ตอนที่ 16 : ดวงใจศิขรินทร์ : ตอนที่ 5 --- 100%
"น้ำค่ะพี่มีน" มีนมีนาละมือจากการทาสีกำแพงตรงหน้าหันไปมองน้ำฝนที่ถือแก้วใส่น้ำเย็นเฉียบมาให้ หญิงสาววางแปรงทาสีในมือลงพร้อมกับยื่นมือออกไปรับ
"ขอบใจจ้ะ"
"ส่วนหมวกนี่ มีคนฝากมาให้ค่ะ" น้ำฝนบอก แล้วถอดหมวกปีกกว้างที่สวมอยู่ออกมายื่นให้รุ่นพี่ที่ทำหน้างง
"ใคร"
"คนที่พี่มีนก็รู้ว่าใครค่ะ" รุ่นน้องสาวตอบยิ้มๆ ขยับยื่นหมวกให้รุ่นพี่อีกนิด ขณะที่มีนมีนาเอ่ยเดาขึ้น
"ติวหรือ"
"ถูกต้องนะค้า" น้ำฝนยิ้มกว้าง ขณะที่มีนมีนารับหมวกไปสวมเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ แม้จะไม่ค่อยถูกจริตสักเท่าไหร่นัก ด้วยเพราะชอบทำงานกลางแจ้งที่ไม่ต้องมีสิ่งบดบังสายตาเสียมากกว่า
"นายติวไม่เป็นอันจะทาสี เอาแต่ชะเง้อคอมองพี่มีน" น้ำฝนบอกคล้ายฟ้อง ทำเอามีนมีนายิ้มน้อยๆ ให้กับกิริยาน่ารักของติว ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับได้ย้อนไปในช่วงมหาวิทยาลัยอย่างไรอย่างนั้น
"จริงๆ พี่ทากันแดดมาแล้วน่ะ แต่ก็ฝากขอบใจติวด้วยนะที่เป็นห่วง" หญิงสาวบอกพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นดื่มดับกระหายจนหมดแก้ว แล้วจึงยื่นส่งคืนให้น้ำฝน
"อีกหนึ่งชั่วโมงพักกินข้าวนะคะพี่มีน เดี๋ยวฝนมาเรียก" น้ำฝน ซึ่งวันนี้ทำงานอยู่ในฝ่ายโรงครัวเอ่ยบอกกำหนดการคร่าวๆ เสียงเจื้อยแจ้ว
"ได้จ้ะ"
"งั้นฝนไปก่อนนะคะ ไปช่วยป้าๆ เขาหั่นผักก่อน"
"จ้ะ" มีนมีนาพยักหน้า ก่อนรุ่นน้องจะเดินกลับไปยังสนามหญ้าหน้าโรงเรียน ซึ่งเป็นจุดตั้งโรงครัวชั่วคราว ที่หอบเอาข้าวของมาทำกันสดๆ ที่นี่
มีนมีนาจดจ่อกับงานตรงหน้าต่อด้วยท่าทีคร่ำเคร่งและคล่องแคล่ว ด้วยเพราะเคยผ่านการทำงานทำนองนี้มาก่อน เมื่อครั้งตอนเรียนและไปออกค่ายอาสา หญิงสาวจึงทำมันออกมาได้ดี จนรุ่นน้องผู้ชายเอ่ยชมไม่หยุดปากตอนที่พักรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนแยกย้ายกันทำงานต่อในช่วงบ่ายจนกระทั่งเย็น งานทาสีอาคารเรียนก็เสร็จเรียบร้อยลง ทุกคนจึงร่วมถ่ายภาพบริเวณด้านหน้าอาคารเรียนไว้เป็นที่ระลึก เป็นอันว่าจบกิจกรรมไปอีกหนึ่งวัน
"พี่มีน ไปปาร์ตี้กินมะม่วงกันก่อนไหมคะ ป้าคำเอื้อง ทำน้ำจิ้มมะม่วงมาเลี้ยง น่ากินมากเลยค่ะ"
"ไม่ดีกว่าจ้ะ เดี๋ยวพี่ขอตัวเลยดีกว่า"
"จะกลับเลยหรือคะ"
