ตอนที่ 12 : MAFIA 12 :: ยินดีที่ได้รู้จัก [100%]
วันต่อมา
การใช้ชีวิตกลับมาดำเนินตามปกติอีกครั้งเมื่อยุนกิได้รับโทรศัพท์จากโฮซอกว่ามีงานด่วนเข้ามากะทันหัน ทำให้ยุนกิต้องรีบกลับโซลทันทีทั้งๆที่เขากะจะหยุดพักผ่อนบนเรือยอร์ชส่วนตัวต่ออีกสองสามวัน แต่หน้าที่การงานทำให้สิ่งที่คิดนั้นยากลำบากยิ่งนัก เมื่อยุนกิและข้าวกลับมาถึงโซลเขาก็สั่งให้ลูกน้องไปส่งเธอที่บ้านโดยที่เขาจะแยกเข้าบริษัท หญิงสาวไม่ใส่ใจนักว่ายุนกิจะไปกับเธอหรือว่าจะไปที่ไหน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะใกล้ค่ำมากแล้วก็เถอะ แต่ยังคงไร้วี่แววมาเฟียหนุ่ม มีเพียงบ้านหลังใหญ่และบอดี้การ์ดชุดดำมากมายทำหน้าที่เดินสำรวจกันเป็นระยะ
ร่างบางเดินวนไปวนมาที่สวนหลังบ้าน ที่ที่เธอเคยจุดไฟเผาเมื่อหลายวันก่อนตอนนี้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่โดยคนสวน จึงทำให้สวนหย่อมเล็กๆกลับมามีสีเขียวขจีสดใสและเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่ถูกปลูกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
พระอาทิตย์ใกล้ตกดินลงเต็มที ทำให้บรรยากาศภายนอกบ้านค่อยๆมืดลงมีเพียงแสงสลัวๆจากไฟนีออน ร่างบางยังคงเดินเล่นอยู่แบบนั้นพลางคิดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะเรื่องทุกอย่างบนเรือยอร์ช การกระทำแปลกๆของ มินยุนกิสร้างความไม่เข้าใจให้กับข้าวไม่น้อย เธอเลี่ยงที่จะเข้าข้างตัวเอง เพราะตอนนี้เธอกำลังสับสนบางอย่างในหัวใจ การกระทำแบบนั้นคงเกิดจากความไม่ตั้งใจซะมากกว่า คนอย่างมินยุนกิน่ะเหรอจะมีหัวใจหวั่นไหวกับคนอย่างเธอ
เขาน่ะเกลียดเธอจะตาย และที่สำคัญเรื่องในห้องน้ำนั่น...
หลังจากนั้นเหตุการณ์ในห้องน้ำยุนกิกลับกลายเป็นคนละคนทันที เมื่อเขาไล่เธอออกไป ยุนกิอยู่ในห้องน้ำเพียงลำพังประมาณครึ่งชั่วโมงและจากนั้นข้าวก็เข้าไปอาบน้ำต่อ เมื่อเธอออกมาก็เห็นมาเฟียหนุ่มนอนกดมือถืออยู่บนเตียง เขาไม่หันมาสนใจเธอแต่พูดเพียงว่า
'มานอนข้างๆฉัน ถ้าเห็นว่าแอบลุกออกไปตอนฉันหลับล่ะก็ฉันตามไปหักคอเธอแน่'
ข้าวเลยจำใจเดินไปนอนลงข้างๆร่างสูงที่ดูเหมือนจะเข้าสู่ห้วงนินทราไปแล้ว เธอจำได้ว่าเอาแต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับตัวแรงๆด้วยซ้ำ จากนั้นก็หลับไปตอนไหนไม่รู้...
“มืดแล้วคุณเข้าบ้านเถอะครับ” การ์ดหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ค่ะ”
เธอพยักหน้าเบาๆก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านตามที่การ์ดคนนั้นบอก จริงที่ฟ้ามืดแล้วเธอควรจะเข้าบ้านสักที ว่าแล้วขาเรียวก็รีบก้าวยาวๆให้ถึงห้องนอนเล็กๆของตัวเอง ร่างบางจัดการอาบน้ำชำระร่างกายและเมื่อสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าทั้งหมดที่แขวนบนผนังห้อง ทั้งชุดอยู่บ้านธรรมดาและชุดนอนล้วนเปลี่ยนไปจากวันแรก ส่วนใหญ่เป็นกางเกงขายาวหรือไม่ก็เดรสกระโปรงยาวเสมอหัวเข่าทั้งนั้น ข้าวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเพราะแปลกใจแต่ก็ล้มเลิกความคิดที่จะสงสัยและหยิบชุดนอนสีขาวสะอาดขึ้นมาสวมใส่ทันที
22.30 น.
ร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าเย็นชาก้าวเข้าบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงัด ในแต่ละวันมักจะเป็นแบบนี้เมื่อกลับเข้ามาก็ต้องพบแต่ความเงียบเหงา ยุนกิชินชากับเรื่องพวกนี้มานานหลายปีแต่ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนกับมีบางอย่างที่ทำให้เขานึกถึงตลอดว่าไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงคนเดียว สายตาคมดุดันกวาดมองไปรอบๆบ้านก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือราคาแพงขึ้นดูพลางคิดว่าเวลานี้คนบางคนจะนอนไปหรือยัง?
“นายท่านมองหาใครอยู่หรือเปล่าครับ”
การ์ดหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางนอบน้อม ยุนกิเบือนสายตาที่มีพิรุธไปทางอื่นก่อนจะกระแอมเบาๆ และถามออกไป
“ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”
“อ๋อ...เธอเข้าห้องไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วครับ”
“...”
