คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : สิ่งที่หาย
“โอ๊ย..” ความเจ็บแปล๊บๆแล่นขึ้นมาทันทีที่ขยับตัว จากสะลึมสะลือก็ช่วยให้ตาสว่างขึ้นมาได้มาก
“อย่าพึ่งลุก”เสียงทุ่มข้างหูทำให้ผมชะงัก แล้วความทรงจำบางอย่างมันก็แวบเข้ามาในหัว =///=
กรี๊ด!! เมื่อคืนนั่นมันแค่ความฝันไม่ใช่หรอครับ!!
“ไม่จริงง”ผมคร่ำครวญเรียกเสียงหัวเราะของพี่มันได้อย่างดี
ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนสักแห่งเอาเป็นว่าอยู่ในห้องนอนกับพี่ไฟ ทั้งห้องจัดตกแต่งด้วยสีโทนขาวดำ
“หิวรึยัง”
ผมส่ายหน้าเบาๆ แต่โอ๊ย สะเทือนไปถึงตูด !
“กินน้ำหน่อยละกัน”
พอพี่ไฟเดินออกจากห้องไปผมก็พยายามลุกขึ้นนั่งเพื่อทำให้ตัวเองดูไม่อนาถเกินไป แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ทำให้ผมทำได้เพียงกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีหมอนใบใหญ่หนุนหลังเอาไว้ ไม่นานพี่ไฟก็กลับมาพร้อมประเคนแก้วน้ำถึงปากโดยผมมีหน้าที่เพียงแค่ออกแรงกลืน
“พักก่อนแล้วกัน จะโทรบอกไอ้กิตให้”
“เดี๋ยวก่อนครับ!”ผมคว้ามือพี่ไฟไว้แต่คงเพราะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปเลยทำให้เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน จากจับมือเฉยๆเลยกลายเป็นว่าผมถลาเขาไปซุกอกพี่เค้าพอดี นี่ถ้าพี่เค้าไม่รับผมเอาไว้หน้าจูบพื้นแน่นอน
ฮู้ว~ หวิดเสียโฉมแล้วไง
“ระวังหน่อยสิ”พี่ไฟดุ
“สงสัยอะไรเดี๋ยวค่อยถาม พี่ไม่หายไปไหนหรอก” ว่าแล้วพี่แกก็จักแจงให้ผมนอนดีๆ สรรพนามใช้เรียกที่เปลี่ยนไปทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว บอกตรงๆเลยว่าเขิน ! มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกใจง่าย เจอหน้ากันไม่ถึงวันก็เสีย...ให้พี่เค้าซะงั้น ไม่ใช่ๆ ผมโดนปล้ำต่างหาก (ได้ข่าวว่าสมยอมนะคุณพัดลม)
“คิดอะไรอยู่”เสียงกระซิบข้างหูทำให้ผมหลุดจาภวังค์
“พี่ไม่ใช่คนใช่ไหม” ..เอิ่ม ตรงไป เปลี่ยนใหม่ “พี่เป็น...อะไร”
“คิดว่าไง”
“แวร์วูฟ??”
“มนุษย์เรียกพวกเราว่าอย่างนั้นแหละ” พี่ไฟเกลี่ยผมผมเล่น
“ถ้าจะให้ถูกต้องเรียกว่า อมนุษย์’”
“แล้วเมื่อคืน..”
“พระจันทร์มีผลกับอมนุษย์ทุกตนนั่นแหละ”
ไม่ใช่ ! คือผมจะถามวาเมื่อคนผมเสร็จพี่ไปแล้วจริงๆใช่ไหมต่างหากเล่า แต่ดูจากสภาตัวเองตอนนี้ก็ไม่น่าถาม orz
“พี่จะรับผิดชอบนายเอง”ไม่พูดเปล่าเฮียแกยังขึ้นคร่อมผมด้วย ! ลามแล้วพี่ๆ
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่ใช่ผู้หญิง”
“ถึงยังไงนายก็เป็นของพี่อยู่ดี”จมูกเย็นๆซุกเข้ากับซอกตอ เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก
“นี่บังคับผมหรอ”ผมผลักหน้าพี่ไฟออก
“เปล๊า แต่ฉันไม่ยกนายให้ใครแน่นอน”พี่ไฟยังไม่ลดความพยายาม ปัดมือผมออกแล้วซุกไซร้ผมต่อ
“นี่ถ้าผมมีแฟนแล้วละ”
“ก็เลิกสิ”
ผั๊วะ !!
