ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Savage of the Sea [BTS x YOU] -END-

    ลำดับตอนที่ #2 : 02 | ปะทะ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 63







    02




    เป็นเพราะเครื่องปรับอากาศในรถยนต์คันนี้ใช้งานไม่ได้ทำให้ลีอันต้องหมุนกระจกลงและใช้อากาศด้านนอกเป็นออกซิเจนแทน บรรยากาศค่อนข้างเงียบเพราะทั้งคู่ไม่มีประโยคสนทนาตั้งแต่ที่ปลาตัวนั้นบินมาเกาะขาเธอและเขาก็หยิบมันออกราวกับเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่บ่อย ลีอันไม่ถือสาเอาความแต่ทว่ายังหวาดระแวงเบาะหลังที่มีถังใบใหญ่ตั้งอยู่แทบตลอดเวลา เสียงของน้ำในถังกระฉอกตามจังหวะการเบรกเช่นเดียวกับเธอที่เอียงใบหน้าไปมองราวกับเช็คว่าจะไม่มีปลาตัวไหนอยากออกมาวิ่งเล่นอีก


    รถยนต์ขับไปได้ไม่นานก็ถึงท่าเรือใหญ่ที่มีเรือเฟอรี่จอดอยู่หนึ่งลำ ลูกน้องคุณเควินที่ลีอันคิดเองเออเองซื้อตั๋วสำหรับพารถยนต์ข้ามไปยังอีกฟากเกาะและมันก็ทำให้เธอรับรู้ว่าระยะทางที่กำลังจะไปไม่ได้ใกล้เหมือนอย่างที่คิด หลังจากจอดรถยนต์ในเรือเรียบร้อยแล้ว คนตัวใหญ่ด้านข้างก็ดับเครื่องและทำท่าจะลงจากรถส่งผลให้ลีอันโพล่งออกมา


    “อีกนานแค่ไหนเหรอคะ”


    เธอปาดเหงื่อออกจากใบหน้าเพราะอากาศที่นี่ค่อนข้างร้อน


    “สองชั่วโมง”


    อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบทั้งที่ไม่มองหน้าเธอสักนิด เขาลงจากรถก่อนจะเดินหายไปยังชั้นของที่นั่งบุคคล ส่งผลให้หญิงสาวรีบลงจากรถตาม แต่เมื่อกวาดสายตามองหาก็ไม่เห็นผู้ชายคนนั้นแล้ว


    “คนอะไรจะเย็นชาขนาดนี้”


    เสียงหวานพึมพำ อย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่เดินทางมาเจรจาธุรกิจน่าจะต้อนรับกันดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ คิดแล้วก็ยิ่งปวดหัว ลีอันไม่ถูกกับคลื่นทะเลสักเท่าไร พูดง่ายๆ ก็คือเมาเรือนนั่นแหละ ร่างสวยเดินไปซื้อน้ำเย็นๆ ก่อนจะหาที่นั่งรอเพียงเวลาเรือเทียบท่า


    แค่ใช้เวลาเดินทางเธอก็แทบจะหมดแรงแล้ว!

     



     

    สองชั่วโมงตามที่ผู้ชายคนนั้นบอกจริงๆ...ตอนนี้เธอนั่งอยู่ในรถยนต์คันเดิมและมีสารถีคนเดิมที่เตรียมตัวขับรถออกจากเรือลำยักษ์นี่และในที่สุดรถก็แล่นอยู่บนถนน จราจรไม่ติดขัดผิดกับถนนเส้นสนามบินมายังท่าเรือ และเมื่อกวาดสายตามองรอบข้างก็จะเห็นความแตกต่างเพราะที่นี่ค่อนข้างกันดานกว่าทำให้ลีอันเดาว่าเมื่อครู่เธอคงมาจากในเมือง สองข้างทางเป็นป่าทึบนานๆ ทีจะมีรถยนต์สวนมาสักคัน แม้ว่ามองไม่เห็นทะเลแล้วแต่ยังคงได้กลิ่นอายของทะเลชัดเจน ถนนเส้นยาวไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดหรือถึงจุดหมายแม้ว่าคนขับจะซิ่งเร็วแค่ไหนก็ตาม


    “คุณ...อีกนานมั้ยคะ”


    “...”


    ไร้เสียงตอบรับ...ลีอันกล้าๆ กลัวๆ ที่จะหันมองอีกฝ่ายแต่เมื่อหันไปก็พบใบหน้าขึงขังจดจ้องถนนตรงหน้าไม่คิดว่าเสียเวลาตอบเธอสักประโยค หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะละความสนใจจากเขาเช่นกัน ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย สงสัยกลัวว่าดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก

     

     



    เวลาล่วงเลยผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ลีอันสัปหงกอยู่พักใหญ่และทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะถึงสักที เธอเปลี่ยนท่านั่งจนไม่รู้จะนั่งท่าไหนให้เมื่อยน้อยไปกว่านี้ และเมื่อเหลือบสายตาหันไปมองคนข้างๆ ทีไรก็พบแต่ใบหน้าขึงขังหน้าเดียวเช่นเดิม เธอไม่อยากถามอะไรเขาเพราะรู้ว่ายังไงอีกฝ่ายก็คงไม่ตอบ ส่งผลให้อารมณ์ของเธอตอนนี้เริ่มจะไม่คงที่ เพราะอากาศร้อนๆ และมลพิษของควันด้านนอกที่กำลังเล่นงาน


    งานนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ


    แต่หญิงสาวก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเพราะคิดว่าหากยอมแพ้คนที่คอยจิกกัดและซ้ำเติมคงหนีไม่พ้นแม่เลี้ยงใจดำคนนั้น ลีอันไม่รู้ว่าพ่อจะรู้รึเปล่าว่าการเดินทางมาเจรจาธุรกิจรอบนี้จะทุลักทุเลและคนที่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่ต้อนรับ หากรู้แล้วยังส่งเธอมาก็นับว่าใจร้ายเต็มทน


    เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาก็พบว่าเย็นมากแล้ว เธอใช้เวลาเดินทางเยอะมากจริงๆ แต่ที่ช็อคไปกว่านั้นก็คือขีดสัญญาณมือถือที่ลดลงจนแทบไม่มีสัญญาณให้ใช้ได้


    ให้ตายเถอะ เธออยากกลับบ้านแล้ว


    “คุณคะ ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เหรอ”


    “...”