“จะให้ผมตามเธอให้ไหมครับ?”
“ไม่ต้อง จะไปไหนก็ไป”
“ครับ”
การ์ดหนุ่มโค้งคำนับให้นายท่านก่อนจะเดินหายไป ทิ้งเพียงร่างสูงที่ถอนหายใจแรงๆพลางมองไปยังทางเดินที่เป็นทางไปห้องของข้าว เขาสะบัดใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจตรงไปที่บันได เขาไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องไปหาผู้หญิงคนนั้นในเวลาแบบนี้สักหน่อย รู้แบบนั้นยุนกิจึงรีบก้าวเท้าขึ้นบันไดด้วยความเร็วก่อนที่ตัวเองจะเปลี่ยนใจซะก่อน
วันต่อมา
Agust D
ร่างสูงโปร่งของผู้บริหารองค์กรธุรกิจมืดนั่งอยู่ในห้องประจำตำแหน่งของตนเอง เพราะช่วงนี้ Agust D มีโปรเจ็คสำคัญใหญ่ยักษ์ที่กำลังจ่อคิวรอทำกำไรให้แก่บริษัท โปรเจ็คที่ว่าเป็นความลับสุดยอดที่ตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนในองค์กรเท่านั้นที่รู้ เพราะยุนกิยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดออกมา ซึ่งระหว่างนี้เป็นระยะเวลาในการประชุมหารือของฝ่ายในเพียงไม่กี่คน พูดง่ายๆก็คือโปรเจ็คสำคัญนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการนั่นเอง
ทำให้ช่วงหลังๆมานี้ยุนกิค่อนข้างยุ่งกับงานจนแทบจะไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น เขาเซ็นลงไปในแฟ้มเล่มสุดท้ายก่อนจะปิดมันลงและวางปากกา เอนแผ่นหลังพิงกับพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย วันนี้เขาออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อมาจัดการกับเอกสารมากมายที่ค้างคาไว้เมื่อคืน และมันก็ตามมาด้วยเอกสารมากมายของวันนี้ที่เลขาส่วนตัวของเขาเดินเข้ามาให้เซ็นในห้องเป็นว่าเล่น จึงเป็นเวลาหลายชั่วโมงที่ยุนกิอยู่กับตัวหนังสือและออกแรงใช้สมองจนตอนนี้เขาปวดหัวแทบจะระเบิด อยากผ่อนคลายนั้นคือสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ
Rrrr
“ว่าไง”
(คิดถึงกูไหมครับ กูเนี้ยคิดถึงมึงม๊ากมาก)
เสียงทุ้มขี้เล่นดังขึ้นที่ปลายสายทำให้มุมปากของยุนกิยกยิ้มเล็กน้อย
“มีอะไรถึงโทรมา”
(อ้าว ไม่มีคือโทรไม่ได้?)
“หึๆ เห็นหายไปนาน นึกว่าลืมกูไปซะแล้ว"
จีมินกลั้วหัวเราะเพราะความรู้ทันของเพื่อนสนิท
(เออ คืนนี้ว่าจะชวนออกมาเจอกันหน่อย ว่างปะ?)
“ที่ไหน”
(ผับ K ร้านประจำกูเว้ย รับรองสาวสวยเพียบ!)
“ก็ดีเหมือนกัน กูอยากผ่อนคลายอยู่พอดี”
(เฮ้ย!! นี้กูไม่ได้หูฝาดใช่ไหม!)
“ถ้าพูดมากกูไม่ไป”
(โอเคๆ ใจเย็นสิครับคุณมาเฟีย งั้นคืนนี้เจอกัน กูจะส่งโลเคชั่นไปให้)
“อืม แค่นี้นะ”
(เดี๋ยวๆ กูขอพาเพื่อนไปด้วยคนนึงนะ)
ยุนกิครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบตกลง
“ตามใจ เพราะกูก็จะเอาไปด้วยคนนึงเหมือนกัน”
(ใครวะ?)
ติ๊ด
ยุนกิรู้ว่าจีมินต้องซักถามต่อจากนี้แน่นอน เขาจึงชิ่งตัดสายและวางมือถือลงบนโต๊ะทำงาน สายตาแข็งกร้าวมองไปยังวิวด้านนอกผ่านกระจกบานใส พลางนึกถึงใบหน้าหวานๆของใครบางคนที่วันนี้เขายังไม่ได้เจอหน้าเธอเลย ไม่ได้เจอหน้าตั้งแต่เมื่อไรกันนะ
เมื่อวานตอนเช้า หรือว่า...
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ร่างสูงหลุดจากห้วงภวังค์ของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองเลขาสาวที่หอบแฟ้มมากมายมาเดินตรงมาให้ เขาสลัดความคิดทุกอย่างออกไปและตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ
แค่คิดถึงยังไม่มีเวลาเลยให้ตายเถอะ
20.00 น.