ผมยกขาฟาดคอพี่มันอย่างลืมเจ็บ “อย่ามาพูดจาเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวนะ”
“โอ๊ย!! นี่โกรธอะไรเนี้ย”พี่ไฟกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงเหมือนปลาเกยตื้น
“พี่พูดเหมือผมเป็นสิ่งของเป็นทาสพี่ ! ชีวิตเป็นขงผม ไม่ใช่ของใครทั้งนั้นเข้าใจไหม!!”ว่าแล้วก็ปาหมอนใส่พี่ไฟอีกทีก่อนจะกระโดดลงมาจากเตียง
แต่พอเท้าถึงพื้นเท่านั้นแหละผมก็ทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ
“หึหึ”
อ้ากกกก!#$@&$#!@$#@$@$!@#@% เจ็บโคตร!!
สุดท้ายแล้วผมก็ไปไหนไม่รอดโดนลากกลับมาที่เตียงแถมไข้ขึ้นอีกต่างหาก ทำให้พี่ไฟตามติดผมยิ่งกว่าเงาตามตัว กินแล้วก็นอนเป็นแบบนี้มาสองสามวันแล้ว ไอ้พี่กิตมันไม่เป็นห่วงผมบ้างเลยรึไงนะ !! อย่าน้อยก็น่าจะมาหาบ้าง
“ลมเดี๋ยวพี่ไปมหาลัยนะ อยู่คนเดียวสักพักแล้วกัน”
“ไปทำไม?” ไม่ได้อะไรนะ แต่ไอ้พี่ไฟเนี้ยมันไม่ได้เข้ามหาลัยมาเป็นอาทิตย์ได้แล้วมั้ง
“ไปทำงานกลุ่มน่ะ ห้ามออกจากห้องนี้เด็จขาดเข้าใจไหม”
ผมพยักหน้ารับรู้... พอพี่ไฟออกไปได้สักพัก ผมก็กระเด้งออกมาจากเตียงราวกับว่าไอ้เตียงที่ผมนอนอยู่เป็นของร้อนยังไงอย่างนั้น
“ถ้านอนต่ออีกกูเป็นง่อยกันพอดีสิครับ”คนนะไม่ใช่หมู จะได้กินแล้วก็นอนได้
ถึงจะบอกว่าไม่ให้ออกไปก็เถอะแต่แค่ออกไปรับลมหน้าระเบียงคงไม่เป็นไรมั้ง ผมปัดผ้าม่านสีดำออกแล้วเลื่อนบานเลื่อนกระจกตามก่อนจะเดินบิดขี้เกียจออกไปสูดอากาศ ใต้เท้าผมเป็นสวนกุหลายสีแดงสดมีหมอกสีขาวปกคลุมดูเหมือนหนังสยองขวัญก็ไม่ปาน
“อะไรน่ะ...” ไม่ไกลจากระเบียงมากนักมีศาลาแบบตะวันตกสีดำสนิททั้งหลังตั้งอยู่ แถมมีคนนั่งดื่มน้ำชากันอยู่ด้วย แต่มันช่างดูลางเลือน
....รู้ตัวอีกที เท้าทั้งสองข้างของผมก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าศาลาสีดำนั่นซะแล้ว...
เพียงแต่ว่าไม่มีใครอยู่เลยน่ะสิ !!!
