ตอนที่ 14 : ดวงใจศิขรินทร์ : ตอนที่ 5 --- 30%
ตอนที่ 5
เสียงก็อกแก็กที่ดังออกมาจากห้องครัว ซึ่งอยู่ชั้นล่าง ปลุกร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนขนาดหกฟุต ให้ขยับตัวตื่นอย่างเคยชิน ด้วยเพราะอยากใช้เวลาในตอนเช้ากับลูกสาวตัวน้อยให้ได้มากที่สุด แถมวันนี้เขายังมีสอนนักศึกษาตอนสิบนาฬิกาอีกด้วย
ศิขรินทร์ก้าวลงจากเตียงนอนโดยไม่อิดออดในตอนที่บรรยากาศด้านนอกยังคงมืดสลัว ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นบิดไล่ความเมื่อยขบเล็กน้อย ก่อนลงมือจัดการเก็บเตียงนอนด้วยตัวเอง หลังจากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำไป เพื่อจัดการธุระส่วนตัว จนเสร็จเรียบร้อย และกลับออกมาในชุดสุภาพอย่างเสื้อเชิ้ตสีอ่อนและกางเกงสแลกเนื้อดี ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มที่เขาเลือกใช้สำหรับการทำงานในฐานะอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัด ด้วยเพราะเป็นการให้เกียรติในอาชีพและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บรรดานักศึกษา
มือใหญ่หยิบเอกสารที่ตระเตรียมไว้สำหรับคลาสบรรยายสามชั่วโมงลงกระเป๋าเอกสาร ก่อนเปิดประตูออกไป ตอนที่เข็มสั้นและเข็มยาวบนหน้าปัดนาฬิกาตรงข้อมือ ชี้บอกเวลาหกนาฬิกาพอดิบพอดี ร่างสูงเดินตรงไปยังห้องนอนของลูกสาว ยกมือเคาะสองสามครั้ง แล้วจึงจับลูกบิดประตู เปิดเข้าไปอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งสวมถุงเท้าอยู่ตรงปลายเตียง
"ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังเลย" เขาร้องทักพร้อมกับเดินเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังสวมใส่ถุงเท้าด้วยตัวเองอย่างขมักเขม้น
"คิตตี้มาปลุกค่ะ มันมาร้องเมี้ยวๆ ตั้งแต่ตีห้า"
"นี่อย่าบอกนะว่าหนูดีตื่นนอนพร้อมป้าเหมยน่ะ" ศิขรินทร์ขึงตาดุ ขณะที่หนูดีฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักอย่างไม่สะทกสะท้าน
"ทำไมตื่นเช้าขนาดนั้นล่ะลูก เดี๋ยวก็ไปนั่งสัปหงกง่วงนอนที่โรงเรียนหรอก ถ้าครูจอยตีขึ้นมา จะมาฟ้องพ่อไม่ได้นะ"
"ครูจอยไม่ตีหรอกค่ะ ครูจอยใจดี" หนูดีบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ "อีกอย่างหนูดีก็ตั้งใจเรียน เรียนเก่งด้วย ครูจอยไม่ตีเด็กดี"
"จ้า แม่คนเก่ง" ศิขรินทร์แค่นเสียงว่าอย่างไม่จริงจังนัก แต่ทำเอาคนตัวเล็กยิ้มกว้างเสียจนตายิบหยีอย่างถูกใจ เพราะคำว่า 'แม่คนเก่ง' ฟังอย่างไรก็ดูเป็นคำชมชัดๆ
"นี่แมวใครเนี่ย ถ้าเจ้าของไม่ลงมา ลุงจะจับกินแล้วนะ" สองพ่อลูกมองหน้ากันยามที่เสียงห้าวตะโกนก้องขึ้นมาจากชั้นล่าง
"ลุงอคินมาแล้วค่ะ"
"งั้นหนูดีลงไปหวีผมข้างล่างก็ได้ เดี๋ยวพ่อผูกผมให้"
"ค่ะ" เด็กหญิงพยักหน้ารับ พร้อมผุดลุกขึ้นยืนหลังสวมถุงเท้าเสร็จเรียบร้อย ขณะที่คนเป็นบิดาขยับไปหยิบกระเป๋านักเรียนลายการ์ตูนที่วางอยู่มาถือไว้ แล้วจับจูงกันเดินลงไปยังชั้นล่างที่มีแขกพิเศษนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"สวัสดีค่าลุงอคิน" หนูดีส่งเสียงเจื้อยแจ้วยามเห็นร้อยโทอคินฉีกยิ้มกว้างมาให้