กลิ่นหอมตลบอบอวนไปทั่วทั้งบ้านเมื่อหญิงสาวในอาชีพว่างงานแถมยังถูกกักขังบริเวณคิดอยากหาอะไรทำ ข้าวสวมถุงมือกันความร้อนก่อนจะเปิดประตูตู้อบขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้กลิ่นหอมของมัฟฟินบลูเบอรี่โชยออกมาทำให้เจ้าของขนมอมยิ้มด้วยความดีใจ เพราะตู้อบขนาดใหญ่ที่เธอใฝ่ฝันอยากจะได้มีราคาแพงมาก ที่บ้านของเธอมีแค่ตู้อบขนมเล็กๆที่เธอซื้อเก็บไว้ใช้เพราะความชอบทำขนมเป็นชีวิตจิตใจ และยิ่งมาเจอห้องครัวสุดหรูที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งอุปกรณ์และวัตถุดิบ ยิ่งทำให้เธอตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ ลืมความโศกเศร้าที่พบเจอไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว
“ฝีมือไม่ตกเลยนะเรา คิกๆ”
ใบหน้าน่ารักหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขเมื่อได้ลองชิมขนมที่ตัวเองลงมือทำ โดยไม่รู้เลยว่ากรอบประตูห้องครัว มีร่างสูงของใครบางคนยืนกอดอกพิงอยู่
“จะกินคนเดียวให้หมดเลย”
เสียงใสพูดกับตัวเองและตั้งหน้าตั้งตากินขนมสุดอร่อยพลางฮัมเพลงในลำคอเบาๆ
“จะไม่เหลือให้คนอื่นกินเลยหรือไง?”
ร่างบางสะดุ้งทันทีเมื่อเสียงทุ้มน่าเกรงขามดังขึ้น เธอรีบวางขนมลงในจานก่อนจะหันหน้ามามองยุนกิที่กำลังเดินเข้ามาหาเช่นกัน
“คุณ...”
“ใครอนุญาตให้เล่นครัวของฉัน”
“...”
ใบหน้าหวานซีดลงเมื่อถูกเจ้าของบ้านถามแบบนี้ ไม่มีใครอนุญาตหรอกเธอก็แค่อยากหาอะไรทำก็เท่านั้นเอง
“ไม่มีค่ะ”
“คิดว่าจะทำอะไรก็ได้ในบ้านหลังนี้งั้นเหรอ?”
“...”
ยุนกิเห็นข้าวเงียบและทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ เขาถอนหายใจและเบือนสายตามองขนมหน้าตาน่ารับประทานบนโต๊ะ
“ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรือไง”
“ค่ะ ฉันชอบทำขนม ชอบทำอาหาร แล้วห้องครัวของคุณมีอุปกรณ์แปลกๆตั้งหลายอย่างที่บ้านฉันไม่มี ฉันก็เลย...”
ข้าวหยุดชะงักเหมือนรู้ตัวว่าตัวเองพูดมากเกินไป เธอกลืนน้ำลายลงคอแทนก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานิ่งเงียบ ส่งเพียงสายตาเย็นชากลับมา
“พูดต่อสิ”
“ก...ก็เลย อยากลองใช้ดูน่ะค่ะ”
“เสร็จหรือยัง”
“คะ?”
“ที่ว่าชอบทำอาหารน่ะ ทำออกมาแล้วอร่อยหรือเปล่า?”
“ใครกินก็บอกว่าอร่อยทุกคนนะคะ”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ยุนกิหัวเราะในลำคอกับท่าทางน่ารักของคนตรงหน้า
“งั้นต่อไปนี้ทำมื้อเย็นรอฉันกลับบ้านทุกวัน เข้าใจ?”
“ทำไมฉันต้องทำด้วยล่ะ คุณก็มีแม่ครัวนิ”
“ต้องอยากรู้เหตุผลทุกอย่างเลย?”
ข้าวเบ้ใบหน้าเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าไม่น่าอวดว่าทำอาหารเก่งออกไปเลย
“ค่ะ”
ยุนกิยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นคนตรงหน้ามีท่าทีอ่อนข้อลง
“กินขนมไร้สาระของเธอให้เสร็จแล้วไปอาบน้ำแต่งตัว ฉันให้เวลาสิบห้านาที”
“จะไปไหนคะ แล้วทำไมฉันต้อง—”
“เหลือสิบสี่นาที”
พูดจบ ร่างสูงหมุนตัวเดินออกจากห้องครัวไป ทิ้งเพียงร่างบางที่ยืนทำสีหน้าไม่เข้าใจกับคำพูดของเขา
“ดึกป่านนี้จะพาออกไปไหนอีก”
เธอไม่เคยไว้ใจเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว ให้ตายเถอะ!!
ผับ K
สถานที่อโคจรสุดหรูย่านคนรวยที่ไม่เพียงแต่ใครก็ได้ที่จะเข้ามาเที่ยวที่นี่ คนคนนั้นต้องกระเป๋าหนาเท่านั้นถึงจะผ่านเข้ามาได้ เสียงเพลงสากลดังกระหึ่มเพียงบริเวณด้านล่างเท่านั้น เรียกง่ายๆว่าโซนธรรมดา ส่วนใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อยโซนคลาสสิกได้เปิดรอพวกเขาอยู่ทางด้านบนของร้าน
ร่างสูงที่สลัดคราบมาเฟียสุดโหดออกไปจนหมด ตอนนี้เหลือเพียงชายหนุ่มที่อยู่ชุดเสื้อเชิ้ตราคาแพงสีเทาอ่อนกับกางเกงสแล็คสีดำขนาดพอดีตัว ทรงผมถูกเซตให้เปิดหน้าผากขึ้นเล็กน้อยเพิ่มความหล่อมากยิ่งขึ้น ข้างกายคือหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนความยาวเสมอหัวเข่า ชุดของเธอช่างไม่เข้ากับสถานที่เลยสักนิดแต่สร้างความพอใจให้กับมินยุนกิเป็นอย่างมาก เพราะสายตาคมดุดันกวาดมองไปทางไหนก็เจอแต่หญิงสาวที่แข่งกันแต่งตัวโป๊ล่อตาล่อใจ แต่ผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่ทำให้ยุนกิสนใจเลยสักนิด แม้ว่าสายตาของหญิงสาวมากมายที่กำลังจ้องมองมาที่เขาราวกับจะจับกลืนลงท้องยังไงยังงั้น ก่อนจะมีสาวสวยในชุดเดรสสั้นสีแดงเลือดหมูเดินมาดักหน้าเอาไว้ เธอคนนั้นใช้มือเรียวบางขึ้นวางบน แผ่นอกของร่างสูง มืออีกข้างของเธอถือแก้วเหล้าและแกว่งไปมา ข้าวหยุดเดินทันทีเมื่อเห็นว่าคนข้างหน้าหยุดเดินกะทันหัน เธอเงยหน้ามองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งๆ
“มาคนเดียวเหรอคะ?”
