คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เมื่อความซวยมาเยือนถึงบ้าน
“จะตายอยู่แล้ว...”เสียงของพี่ยูครวญครางดังมาแต่ไกลแต่มือก็ยังไม่หยุดเขียน แม้ว่านิ้วมือเรียวบอบบางจะชอกช้ำไปบ้าง ตาแดงก่ำบ่งบอกว่าไม่ได้หลับมาแล้ว48 ชม. ปากหมึกหมดไปแล้วห้าแท่งก็ตาม แต่ด้วยความกดดันอย่างยิ่งยวด ทำให้พี่ยูยังคงสามารถยืนหยัดขีดรายงานเล่มนั้นต่อไปได้
เห็นว่ามันคือรายงานอะไรสักอย่างของพวกวิศวะนั่นแหละครับ ผมไม่ค่อยรู้นักหรอก...
“พี่จะพักก่อนก็ได้นะครับ”ผมวางน้ำอุ่นไว้บนโต๊ะมองพี่ชายคนเดียของตัวเองด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ได้!!”เสียงตะโกนนั่นทำเอาผมสะดุ้งโหยง ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ทะ ทำไมละครับ”
“เพราะมันจะส่งวันพรุ่งนี้แล้วน่ะสิ!”
= = เอ่อ ที่ผ่านมาทำไมไม่ทำมาปั่นเอาวันสุดท้ายอยู่เรื่อย พี่ใครนะ !
“อยากกินขนมจะตายแล้ว”มือก็เขียนปากก็ไม่หยุดบ่น ผมต้องหาอะไรมาปลอบโยนพี่ของผมหน่อยแล้วละ (เพื่อไม่ให้แก้วหูอันแสนบอบบางของผมช้ำเพราะเสียงบ่นของพี่ไปซะก่อน)
“งั้น... ผมจะไปซื้อของร้านพี่ลิโอ พี่ยูจะเอาอะไรเป็นพิเศษไหม”
“เค้กกก”
“อ่า ครับ..”
ผมเดินออกจากบ้านมาด้วยความห่อเหี่ยวเล็กน้อยถึงปานกลาง อากาศหนาวๆแบบนี้น่ะไม่อยากขยับตัวไปไหนเลยจริงๆ ถ้าเห็นว่าพีชายตัวเองจะตายคากองงานจริงๆนะ
ง่วงจริงๆนะครับ ฮาวว~
กริ๊ง~
เสียงกระดิ่งประจำร้านดังขึ้น บ่งบอกเจ้าของร้านว่ามีลูกค้ามาเยือนแล้วนะ
“สวัสดีครับพี่ลิ”ผมขยับยิ้มทักทายตามปกติ ก่อนจะเดินไปหาเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ว่าจะซื้อ
“ดี”
ผมเดินเอื่อยๆไล่สายตามองเค้กในตู้กระจก อืม พี่ยูกินเค้กแบบไหนนะ? เค้กนมสด ช็อกโกแลต ?
จะแบบไหนผมก็รู้สึกว่ามันหวานเหมือนกัน...
“นายน้องของยูซึใช่ไหม”
ผมหันไปตามเสียเรียกแบบมึนๆ
“ครับ?”
“พี่นายไปไหนละ”
“พี่ยูทำรายงานอยู่ที่บ้าน....อ่า พี่ลิครับผมเอาไอ้นี่ชิ้นหนึ่ง”ผมชี้ที่เค้กสีขาวปลอดก่อนจะขอตัวออกมาอย่างสุภาพ
“กาย”
“ครับ?”พี่ลิเรียกทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็โบกมือไล่แบบขอไปที
หือ?? ผมลืมรูดซิบกางเกงรึเปล่า (ก้มมอง) ก็เปล่านี่... รีบกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวพี่ชายจะเครียดตายซะก่อน ขืนเป็นแบบนั้นชีวิตผมต้องได้ยินเสียงพี่ชายบ่นไปทุกทีแน่ๆ ผมเดินทอดน่องไปตามเส้นทางอันคุ้นเคย ไม่นานนักก็กลับมาถึงบ้านของตัวเองโดยสวัสดิภาพ
“กลับมาแล้วครับ”ผมเคาะประตูเบาๆด้วยปลายนิ้วที่เริ่มเย็นและแข็งทื่อจนแทบจะหมดความรู้สึก ไม่นานนักประตูประถูกเปิดออก
“...”
