมิด กลิ่นสาบของควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งจนฉุนจมูก
“เจย์...”
เกลเรียกชื่อของเขา ไม่นานร่างกำยำก็เดินออกมาปรากฏตรงหน้า หัวใจของเกลเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดๆ
ใบหน้าหล่อเหลายิ่งเพิ่มความดุดันเมื่อขอบตาของเขาขึ้นสีคล้ำชัดเจน
“มาแล้วเหรอ”
สุ้มเสียงเย็นเอ่ยขึ้น ร่างสูงใหญ่เปลือยกายท่อนบนค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปหาอดีตคนที่เคยรัก เกลมองเขาด้วยสายตาตื่นตระหนกและไม่ไว้ใจ ยิ่งทำให้เจย์เกลียดท่าทางแบบนั้น
ทั้งที่เราสองคนเคยร่วมรักอย่างเมามันส์
ทั้งที่เราเคย ‘เข้า’ กันได้ดีไม่ใช่เหรอ?
“เจย์—”
“ไอ้นอร์ทล่ะ มันไม่เข้ามาด้วยเหรอ?”
“...”
เกลเริ่มกลืนน้ำลายลงคอ เธอจ้องหน้าคนรักด้วยสายตาที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป รังสีความน่ากลัวแผ่ชัดมากขึ้นยามที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้
“ไม่เอามันเข้ามาเยาะเย้ยฉันเหรอ?”
“...”
“ทำไมกล้าเข้ามาคนเดียว”
“โอ๊ย!”
เจย์ผลักร่างของเกลจนกระเด็นไปติดผนังด้านหลัง ก่อนจะเข้าประชิดทันที กักขังร่างสั่นสะท้านเพราะความหวาดกลัวเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนี
เจย์ในด้านมืดเผยตัวตนออกมาจนหมด
“ลืมของเหรอ หรือมาเอาอะไร?”
เขาถามเสียงเรียบ มือหนายกขึ้นจับคางของเธอก่อนจะออกแรงบีบจนเกลน้ำตารื้น เธอตั้งสติและรับรู้ว่าเจย์คนตรงหน้า...ไม่ใช่เจย์คนเดิมอีกต่อไป
และไม่มีเหตุผลอะไรที่เกลต้องพูดความในใจที่เตรียมมา
เพราะมันไม่มีประโยชน์
“อึก เจ็บนะ”
“เจ็บไม่ต่างกัน”
“...”
“เข้ามาที่นี่แล้ว...”
“...!”
“อย่าหวังว่าจะได้ออกไปอย่างนางพญาเลยเกล”
60%
ฉับพลันนั้นเอง...ร่างของหญิงสาวถูกดันให้แนบชิดกำแพงจนแผ่นหลังไม่เหลือช่องว่างเช่นเดียวกับด้านหน้าเพราะริมฝีปากร้ายได้จู่โจมลงมาบดขยี้จนรู้สึกเจ็บแสบ หัวสมองอื้ออึงก่อนจะสะดุ้งเพราะเจย์กัดปากล่างของเธอจนรู้สึกถึงคาวเลือด เกลหน้าแดงก่ำอีกทั้งเนื้อตัวยังสั่นเพราะหวาดกลัวคนตรงหน้าราวกับไม่เคยรู้จักเขามาก่อน มือเล็กจิกไหล่หนาไม่ออมแรงในขณะที่เจย์สอดเรียวลิ้นเข้าโพรงปากอย่างจาบจ้วง คล้ายว่าเขาจับทางของเกลได้ไปซะหมดราวกับคุ้นชินสัมผัส จากที่ลดอคติและกลับมาในครั้งนี้คือปรับความเข้าใจแต่สุดท้ายสิ่งที่เกลรู้นั่นคือเจย์ไม่เคยทิ้งนิสัยนี้ของตัวเองได้เลย
ทุกอย่างมันพังทลายลงต่อหน้า...เกลบอกกับตัวเองในใจว่าต่อไปนี้ขอให้เราขาดกันไม่ว่าจะยังไงเธอก็คงไม่สามารถมองผู้ชายคนนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วจริงๆ
เจย์พร่ำจูบริมฝีปากของคนที่เขาเคยรัก จากที่รุนแรงก็แผ่วความเจ็บปวดลงกลายเป็นลุ่มลึกยากจะถอนตัว อ้อมแขนของเขากอดรัดลำตัวของเธอไม่ให้หนีห่างแม้ว่าเกลจะพยายามผลักไสมากแค่ไหนก็ตาม เรียวลิ้นกวาดต้อนฟันทุกซี่ก่อนจะผละออกมาจ้องมองใบหน้าขึ้นสี เธอเอาแต่มองไปทางอื่นอย่างโอหังจนชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร
ไม่เหมือนเดิม...เราสองคนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
“เกล”
“ปล่อย”
“มีผัวสองคนเป็นไง?”