หญิงสาวที่มีใบหน้าสวยราวกับดารานางแบบ เธอไล่นิ้วไปบนแผงอกกว้างก่อนจะค่อยๆช้อนสายตายั่วยวนมองใบหน้าหล่อที่ตรงสเป็คของเธอ
“สาบานว่าตาบอด”
เสียงทุ้มพูดดังๆแข่งกับเสียงเพลงออกมา คนถามหน้าเสียเล็กน้อยและเบนสายตาไปยังคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา
“อ๋อ มากับเพื่อนนั่นเอง คิก”
“ไม่ใช่เพื่อน”
หญิงสาวหน้าแตกอีกครั้งเมื่อถูกคนใจแข็งตอบกลับมา
“ผู้หญิงแต่งตัวเชยๆแบบนั้นคงไม่ใช่แฟนคุณหรอกนะ”
“แล้วเธอมายุ่งอะไรด้วย!?”
“...!!”
“แต่งตัวแบบไหนที่เรียกว่าเชย อ๋อ...งั้นแต่งตัวแบบนี้เรียกว่าสวยงั้นสิ?”
ยุนกิลากสายตามองเนินอกขาวๆที่แทบจะทะลักออกมาจากชุดสั้นๆ ตั้งใจโชว์ให้ดูแบบนี้มันไม่เร้าใจสำหรับเขาเลยสักนิด
“...!?”
“เปล่าเลย มันน่าเกลียด”
“ก...กรี๊ด!!!”
“รีบๆเดิน!”
ยุนกิหันมากระชากข้อมือของคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าเหวอให้ปลิวตามไป ยุนกิถอนหายใจแรงๆยังไม่ทันไรก็เจอเรื่องน่าหงุดหงิดซะแล้ว
“คุณไปว่าเขาทำไมน่ะ”
เมื่อถึงทางเดินสำหรับห้อง VIP ที่จีมินจองเอาไว้ เสียงเพลงเบาลงทำให้ทั้งสองพูดคุยกันง่ายมากขึ้น
“มันด่าเธอหูหนวกหรือไง?”
“ก็ชุดนี้มัน...”
“อะไร!!”
“มันเชยจริงๆนี่นา”
“...!!”
“ปกติฉันก็ไม่ใส่อะไรแบบนี้สักหน่อย”
“ทำไม!! ปกติใส่ชุดน่าเกลียดๆแบบยัยนั่นน่ะเหรอ!?”
“คุณจะเสียงดังทำไมเนี้ย!”
“จำไว้ว่าอยู่กับฉันต้องห้ามแต่งตัวโป๊ จำใส่สมองไว้!!”
“โอ๊ยปล่อยนะ! ฉันเดินเองได้!!”
ยุนกิลากแขนเล็กด้วยอารมณ์โมโหอีกครั้ง ข้าวพยายามสะบัดข้อมือตัวเองออกแต่ก็ถูกมือใหญ่บีบให้แน่นมากกว่าเดิม ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้องหนึ่งที่ยุนกิจำได้ว่าจีมินจองเบอร์ห้องนี้ไว้ เขาตวัดสายตาแข็งกร้าวมองคนตัวเล็กด้านหลังก่อนที่แรงดิ้นของเธอจะหยุดลง ข้าวเบ้ใบหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาเมื่อยุนกิหันกลับไป หมั่นไส้คนเอาแต่ใจและเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ที่สุด!!
แอ๊ด
ยุนกิเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องมีเสียงเพลงคลอเบาๆก่อนที่สายตาคมจะหยุดลงที่ร่างสูงของจีมินที่วางแก้วเหล้าลงพอดี ข้างกายจีมินปรากฏหญิงสาวร่างบางที่ไม่คุ้นหน้าจ้องมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย
“เฮ้พวก เข้ามาๆ”
ยุนกิพยักหน้าให้จีมินเบาๆก่อนจะลากแขนให้ข้าวเดินตามเข้ามา คนตัวเล็กทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหลังยุนกิ
“โทษทีที่ช้า”
“ไม่เป็นไรๆ”
จีมินปัดมือสองสามทีและหันไปคุยกับหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคม ทั้งรูปร่างและท่าทางของเธอช่างงดงามไร้ที่ติเสียจริงๆ
“นี่มินยุนกิ เพื่อนสนิทของฉันเอง”
เธอพยักหน้าน้อยๆและส่งยิ้มหวานให้ร่างสูง ยุนกิไม่ได้ยิ้มตอบกลับไปและยังคงไม่ปล่อยข้อมือเล็ก
“ยุนกิ นี่ เจนนี่ เพื่อนเก่ากู”
ยุนกิพยักหน้ารับและมองใบหน้าสวยที่ยังคงมีรอยยิ้มกระชากใจส่งกลับมา สายตาแพรวพราวที่ปิดไม่มิดมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างสนอกสนใจ ร่างบางในชุดเดรสยาวสายเดี่ยวรัดรูปสีดำค่อยๆยืนขึ้นและโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายคนรู้จักใหม่
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณยุนกิ”
“ครับ”
เจนนี่ยิ้มหวานมากกว่าเดิมด้วยท่าทีเขินอาย เธอหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะเบนสายตาไปยังข้าวที่ยืนอยู่ด้านหลังเงียบๆ
“แล้วสาวน้อยคนนั้นเป็นใครเหรอคะ? ไม่แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างเหรอ”
“นั่นดิๆ หิ้วสาวที่ไหนมาด้วยวะ ร้ายนะมึง”
จีมินเห็นว่ายุนกิเงียบผิดปกติเมื่อเจนนี่แค่พูดว่าอยากรู้จักผู้หญิงที่เขาพามาด้วย รังสีน่ากลัวก็แผ่ซ่านออกมาจากสายตาคู่คม
“มึงไม่ต้องรู้หรอกว่ากูไปหิ้วมาจากไหน”
