ตอนที่ 4 : chapter 3 100%
เสียงโคร้งเคร้งที่ดังเบาๆอยู่ด้านนอกทำให้เซฮุนรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องของตัวเองตื่นแล้ว มือหนาตวัดผ้าห่มออกจากตัวก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
สายตาคมมองร่างเล็กๆที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา มือบางหยิบจับเครื่องปรุงเทลงกระทะ ที่คาดว่าน่าจะเป็นอาหารเช้าสำหรับเราสองคน ลู่หานไม่ใช่คนทำอาหารเก่งแค่พอทำได้และพอกินประคับประคองชีวิตไปได้ และไม่ได้ถนัดทำงานบ้านแต่เจ้าตัวก็อาสาเป็นคนทำทั้งหมดด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากเอาเปรียบ เพราะคอนโดที่อาศัยอยู่ตอนนี้เป็นของเซฮุน ซึ่งลู่หานไม่ได้เสียตังค์ค่าเช่าแม้แต่วอนเดียว
“ไม่สบายดีขึ้นแล้วเหรอ? ถึงตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าว”เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากที่ยืนมองร่างเล็กๆอยู่ซักพัก
คนที่กำลังผัดอะไรสักอย่างหันมามองตามเสียงที่เอ่ยถาม ก็เจอกับรุ่นพี่สมัย ม.ปลาย กำลังยินพิงปะตูทางเข้าห้องครัวด้วยชุดที่บ่งบอกว่าร่างสูงอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แล้วชุดที่ใส่ก็ยังคงเป็นสไตล์ที่ขัดใจลู่หานเช่นเคย เสื้อยืดสีพื้นกับกางเกงยีนสีซีด
“ผมแข็งแรงจะตาย ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่อยากพักเฉยๆ”ลู่หานตอบกลับได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการซะงักกับคำถามที่ได้ยิน ที่ตัวเองโกหกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายตั้งแต่เมื่อวาน เพราะรู้อยู่แล้วอีกฝ่ายต้องถามแน่ๆ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพของลู่หานไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อย เรื่องใหญ่แค่ไหน เซฮุนไม่เคยปล่อยผ่าน มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร “ข้าวผัดแสนอร่อยเสร็จแล้ว คุยชายจะรับกาแฟด้วยมั๊ยครับ”มือบางตักอาหารใส่จานก่อนจะยกมาวางที่โต๊ะกินข้าว ตามด้วยส่งสายตาล้อเลียนพร้อมกับขยิบตาอย่างทะเล้นส่งให้คนทีกำลังมองตัวเองอยู่
เซฮุนไม่ชอบให้ใครเรียกว่าคุณชายถึงเจ้าตัวจะมีคุณสมบัตินั้นทุกประการก็เถอะ แต่อาจจะยกเว้นไว้คนนึง เพราะมองใบหน้าน่ารักๆนั้นแล้วมันก็โกรธไม่ลง แล้วจะให้ถึงทำร้ายร่างกายยิ่งแล้วใหญ่ หึ!! ถ้าเป็นคนอื่น ตบคว่ำไปแล้ว
“ครับ”และทันทีที่เสียงตอบรับดังขึ้นร่างเล็กก็เดินไปโซนทำเครื่องดื่มที่มีเครื่องทำกาแฟนำเข้าตั้งเด่นเป็นสง่าสมฐานะและความชื่นชอบการดื่มด่ำกับกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟที่เจ้าของคอนโดห้องนี้ชอบ เพื่อชงกาแฟมาเสริฟคุณชายเขา
