ตอนที่ 31 : ใจแค้น แสนรัก : ตอนที่ 10 --- 100%
“ลลิส แกจะมานั่งเอื่อยเฉื่อยแบบนี้ไม่ได้นะ” เสียงเนตรกมลดังแจ้วๆ เมื่อเพื่อนสาวอย่างลลิสายังคงนั่งอยู่ภายในห้องชุดของตัวเอง และไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนใดๆ ทั้งที่เลยเวลานัดลองชุดแต่งงานมาได้ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว ร้อนจนเธอ ต้องวางมือจากงานอย่างเสียไม่ได้ เมื่อลลิสาไม่ยอมออกจากร้านไปสักที ยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือพลางจิบกาแฟอยู่อย่างนั้น
“แกมีนัดกับคุณไปป์นะ มัวมานั่งใจเย็นอยู่ได้” ดีไซเนอร์สาวต่อว่าอย่างพอรู้ว่าเพื่อนมักเบี้ยวนัดของคู่หมั้นหนุ่มอยู่เสมอ จนใจเธอเอนเอียงไปเชียร์ฝ่ายนั้นอยู่บ่อยๆ เพราะได้ข่าวมาว่าธิติต้องจัดการเรื่องงานแต่งงานเพียงลำพัง โดยที่คนเป็นว่าที่เจ้าสาวไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก
“ ป่านนี้เขาคงนั่งไม่ติด เพราะกลัวว่าแกจะเบี้ยวนัดอีกแล้วแน่ๆ”
“ก็แกไม่ยอมไปกับฉัน”
“นี่มันวันถ่ายพรีเวดดิ้งที่ควรมีแค่คู่บ่าวสาวไหมยะ แกจะลากฉันไปเป็นกอขอคอทำไม” เนตรกมลร้องถาม คิ้วสวยซึ่งถูกทาด้วยมาสคาร่าสีน้ำตาลขมวดมุ่นอย่างออกงง
“ก็ฉันไม่อยากไปกับเขาตามลำพัง” ลลิสาตอบ “ไม่รู้ล่ะ ฉันจะนั่งรอจนกว่าแกจะยอมไปด้วยกัน ปล่อยให้เด็กนั่นนั่งรออยู่อย่างนั้นแหละ ฉันไม่แคร์”
“ใจดำ” เนตรกมลต่อว่า พร้อมกับมองค้อนเพื่อนปะหลับปะเหลือก ทำเอาคนใจดำหน้าตึง
“แล้วตกลงแกจะไปกับฉันไหม หรือจะให้ไปป์นั่งรอจนร้านปิด เพราะถ้าแกไม่ไป ฉันก็ไม่ไป” ลลิสายื่นข้อเสนอ ด้วยเพราะประหม่าเกินกว่าจะกล้าไปคนเดียว เธอยังไม่คุ้นเคยกับเขาในแบบคนรักนัก จะให้ไปบิ้วอารมณ์ยืนกอดรัดประหนึ่งคู่รักหวานแหววได้ยังไง
“โอ๊ย ฉันละเกลียดนิสัยดื้อแพ่งของแกจริงๆ เชียว” เนตรกมลตีหน้ายุ่ง เมื่อถูกเพื่อนไล่ต้อนจนมุม ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพื่อนสนิทลลิสา แต่เธอก็แอบเชียร์ธิติอยู่นิดหน่อย เพราะเชื่อว่าสองคนนี้จะกลับรักกันได้ มีแต่แม่เพื่อนสาวตัวดีนั่นแหละที่ถูกเส้นผมบังภูเขาไว้ทั้งลูกจนไม่เห็นอะไร
