ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Savage of the Sea [BTS x YOU] -END-

    ลำดับตอนที่ #1 : 01 | เผชิญหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 63


     



    01

     


    “แง๊!!!


    เด็กวัยหนึ่งขวบร้องไห้ลั่นเมื่อความเจ็บแล่นจี๊ดที่น่องขาข้างซ้าย ภายในสนามหญ้าสวนหย่อมหลังบ้านแม้จะปูเสื่อสานแต่ด้วยความละเลยของผู้ใหญ่ทำให้ไม่สังเกตว่ามีรังมดแดงทั้งฝูงอยู่ตรงนั้นพอดี


    “หงึก แง๊!!!


    เสียงร้องสนั่นอีกที ส่งผลให้คนที่พึ่งขึ้นจากสระว่ายน้ำเนื้อตัวพึ่งเปียกหมาดๆ เดินดุ่มมาทั้งวันพีช


    “ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียว?”


    ลีอันพึมพำ เด็กวัยหนึ่งขวบนั่งจุ๊มปุ๊กร้องไห้จ้า ส่งผลให้เธอหันมองซ้ายขวาเพื่อหาต้นตอของคนที่เอาเด็กมาไว้ตรงนี้แล้วไม่อยู่ดูแล


    “มดกัดเหรอ?”


    ลีอันพาดผ้าขนหนูไว้บนไหล่ตัวเอง ร่างเพรียวนั่งลงยองๆ ก่อนจะเห็นรังมดแดงรังใหญ่กับตา


    “ตายล่ะ”


    เธอรีบปัดมดออกจากขาของน้อง รอยแดงเป็นจ้ำๆ มองดูน่าสงสาร ลีอันรีบช้อนตัวน้องขึ้นมาเพื่อหนีมดแดง แต่ทว่าเสียงแว๊ดดังขึ้นอยู่ข้างหลังซะก่อน


    “ทำอะไรของเธอน่ะ!


    แทอินวิ่งเข้ามาคว้าลูกสาวตัวเองและอุ้มแนบอก เด็กน้อยวัยหนึ่งขวบชื่อยูนายังร้องไห้เพราะความเจ็บแต่เมื่อถึงอ้อมกอดมารดาก็ค่อยๆ เงียบลง


    “ไม่ได้ทำอะไร”


    ลีอันยืนขึ้น ดวงหน้าสวยไม่สบอารมณ์ก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นแม่เลี้ยงตัวเองจ้องตาเขม็ง...โกรธเคืองราวกับเธอไปแอบหยิกลูกหล่อนมาอย่างนั้น


    “ไม่ทำอะไรได้ยังไง ทำไมยูนาถึงมีรอยแดงที่ขาเต็มไปหมดแบบนี้ เธอหยิกน้องเหรอ!


    หึ คิดไว้ไม่มีผิด


    “มดแดงน่ะไม่เห็นรึไง เลี้ยงลูกยังไงถึงปล่อยทิ้งไว้บนรังมดแดงแบบนี้ล่ะ”


    “นี่!


    “คุณแม่เลี้ยง ถ้าอยากจะหาเรื่องกันก็ช่วยใช้วิธีอื่นเถอะนะ เอาเด็กขวบเดียวมาเป็นเครื่องมือแบบนี้ไม่สงสารลูกตัวเองบ้างรึไง”


    เธอย้ำเท้าเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายกอดลูกแน่นพลางจิกตาใส่อย่างไม่ยอมแพ้ ลีอันพ่นเสียงหัวเราะขึ้นจมูก ตวัดตาไปมองยูนาที่จ้องตาแป๋วกลับมา จะป้ายสีอะไรก็ช่างแต่มาหาว่าเธอทำร้ายน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ถึงจะคนละแม่แต่เธอก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น


    คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่เชื่อ...เหอะ


    “เกิดอะไรขึ้น”


    “คุณแฮซุก!


    แทอินเรียกชื่อสามีทันที ลีอันกรอกตาขึ้นบนเมื่อเห็นพ่อผู้บังเกิดเกล้าเดินขึงขังเข้ามา


    ดูซิ...ยัยแม่เลี้ยงจะเล่นแง่อะไร


    “ลีอันหยิกยูนา คุณดูสิแผลเต็มขาลูกเลย”


    “ไหน!” 


    แฮซุกรีบก้มมองน่องขาของลูกสาวคนเล็กที่ถูกแม่ของเขาอุ้มอยู่ ก่อนจะขมวดคิ้วหนัก


    “ไม่ใช่มดกัดหรอกรึ?”