"จ้ะ ว่าจะไปโทรศัพท์หน่อย" มีนมีนาเอ่ยตอบอย่างตัดสินใจดีแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที คู่สนทนาที่เธอตั้งใจจะพูดคุยด้วยคงจะเลิกงานกันแล้วทั้งคู่ ไม่ว่าอย่างไร เธอก็จะต้องจบปัญหาหัวใจที่คาราคาซังภายในวันนี้ให้ได้
"งั้นพี่ไปก่อนนะ" หญิงสาวตัดบท ก่อนจะผละออกมา แล้วเดินไปตามถนนเส้นเล็ก เพื่อไปยังจุดใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือที่อยู่ห่างออกไป
มีนมีนาใช้เวลาขณะที่กำลังเดินอยู่กับตัวเองเงียบๆ ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา เพื่อค้นหาข้อสรุปที่ต้องการ ก่อนพบคำตอบเดิม นั่นคือการเลิกราและปล่อยทั้งคู่ไป เพราะแผลใจที่เธอได้รับ ไม่สามารถเยียวยาได้จริงๆ เธอไม่อาจกลับมาไว้ใจคนทั้งคู่ได้แบบเดิมอีกแล้ว
มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขสิบหลักที่จำได้ขึ้นใจ แล้วกดโทรออกทันทีโดยไม่ลังเลแม้สักนาที รอเพียงครู่เดียว ปลายสายก็กดรับอย่างรวดเร็ว ก่อนเสียงทุ้มใหญ่อันแสนคุ้นเคยจะดังขึ้นอย่างดีใจ
"มีน มีนจริงๆ ด้วย มีนยอมโทรกลับหาพี่แล้ว"
"สวัสดีค่ะพี่ทศ" มีนมีนากรอกเสียงลงไปเรียบๆ ไร้ความรู้สึกยินดียินร้าย หากเป็นก่อนหน้านี้เธอคงยินดีมาก เมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนเพราะเป็นห่วงเป็นใยจากเขา แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ หลังจากที่เขาทำร้ายความรู้สึกเธอ
"พี่คิดว่ามีนจะไม่ยอมโทรกลับหาพี่ซะแล้ว"
"มีนอยากคุยกับพี่ทศให้รู้เรื่อง"
"ได้สิครับ ได้สิ" ทศเทพตอบรับเสียงร้อนรน "เดี๋ยวมีนถือสายรอแป๊บนะ พี่ขอหาที่จอดรถก่อน พอดีพี่เพิ่งจะออกมาจากบริษัท"
"ค่ะ" มีนมีนารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนสายจะถูกตัดเข้าสู่บริการรอสาย หญิงสาวจึงทรุดนั่งลงบนขอนไม้ที่ใช้เป็นที่นั่งชมวิวภูเขาละลานตา ก่อนตัดสินใจกดโทรออกหาสายที่เหลือ
"...." มีนมีนาก้มมองโทรศัพท์มือถือเล็กน้อย เพื่อพบว่ามันถูกกดรับสายแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงร้องทักกลับมา เธอจึงกรอกเสียงลงไปอย่างเสียไม่ได้
"นี่ฉันเองนะ ฉันอยากจะคุยกับเธอให้รู้เรื่อง มีเวลาคุยกันสักนิดไหม"
"อือ" อนามิกาตอบรับกลับมาเสียงห้วนสั้น แต่กลับสามารถสั่นคลอนความรู้สึกเจ็บปวดของมีนมีนาได้เป็นอย่างดี นี่หรือเพื่อนที่เคยสนิทสนมกัน