    “คุณ ได้ยินที่ฉันพูด—”


    “แล้วเห็นมั้ยล่ะสัญญาณ?”


    “...”


    “ถ้าไม่เห็นก็แปลว่าไม่มี”


    เสียงเย็นเหยียบยิ่งเพิ่มความมั่นใจว่าคนคนนี้ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์อันดีแน่นอน ลีอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และสะบัดใบหน้ากลับไปมองข้างทางฝั่งของตัวเอง


    อยากให้งานนี้จบเต็มทน ขากลับเธอจะเหมารถตู้แอร์เย็นฉ่ำเลยคอยดู!


     

     


    18.15 น.


    และแล้วก็ถึงที่หมายสักที เลียบถนนที่อีกฟากนึงเป็นทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาและตอนนี้รถยนต์ก็ได้มาจอดหน้าบ้านปูนหลังขนาดกลางแม้จะไม่ได้หรูหราแต่ก็ดูดีหากเทียบกับบ้านเรือนระหว่างทางที่สังเกตเห็น ลีอันลงจากรถพลางยืดเส้นยืดสายที่เกรงว่าจะเป็นตะคริว เธอเงยหน้ามองบ้านหลังตรงหน้าก็ยิ้มออกสักทีเพราะอย่างน้อยบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้น่าเกลียดหากจะพักอยู่สักคืนสองคืน ร่างเพรียวสวยเดินไปยังหลังรถกระบะเป้าหมายคือเอากระเป๋าเดินทางลงมาเพราะคิดว่าคนขับรถแสนเย็นชาคนนั้นคงจะไม่ใจดีช่วยเธอยกแน่นอน และที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือเขาไม่หายไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ทว่าอีกฝ่ายยืนกอดอกมองเธออยู่ไม่ไกลด้วยสายตายากจะเดาความคิด


    ลีอันกระแอมในลำคอ ใบหน้าสวยหวานเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยุดที่หลังกระบะและจังหวะที่กวาดมองหากระเป๋าลากใบโตเพราะตัวเองได้แบกมันขึ้นไปเก็บเองกับมือ แต่ทว่าบัดนี้บนกระบะมีเพียงแค่ถังใส่ปลา


    กระเป๋าของเธอหายไปไหน!


    “คุณ กระเป๋าของฉันล่ะ”


    ลีอันตกใจแทบพูดไม่ออก เธอรีบเดินไปหยุดหน้าชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกนิ่งๆ เขาเพียงมองกลับมาแต่ไม่ตอบอีกตามเคย ส่งผลให้คนที่กระเป๋าหายฟิวส์ขาดในฉับพลัน


    “คุณ! พูดกับฉันสักคำเจ้านายคุณคงไม่หักเงินเดือนหรอก!


    “...”


    “นี่คุณ!


    “เสียงดังอะไรกัน— เอ้าเฮีย กลับมาแล้วเหรอ!


    น้ำเสียงของคนมาใหม่เปลี่ยนเป็นดีใจเมื่อเห็นเจ้านายกลับมาถึงบ้านหลังจากออกไปตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงนุ่งผ้าขาวม้ากับเสื้อกล้ามสีขาว ใบหน้าปะแป้งจนขาวบ่งบอกว่าได้อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว โฮซอกที่ออกมาจากหลังบ้านวิ่งไปต้อนรับนายของตนทันที แต่ก็ต้องเบิกตาเพราะนายของเขาได้พาผู้หญิงแปลกหน้าติดมือมาด้วย


    และที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสะสวย ทั้งรูปร่างและผิวพรรณดูก็รู้ว่ามาจากเมืองกรุง


    อย่าบอกนะว่าเฮียของเขาจะเปิดตัวเมีย!


    “ใครอะเฮีย”


    โฮซอกเดินกระมิดกระเมี้ยนไปยืนข้างเฮียหรือชื่อจริงๆ ของเฮียนั่นก็คือแทฮยอง ส่งผลให้คนถูกถามตวัดสายตาคมกริบไปมอง โฮซอกรีบหุบปากฉับ


    “มึงจัดการต่อซะ กูจะเข้าบ้าน”


    แทฮยองบอกปัดลูกน้องเพราะเหนียวตัวอยากอาบน้ำเต็มที ร่างสูงทำท่าจะเดินหนีเข้าบ้านแต่ทว่าเสียงตึงตังของฝีเท้าดังอยู่ข้างหลัง ก่อนที่ลีอันจะวิ่งมาดักหน้าเขาด้วยท่าทางเอาเรื่อง


    “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ คุณเป็นใคร”


    “...”


    “แทฮยองเหรอ อย่าบอกนะ...”


    ใบหน้าสวยเหยเกเมื่อนึกออกว่าชื่อของผู้ชายคนนี้คุ้นมาก...เหมือนชื่อน้องชายแม่เลี้ยงใจยักษ์ของเธอไม่มีผิด!


    นัยน์ตาคู่คมจ้องมองผู้หญิงตรงหน้านิ่งๆ เขาไม่ตอบอะไรให้เปลืองน้ำลายก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านแต่ทว่าแรงจับที่แขนเป็นสัมผัสซึ่งชายหนุ่มไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาจึงสะบัดอย่างแรงจนร่างของลีอันกระเด็นแทบล้มคะมำ โฮซอกเบิกตากว้างเมื่อเห็นเฮียตัวเองใกล้ตบะแตกเต็มที และที่ร้ายไปกว่านั้นคือสาวเมืองกรุงคนนี้ไปจับเนื้อต้องตัวเฮียของเขานี่สิ


    เพราะเฮียแทฮยองเป็นบุคคลที่ไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัว ไม่ว่าจะคนสนิทหรือไม่สนิทก็ห้ามทั้งนั้น


    “ฉันเจ็บนะ คุณเป็นบ้ารึไง!


    ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติอีกต่อไปในเมื่อเขาเหวี่ยงเธอจนหน้าทิ่มแบบนี้ ลีอันจ้องหน้าแทฮยองอย่างโมโห แต่ทว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงเรียบนิ่งเช่นเดิม


    “ไอ้โฮซอก”


    “ว่าไงเฮีย”


    “เอาผู้หญิงคนนี้ไปส่งที่บ้าน”


    “บ้านใครเฮีย”


    “บ้านไอ้ด่าง”


    “หา!


    “...”


    “ดะ...ได้เลยเฮีย”


    “เดี๋ยวก่อนคุณ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ!


    “...”


    “คุณ!


    “...”


    “หึ่ย!


    ลีอันจับแขนตัวเองที่ถูกเหวี่ยงเพราะมันปวดนิดๆ พลางมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าบ้านไปแล้ว ใบหน้าของเธอดูตั้งแต่ร้อยเมตรก็รู้ว่าไม่พอใจมากแค่ไหน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ลีอันไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก


    หมอนั่นคือน้องชายของยัยแม่เลี้ยงใจยักษ์


    แปลว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรที่เธอไม่รู้


    “คุณผู้หญิง”


    ดวงตากลมตวัดมองผู้ชายอีกคนที่ปะแป้งหน้าขาวเอ่ยเรียกอยู่ข้างๆ โฮซอกเดินเข้าไปใกล้พลางกวาดมองเรือนร่างระหงที่น้อยนักจะเห็นคนสวยงามแบบนี้ที่เกาะของเรา


    “ไปกัน ไปบ้านไอ้ด่าง”


    ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าเธอกำลังฝันไป!

     





     

    หลายชั่วโมงก่อนหน้า


    ร่างสูงของชายเจ้าของผิวสีแทน ใบหน้าหล่อเหลายิ่งเพิ่มความดิบเมื่อนานทีปีหนจะเห็นรอยยิ้มจากผู้ชายคนนี้สักครั้ง แทฮยองยืนพิงเสาเรือเฟอรี่ด้านหน้าในขณะสายตาก็จ้องมองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังนั่งดูดน้ำส้มเย็นฉ่ำพลางทำหน้าตาชื่นอกชื่นใจ


    ประหลาดคน


    แต่ทว่าต้องละความสนใจเมื่อคนรู้จักเดินเข้ามาทักทายเมื่อบุคคลที่เคยทำการค้าขายด้วยกันในอดีตบังเอิญเจอกัน แทฮยองเป็นบุคลลที่ไม่มีใครไม่รู้จักในเกาะแห่งนี้ เขาชื่อดังในเรื่องทำการค้าประมงเพราะท่าเรือแทฮยองนับว่าใหญ่ที่สุดในด้านการส่งออกสัตว์ทะเลนานาชนิด หนุ่มหน้าเข้มที่ยังครองโสดแต่ทว่าทำงานเก่งกาจสามารถคุมลูกน้องหลายร้อยชีวิตได้เพียงอายุยังน้อย ใครๆ ก็รู้ว่ากำไรจากการค้าของท่าเรือแทฮยองต่อปีนั้นมหาศาลมากแค่ไหน เศรษฐีในเมืองกรุงนับว่ารวยแล้วแต่ยังเทียบไม่ติดกับเศรษฐีต่างจังหวัดที่ใช้คำว่า รวย ได้ท่องแท้และ รวย จากเปลือกใน แค่ภายนอกดูไม่มีอีโก้หรือของใช้ราคาแพงไว้ประดับเหมือนคนรวยในเมืองกรุงก็เท่านั้น และด้วยเหตุผลนี้ทำให้หญิงเล็กหญิงใหญ่ทั้งแม่ม่ายและสาวโสดต่างพากันใฝ่ฝันที่จะได้เป็นเมียเจ้าของท่าเรือหนุ่มกันเป็นทิวแถว...แต่ใครจะรู้ว่าเขาไม่มีผู้หญิงคนไหนอยู่ในใจ ทั้งคนคุยและคนที่แอบชอบก็ไร้วี่แวว


    ไม่นานคู่ค้าที่รู้จักก็เดินจากไปหลังจากเข้ามาทักทายพอหอมปากหอมคอ แทฮยองเคลื่อนสายตาไปที่ผู้หญิงเมืองกรุงคนนั้นอีกครั้ง ก่อนความคิดบางอย่างจะผุดเข้ามาในสมอง...


    ร่างสูงเดินไปจากตรงนี้ทันที เป้าหมายคือชั้นล่างของเรือซึ่งเป็นที่จอดรถยนต์ เขาก็เดินไปถึงรถของตัวเองอย่างไม่รีรอก่อนจะแบกของบางอย่างลงจากหลังกระบะและสิ่งนั้นก็คือกระเป๋าลากใบใหญ่ แทฮยองยกมันด้วยมือข้างเดียวราวกับเบาหวิวพลางเดินลงไปใต้ท้องเรือที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่านก่อนจะโยนกระเป๋าใบนั้นไปที่กองถังขยะของเรือที่กำลังรอทิ้งราวกับมันไร้ค่าและไร้ความหมาย


    เอาไปก็หนักรถ...คิดในใจพลางเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและหมุนตัวกลับไปยังที่นั่งด้านบนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น






    50%





    “นายหยุดอยู่ตรงนั้น ฉันขอเวลาส่วนตัว”


    ลีอันพูดขึ้นทำให้โฮซอกที่ทำท่าจะเดินนำไปยังบ้านไอ้ด่างอะไรนั่นต้องยอมหยุดอยู่กับที่ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจทุกอย่างรอบตัวตอนนี้ เธอเดินเลี่ยงไปให้ไกลจากผู้ชายที่ปะแป้งหน้าขาวก่อนจะล้วงหาโทรศัพท์และกดโทรออกทันที เธอโล่งอก แม้ว่าสัญญาณจะอ่อนแต่ก็ยังสามารถใช้งานได้อยู่


    ตู๊ดด...