“นายเป็นบ้าเหรอเจย์ ปล่อย!”
และอีกสิ่งหนึ่งที่เจย์บอกกับตัวเอง...ต่อจากนี้ไม่ว่าเกลจะเลือกใครและจุดจบของเราจะแตกหักมากแค่ไหน เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เธอไปมีความสุขอยู่คนเดียวแน่นอน
มือหนาบีบเค้นสะโพกของเธอก่อนจะเห็นสีหน้าเลิ่กลั่ก ดวงตาเบิกโพลงราวกับเขาเป็นตัวน่ารังเกียจทั้งที่เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนั้น ใจคนเราเปลี่ยนแปลงไปง่ายกว่าที่คิด เขาสอดมือเข้าใต้เนื้อผ้าและหวังจะทำในสิ่งที่เราสองคนเคยร่วมกระทำกันมานับครั้งไม่ถ้วน ต่างกันแค่ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม และเจย์ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไรหากผู้หญิงใจง่ายที่เปลี่ยนใจเพียงแค่ข้ามสัปดาห์อย่างเธอจะมีอะไรกับเขา...พร้อมๆ ที่กำลังคบหากับไอ้นอร์ท
“ฉันไม่บอกมันหรอก ที่มาหาไม่ใช่เพราะคิดถึงกันรึไง”
“นายมันบ้า!” เกลดิ้นพล่าน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร
“ฉันยินดีใช้เมียร่วมกับมันนะ ไหนๆ เราก็คนเคยชินไม่ใช่เหรอเกล”
“อึก ไม่”
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแต่ทว่าเป็นยิ้มเฉกเช่นสัตว์ร้าย เขาไม่เหลือความรักหรือเยื้อใยในดวงตาแม้แต่นิด เจย์เกลียดใครแล้วมักจะเกลียดมากและหากเขาจะจ้องล้างจองผลาญ เกลมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไปล่อยเธอไปง่ายๆ ดูเหมือนเขากำลังสนุกที่เห็นเธอไม่ยินดีและอยากจะออกไปจากที่นี่เต็มที มือหนาเลื่อนออกจากใต้เนื้อผ้าที่บีบเค้นสะโพกอวบอิ่มและย้ายขึ้นมากำรอบต้นแขนก่อนจะลากเธอไปยังเตียงนอน อดีต ที่เคยเป็นของเรา
เกลส่ายหน้าทั้งน้ำตา เธอกัดปากแน่นและยื้อแรงจนคนใจร้ายตวัดสายตามองอย่างรำคาญ
“อย่าลีลา!”
“นายบ้าไปแล้วเหรอเจย์ ฮึก”
“เออ! ฉันมันบ้าไปแล้ว จำใส่หัวเธอไว้นะเกล ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอไปมีความสุขอยู่คนเดียว”
“...”
“เข้ามาในชีวิตของฉันแล้ว...อย่าคิดว่าจะเดินออกไปง่ายๆ”
เกลน้ำตาไหลต่อหน้าเขา มือที่บีบต้นแขนผ่อนลงในฉับพลัน บางอย่างในแววตาของเขาวาบผ่านเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เห็นน้ำตาของเธอ
ขอแค่เกลบอกว่ายังรักเขาสักนิด เจย์จะยอมทุกอย่างไม่ว่าเธอต้องการอะไร
แต่คงเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้น...โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทิ้งโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง
และราวกับว่าตื่นจากความฝันที่ไม่มีวันเป็นไปได้ ใบหน้าเหี้ยมจ้องมองอีกฝ่ายก่อนจะกระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก เช่นเดียวกับนัยน์ตาที่ฉายชัดว่าเกลียดผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว
“ฉันจะให้โอกาสเธออีกสักครั้งก็ได้”
“...”
“พูดมาว่าจะเลือกใคร...ฉันหรือมัน”
เจย์กลืนน้ำลายลงคอหลังจากพูดออกไป เขาแสร้งทำสีหน้าเด็ดขาดต่างจากข้างในที่ไม่มีใครรับรู้
“พูดตอนนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไร”
“หมายความว่าไง”
“มันจบแล้วเจย์”
“...”