“ครับ?”พี่ยูซึยืนมองหน้าผมอย่างเคร่งเครียดจนผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ก่อนจะมองเลยไปด้สนหลังซึ่มผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่นั่นเอง
“กาย”
“ว่าไงครับ อะนี่เค้ก”ผมยื่นเค้กไปให้พี่ซึ่งพี่ยูก็รับมันไว้ แต่ก็ยังไม่ยอมให้ผมเข้าบ้านสักที - -?? มันหนาวมากนะครับแล้วเสื้อกันหนาวของผมก็ไม่ได้หนาขนาดนั้นด้วย
“ใครให้น้องพามันมาบ้าน !!!”พี่ยูตะโกนเสียงดังจนผมสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันกลับมองคนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ทางด้านหลัง
ตามมา....ตั้งแต่เมื่อไหร่???
“ฉันตามมาเอง ไม่มีปัญหาอะไร”เนโร่ผลักพี่ยูให้พ้นทางเข้าบ้านก่อนจะเดินเข้าบ้านไปราวกับว่าเป็นบ้านของตัวเองท่ามกลางสายตาช็อกค้างสนิดไปแล้วของเจ้าบ้านทั้งสองคน
นายนั่นแหละตัวปัญหาไอ้บ้า !!ยูซึตะโกนในใจ
“เอ่อ ผมไม่รู้จริงๆนะพี่ยู”ผมก้มหน้าหลบสายตาพิฆาตของพี่ยูแบบเกรงๆ พี่ยูมองผมนิ่งๆ ผมยื่นสั่นด้วยความหนาวเป็นเจ้าเข้า ไม่ได้กลัวพี่สักนิดเลยนะ !
“เฮ้อ ~ เอาเถอะเข้าบ้านมาก่อน”
ทางฝั่งของยู
“...”เนโร่นั่งมองยูเขียนหนังสืออย่างเงียบเชียบจนคนถูกจ้องต้องขยุขยิตัวแบบไม่สบายใจ
“จ้องอะไร”ผมตะคอกเบาๆเป็นเชิงขู่ คนจะเขียนรายงานไม่มีสมาธิ !!
“นายก็จ้องฉันอยู่เหมือนกัน”
“ฉันเปล่า!”ผมแกล้งเฉไฉเขียนหนังสืออย่างตั้งใจทั้งๆที่เนื้อหามันไม่ได้เข้าสมองเลยสักนิด เขียนผิดๆถูกๆอีกต่างหาก
“อ้าว แล้วนายรู้ได้ไงละว่าฉันจ้องอยู่ถ้านายไม่ได้จ้องฉันอยู่เหมือนกัน”
“ฉัน...”พะงาบๆ เถียงไม่ออกขึ้นมาซะดื้อๆ เพราะว่าผมเองก็จ้องเขาอยู่จริงๆ
“กลับบ้านไปเลยไป๊”ผมชี้ประตูบ้านแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเพียงแค่ไหวไหล่น้อยๆก่อนจะนั่งจ้องผมเหมือนเดิม !
นี่มันอะไรกัน จ้องกันแบบนี้ ใครจะไปเขียนออกกันเล่า !
ไม่ได้ๆ ต้องมีสมาธิ
หมับ !!
