ตอนที่ 6 : revenge 6
สำหรับการทำงานนั้นไม่มีอะไรหนักหนาเกินกำลังความตั้งใจของแต่ละคนเลย นอกเสียจากการถูกกระทำให้เกิดความเหนื่อยใจไปวันๆ อย่างเช่นสถานการณ์ของจินยองในตอนนี้ที่ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำให้เหนื่อยหน่ายใจซะมากกว่า การที่ต้องมาพบว่าตัวเองต้องมาทำงานในห้องเดียวกับอิมแจบอมนั้น เขาก็ยิ่งอยากจะหนีกลับอเมริกาซะตอนนี้เลย
ชั้น 37 ของตึกแห่งนี้ถูกแจบอมยึดไว้แต่เพียงผู้เดียว และดูเหมือนจะถูกจำกัดผู้คนที่จะขึ้นมาบนชั้นนี้ได้ การ์ดชุดดำที่ยืนอยู่เรียงรายต่างก็ทำให้จินยองได้รู้อะไรบางอย่างเล็กๆน้อยๆว่าแจบอมคนที่เขารู้จักในสมัย 10 ปีก่อนเปลี่ยนไปมากแค่ไหน จากเด็กหนุ่มธรรมดากลับกลายเป็นคนที่มีอำนาจบาตรใหญ่จนเข้าถึงตัวยากได้มากขนาดนี้
จินยองได้เดินเข้ามาในบริษัทเมื่อเช้าแต่กลับได้สายตาหลายสิบคู่จับจ้องมาที่เขาอย่างไร้สาเหตุ ก่อนที่จะมีชายหนุ่มร่างสูงคนเดิมที่เข้าเจอเมื่อวานมาตามไปที่ห้องทำงานชั้น 37 ดังเดิมด้วยความเข้าใจเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงห้องของแจบอมแล้วก็ต้องเข้าใจถึงคำตอบว่าทำไมถึงมีแต่คนจับจ้องเขาได้มากขนาดนี้ การที่ตัวเองได้มานั่งทำงานในชั้นเดียวกับแจบอมและยังต้องอยู่ในห้องที่มีบรรยากาศชั่งน่าอึดอัดขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับปาร์คจินยอง
ระหว่างที่เขานั่งทำงานอยู่ในห้องกลับรู้สึกได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่างที่กำลังจับจ้องเขาอย่างไม่ลดละสายตาลงไปเลย ร่างบางเบนสายตาจากแฟ้มเอกสารกองโตที่แจบอมเป็นคนมาโยนไว้ให้เขาก่อนหน้านี้ ดวงตากลมโตจ้องเขม็งไปที่ร่างสูงทันทีเมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้าใช้สายตามากเกินไปจนรู้สึกถึงความน่ารำคาญใจและน่าอึดอัด
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแจบอม ใช้สายตากับผมมากเกินไปแล้วนะครับ ผมรำคาญ!” จินยองกระแทกน้ำเสียงประโยคสุดท้ายก่อนจะตวัดสายตาไม่พอใจส่งไปให้แจบอม เขาเกลียดสายตาแบบนี้ที่สุด สายตาที่มองเหยียดคนแบบแจบอม
“นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมารำคาญอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะความรู้สึกอะไรก็ห้าม มีหน้าที่ทำงานก็ทำไปอย่าพูดมาก” แจบอมตีหน้านิ่งใส่จินยองอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับกองเอกสารตามเดิม
สำหรับจินยองแล้วเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรผิดนักหนาถึงทำให้แจบอมเป็นคนแข็งกร้าวได้มากขนาดนี้ ทั้งสายตาและน้ำเสียงของแจบอมเปลี่ยนไปจนเขารู้สึกว่ามันคือคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง จินยองได้แต่นั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาว่าเขาเองหรือเปล่าที่เป็นคนผิด ก็นั่นก็แค่คิดเพราะเขายังมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำอะไรให้ขุ่นเคืองใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแจบอมเท่านั้นที่คิดไปเองและไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเลยตั้งแต่แรก
Rrrrrr~~
เสียงเรียกเข้าของมือถือเครื่องหรูของจินยองดังขึ้นพร้อมกับสายตากลมโตที่เบนไปทางโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ด้านข้าง จินยองเหลือบมองแจบอมเล็กน้อยแต่ก็ต้องโล่งใจที่ร่างสูงไม่ได้สนใจเขาสักเท่าไหร่ก่อนที่มือบางนั้นจะเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อรับสายนั่นทันที
“ฮัลโหล ว่าไงยูคยอม” ร่างบางกรอกเสียงลงไปทันที น้ำเสียงที่นุ่มและหวานของจินยองกลับทำให้แจบอมเหลือบตามองเล็กน้อย น้ำเสียงของจินยองในตอนนี้แตกต่างจากเสียงที่เขาพูดคุยกับแจบอมเสียเหลือเกิน
[เลิกงานกี่โมงน่ะ ฉันจะได้ไปรับ]
“มารับ? เฮ้ย ฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้ไม่ต้องลำบากหรอกน่า” จินยองเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อคนปลายสายกำลังทำให้เขาเกรงใจ นอกจากจะอาศัยบ้านเขาอยู่ฟรีๆแล้วยังจะลำบากมารับเขาอีก
[ลำบากอะไรกัน ก็อยู่บ้านเดียวกันจำไม่ได้เหรอ?]
