ตอนที่ 27 : ดวงใจศิขรินทร์ : ตอนที่ 9 --- 70%
'มีอะไรหรือเปล่า'
มีนมีนาตีความหมายจากท่าทางของศิขรินทร์ที่เลิกคิ้วสูงมองมาได้แบบนั้น ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วรีบหลบสายตาเขาทันที ท่ามกลางจังหวะการเต้นของหัวใจที่สั่นระรัวขึ้นมาเสียดื้อๆ ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย จนต้องเอ่ยปรามตัวเอง
อย่าเชียวนะเจ้าหัวใจ แผลสดใหม่ยังไม่ทันหายดีเลย
มีนมีนาอยู่ร่วมวงสนทนากับบรรดารุ่นน้องอีกพักใหญ่ ก่อนจะถูกอาการปวดเมื่อยเพราะเดินมาราธอนมาทั้งวันเล่นงาน บวกกับกินบาร์บีคิวเข้าไปหลายไม้เสียจนท้องตึง ทำเอาหนังตาเริ่มหย่อน หญิงสาวจึงเอ่ยขอตัวกลับที่พักก่อน โดยไม่ลืมเดินไปบอกป้าคำจันและสามี กันคนทั้งคู่เป็นห่วง จากนั้นจึงเดินไปหยิบข้าวของที่หลังรถกระบะของศิขรินทร์ แล้วเดินกลับที่พักตามลำพัง โดยมีแสงสว่างจากคบเพลิงหลายสิบอันที่ถูกจัดวางไว้รอบหมู่บ้านนำทาง โดยไม่รู้เลยว่าการหายไปเงียบๆ ของตัวเองจะทำให้ใครบางคนที่หันมามอง แล้วไม่เห็นเธอนั่งอยู่ตรงที่เดิมร้อนใจเพียงใด
"เดี๋ยวเราแยกย้ายกันไปตรวจดูตามจุดที่ตกลงกันไว้ได้เลยนะ ส่วนฉันกับคามจะอยู่ดูแลความเรียบร้อยตรงนี้เอง หากมีอะไรผิดปกติ ให้ส่งสัญญาณเรียกกำลังเสริมได้เลย" ร้อยโทอคินเอ่ยสั่งบรรดาลูกน้องในชุดไปรเวทที่แฝงตัวเป็นชาวบ้านนับสิบนายด้วยท่าทีจริงจัง เมื่อข่าวล่าสุดที่ได้รับมาไม่ค่อยจะดีนัก หลังต้นสังกัดแจ้งมาว่าขบวนการค้ายาเสพติดที่ติดตามอยู่เริ่มเคลื่อนไหวและอาจจะมีการส่งยาล็อตใหญ่ในเร็วๆ นี้ นั่นทำให้ร้อยโทอคินและศิขรินทร์ตื่นตัว ด้วยเพราะมะปินเป็นอดีตพื้นที่สีแดงที่พวกค้ายาใช้เป็นทางผ่านเส้นสำคัญ โดยคาดว่าครั้งนี้พวกมันจะไม่พลาดใช้เส้นทางเดิมอีกแน่นอน
"ฉันว่าแกย้ายคุณมีนออกจากบ้านป้าคำจันเหอะว่ะคาม คืนนี้ไม่น่าไว้ใจ" อคินเอ่ยขึ้นอย่างกังวล เพราะข่าวเกี่ยวกับการปรากฏตัวของจอง เริ่มหนาหูมากขึ้นทุกที
"แกคิดว่าไอ้จองจะกลับมาที่บ้านมันงั้นหรือ"
"ใช่ ฉันมั่นใจว่ายังไงมันก็ต้องกลับมา มะปินเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ถ้ามันจะใช้เส้นทางนี้ มันต้องส่งไอ้จองมาสำรวจเส้นทางก่อนแน่นอน แล้วแกคิดดูนะ ว่าคนที่เราเคยมีบ้าน แล้วมาใกล้บ้านตัวเองเสียขนาดนี้ มันจะไม่แวะไปหรือ อีกอย่าง ฉันคิดว่าเราควรเฝ้าระวังคืนนี้เป็นพิเศษ" ศิขรินทร์ขมวดคิ้วมุ่นด้วยท่าทีเคร่งเครียดอย่างเห็นด้วยในคำพูดของเพื่อน เขาอยากย้ายมีนมีนาออกจากบ้านป้าคำจันเสียเดี๋ยวนี้ แต่ติดตรงที่จะแจ้งเหตุกับเจ้าบ้านทั้งคู่ว่าอย่างไรดี เพื่อไม่ให้กระทบกับความรู้สึกของทั้งคู่ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร
ศิขรินทร์หันไปมองทางกลุ่มของมีนมีนา ทันเห็นท่าทีประหลาดของบรรดาหญิงสาวในวงที่หันไปชี้โบ้ชี้เบ้ไร้ทิศทางอย่างพร้อมเพรียงกัน ราวกับนัดกันไว้ เว้นก็เสียแต่ร่างบางของคนที่อายุมากที่สุดในนั้น มีนมีนาหลบตาเขาไม่ทัน ชายหนุ่มเลยเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามกลับไปเป็นเชิงถาม ก่อนคนตัวเล็กจะสั่นหน้าปฏิเสธ แล้วเบือนหน้าหลบ ถ้าหากศิขรินทร์ตาไม่ฝาด เหมือนเขาจะเห็นริ้วแดงบนแก้มนวลนั่น ซึ่งมันทำให้เขาหายใจสะดุด
"ตกลงแกจะเอายังไง"
เสียงเข้มของอคินดึงความสนใจให้เขาละสายตาหันกลับมามองหน้าเพื่อน คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างคิดไม่ตก
"ถ้าเราย้ายมีนออกมาดื้อๆ โดยไม่มีเหตุผล คงได้ทำคนอื่นแตกตื่นแน่ๆ" ศิขรินทร์บอกอย่างกังวลใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของตัวเองทำคนฟังหูผึ่ง ด้วยเพราะสะดุดกับคำเรียกขานที่ดูสนิทสนมขึ้น
"หืม เรียกมีนแล้วหรือ ลงไปซื้อของด้วยกันวันเดียว เปลี่ยนจากเรียกเด็กนั่นมาเรียกชื่อแบบนี้ คงไม่ธรรมดาซะแล้ว" และแทนที่อคินจะตอบ กลับเอ่ยแซวเสียงกลั้วหัวเราะอย่างถูกใจ เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคาดเดาไว้แต่แรกใกล้จะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเสียทุกที ขณะที่ศิขรินทร์ยังไม่รู้ตัวย้อนถามเพื่อนเสียงอย่างแปลกใจ
"อะไรของแก"
"ไม่เอาน่า แมนๆ หน่อยดิวะ หัดยอมรับความรู้สึกของตัวเองหน่อย"
"เดี๋ยวนะ นี่เราคุยเรื่องอะไรกัน"
"อย่ามากลบเกลื่อนน่ะคาม ฉันรู้หรอกว่าแกรู้สึกอะไรกับคุณมีน ชอบก็ยอมรับว่าชอบสิ" ศิขรินทร์ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อคำพูดของอคินบอกให้รู้ว่า เขาประมาทความเป็นเพื่อนของนายตำรวจหนุ่มน้อยเกินไป จึงแค่นเสียงว่า ด้วยเพราะไม่รู้จะพูดว่าอะไรที่จะสามารถสื่อถึงความรู้สึกได้ดีไปกว่านั้น
"รู้ดี" ร้อยโทอคินหัวเราะร่า เพราะคำพูดนั้นไม่ต่างอะไรจากการที่นายใหญ่ของมะปิน 'ยอมรับ'
"ฉันเป็นเพื่อนแกนี่ ไม่ให้รู้ดีเรื่องแก จะให้รู้ดีเรื่องใคร"
"เออ" ศิขรินทร์กระแทกเสียงใส่หน้าคนขี้โอ่ที่ยังยิ้มขบขัน ก่อนหันไปกลับไปมองวงสนทนาของบรรดาสาวๆ อีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วฉับ เมื่อไร้เงาร่างบางที่เคยนั่งอยู่ตรงนั้น มีนมีนาหายไปไหน!
