ตอนที่ 18 : ใจแค้น แสนรัก : ตอนที่ 6 --- 70%
“แล้วเรื่องเอกสารการประชุม...”
“เรียบร้อยดีค่ะ” พิมพ์กมลเอ่ยบอกก่อนที่ลลิสาจะพูดจบ ผู้บริหารสาวจึงยิ้มน้อยๆ ส่งให้อย่างพึงพอใจให้กับความรับผิดชอบของพนักงานรุ่นพี่ พลางพลิกนาฬิกาตรงข้อมือขึ้นดู
“เหลือเวลาอีกเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะประชุม เดี๋ยวยังไง ลลิสขอนั่งจิบชากับตรวจงานรอก่อนละกันนะคะ”
“ได้เลยค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปสแตนด์บายรอที่ห้องประชุมเลยนะคะ” พิมพ์กมลบอกอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะขอตัวเดินออกไปเพื่อจัดเตรียมเอกสารและห้องให้พร้อมสำหรับการประชุมที่จะเริ่มขึ้น
ขณะที่ลลิสายกแก้วชารสหอมขึ้นจิบอีกครั้งอย่างติดใจ ก่อนวางลง แล้วหันไปจับเมาส์แบบไร้สายคลิกไปมา โดยที่ดวงตาสวยจดจ้องอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตรงหน้า เพื่อไล่อ่านทบทวนรายละเอียดของงานก่อนเข้าห้องประชุมอีกรอบอย่างตั้งใจ ด้วยเพราะลลิสาคาดหวังกับงานชิ้นนี้ไว้มากและไม่อยากให้งานส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากผู้ร่วมดูแลโปรเจ็กฝั่งเดอะแกรนด์วรรักษ์คือธิติ ผู้ซึ่งมีอายุการทำงานน้อยกว่าเธอ เธอจึงต้องศึกษางานอย่างหนักเพราะไม่อยากให้เขามาว่าเอาได้
การประชุมโปรเจ็กก่อสร้างวรวรารีสอร์ตของลลิสากับทีมผู้รับผิดชอบ เสร็จสิ้นลงตอนสิบเอ็ดนาฬิกาตรงเป๊ะพร้อมด้วยเนื้องานที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก แบบที่หญิงสาวมั่นใจว่าจะนำไปเข้าร่วมประชุมกับคนของทางโรงแรมเดอะแกรนด์วรรักษ์ได้อย่างไม่อาย
ลลิสากลับมานั่งประจำเก้าอี้ภายในห้องทำงานของตัวเองอีกครั้ง หลังลงไปทานข้าวกลางวันที่ภัตตาคารของโรงแรมร่วมกับทีมผู้รับผิดชอบเสร็จเรียบร้อย จึงกลับขึ้นมาเคลียร์งานที่ยังคงวางคั่งค้างอยู่เต็มโต๊ะ โดยเริ่มจากการหยิบแฟ้มเอกสารใกล้มือไปเปิดอ่านแฟ้มแล้วแฟ้มเล่า พร้อมกับลงลายเซ็นมือเป็นระวิงไปหมด ซึ่งกว่าหญิงสาวจะอ่านงานแฟ้มสุดท้ายเสร็จก็กินเวลาร่วมสองชั่วโมง ก่อนจะเปลี่ยนไปเช็กข้อความอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกส่งเข้ามากว่ายี่สิบข้อความ เธอจึงต้องมานั่งอ่านและทยอยตอบกลับไปทีละข้อความๆ จนครบ มารู้ตัวอีกทีตอนเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาฝาผนังที่ชี้บอกเวลาสิบห้านาฬิกาแล้ว
ก๊อก ก๊อก
“เชิญค่ะ” ลลิสาส่งเสียงตอบรับออกไปพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แบบโซฟาเพื่อผ่อนคลาย ก่อนประตูกระจกบานทึบจะถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างผอมสูงของพิมพ์กมลที่ถือถาดบรรจุแก้วและจานขนมเดินเข้ามา
“พี่เห็นคุณลลิสเงียบไปเลยหลังประชุม เลยเอาชากับขนมมาเสิร์ฟเติมพลังให้ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ” ลลิสายิ้มรับบางๆ ขณะที่เลขานุการสาวหยิบแก้วชาและถาดขนมวางลงตรงหน้า เป็นจังหวะเดียวกันกับที่โทรศัพท์มือถือของลลิสาที่วางอยู่ใกล้กันสว่างวาบขึ้น แสดงรายชื่อคนโทรเข้าหราบนหน้าจอ ดึงความสนใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหลือบตามองอย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นแล้วเพ่งมองชื่อนั้นอย่างประหลาดใจ ‘คนบ้า’