    ลีอันร้อนใจจนอยากจะร้องไห้ กวาดสายตาสั่นไหวไปรอบๆ อย่างกังวล


    (ว่าไงลีอันลูกพ่อ ถึงแล้วใช่มั้ย)


    ไม่นานปลายสายก็กดรับ ราวกับเสียงสวรรค์ทำให้คนใจเสียมีน้ำรื้นๆ ที่ดวงตา


    “คุณพ่อคะ ตอนนี้หนูอยู่ที่เกาะของคุณเควินแล้ว”


    (...)


    “คุณพ่อ แต่หนูว่ามันแปลกๆ ที่นี่มีคนชื่อแทฮยองด้วย หนูคิดว่าเขาเป็นน้องชายของยัย— เอ่อ...น้าแทอิน”


    ลีอันไม่คิดว่ามันบังเอิญเพราะเธอค่อนข้างมั่นใจว่าแทฮยองคนนั้นเป็นแทฮยองเดียวกับที่เธอเคยได้ยินชื่อเสียงว่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของแม่เลี้ยงมหาประลัย


    (เอ่อ...ลีอันฟังพ่อนะ)


    “...”


    (ที่นั่นไม่มีคุณเควินอะไรทั้งนั้น ความจริงที่พ่อส่งลูกไปเพราะพ่ออยากให้ลูกลองทำงานที่เกาะนั้นดูสักเดือนสองเดือน น้าแทอินฝากฝังลูกทำตำแหน่งบัญชีของท่าเรือ งานไม่หนักเท่าบริษัทของเรา ลีอันทำได้อยู่แล้ว)


    “คุณพ่อว่าไงนะคะ!!


    เสียงสั่นไหวตวาดกร้าวออกมาอย่างห้ามไม่อยู่อีกต่อไป เธอยอมรับว่าโกรธจนตัวสั่นกับเรื่องที่ได้ยิน ลำคอของลีอันแห้งผาก


    (ใจเย็นๆ หน่าลีอัน)


    “คุณพ่อทำแบบนี้กับหนูได้ยังไง ทำไมไม่ถามหนูสักคำ!


    โฮซอกที่ยืนอยู่ไม่ไกลเอียงหูฟังทุกประโยคอย่างสอดรู้สอดเห็นแต่ทว่าลีอันไม่สนใจใครหน้าไหนอีกต่อไปแล้ว


    (พ่อหวังดี)


    “หนูไม่อยู่ที่นี่เด็ดขาด คุณพ่อรู้มั้ยว่าน้องชายน้าแทอินน่ากลัวขนาดไหน เขาแสดงอาการเกลียดหนูตั้งแต่แรกที่เจอหน้ากัน คุณพ่อยังให้หนูมาอยู่ที่นี่ได้ลงคอเหรอคะ”


    (คิดมากไปเองทั้งนั้น ตอนที่ลูกทำงานในบริษัทของเราลูกก็คิดเองเออเองว่าคนนั้นคนนี้ไม่ชอบ สุดท้ายแล้วเป็นยังไง ก็กลายเป็นเข้ากับใครไม่ได้ ทำงานกับคนส่วนรวมไม่ได้)


    “...”


    (ลองเปิดใจหน่อยลีอัน ลูกอยู่คนเดียวตลอดไปไม่ได้หรอก)


    “แต่ไม่ใช่ที่นี่”


    (เฮ้อ คิดไว้ไม่มีผิด)


    “...”


    (ถ้าอยากกลับก็กลับมา แต่กลับมาครั้งนี้ต้องคิดเรื่องทำงานไม่ว่าจะที่บริษัทของเราหรือที่ไหนก็ตาม ถ้ายังเอ้อระเหยลอยชายเหมือนเดิมพ่อจะส่งลูกกลับไปที่เกาะนั่นใหม่)


    ติ๊ด!


    น้ำตาเม็ดใสไหลหนึ่งหยดก่อนที่หลังมือจะยกขึ้นเช็ดมันทันที ลีอันกัดปากตัวเองเพื่อข่มความเสียใจหลายๆ อย่างที่กำลังตีรวน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พ่อของเธอส่งเธอมาที่นี่โดยการโกหกทั้งที่ไม่รู้เลยว่าลูกสาวตัวเองจะต้องมาเจอกับอะไร เสียใจที่พ่อเชื่อคนอื่นไม่ว่าแม่เลี้ยงจะเสี้ยมอะไรอีกฝ่ายก็ไม่เคยขัด มันเริ่มหนักขึ้นจนกลายเป็นว่าพ่อยอมส่งเธอไปที่ไหนก็ได้ทั้งที่เมื่อก่อนพ่อหวงลีอันและรักเธอมากกว่าสิ่งใด


    น้อยใจ...เธอคงไม่มีค่าอะไรเท่าลูกสาวที่แสนน่ารักอีกคน


    “คุณผู้หญิง”


    เสียงของคนที่ยังอยู่แถวนี้ดังขึ้นทำให้ลีอันรีบปรับสีหน้าและหันไปเผชิญกับอีกฝ่าย ปลายจมูกแดงก่ำแต่ยังคงความดื้อรั้นอีกทั้งดวงตาที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจทว่าตอนนี้แสร้งทำเป็นเข้มแข็งเหลือเกิน


    “เราไปบ้านไอ้ด่างกันได้ยังจ๊ะ”


    “ไม่ไป ฉันจะกลับ”


    “ห๊า!