มีนมีนาจัดการประชุมทั้งสองสายเข้าด้วยกัน เพราะอยากจะเคลียร์ทุกอย่างให้จบลง
"มีน ขอโทษที่นานไปหน่อยนะครับ พี่หาที่จอดรถไม่ได้ เลยต้องแวะปั๊ม" ทศเทพกรอกเสียงมาตามสายอย่างรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เธอรอสายนานร่วมห้านาที ในขณะที่ผู้ร่วมสายอีกคนยังคงเงียบ ไม่เอ่ยอะไรใดๆ ออกมา
"เข้าเรื่องเลยนะคะ"
"ครับ" ทศเทพตอบรับเสียงอ่อนด้วยเพราะรู้ว่าเธอจะเอ่ยถึงเรื่องอะไร
"มีนอยากให้เราจบกันจริงๆ ต่อให้ฐานะพี่น้อง มีนก็ให้พี่ทศไม่ได้"
"มีน มีนฟังพี่ก่อนได้ไหม พี่อธิบายได้"
"พี่ทศจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะจูบกับแอ้มหรือคะ มันเป็นอุบัติหรือ" มีนมีนาย้อนถามเสียงเรียบ แต่กลับปวดร้าวไปทั้งหัวใจ ยามต้องพูดถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้นที่เธอเห็นมันด้วยตาตัวเอง
"มีนเชื่อในสิ่งที่มีนเห็นกับตาและได้ยินกับหูตัวเอง"
"พี่ขอโทษครับ มันเป็นอารมณ์เกเรของผู้ชายน่ะมีน พี่รักมีนคนเดียวนะ"
"รักยายมีน แต่เกลียดแอ้มหรือไง!" มีนมีนาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ยามได้ยินเสียงอนามิกาสวนแว้ดขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด
"แอ้ม!" ทศเทพครางเรียกชื่ออนามิกาเสียงแผ่วอย่างตกใจ คาดไม่ถึงว่ามีนมีนาจะประชุมสายโทรศัพท์แบบนี้
"พี่ทศพูดแบบนี้ได้ยังไงคะ ไหนว่าแค่สงสารยายมีนไง ทำไมถึงมาบอกรักมันแบบนี้" อนามิกาโวยวายด้วยอารมณ์เดือดปุด หลังจากเงียบฟังทศเทพสนทนากับมีนมีนามาตั้งแต่ต้น และพบว่าทศเทพยังอาลัยอาวรณ์มีนมีนาอยู่เต็มหัวใจ
"พี่ทศไม่มีสิทธิ์บอกรักมันด้วยซ้ำ แอ้มมาก่อน แอ้มเป็นของพี่ทศก่อนยายมีน และพี่ทศก็เป็นของแอ้มมานานแล้ว"
"แอ้ม"
"ฉันได้เขา ก่อนที่เขาจะมาเจอเธอด้วยซ้ำ" อนามิกากระแทกเสียงว่าเย้ยหยัน แบบที่มีนมีนาเดาสีหน้าบิดเบ้ของอดีตเพื่อนสนิทได้โดยไม่ต้องเห็นด้วยตา มันคงจะเต็มไปด้วยความรู้สึกจงชังมากทีเดียว
"เธอหมายความว่ายังไงที่บอกว่าพี่ทศเป็นของเธอแต่แรก" มีนมีนากลั้นใจถามอย่างอยากรู้ อย่างน้อยๆ ก่อนความสัมพันธ์จะจบลง เธอควรรู้ความจริงทุกอย่าง
"ฉันกับพี่ทศมีอะไรกันตั้งแต่วันรับน้องที่ระยอง ก่อนเขาจะมาเจอเธอในคืนเฟรชชี่ไนต์ยังไงล่ะ" มีนมีนากระพริบตาปริบๆ ไล่น้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาอย่างเสียใจ ก่อนความทรงจำเก่าๆ จะไหลวนกลับเข้ามาในความคิด