“ไม่ค่อยสบายแล้วยังจะชวนไปดูหนัง แถมทิ้งพี่กลับก่อนอีก”คุณชายบ่นถึงเรื่องเมื่อวาน ขายาวเดินมาทรุดนั่งลงเก้าอี้ที่นั่งอยู่เป็นประจำ
“ก็มันอยากดูมาก แต่พอไปแล้วรู้สึกไม่ไหวไง กว่าหนังจะจบ อีกอย่างก็ซื้อตั๋วหนังแล้ว เสียดาย แล้วซิ่วหมินก็ไปด้วย เลยคิดว่าให้พี่ดูกับซิ่วหมินไง เป็นเพื่อนกัน ไม่ได้ทิ้งให้พี่ดูคนเดียวซักหน่อย” มือบางชงกาแฟไปด้วยอย่างคล่องแคล่วเพราะทำอยู่เป็นประจำ “แล้วดูหนังกับซิ่วหมินสนุกมั๊ย”เสียงใสๆเอ่ยถามพร้อมกับวางกาแฟลงตรงหน้า
มือหนายกกาแฟขึ้นจิบก่อนจะปลายตามองคนถามที่กำลังเอียงคอทำหน้าลุ้นกับคำตอบ“ก็สนุกดี ซิวหมินดูท่าจะชอบดูหนังมากกว่าเราอีก เป็นคนคุยตรง พี่ชอบนะ ”
ไม่รู้ทำไมว่าคำตอบที่ได้ยินทำให้คนฟังรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจจะว่าไม่ชอบใจ มันก็ไม่ใช่ แต่มันรู้สึกกวนใจ ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเห็นพี่ฮุนสนใจใครเป็นพิเศษเลย
“งั้นเหรอ ซิ่วหมินก็อย่างนี้แหละชอบพูดอะไรตรงๆแล้วก็เป็นคนคุยสนุก”ว่าน้ำเสียงเนือยๆขาเรียวเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่มือเรียวจะหยิบช้อนตักอาหารใส่ปาก
เซฮุนมองร่างเล็กที่กำลังตักอาหารเข้าปากแบบไม่กระตือรือร้นมากนัก จู่ๆเหมือนความสดใสในน้ำเสียงจะหายไป “เป็นอะไรไปครับ ทำไมเสียงดูเหนื่อยๆ”เสียงทุ่มเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ไม่รู้สิฮะ อยู่ๆก็รู้สึกใจหวิวแปลกๆ”ลู่หานบอกไปตามที่ตนเองรู้สึกอยู่ตอนนี้ตามความจริง อยู่ๆก็ใจสั่นแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่รู้สึกไม่ดีและไม่ชอบเลย
“หืม? งั้นรีบกินข้าว พี่จะพาไปหาหมอ”อีกคนสั่งการเสียงเครียดขึ้นมาทันทีกับคำบอกกล่าวที่ได้ยิน เมื่อคืนบอกไม่ค่อยสบายถึงจะรู้ว่าเป็นข้ออ้างในการแยกตัวออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ซิวหมินได้บอกในสิ่งที่ตั้งใจ แล้วตอนนี้บอกใจหวิวๆมันก็อดห่วงไม่ได้อยู่แล้ว
“ไม่อาวววว ไม่ไป”เช่นเดียวกันน้ำเสียงดื้อดึงก็ดังขึ้นมาทันทีที่อีกคนบอกจะพาไปหาหมอ เป็นอันรู้กันดีอยู่แล้ว ลู่หานไม่ชอบโรงพยาบาลกับการไปหาหมอ
“ลู่หาน”สายตาคมมองใบหน้าน่ารักที่คล้ายแมวดื้อนั้นนิ่งๆ เอ่ยเรียกชื่อเสียงเข้มเป็นการปรามความพยศที่กำลังจะเกิดขึ้น น้อยครั้งและนานมากจริงๆที่เจ้าตัวจะใช้น้ำเสียงแบบนี้กับร่างเล็กตรงหน้า
“ไม่ต้องมาใช้น้ำเสียงแบบนี้ ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย ทำไมต้องไปหาหมอด้วย”ใบหน้าน่ารักงอง่ำอย่างไม่ชอบใจกับน้ำเสียงที่ได้ยิน ก็แค่รู้สึกเหมือนตัวเองจะหมดความสำคัญเลยนอยด์ๆอ่ะ ทำไมต้องไปหาหมอด้วย แล้วยังทำเสียงดุใส่อีก
