ตอนที่ 2 : MAFIA 02 :: ชะตากรรม [100%]
MAFIA 02
ชะตากรรม [100%]
สองวันต่อมา
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
17.00 น.
“กลับมาแล้วค่า”
เสียงหวานเปล่งออกมาในจังหวะที่ก้าวขาเข้าบ้าน ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆก็หยุดกับร่างสูงของชายหนุ่มวัยกลางคนที่กำลังยืนหันหน้าให้เคาเตอร์ครัว
“กลับมาแล้วเหรอ ไหน? ได้มาครบไหม”
“ครบค่ะ”
เธอยิ้มหวานส่งให้ผู้เป็นลุงที่ส่งยิ้มอ่อนโยนกลับมาให้เช่นกัน มือเล็กทั้งสองข้างที่หิ้วถุงกับข้าวพะรุงพะรังยกตั้งขึ้นบนโต๊ะ
“ป้าล่ะคะ?”
เธอถามขึ้นพลางมองไปรอบๆบ้าน ปกติป้ากับลุงจะช่วยกันเตรียมอาหารเย็นด้วยกันแต่วันนี้กลับมีแค่ลุงคนเดียว
“ป้าเราอยู่หลังบ้านน่ะ ออกไปหยิบอะไรไม่รู้ ออกไปนาน—”
เคล้ง!!
“ป้า!”
ไม่ทันพูดจบ เสียงคล้ายของแตกดังสนั่นมาจากหลังบ้าน เธอรีบวิ่งไปทันทีโดยไม่รอช้า ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างเล็กของหญิงวัยกลางคนล้มลงบนพื้น รอบข้างมีเศษจานแตกละเอียดเต็มไปหมด
“ข้าวลูก...”
“ป้าเป็นอะไรไหมคะ”
ข้าวค่อยๆก้าวข้ามเศษจานและช่วยพยุงป้าตัวเองให้ลุกขึ้นยืน
“หน้ามืดอีกแล้วหรือไงป้า”
เสียงลุงเอ่ยถามขึ้นพลางถือไม่กวาดมากวาดเศษจานที่พื้น ป้าพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าซีดเซียว
ทั้งสามพากันมานั่งที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีกับข้าวที่หาทานง่ายเพียงไม่กี่อย่าง ข้าวเอื้อมตักผัดผักใส่จานให้ป้าก่อนจะเท้าคางมองคนตรงข้าม
“หน้ามืดทำไมไม่บอกข้าวคะ ไม่ค่อยสบายก็ยังทำนู้นทำนี่อีกนะ น่าตีจริงๆ”
เธอยู่ปากชมพู ป้ามองหน้าหลานสาวแท้ๆของตัวเองและยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ป้าไม่เป็นอะไรสักหน่อย”
“ต่อไปนี้ลุงไม่ให้ป้าทำอะไรแล้วนะ เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีก”
ลุงมองหน้าป้านิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย ข้าวมองหน้าป้ากับลุงสลับกันไปมาก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“ถ้าข้าวไม่อยู่ลุงต้องดูแลป้าดีๆนะคะ”
“เอะยัยตัวดี ทำไมพูดจาแบบนี้!”
ป้าดุข้าวเล็กน้อยเมื่อได้ยินหลานสาวสุดที่รักพูดจาเป็นลาง แต่เธอไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำที่พูดออกมา แค่เป็นห่วงลุงกับป้ายิ่งกว่าดวงใจ ถ้าเธอต้องไปอยู่ที่อื่นจริงๆจะทำยังไง ลุงกับป้าก็อายุเยอะมากแล้ว
“คิดมากอีกแล้วนะคะ” ข้าวพูดขำๆก่อนจะตักอาหารเข้าปาก
เธออาศัยอยู่กับลุงและป้าตั้งแต่จำความได้ ทั้งสองเลี้ยงเธอมาด้วยอาชีพเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ข้าวอายุยี่สิบสามปี พึ่งเรียนจบธุรกิจการบินและอาชีพที่กำลังจะได้รับคือแอร์โฮสเตสสายการบินไทย - เกาหลีใต้
อีกไม่นานเธอกำลังจะได้ทำงาน ความฝันสูงสุดในชีวิตคือการได้เลี้ยงดูลุงกับป้าให้สุขสบาย ไม่ต้องลำบากเหมือนอย่างที่ผ่านมา...
21.25 น.