“คิกๆ...ดูนั่นสิ..มนุษย์”
“ไหนๆ..จริงด้วยมนุษย์”
“น่ากิน...คิกๆๆ”
ขนแขนพร้อมใจกันสแตนอัฟทันที ! เสียงหัวเราะที่มาจากไหนไม่รู้วนเวียนอยู่รอบๆตัวผม... เฮ้ย ! แบบนี้มันจะหลอนเกินไปแล้ว (ได้ข้าวว่าเรื่องนี้มันนิยายรัก)
ผมได้แต่ยืนโง่อยู่กับที่ หมอกสีเทาพัดวูบเข้ามาบดบังทัศนียภาพของผมไปจนหมดมองเท้าตัวเองยังไม่เห็น จะเดินไปทางไหนก็ไม่ได้ ไม่นานนักหมอกสีเทาก็จางลง...แต่สถานที่ๆผมอยู่กลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเหมือนหลุดเข้ามาในหนังย้อยยุค ทุกอย่างดูจะกลายเป็นภาพสีขาวดำ สวนกุหลายสีแดงกลายเป็นถนนสายหนึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คน…คนที่มีเขี้ยวโค้ง ฟังแหลม เล็บยาวเหมือนไม่ได้ตัดมาเป็นปีๆ
“ที่นี่มัน...ที่ไหนกัน” ผมยืนแอบอยู่หลังต้นไม่ใหญ่ด้วยความมึนๆงงๆ
บ้าจริง ! อาการแบบนี้ศรีธัญญายังจะรับรักษาไหม??
“โอ้.. มนุษย์”
เฮือกก !! ซวยแล้วว
ผมค่อยๆหันไปมองปีศาจตรงหน้าของผมใส่ชุดคลุมสีดำทั้งตัวถูกดึงลงมาต่ำจนมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงที่สำคัญเลยคือปีศาจตรงหน้าผมไม่มีเท้ามันทำให้ผมนึกถึงยมทูตในเรื่องแฮรี่พอตเตอร์
“ช่างเป็นมนุษย์ที่พิเศษ”
เสียงแหบต่ำแบบที่ฟังยังๆก็ไม่ใช่เสียงคนแน่นอน ที่ให้ลมขนลุซู่เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน มือภายใต้เสื้อคลุมขยับช้าๆ ค่อยเคลื่อนเข้ามา จนปลายนิ้วของปีศาจจรดกับแผ่นอก..ตรงกับตำแหน่งที่เรียกว่าหัวใจ
เฮือกก!!
ร้อนเหมือนถูกเผาไหม้ เจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ เสียงถูกกลืนหายไปกับลำคอ ก่อนความรู้สึกโหวงเหวจะเข้ามาแทนที่...สิ่งสำคัญ ได้ถูกขโมยไปแล้ว ไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน ลมทรุดลงไปกับพื้นใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต
ใคร.... ใครก็ได้ช่วยผมที
ชายชุดคลุมหายไปแล้ว มันไปพร้อมกับความเจ็บปวด...และสิ่งสำคัญที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“เฮ้ ! ฉันเจออะไรบางอย่างตรงนี้”
ผมหันไปมองช้าๆ คนตรงหน้าไม่ได้มีเขี้ยวโค้งฟันแหลมหรือเล็บยาว..เค้าเหมือนจะเป็นมนุษย์แทบทุกอย่างยกเว้น...ลิ้นสองแฉกนั่น แล้วก็รอยสักรูปงูที่หน้าท้อง ...ผมเดาว่าต้องคนต้องหน้าต้องเป็นโอโรอิจิมารุจากเรื่องนารุโตะ(?) แน่ๆ
“เห.. บนตัวนายมีกลิ่นของไอ้ไฟติดอยู่หึ่งเลยนะเนี้ย”ฝ่ายตรงข้ามทำจมูกฟุดฟิด เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สังเกตุเห็นท่าทีผิดปกติของผม
“คุณรู้จักพี่ไฟด้วยหรอครับ”ความหวังเริ่มผุดขึ้นมา
“ก็ใช่อยู่ ว่าแต่นายเป็นอะไรกับเจ้าไฟละ”
ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่จะให้บอกว่าเป็นเมียเนี้ยนะ ! ไม่มีทาง
“เป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน” 555 ผมฉลาดไหมครับทุกคน