“เมื่อวานเราบอกพี่ว่าไม่ค่อยสบาย วันนี้บอกรู้สึกใจหวิว ยังไม่เป็นอะไรอีกเหรอครับ?”เสียงทุ่มบอกเสียงอ่อนลง แต่ก็บังคับอยู่ในที บอกแล้วเรื่องสุขภาพของคนร่วมห้องเป็นเรื่องใหญ่และเป็นอีกเรื่องหลักที่เซฮุนไม่ค่อยยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ
คนฟังหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆกับประโยคเชิงบังคับกลายๆก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรและก็รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าหงุดหงิดอะไรอยู่“ไม่ได้เป็นอะไรแค่นอนไม่พอ ผมนอนดึกตั้งหลายวันแล้ว แค่นอนไม่พอทำไมต้องไปหาหมอด้วย ก็บอกอยู่เนี่ยว่าไม่ได้เป็นอะไร ทำไมพี่ฮุนจะมาบังคับด้วย”ว่าจบก็วางช้อนลงในจานพร้อมกับลุกเดินหนีทันที
“แล้วนั่นจะไปไหน ”เสียงทุ้มตะโกนตามหลังทันทีที่ร่างเล็กเดินหุนหันออกไปจากโต๊ะ
“ไปนอนต่อ นอนให้พอ นอนให้อิ่ม นอนให้แข็งแรง จะได้ไม่ต้องโดนบังคับให้ไปหาหมอ”เสียงเล็กๆตะโกนกลับมา แต่ก็ไม่วายจะประชดตามมาด้วย
เซฮุนหัวเราะเบาๆกับคำประชดประชันเล็กๆนั้น ส่ายหัวเบาๆกับตัวเองที่ท่าจะอาหารหนักที่มองท่าทางดื้อรั้นของอีกคนว่า น่ารักซะงั้น
"แล้วไม่กินข้าวก่อนเหรอ จะได้กินยา"
"ไม่กิน จะนอนนน"
ยังไม่ทันที่คนถูกงอนจะได้ลุกไปง้อหรือหายุกยาไปให้คนที่เหมือนจะไม่สบายแล้วงอนเพราะจะโดนบังคับให้ไปหาหมอจนหนีเข้าห้องไปแล้ว เสียงหวีดร้องก็ดังขึ้นมาจากทางห้องนอน ขายาวรีบก้าวไปตามเสียงอย่างรวดเร็ว
“พี่ฮุน!!!!!!!!!!!!!!”และทันทีที่คนถูกเรียกวิ่งไปถึง คนที่แหกปากร้องลั่นคอนโดก็กระโดดกอดหมับเข้าที่เอวหนาใบหน้าน่ารักซุกลงบนอกกว้าง แขนยาวก็ตวัดโอบรอบคนที่กำลังกอดตัวเองแน่น
“เป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้น”เอ่ยถามเสียงนุ่มอย่างปลอบขวัญมือใหญ่ลูบหลังบางเบาๆไปด้วย
“จิ้งจก”เซฮุนแทบจะหลุดขำก๊ากอกมากับเสียงอู้อี้ที่ได้ยิน ดวงตามองเลยด้านหลังคนตัวบางไปยังผนังทางเข้าห้องนอน ที่ตอนนี้มีจิ้งจกตัวขาวเกาะอยู่ตรงนั้น ให้ตายเถอะรู้สึกผิดนิดๆนะที่จะขับไล่ผู้มีพระคุณที่ทำให้คนที่กำลังงอนเขากระโดดกอดเขาเหนียวแน่นหนึบราวกับเป็นจิ้งจกเองซะขนาดนี้
โครกกก!!!!! และยังไม่ทันที่จะได้ไล่ผู้มีพระคุณให้เป็นบาปติดตัว เสียงท้องร้องของคนในอ้อมกอดก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน เซฮุน กลั้นขำจนเมื่อยหน้าตัวสั่นไปหมด ลงทุนลุกขึ้นมาทำกับข้าวตั้งแต่เช้าทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุด ถ้าไม่ใช่หิวจะเป็นอะไรหล่ะ ปกติถ้าไม่มีเรียนตื่นเช้าเป็นที่ไหนคนนี้