ยุนกิตอบกลับไปพลางเบนสายตามองหน้าจีมิน เจนนี่หน้าเสียเล็กน้อยทั้งๆที่เธอเอ่ยถามออกไปก่อนด้วยซ้ำ แต่ยุนกิกลับเงียบ เลือกที่จะตอบแค่เพื่อนตัวเอง
มือหนากระตุกข้อมือข้าวให้เดินตามมา ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาสีแดงเข้มฝั่งตรงข้ามกับจีมินและเจนนี่ คนตัวเล็กพยายามดึงข้อมือตัวเองออกมาจากฝ่ามือหนาก็ถูกมาเฟียหนุ่มตวัดสายตาดุดันกลับมา ข้าวไม่ยอมแพ้และดึงมือตัวเองกลับมาอย่างแรงจนมือของทั้งคู่หลุดออกจากกันในที่สุด ยุนกิจิ๊ปากเล็กน้อยและทำท่าจะเอื้อมมือไปจับมือนุ่มๆของอีกคนแต่พึ่งจะรู้ตัวว่าการกระทำของพวกเขาเมื่อครู่อยู่ในสายตาของคนตรงข้ามตลอดเวลา ยุนกิจึงหยุดความคิดลงและนั่งตัวตรงยอมสงบศึกในที่สุด
จีมินหรี่ตามองท่าทางแปลกประหลาดของเพื่อนสนิท ก่อนจะถึงบางอ้อในใจ ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นคนที่ยุนกิเคยเล่าให้ฟัง สาวไทยคนนั้นสินะ
แต่แปลกตรงที่ว่า...ทำไมเพื่อนจอมโหดของเขาต้องทำท่าทางหวงเธอจนออกนอกหน้าขนาดนี้ด้วย
“กินไรสั่งเพิ่มเลยนะ”
จีมินคนร่าเริงกลับมาอีกครั้ง เขาชวนคนนั้นคนนี้คุยในเรื่องต่างๆนาๆ ถามไถ่ทั้งเรื่องงานและเรื่องชีวิตประจำวันของยุนกิและเจนนี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาเฟียหนุ่มพูดแทบจะนับคำได้ ส่วนข้าวก็ได้แต่นั่งเงียบๆและยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นจิบเพราะยุนกิไม่ให้เธอแตะแอลกอฮอล์เลยน่ะสิ ส่วนเขายกขึ้นดื่มถี่ๆยิ่งกว่าน้ำเปล่า ข้าวเหลือบสายตามองหน้าทุกคนบนโต๊ะเป็นระยะๆเท่านั้น นอกจากจะนั่งเงียบหรือไม่ก็มองทะลุกระจกใสมองไปยังด้านล่างที่เป็นโซนธรรมดา ความเมามันส์ของหนุ่มสาวที่เต้นเบียดเสียดกันอยู่ด้านล่างสร้างความตื่นตาตื่นใจสำหรับข้าวไม่น้อย เพราะตอนอยู่ที่เมืองไทยเธอไม่เคยมาเที่ยวที่แบบนี้สักเท่าไร
ยุนกิยกแก้วใบสวยที่บรรจุด้วยของเมาขึ้นดื่ม พลางเอนหลังพิงและหันมองคนตัวเล็กข้างๆที่เอาแต่มองลงไปด้านล่าง ดวงตากลมโตเป็นประกายเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่ใสซื่อไร้เดียวสา กลิ่นหอมของแชมพูจากเส้นผมยาวสลวยลอยมาปะทะจมูกเขาตลอดเวลา ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยุนกิชอบและเสพติดกลิ่นนี้
เขาวางแก้วลงบนโต๊ะใสด้านหน้าก่อนจะเผลอสบตากับดวงตาคู่คมที่กรีดอายไลเนอร์เส้นหนาเข้าพอดี คอนแทคเลนส์สีเทาอ่อนยิ่งเพิ่มความเฉี่ยวให้กับดวงตาคู่สวยจนสะกดคนมองอย่างอยู่หมัด...แต่คงใช้ไม่ได้กับมินยุนกิ
ยุนกิรู้ตัวว่าเจนนี่มองเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเขาจะคุยกับจีมินหรือหันไปมองข้าวที่นั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวตรงหน้าก็ไม่เคยละสายตาไปจากใบหน้าเขาเลยแม้แต่นาทีเดียว แต่ยุนกิไม่สนใจเลยสักนิด ทั้งๆที่ตอนนี้คนสวยกำลังยกยิ้มกระชากใจส่งกลับมาให้เมื่อสบตากัน เขามองมันแวบเดียวก่อนจะมีเสียงหวานๆที่คุ้นหูลอยเข้ามาจนรีบหันไปทางต้นเสียงด้วยความเร็ว
“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
ข้าวพูดกับร่างสูงข้างๆ ยุนกิพยักหน้าเบาๆและทำท่าจะลุกขึ้นไปกับเธอแต่ถูกใครบางคนขัดขึ้นมาซะก่อน
“ไปกับฉันก็ได้ค่ะ”
เจนนี่พูดขึ้นก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ข้าว
“ฉันก็อยากเข้าห้องน้ำอยู่พอดี”
ข้าวยิ้มบางๆเมื่อเจนนี่พูดจบ เธอเห็นว่าเจนนี่ไม่ได้เย่อหยิ่งด้วยเลยจึงสบายใจเพราะยังไงก็ดีกว่าให้ยุนกิที่เป็นผู้ชายไปยืนเฝ้าไม่ใช่เหรอ
“ให้ฉันไปกับคุณเจนนี่ก็ได้ค่ะ”
ใบหน้าหวานหันมาขออนุญาตกับคนข้างๆ ยุนกิหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อถูกขัดใจ
“ให้สาวๆไปด้วยกันเถอะ มึงอ่ะอยู่กับกู”
จีมินพูดติดตลก ยุนกิถอนหายใจอย่างเซ็งๆและตวัดสายตามองหน้าเจนนี่อย่างไม่สบอารมณ์ คนถูกมองยิ้มบางๆก่อนจะลุกขึ้นยืน คนตัวเล็กข้างๆเขาก็ลุกขึ้นยืนตามก่อนจะทำท่าเดินออกไปแต่ถูกมือหนาคว้าไว้จนต้องหันกลับไปมอง
“...?”