เธอรู้จักกับทศเทพครั้งแรกตอนงานเฟรชชี่ไนต์ ผ่านการแนะนำของรุ่นพี่ที่สนิทกัน ก่อนการพบกันครั้งนั้นจะพัฒนาขึ้นเป็นคนรักที่พ่อและแม่เธอไว้ใจ ถึงขั้นฝากชีวิตเธอกับเขา
"พี่ทศคบกับมีน ทั้งที่รู้ว่ามีนเป็นเพื่อนกับแอ้มงั้นหรือคะ"
"เปล่า พี่มารู้ทีหลัง" ทศเทพบอกเสียงอ่อนอย่างรู้สึกผิด นั่นยิ่งทำให้คนฟังผิดหวัง
"รู้แต่ก็ไม่บอกมีนหรือคะ" มีนมีนาคาดคั้น ขณะที่ทศเทพเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
"พี่ไม่ได้ตั้งใจจะสานความสัมพันธ์กับแอ้มแต่แรก" เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเห็นแก่ตัวออกมาจากปากของผู้ชายที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นคนรักของเธอมาโดยตลอด และประโยคนั้นทำเอาคนที่คิดว่าตัวเองเป็นต่อมาตลอดแทบบ้า
"นี่พี่ทศ พี่ทศพูดแบบนี้ได้ยังไง! แอ้มเป็นเมียพี่ทศนะ"
"พี่ทศบอกว่าไม่ตั้งใจ แต่ก็แอบคบกันลับหลังมีนมาตลอด"
"มีน" ทศเทพเรียกชื่อคนรักเสียงแผ่ว ราวกับรู้ว่าไม่สามารถยื้อความสัมพันธ์ไว้ได้
"พี่ทศทำกับมีนแบบนี้ได้ยังไง ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ทำไมไม่บอกมีนแต่ต้นล่ะคะ ทำไมต้องทำดี ให้พ่อกับแม่มีนเชื่อใจด้วย ทำไมต้องหลอกทุกคน" มีนมีนาต่อว่าอดีตคนรักอย่างผิดหวังสุดหัวใจ ไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายเธอได้ขนาดนี้
"พี่ขอโทษเรื่องแอ้ม แต่ที่พี่รักมีน พี่ไม่ได้โกหก" ทศเทพบอกเสียงหนักแน่น แต่ใครจะเชื่อ ซึ่งประโยคทำเอาอนามิกาแทบจะสติหลุด
"แล้วแอ้มล่ะ! พี่ทศบอกรักยายมีน แล้วแอ้มล่ะ"
"พี่ทศจะรักผู้หญิงพร้อมกันสองคนไม่ได้" มีนมีนาตัดบทเสียงเบา ขณะที่ทศเทพยังดึงดันไม่เลิก
"แต่พี่รักมีน"
"เราจบกันเถอะนะคะ นับแต่นี้ต่อไปอย่าได้มีเยื่อใยต่อกันอีก ไม่ว่าจะด้วยฐานะใดก็ตาม จะไปรักกันที่ไหนก็เชิญ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับมีนอีกก็พอ ขอให้เรื่องทั้งหมดจบลงในวันนี้ อย่าทำร้ายความรู้สึกมีนอีกต่อไปเลย"
"มีน แต่พี่อธิบายได้นะ"
"อย่าพูดแบบนั้นนะพี่ทศ แอ้มหัวโด่อยู่นี่ทั้งคน อย่าไปแสดงความรู้สึกรักยายมีนให้แอ้มได้ยินนะ"
"อย่าเพิ่งแทรกน่ะแอ้ม" ทศเทพติงเสียงดุอย่างไม่พอใจ
"จะไม่ให้แอ้มพูดแทรกได้ยังไง แอ้มก็เป็นคนรักของพี่ทศน่ะ"
"แอ้ม!"