    “คุณแฮซุก! คุณจะว่าฉันใส่ร้ายลีอันลูกสาวของคุณเหรอคะ!


    “เฮ้อ เอาเถอะๆ ลีอัน พ่อบอกกี่ครั้งว่าอย่าใส่ชุดว่ายน้ำเดินโถงๆ รอบบ้านแบบนี้ ไม่เห็นแก่หัวพ่อก็เห็นแก่คนสวนพวกนั้นเถอะ!


    แฮซุกส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ลีอันยกแขนกอดอก ตีสีหน้านิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน จะให้ทำยังไงในเมื่อพึ่งว่ายน้ำเสร็จ


    “ว่ายน้ำก็ต้องใส่ชุดว่ายน้ำมั้ยคะคุณพ่อ จะให้หนูใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวลงสระเหรอ?”


    “เอ๊ะ! เถียงให้ได้ทุกคำ!


    แฮซุกขมวดคิ้วยุ่ง เขากับลูกสาวคนโตย่อมมีปากเสียงกันทุกวันนับว่าเป็นเรื่องปกติภายในบ้านหลังนี้ไปแล้ว...เมื่อก่อนลีอันไม่ใช่เด็กเถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้ ตั้งแต่แม่ของเธอนั่นก็คือภรรยาคนแรกของแฮซุกเสียชีวิตด้วยโรคร้าย นิสัยของลีอันก็เปลี่ยนไปนับตั้งแต่ที่เขาพาภรรยาคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังจากนั้นเพียงสามเดือน ไม่นานภรรยาคนใหม่ของแฮซุกที่ชื่อแทอินก็ตั้งท้อง เกิดลูกสาวซึ่งก็คือยูนาที่หล่อนกำลังอุ้มอยู่


    และใช่ ลีอันไม่ต้อนรับแม่เลี้ยงคนใหม่ คนที่พ่อพาเข้าบ้านหลังจากแม่ตายไปแล้วเพียงสามเดือน น้ำตาของเธอยังไม่ทันแห้งด้วยซ้ำ


    แรกๆ แทอินทำตัวดีมีมารยาท แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลังจากรู้ว่าตัวเองตั้งท้องก็ปีกกล้าขาแข็งมากขึ้น ไม่เว้นกับลีอันที่ตั้งแง่ใส่ด้วยตั้งแต่แรก แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงปะทะกันไม่เว้นแต่ละวัน และพ่อที่ออกไปทำงานทุกวันได้แต่ฟังความข้างเดียวจากภรรยาเท่านั้น แทอินคงกลัวว่าเธอจะแย่งสมบัติของลูกสาวตัวเองไปจนหมดถึงพยายามหาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี เล่นละครที่ไม่แนบเนียนสักครั้งแต่แฮซุกก็ไม่เคยดุด่าอะไร


    มีแต่ลีอันที่โดนอยู่ฝ่ายเดียว...ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นเด็กควรมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่


    แต่สำหรับผู้ใหญ่บางคน เธอไม่เอาเท้าขยี้หน้าก็บุญเท่าไรแล้ว!


    “เข้าบ้านไปซะ”


    แฮซุกปัดมือไล่ลูกสาวคนโต ลีอันร้องหึในลำคอบ่งบอกว่าไม่อยากอยู่ตรงนี้สักเท่าไร เธอหมุนตัวเดินเข้าบ้านแต่ทว่าเสียงแหลมก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง จนเท้าทั้งสองหยุดนิ่งอยู่กับที่


    “ลีอันก็เรียนจบมาปีกว่าแล้วนะคะคุณ ไม่คิดจะหางานทำหรือไปช่วยคุณที่บริษัทบ้างรึไงกัน”


    แทอินจงใจเน้นเสียงให้เจ้าของชื่อได้ยิน ร่างสวยหันกลับมาในฉับพลัน เธอจ้องหน้าแม่เลี้ยงที่ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ พ่อของเธอ


    “นั่นสิ ลีอันจะทำงานตอนไหนคิดรึยัง?”