“รีบๆมา”
“ค่ะ”
ทางเดินชั้น VIP ค่อนข้างเงียบสงบกว่าชั้นอื่นๆ หญิงสาวทั้งสองเดินข้างกันเงียบๆก่อนที่เจนนี่จะเป็นฝ่ายชวนคุย
“จนป่านนี้ฉันก็ยังไม่รู้ชื่อเธอเลยนะ”
“ฉันชื่อข้าวค่ะ”
“ไม่ใช่คนเกาหลีเหรอ?”
“เปล่าค่ะ ฉันเป็นคนไทย”
“อื้ม งั้นเหรอ”
ข้าวพยักหน้าเบาๆ โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นใบหน้าของคนข้างๆที่ไม่ได้แสดงออกมาว่าสงสัยเหมือนกับสิ่งที่ถามออกไปเลยสักนิด
“แล้วมาทำอะไรที่เกาหลีล่ะ?”
“เอ่อ คือ...”
“แล้วเธอเป็นอะไรกับมินยุนกิเหรอ?”
คำถามสุดท้ายเป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องน้ำกว้าง ข้าวสบตากับเจนนี่ผ่านกระจกบานใหญ่ด้านหน้าของอ่างล้างมือ ดวงตาคู่สวยเปลี่ยนไปจากเดิม ตอนนี้ใบหน้าสวยของเจนนี่นิ่งเฉยมีแต่ความเย็นชาและน่ากลัวส่งกลับมาให้
“ค...คือ”
คนตัวเล็กกว่าพูดไม่ออก ได้แต่อึกอักเมื่อถูกจ้องผ่านกระจก ทันใดนั้นเจนนี่กลับเปลี่ยนสีหน้าจากเย็นชาเป็นยิ้มหวานส่งกลับมาอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้มันน่ากลัวจนข้าวรู้สึกร้อนๆหนาวๆผิดปกติ
“ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะ”
“งั้นฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ข้าวหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไปและปิดประตูลง ห้องน้ำหกห้องที่เรียงรายกันล้วนว่างทั้งหมด กลายเป็นว่าทั้งสองอยู่ในห้องน้ำหญิงกันเพียงลำพัง
ครื้น
เสียงกดชักโครกดังขึ้น เวลาผ่านไปไม่นานข้าวก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จและเปิดประตูห้องน้ำออกมา สายตาปะทะกับเจนนี่ที่ยังยืนอยู่หน้ากระจกที่เดิมเหมือนกับว่าเธอยังไม่ได้เข้าห้องน้ำยังไงยังงั้น
“คุณเจนนี่ไม่เข้าเหรอคะ?”
เพราะข้าวจำได้ว่าเจนนี่ก็อยากมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
“เรียบร้อยแล้วล่ะ”
ร่างสวยยืนลูบผมของตัวเองไปมา ข้าวพยักหน้าน้อยๆและเก็บความสงสัยเอาไว้ เธอเดินไปที่อ่างล้างมือและเปิดก๊อกยื่นมือทั้งสองเข้าไปรับน้ำ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จัดการปิดก๊อกและหันมองคนข้างๆที่ยืนจ้องหน้าเธอผ่านกระจกตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ สายตาน่ากลัวกลับมาอีกครั้ง
“ม...มีอะไรเหรอคะ”
“มี”
“...?”
“ตั้งใจฟังในสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกแล้วกัน”
น้ำเสียงแข็งกร้าวและสายตาน่ากลัวหลุดออกมาจนหมดเปลือก ข้าวยืนนิ่งและหันหน้ามองเจนนี่ที่กำลังล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก ก่อนจะหยิบซองสีน้ำตาลที่ถูกพับออกมาและวางลงบนอ่างล้างมืออย่างแรง
ปึก!
“เปิดดูสิ”
ข้าวไม่เข้าใจอย่างมาก เธอจำได้ว่าไม่เคยรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ แล้วนี่เขากำลังจะบอกอะไรกับเธอ
“เปิดสิ!!”
คนตัวเล็กสะดุ้งเมื่อถูกตวาดใส่ มือบางสั่นน้อยๆและเอื้อมไปหยิบซองสีน้ำตาลในที่สุด ข้าวเปิดมันออกและล้วงกระดาษหลายแผ่นข้างในออกมา เธอหยิบมันออกมาทั้งหมดก่อนที่หัวใจจะกระตุกวูบ แทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นของในมือตัวเองชัดๆ
“นี่มัน!!”