“จบแล้วจริงๆ”
เกลยกมืออีกข้างเช็ดน้ำตาที่พากันไหลลงมาต่อหน้าเขา เจย์หน้าซีดแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เขาไม่มีวันทำใจยอมรับได้
ไม่เลย
“งั้นก็ตามนั้น”
“โอ๊ย!”
เจย์เปลี่ยนไปกระชากข้อมือและเหวี่ยงลงเตียงนอนที่ใช้มันเพียงคนเดียวหลังจากที่เธอจากไป เวลาที่ผ่านมาย้ำชัดว่าเจย์ลืมคนคนนี้ไม่ได้ และยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะมีคนใหม่ ยิ่งทำให้เขาอยากจะจองล้างจองผลาญอีกฝ่ายไม่ให้มีความสุขทั้งที่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำแต่เขาก็เลือกที่จะทำ ชายหนุ่มคร่อมทับร่างบางก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปและหยุดนิ่งโดยที่ใบหน้าของเราห่างกันเพียงนิดเดียว...นัยน์ตาแข็งกร้าวเอาแต่กวาดพิจารณาดวงหน้าหวานที่เขาหวงแหน แต่ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว
ปล่อยเกลไปงั้นเหรอ? คงเป็นประโยคที่บ้าที่สุดที่เคยได้ยินมา
“ไม่! อื้อ”
เขาจูบเธอย้ำๆ และทุกครั้งมักจะรุนแรงจนใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงเป็นเพราะความโกรธหรือความเจ็บก็ไม่อาจรู้ได้ เกลดิ้นเท่าที่มีแรง มือเล็กกระชากเส้นผมหยักศกที่ยาวมากขึ้นกว่าครั้งล่าสุดที่เราเจอกัน ไรหนวดแหลมทิ่มแทงต้นคอยามที่เจย์ผละริมฝีปากออกมาและจูบซับบนผิวเนียนนุ่มลากไปถึงลาดไหล่ เขาหลงกลิ่นกายของอีกฝ่ายและมั่นใจว่าเกลก็ยังรู้สึกกับเขาอยู่ ฝ่ามือหนาบีบคลึงร่างกายบอบบางที่นอนหอบหายใจแรงๆ สิ่งไหนที่เกลเกลียดเขาตั้งใจจะทำให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมยาวๆ รกรุงรังนี้ ไม่เว้นแม้แต่ไรหนวดหนาที่โผล่ขึ้นมาไม่คิดจะโกนมันทิ้ง
เธอชอบบ่นทุกครั้งที่เขาละเลยตัวเอง ยิ่งเป็นแบบนี้เจย์ก็ยิ่งทำ
เขากอดรัดร่างกายของเธอและฉับพลันเกลกลับหยุดดิ้นราวกับยอมแพ้และยอมเขาแต่โดยดี หัวใจด้านชาเต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่อยากรุนแรงให้ผิวสวยๆ เป็นรอยหรอก แค่อยากจะขู่เธอเพราะเจย์เชื่อว่ายังไงเกลก็ต้องยอม
และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
และฉับพลัน ร่างสูงลุกขึ้นก่อนจะตรงไปหยิบของบางอย่างที่เก็บเอาไว้ให้พ้นตา ถุงยางอนามัยที่ยังไม่ใช้อยู่แถวลิ้นชักหน้าทีวี เขารู้ว่าจบคืนนี้ไปเรื่องราวของเราสองคนจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน ไม่มีวันที่เกลจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่เขายอมทุกอย่างแม้กระทั่งยอมเป็นชู้กับแฟนของคนอื่นหากเกลมีเจ้าของแล้วจริงๆ
เขามันบ้าอย่างที่เธอด่า...ไม่คิดจะเถียง
อารมณ์ของเจย์พุ่งทะยาน เขาเปิดลิ้นชักหาถุงยางอนามัยอย่างบ้าคลั่งก่อนจะได้มันมาไว้ในมือ เขาหันหลังหวังจะเดินกลับไปที่เตียงนอนซึ่งมีใครบางคนนอนรออยู่ แต่ทว่าเกลลุกขึ้นมายืนอยู่ด้านหลังของเขา มือของเธอถือของบางอย่างที่เจย์เคยซื้อให้เพื่อให้เธอพกติดกระเป๋า
แต่ไม่คิดว่าขวดสเปรพริกไทยขวดนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
“เหี้ย! โอ๊ย!”
