ตอนที่ 30 : ดวงใจศิขรินทร์ : ตอนที่ 10 --- 70%
"อ้าว แล้วหนูดีตักกุ้งให้พี่มีนทำไมคะ"
"หนูดีแบ่งให้พี่มีนค่ะ หนูดีมีกุ้งเยอะแยะ" เด็กหญิงตอบซื่อๆ แต่ทำเอาคนฟังรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงความมีน้ำใจของคนตัวเล็กที่ยอมแบ่งปันอาหารให้เธอ
"น่ารักจริง ขอบใจนะจ๊ะ" มีนมีนาบอกพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้เด็กหญิงอย่างซึ้งใจ แล้วตักกุ้งตัวอวบขึ้นเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยท่าทีเอร็ดอร่อย ทำเอาคนช่างแบ่งปันยิ้มหวาน ขณะที่ศิขรินทร์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสะท้อนในอกระคนชื่นใจ เมื่อหนูดีดูท่าจะชอบพี่มีนเสียเหลือเกิน ซ้ำหญิงสาวก็เอ็นดูลูกสาวตัวเล็กของเขามิใช่น้อย ซึ่งภาพความสนิทสนมของทั้งคู่ ทำเอาคนที่ห่างจากความรู้สึกเป็นครอบครัวมาเนิ่นนานสะท้อนใจ นึกอยากให้หนูดีได้สัมผัสความรู้สึกของครอบครัวที่แสนอบอุ่นและพร้อมหน้าพร้อมตากันสักครั้ง ติดเสียแต่ว่ามีนมีนาจะพร้อมมีใครหรือยังนี่สิ
หลังจบมื้ออาหาร มีนมีนาและหนูดีเดินตามร่างสูงใหญ่ของศิขรินทร์ไปที่โรงจอดรถของบ้านปถคีรี หลังเด็กหญิงตัวป้อมอาสาช่วยบิดาหิ้วกระเป๋าเอกสารไปส่งที่รถ ซึ่งภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกเหมือนเธอเป็นแม่ที่พาลูกสาวมาส่งพ่อก่อนไปทำงานอย่างไรอย่างนั้นเลย ทำเอาหญิงสาวนึกกระดากอายเสียจนต้องเว้นระยะยืนรออยู่ห่างๆ แทน
“พ่อไปทำงานได้แล้วค่า ไม่ต้องห่วงหนูดี” เด็กหญิงเอ่ยบอกกับคนเป็นบิดาเสียงใส ทำเอาศิขรินทร์หลุดยิ้ม รับคำแต่โดยดี
“ครับผมๆ ไปแล้วครับ”
“ซื้อขนมมาฝากหนูดีกับพี่มีนด้วยนะคะ” คนถูกกล่าวถึงสะดุ้ง เมื่อบิดาของเด็กหญิงเหลือบตาขึ้นมองมายังเธอ และนั่นทำเอามีนมีนาหายใจสะดุด ยามเห็นร่องรอยระยิบในดวงตาพราวแสงคู่นั้นได้ถนัดตา เธอไม่ชอบตอนศิขรินทร์ยิ้มเลยจริงๆ
“ได้เลยครับ เอาขนมอะไรดี”
“หนูดีอยากกินคุ้กกี้ พี่มีนกินอะไรดีคะ” หนูดีหันมาถามเธอ ขณะที่มีนมีนาขยับตัวอย่างเก้กังเมื่อจู่ๆ ก็ถูกดึงเข้าไปร่วมวงสนทนาอย่างไม่ทันตั้งตัว แถมเธอยังรู้สึกประดักประเดิดกับสายตาเมื่อครู่ของเขาไม่หายเลย แต่ก็จำต้องเอ่ยบอกออกไป
“เอ่อ อะไรก็ได้จ้ะ”
“งั้นพ่อเอาเค้กส้มมาให้พี่มีนก็ได้ค่ะ เค้กส้มอร่อย”
“โอเคครับ งั้นพ่อไปทำงานแล้วนะ”
“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ” เด็กหญิงบอกสำทับ ก่อนศิขรินทร์จะก้มลงหอมแก้มป่องฟอดใหญ่ ก่อนหยัดตัวขึ้นยืนตรง แล้วหันมาเอ่ยบอกเธอที่ยืนรออยู่ห่างๆ ทำเอามีนมีนาถึงกับชะงักไป
“ผมไปก่อนนะคุณ”