    แฮซุกกอดอกถาม หญิงสาวที่ถูกต้อนจนมุมก็ได้แต่หลบสายตา ไม่ใช่เธอไม่เคยทำงาน จบใหม่ๆ ลีอันเคยไปเรียนรู้งานที่บริษัทของพ่ออยู่หนึ่งเดือน เข้าเดือนที่สองกลับกลายเป็นไม่อยากไป เธอไม่ชอบเนื้องานที่ทำอยู่ ไม่ชอบสังคมออฟฟิตและไม่ชอบทุกๆ อย่างที่พบเจอ หลังจากนั้นเธอจึงใช้เงินก้อนหนึ่งเปิดร้านอาหารกึ่งคาเฟ่แถวบริษัทของแฮซุก จ้างผู้จัดการที่ไว้ใจได้และพนักงานหลายสิบคนเพื่อดูแลและแน่นอนว่าเจ้าของร้านอย่างเธอนานทีจะโผล่เข้าไป ร้านนั้นขยับขยายเมื่อเดือนก่อน นับว่าขายดีกว่าที่คิดเพราะย่านนั้นมีแต่พนักงานออฟฟิตเข้าออกแทบตลอดเวลา กำไรแต่ละเดือนก็ไม่น่าเกลียด ลีอันจึงไม่สะท้านอะไรหากไม่มีงานประจำทำเหมือนคนอื่นๆ


    หากถามว่าจริงๆ แล้วเธอชอบทำอะไรคงยังตอบไม่ได้ ทุกวันนี้จึงคอยใช้เงินและเที่ยวต่างประเทศเดือนเว้นเดือน จะว่าไม่เอาไหนเธอคงไม่เถียง


    “หนูยังไม่อยากทำงาน”


    “แล้วจะรอถึงเมื่อไร?”


    “หนูอยากทำตอนไหนหนูจะทำเอง บอกภรรยาของคุณพ่อเถอะค่ะว่าอย่าเดือดร้อนกับเรื่องของหนู ไม่ต้องเป็นห่วงหนู เพราะมรดกที่แม่ทิ้งไว้ให้หนู ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด...”


    ลีอันกระตุกยิ้ม จงใจส่งให้อีกฝ่ายได้เชยชมก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านทันที แทอินเบะปากอย่างหมันไส้ แต่แฮซุกหันมามองก็เนียนทำเป็นตีสีหน้าซื่อ


    “ลูกสาวคุณนี่เกินจะเยียวยาแล้วนะคะ”


    “นั่นสิ คิดว่ามีมรดกของแม่แล้วจะทำตัวยังไงก็ได้งั้นรึ ผลาญเงินไปวันๆ แบบนี้เท่าไรก็ไม่มีวันพอใช้หรอก”


    “ส่งไปทำงานที่เกาะที่ฉันเคยอยู่มั้ยคะ ท่าเรือตาแทฮยองยังขาดลูกน้องอยู่เยอะ ช่วงนี้ตลาดปลานับว่าขายดี เห็นบ่นอยู่ว่าอยากได้พนักงานทำบัญชีเพิ่ม”


    แทอินยื่นข้อเสนอ หรี่สายตาลุ้นเมื่อเห็นสามีลังเล


    “ท่าเรือแทฮยอง น้องชายคุณน่ะเหรอ”


    “ใช่ค่ะคุณ ลีอันจบบัญชีมา ไปทำงานที่นั่นสักปีสองปี กลับมารับรองว่าอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่ายแน่นอน”


    แฮซุกขบคิด...ลูกสาวเขาเย่อหยิ่งแถมยังเข้ากับคนอื่นยาก ที่ไปทำงานบริษัทเขาได้เดือนกว่าปัญหาใหญ่ๆ ก็คือเข้ากับพนักงานคนอื่นไม่ได้นั่นแหละ


    หากจับลีอันไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสักพักก็คงจะดีไม่น้อย


    “แต่ผมกลัวลีอันจะอยู่ไม่ได้”


    “อยู่ไม่ได้ก็แล่นกลับมาเองแหละค่ะ ไม่วายเหมาเรือกลับมาคืนแรกด้วยซ้ำ”


    “แล้วจะส่งไปทำไม”


    “ก็ลองดูไงคะ เผื่อลีอันชอบชีวิตแบบนั้น อยู่กับธรรมชาติ ทะเล งานก็ไม่หนัก มีเวลาเที่ยวเล่นเหลือเฟือ แถมคนที่นั่นยังจิตใจดี ไม่ใส่หน้ากากเข้าหากันเหมือนคนออฟฟิตในเมืองกรุง ชีวิตแบบนั้นอาจจะถูกจริตลูกสาวคุณมากกว่าก็ได้”


    แทอินชักแม่น้ำมาทั้งยวง แฮซุกฟังดูแล้วมีเหตุผล คนที่ตามใจเมียที่พึ่งจะมีลูกสาวน่ารักๆ ให้พยักหน้าหนึ่งทีอย่างไม่ลังเล


    “งั้นก็ดี ฝากคุณติดต่อแทฮยองด้วยแล้วกัน!