“ป้าไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวข้าวทำเอง”
มือบางปิดก๊อกน้ำหลังจากล้างจานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เดินมาคว้าถุงขยะจากมือเหี่ยวย่นไว้ในมือตัวเอง
“ไม่เป็นไรหน่า ป้าไปทิ้งเองได้”
“ข้าวไม่ให้ป้าออกไปหรอก ขึ้นไปอาบน้ำนอนเถอะค่ะ”
“ยัยเด็กคนนี้นิ”
“คิกคิก”
ปลายจมูกสวยกดลงที่แก้มผู้เป็นป้าและเดินตรงไปยังหน้าบ้าน สายตาของหญิงสาววัยกลางคนมองแผ่นหลังบางของหลานสาวตัวเองจนลับสายตา ก่อนจะรู้สึกวูบโหวงที่หัวใจ เธอส่ายหัวสองสามทีเพื่อไล่นิสัยที่ชอบคิดมากให้ออกไป จากนั้นปิดไฟในครัวและเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านจนเหลือเพียงความว่างเปล่า
ภายนอกบ้านที่มืดมิดมีเพียงแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าริมถนน ร่างบางเดินออกมาจนถึงหน้าบ้านที่มีถังขยะถังใหญ่ตั้งอยู่ มือเล็กเปิดฝาออกและหย่อนถุงขยะในมือตัวเองลงไปก่อนจะปิดฝาให้เรียบร้อยอย่างเดิม ลมแรงๆพัดกระทบตัวจนรู้สึกแปลกๆ
โฮ่งๆๆ!!
จู่ๆหมาจรจัดก็เห่าเสียงดังจนเธอสะดุ้งเพราะความตกใจ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆอย่างไม่นึกสงสัยอะไรก่อนจะหมุนตัวกลับ
แสงไฟหน้ารถตู้คันใหญ่สว่างขึ้นหลังจากที่มันจอดรออยู่นาน คิ้วสวยขมวดแน่นพลางจ้องมองไปที่รถคันนั้น มันจอดไม่ไกลจากหน้าบ้านของเธอ
“อื้อ!!!”
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีบางอย่างกระแทกเข้าจมูกเต็มๆจากด้านหลัง มันนุ่มคล้ายผ้าแต่แฝงไปด้วยกลิ่นฉุนแสบจมูก ร่างบางดิ้นสุดแรงเท่าที่จะทำได้ ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสๆเมื่อมองเข้าไปในบ้านของตัวเอง บ้านที่ผูกพัน บ้านที่มีแต่ความทรงจำดีๆ
‘ลุงคะ ป้าคะ’
เธอได้แต่เรียกพวกท่านในใจ
“อื้อ!!” เป็นแรงสุดท้ายที่ปล่อยออกมาก่อนสติทั้งหมดจะหายไปในอ้อมกอดของคนแปลกหน้า
[30%]
วันต่อมา
โซล ประเทศเกาหลีใต้
Agust D
“ไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะครับคุณยู”
เสียงทุ่มเปล่งออกมาไม่ดังมากนักแต่พอจะกดประสาทคนฟังได้ ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดสูทราคาเหยียบแสนนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งผู้บริหาร หมุนขาเก้าอี้ไปมาก่อนจะโยนกระดาษเอสี่นับสิบใบปลิวว่อนกลางอากาศ ชายวัยกลางคนยืนกุมมือทั้งสองข้างแน่น ความกลัวทั้งหมดฉายออกมาทางสีหน้า
“ผ...ผมจะจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุดครับนายท่าน”
คนทำงานสะเพร่าพูดตะกุกตะกัก ค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมองเจ้านายก่อนจะหลุบลงอย่างรวดเร็วเมื่อปะทะกับสายตาคมแข็งกร้าวที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว
“ผมเคยให้โอกาสคุณไปแล้วหนึ่งครั้ง ลืมไปแล้วเหรอ?”
คนตรงหน้าอาจจะลืมไปแล้วแต่ยุนกิไม่เคยลืม ใครเคยทำผิดเขาจำมันได้ขึ้นใจ เขาเคยให้โอกาสเป็นครึ่งที่หนึ่งแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้โอกาสเป็นครั้งที่สอง
“...!!”
“ผมไม่เคยให้โอกาสใครซ้ำซาก!!”
ยอมรับว่าโมโหไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ข้อความบนแผ่นกระดาษเฮงซวยนั่นคือมูลค่าเงินหลายร้อยล้าน ทุกบาททุกสตางค์คือเงินของเขา แต่กลับปล่อยให้ลูกหนี้ชั้นต่ำหลายร้อยคนชิ่งหนีไปหน้าด้านๆ เหตุผลคือตามหาตัวไม่พบ
“ลูกหนี้ของผมหายสาบสูญอย่างนั้นเหรอ?”