“อ่า ก็ได้ๆ เลิกห้าโมงมั้ง”
[เค เดี๋ยวเจอกัน แค่นี้นะตั้งใจทำงานล่ะ ฮ่าๆๆ]
“ขำอะไรเล่า ฮ่าๆๆ บาย”
จินยองวางสายพลางอมยิ้มไปมาอย่างมีความสุข สำหรับจินยองแล้วยูคยอมนั้นเป็นเพื่อนที่น่ารักมากๆใครที่ได้รู้จักกับยูคยอมก็จะรู้ดีเลยว่าเพื่อนคนนี้น่ารักมากแค่นั้น จินยองละสายตาจากโทรศัพท์ก่อนจะมาสนใจกับเอกสารกองโตนั่งอีกครั้ง แต่ทว่า เขากลับรู้สึกอึดอัดอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจับจ้องเขาอยู่เช่นเดิม
ร่างบางหับใบสบตากับแจบอมอีกครั้งก่อนจะกรอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย ใบหน้าหล่อเหลาที่จับจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา ความแข็งกร้าวของแววตานั้นทำให้จินยองรับรู้ได้เลยว่าแจบอมกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ แต่เขาก็กลับทำได้เพียงใจดีสู้เสือมองหน้ากลับไปแม้ในใจจะหวั่นอยู่นิดๆว่าแจบอมจะไม่ฆ่าเขาตายคาห้อง
“ใครบอกว่าจะให้นายเลิกงานห้าโมง”
“หมายความว่าไง?” ร่างบางเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจคำพูดของแจบอม ผิดกับร่างสูงที่แสยะยิ้มอย่างชอบใจที่ได้กลั่นแกล้งคนตรงหน้าให้ตายกันไปข้าง
“เสร็จงานนี่แล้วก็ไปทำที่คลับต่อ”
“คลับ? นี่คุณจะบ้าเหรอ ผมไม่ได้รับงานหรือโอทีอะไรนะครับ”
“ก็แล้วแต่นะ ฉันเป็นคนจ่ายเงินเดือนนาย ฉันไม่เดือดร้อนหรอก”
สิ้นประโยคของอิมแจบอมแล้วนั้น จินยองก็ทำได้เพียงนั่งปากหวออย่างงงๆ แจบอมเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปแล้วอยู่ๆก็ใช้งานเขามากเกินไปเสียจริงๆ หากจะแจ้งกรมแรงงานตอนนี้ก็คงไม่เสียหายอะไรเลย ร่างสูงเดินออกจากโต๊ะทำงานก่อนจะปลีกตัวออกจากห้องไปโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวจินยองเลยสักนิด ใบหน้าหวานมองตามแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินหายไปจากห้องทำงานแสนกว้างขวางแห่งนี้จนเหลือแต่ความเงียบและเสียงลมหายใจเบาๆของเขาเพียงเท่านั้น
ในตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับแจบอมกลับกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความทรงจำดีๆอะไรหลงเหลืออยู่อีกต่อไป มีเพียงแค่ความเกลียดชังและความคับแค้นใจซึ่งเขาเองก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะอะไร เมื่อ 10 ปี แจบอมยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับเขาเสมอ แต่ในตอนนี้กลับพลิกผันเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือความทรงจำพวกนั้นอยู่อีกเลยสักนิดเดียว
เวลาหกโมงเย็นของวันนี้กลับเป็นวันที่แสนจะอึดอัดใจดั่งอยู่ในนรกที่แจบอมเป็นคนสร้างขึ้นให้กับจินยอง ร่างบางที่นั่งอยู่ในรถยนต์คันหรูที่มีคนที่ใส่สูทดำเป็นคนขับให้เขานั่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังคลับของแจบอมที่ได้บอกเขาเอาไว้เมื่อตอนกลางวัน ส่วนแจบอมนั้นได้ออกจากบริษัทไปตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายแล้ว โดยที่เขาเองก็ไม่ลืมที่จะสั่งงานไว้ให้กับการ์ดหลายๆคนคอยจับตาดูจินยองไม่ให้คาดสายตาไปไหน