เกลฉีดขวดในมือใส่หน้าของเขาก่อนจะวิ่งไปที่ประตูโดยไม่สนใจว่าคนด้านหลังที่กลายร่างเป็นปีศาจจะเจ็บถึงขั้นตาบอดหรือไม่ ชายหนุ่มหมดท่าทรุดลงไปกับพื้นพร้อมกุมใบหน้าตัวเอง ดีที่มันไม่เข้าตาตรงๆ เพราะเขาไหวตัวทันจึงชิ่งหลับตาซะก่อน แต่ก็แสบใช่เล่น เขาวิ่งเข้าห้องน้ำแทนจะตามคนตัวเล็กไปพลางคิดในใจไม่ว่ายังไง...เธอก็ไม่มีทางหนีเขาพ้น
“ร้ายนักนะเกล”
20.30 น.
เจย์ : ดูแลตัวเองดีๆนะ
เจย์ : ส่งรูปภาพ
หญิงสาวรีบกดปิดมือถือหลังจากเห็นข้อความของใครบางคน เจย์ส่งมาให้พร้อมกับรูปภาพรูปหนึ่งและมันก็คือรูปถ่ายหน้าหอพักที่เกลอาศัยอยู่ เธอออกมาเช่าหอพักอยู่คนเดียวและราคาห้องก็ไม่ได้แพงมาก สภาพภายนอกจึงไม่ได้ดูดีเท่าคอนโดฯ ที่เธอเคยอยู่กับเขา ตั้งแต่เธอออกมาก็ไม่มีใครรู้ว่าเกลย้ายไปอยู่หอพักไหนแม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ยังไม่รู้ว่าเราสองคนเลิกกันแล้ว คนที่รู้ก็มีแค่เพื่อนสนิทคืออีฟคนเดียว เกลไม่คิดว่าเวลาเพียงน้อยนิดจะทำให้เจย์สืบที่อยู่ของเธอได้
เขามันบ้าไปแล้วจริงๆ
ร่างบางนั่งตัวแข็งทื่อ ดีที่วันนี้เกลมานอนกับอีฟที่ห้องของอีกฝ่าย หอพักของอีฟไม่ไกลจากคอนโดฯ เก่าของเธอมากนัก หนีออกจากที่นั่นเกลก็วิ่งโร่มาหาอีฟทันที
“เป็นไร” เจ้าของห้องเดินเข้ามาหาหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เกลส่ายหน้าแต่ทว่าสายตายังวิตกอย่างเห็นได้ชัด
“เจย์เหรอ?”
“อืม”
“หมอนั่นส่งข้อความมาเหรอ”
อีฟมองโทรศัพท์ในมือของเพื่อนสนิทที่กำเอาไว้แน่น เกลพยักหน้าในที่สุด
“ไม่หยุดจริงๆ สินะ”
“เจย์รู้ที่อยู่ของฉันแล้ว”
เกลถอนหายใจเพราะรู้นิสัยของผู้ชายคนนั้นดี ยิ่งเราสองคนเลิกกันไม่ดีแบบนี้ไม่มีวันที่เขาจะเดินไปข้างหน้า คนแบบเจย์ถ้าไม่คิดจะปล่อยอะไรก็ยิ่งเดินถอยหลังซ้ำซาก เกลรู้ทุกอย่างและตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะสลัดผู้ชายคนนั้นออกไปจากชีวิต แต่สิ่งที่เกลไม่รู้คือความร้ายกาจที่เจย์มี เขาไม่เคยเผยด้านนี้ออกมาให้เธอเห็น เจย์จะทำต่อเมื่ออีกฝ่ายคือศัตรู
และเธอก็คงเป็นศัตรูของเขาโดยสิ้นเชิงแล้ว
“แกอยู่กับฉันไปก่อน หรือจะย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยก็ได้นะ”
อีฟออกความคิดเห็นเพราะเป็นห่วงเพื่อนของตัวเอง โมเม้นเพื่อนเลิกกับแฟนอีฟเผชิญมานักต่อนัก แต่กรณีที่แฟนของเพื่อนงี่เง่าเกินคนอย่างเจย์ อีฟไม่เคยเจอ
“เดือนร้อนแกน่ะอีฟ”
“บ้าเหรอ เดือดร้อนอะไร ฉันสบายมากห้ามเกรงใจนะ”
อีฟพูดออกไปพลางมองเรียวแขนของเกลที่เขียวช้ำคล้ายกับถูกบีบเค้นมาไม่ออมแรงก็ยิ่งเป็นห่วงเพื่อน ในขณะที่เกลก็เอาแต่ถอนหายใจอย่างคิดหนัก เธอรู้ดีว่าอีฟเป็นคนที่รักสันโดษและโลกส่วนตัวสูง อีกฝ่ายไม่เคยมีรูมเมทและอยู่คนเดียวมาตลอด จู่ๆ จะให้เธอย้ายมาอยู่กับอีฟยังไงก็ต้องคิดหนัก
เผลอๆ เธออาจจะเอาความซวยมาให้เพื่อนตัวเองก็ได้ คนอย่างเจย์ที่ไม่สนหน้าไหน ผู้ชายคนนั้นร้ายกาจกว่าที่คิด
“จะพูดก็พูดเถอะนะ หมอนั่นคงบ้าไปแล้วจริงๆ ทั้งที่เธอตั้งใจไปหาเพื่อปรับความเข้าใจแท้ๆ แต่ดูสิ่งที่เจย์ทำดิ”
“...”