"สวัสดีค่ะคนสวย ไหน มาให้ลุงหอมแก้มทีสิ" คนตัวโตเอ่ยบอกพร้อมกับอ้าแขนกว้างให้คนตัวเล็ก ที่เดินเตาะแตะเข้าไปหาอ้อมกอดของผู้เป็นลุงอย่างไม่รังเกียจรังงอน
"ฮึ่ย แก้มหอมจังเลย" อคินว่าพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มอิ่มของเด็กหญิงฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว ทำเอาหนูดีหัวเราะคิกคักอย่างจั๊กจี้ ร่างสูงจึงผละออกเล็กน้อย แต่ยังกอดคนตัวป้อมไว้หลวมๆ
"เมื่อกี้ลุงเห็นสมาชิกใหม่ด้วย ไปเอามาจากไหนฮึ"
"ที่โรงเรียนค่ะ คิตตี้ถูกแม่มันกัด หนูดีเลยช่วยมา" หนูดีตอบเสียงแจ้วๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าคิตตี้เดินส่งเสียงร้องเมี้ยวๆ ออกมาจากห้องครัว
"นั่นไงคะ มาพอดี"
"แล้วแบบนี้ลุงจะไม่กลายเป็นหมาหัวเน่าหรือ หนูดีจะรักเจ้าคิตตี้มากกว่าหรือเปล่า" อคินแสร้งตัดพ้อ ขณะที่หนูดียกมือมือขึ้น จีบนิ้วชี้กับนิ้วโป้งชิดกันประกอบคำพูด
"นิดหนึ่งค่ะ"
"รักมากกว่านิดหนึ่งหรือ"
"น้อยกว่านิดหนึ่งค่ะ" หนูดีตอบพร้อมกับหัวเราะคิก เมื่อถูกอคินจัดการฟัดแก้มอิ่มอีกรอบ ขณะที่ศิขรินทร์ยืนมองภาพเพื่อนกับลูกสาวอย่างนึกขัน เพราะอคินมักจะมีท่าทีอ่อนโยนเวลาที่อยู่กับหนูดีเสมอ ผิดกับเวลายืนอยู่หน้าลูกน้องตอนสั่งงานลิบลับ
"เอาอะไรดี ชาหรือกาแฟ" เจ้าบ้านร่างสูงเอ่ยถามเพื่อน ตอนที่อีกฝ่ายปล่อยลูกสาวตัวน้อยของเขาออกจากอ้อมแขน
"กาแฟดีกว่า น้ำตาลช้อนหนึ่ง"
"ใส่น้ำตาลด้วยเหรอ"
"อือ รู้สึกร่างกายขาดน้ำตาล เพลียๆ เบลอๆ" อคินตอบพร้อมกับยกมือขึ้นบีบท้ายทอยประกอบคำพูด ศิขรินทร์จึงเดินไปตรงมุมห้อง ซึ่งมีกาน้ำร้อนและกระปุกกาแฟที่ป้าเหมยเตรียมไว้ให้ตั้งอยู่ แล้วลงมือชงกาแฟให้เพื่อน ครู่เดียวกาแฟคั่วบดสูตรมะปินก็ส่งกลิ่นหอมกรุ่น
"อะ กาแฟดำ น้ำตาลหนึ่งช้อน"
"ขอบใจ" อคินบอกพร้อมกับรับแก้วกาแฟไปจิบ ขณะที่ศิขรินทร์ชงกาแฟดำสำหรับตัวเอง เสร็จแล้วจึงหันมาสนทนากับเพื่อน
"ไปทำอะไรมาวะ ร่างกายถึงขาดน้ำตาล"
"ช่วงนี้นอนดึก งานเยอะ" คนถามเลิกคิ้วมองเพื่อนเล็กน้อยอย่างแปลกใจ
"ทำไม มีความเคลื่อนไหวอะไรหรือ"
"มีสายส่งข่าวมาว่าเห็นไอ้จองที่กาดเมืองเหนือเมื่อวานนี้ ทางหน่วยเลยเรียกประชุมด่วน" คิ้วเข้มของคนฟังขมวดคิ้วฉับ
"หมายความว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวงั้นหรือ"
"อือ และเหมือนจะงานใหญ่ เพราะทางหน่วยคาดว่าพวกมันจะใช้เส้นทางผ่านมะปินในการลำเลียงของ"
"ทั้งที่ทหารเข้าออกที่นี่ตลอดน่ะนะ"
"ใช่ อารมณ์แบบที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดนั่นแหละ" อคินอธิบายเสียงเนิบนาบ จิบกาแฟไปพลาง มองร่างเล็กของหนูดีที่กำลังเล่นกับเจ้าคิตตี้ไปพลางอย่างเอ็นดูในตัวหลานสาว
"ฉันคาดว่าเร็วๆ นี้ ไอ้จองจะกลับมาที่นี่"