“คุณลลิสคะ มีสายเข้าค่ะ” พิมพ์กมลร้องบอกเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์มือถือของเจ้านายกดปิดเสียงไว้ เรียกให้ลลิสาซึ่งกำลังยกแก้วชาขึ้นจิบเอื้อมมือออกมาหยิบมันขึ้นไปดู แล้ววางลงตามเดิมอย่างไม่คิดใส่ใจ
“อ้าว ไม่รับหรือคะ”
“คนบ้าน่ะค่ะ สงสัยจะโทรผิดอีกแล้ว” ลลิสาตอบพลางปรายตามองหน้าจอมือถือที่ยังคงสว่างวาบอยู่เนืองๆ เพราะดูท่าว่าปลายสายจะไม่ยอมกดวางง่ายๆ และยังกดโทรเข้ามาอย่างไม่ลดละ
“สงสัยว่าคนบ้าคนนี่จะโรคจิตน่าดูเลยนะคะ ดูสิโทรซะรัวเลย”
“มั้งคะ” ลลิสาตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนตัดความสนใจของเลขาฯ ประจำตัวด้วยการหันไปเปิดแฟ้มงานที่วางอยู่ใกล้มือเพื่อตัดบทอย่างแนบเนียน จนอีกฝ่ายที่เสร็จธุระแล้วแต่ยังคงยืนนิ่งอยู่เอ่ยขึ้น
“งั้นเชิญคุณลลิสทำงานต่อเถอะค่ะ พิมพ์ขอตัวไปทำงานก่อน”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ ก่อนที่พิมพ์กมลจะหมุนตัวเดินออกไป พร้อมๆ กับหน้าจอมือถือของลลิสาดับลงและสว่างขึ้นอีกครั้งในแบบสั้นๆ จนเธอที่ทำท่าว่าจะไม่สนใจอยู่แล้ว อดเอื้อมมือไปหยิบมาเปิดดูอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้
นิ้วเรียวปัดผ่านข้อความที่แจ้งเตือนถึงจำนวนสายที่ไม่ได้รับเจ็ดสายอย่างไม่สนใจ ก่อนกดเปิดข้อความที่ถูกส่งเข้ามา แล้วกวาดสายตาอ่านเร็วๆ
‘ผมรู้ว่าบ่ายนี้คุณว่าง ไปดูของชำร่วยกัน ผมกำลังจะเข้าไปรับ’
หือ? ลลิสาอุทานในใจ หลังอ่านข้อความทื่อๆ แกมบังคับจบ ก่อนคิดหาทางหนีวุ่นวาย ด้วยเพราะเธอยังไม่อยากเจอหน้าธิติในตอนนี้ พอคิดได้ดังนั้นนิ้วเรียวก็กดปุ่มหมายเลขของ ‘คนบ้า’ ที่เซฟเผื่อไว้เพื่อต่อสายกลับไป และฝ่ายนั้นก็กดรับแทบจะทันที
“ผมใกล้จะถึงแล้ว คุณลงมารอที่ล็อบบีได้เลย”
“ฉันไม่ว่าง”
“อะไรนะ” ธิติอุทานเสียงขุ่น “ทำไมถึงไม่ว่าง ผมโทรเช็กตารางคุณเมื่อเช้า ไม่เห็นว่าเลขาคุณจะบอกนี่ว่ามีงานตอนบ่าย”
“ฉันไม่มีงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าว่างนี่” ลลิสาตอบปัดๆ ด้วยเพราะไม่อยากออกไปกับเขาตามลำพัง
“แต่ผมจะชวนคุณไปดูของชำร่วยที่จะใช้ในงานแต่ง ไม่คิดจะว่างหน่อยเหรอ”
“คุณไม่ได้นัดก่อน จู่ๆ ก็โทรมา”
“แปลว่าคุณมีนัดแล้ว” ธิติร้องถาม เปิดโอกาสนให้ลลิสาได้โกหก
“อือ ฉันนัดกับคุณเชนทร์ไว้ เขากำลังไปเอารถอยู่”
“คุณจะบอกว่ายืนรอหมอนั่นอยู่เหรอ” น้ำเสียงของปลายดูไม่เชื่อ แต่กระนั้นลลิสาก็ไม่ยอมรับง่ายๆ
“ใช่ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว งั้น…”
“โกหก” ลลิสาไม่ทันได้พูดจบประโยค เสียงทุ้มของธิติก็ดังสวนมา “ทำไมชอบทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ”
“เอ๊ะ! นี่คุณ” หญิงสาวเตรียมจะแหวใส่เมื่อจู่ๆ ก็ถูกธิติตำหนิ แต่ก่อนที่จะได้บริภาษอะไรมากไปกว่านั้น ประตูห้องทำงานของเธอก็เปิดออก โดยไม่ถูกเคาะตามมารยาท เผยให้เห็นร่างสูงในชุดสูทเต็มยศของธิติที่ดึงโทรศัพท์มือถือซึ่งแนบหูออกขึ้นชูให้เธอด้วยท่าทียียวน
เขาแกล้งเธอ
“ไหนล่ะนัดของคุณ” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ แล้วเดินอาดๆ เข้ามาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าเธอ พอไม่เห็นแม้แต่เงาของของผู้ชายที่หญิงสาวแอบอ้าง ก็เอ่ยว่า “โกหก”