“ลุกสิยะ ป่านนี้คุณไปป์นั่งรอเหงือกแห้งแล้ว”
“ช่างสิ เหงือกเขานี่ไม่ใช่เหงือกฉัน”
“อย่ามาเล่นลิ้น ลุกขึ้นเร็วๆ เลย” เนตรกมลเร่ง ก่อนจะเดินนำออกไปก่อนอย่างไม่ทันใจ โดยมีลิสาเดินทอดน่องตามไปอย่างไม่รีบร้อน
สองสาวเพื่อนสนิทมาถึงสถานที่นัดหมาย ซึ่งเป็นร้านเวดดิ้งสตูดิโอแบบครบวงจร ทั้งรับจัดงานแต่งงาน รับถ่ายภาพทั้งในและนอกสถานที่โดยทีมงานมืออาชีพ รับตัดเสื้อผ้าทั้งชุดสูทและชุดราตรีหลากหลายแบบ เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้รับบริการแบบครบครันทุกอย่าง
ตัวร้านเป็นตึกเดี่ยวสามชั้นสีขาวสะอาด ตั้งอยู่ริมถนนสายธุรกิจ ด้านหน้าเป็นลานจอดรถและสนามหญ้าเล็กๆ มีมุมนั่งเล่นชิลล์ๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดี่ยวสีเขียวชอุ่ม
ลลิสาจอดรถโฟล์กสวาเกนบีเทิลสีแดงของตัวเองเคียงข้างรถบีเอ็มดับบลิวของธิติ ถัดไปเป็นโฟล์กสวาเกนสีเขียวตุ่นสะดุดตา จนเผลอจ้องมองนิ่งนาน พลันภาพความทรงจำในวันวานเมื่อครั้งเคยเห็นผู้หญิงที่ธิติชอบขับรถยนต์รุ่นนี้ก็แวบเข้ามา แล้วก็นึกขอโทษฝ่ายนั้นในใจ เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยทำตัวไร้ค่า ตามอาละวาดอีกฝ่ายอย่างน่าเกลียด
“เธอชื่อพีชสินะ” ศิชาและฬิกาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีแดงเบอกันดี้ที่ปิดมิดชิดถึงลำคอแต่กลับเว้าด้านหลังแบบเปิดเปลือยอย่างงุนงง ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงบาร์นั่น
“ค่ะ ฉันเอง” ศิชารับคำพลางมองหน้าคนที่ยืนคลึงแก้วทรงสูงที่บรรจุแอลกอฮอล์สีสวยในมือด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามอย่างแน่ใจว่าไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ เพราะการที่ศิชาถูกเดินชนที่หัวหินคงไม่เรียกว่าการรู้จักหรอก
“เธอรู้จักไปป์หรือเปล่า ธิติน่ะ ผู้ชายคนที่ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีนั่นน่ะ” ศิชามองตรงไปที่ธิติ ซึ่งเขาเองก็กำลังมองมาตรงโต๊ะที่เธอกับฬิกานั่งอยู่ด้วยแววตาที่แปลกออกไป เพราะเขาทำท่าเหมือนอยากจะกระโจนลงจากเวทีทั้งที่ยังร้องเพลงไม่จบ
“รู้จักสิ ทำไม..”
ซ่า!