รูปถ่ายของชายหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในอิริยาบถต่างๆ ทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน ในสถานที่ต่างๆที่ชีวิตประจำวันพวกเขาต้องไป ใบหน้าที่ค่อนข้างจะเหี่ยวย่นหม่นหมองไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน ในวันต่างๆที่พวกเขาต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นมื้ออาหารทั้งสามมื้อ ทำสวนในวันเสาร์อาทิตย์และก่อนเข้านอน...รูปสุดท้ายที่สองชายหญิงแก่กำลังนั่งกอดกันร้องไห้บนโซฟาที่เธอคุ้นเคยเมื่อหลานสาวคนเดียวของพวกเขาได้หายตัวไป ทั้งสองก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลยตั้งแต่นั้นมา
“ฮึก! ฮื้อ ลุง ป้า”
เสียงสะอื้นเริ่มหนักขึ้นเมื่อเธอพลิกรูปทุกรูปดูชัดๆ บุคคลในรูปคือลุงกับป้าที่แท้จริงของเธอ เป็นคนที่เธอคิดถึงพวกเขามาตลอด รูปแอบถ่ายทั้งหมดนี้คืออะไรกัน แล้วมาอยู่ที่เจนนี่ได้ยังไง!?
“นี่มันเรื่องอะไร!?”
ข้าวเงยหน้ามองเจนนี่ทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงมองรูปถ่ายอีกครั้ง แต่ไม่ทันได้สังเกตตั้งแต่แรก เมื่อสายตาปะทะเข้ากับรูปสุดท้าย
รูปกระบอกปืนสีดำขลับ!!
“หมายความว่ายังไง!!”
ร่างบางสั่นเทาอย่างแรงด้วยความตกใจ เธอกำรูปปืนแน่นก่อนจะเงยหน้าสบตาสายตาเย็นชา เจนนี่ยกยิ้มร้ายก่อนจะกระชากของในมือข้าวทั้งหมดกลับไป
“คุณไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน!!”
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!!”
เจนนี่ขึ้นเสียงสูง ใช้สายตาจิกกัดคนน่ารำคาญตรงหน้าก่อนจะชูรูปทั้งหมดขึ้น
“เห็นปืนนี่ไหม?”
“ฮึก!!”
“ถ้าไม่ทำตามที่ฉันบอกต่อไปนี้ล่ะก็”
“...”
“รูปถ่ายเซตต่อไปจะมีเลือดและคนตายติดมาด้วย!”
“แหม ห่างกันหน่อยไม่ได้เชียวนะมึง?”
จีมินแซวขำๆ ยุนกิตวัดสายตาดุดันกลับมาจนจีมินต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
"ว่าจะถาม ไอ้แทฮยองล่ะ ยังมาป่วนมึงอยู่ปะ?"
“มันไปดูงานที่สวิตฯ ถ้ากลับมาแล้วยังมายุ่งอีกกูคงไม่ใจดีเหมือนครั้งที่แล้วแน่”
“ยังไงก็น้องมึงนะ อย่าตีกันบ่อย”
“มันเคยเห็นกูเป็นพี่ไหมล่ะ?”
ยุนกิชักสีหน้าเมื่อพูดถึงน้องชายตัวดีที่จ้องจะคาบของของเขาไป จีมินกลั้วหัวเราะกับศึกสงครามสองพี่น้อง ก่อนหน้านี้แทบจะตีกันตายเพราะเรื่องธุรกิจ แต่ตอนนี้เพิ่มเรื่องผู้หญิงเข้ามาด้วย ดูท่าคงไม่จบกันง่ายๆแน่นอน
ทั้งสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนที่จีมินจะนึกบางอย่างขึ้นออก
เรื่องของเจนนี่ที่เขาอยากจะเล่าให้ยุนกิฟัง
“ถ้ามึงไม่พาข้าวมาด้วย กูกำลังจะบอกบางอย่างเลยนะเนี้ย”
“อะไร”
จีมินวางแก้วลง ก่อนจะทำท่าทางคันปากอยากเม้าท์เรื่องบางอย่างให้เพื่อนสนิทฟัง
“เจนนี่อะดิ”
“...”
“เขาชอบมึงเว้ย”
“แล้ว?”
“โห่ คนสวยขนาดนั้นมาชอบมึงยังทำหน้านิ่งเป็นหินอยู่อีกเหรอวะ!”
“สวยแล้วไง ก็กูไม่ชอบ”
“มึงชอบข้าว?”
“ถ้ายังไม่หยุดพูดมากกูจะถีบหน้ามึง”
“อย่าโหดดิวะ!”
จีมินคว่ำปากลง ยกมือขึ้นเสยผมสีน้ำตาลขึ้นลวกๆก่อนจะมองไปทางประตูที่ยังเงียบเหมือนเดิม เช็คว่ายังไม่มีใครเข้ามาแน่ๆและหันกลับมาพูดต่อ
“แต่กูก็ไม่เชียร์มึงกับเจนนี่หรอกนะ”
“...”
“ยัยนั่นก็ไม่ได้สนิทอะไรกับกูมากมาย เพื่อนเก่าสมัยไฮสคูลนู้น”
“แล้วพามาทำไม”
จีมินยักไหล่หนึ่งทีก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นแกว่งไปมา
“ไม่รู้ดิ จู่ๆทักแชทมาบอกว่าให้ช่วยอะไรหน่อย”
“...”