ศิขรินทร์ไม่สบายใจ ยามได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อน แต่ก็ไม่นึกสงสัย เพราะรู้เหตุผลดี จองเป็นคนพื้นที่ ที่เกิดและเติบโตที่มะปินมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ทุกซอกทุกมุมของมะปินเป็นอย่างดี นั่นทำให้เขานึกห่วงยายเด็กขี้เมาที่จับผลัดจับผลูไปพักที่บ้านป้าคำจันขึ้นมาจับใจ ด้วยกังวลว่าวันดีคืนดี ไม่แน่จองอาจกลับมาที่บ้าน
"แล้วเราจะทำยังไง เด็กนั่นพักอยู่ที่นั่น"
"ย้ายบ้านพักได้ไหม" อคินเสนอ แต่ศิขรินทร์เงียบ ด้วยเพราะลำบากใจ เนื่องจากป้าคำจัน มารดาของจองไม่ได้ทำอะไรผิด หากให้มีนมีนาย้ายออกมาตอนนี้ พานจะทำให้ชาวค่ายคนอื่นแตกตื่นกันเสียเปล่าๆ
"ถ้าย้ายไม่ได้ ก็ต้องจัดเวรยามให้เข้มงวดขึ้นอีก"
"งั้นฉันฝากแกจัดการหน่อยละกัน เดี๋ยวตอนเย็นจะมาคุยด้วย" ศิขรินทร์ฝากฝังเพื่อนอย่างเป็นห่วง เขาอยากคุยธุระกับเพื่อน แต่ก็ไม่สามารถยกเลิกชั้นเรียนที่มีนักศึกษารออยู่เป็นจำนวนมากได้
"ได้ เดี๋ยวฉันจัดการให้" อคินพยักหน้ารับคำ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ป้าแม่บ้านเดินออกมาจากห้องครัว เขาจึงหันไปทักทายอย่างคุ้นเคย
"สวัสดีครับป้าเหมย"
"สวัสดีค่าคุณอคิน กินข้าวเช้าด้วยกันเลยนะคะ วันนี้ป้าทำข้าวต้มหมูสับร้อนๆ" ป้าเหมยเอ่ยตอบอย่างใจดี ขณะที่คนตัวเล็กรีบผละจากแมวตัวนอนที่นอนเคลียคลออยู่บนพื้น ส่งเสียงแจ้วๆ
"หนูดีชอบกินข้าวต้มหมู"
"ได้เลยจ้ะ แต่หนูดีต้องไปล้างมือก่อนนะจ๊ะ"
"ได้ค่า" เด็กหญิงรับคำอย่างเชื่อฟัง ก่อนเดินกึ่งวิ่งเข้าไปล้างมือในห้องครัว แล้วกลับออกมานั่งจุมปุ๊กบนเก้าอี้ที่มีชามกระเบื้องบรรจุข้าวต้มกลิ่นหอมฉุยตั้งรออยู่ก่อนแล้วอย่างเชื่อฟัง
"มานี่ เดี๋ยวลุงคนให้" อคินเสนอพร้อมกับหยิบชามข้าวต้มของเด็กหญิงไป แล้วใช้ช้อนช่วยคนข้าวต้มเบาๆ เพื่อคลายความร้อนที่ยังลอยกรุ่น ขณะที่ศิขรินทร์วางแก้วกาแฟ แล้วหยิบหวีและยางรัดผมขยับไปยืนข้างหลังลูกสาว
"ขณะรอข้าวต้มเย็น เดี๋ยวพ่อมัดผมให้นะ"
"ค่า" เด็กหญิงตอบเสียงใสอย่างไม่เรื่องมาก แต่คนเป็นพ่อยังซักถามต่อ
"เอาจุกเดียวหรือสองจุกดี"
"อะไรก็ได้ค่ะ"
"งั้นมัดแกละเนอะ น่ารักดี"
"ค่ะ" หนูดีพยักหน้า ศิขรินทร์จึงลงมือหวีผมของลูกสาวอย่างเบามือ และบรรจงมัดผมแกละให้ลูกสาวอย่างพิถีพิถัน ครู่เดียวก็วางหวีลง
"เสร็จแล้ว" เขาเอ่ยบอก ก่อนเลื่อนเก้าอี้ออก เพื่อนั่งลงข้างลูกสาว ขณะที่หนูดียกมือขึ้นจับผมแกละของตัวเอง ก่อนย่นคิ้วยุ่ง
"พ่อขา ผมมันไม่เท่ากันนี่คะ"
-------------------------------------------
อัพแล้วค่าาาา ขอกำลังใจรัวๆ ด้วยนะค้าาา
เล่มนี้ ปลายปีนี้ได้อ่านกันแน่นอนจ้าาา เข้าฟีลปลายฝนต้นหนาวพอดีเลยยย
เตรียมทุบกระปุกหมูกันได้เลยจ้าาาา ^^
อย่าลืมคอมเมนต์ โหวต ส่งกำลังใจให้กันสักนิดนะคะ ^^
ฝากผลงานด้วยนะค้าาาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณพ่อมีลูกสาวก็ต้องทำผมเป็นนะ
ว่าแต่ ผมไม่เท่ากัน คุณแกะมัดใหม่เลยค่ะ
เป็นคุณพ่อที่น่ารักฟมากๆ
ชอบจังค่ะ เด่วเอาช้างไปลากอีบุ๊คค่ะ ออกมาไวๆนะคะ