ศิชายังพูดไม่ทันจบแอลกอฮอล์ในแก้วที่อีกฝ่ายถือมาก็ถูกสาดใส่หน้าศิชาเต็มแรง จนเปียกปอนไปหมด ท่ามกลางสายตา
ซึ่งผู้หญิงร้ายกาจก็คือเธอ
“นี่ ไม่ลงหรือไง” เนตรกมลสะกิดแขนเพื่อนที่นั่งนิ่งไปนาน ไม่ยอมเปิดประตูลงไปสักที และนั่นเป็นการช่วยเรียกสติของลลิสาที่นั่งเหม่อลอยให้หวนกลับมา
“ลงสิ” หญิงสาวพยักหน้ารับ รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว ก่อนผลักประตูเปิดแล้วก้าวลงไปอย่างรวดเร็ว
“สตูดิโอที่นี่สวยเนอะ” เนตรกมลที่ก้าวตามลงมาเอ่ยบอก ขณะที่ลลิสากวาดตามองแล้วส่งเสียงรับในลำคออย่างเห็นด้วย
“ฉันว่าเรารีบไปเถอะ รีบๆ ลองชุดจะได้รีบกลับ” หญิงสาวเร่งเพื่อนด้วยการเดินนำไปก่อน จนเนตรกมลต้องรีบสาวเท้าเดินตาม
“แกจะรีบไปไหนยะ นี่ลองชุดแต่งงานนะเว้ย จะทำส่งๆ ได้ยังไง อย่างน้อยๆ ก็ต้องลองแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุดสักนิด”
“ฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก แค่ลองสวมก็พอแล้ว”
“แหม แล้วการที่แกไปนั่งที่ร้านฉันตั้งนาน นั่นเรียกไม่มีเวลาเหรอ” เนตรกมลค่อนขอด จนลลิสาต้องหันมาเท้าสะเอวมอง
“นี่แกเป็นเพื่อนใครกันแน่”
“เพื่อนแกสิ”
“ถ้าแกเป็นเพื่อนฉันก็หยุดแสดงท่าทีเข้าข้างเขาซะที” ลลิสาบอก แล้วสะบัดหน้าพรืดเดินนำลิ่วๆ ก่อนปลายเท้าในรองเท้าส้นสูงแบบเปลือยจะหยุดชะงัก เมื่อสายตากลมที่มองทะลุบานกระจกเข้าไป เห็นว่าที่เจ้าบ่าวอย่างธิติกำลังนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับหญิงสาวหน้าใส ที่ฉีกยิ้มกว้างเคล้าหัวเราะอย่างร่าเริง
“แกหยุดเดินทำไมยะ” เนตรกมลที่เดินตามมาร้องถามอย่างสงสัย เมื่อจู่ๆ ลลิสาก็หยุดเดินกะทันหัน ก่อนจะชะเง้อมองตามสายตาของเพื่อนไป
“นั่นมันคุณพีชนี่” คนเป็นเพื่อนอุทานตาโต จำได้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าคือภรรยาคนสวยของผู้บริหารเมธตระกูลทวี ผู้หญิงเก่งที่ครั้งหนึ่งที่ธิติชอบและลลิสาคนเก่าเคยมีเรื่องอาละวาดใส่
“กลับเถอะ” ลลิสาบอก แล้วหมุนตัวเตรียมเดินกลับไปที่รถ แต่ถูกเนตรกมลคว้าแขนไว้ แม้ลลิสาจะคอยห้ามตัวเอง ไม่ให้เผลอใจไปกับธิติ ซึ่งก็ถือว่าเธอทำได้ดีพอสมควร เพราะเลือกปฏิบัติกับเขา ไม่เปิดใจให้อีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่ก็อดยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่าภาพความสนิทสนมของสองหนุ่มสาวตรงหน้าทำให้ใจเธอกระตุกเสียเจ็บหนึบ เพราะความรู้สึกอิจฉาในความเป็นกันเองที่ธิติมีให้ศิชา เขาไม่เคยยิ้มทั้งปากและตาแบบนั้นกับเธอ
“กลับทำไม แกมีนัดลองชุดแต่งงานนะยะ”
“ฉันไม่อยากลองแล้ว” ลลิสาบอกทื่อๆ พลางเหลือบมองเข้าไปในร้าน เห็นศิชายกสูทสีสวยขึ้นทาบลำตัวแบบบาง แล้วหมุนตัวให้ธิติช่วยดูให้ด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ได้รักเขาเหมือนเคยและไม่ได้แคร์อะไรเขานัก แต่ลลิสาก็ไม่สามารถทนเห็นว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองใส่เสื้อผ้าที่ภรรยาคนอื่นเลือกให้ในวันแต่งงานไดั
“มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิด เขาอาจแค่บังเอิญเจอกัน”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ไม่อยากลองชุดแต่งงานแล้วเท่านั้น” ลลิสาโกหก แล้วพยายามเบี่ยงหน้าหนีภาพบาดตา เพราะดูเหมือนว่าการได้พูดคุยกับคนที่ชอบจะทำให้ธิติมีความสุขเสียเหลือเกิน ผิดกันกับตอนอยู่กับเธอนัก
“แกควรเข้าไป แล้วถามในสิ่งที่อยากรู้ไปเลยว่าคุณไปป์มาอยู่ที่นี่กับคุณพีชได้ยังไง ไม่ใช่คิดเอาเองนะยะ”
“ฉันไม่ได้คิดอะไร ก็แค่ไม่อยากเข้าไป” ลลิสายังคงยืนกรานปฏิเสธ เธอไม่อยากทำอะไรเลยในตอนนี้
“งั้นแกก็ควรโทรบอกคุณไปป์สักหน่อย”
“ไม่ล่ะ เขาจะได้มีเวลาคุยกันนานๆ” ลลิสาบอกแล้วหมุนตัวเดินก้าวฉับๆ กลับไปที่รถ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่บ่งบอกอารมณ์ แต่คนเป็นเพื่อนสนิทอย่างเนตรกมลรู้ดีและพอจะเดาได้ว่าลลิสาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่เป็นปกตินักหรอก ดังนั้นตัวเธอเองจึงทำได้แค่เดินตามเพื่อนไปขึ้นรถ ปล่อยให้นัดของธิติเป็นโมฆะไปโดยปริยาย ทั้งที่มาถึงสถานที่นัดหมายแล้วแท้ๆ
“แล้วนี่เจ้าสาวเรายังไม่มาอีกเหรอไปป์ มันเริ่มเย็นแล้วนะเนี่ย” ศิชาที่นั่งรอให้พนักงานของทางร้านแก้เสื้อสูทเอ่ยถามรุ่นน้องหนุ่มที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมมาได้ร่วมสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของลลิสาเลย
“คงไม่มาแล้วมั้งครับ”
ธิติตอบด้วยความรู้สึกผิดหวังลึกๆ ในอก สุดท้ายลลิสาก็เบี้ยวนัดของเขาอีกจนได้
“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้”
“ก็คงต้องเลื่อนไปก่อนน่ะครับ” เขาตอบง่ายๆ ขณะที่คิดวุ่นวายไปหมด ด้วยเพราะกำหนดงานที่ใกล้เข้ามาทุกที่แล้ว แต่เรื่องสำคัญอย่างเช่นการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งและเลือกชุดที่จะใช้ในงานยังคงไม่เรียบร้อย เนื่องด้วยไม่ได้รับความร่วมมือจากว่าที่เจ้าสาวอย่างลลิสาเลย
“แต่กำหนดการณ์ใกล้เข้ามาแล้วนะ อีกสองอาทิตย์เอง พี่ว่าไปป์อาจจะต้องบอกให้คุณลลิสหยุดงานสักวัน” ศิชาเสนออย่างเป็นห่วง ยิ่งเห็นสีหน้าหม่นแสงของธิติแล้วก็ยิ่งไม่วางใจ
“เขาไม่ฟังผมหรอก”
“ไปป์ก็ลองพูดดูก่อนสิ” หญิงสาวย้ำเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานของร้านนำถุงกระดาษใบใหญ่ บรรจุเสื้อสูทของสามีมาให้พอดี ธิติจึงถือโอกาสเลื่อนนัดออกไป โดยไม่มีกำหนด ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกมาจากเวดดิ้งสตูดิโอพร้อมกัน
“แล้วนี่พี่พีชจะกลับยังไงครับ ให้ผมไปส่งไหม”
“พี่เอารถมาน่ะ” ศิชาตอบพลางชูกุญแจรถโฟล์กคันเก่งในมือให้ธิติดู ก่อนบอกกำชับ “ส่วนไปป์ก็อย่าลืมไปคุยกับคุณลลิสให้รู้เรื่องล่ะ ปล่อยให้ความรู้สึกคาราคาซังแบบนี้ไม่ดีเลย”