“ค...ครับ”
“แล้วคุณอยากหายสาบสูญดูบ้างไหมล่ะ?”
“อึก! ขอโอกาสผมอีกสักครั้ง ผมจะตามหนี้ทั้งหมดกลับมา ผมจะดูแลในฝ่ายนี้ให้ดีที่สุด ให้โอกาสผมนะครับ!”
ชายผู้นี้คุกเข่าลงต่อหน้ายุนกิทั้งน้ำตา แต่เขากลับมองว่ามันเป็นเรื่องน่าสมเพช สายตาแข็งกร้าวตวัดมองปืนสั้นสุดที่รักของตัวเองบนโต๊ะสลับกับคนบนพื้น
“ชีวิตคุณคงล้างหนี้ทั้งหมดให้ผมได้ จะจบเรื่องนี้ไหมผมจะให้โอกาส”
“อึก! ม...ไม่ครับ ผมไม่อยากตาย ฮึก นายท่านไว้ชีวิตผมเถอะ!”
ชายผู้นี้ร้องขอทั้งที่รู้ว่าโอกาสเท่ากับศูนย์ เขารู้นิสัยมินยุนกิดี ทำงานให้กับยุนกิทุกอย่างล้วนเดิมพันด้วยชีวิต ทั้งที่รู้ตั้งแต่แรก แต่แลกกับเงินเดือนรวมโบนัสก็ไม่สามารถปฏิเสธหรือถอนตัวออกจากวงการนี้ได้จริงๆสักที ถ้าเกิดทำผิด จุดจบคงหนีไม่พ้นปลายกระบอกปืนของคนจิตใจอำมหิตอย่างเขา
พรึบ!
ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินมาตรงหน้าคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น สองมือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงจ้องมองร่างชายวัยกลางคนนิ่ง ไม่มีใครสามารถเดาอารมณ์จากใบหน้าของเขาได้
“ผมให้เวลาคุณสามวัน ตามเงินทั้งหมดของผมกลับมา”
“น...นายท่านพูดจริงเหรอครับ อึก! ขอบคุณครับ!!”
ชายวัยกลางคนเอาแต่โค้งตัวจนศีรษะแตะพื้นหลายสิบครั้ง ดีใจจนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่บ่อยนักที่ยุนกิจะให้โอกาสใครหลายๆครั้ง แต่เห็นว่าคนตรงหน้าทำงานกับ Agust D มานานหลายสิบปี เขาไม่ใจร้ายฆ่าได้ลงคอหรอกจริงไหม?
“ออกไปซะ”
สิ้นคำสั่งชายวัยกลางคนค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มสองขา ก่อนจะประจันหน้ากัน คำพูดที่ไม่คาดคิดก็หลุดออกมาจากปาก
“ผมมีข้อเสนออีกอย่างครับนายท่าน”
“...”
“ผมมีลูกสาว เธอสวยมาก เอ่อ...ถ้านายท่านสนใจ ผมยินดีให้เธอนอนกับนายท่านเพื่อแลกกับหนี้ทั้งหมด”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดออกมาจากใบหน้าชายวัยกลางคนเพราะคิดว่าถ้ายุนกิตอบตกลงละก็...เขาและลูกสาวอาจจะสบายไปทั้งชาติ
แต่เขาคงคิดผิด
ปัง!!
“อั๊ก!!”
ตุบ!!
สิ้นเสียงปืน ร่างชายวัยกลางคนล้มลงจมกองเลือดทันที มือหนาวางปืนลงบนโต๊ะอีกครั้งและยกยิ้มสมเพชให้กับศพตรงหน้า ถ้าไม่พูดมาก ชายผู้นี้อาจจะยังไม่ตาย
“ขายลูกสาวใช้หนี้ มีแต่ในละครน้ำเน่าเท่านั้นแหละครับ...คุณยู”
ภายในโกดังร้างเล็กๆ ซึ่งไม่ไกลจาก Agust D มากนัก ท่ามกลางความมืดมิดและห้องแคบๆ ที่ถูกขังไว้ ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกแรกที่ถาโถมเข้ามาคืออาการปวดหัวแทบจะระเบิดเพราะฤทธิ์ยาสลบที่โดนไปทุกสองชั่วโมง ร่างกายไม่ช็อคตายไปซะก่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว
“โอ๊ย”
เสียงหวานร้องขึ้นผ่านลำคอแห้งฝืด ปวดเมื่อยตามร่างกายไปหมด ข้าวกวาดสายตามองไปรอบห้องก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างเมื่อรอบข้างเต็มไปด้วยเพื่อนมนุษย์เพศเดียวกันเกือบสิบคนที่ยังไม่ได้สติ
“อึก!”