“ฉันจะบอกเจย์ดีมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
“...”
“ยืดเยื้อเปล่าๆ”
เธอตัดสินใจว่าจะให้เรื่องของเรามันจบลงแค่นี้และต่างคนต่างอยู่ ความคิดก่อนหน้าที่เกลอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมถูกพับเก็บตั้งแต่ก้าวเข้าห้องนั้น
เพราะดูก็รู้ว่าที่ผ่านมาเจย์มีแต่อคติ เขาอาจจะยังรักเธอ แต่คำว่ารักของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
สมมุตว่าครั้งนี้เกลแค่ต้องการแวะเข้าไปเอาของจริงๆ เจย์ก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นกับเธออยู่ดี เจอหน้ากันที่ไหนและในฐานะอะไรเขาก็ไม่สมควรทำร้ายเธอ
แต่ถึงยังไงก็เถอะ...ต่อไปนี้ดูเหมือนว่าเกลจะต้องรับมือกับผู้ชายคนนั้นอีกเยอะ จนกว่าเขาจะเบื่อเล่นสนุกหรือไม่ก็เจอคนรักคนใหม่ที่พร้อมจะเปิดใจดูแล
หากเป็นแบบนั้น เจย์คงออกไปจากชีวิตของเกลเอง และเราสองคนจะกลายเป็นเพียงแค่อดีตของกันและกันโดยสมบูรณ์
Chat
ไทม์ : @เจย์
ไทม์ : ให้ทายกูเจอใคร
จิม : ใครวะ
ไทม์ : ชื่อเจย์เหรอมึง
จิม : เปล่า อยากเสือกด้วยคน
จิม : @เจย์
เจย์ : อะไร
ไทม์ : เลื่อนขึ้นไปอ่าน
Read
เจย์ : ใคร?
ไทม์ : เมียเก่ามึง และที่สำคัญ
Read
ไทม์ : มากับแฟนใหม่
จากอารมณ์คงที่เปลี่ยนเป็นเดือดระอุก่อนจะกดปิดหน้าจอและยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ชายหนุ่มในทรงผมใหม่ที่ถูกตัดแต่งอย่างดีรับกับโครงหน้าหล่อเหลาเป็นทุนเดิม ไรหนวดเขียวก่อนหน้านี้ถูกโกนทิ้งอีกทั้งการแต่งกายที่ดูดีผิดกับช่วงแรกๆ ที่เลิกรากับอดีตคนรัก หลังจากวันนั้นที่ใครบางคนฉีดสเปรพริกไทยใส่หน้าเขาก็ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว เจย์ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเจย์อีกคนไม่ใช่คนที่อกหักจนปล่อยตัวดูแทบไม่ได้ ต่างเป็นที่เล่าลือของเพื่อนนักศึกษาในคณะ บ้างก็นินทากันว่าเขาลืมเกลได้แล้วจึงเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ แต่ใครจะรู้ความจริงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำลงไปเป้าหมายมีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่มีใครหยั่งรู้ การปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้โทรมคงไม่ช่วยอะไร ไม่ดีกว่าเหรอหากเขาทำตัวเองให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ แม้ว่าลึกๆ ในจิตใจหยาบช้าจะเต็มไปด้วยเรื่องสนุกมากมายและแน่นอนว่าเขายังไม่เบื่อที่จะตามรังควานเธอ
หลังจากวันนั้น เกลหนีหน้าเขาทุกช่องทางไม่เว้นแม้กระทั่งไลน์แต่เจย์มั่นใจว่าอีกฝ่ายยังไม่บล็อกเขา แต่ถึงยังไงก็เถอะ...ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจับตาดูเธอตลอด และสิ่งเดียวที่พอจะรู้คือเกลตัวติดกับเด็กปีสี่ที่ชื่อว่านอร์ทจนคนพูดกันปากต่อปากว่าทั้งคู่คบกันแล้ว เจย์ไม่สนใจตรงนั้นและไม่เถียงว่ามันยิ่งทำให้เขาไม่มีวันปล่อยเธอไปมีความสุขและยิ้มกว้างอยู่คนเดียวแน่นอน