“ค่ะ” หญิงสาวขานรับอย่างงงๆ ก่อนยื่นมือให้หนูดีที่ขยับเดินเข้ามาหาจับเอาไว้ และยืนรอจนร่างสูงเข้านั่งประจำที่คนขับและเคลื่อนรถกระบะคันใหญ่ออกจากโรงรถของบ้านปถคีรีไปแล้ว เป็นภาพที่หากใครได้บังเอิญมาเห็นเข้าก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสามคนดูเหมือนพ่อแม่ลูกกันก็ไม่ปาน
มีนมีนาพาหนูดีเดินมุ่งหน้าสู่โรงเรียน ตอนที่อากาศยามเช้าเย็นสบาย เห็นไอหมอกสีขาวลอยละล่องเคลียยอดเขาสูง ดูสบายตา สวนกับบรรดาชาวบ้านหลายครัวเรือนที่เดินกลับมาจากการออกไปเก็บพืชผักในยามเช้า หญิงสาวจึงส่งยิ้มทักทายกับชาวบ้านหลายคนอย่างเริ่มคุ้นเคยกันดี พลางเดินพูดคุยกันเสียงเจื้อยแจ้วกับคนตัวเล็กไปตลอดเส้นทาง ทำเอามีนมีนายิ่งตกหลุมรักเด็กหญิงหนูดีเพิ่มมากขึ้นทุกที
หญิงสาวเดินไปส่งหนูดีที่ห้องเรียน เนื่องจากมาไม่ทันเข้าแถวเคารพธงชาติ ก่อนจะถูกคนตัวเล็กเอ่ยออดอ้อน ขอให้มารอรับอีกครั้งในตอนเย็น ซึ่งคนใจอ่อนอย่างมีนมีนาก็ตกปากรับคำออกไปอย่างไม่มีข้อแม้ ทำเอาหนูดีร้องเย้ๆ อย่างดีอกดีใจ
“หนูมีน” มีนมีนาชะงักเท้าที่กำลังมุ่งหน้าเดินไปยังสนามเด็กเล่นที่ใช้เป็นจุดรวมพลในเช้านี้ ก่อนหันไปมองตามเสียงเรียก เห็นป้าคำจันกำลังเดินตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้ากังวลใจ
"สวัสดีค่ะป้าคำจัน"
“หนูมีนเป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก ตอนได้ยินเรื่องจากนาย ป้าเองก็ตกใจแทบแย่” ป้าคำจันเอ่ยบอกพลางจับเนื้อจับตัวมีนมีนาดูอย่างห่วงใย ขณะที่หญิงสาวหลุดยิ้มบางๆ รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ผู้สูงวัยมีให้
“มีนไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะป้า แค่ตกใจนิดหน่อย”
“ป้าขอโทษเน้อเจ้า ป้าไม่คิดว่าไอ้จองมันจะกลับมาและทำร้ายหนูแบบนี้ นี่ลุงแก้วก็โมโหใหญ่ บอกให้ป้ามาดูหนูด้วยตัวเองว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ป้าคำจันกับลุงแก้วไม่ผิดหรอกค่ะ อีกอย่างมีนก็ปลอดภัยดี ไม่ได้เป็นอะไรเลย” มีนมีนาบอกยิ้มๆ ให้ผู้สูงวัยคลายกังวล ทั้งที่ใจไพล่นึกหวาดกลัว หากเธอโชคร้ายกว่านี้ ศิขรินทร์คงมาช่วยเธอไว้ไม่ทัน
“แล้วนี่ป้าคำจันไปไหนมาคะ หรือว่ามาดักรอมีน”
“จ้ะ ป้ามารอเจอหนู” ผู้สูงวัยกว่ารับคำยิ้มๆ แต่สีหน้าและแววตากลับยังไม่คลายความรู้สึกผิดลง “วันนี้ป้าทำข้าวจี่มาฝากหนูด้วยนะ”
“ข้าวจี่หรือคะ” มีนมีนาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ขณะที่ผู้สูงวัยเปิดข้าวจี่ซึ่งห่อไว้ด้วยใบตองสีเขียวเข้มออก เผยให้เห็นข้าวเหนียวสีเหลืองทองที่ออกเกรียมนิดๆ