     

     



    ตู๊ด...


    (ว่าไง?)


    สุ้มเสียงทุ้มตอบหลังรับสาย ส่งผลให้แทอินมองซ้ายขวาอีกที เมื่อเห็นมั่นใจว่าไม่มีใครจึงกรอกเสียงลงไป


    “แทฮยอง พี่มีเรื่องจะคุย”


    (ว่ามา)


    ปลายสายตอบเสียงเข้ม โทนเสียงไม่น่าฟังแถมยังไม่เป็นมิตรแต่เธอชินซะแล้ว น้องชายที่คลานตามกันมา อีกฝ่ายอาศัยอยู่ที่เกาะทะเลแถบใต้และเป็นเจ้าของท่าเรือประมงขนาดใหญ่ที่คุมลูกน้องหลายร้อยชีวิต


    ส่วนนิสัยก็ไม่ต้องพูดถึง การันตีโดยการไม่เคยมีเมียทั้งที่อีกสองปีจะครบสามสิบ


    “ยูนาหลานแกน่ะสิ ถูกยัยคุณหนูลีอันหยิกซะเนื้อเขียว”


    (ว่าไงนะ!!)


    แทอินชักมือถือออกจากหูแทบไม่ทัน แต่นับว่าได้ผลเมื่อปลายสายมีน้ำโหขนาดนี้ ส่งผลให้เธอจีบปากจีบคอพูดต่อ


    “ก็อย่างที่บอก พี่ล่ะเบื่อจริงๆ ทิ้งให้หลานแกคลาดสายตาแป๊บเดียวไม่ได้เลยทุกวันนี้น่ะ”


    (เป็นบ้ารึไงยัยคุณหนูนั่น หยิกเด็กตัวแค่นั้น ป่วยจิตรึเปล่าวะ!)


    แทฮยองเอ่ยกึ่งตวาด เขาน่ะรักหลานสาวยูนายิ่งกว่าดวงใจ ได้ยินพี่สาวเล่าผ่านโทรศัพท์อยู่หลายครั้งว่าลูกติดสามีนิสัยแย่ จองหองแถมยังหยิ่งยโส เกลียดเด็กที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ตัวเองเข้าไส้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่แทฮยองได้ยินว่าคุณหนูนั่นแกล้งหลานของเขาจนได้แผล


    “พี่ก็ว่าคงป่วยเป็นจิตอ่อนๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกแค่โทรมาฟ้องน้ามัน”


    (เอายูนามาอยู่กับผม อย่าไปอยู่มันที่นั่น)


    “ไม่ได้ย่ะ ลูกก็ต้องอยู่กับพ่อเขาสิ! นอกจากแกจะเอายัยคุณหนูไปอยู่ที่นั่นแทนยังจะมีประโยชน์มากกว่า...”


    แทอินผุดยิ้ม เชิดคอขึ้นก่อนจะพูดต่อ


    “เอายัยคุณหนูลีอันไปทำงานด้วยสักปีสองปี แล้วก็ดัดนิสัยซะด้วยเลย”


    ปลายสายเงียบราวขบคิด


    (หึ จะยอมมาเรอะ)


    “ไปสิ ฉันมีวิธี ส่วนแกตาแทฮยอง อย่าปล่อยให้กลับมาง่ายๆ ล่ะ รอจนกว่ายูนาโตพอที่จะปกป้องตัวเองได้ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน”


    แทอินแค่จะบอกเป็นนัยว่ารอจนกว่าสามีจะรักจะหลงยูนาจนเขียนพินัยกรรมฉบับใหม่ขึ้นมาเสียก่อน...ถึงค่อยปล่อยให้กลับมา


    (ก็ได้! เอามาอยู่ที่นี่ จะต้อนรับขับสูอย่างดี!)


    “หึๆ...ดีมากน้องชาย”


     

     

    วันต่อมา


    “เกาะทางใต้เหรอคะ”


    ลีอันเอ่ยออกมาอย่างใจเย็นแม้ว่าลึกๆ จะรู้สึกแปลกไปมากก็เถอะ


    “ใช่ พ่อจะวานให้ลูกช่วยไปเป็นธุระให้หน่อย”


    “ทำไมต้องหนู?”