    “ต้องกลับยังไงนายช่วยบอกได้มั้ย ที่นี่มีรถให้เหมา หรือไม่ก็เรือสปีทโบ๊ทรึเปล่า ฉันขอแบบเร็วที่สุด”


    ใบหน้าของเธอจริงจังมาก โฮซอกยกมือเกาหัวแกรกๆ อย่างไม่เข้าใจนักเพราะคุณผู้หญิงตรงหน้าพึ่งจะมาถึง อยู่ๆ จะกลับแล้วงั้นเหรอ


    “เดี๋ยวฉันไปตามเฮียมากให้ คุณผู้หญิงรอฉันแป๊บนึงนะจ๊ะ”


    “ไม่ได้!


    “ห๊า!


    “ห้ามไปตามเขาเด็ดขาด”


    ลีอันรู้สึกขนลุกขนชันเมื่อนึกถึงใบหน้านิ่งๆ ของผู้ชายคนนั้น


    “แต่ว่า—”


    “ฉันมีค่าจ้างให้นายนะ”


    เสียงหวานผ่อนลงราวกับเจรจาธุรกิจ โฮซอกหรี่สายตาลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด


    “ไอ้ได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่คืนนี้ดูท่าจะไม่ได้แล้วเพราะฟ้าเริ่มมืด ไว้พรุ่งนี้เช้าฉันจะหาทางที่เร็วที่สุดให้คุณผู้หญิงก็แล้วกัน”


    “ง...งั้นเหรอ”


    ลีอันเม้มปาก วันนี้ก็เริ่มมืดแล้วจริงๆ และอีกอย่างที่นี่ก็ไม่ใช่เมืองหลวงที่เธออยู่ คงจะไม่มีรถราวิ่งสัญจรแบบที่หาได้ตามอำเภอใจ


    หญิงสาวถอนหายใจอย่างหมดหนทาง พลางคิดว่ายอมค้างที่นี่สักคืนก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงมากนัก เอาไว้พรุ่งนี้เช้าเธอจะรีบกลับตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่


    “ก็ได้ แล้วไหนล่ะที่พักของฉัน”


    “บ้านไอ้ด่างน่ะเหรอจ๊ะ ตามฉันมาเลย!


    โฮซอกกระชับปมผ้าขาวม้าก่อนจะเดินนำไปยังด้านหลังบ้านของเฮีย ทั้งหมดนี้เป็นภายในรั้วบ้านของแทฮยองทั้งสิ้น ระหว่างทางเดินเป็นสวนสีเขียวจำพวกพืชผักสวนครัว จิ้งหรีดเรไรส่งเสียงร้องทำให้ลีอันกวาดสายตามองอย่างคนไม่เคยพบเจอ เธอเดินตามร่างสูงของโฮซอกได้ไม่นานนักก็ผ่านบ้านหลังเล็กๆ ที่เดาว่าเป็นบ้านพักของแม่บ้านและเป็นที่พักของคนตรงหน้า ลีอันเริ่มขมวดคิ้วเมื่อคนที่เดินนำอยู่ยังคงเดินต่อไปไม่หยุดสักที


    “เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่บ้านหลังเล็กๆ นี่เหรอ”


    “อ๋อ นี่เป็นบ้านพักของพ่อบ้านแม่บ้านเฮียน่ะจ้ะ ฉันก็อยู่ที่นี่นะ แล้วก็มีแม่บ้านอีกคน ป่านนี้คงเข้าครัวอยู่”


    “แล้วเฮียนายไม่ได้ให้ฉันนอนห้องของแม่บ้านหรอกเหรอ”


    ลีอันทำใจไว้แล้ว บ้านไอ้ด่างที่อีกฝ่ายพูดคงจะหมายถึงบ้านหลังเล็กที่เป็นบ้านของคนใช้ ไม่ใช่ในบ้านใหญ่แน่ๆ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นมีเจตนายังไงกับเธอ


    “ไม่ใช่ๆ บ้านไอ้ด่างไม่ใช่ตรงนี้ แต่เป็นตรงนู้นนน”


    ลีอันมองตามนิ้วชี้ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าไกลๆ เป็นกระท่อมหลังเล็กและเก่ากรัง ขนาดดูตรงนี้ยังรู้เลยว่าไม่มีใครใช้งานและแน่นอนว่าไม่มีใครทำความสะอาดมันมานานมากแค่ไหน โฮซอกเดินนำหน้าไปทำให้ร่างสวยรีบเดินตามอย่างทุลักทุเล...และเมื่อเห็นบ้านหลังนี้ใกล้ๆ ก็แทบจะร้องไห้


    “จะให้ฉันอยู่ที่นี่เหรอ”


    “จ้ะ เฮียเขาว่างั้น”


    “ม...มันสกปรกมากนะ”


    เธอยืนช็อคอยู่หน้ากระท่อมที่ยกสูงเหนือพื้น ในขณะที่โฮซอกอาสาเดินขึ้นไปเปิดประตูให้ ภาพที่ลีอันเห็นคือฟูกที่นอนขนาดเล็กซึ่งนอนได้เพียงหนึ่งคนตั้งชิดริมกำแพง ข้างๆ เหลือพื้นที่อีกนิดเดียวและที่สำคัญห้องน้ำแยกตัวออกมาอยู่ข้างล่าง


    “ขึ้นมาสิจ๊ะคุณผู้หญิง”


    โฮซอกกวักมือเรียก ลีอันสูดหายใจเข้าลึกๆ และยอมเดินขึ้นบันไดไม้ห้าขั้นอย่างเชื่องช้า โฮซอกช่วยเปิดหน้าต่างที่มีเพียงบานเดียวให้เพื่อระบายอากาศ


    “สักแป๊บคุณผู้หญิงต้องรีบปิดนะเพราะไม่งั้นยุงเข้ามาหามแน่ๆ”


    โฮซอกสะบัดๆ หมอนผ้าห่มที่ฝุ่นฟุ้งให้อย่างมีน้ำใจ ลีอันหลับตาลงเพื่อสงบสติที่กำลังแตกกระเจิง


    “แถวนี้มีโรงแรมมั้ย?”