“พี่หัวเราะผมเหรอ?”ร่างเล็กผละออกจากอ้อมกอดเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั้นเบาๆของคนที่ตัวเองกอดอยู่ ดวงตากลมโตจิกมองใบหน้าคมคาย ริมฝีปากบางสีชมอ่อนตามธรรมชาติเม้มแน่นอย่างขุ่นเคืองที่โดนหัวเราะเยาะ
เสียงท้องร้อง…………คนมันหิว ห้ามเสียท้องร้องได้เหรอ? ทำไมต้องหัวเราะด้วย
“หิวแล้วยังจะดื้อไม่ยอมกินข้าว งอนแล้วก็ชอบหนีเข้าห้อง หิวข้าวอยู่ก็ไม่ยอมกินทำตัวเองให้ทรมานไม่น่ารักเลยนะครับ”ใครบอกว่า โอเซฮุนเป็นคนสุขุม ไม่ค่อยพูด ลู่หานขอเถียงขาดใจเลย เพราะเวลาอยู่ด้วยกันสองคน ร่างสูงชอบกวน ชอบดุ ชอบบ่น ชอบบังคับแบบอ้อมๆ ไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆหรอก ถ้าเรื่องเหล่านั้นส่งผลในทางที่ไม่ดีต่อตัวลู่หานเอง ผิดกับตอนที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนเงียบซะ ไม่ค่อยพูด เอาแต่อมยิ้มเออออห่อหมกไปกับคนอื่นราวกับเป็นคนละคนยังไงยังงั้น
“ไม่น่ารักก็ไม่น่ารักสิ คนแมนๆเขาไม่ชอบให้ใครบอกว่าน่ารักหรอก”ว่าเสียงแข็ง พร้อมกับเชิดใบหน้าขึ้นแขนเรียวยกขึ้นมากอดอกเป็นการแสดงท่าทางว่าไม่เห็นจะแคร์เลย
อีกแล้ว ความรู้สึกคันยุบยิบแปลกในหัวใจ ตอนที่ได้ยินอีกคนบอกว่าไม่น่ารัก เป็นความรู้สึกที่ไม่พอใจเอาซะเลย
เซฮุนอมยิ้มน้อยๆกับท่าทางและคำพูดที่หลุดออกจากปากเล็กๆนั้น สายตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกมองใบหน้าเรียวที่ประกอบไปด้วยคิ้วเรียวบางที่รับกับดวงตากลมโตสดใสเหมือนลูกกวาง ปากนิด จมูกเหมือนลูกแมว เป็นใบหน้าที่รวมเอาสัตว์สองชนิดที่น่ารักมาผสมกันได้อย่างลงตัวและโคตรของความน่ารัก ไหนจะรูปร่างบอบบาง ส่วนสูงที่ไม่ได้มีมากเท่าไหร่ แถมขี้งอน(กับเขา)ชั่งขัดกับคำว่า คนแมนๆจริงๆ
“พี่ยิ้มอะไรอ่ะ”ลู่หานถามเมื่ออีกคนมองแล้วเอาแต่อมยิ้ม
“พี่ยิ้มไม่ได้เหรอ?”
“ยิ้มหน่ะยิ้มได้แต่มองหน้าผมแล้วยิ้ม มันหมายความว่าไง!! พี่เยาะเย้ยผมเหรอ?”ถามเสียงเคื่องๆ
โครกกกกกกกกก
เซฮุนแทบจะหลุดก๊ากกออกมาชุดใหญ่เมื่อเสียงท้องร้องของคนที่ส่งเสียงแง๊วๆหาเรื่องเขาอยู่ดังมาอีกครั้ง ไม่ต้องถึงมือเขาทีต้องไปไล่จิ้งจก เพราะตอนนี้เจ้าตัวสีขาวตาโปนสี่ขาได้หายไปจากตรงผนังทางเข้าห้องของลู่หานแล้ว
“ปกติพี่ก็เป็นคนอารมณ์ดีอยู่แล้ว นี่หิวจนพาลแล้วนะ ไปกินข้าวได้แล้ว แล้วกินยา เดี๋ยวพี่จะไปเอาสเปรย์ไล่จิ้งจกมาฉีดก่อน”
“ทำไมต้องกินยาด้วย ไม่เป็อะไรซะหน่อย”แม้จะหิวจนแทบจะเป็นลมอยูรอมล่อ ท้องก็ร้องได้อายประชาชีอยู่ตั้งสองหน แต่ก็ไม่ยอมไปกินข้าวง่ายๆ เมื่อได้ยินคำว่าต้องกินยา
“ครับๆไม่กินก็ไม่กิน ไปกินข้าวได้รึยัง หืม?”มือหนาเอื้อมาจับมือบางแล้วพาเดินไปยังโต๊ะ อาหารซะเอง ร่างสูงจัดแจงหยิบซ้อนส้อมใส่มือให้ แล้วยังรินนมรสช็อคโกแลตรสโปรดมาให้อีก ก่อนที่เจ้าตัวจะผละออกไปจัดแจงเรื่อง ไล่จิ้งจก