    “ลีอันเป็นลูกสาวคนโตของพ่อไงล่ะ”


    แฮซุกสะบัดหนังสือพิมพ์อีกครั้งก่อนจะหยิบแก้วชาร้อนมาจิบ พยายามไล่สายตาที่เต็มไปด้วยพิรุธอ่านตัวอักษรเนื้อข่าว


    “ลูกน้องคุณพ่อก็เชื่อใจได้”


    “ช่วยพ่อหน่อยเถอะหน่าลีอัน ไปแค่สองสามวันเอง พ่อไม่เคยขออะไรลูกเลยนะ”


    “นั่นสิคะ...ช่วยงานกิจการครอบครัวแค่นี้ไม่ได้เชียวรึไง”


    แต่ทว่าเสียงแหลมที่ลีอันรำคาญสุดชีวิตก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของแม่เลี้ยงที่เดินดุ่มๆ มานั่งลงบนโซฟาใกล้บิดาของเธอ หญิงสาวกรอกสายตาพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย


    มองไปทางไหนในบ้านหลังนี้ไม่เกินห้านาทีหรอก ยัยแม่เลี้ยงเสียงนกหวีดมักจะเข้ามาวนเวียนในสายตาของเธอแทบทุกครั้ง


    “คุณคะ คุกกี้หน่อยมั้ยคะ”


    “อืม ดี”


    “แล้วจะไปวันไหนเหรอจ๊ะลีอัน”


    “...”


    “โฮะๆ ลูกสาวคุณเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอแน่ๆ”


    “ก็รู้หนิ”


    “คุณคะ!


    “พอๆ”


    แฮซุกคายคุกกี้ก่อนจะปิดหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อทั้งสองเริ่มเปิดศึก ไม่มีวันไหนที่ภรรยากับลูกสาวคนโตของเขาจะไม่ทะเลาะกัน ให้ตายเถอะ


    “เอาเป็นว่าตามนี้นะลีอัน พ่อจะส่งรายละเอียดงานให้ในอีเมล์”


    “ลูกสาวคุณจะช่วยเหรอคะ ฉันว่า—”


    “ค่ะ หนูจะไปเอง”


    “...”


    “ทีนี้ หุบปาก ได้ยังคะ?”


    ร่างเพรียวลุกขึ้นทันที ฟาดสายตาใส่แม่เลี้ยงที่ผุดยิ้มเล็กๆ ก่อนจะรีบตีสีหน้ากลับมาเป็นปกติ ลีอันไม่ทันสงสัยกับท่าทางร้ายกาจนั่นเพราะตามคนอย่างแทอินไม่ทันและไม่คิดจะตามให้เสียอารมณ์ เธอหมุนตัวออกจากตรงนี้และหนีขึ้นห้องนอนตัวเอง ลับหลังผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยงใจยักษ์ หญิงสาวก็พ่นลมหายใจก่อนจะหย่อนร่างกายนั่งลงที่ปลายเตียง เบื่อเต็มทีกับบ้านหลังนี้...เธอตัดสินใจดีแล้วว่ากลับมาจากเกาะที่บิดาวานให้ไปคุยงานเล็กๆ น้อยๆ กับลูกค้ารายย่อยที่นั่นก็จะย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ ทันที แม้ว่าคอนโดฯ จะเงียบเหงาไม่เหมือนอยู่บ้านตัวเองที่อยู่มาตั้งแต่เกิดก็เถอะ อย่างน้อยเธอก็จะไม่เจอแม่เลี้ยงน่ารำคาญที่คอยพูดจาจิกกัดไม่เว้นแต่ละวัน...อยู่เงียบๆ คนเดียวถึงจะเหงาไปบ้านแต่คงดีกว่าอยู่ที่นี่ต่อไป


    ที่เธอยังไม่ย้ายไปไหนเพราะบ้านหลังนี้เคยมี แม่ ของเธออาศัยอยู่ ภาพความทรงจำแม้จะเนิ่นนานแต่ลีอันไม่มีวันลืม ทุกมุมของบ้านหลังนี้ ทุกกิจกรรมที่เธอเคยทำกับครอบครัวเมื่อครั้งอดีต มองไปกี่ทีก็ทำให้เธอมีความสุข แต่คงถึงเวลาที่เธอจะต้องเป็นฝ่ายออกไปแม้ว่ากรรมสิทธิ์ทุกอย่างจะเป็นของลีอันมากกว่าใครๆ...เธอก็คงต้องยอมแพ้อยู่ดี