    “ห๊า!


    “นายจะหาอะไรหนักหนา!


    “ไม่มีหรอกจ้ะ โรงแรมอยู่ในตัวเมืองนู้นนน”


    “...!!


    ฟึ่บๆๆ


    “เรียบร้อย สะอาดเอี่ยม คุณผู้หญิงเชิญพักผ่อนได้เลย อ่อ! แล้วก็ระวังเจ้าของบ้านด้วยนะคุณผู้หญิง”


    “จ...เจ้าของบ้าน?”


    “นั่นไง! พูดถึงก็มาพอดี ไอ้ด่างมานี่ๆ”


    ลีอันหันขวับไปตามเสียงเดินเตาะแตะ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งร่าขึ้นบันไดพร้อมเสียงแฮ่กๆ เมื่อเห็นมีคนมา ทำให้เธอเบิกตากว้างเมื่อไอ้ด่างที่ว่าคือลูกหมาพันธ์ทางตัวสีน้ำตาลแดง


    “แม่มันคลอดไม่นานก็โดนรถเหยียบตาย ส่วนพี่น้องของมันก็มีคนเก็บไปเลี้ยงเหลือแค่มันตัวเดียว เฮียแกสงสารเลยเอามาเลี้ยงเองแล้วก็ยกบ้านหลังนี้ให้มันอยู่จ้ะ”


    โฮซอกอธิบายด้วยท่าทางร่าเริงพลางนั่งยองๆ เล่นกับลูกหมาตัวอ้วนมอมแมมและดูท่ามันจะกลับเข้าบ้านเพราะถึงเวลาเข้านอน


    ลีอันอ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะช็อคกับเรื่องไหนก่อนดี


    เรื่องที่สั่งให้เธอมานอนที่นี่


    หรือเรื่องที่คืนนี้เธอต้องนอนกับหมา...


    “บ๊อก!

     

     





    23.30 น.


    อากาศเหน็บหนาวทำให้คนที่ซุกผ้าห่มผืนบางเร่งกระชับมันอีกครั้ง  ลีอันนอนไม่หลับและคงไม่แปลกเพราะบรรยากาศรอบข้างไม่ได้ช่วยให้น่าภิรมย์ใจจนหลับสบายในที่ไม่คุ้นแบบนี้ เธอยอมนอนค้างในบ้านของหมาโดยไม่ทำความสะอาดเพราะคิดว่าเป็นคืนเดียวและคืนสุดท้ายที่จะอยู่ที่นี่ พยายามข่มตาให้หลับเพราะอยากให้ถึงตอนเช้าเต็มที ไฟดวงเล็กๆ ยังถูกเปิดทำให้ภายในบ้านที่มีเจ้าของตัวจริงนอนขดอยู่ตรงประตูหลับตาพริ้ม ไม่รู้มันจะไม่พอใจแค่ไหนที่คืนนี้เธอแย่งฟูกของมันไปครอบครอง แต่คงจะไม่เท่าไรเพราะเห็นท่าทางหลับสบาย ไอ้ด่างตัวนี้คงจะใจกว้างไม่น้อย


    ลีอันไม่รังเกียจที่ต้องนอนใกล้ชิดกับสุนัข มิหนำซ้ำยังดีซะอีกเพราะมันไม่พูดมากหรือก่อกวนทำให้เธอรำคาญเหมือนกับมนุษย์ ลีอันนอนหงายมองเพดานสังกะสีด้วยท่าทางเหม่อลอย...อยากกลับบ้าน มีแต่คำนี้วนเวียนเต็มไปหมด แม้จะรู้ว่าบ้านหลังนั้นไม่ใช่ความสุขเหมือนอย่างเมื่อก่อนแต่เมื่อไรที่ไม่สบายใจ ความคิดแรกที่ผุดเข้ามาคงหนีไม่พ้นบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิด


    เธอคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาและอนาคตที่กำลังจะมาถึง ที่พ่อทำขนาดนี้เพราะอยากให้เธอทำงานและเข้ากับคนอื่นได้ดี ลีอันเข้าใจถึงเจตนาของบุพการีแต่วิธีนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาเลย กลับไปครั้งนี้เธอคงจะถูกบงการอย่างเต็มรูปแบบ ลีอันทำใจตั้งใจเนิ่นๆ เพราะถ้าให้เลือก ยังไงเธอก็ไม่มีวันทำงานที่เกาะนี้เป็นอันขาด


    ลีอันจะถือซะว่าการมาครั้งนี้คือการหลงทาง หรือไม่ก็ฝันร้ายสั้นๆ เพียงค่ำคืนเดียว เพราะอีกไม่นานก็เช้าแล้ว...

     

     




    วันต่อมา


    โครม!


    เปลือกตาสีอ่อนกระตุกก่อนจะลืมโพล่งเมื่อได้ยินเสียงประหลาดดังอยู่ใกล้ตัว ความรู้สึกแรกที่โถมเข้ามาคือตัวเองกำลังนอนอยู่ในที่ที่ไม่ปลอดภัยนักปฏิกิริยาจึงตอบสนองรวดเร็ว ร่างบางลุกขึ้นนั่งทันทีก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับชายรูปร่างสูงใหญ่ ตาดุๆ ของอีกฝ่ายจ้องมองมาที่เธอราวกับโกรธเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน และสาเหตุของเสียงดังลั่นเมื่อครู่คือผู้ชายคนนี้คงจะถีบประตูไม้เข้ามา


    วงกบมันหลุดข้างนึง แถมไอ้ด่างยังวิ่งหางจุกตูดหนีไปแอบใต้ถุนเพราะพ่อของมันไปกินรังแตนมาตั้งแต่เช้า


    ลีอันยืนขึ้นทันที เชิดใบหน้าสู้คนตัวใหญ่กว่าตัวเองมากอย่างไม่เกรงกลัว แทฮยองจ้องตากลับ


    “นอนขนาดนี้ไม่ทำมาหากินรึไง!