เพราะคนที่บอกเลิกไม่ใช่เขา และคำว่า ‘เลิก’ ยังไม่ถูกพ่นออกมาจากปากของเจย์สักหน่อย
ร่างกำยำเจ้าของรอยสักใหญ่ที่หัวไหล่ยืนพิงกำแพงและข้างๆ คือประตูห้องที่ถูกปิดสนิทคล้ายกำลังรอใครบางคนให้กลับมา เจย์ตัดสินใจไปสักเพราะจำได้ว่าเคยขอเกลสักเมื่อนานมาแล้วแต่เธออยากให้เจย์เรียนจบก่อน เหตุผลคือเป็นห่วงเรื่องอนาคตในหน้าที่การงานของเขาซึ่งไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เธอเพียงแค่อยากให้ชีวิตของเจย์ลงตัวและให้เขาโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้แล้วหากอยากทำอะไรตอนนั้นก็ยังไม่สาย เกลไม่ได้บังคับเพียงแค่เสนอความคิดเห็นและตอนนั้นเขาก็เชื่อฟังเธอทุกอย่าง แต่ตอนนี้สิ่งที่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเขาเลือกที่จะทำมันทั้งหมดราวกับประชดอย่างไรอย่างนั้น
นัยน์ตาไร้ความรู้สึกมองไปที่ลิฟต์ซึ่งมีเสียงดังก่อนประตูลิฟต์จะเปิดออก เจย์ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มเมื่อเห็นว่าเกลที่อยู่ในชุดนักศึกษากำลังเดินออกมาจากลิฟต์เพียงคนเดียว และฉับพลันดวงตากลมก็เบิกกว้างเมื่อเห็นหน้าของเขาราวกับเห็นผี คนที่ดักรออยู่หน้าห้องนานกว่าครึ่งชั่วโมงเลิกคิ้วทักทาย
เจย์ก้าวขายาวๆ ไปหาคนตัวเล็กกว่าเมื่ออีกฝ่ายหันไปกดลิฟต์ราวกับจะหนีเขาไปอีกครั้ง เมื่อประชิดตัวสำเร็จก็คว้าแขนของเธอเอาไว้จนดวงตาที่เริ่มแดงก่ำตวัดหันมามอง
“มาทำไม”
“มาหาเมียสุดที่รักไง”
“ประสาท”
พรึบ!
“เจย์!”
คนห่ามไม่สะทกสะท้านกับคำด่า เขาลากเกลลงลิฟต์และตรงไปยังลานจอดรถเล็กๆ ของหอพัก ร่างบางปลิวไปตามแรงและฉับพลันก็ถูกเหวี่ยงจนตัวเกือบจะถลาไปชนกับมอเตอร์ไซต์คันใหญ่คุ้นตา
เกลจ้องมองมัน...ก่อนจะเบือนสายตาเย็นชาไปทางอื่น
คาวาซากิราคาครึ่งล้านจอดเด่นตระหง่านซึ่งเจย์ไม่ได้เอาออกมาใช้งานเลย เหตุผลเพราะอดีตคนรักอย่างเกลหวาดกลัวการนั่งมอเตอร์ไซต์ซึ่งเคยฝังใจกับอุบัติเหตุรถชนครั้งใหญ่เมื่อครั้นยังเป็นเด็ก ทำให้เจย์เก็บลูกรักคันนี้ไว้ที่บ้านและใช้รถยนต์มาตลอด
ถึงเวลาแล้วที่เขาจะทำตามใจตัวเอง หลังจากที่ตามใจใครอีกคนมานาน
“ขึ้นรถ”
“นายจะบ้าเหรอเจย์”
เธอกระแทกเสียงก่อนจะรีบถอยหลังเมื่อร่างกำยำตรงเข้ามากระชากข้อมือและผลักเธอไปหารถของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เจย์ไม่ผละออกไป เขายืนแนบติดกับร่างกายของเธอเพื่อเป็นการบังคับทางอ้อม
สายตาและท่าทางของเขามันน่ากลัว...จนเกลต้องกัดปากแน่น ดวงตาสั่นระริกอย่างน่าสงสาร
“ขึ้นไป”
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอและยอมปีนขึ้นไปนั่งบนรถในที่สุด พลางคิดในใจว่าเขาแค่อยากพาเธอไปแกล้งโดยการบิดรถด้วยความเร็วและสะใจที่เห็นเธอหวาดกลัวเท่านั้น...