ลลิสากดวางสายโทรศัพท์ด้วยใบหน้ายับยุ่ง ก่อนมองเลยไปทางด้านหลังของธิติที่มีพิมพ์กมลยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้น เพราะดูท่าว่าการปล่อยให้ธิติเดินเข้ามาโดยพลการจะทำให้ลลิสาไม่พอใจ
“เขาบอกพี่ว่าเป็นคู่หมั้นคุณลลิสค่ะ แถมนัดไว้ พี่เลยไม่ได้ห้าม”
“คราวหลังคุณพิมพ์ควรแจ้งลลิสก่อนนะคะ”
“คะ ค่ะ” เลขาฯ สาวรีบรับคำ หลังลลิสาเอ่ยขึ้นเชิงตำหนิ “คราวหลังพิมพ์จะระวังกว่านี้ ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพิมพ์ไปทำงานต่อเถอะ” ลลิสาตัดบท คนเป็นเลขาฯ จึงรีบพยักหน้ารับคำ แล้วปิดประตูลง ทิ้งเธอไว้กับผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างธิติตามลำพัง
“นี่คุณไม่อยากเจอหน้าผมถึงขนาดต้องโกหกเลยเหรอ” เขาเอ่ยถาม แล้วตรึงสายตาไว้ที่ใบหน้าสะสวยของคู่หมั้น แล้วกวาดมองแต่ละส่วนอย่างพึงใจ ตั้งแต่ดวงตากลมที่แตะแต้มด้วยอายแชโดว์สีอ่อน จมูกโด่งเชิดรั้น และจบลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มน่าจูบ ที่เขารู้ดีว่าแสนหวาน
“คุณมีธุระอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า ฉันมีงานต้องทำ” ลลิสาบอกเสียงห้วน ในขณะที่ธิติเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มงานที่วางอยู่มาเปิดดูอย่างถือวิสาสะ ก่อนพบว่ามันถูกลงลายเซ็นจนหมดแล้ว
“เอกสารก็เซ็นเรียบร้อยแล้ว ยังเหลืองานอะไรอีก”
“อีกเยอะน่ะ”
“งั้นผมจะรอ ผมรอได้” ธิติสรุป แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสบายๆ พร้อมจะนั่งรอเต็มที่ ทำเอาลลิสา ถึงกับแอบกลอกตาให้กับความดื้อด้านของเขา
“นี่ถ้าฉันไม่ยอมออกไปคุณ คุณก็จะนั่งอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
“ครับ” เขารับคำ ก่อนกระตุกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีเป็นต่อ เพราะดูเหมือนว่าการปะทะคารมกันครั้งนี้ เขากำลังจะเป็นฝ่ายชนะ
“แต่วันนี้มันเย็นแล้ว ฉันไม่อยากออกไปเผชิญกับรถติด เป็นครั้งหน้าละกัน” ลลิสาบอกโดยหยิบยกสถานการณ์มาเอ่ยอ้างได้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งธิติก็รับคำอย่างเข้าใจ
“ได้สิ”
“ถ้างั้นคุณก็กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงานต่อ” หญิงสาวเอ่ยปากไล่ แล้วแสร้งหยิบแฟ้มงานใกล้มือที่ตรวจทานและเซ็นฯ อนุมัติงานเรียบร้อยแล้วมาเปิดอ่าน แล้วก็แทบจะเก็บอารมณ์วีนเหวี่ยงไว้ไม่ได้เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเขา
“ผมจะรอไปส่งคุณที่บ้าน ไหนๆ ก็มาแล้ว จะได้ไม่เสียเที่ยว”
“ฉันเอารถมา”
“ก็เรื่องของคุณสิ แต่ผมจะไปส่ง” ธิติดึงดันเสียงเรียบ ทำเอาลลิสาถึงกับอยากกรีดร้องออกมาดังๆ อย่างขัดใจ
“หรือคุณอยากออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันก็ได้นะ ผมมีร้านแนะนำเพียบเลย”
“ฉันยังไม่หิว”
“งั้นคุณก็เลือกเอาว่าจะให้ผมนั่งรอไปส่งคุณที่บ้านหรือออกไปหาอะไรกิน”
-----------------------------------------------
คุณไปป์ไม่ใช่แค่หนุ่มสายอ่อย แต่ชอบบังคับด้วย
ใครชอบหนุ่มแนวนี้ ขอเสียงหน่อยค่าาา ฮิ้ววว ^^
อย่าลืมคอมเมนต์ โหวต ให้กำลังใจกันสักนิดนะจ้ะ จะได้มีแรงปั่นรัวๆ ^^
ฝากเพจและผลงานด้วยค่า
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่ไปป์มาแนวนี้ลลิสจะทำอะไรได้
ชิส์ ชอบบังคับ