    เสียงกร้าวเอ่ยดังลั่น ลีอันขมวดคิ้วเพราะจำได้ว่าตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้หกโมงเช้า เธอรีบหันไปมองนอกหน้าต่างก็พบแสงแดดจ้า แน่นอนว่านี่ไม่ใช่หกโมงเช้าแน่ๆ


    “โทรศัพท์ของฉันล่ะ”


    ลีอันทรุดตัวลงบนฟูกและรื้อหาโทรศัพท์มือถือที่จำได้ว่าก่อนนอนวางมันไว้ข้างหมอน เธอรอเสียงปลุกของมันทั้งคืนจนเผลอหลับสนิทเพราะความล้า


    “หายไปได้ยังไง”


    เธอพึมพำเสียงสั่น ไม่สนใจอีกคนที่ยืนกอดอกจ้องมองอยู่เลยสักนิด


    “กระเป๋าของฉัน นาย!


    และเมื่อเห็นว่ากระเป๋าสะพายแบรนเนมด์ของตัวเองก็หายไป ลีอันทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นยืนแล้วชี้หน้าแทฮยองด้วยอารมณ์เดือดปะทุ คำว่าคุณจะไม่หลุดออกมาจากปากของเธออีกต่อไป เควินงั้นเหรอ เหอะ อยากจะซัดหน้าผู้ชายคนนี้ให้เต็มแรง!


    “ชี้หน้า?”


    “นายเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าของฉันไปไว้ไหน!!


    “หูจะแตก”


    ชายหนุ่มเอานิ้วก้อยเขี่ยในหูพลางทำหน้าซังกะตาย ส่งผลให้ลีอันกำมือแน่น ร้อนเผ่าที่ขอบตาเมื่อนึกถึงกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอไม่เอาเรื่องเขาเมื่อวานเพราะในนั้นไม่มีอะไรสำคัญเพราะของมีค่าอยู่ในกระเป๋าสะพาย แต่วันนี้มันกลับหายไป ทั้งกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือของเธอ


    ลีอันตัวสั่นเพราะความโกรธ โกรธจนเลือดขึ้นหน้าเข้าใจมันก็วันนี้ เธอกัดปากตัวเองแน่น จ้องใบหน้าหล่อคมที่จ้องกลับมาพลางเลิกคิ้วกวนประสาท ท่าทางของเขายิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าของที่หายไปเป็นฝีมือของอีกฝ่าย


    “อยากได้นักก็เอาไป ฉันจะถือซะว่ามาบริจาคสิ่งของ”


    หญิงสาวพูดรอดไรฟัน ทั้งกระเป๋าลากใบใหญ่และกระเป๋าสะพายที่เต็มไปด้วยของสำคัญแล้วยังไง ของพรรค์นั้นเธอยังหาได้อีกมากมายขอแค่ได้ออกไปจากที่นี่ ใบหน้าสวยหวานทว่าดื้อรั้นในแววตาก้าวถอยหลังก่อนจะวิ่งออกจากกระท่อมทันที เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า พ่อส่งเธอมาทำงานหรือมาทรมานกันแน่ ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ ลีอันวิ่งมาถึงรั้วหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เป็นบ้านของผู้ชายคนนั้นก่อนจะกวาดสายตามองหาผู้ชายที่สัญญาว่าจะพากลับเมื่อวาน


    วันนี้เธอยังไม่เห็นวี่แววของโฮซอกเลย


    ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกิน สิ่งแรกที่นึกขึ้นได้คือใบหน้าร้ายกาจของแม่เลี้ยงใจยักษ์ อีกฝ่ายต้องจ้างวานให้น้องชายตัวเองกระทำป่าเถื่อนแบบนี้กับเธอแน่ๆ ลีอันไม่รู้ว่าพ่อจะรู้เห็นมากน้อยแค่ไหนกับแผนร้ายของสองพี่น้องคู่นี้ แต่การที่หลอกให้เธอมาแล้วยังตัดแขนตัดขาช่องทางการติดต่อโลกภายนอกกระทั่งเงินทองก็เอาไปทั้งหมด


    แบบนี้มันเรียกว่าโจรชัดๆ


    เธอไม่อยากต่อปากต่อคำเพื่อเรียกร้องทวงของคืนให้มากความไปกว่านี้ สิ่งเดียวที่ลีอันต้องการคือออกไปจากที่นี่ ออกไปให้เร็วที่สุด


    รอบบ้านเงียบสงัด ที่พักแม่บ้านซึ่งโฮซอกบอกว่าตัวเองอาศัยอยู่ที่นั่นก็ไร้วี่แววเจ้าตัว ลีอันไม่อยากรอแล้ว เธอตัดสินใจวิ่งออกจากรั้วบ้านหลังนี้ทันที วิ่งไปตามทางถนนดินโรยด้วยหินเม็ดเล็กตลอดแนวเส้นทาง สองข้างไร้บ้านผู้คนราวกับละแวกแถบนี้เป็นที่ของผู้ชายคนนั้นทั้งหมด และเมื่อเดินจนสุดถนนก็ได้ยินเสียงเกลียวคลื่นซัดกระทบฝั่งก่อนจะเจอชายหาดกว้าง มันเงียบสงัดไร้ผู้คนแตกต่างจากชายหาดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว


    ดวงตาสั่นระริกพยายามมองหาสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็เรือสักลำ ไหนบอกว่าเป็นเจ้าของท่าเรือประมงใหญ่ยังไงล่ะ ทำไมถึงไร้วี่แววของเรือและคนงาน แต่หารู้ไม่ว่าที่ตรงนี้เป็นเพียงหาดส่วนตัวหน้าบ้านของเขาเท่านั้น หากที่ทำงานซึ่งมีผู้คนชุกชมจะอยู่อีกฝั่งที่ลีอันไม่รู้พิกัด มันจึงเงียบสงัดไร้ผู้คน


    ด้วยความที่ไม่รู้และหัวสมองของเธอมันดันตื้อไปหมด ลีอันพยายามหาทางออกเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน ลำคอแห้งผาก เธอพยายามกลืนน้ำลายแต่ทว่าเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังอยู่ด้านหลัง


    “ไม่เจรจากันหน่อยเหรอคุณหนู?”