    และที่สำคัญฝืนอยู่ต่อไปคงประสาทกิน เธอยังไม่อยากเป็นบ้าเหมือนแม่เลี้ยงตัวเองหรอกนะ


    เสียงอีเมล์แจ้งเตือนทำให้หญิงสาวหยิบมือถือมาเปิดอ่าน มันถูกส่งมาจากบิดาเมื่อครู่นี้เรื่องราวละเอียดของการคุยงานที่เกาะเล็กๆ แถบใต้ในอาทิตย์หน้าที่จะถึง ลีอันไม่เคยได้ยินว่าที่นั่นมีลูกค้ารายย่อยของบริษัทด้วย แต่ในเมื่อพ่อของเธอเอ่ยปากไหว้วานขนาดนี้จะปฏิเสธเสียงแข็งก็ยังไงอยู่ แล้วอีกอย่างใครบางคนที่ปากสุนัขไม่รับประทานก็คอยจิกกัดดูถูกไม่หยุดหย่อน เธอจึงต้องรับปากว่าจะไปอย่างเลี่ยงไม่ได้


    น่าเบื่อจริงๆ...เกิดเป็นคุณหนูลีอันที่มีแต่คนอิจฉา แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณหนูลีอันคนนี้แหละ ที่แทบจะมองหาความสุขในชีวิตไม่เจอ

     

     


    และแล้วก็ถึงวันเดินทางมายังเกาะทะเลแถบใต้ในที่สุด ร่างบอบบางแต่ทว่าสมส่วนดูดีอยู่ในเดรสยาวปล่อยปลายหางกรุยกรายเหมาะกับบรรยากาศของทะเล หมวกปีกบานรับกับแว่นกันแดดแบรนเนมด์สีชาอีกทั้งรองเท้าส้นตึกที่กำลังย่ำไปข้างหน้า ดวงตาไร้อารมณ์มองป้ายผู้โดยสารขาเข้าก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันที ลีอันมาถึงเรียบร้อยแล้ว และบิดาของเธอได้บอกว่าลูกค้าจะเป็นคนมารับที่สนามบินพร้อมกับให้เบอร์ติดต่อเสร็จสรรพ มือเล็กเรียวล้วงหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรออกหาบุคคลที่ว่า ไม่นานปลายสายก็รับ


    “สวัสดีค่ะ”


    เพราะอีกฝั่งไม่ยอมพูดออกมาทำให้เธอต้องเอ่ยทักเอง คิ้วขมวดเล็กน้อย ลากกระเป๋าไซต์ใหญ่เดินไปเรื่อยๆ


    “คุณคะ ได้ยินรึเปล่า”


    (ได้ยิน)


    “เอ่อ...คุณเควินรึเปล่าคะ”


    ในรายละเอียดแจ้งว่าลูกค้าชื่อเควิน เธอเดาว่าอีกฝ่ายคงเป็นพวกลูกครึ่งแต่แปลกที่สำเนียงไม่ใช่


    (อยู่ที่ไหน)


    ลีอันยิ่งขมวดคิ้วใหญ่...เพราะน้ำเสียงของปลายสายดูแข็งกระด้างราวกับคนที่ไม่เคยเจรจาด้านธุรกิจ


    เสียงทุ้มติดใหญ่ ไม่มีมิติในการเปล่งถ้อยคำแถมยังไร้หางเสียง


    คุณหนูลีอันถึงขั้นเพลียแต่ก็ต้องกัดฟันคุยต่อ


    “ฉันมาถึงแล้วค่ะ คุณอยู่ตรงไหนคะ”


    (ลานจอดรถ)


    “คือ...จะให้ฉันเดินไปลาดจอดรถเองเหรอคะ?”


    (เออ)


    “...”


    (ครับ)


    ลีอันถึงกับดึงมือถือออกมาดูชื่อที่บันทึกเอาไว้อีกทีว่าเธอไม่ได้ต่อสายผิด เมื่อเห็นว่าถูกต้องก็แนบไว้กับหูอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าอย่างอดกลั้น ลาดจอดรถที่สนามบินมันมีน้อยๆ ซะที่ไหน


    “เอ่อ...คุณเควินคะ หากไม่รบกวนคุณช่วยวนรถออกมาด้านหน้าได้มั้ยคะ ตรงนั้นสามารถจอดรับได้—”


    (เดินมาเองไม่ได้?)