………………………………………………………………………………………………………
ลู่หานทำงานพิเศษอาทิตย์ละสองวันคือวันนี้ที่เป็นวันเสาร์และพรุ่งนี้ซึ่งก็คือวันอาทิตย์ ร่างเล็กทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในผับหรูของเพือนรุนพี่ของเซฮุนที่ค่อนข้างสนิทกัน
“วันนี้ พี่ว่าเราไม่ต้องไปทำงานดีกว่านะ กว่าจะเลิกก็ดึกเดี๋ยวพี่โทรคุยกับพี่ยุนโฮให้”เซฮุนเสนอความคิด เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในห้องนอนของร่างสูง หลังจากที่กินข้าวเช้า ฉีดสเปรย์ไล่จิ้งจก ทำอะไรจิปาถะ ดูหนังฟังเพลงเล่นเกม ไม่ได้ออกไปหน จนกินข้าวเที่ยงที่โทรสั่งจากร้านอาหารเจ้าประจำเสร็จ แล้วลู่หานบอกว่าง่วงอยากนอนแต่ไม่ยอมกลับเข้าห้องตัวเอง เพราะหลอนเรื่องจิ้งจก จึงขอมานอนที่ห้องร่างสูงแทน ซึ่งเจ้าของห้องก็ไม่เคยขัดใจเรื่องนี้อยู่แล้ว อยากนอนไหนก็นอนเอาที่ร่างเล็กนอนแล้วรู้สึกสบายใจก็พอ
“ไม่เอาหรอก ตอนพี่แจจุงไลน์มาถาม บอกไว้แล้วว่าจะไป คนที่ร้านไม่พอด้วย แถมวันนี้วันเสาร์คนเยอะจะหยุดได้ไง” คนตัวเล็กว่าพลางกระโดดขึ้นเตียง ก่อนจะล้มตัวลงคว้าหมอนข้างมากอดราวกับว่าเป็นห้องของตัวเอง
“แต่เราไม่ค่อยสบาย ถ้าไปทำงานจะไม่เป็นหนักเหรอ?”ร่างสูงที่ยืนอยู่ปลายเตียงแย้ง ใจจริงก็ไม่อยากให้ทำงานพิเศษตั้งแต่แรกอยู่
“ไม่ได้เป็นอะไรมากซะหน่อย”ปากเถียงนะ แต่กลับหลับตาเตรียมพร้อมจะนอนกลางวันเต็มที่
“พี่ไม่อยากให้เราทำงานเลย นี่สอบเก็บคะแนนภาษาอังกฤษตกไม่ใช่เหรอ? แล้วจะติวตอนใหน? เพราะทำอะไรหลายอย่างแบบนี้ไง การเรียนเราเลยแย่”เสียงทุ่มว่าพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างที่นอนกอดหมอนข้างอยู่
“โห พี่ฮุนอ่ะ ผมก็โง่ภาษาอังกฤษมาตั้งนานแล้วม๊ย? ค่อยติวทุกวันตอนเย็นก็ได้”ดวงตากลมกลมโตปรือขึ้นมองใบหน้าคม
“เฮ้อ!!! พี่ก็ไม่เป็นห่วงเฉยๆอยากทำต่อก็ทำครับ นอนเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว”มือหนาเอื้อมหยิบผ้านวมผืนใหญ่มาห่มให้ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ก่อนที่จะได้เดินอกจากห้องเพื่อปล่อยให้อีกคนได้พักผ่อนก่อนออกไปทำงานพิเศษตอนเย็นนี้ เสียงใสๆก็ดังขึ้น
“ผมขอทำจนกว่าจะหาคนใหม่ได้แล้วกันนะ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ยอมง่ายๆ ทั้งที่งานก็สนุกไม่ได้หนักอะไร แถมยังได้ค่าขนมเพิ่มจากที่บ้านให้ แต่ลู่หานก็ไม่อยากมองข้ามความห่วงใยที่อีกคนมอบให้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

11 ความคิดเห็น
-
#7 zonya1220 (จากตอนที่ 4)วันที่ 21 กรกฎาคม 2562 / 17:33น่ารักมากมาย#70
-
#4 Aaamoo (จากตอนที่ 4)วันที่ 4 กรกฎาคม 2562 / 09:55น่ารักไปอีก#40