“เห..งั้นหรอ”เจ้างูนั่นเขยิบเข้ามาใกล้ผมบนใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ผมถอยจนหลังชนกับต้นไม้อีกแล้วครับ
ปึก !! ผมเซถลาไปตามแรงกระฉากไปชนเข้ากับแผงออกของใครบางคน
“พะ..พี่ไฟ”
“มึงจะทำอะไรเมียกูได้งูบ้า”พี่ไฟแยกเขี้ยวหน้ากลัว..แต่ตอนนี้ผมรู้สึดีใจมากที่ได้เห็นพี่ไฟตอนนี้
“อ้าว ก็ไหนบอกมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน”
“ก็ไม่ใช่แฟนแต่เป็นเมียกูไง”พี่ไฟกอดผมแน่น...นะ แน่นไปแล้วว
“ชิ คิดว่ากูสนใจตาย รีบเปิดประตูแล้วพาเจ้าเด็กนี่ออกไปซะทีเดี๋ยวก็โดนปีศาจตัวอื่นคาบไปกินกันพอดี”
“ไม่ต้องสั่งกูก็จะทำ”
เหมือนโลกมันหมุนตีลังกากลับไปกลับมาแต่อ้อมแขนแกร่งที่เกาะกุมผมไว้แน่นทำให้ผมโล่งใจไปอีกเปราะหนึ่ง
พอมาถึงห้องปุ๊บเฮียแกก็ตีหน้ายักษ์เริ่มเทศผมเลย ...“บอกว่าไม่ให้ออกจากห้องแล้วออกไปทำไม”
“ผมเมื่อยตัวอยากออกเดินนี่”ผมนั่งคุกเข่าก้มหน้าตอบเสียงอ่อยไม่กล้ามองตาพี่ไฟ
“แล้วมึง !! ไอ้สัสชาร์ มึงตามกูมาทำไม” พี่ไฟชี้หน้าคนที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ข้างๆผม ก็คือพี่งูนั่นเอง
“ก็กูอยากมาเที่ยวอ๊ะ! กูเบื่อ”
พี่ไฟกุมขมับอย่างหมดแรงก่อนเอ่ยปากไล่ “มึงจะไปไหนก็ไปไม่ต้องมาอยู่บ้านกู”
ได้ยินแบบนั้นพี่งู หรือพี่ชาร์ก็ยิ้มอย่างยินดีก่อนจะหายแวบไปเลยเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ
“พะ..อืออ”
ริมฝีปากบางสวยของพี่ไฟประกบลงมาปิดปากผมที่ยังพูดไม่ทันจบ ลิ้นร้อนสอดใส่แทรกซึมเข้ามาในโพรงปากเกี่ยวรักลิ้นผมก่อนจะละริมฝีปากออกแล้วก้มลงปดขยี้ริมฝีปากผมอีกครั้ง เสียงหอบหายใจหนักของพี่ไฟและผมดังขึ้นสอดประสานกัน ผมทำได้แค่ภาวะนะไม่ให้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าจูบ...เพราะโดนครั้งแล้วแผลตรงนั้นยังไม่หายเลย
“ยะ อย่า..พี่ไฟ พอแล้ว” ผมเอื้อมมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ พี่ไฟขมวดคิ้วอย่างขัดใจเล็กน้อยก่อนจะอุ้มผมไปวางไว้ที่เตียง
“คือ..พี่พูดกับผมแบบมึงๆกูๆเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นะ” ไม่ใช่อะไร ผมเขิล -//-
“ได้”
“งั้นพรุ่งนี้ส่งผมกลับบ้านะ”
“ไม่ได้!”
“อ้าว ทำไมละ”
“มันอันตราย”ผมว่าอยู่กับพี่อันตรายกว่าอีก...
“แต่พี่จะไม่ให้ผมกลับบ้านไม่ได้นะ”พี่มันนิ่งไปเหมือนคนกำลังใช้ความคิด
“งั้นก็ให้กูไปอยู่ด้วยก็สิ้นเรื่อง!”
“ไม่ได้!”ผมตอบทันทีแทบจะไม่ต้องคิด
“ทำไม”
“บ้านผมมันแคบไป แค่อยู่กับไอ้พี่กิตก็แทบจะตีกันตายแล้ว”
“ไม่รู้ละ ถ้ามึงไม่มาอยู่กับกู ก็ต้องให้กูไปอยู่กับมึง จบ”พี่ไฟตัดบทเสร็จสรรพเล่นเอาไมเกรนพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเลย
“งั้นพี่ไปอยู่กับผมก็ได้!!” อยู่บ้านตัวเอง อุ่นใจ ปลอดภัยที่สุด ! (รึเปล่า)
สุดท้ายผมก็ต้องช่วยพี่ไฟแพคกระเป๋าเพื่อย้ายเข้าบ้านผม ก็เจอพี่กิตนั่งกลุ้มใจอยู่หน้าบ้านพอดี
“อ้าวพี่กิต มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ”
“ไอ้ลมคืองี้..”