จินยองได้โทรไปรายงานยูคยอมแล้วเรียบร้อยแต่ก็ได้รับเสียงบ่นและคำถามมากมายกลับมาเช่นเดียวกัน ซึ่งคำถามพวกนั้นจินยองเองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกัน ทุกอย่างมันดูฉุกละหุกไปเสียหมดจนเขาเองก็แทบตั้งตัวไม่ทัน จินยองเองก็พอจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรต่อจากนี้แต่เพราะการที่เขาไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ การที่ต้องอยู่ในสภาวะจำนนยอมมันชั่งเป็นอะไรที่ทรมานเสียเหลือเกิน
นั่งรถมาสักพักเขาก็มายังสถานที่แห่งหนึ่งและเขาเองก็พอจะรู้ดีว่าที่นี่คือที่ไหน สถานที่บันเทิงที่ดูใหญ่โตรโหฐาน พนักงานที่นี่ก็ดูเยอะจนดูแตกต่างจากคลับอื่นๆไปเสียหมด ทุกคนที่นี่ต่างทำงานกันเป็นระบบจนดูน่ากังวล ชายชุดดำที่ยืนเรียงรายกันอยู่หน้าประตูทางเข้าต่างก็ยืนนิ่งเงียบแข็งทื่อเป็นเสาตอม่ออย่างไงอย่างงั้น ระหว่างทางที่จินยองเดินเข้ามาก็ได้สำรวจสถานที่แห่งนี้ไปด้วยดวงตากลมโตกวาดมองและจำสถานที่แห่งนี้เอาไว้อย่างพิจารณาถี่ถ้วน ทางเข้าคลับด้านหน้าประดับตกแต่งจนดูน่ามองไปเสียหมด นอกจากจะเป็นคลับสถานบันเทิงมากมายแล้วทางด้านนอกยังมีบาร์ค็อกเทลไว้สำหรับนั่งชิลๆอีกด้วย
ร่างบางเดินเข้ามาด้านในของคลับก่อนจะสะดุ้งโหย่งเมื่ออยู่ๆก็มีพนักงานคลับสองคนมาดึงแขนเขาเอาไว้อย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียงใดใด ร่างของจินยองถูกพาไปด้านในที่เป็นสถานที่เฉพาะของพนักงานก่อนจะมีมือหนาของใครบางคนยื่นชุดของพนักงานในคลับมาให้ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปักชื่อคลับไว้ที่หน้าอกด้านขวาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนผืนเล็กที่สำหรับผูกเอวสีดำ จินยองรับมันมาอย่างงงๆโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงต่อไปหลังจากนี้ดี
“เอาไปเปลี่ยนซะ เดี๋ยวคุณแจบอมกลับมาแล้วเห็นนายอยู่ในชุดเดิมพวกฉันสองคนจะเดือดร้อน” ชายหนุ่มที่สวมแว่นสายตาพูดขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกซ่อนไว้ในใต้แว่นนั้นเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะสำรวจร่างกายจินยองอย่างถี่ถ้วนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สายตาที่ไม่ได้มองเหยียดแต่อย่างใดแต่มันกลับทำให้เขาสับสนเป็นอย่างมาก
“คุณแจบอมสั่งพวกนายมาเหรอ?”
“ใช่แล้ว คุณแจบอมกำชับว่าให้จับตาดูนายไว้ นี่นายทำอะไรผิดมาเหรอ?” ชายหนุ่มผมน้ำตาลเข้มถามขึ้นก่อนจะเลิกคิ้วสงสัย
“อ่า ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่จริงฉันเพิ่งสมัครงานแล้วก็ทำอยู่ที่บริษัทนั่นแหละ แต่อยู่ๆเขาก็ให้ฉันมาที่นี่”
“ว้อท? ทำงานบริษัทเนี่ยนะ!!” ชายหนุ่มที่ใส่แว่นสายตาสบถเสียงออกมาจนจินยองเองถึงกับตกใจ ใบหน้าที่เหมือนต้องการคำตอบของชายทั้งสองคนกลับยิ่งทำให้เขางุนงงมากขึ้นไปใหญ่
“ทะ..ทำไมเหรอ?”