“เธอสารภาพว่าแอบชอบมึง และก็พึ่งรู้ว่ากูสนิทกับมึงเลยขอร้องให้กูชวนมึงออกมาให้ได้”
“ชอบกูได้ไง หน้ายังไม่เคยเจอ”
“ก็นั่นดิที่แปลก...แต่กูก็ไม่ได้ถามอะไรมากว่ะ”
“...”
“สงสัยแดกแห้ว เพราะมึงดันควงผู้หญิงมาด้วย”
จีมินยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ยุนกิทบทวนเรื่องที่จีมินเล่ามาทั้งหมด ไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงมาชอบเขา มันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะไปที่ไหนก็จะมีสาวสวยมากมายมารุมล้อมหรือไม่ก็ยั่วยวนให้ท่า แต่เขาก็ไม่เคยที่จะสนใจใครแถมยังมองว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญด้วยซ้ำ แต่ที่แปลกก็คือเจนนี่จะชอบยุนกิได้อย่างไรในเมื่อทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันเลยเป็นการส่วนตัว
“กูว่าเขาอาจจะเห็นมึงออกงานหรือไม่ก็เห็นในนิตยาสารนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงก็ได้นะ”
ก็จริงอย่างที่ปาร์คจีมินพูด
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าจริงๆกูงานทำอะไร”
“กูว่าไม่รู้ว่ะ”
“หึ พอรู้อาจจะเปลี่ยนความคิดไปเลยก็ได้”
เพราะจริงๆแล้วอาชีพของเขามันน่ากลัวเกินกว่าที่ใครหลายคนจะรับได้ยังไงล่ะ
แอ๊ด
ไม่นานประตูถูกเปิดออกจากคนข้างนอก ปรากฏร่างสวยของเจนนี่เดินเข้ามาและตามมาด้วยคนตัวเล็กที่เดินกุมมือตัวเองแน่น ดวงตากลมโตแดงก่ำผิดปกติจนยุนกิสังเกตได้ทันที เขามองหน้าข้าวไม่ละไปไหนจนเธอเดินมานั่งลงข้างๆที่เดิม
“ทำไมไปนาน”
“ฉันปวดท้องน่ะ”
เสียงหวานตอบกลับมาโดยที่ไม่หันมองหน้ายุนกิเลย คิ้วเข้มขมวดแน่นกับท่าทางแปลกๆของเธอ ก่อนที่สายตาแข็งกร้าวจะตวัดไปมองฝั่งตรงข้าม ผู้หญิงที่นั่งข้างๆจีมินกำลังมองหน้าเขาอยู่เช่นกัน
ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยสีสันของเครื่องสำอางราคาแพงตีสีหน้านิ่งราวกับว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ยุนกิยังคงจ้องไปที่ดวงตาคู่สวย ไม่ใช่เพราะหลงใหลแต่เขาอยากจะคาดคั้นคำตอบว่าที่พากันหายไปนานแล้วกลับมาคนของเขามีท่าทางเปลี่ยนไปมันเป็นเพราะอะไร?
“คุณยุนกิ”
เสียงใสเหมือนลูกแมวดังขึ้นจนยุนกิรีบสลัดสีหน้าน่ากลัวแทบจะฆ่าคนตายที่กำลังใช้มองเจนนี่ออกไปจนหมด เหลือเพียงสีหน้านิ่งๆเย็นชาหันกลับมามองคนตัวเล็กข้างๆ
“ฉันอยากกลับแล้วค่ะ”
อยากจะถามออกไปเหลือเกินว่าเป็นอะไรกันแน่? ได้แต่เก็บคำถามไว้ในใจ เขาไม่ตอบอะไรและหันกลับไปมองเพื่อนสนิทที่เงียบดูสถานการณ์มาสักพัก
“กูกลับก่อนนะ”
“เออๆ กลับเถอะ ไว้เจอกันมึง”
ยุนกิพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น ใช้สายตาคาดโทษมองใบหน้าสวยเพียงแวบเดียวก่อนจะคว้ามือบางมากุมไว้และเดินออกจากห้องไป ที่จีมินไม่ขัดยุนกิเพราะเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุที่เริ่มดุเดือดขึ้น
“งั้นเราก็กลับกันเลยไหมจีมิน?”
เจนนี่หันไปถามร่างสูงที่เรียกสติตัวเองกลับมา จีมินแสร้งทำสีหน้าปกติและตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม
“ก็ได้ กลับกันเถอะ”
หญิงสาวลุกขึ้นและเดินนำหน้าออกไป ทิ้งไว้เพียงจีมินที่ยืนมองแผ่นหลังบางข้างหน้านิ่งๆ เขาดูออกว่าเจนนี่เริ่มแสดงออกในบางเรื่องที่ผิดปกติ ทั้งสายตาและน้ำเสียงของเธอ เขามั่นใจว่าไม่ได้คิดมากแน่นอน
และสายตาของยุนกิที่ใช้มองเจนนี่เมื่อครู่ซึ่งจีมินเห็นมันทั้งหมด ไหนจะท่าทางแปลกๆของข้าวที่กลับมาจากห้องน้ำอีก จีมินได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้และรู้สึกผิดต่อเพื่อนสนิทของตัวเอง
ว่าคืนนี้เขาไม่น่าพาเจนนี่มาให้ยุนกิรู้จักเลย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แระก้อคิดริ่มคถ.แทแร้วด้วยสิ แทรีบมาปั่นหัวพี่ก้าเร้วววว-.-
ปล.นี่เป็นฟิคเรื่องแรกที่เม้นท์ตลอดและเม้นท์เยอะเลยนะไรท์ รีบๆมาลงตอนต่อไปให้อ่านหน่อยเถอะนะไรท์