"เฮ้ย คุณมีนกลับไปบ้านพักแล้วเหรอ" อคินที่หันไปมองตามอุทานอย่างตกใจไม่แพ้กัน ด้วยกังวลว่ามีนมีนาจะกลับไปที่บ้านพักตามลำพัง ชายหนุ่มจึงหันมองหาชายหญิงสูงวัย ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ทันได้เห็นว่าทั้งคู่ยังนั่งร่วมวงสนทนาอยู่กับชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
"ป้าคำจันกับลุงแก้วยังนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่เลย"
ศิขรินทร์ร้อนใจ คราแรกเขาลังเลในการยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง เพื่อย้ายมีนมีนาออกมาจากที่นั่น แต่นาทีนี้ เขาไม่สนแล้วว่าเหตุผลที่จะใช้เหมาะสมหรือไม่อย่างไร รู้แค่ว่า คืนนี้ เขาต้องย้ายมีนมีนาออกมาจากที่นั่นให้ได้ เพราะเพียงแค่นึกถึงตอนที่หญิงสาวต้องเจอกับตัวอันตรายที่ไม่เคยมีสามัญสำนึกใดๆ อย่างจอง เขาก็แทบทนไม่ได้แล้ว
"เดี๋ยวฉันไปดูมีนเอง แกอยู่ดูแลตรงนี้แหละ"
"ได้ เดี๋ยวฉันดูตรงนี้ให้เอง แกรีบไปดูคุณมีนเถอะ" อคินพยักหน้ารับอย่างตกลง ก่อนร่างสูงของศิขรินทร์จะรีบจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ในนาทีที่วิทยุสื่อสารเครื่องเล็กในมือของนายตำรวจหนุ่มส่งเสียงดังแซ่ดๆ รายงานความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ซึ่งทำเอาใบหน้าคร้ามคมเรียบตึง ครั้นเขาจะร้องเรียกเพื่อนก็ไม่ทันแล้ว เพราะศิขรินทร์เดินกึ่งวิ่งลับหายเข้าไปในความมืดอีกทาง อคินหันมองไปรอบตัวเล็กน้อย เห็นทีว่าเขาจะต้องหาคนมายืนดูแลความเรียบร้อยแทนเสียแล้ว
ร่างบางในชุดเสื้อยืดตัวหลวมโพรกกับกางเกงผ้าขาสั้นทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นภายในห้องพักอย่างง่ายๆ บนศีรษะหมาดน้ำถูกคลุมไว้ด้วยผ้าเช็ดผมผืนเล็ก หลังใช้เวลาภายในห้องน้ำราวยี่สิบนาที เพื่ออาบน้ำ สระผม เสียจนทั้งตัวและผมหอมฟุ้งไปหมด
มือบางที่ออกซีดเล็กน้อยยกขึ้นจับผ้าผืนเล็กพร้อมกับออกแรงยีเส้นผมยาวยุ่งของตัวเองเบาๆ ขณะที่อีกมือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ขึ้นมาเปิดเล่นคั่นเวลา พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับข้อความล่าสุดที่ถูกส่งเข้ามา
'พี่จะไม่ทำให้มีนรำคาญใจอีก แต่พี่ขออย่างเดียวได้ไหม...อย่าเกลียดพี่เลย'
มีนมีนาอ่านข้อความที่ถูกส่งมาจากอดีตคนรักด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ผิดหวัง ดีใจ หรือเสียใจกันแน่ แต่ที่รู้ๆ โล่งอก นั่นเป็นความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้ชัดเจนที่สุด เพราะอย่างน้อยทศเทพก็พูดรู้เรื่องกว่าอนามิกามากนัก และเธอมั่นใจว่าต่อจากนี้อดีตคนรักจะไม่วอแวเธออีก