“จ้ะ ข้าวจี่ทำจากข้าวเหนียวนึ่ง ทาเกลือเล็กน้อย เอาไปย่างไฟอ่อนๆ แล้วก็ชุบไข่”
“หืม ฟังดูน่ากินจังเลยค่ะ” มีนมีนาทำตาโตอย่างสนใจ นั่นยิ่งทำให้สายตาของผู้สูงวัยอ่อนลง ด้วยเพราะเอ็นดูหญิงสาวเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง
"ที่จริงหนูมีนย้ายไปอยู่บ้านนายคามก็ดี ที่นั่นปลอดภัย ถ้าป้าไม่รับหนูมาพักอยู่ด้วยกันแต่แรก หนูก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ลุงแก้วเองเป็นห่วงหนูมาก แต่ก็ไม่กล้ามาสู้หน้า”
“ฮื้อ ไม่เอาแล้วค่ะ เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า" มีนมีนาตัดบท ด้วยไม่อยากให้ป้าคำจันคิดมากไปกว่านี้เพราะถ้าหากเรื่องนี้จะมีคนผิด ก็ต้องเป็นนายจองคนเดียวเท่านั้น
"มีนฝากบอกลุงแก้วด้วยนะคะว่าขอบคุณมากที่เป็นห่วง”
"จ้ะ ไว้ป้าไปเยี่ยมที่บ้านนายนะ เพราะนายคงไม่ให้หนูมีนกลับไปพักที่บ้านป้าอีก"
"ได้สิคะ" มีนมีนาพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนบอก "ไว้มีนจะรอกินของอร่อยๆ นะคะ"
"ได้เลยลูก ไว้ป้าจะทำของอร่อยๆ ไปฝากนะ"
"ค่ะ งั้นเดี๋ยวมีนขอตัวก่อนนะคะ ส่วนข้าวจี่นี่มีนจะกินให้อร่อยเลย”
“จ้ะ” มีนมีนายิ้มและยกมือขึ้นไหว้ลาผู้สูงวัย ก่อนจะออกเดินตรงไปยังจุดรวมพลที่มีบรรดาสมาชิกชาวค่ายนั่งจับกลุ่มรวมกันอยู่ และทันทีที่มีนมีนาก้าวเข้าไปใกล้ ร่างเล็กที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นานก็เดินปรี่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“พี่มีน"
"อ้าว ว่าไงน้ำฝน" มีนมีนาร้องทักเมื่อคนตัวเล็กก้าวเข้ามายืนประชิดตัว ราวกับกลัวว่าใครจะได้ยินบทสนทนาที่ตัวเองกำลังจะเอ่ย
"ฝนเห็นป้าคำจันมาหาพี่มีน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ"
"มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ"
"ใช่เรื่องเดียวกับที่พี่มีนย้ายไปพักที่บ้านคุณคามหรือเปล่า"
"ฝนรู้ได้ยังไง" มีนมีนาเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ พลางหันไปมองหน้ารุ่นน้องที่มองมาอย่างกังวล
"จิ๊บไปเจอคุณคามกับพวกกำลังย้ายของพี่มีนออกจากบ้านป้าคำจันเมื่อเช้าน่ะสิคะ เลยส่งฝนมาถาม เกิดอะไรขึ้นหรือคะ" คนถูกถามเงียบลงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเกริ่นถามขึ้น
"น้ำฝนก็เคยได้ยินมาบ้างใช่ไหมว่าที่นี่เป็นอดีตพื้นที่สีแดง"
"ค่ะ" คนฟังพยักหน้ารับ มีนมีนาจึงเอ่ยบอกอย่างไม่ปิดบัง
"เมื่อคืนมีคนบุกเข้ามาในห้องนอนพี่"
"ห๊า อะไรนะคะ" น้ำฝนอุทานลั่น ทำเอาเพื่อนคนอื่นที่อยู่บริเวณรอบๆ หันมามองอย่างตกใจ เสียจนต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตาเล็กยังเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก
"ตายแล้ว แล้วพี่มีนเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ"
"เปล่าจ้ะ ไม่เป็นไร คุณคามตามไปช่วยไว้ทันน่ะ"
"แล้วรู้ไหมคะว่าใครเป็นคนร้ายน่ะ" น้ำฝนถามก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นแล้วปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยตัวเอง "หรือว่าคนร้าย...มีส่วนเกี่ยวข้องกับป้าคำจัน"
มีนมีนาพยักหน้ารับอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะเอ่ยบอกสั้นๆ
"ลูกชายป้าคำจันน่ะ"
“โอ๊ย ทำไมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้คะเนี่ย ข้อเท้าที่แพลงเพิ่งจะหายดีได้ไม่นาน ดันมาเจอคนร้ายอีก ฝนว่าพี่มีนหาโอกาสทำบุญบ้างก็ดีนะคะ” น้ำฝนแนะนำพลางทำหน้ายุ่งยามนึกถึงเรื่องราวแย่ๆ ที่รุ่นพี่สาวต้องเผชิญทั้งอกหัก ตกต้นไม้ ซ้ำยังมาเจอคนร้ายอีก "เรื่องแบบนี้ไม่ลองไม่รู้นะคะ บางทีผลบุญอาจจะส่งผลให้พี่มีนเจอแต่เรื่องดีๆ คนดีๆ ก็ได้"
"ขอบใจฝนมากนะที่เป็นห่วง" มีนมีนาบอก ขณะที่คนเป็นรุ่นน้องยิ้มรับตาหยี
"แล้วนี่จิ๊บไปไหนเสียล่ะ ทำไมไม่มาด้วยกัน"
"เมื่อกี้ก็เดินอยู่แถวๆ นี้แหละค่ะ สงสัยถูกนายต้นลากตัวไปช่วยพี่ดินขนของแล้วมั้งคะ" น้ำฝนตอบหลังกวาดสายตามองบริเวณโดยรอบแล้ว แต่ไม่เห็นเงาของเพื่อนสนิทที่เดินโฉบไปโฉบมาเมื่อครู่
"งั้นเราเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ ดีกว่า เผื่อมีอะไรให้ช่วย"
"ค่ะ" รุ่นน้องสาวรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งรวมกับคนอื่นๆ ที่นั่งกระจัดกระจายกันอยู่เต็มสนามหญ้า บริเวณใต้ต้นมะปินขนาดใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านกว้างขวางให้ร่มเงา
มีนมีนานั่งจับกลุ่มพูดคุยสนุกสนานอยู่กับพวกรุ่นน้องที่สนิทกันได้ครู่เดียว ประธานค่ายอย่างดินก็เดินกลับเข้ามาพร้อมด้วยรุ่นน้องอีกสองสามคน การประชุมหารือเกี่ยวกับการก่อสร้างห้องสมุดชุมชนเพื่อเป็นอนุสรณ์ประจำรุ่นจึงเริ่มต้นขึ้น
------------------------------
อัพแล้วจ้ะพี่จ๋าาาา ^^
ปามาสัก 15 คอมเมนต์นะคะ เดี๋ยวอัพต่อให้เลยน้าาาา
มารอลุ้นความสัมพันธ์แบบละมุนละไมของ หนุ่มสาว คู่นี้กันค่ะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ๊า อยากทาน ข้าวจี่ร้อนๆ กินหน้าหนาว มองดูหมอก จิบชากาแฟ อย่างฟินเลยคะ
พี่มีนมีคนเป็นห่วงน่าเอ็นดูจริงๆ
สงสัยจังจบค่ายน้องมีนจะได้กลับไหมนะ
หนูดีน่ารักจริงๆ อ้อนให้พี่มีนใจอ่อนไปเลยนะ
มาต่อให้เต็มร้อยเลยค่ะ อาบน้ำรอความละมุนละไม คืนนี้ตามต่อพรุ่งนี้รัวๆเลยค้า