    “เอ่อคือ...”


    (...)


    “ค่ะคุณเควิน ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกพิกัดที่ชัดเจนกว่านี้หน่อยค่ะ”


    รู้แบบนี้ใส่รองเท้าผ้าใบมาคงดี หญิงสาวบ่นอุบในใจ กวาดสายตามองหาทางออกที่ไม่คุ้นชิน จะเรียกว่าไม่เคยมาเลยสักครั้งก็ได้


    (4A)


    “ค่ะ ถึงชั้นนั้นแล้วฉันจะโทรไปใหม่”


    ลีอันกดตัดสายก่อนจะกรีดร้องในใจ อยากจะตะโกนออกมาดังๆ แต่ทำได้เพียงกัดฟันและลากกระเป๋าใบโตอย่างว่องไว ถ้าไม่ติดกับเป็นลูกค้าของพ่อเธอไม่ใจเย็นอยู่แบบนี้หรอกให้ตายเถอะ


    พ่อเธอส่งมาให้เจอกับอะไรกันแน่!


    ร่างบางออกจากลิฟต์ชั้นลาดจอดรถที่อีกฝ่ายบอก เธอกวาดสายตามองหารถยนต์ที่มีไม่ต่ำกว่ายี่สิบคัน ก่อนจะกดต่อสายหาเขาอีกครั้ง


    “ฉันมาถึงชั้น 4A แล้วค่ะ”


    (พูดผิด 2E)


    “หา!


    ลีอันหลับตาแน่น มือจิกที่จับกระเป๋าลากและพยายามพ่นลมหายใจออกทางปาก


    ยุบหนอ พองหนอ เข้าไว้


    “ค่ะคุณเควิน ไม่มีปัญหาค่ะ”


    เธอยิ้มตอบรับ แต่ทว่าดวงตากลับไม่ยิ้มตาม ลีอันกดตัดสายและหมุนตัวเข้าลิฟต์อีกครั้ง

     

     



    “ฉันมาถึงชั้น 2E แล้วค่ะ”


    (เดินมาสิ)


    “แล้วคุณจอดตรงไหนละคะ”


    (เดินให้ทั่วก่อน ถ้าไม่เจอค่อยถาม)


    “คุณ—!


    (...)


    “ได้ค่ะ คุณเควิน”


    เธอกดวางสายอีกครั้ง กวาดสายตามองที่มืดๆ ของลานจอดรถซึ่งมีหลายแยกหลายแฉกมากมายไปหมด คงต้องสุ่มเดินเอาสินะ เธออยากจะเปลี่ยนรองเท้าซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ยังอดทนเดินต่อไปเรื่อยๆ ถอดแว่นกันแดดสีชาออกอย่างหงุดหงิด ความร้อนอบอ้าวทำให้เหงื่อกาฬไหลเต็มกรอบหน้าไปหมด แต่ทว่าเดินไปแยกไหนก็ไม่เจอรถคันที่คิดว่าเป็นลูกค้าที่ชื่อเควินมหาประลัยนั่น หญิงสาวทำท่าจะต่อสายหาเขาอีกครั้ง แต่ทว่าจู่ๆ สายตาปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของชายผิวแทนคนหนึ่งซึ่งยืนพิงหน้ารถกระบะคันเก่ากรังที่ดูเหมือนจะพังแหล่ไม่พังแหล่ และที่สำคัญอีกฝ่ายกำลังมองมาที่ลีอันจนเธอดึงสายตากลับมาด้วยความหวาดกลัว


    ส่งผลให้ลีอันรีบกดต่อสายหาคุณเควิน แต่ทันใดนั้นเองเสียงเรียกเข้ากลับดังขึ้นที่ผู้ชายคนนั้น


    มือหนากดรับ ท่าทางดุดันไม่รับแขกของหนุ่มชาวประมงทำให้คุณหนูอย่างเธอเบิกตากว้างด้วยความช็อค


    อย่าบอกนะว่าคุณเควิน...คือ


    “จะยืนตรงนั้น?”