หญิงสาวกดปิดโทรศัพท์มือถือ แล้วเสือกมันวางไว้ตรงมุมหนึ่ง ก่อนหันมาจริงจังกับการเช็ดผมหมาดน้ำให้แห้งสนิท ด้วยเพราะรู้สึกง่วงงุนเสียจนอยากล้มตัวลงนอนพักผ่อนเต็มทีแล้ว หลังจากเดินตะลอนๆ มาตลอดทั้งวัน และในที่สุดมีนมีนาก็พ่ายแพ้ต่อความเมื่อยขบและอ่อนเพลีย หญิงสาวตัดสินใจละมือจากการเช็ดผม แล้วหยิบผ้าผืนเล็กที่ชื้นไปด้วยน้ำ นำไปตากที่มุมหน้าต่าง
ร่างบางหันกลับมาจัดการปูฟูกนอนและปิดสวิตซ์ไฟที่ตรงมุมประตู จนทั้งห้องตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงสลัวจากแสงจันทร์และแสงไฟจากคบเพลิงที่ตั้งกระจายอยู่โดยรอบส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างเท่านั้น
มีนมีนาล้มตัวลงนอน แล้วพริ้มตาหลับลงด้วยความเหนื่อยล้า ท่ามกลางความเงียบสงัดที่มีเพียงเสียงหรีดริ่งเรไรร้องกันระงม แทรกด้วยเสียงเฮฮาของบรรดาชาวค่ายที่ดังลอยลมแทรกมาเป็นระยะๆ ครู่เดียวร่างบางที่นอนหลับอยู่เพียงลำพังก็เริ่มผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอยามที่อาการเหนื่อยล้าดึงสติของหญิงสาวให้จมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์
กึก
มีนมีนาที่กำลังจะเคลิ้มหลับสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าประหลาดดังขึ้น โดยที่ตัวเธอมั่นใจว่าไม่ใช่เสียงฝีเท้าของป้าคำจันและลุงแก้วแน่นอน เพราะเจ้าของเสียงนั้นเดินวนไปมารอบบ้านเหมือนกับหาอะไรบางอย่าง นาทีนั้นแหละที่ความกลัวแล่นขึ้นมาจับหัวใจ
ใครกัน!
-------------------------------------------
มาแล้วจ้ะ มาแล้วจ้าาาา มีใครรอไหมคะ
มาลุ้นกันนน ว่าใครบุกหาพี่มีนนนนนนน มาเอาใจช่วยพี่มีนกันค่ะ
ถ้าอ่านแล้วชอบ แล้วใช่ ฝากเรียกเพื่อนมาอ่านด้วยนะค้าา 5555
คืนนี้จะถึง 19 คอมเมนต์ไหมคะ ถ้าถึงเดี๋ยวมาต่อให้เลยยยย
ถ้าลานีนหลับก่อน เจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะ แหะๆๆ
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ และกำลังใจที่ส่งมาให้กันนะค้าาาา
ตอนนี้สามารถจองเล่มกับทางสนพ.สถาพรได้แล้วนะคะ อย่าลืมอุดหนุนกันนนน ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอโทษนะคะ แต่คือรู้สึกว่าไม่โอละ ท่านห่วงความรู้สึกของบุคคลที่ 3 มากกว่าความปลอดภัยของคนที่อยู่ในโอกาสเสี่ยงอันตราย แล้วท่านก็มาเป็นพระเอกตอนท้าย คือมันแบบ ถ้าช่วยไม่ทันจะทำไง ถ้าลูกสาวตัวเองก็จะยอมให้เจอแบบนี้เหรอ
ไรท์์์์์
รอ นะ
มาอัพต่อ ด่วนๆ
นั่นดิ ใครกัน ลุ้นเลย
ตื่นเต้นๆ ตกใจแทนน้องมีน น้องมีนจะเป็นไรหรือเปล่าๆ
ค้าง. ...รอ
มารอลุ้นด้วยคนค่ะ
จองกลับบ้าน
สาวเจ้าเอย รู้หรือไม่ การไปอยู่ต่างถิ่นแบบนั้น อันตรายมีรอบด้าน ส่วนใหญ่ชาวค่ายเราจะนอนรวมกันไม่แยกย้ายไปนอนรวมกับชาวบ้านนะคะ แค่แยกชายหญิง เท่านั้น ห้ามไว้ใจทางเด็ดขาด
รอๆๆๆ. มาต่อเร็วๆนะคะ????????
มาเลยค่ะรีบมาช่วยมีนเลย รออยู่ค่ะ
ไรท์ขาาาาา ขอ 100% พลีสสสสสสสสสสสสสสสส
คนดีหรือคนร้ายกันที่บุกมา ค้างงงงงง