“กิตต~”เสียงหวานเรียกชื่อพี่กิตจากข้างในบ้านเรียกความสนใจจากผมและพี่ไฟที่เดินลงมาดูด้วยความแปลกใจได้ผลชะงัก
“ไอ้ชาร์”
เริ่มมีลางไม่ดีตั้งเค้ามาแล้วครับ...
“มึงมาทำอะไรบ้านเมียกู”พี่ไฟถาม
“อ้าวเฮ้ย น้องกูไปเป็นเมียมึงเมื่อไหร่”พี่กิตก็พูดแทรก
“อะไรของมึงไอ้ไฟ มึงจะตามกูมาทำไมเนี้ย”
แล้วสงครามขนาดย่อมก็บังเกิดขึ้น...ผมต้องหันไปห้ามพี่ไฟไม่ให้ตีกับพี่กิตไม่พอ ยังต้องแซะไอ้พี่ชาร์ออกจากพี่กิตด้วย วันวุ่นวายแห่งชาติสำหรับผมเลย = =
“แล้วมึงมายู่นี่ได้ไงไอ้ชาร์”
“ก็พี่ชายคนนี้ขับรถเหยียบขับรถเหยียบคีย์การ์ดคอนโดกูหัก เค้าเลยรับผิดชอบให้กูมาอยู่ด้วย”พี่ชาร์ยิ้มแฉ่ง...ผมว่ามีอะไรแมงๆแล้วละ ปกติคนไม่มีที่นอนมันต้องอารมณ์เสียสิ แต่นี่ไม่ใช่...
“แล้วมึง..ได้น้องกูแล้วหรอ”พี่กิตหันไปถามพี่ไฟบ้าง..คือแบบ มึงช่วยถามอ้อมๆกว่านี้หน่อยก็ได้นะพี่กิต
“เอ่อ”
“เห ไม่เห็นมีสัญลัก..อุ๊ป”พี่ไฟปิดปากพี่ชาร์แน่นส่งสายตาข่มขู่สุดฤทธิ์
“อ้อ ก็เลยย้ายบ้านมาอยู่กับน้องกูว่างั้น”พี่กิตสรุปเองอย่างพอเข้าใจ
“อืม ถึงจะแคบไปหน่อยแต่ก็พออยู่ได้..ละมั้ง”พี่ไฟสำรวจมองรอบๆ
“ถ้าพี่อยู่ไม่ได้ก็ไปนอนในป่านู้น มีพื้นที่เพียงพอให้พี่กลิ้งได้สามร้อยรอบแน่นอน!” ว่าแล้วผมก็เดินกระทืบเท้าเข้าบ้านอย่างขัดใจ ใช่สิ ! บ้านผมไม่ได้กว้างเหมือนบ้านมันนี่ ไม่มีเฟอร์รารี่ขับด้วย !
ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยใจ
แกร๊ก!
มันเป็นเสียงล็อกประตูห้องของห้องนอนผมเอง แต่ตอนนี้ผมนอนตะแคงอยู่บนเตียงแล้ว คนที่เข้ามาก็น่าจะเป็นพี่ไฟ หรือไม่ก็พี่กิต
กาที่ได้นอนลงและอยู่คนเดียวสักพัก มันทำให้ผมรู้แล้วว่าอะไรที่หายไป...
“เป็นอะไร” ได้ข้อสรุปว่าเป็นไฟครับ
ลมพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างสูงโป่งด้วยสายตาที่สั่นระริกจนน่ากลัว มือเล็กๆนั่งเกาะกุมมือของอีกฝ่ายไว้อย่างอ่อนแรง พี่ไฟกระชับมือสอดประสาไว้แน่นเหมือนจะไม่ยอมปล่อยไปไหนอีก
“หายไปแล้ว...”
“อะไรหาย”
ลมยกมือของพี่ไฟขึ้นทาบเข้าที่หน้าอก
“หัวใจ”
ความคิดเห็น