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเนโร่อยู่ก็คว้าหมับเข้าที่มือของผมที่กำลังเขียนหนังสืออยู่ ฝ่ามือร้อนๆนั่นทำให้ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว และรู้สึกแปลกๆ โถ่เอ้ยก็แค่จับมือ กลัวอะไรเล่ายูซึ !
“อะ...อะไร”ไม่วายเนโร่ยังชะโงกหน้าเข้ามาซะชิดจนเห็นผิวเรียบเนียนใส่กิ๊กกับลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดหน้า ดวงตาเป็นประกายวิ้งๆภายใต้กรอบแว่นนั่นดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจสักนิด มือที่ถูกจับเอาไว้ทำให้ผมทำได้เพียงแค่เอนตัวไปด้านหนังอย่างสุดความสามารถเท่านั้น
อ้าก!!!!ใครก็ได้ช่วยด้วยย
อ๊ะ !จริงสิผมยังมีมืออีกข้างนี้หว่า
เพี๊ยะ !!
ใบหน้าได้รูปของเนโร่สะบัดไปตามแรงตบ แวนตากรอบดำปลิวกระเด็นหลุดตามไป รอยแดงๆค่อยๆขึ้นสีเป็นรูปนิ้วมือชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนเห็นได้ชัดบนผิวขาวๆนั่น ดวงตาคมๆตวัดกลับมามองด้วยสายตาที่เปล่งประกายกว่าเดิมปนซุกซนเล็กน้อย
“ถ้านายยังไม่ถอยไปคราวนี้ฉันจะต่อยนายจริงๆแล้วนะ”ผมเผลอขึ้นเสียงสูงปรี๊ดด้วยความ... อ่า ความโกรธ ไม่ใช่เขิลนะครับ โกรธจริงนะ!
“ฉันแค่จะบอกว่าหน้านายมีรอยหมึกติดอยู่แค่นั้นเอง”เนโร่ดึงหน้าผมเข้าไปใกล้ก่อนจะยกมือถูกๆๆตรงข้างแก้มของผม
“แสบๆๆเจ็บนะปล่อยๆๆ”ผมทุบกำปั้นลงที่หัวไหล่ของเจ้าตัวดังปึกๆๆ
เนโร่ชูมือที่เปื้อนรอยดำเป็นแถบให้ผมดูเป็นหลักฐานว่ามีรอยที่ว่านั่นจริงๆ
อุ.. รู้สึกผิด
“กะ ก็ทำไมไม่บอกก่นเล่าว่าหน้าเปื้อน”
“ถ้าบอกแล้วจะได้ทำแบบนี้หรอ?”เนโร่ฉีกยิ้มก่อนจะคว้าคอผมไปจูบอีกครั้ง
“อือออ”
ยูซึกยกมือขึ้นทุบเนโร่ดังปึกๆๆ แต่คนถูกทบก็ไม่ได้รู้สึกสะเทือนอะไรมากมายนัก ลิ้นร้อนสอดเข้าไปฉกฉวยโอกาสไว้ทันทีที่ยูอ้าปากตั้งใจจะโวยวาย ยูพยายามผลัดสิ่งแปลกปลอมออกจากปากแต่กลับกลายเป็นการจูบที่ดุเดือนที่ต่างคนต่างก็ข่มกันไม่ลง คนขัดขืนเริ่มจะหมดแรกยอมอยู่นิ่งๆมือทั้งสองข้างเกาะแขนอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้เสียการทรงตัว เนโร่เห็นดังนั้นก็คลายแขนที่ล็อกคอออก เพียงแค่ประคอบใบหน้าอ่อนหวานไว้บนฝ่ามืออย่างแผ่วเบา
“อืมม”ยูครางในลำคออย่างพอใจและลืมตัว กว่าจะรู้ตัวเสื้อตัวนอกก็ถูกถอดออกไปซะแล้ว
ผลัก !!
“ไอ้เนโร่ ไอ้โรคจิต ไอ้หื่นนน !!”
ผั๊วะ!!
ความคิดเห็น