    สุ้มเสียงทุ้มกังวาน ลีอันมั่นใจว่าเป็นเสียงเดียวกับในสายที่เธอคุยมาตลอด หญิงสาวใจกล้าเดินตรงไปหาเขาแต่ทว่าสายตายังเต็มไปด้วยความระแวง


    เธอแอบสำรวจชายตรงหน้า...ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสัน ผิวสีแทนราวกับชีวิตทั้งชีวิตตากแดดมาตั้งแต่เกิดแต่แปลกที่ดึงดูดสายตาให้น่ามองอย่างประหลาด ใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าดุคมเช่นเดียวกับดวงตา เส้นผมสีดำสนิทติดที่การแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตตัวเก่าและกางเกงยีนสีซีดขาด


    เพราะฉะนั้นไม่ใช่คุณเควินแน่ๆ หน้าเขาไม่ลูกครึ่งเลยสักนิด


    “คุณ...เป็นลูกน้องของคุณเควินเหรอคะ”


    ลีอันถามออกไปอย่างที่ใจคิด ส่งผลให้อีกฝ่ายร้องหึเบาๆ


    “คงงั้นมั้ง”


    “...”


    “ขึ้นรถ”


    ชายหนุ่มหัวเสีย เดินอ้อมไปยังที่คนขับและขึ้นไปนั่งก่อนจะปิดประตูเสียงสะนั่น ลีอันสะดุ้งเล็กน้อย กวาดมองสภาพของกระบะใกล้พังที่ด้านหลังนั้นมีถังใบใหญ่สามถึงสี่ใบตั้งอยู่


    ไม่ต้องถามก็รู้ว่าถังอะไร เพราะกลิ่นคาวของมันนั้นฉุนเข้าจมูก


    ร่างเพรียวเดินไปยังหลังกระบะก่อนจะยกกระเป๋าลากของตัวเองขึ้นไปเก็บ เธอแอบมองในถังพวกนั้นก็พบว่าเป็นปลาหลากหลายชนิดว่ายน้ำเกลื่อน


    นี่เขาเอารถบรรทุกปลามารับเธออย่างนั้นเหรอ!


    แต่ลีอันเชื่อใจบิดาเกินกว่าจะนึกสงสัยอะไร เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆ คงจะไม่ได้หรูหราอะไรเมื่อเทียบกับเมื่อกรุงที่เธออยู่ ได้แต่คิดในแง่ดีในใจ


    ลีอันขึ้นไปนั่งข้างคนขับในที่สุด ปิดประตูรถที่ใกล้จะพังก่อนหันไปรัดเข็มขัดนิรภัยและโล่งใจที่มันยังใช้ได้ คนข้างกายออกรถทันที และทันใดนั้นเองสิ่งที่ทำให้คุณหนูลีอันเบิกตากว้างเท่าไข่ห่านนั่นก็คือสิ่งมีชีวิตบางอย่างกระโดดใส่ตักของเธอ ก่อนที่มันจะดีดดิ้นส่งผลให้หญิงสาวอ้าปากกรีดร้องด้วยความตกใจ


    “กรี๊ดดด!! คุณ!! คุณ!!


    ดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า ลีอันพิงหลังชิดพนักเบาะเมื่อปลาตัวใหญ่ดีดมาเลื้อยอยู่บนตักของเธอ ชายหนุ่มคนขับหยุดรถพลางหันมองด้วยสายตาติดรำคาญแต่ทว่าร้ายกาจแค่เธอไม่ทันมอง


    “โทษที มันโดดสูงไปหน่อย”


    มือหนาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดเฉกเช่นคนแข็งแรงเอื้อมมาหยิบเจ้าปลาตัวอ้วนจากตักของเธอ ก่อนจะหันเอาปลาไปปล่อยใส่ถังที่ตั้งอยู่เบาะหลัง


    และตอนนี้สติของลีอันได้หลุดลอยไปแต่กลับเข้าร่างได้เพราะรถกระบะที่นั่งอยู่กระตุกราวกับใกล้พังเต็มที




    TBC.


    โดนคุณเควินแกงหนักมาก 55555555 


    สวัสดีอย่างเป็นทางการกับเรื่องใหม่ที่หายมาเปิดเก่ง เรื่องนี้เมนสุดที่รักได้รับบทพระเอกเต็มตัวสักที ดีใจหลายๆค่ะ555555 ยังไงก็ฝากทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านด้วยนะคะ อย่าพึ่งหนีไปไหนกลับมาก๊อนน


    แฮชแท็กคิดออกสดๆร้อนๆ >> #ฟิคเฮียแทฮยอง ฝากแวะเข้าไปเล่นกันด้วยนะคะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×