    สุ้มเสียงที่ฟังแวบเดียวก็รู้ว่าประชดประชัน ลีอันตวัดสายตากลับไปมอง สายลมหนักๆ พัดกระทบร่างกายทำให้เส้นผมสีน้ำตาลประกายพลิ้วไปตามแรงลม ผิวขาวเนียนผุดผ่องรับกับแสงแดด ดวงตาวาวใสของเธอบัดนี้เต็มไปด้วยความโทสะ จิกมองไปที่ร่างสูงซึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้


    “คุยอะไร”


    “ไม่สงสัยรึไงว่าทำไมถึงโดนส่งตัวมาอยู่ที่นี่”


    “ไม่สงสัยแล้วก็ไม่อยู่ด้วย ฉันจะกลับบ้าน”


    “...”


    แทฮยองมองผู้หญิงตรงหน้าพลางคิดว่าโอหังกว่าที่จินตนาการเอาไว้ แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย


    “งั้นก็กลับไปสิ”


    “กลับไปได้ฉันจะบอกคุณพ่อให้หมด ว่านายกับพี่สาวของนายจริงๆ แล้วนิสัยเป็นยังไง!


    แทฮยองคิ้วกระตุกเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงพี่สาวของเขา นัยน์ตานึกสนุกเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นในทันที


    “นิสัยยังไงงั้นเหรอ”


    “...”


    “เหมือนสันดานแย่ๆ ของเธอรึเปล่า?”


    “...!


    “ถ้าดีจริงคงไม่ถูกส่งมาอยู่นี่ รู้ตัวได้แล้วว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน เจียมตัวซะนะคุณหนูตกกระป๋อง”


    เธอกัดปากตัวเองเมื่อถูกพูดจี้ใจดำเข้าอย่างจัง ลีอันอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากเพราะมันคือความจริงที่เธอกำลังพยายามยอมรับ


    ใครมันจะยอมรับได้ล่ะ...


    “แต่ก็ดีกว่าพี่สาวของนายแล้วกัน อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยเป็นเมียน้อยใคร”


    “ขอเตือนว่าให้หุบปาก”


    “ไม่สงสัยเหรอว่าภรรยาคนเก่าตายไม่ถึงสามเดือนก็หอบเสื้อผ้าเข้ามาอยู่บ้านสามีเขา จะอะไรซะอีกถ้าไม่ไปเป็นมือที่สามของสามีคนอื่นตั้งแต่แรก!


    “...”


    “ถ้าอยากจะเปิดโรงเรียนดัดนิสัยก็ไปสอนพี่ตัวเอง ไม่ต้องมาสอนฉัน!


    ลีอันกระแทกเสียงใส่ ถึงจะฝีปากกล้าแต่กลับร้อนที่กระบอกตาเพราะโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ยัยแม่เลี้ยงเกลียดชังเธอ จะจิกกัดแค่ไหนไม่เคยคิดว่าร้ายแรงเท่าครั้งนี้ การที่ยืมมือคนอื่นมากลั่นแกล้งเธอแล้วตัวเองอยู่อย่างสบายใจเฉิบ...บอกเลยว่าลีอันไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นแน่


    แต่ดูเหมือนหลายประโยคจะจี้ใจแทฮยองเช่นกัน เธอเห็นประกายคุกรุ่นในแววตาน่าหวาดผวา แต่ใครจะสน เมื่อหูทั้งสองข้างของลีอันได้ยินเสียงเรือกำลังขับมาไกลๆ ความหวังว่าจะได้ออกไปจากเกาะเฮงซวยนี่ก็ใกล้เป็นจริง เธอหันหลังก่อนจะวิ่งเข้าหาทะเล ลีอันเดินออกไปจนน้ำลึกถึงหัวเข่าพลางยกมือโบกเรือลำนั้นที่ยังขับมาไม่ถึงและค่อนข้างไกลเกินกว่าจะไปหาเรือลำนั้นได้ ดวงตาของเธอแดงก่ำแต่ยังมีความหวังอยู่ลึกๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าใครบางคนเดินเข้ามาประชิดทางด้านหลังก่อนจะคว้าข้อมือของเธอไม่ออมแรง


    คนเกลียดการแตะเนื้อต้องตัวกับผู้อื่นจำใจทำ แทฮยองไม่ชอบให้ใครมารุ่มร่ามกับร่างกายของเขาแต่หากอยากจะไปรุ่มร่ามกับคนอื่นก็เป็นข้อยกเว้น ในเมื่อโรงเรียนดัดนิสัยที่เปิดเพื่อผู้หญิงคนนี้โดยเฉพาะแต่ทว่านักเรียนดื้อด้านไม่เชื่อฟัง ก็คงต้องใช้ไม้แข็ง


    ลีอันเบิกตากว้าง ยื้อแรงของตัวเองเพราะแทนที่เขาจะลากเธอขึ้นฝั่งแต่ผิดคาด ร่างสูงกลับลากเธอลงไปในน้ำที่ลึกเรื่อยๆ


    “อยากไปหาเรือนักไม่ใช่เหรอ?”


    “...”


    “ลงมา”


    “...!


    “จะพาว่ายน้ำไปหาเอง”




    TBC.


    เรื่องนี้ไม่อ่อนโยนนะคะบอกก่อน ไม่ตบไม่ตีไม่ดีขึ้น หมายถึงแกนั่นแหละเฮีย!!


    คอมเมนต์พูดคุย หรือเจอกันในแฮชแท็ก #ฟิคเฮียแทฮยอง รออ่านทุกช่องทางจากทุกคน //ไหว้ย่อ










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×