ติ๊ด
มีนมีนากดวางสายอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะไม่สามารถทนฟังเสียงทศเทพและอนามิกาโต้เถียงกันอีกต่อไปได้
ดวงตากลมท้นไปด้วยหยดน้ำตา จนทำให้ภาพวิวทิวทัศน์ยามพลบค่ำตรงหน้าพร่าเลือน ครู่เดียว หยดน้ำตาอุ่นก็กลิ้งหลุนๆ ลงมาตามสองแก้ม พร้อมด้วยความรู้สึกปวดหน่วงไปทั่วทั้งหัวใจ
มีนมีนาปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนจะฟุบหน้าลงบนหัวเข่าที่ชันขึ้นมากอดไว้ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างเสียใจ
จบสิ้นกันแล้วสินะ ความรักครั้งสำคัญของเธอ
ร่างบางเงยหน้าเปรอน้ำตาขึ้นมาอีกครั้งหลังร้องไห้จนพอใจ ตอนที่พระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะลาลับเหลี่ยมเขา เห็นเพียงแสงสีส้มเข้มส่องประกายอยู่ไกลลิบๆ ขณะที่บรรยากาศรอบตัวปกคลุมไปด้วยความมืดสลัว หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาจากตรงนั้น แต่แล้วก็แทบจะหวีดร้องอย่างตกใจ เมื่อหันมาเจอเข้ากับร่างสูงใหญ่ในชุดสุภาพที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
"คือผม…" ศิขรินทร์เอ่ยขึ้นเสียงอึกอักเล็กน้อย นั่นเป็นสัญญาณบอกให้มีนมีนารู้ว่าเขาได้ยินเรื่องราวความรักที่จบไม่สวยของเธอหมดแล้ว
หญิงสาวช้อนสายตาช้ำๆ ขึ้นมองเขาเล็กน้อย
"ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาแอบฟัง พอดีผมเพิ่งกลับมาจากในเมือง เห็นมีคนนั่งอยู่ในที่มืดๆ เลยเดินมาดู ไม่ได้ตั้งใจจะมาก้าวก่ายนะ" ชายหนุ่มอธิบายเสียงเรียบ เพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์ ซึ่งอันที่จริง เขาจะถอยไปตั้งแต่ตอนที่ได้ยินหญิงสาวต่อว่าอดีตคนรักที่คบซ้อนแล้วก็ได้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขายอมเสียมารยาท
"ผม…"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับสักเท่าไหร่"
"งั้นหรือ" ศิขรินทร์เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามอย่างไม่เชื่อ ดวงตาแดงก่ำเสียขนาดนั้น น่าจะเสียใจมากอยู่
"ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ ป่านนี้ป้าคำจันคงรอแย่แล้ว" มีนมีนาบอกพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ ก่อนศิขรินทร์จะเอ่ยขึ้น
"งั้นเดินไปพร้อมกันก็ได้ ผมต้องเดินผ่านทางนั้นพอดี"
"ค่ะ" หญิงสาวพยักหน้า อย่างไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านั้น ก่อนเขาจะผายมือเชื้อเชิญให้เธอออกเดินนำ มีนมีนาจึงก้าวเดินเคียงไปกับศิขรินทร์อย่างเสียไม่ได้ ท่ามกลางความเงียบระหว่างกันเพราะไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาสักคำ
มีนมีนาเงยหน้าขึ้นมองแสงสุดท้ายบนท้องฟ้าขณะกำลังเดินกลับบ้านพัก และภาวนา ขอให้ความรักของเธอหายไปพร้อมแสงของวันนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้เธอจะเป็นคนใหม่เต็มตัวซะที
--------------------------------------------
กลับมาแล้วค้าาาาาาาาาาาาาาาาา
คิดถึงนักอ่านที่สุดดด หายไปปิดต้นฉบับมาค่ะ ปิดได้แล้ว
จะกลับมาอัพให้ได้อ่านกันทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์เลยค่ะ
อย่าลืมส่งกำลังใจกันเข้ามาเยอะๆ ด้วยนะค้าาา
หากคืนนี้มีคอมเมนต์เกิน 10 คอมเมนต์ เดี๋ยวมาอัพต่อให้เลยจ้าาา
เกียมทุบกระปุกหมูด้วยนะคะ ปลายปีนี้เจอกันแน่นอนนน
หอบเอาใจอุ่น ไปนอนดูหมอก ดูดาวที่มะปินกันนะคะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ต้องรู้สึกดีที่รอดมาได้ซิคะ
ไรท์กลับมาแล้วววววววว
แสงของวันใหม่เหมาะกับการเริ่มต้นใหม่นะมีน ทำใจได้เร็วก็ไม่เรื้อรัง เชื่อสิ
เขามาป๊ะกันแล้ว เน้อ
ไรท์มาแล้ว. อยากไปเข้าค่ายที่บ้านมะปินจัง รอ อีบุ๊คนะคะ