ข้าวกลั้นเสียงร้องเมื่อรู้ว่าถูกจับตัวมาแน่นอน แม้ว่าจะกลั้นเสียงสะอึกไว้ได้แต่น้ำตาใสๆกลับไหลพรากออกมา เหมือนสติทุกอย่างกำลังหลุดลอยไป สภาพแต่ละคนดูแทบไม่ได้ พวกเธอยังไม่ได้สติกันสักคน
‘จะทำยังไงดี’
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนักๆ กำลังเดินมาทางห้องที่พวกเธอถูกขังอยู่ ตามมาด้วยเสียงคนคุยกันทำให้ข้าวตั้งสติและแกล้งหลับต่อไปเหมือนคนอื่นๆ
“ใครตื่นก็ทำให้หลับต่อจนกว่านายท่านจะมาถึง เข้าใจไหม!”
“ครับ!”
ภาษาเกาหลีงั้นเหรอ!?
ข้าวได้ยินทุกคำพูดของคนข้างนอกและแน่นอนว่าเธอฟังรู้เรื่องทุกคำ จะว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายดีล่ะที่ดันเรียนจบเอกภาษาเกาหลีมาจนคล่องเหมือนเจ้าของภาษาเอง
แกรกๆ
ประตูเหล็กสนิมเกรอะกรังถูกเปิดออกจากคนด้านนอก ชายร่างยักษ์กวาดสายตามองไปที่หญิงสาวทีละคนเพื่อความมั่นใจว่าพวกเธอยังไม่ฟื้น ในจังหวะนั้นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะรู้สึกตัว เธอคนนั้นขยับตัวไปมาหลายทีจนชายร่างยักษ์ผิดสังเกตจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นาทีนั้นเอง ข้าวใช้พละกำลังที่มีอยู่ดีดตัวเองให้ลุกขึ้นและวิ่งออกจากห้องนรกนี้ให้เร็วที่สุด
พลั่ก!!
“เฮ้ย!! หยุดนะเว้ย!!”
“อึก! ช่วยด้วย”
แม้ว่าจะไม่มีใครได้ยิน เธอก็พยายามเปล่งเสียงที่มีอยู่น้อยนิดออกมา โชคดีที่ในโกดังมีคนเฝ้าเพียงไม่กี่คน ข้าววิ่งไปทางที่คิดว่าจะเป็นทางออก เสียงฝีเท้าหนักๆกำลังวิ่งตามมาติดๆ
“บอกให้หยุดไงนังตัวดี!!”
เอี๊ยด!!
เป็นจังหวะเดียวกับที่ลีมูซีนคันหรูขับจอดลงด้านหน้าโกดังพอดี ข้าวยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเหมือนผู้รอดชีวิต รองเท้าหนังราคาแพงแตะลงบนพื้นดินก่อนจะปรากฏร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมสีดำสนิท สายตาคมมองเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนที่ร่างบางจะวิ่งเข้ามาหลบด้านหลังของตนเอง
“ช...ช่วยฉันด้วย!!”
ชายร่างยักษ์เบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าแสนโหดเหี้ยมของผู้ที่มาเยือนใหม่
“น...นายท่านครับ!”
“ทำไมถึงปล่อยให้ออกมาวิ่งเล่น”
[60%]
“...!!!”
ข้าวแทบทรุดลงเมื่อได้ยินชายร่างยักษ์เรียกผู้ชายคนนี้ว่านายท่าน เธอคิดว่าผู้ชายผิวขาวคนนี้จะเป็นคนที่มาช่วยเธอแต่เปล่าเลย เขาคือเจ้านายของคนพวกนี้ เขาคือคนที่บงการทุกอย่าง!
พรึบ!
“กรี๊ด!!!”
เมื่อข้าวไหวตัวทัน เธอกำลังจะวิ่งหนีไปอีกทางแต่ข้อมือเล็กถูกยุนกิคว้าเอาไว้ เขากระชากร่างบางอย่างแรงจนเธอเสียหลัก ข้อเท้าด้านขวาพลิกจนล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ยุนกิกระชากข้อมือ
บางอีกครั้งเพื่อให้เธอลุกขึ้นยืน
“ฮึก! ปล่อย!!”