“นี่นายไม่รู้เหรอว่าบีเวย์ไม่รับสมัครพนักงานนะ นอกจากคุณแจบอมจะสรรหาเข้ามาเอง”
“อ่า ฉันว่านายนี่ไม่ใช่พนักงานธรรมดาๆแน่ๆ”
สิ้นประโยคของชายหนุ่มทั้งสองแล้วนั้น จินยองก็ยังคงไม่สามารถหาคำตอบมาตอบคำถามพวกเขาได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมแจบอมถึงรับเขาเข้ามาทำงานแถมยังคอยตามสอดเรื่องของเขาอีก เหมือนกับว่าแจบอมวางแผนเพื่อรอรับเขามาแล้วเป็นอย่างดี สถานะของเขาในตอนนี้ก็เหมือนกับลูกหนี้ที่ต้องทำงานหาเงินคอยผ่อนจ่ายไปวันๆ จะว่าไปเขาก็คือลูกหนี้ของแจบอมจริงๆนั่นแหละกลับการที่ต้องทำงานแลกกับการนำบ้านหลังนั้นคืน ซึ่งมันชั่งเป็นอะไรที่เหน็ดเหนื่อยเสียเหลือเกิน
“แล้วนายชื่ออะไรล่ะฉันชื่อวอนพิลนะ ส่วนไอ้แว่นนี่ชื่อเจย์”
“ฉันปาร์คจินยอง เรียกจินยองก็ได้”
“อ่าห้ะ ต่อไปนี้ฉันสองคนจะคอยดูแลนาย ไม่เข้าใจอะไรก็ถามได้ไม่ต้องเกรงใจ”
ใบหน้าหวานพยักหน้าลงเล็กน้อยอย่างเข้าใจ อย่างน้อยการที่เข้ามาที่นี่วันแรกก็มีเพื่อนตั้งสองคนให้อุ่นใจ จินยองเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้ออย่างรวดเร็วที่สุดก่อนที่แจบอมจะเข้ามาในคลับ ซึ่งดูเหมือนว่าพนักงานของที่นี่จะเกรงกลัวแจบอมกันเสียหมด ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องกลัวกันขนาดนั้นก็ไม่รู้
จินยองเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนจะดิ่งที่บริเวณหน้าคลับหวังจะไปหาวอนพิลและเจย์เพื่อศึกษางานที่เขาจะต้องทำ แต่ทว่า ทุกอย่างต้องหยุดชะงักเมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นคือมีชายหนุ่มที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินเข้ามาทางเขา ตามด้วยพนักงานแต่ละคนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่และค่อยโค้งให้เขาอย่างเป็นระเบียบ ร่างบางยืนมองภาพนั้นด้วยความประหลาดใจเพราะเหตุใดทำไมทุกคนถึงปฏิบัติกับแจบอมแบบนั้น แจบอมมีอำนาจมากขนาดนั้นเลยหรือยังไง..
“มายืนทำอะไร?” ร่างสูงที่เดินดุ่มเข้ามาในขณะที่เขากำลังเหม่อคิดเรื่องต่างๆนาๆ จินยองสะดุ้งโหย่งเมื่อร่างสูงอยู่ใกล้เขาเกินไปก่อนเท้าบางจะก้าวถอยหลังให้ห่างตัวของแจบอมเล็กน้อย
“ป..เปล่า”
“ต่อไปนี้ไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทแล้วนะ มาทำที่นี่แทน”
“ทำไมครับ?”
“ไม่ต้องถามมาก ฉันสั่งก็แค่ทำตาม”
แจบอมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินผ่านตัวของจินยองเข้าไปด้านในทันที โดยที่ทิ้งให้ร่างบางยืนกัดฟันกรอดด้วยความหมันไส้ นอกจากแจบอมจะงี่เง่าแล้วยังเอาแต่ใจซะเหลือเกิน กำปั้นน้อยๆถูกกำจนแน่นด้วยความคับแค้นใจที่ถูกกระทำเหมือนเขาเป็นทาสชีวิตของแจบอมอย่างไงอย่างงั้น ก่อนที่จะหันหลังไปมองร่างสูงที่เดินดุ่มขึ้นไปที่ชั้นสามของคลับเป็นที่เรียบร้อย สายตากลมโตที่จับจ้องไปที่ระเบียงชั้นสามที่ยืนออกมาเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำของแจบอม มันจะมีทางไหนบ้างที่เขาจะรอดพ้นน้ำมือและอาการไบโพล่าร์ของชายผู้นี้ได้บ้าง
"คิดว่าอยากพูดด้วยตายแหละ น่ารำคาญชะมัด"
(อ่านทอล์คสักนิดจิตแจ่มใส)
__พี่แจบอมโครตเอาแต่ใจเลยฮือออ
แต่มันกร้าวใจใช่ไหมล่าา 555555
__ฝากคอมเมนต์และติดแท็กให้หน่อยน้า
กราเบญจางคประดิษฐ์...
รีเวนจ์บีเนียร์
(รวบน)
hashtag : รวบน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วอีกหน่อยถ้าแพ้ใจตัวเองจะสะใจให้555555
ขอให้ไรท์มาอัพบ่อยๆ ก้อดีใจจะเเย่อยู่เเล้ววค่าา