“ครับ” ธิติรับคำไปอย่างนั้น ไม่รับปากศิชาหรอกว่าจะกลับไปคุยกับลลิสาให้รู้เรื่อง ในเมื่อฝ่ายนั้นพยายามต่อต้านเขาอยู่ทุกทาง
ชายหนุ่มยืนรอส่งคนเป็นรุ่นพี่ จนกระทั่งหญิงสาวขับรถออกไปลับตา จึงหันมาก้าวขึ้นรถยนต์ส่วนตัวของตัวเอง แล้วขับมุ่งหน้าสู่สถานบันเทิงที่ไหนสักแห่ง แทนที่จะเป็นเพนต์เฮาส์ส่วนตัว เพราะอยากให้อารมณ์ผิดหวังเพราะเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ของตัวเองเย็นลงกว่านี้ เขาไม่อยากกลับบ้านไปมีปากเสียงกับลลิสาที่คงชักแม่น้ำทั้งห้ามาอ้างเพื่อให้เหตุผลของการเบี้ยวนัด ซึ่งหากสนทนากันด้วยอารมณ์ก็รังแต่จะทำใความสัมพันธ์ที่ไม่กระเตื้องแย่ลงอีก ซึ่งธิติไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น
----------------------------------------
มาอัพแล้วจ้า ^^
ใครชอบงานหน่วงละมุน อย่าลืมกดเฟฟกันด้วยนะคะ
อย่าลืมคอมเมนต์ โหวต เป็นกำลังใจให้ลานีนสักนิดนะคะ
ฝากผลงานเรื่องอื่นๆ ด้วยจ้า
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่น่ายาก แค่พระเอกแสดงออกว่ายังรัก และชัดเจนทั้งการะทำและคำพูด นางเอกมองเห็นตัวเองในอดีตว่าทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญ เปิดใจลองให้โอกาสและปรับปรุงตัว แค่พูดกันตรงๆ แต่ในเรื่องมีแต่คิดไปเองคนเดียว คนนึงบุกโดยไม่พูด อีกคนก็กลัวเจ็บ เรื่องวนอยู่ที่เดิม
ติดตามทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ขอพักก่อนออกเล่มเมื่อไหร่ค่อยว่ากันนะคะ
เริ่มต้นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่หลังนี่เริ่มน่าเบื่อ วนอยู่ที่เดิม ไปป์อารมณ์เดิม ปัญหาเดิม ลลิสาก็ปัญหาเดิม เหตุการณ์เดิมๆ ไม่ไปไหนสักที
ปล รอติดตามนะคะ ปีนึงมา 2 บท เห้อตามจนท้อใจ
เริ่มเข้าใจไปป์ แล้วว่าทำไม่เมื่อก่อนไม่ชอบนาง นางแยอะ เกินไป เข้าใจว่านางเคยเจ็บปวด แต่เพราะนางทำตัว ไม่น่ารัก ให้ผู้ชายรำคาญ
ทำไมเรื่องมันวนๆไปแบบนี้ล่ะคะ #แต่ยังไงก็จะรออ่าน^^
ลลิสยังฝังใจเรื่องพีชอ่ะนะ สู้ๆนะไปป์
อยากบอกผู้เขียนตามตรงว่า
เริ่มต้นเรื่อง น่าสนใจมากค่ะ
แต่อ่านไปเรื่อย ๆ
กลับอึดอัด ตอนนี้เริ่มเบื่อแล้ว
เรื่องดราม่าน่ะ เรารับได้นะคะ
แต่เนื้อเรื่องที่เนือย ๆ
อึมครึม ไม่ไปไหน
วนเวียนอยู่กับความคิด และการกระทำเดิม ๆ
มันไม่น่าติดตามน่ะค่ะ
ขอพักเรื่องนี้ไว้ก่อน
สักพักจะกลับมาอ่านใหม่นะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
คนอื่นอาจจะไม่ชอบลลิส แต่เราเห็นใจนางนะ นางคงรู้สึกไม่มั่นใจว่าไปป์รักจริงไหม พยายามป้องกันใจตนเองไม่ให้เจ็บอีก น่าสงสารนางนะอยากรักก็ไม่ได้ เลิกรักก็ไม่ได้
หน่วงๆจังสงสารอีไปป์
โโอ๊ยยยย ลลิสทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ
พยาน โปรดรีบแถลงคะ
อยากอ่านทุกวัน