“นายก็รู้ว่าฉันกลัว”
เจย์ชะงักในขณะที่คร่อมเบาะคนขับแล้วและทำท่าจะสวมหมวกกันน็อค เพียงแค่เสี้ยววินาทีบางอย่างที่ผ่านเข้ามาในดวงตาก็หายไปเหลือเพียงความแข็งกระด้างเช่นเดิม
“เรื่องของเธอ”
เขาหันไปโยนหมวกกันน็อคให้เกล เธอรับไว้และรีบสวมมันพลางจำใจเอื้อมแขนไปกอดเอวคนด้านหน้าเพราะไม่อย่างนั้นคงปลิวไปนอนบนถนนแน่ๆ และก็เป็นไปตามที่คิด...เจย์บิดในความเร็วปกติของเครื่องยนต์รุ่นนี้และทว่ามันน่ากลัวมากสำหรับเธอ เกลหลับตาแน่นโดยไม่มองข้างทาง
‘เราเปลี่ยนไปนั่งแท็กซี่แทนได้มั้ย’
‘เธอไม่ชอบเหรอ’
‘อือ ฉันมีความทรงจำที่ไม่ดีสักเท่าไรเกี่ยวกับเจ้ามอเตอร์ไซต์น่ะ’
’งั้นเหรอ ฉันขอโทษนะที่เอามันมารับเธอ”
‘ไม่เป็นไรสักหน่อย ไม่เห็นต้องขอโทษเลย’
‘ขึ้นไปรอที่ห้องแป๊บนึงนะ เดี๋ยวกลับมา’
‘เจย์จะไปไหน’
‘เดี๋ยวกลับมาครับ’
รอยยิ้มใจดีของเขายังคงชัดในความทรงจำของเธอในช่วงเวลาที่เจย์ตามจีบเกลใหม่ๆ หลังจากที่เขากลับไปครั้งนั้น เจย์กลับมาพร้อมกับรถยนต์ของที่บ้านและเขาก็ไม่เอามอเตอร์ไซต์ออกมาขับอีกเลย เกลรู้สึกไม่ดีมาตลอดที่ทำให้เจย์ต้องหยุดทำในสิ่งที่ชอบเพียงเพราะเธอไม่ชอบ แต่เขาก็ไม่เคยบ่นและเข้าใจเธอเสมอมา แต่ใครจะรู้ถึงจิตใจลึกๆ ว่าเจย์คงฝังใจจึงเอามันกลับมาทำร้ายเธอในวันนี้
น้ำใสๆ ไหลจากหางตาเช่นเดียวกับความเร็วที่เพิ่มทวีคูณเมื่อถนนเริ่มโล่ง เกลตัวสั่นระริก กอดเอวสอบของคนใจร้ายแน่นจนอีกคนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของคนด้านหลังเมื่อลำตัวแนบชิดสนิทกัน
เกลกำลังกลัว...แต่เขาไม่สน
เจย์ทำตามใจตัวเองเมื่อคิดได้ว่าต่อจากนี้ไม่มีอะไรต้องแคร์อีกแล้ว เขาบิดคันเร่งจนมาถึงที่หมายในที่สุด คาวาซากิคันหรูจอดนิ่งในขณะที่คนด้านหลังตัวแข็งทื่อ เจย์ถอดหมวกก่อนจะหันไปมองเธอ
“อย่าสำออย”
เกลได้สติกลับมาหลังจากที่มันกระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหน เธอถอดหมวกกันน็อคออกและเป็นจังหวะเดียวกับที่นัยน์ตาดุดันมองเห็นน้ำตาอาบใบหน้าเนียน ร่างกายของเขาก็ชาวาบไปชั่วขณะ
เกลยกมือเช็ดน้ำตาของตัวแต่ทว่าสีหน้ายังโอหัง เธอปีนลงจากรถและยืนบนพื้นได้สำเร็จ กวาดสายตามองตึกแถวเก่าๆ ตรงหน้าที่มีสภาพทรุดโทรมและค่อนข้างเปลี่ยวลับตาคน หญิงสาวตวัดสายตามองหน้าคนตัวใหญ่ที่ดับเครื่องยนต์และลงมายืนเช่นกัน
“มาที่นี่ทำไม”
“ธุระ”
“ธุระของนายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
เกลคิดว่าเจย์แค่จะพาเธอออกมาซิ่งรถให้กลัวเล่นๆ และก็ปล่อยเธอทิ้งแถวข้างถนนที่ไหนสักแห่ง แต่กลับผิดคาด
“ตามมา”
“...”