เธอพยายามสะบัดข้อมือออกจากพันธนาการของคนใจร้าย สายตาแข็งกร้าวจ้องมองร่างบางอย่างนึกสมเพช เขาแสยะยิ้มชั่วร้ายก่อนจะเหวี่ยงเธออย่างแรงจนร่างเล็กกระแทกกับพื้นดิน
“โอ๊ย! ฮึก”
น้ำตาใสๆไหลอาบแก้มขาวซีดอย่างไม่อายใคร เธอเจ็บระบมไปหมดทั้งตัว ใบหน้าหวานเงยหน้ามองร่างสูงที่กำลังเดินมาหาเธอช้าๆ
“พูดเกาหลีได้ งั้นแสดงว่าฟังออก”
ยุนกิค่อยๆโน้มลำตัวลงเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชากวาดมองคนตัวเล็กบนพื้นตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้หญิงตรงหน้าสวยไม่เบาเขาคิดในใจ จากนั้นสายตาคมเลื่อนขึ้นมองใบหน้าของเธอที่กำลังเบ้ปากกลั้นน้ำตาด้วยความกลัว ร่างกายสั่นระริกอย่างน่าสงสาร...แต่คนอย่างมินยุนกิสะกดคำว่าสงสารไม่เป็นน่ะสิ
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น”
ข้าวสะอื้นแรงขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของคนใจร้ายคลี่ยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดที่เธอเคยเจอมาในชีวิต
“คุณเป็นใคร”
เธอตัดสินใจพูดออกไปทั้งที่ยังสะอื้นอยู่ ดวงตากลมโตฉายแววไม่ไว้ใจคนตรงหน้าสักวินาทีเดียว
เธอกลัวจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
“ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร...รู้แค่ว่าฉันคนนี้เลวได้มากกว่าที่เธอเห็น ถ้าไม่อยากตาย—”
เขาเว้นช่องว่างคำพูดก่อนจะยืดตัวตรง มือขวาชักปืนออกมาจากบริเวณเข็มขัดและเล็งไปที่กลางหน้าผากของคนบนพื้น
“...!!”
“อย่าออกมาวิ่งเล่นข้างนอกอีก”
หลังจากนั้นชายร่างยักษ์พาข้าวกลับมาขังไว้ในห้องเดิมรวมกับเพื่อนๆที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ตอนนี้หญิงสาวที่เหลืออีกหกคนรู้สึกตัวกันหมดแล้ว พวกเธอนั่งกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นกับสิ่งที่พบเจอ ข้าวหันมองรอบๆ น้ำตาที่แห้งหายไปไหลลงมาอีกครั้ง เธอจะทำยังไงดี ร่างเล็กค่อยๆชันเข่าขึ้นและฟุบใบหน้าไปกับเข่าตัวเอง ปล่อยน้ำตาที่อัดกลั้นมานานให้ไหลออกมาไม่คิดจะห้ามมัน เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะเอาปัญญาที่ไหนไปสู้กับคนพวกนั้น เธอถูกจับตัวมาทำไมยังไม่รู้เลย แล้วลุงกับป้าล่ะ พวกเขาจะเป็นอย่างไรกันบ้าง พวกเขาจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเธอ
“ฮื้อ ลุงคะ ป้าคะ ฮึก ฮื้อ”
ภายในห้องขังเล็กๆ กึกก้องไปด้วยเสียงสะอื้นร่ำไห้ของผู้หญิงเจ็ดคนที่กำลัง นั่งรอวันตายทั้งเป็น ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเผชิญข้างหน้าคืออะไร แต่มันคงเลวร้ายเปรียบเสมือนนรกจำลองที่พร้อมจะแผดเผาชีวิตและอนาคตของพวกเธอทุกคน
#ฟิคมาเฟียยุนกิ
TBC.
ครบ 100% แล้ว 40% หลังอาจจะน้อยหน่อยอย่าว่ากันน้าาา พาร์ทหน้าสัญญาว่าจะมาต่อยาวๆเลย ^-^
ตะไมเฮียน่ากลัวจังเลยคะ ฮื้อ ข้าวจะหักมั้ย เบาๆกับน้องหน่อยน้าน้องตัวเล็กนิดเดียวง่ะ -..-
**เม้นท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอน๊าาาาาาาาาาาา
บังเอิญจังชื่อเล่นเหมือนนางเอกเลยอ่า
#ข้าว 555 สู้ๆๆๆ??