“เร็ว!”
“อ๊ะ!”
มือหนาจับข้อมือของเธอก่อนจะลากไม่ออมแรงเข้าไปยังตึกแถวเก่าๆ ที่ส่งกลิ่นเหม็นอับ เกลมองซ้ายขวาด้วยสายตาหวาดระแวง บรรยากาศเริ่มไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่อเธอมองเห็นกลุ่มวัยรุ่นชายเกือบสิบคนนั่งสุมหัวกันและเมื่อพวกมันเงยหน้ามอง หนึ่งในนั้นก็ตวาดเสียงกร้าว
“เฮ้ย ดูดิ๊ใครมา”
เกลกลืนน้ำลายลงคอ เบี่ยงตัวหลบหลังเจย์ที่ยังจับข้อมือของเธออยู่ เกลไม่เข้าใจว่าเจย์มาที่แบบนี้ทำไม แล้วคนพวกนั้นก็ไม่คุ้นหน้าด้วย
“ติดบอลพวกกูเป็นแสนหายหน้าหายตาไปเลยนะ”
สิ้นเสียงของฝ่ายนั้น เกลขมวดคิ้วก่อนจะเงยมองเจย์ที่ยืนบังเธออยู่ด้านหน้าอย่างไม่เข้าใจ เจย์น่ะเหรอจะติดหนี้คนพวกนี้ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเล่นพนันบอล ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการพนันทุกชนิด แต่เกลไม่รู้ว่าระยะเวลาที่เราเลิกกันเขาไปทำอะไรมาบ้าง
แต่ทันใดนั้นแรงบีบที่ข้อมือก็เริ่มผ่อนลง กลายเป็นว่าเขาปล่อยข้อมือของเธอก่อนจะเบี่ยงตัวออกให้กลุ่มวัยรุ่นชายพวกนั้นมองเห็นเกลที่อยู่ด้านหลังของเขาชัดๆ
หัวใจของหญิงสาวชาวาบ...เพราะทุกสายตาที่มองมามันจาบจ้วงและน่าขยะแขยงแต่ทว่าเจย์กลับยอมให้คนพวกนั้นมองเธอ
ทั้งที่เมื่อก่อน เขาปกป้องเธอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนไม่ใช่เหรอ
แต่ครั้งนี้เจย์เป็นคนพาเกลมาเจอกับอันตรายซะเอง เขาคงเกลียดเธอจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้แล้วสินะ
“กูมาแล้วนี่ไง แล้วก็...กูเอาของมาใช้หนี้พวกมึงด้วย ทั้งต้นทั้งดอกก็น่าจะขัดได้อยู่”
สุ้มเสียงไร้จิตสำนึกเอ่ยขึ้น ส่งผลให้เกลตวัดสายตาที่รื้นน้ำใสๆ มองเขาอย่างเจ็บปวดระคนโกรธแค้น ร่างกำยำเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาวที่ยืนกำมือแน่นตัวแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อนเพราะความช็อค
แค่น้ำตามันไม่ช่วยอธิบายความรู้สึกทุกอย่างในตอนนี้
“ช่วยหน่อยนะเกล”
“...”
“ที่ผ่านมาฉันเลี้ยงเธอมาเยอะ...ถึงเวลาใช้คืนแล้ว”
TBC.
หายหน้าหายตาไปทะเลาะกับตัวเองมาค่า ตอนนี้กลับมาแล้ววววว
พระเอกยังรักเขาแหละแต่ประสาทอะเนอะ5555555 เรื่องนี้ไม่มีปมให้เครียดเท่าไร เน้นพระนางตบตีจิกเปียแล้วมาจบโดยการฟัด แค่ก-- ฝากติดตามและคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ รักคนอ่านเหมือนเดิมเลยย
ติดตามการอัพเดทข่าวสารนิยายได้ที่แฟนเพจเฟซบุ้ค >> PIMTAE
Twitter : @pimtae_95
#FicYourTurn
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อิเจย์ ทำไมทำเเบบนี้ห้ะ!!!
อยาก กรี๊ด ใส่ หู เจย์