คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [บทที่ 3] เวทย์มนตร์และจิตสังหาร [⚠️TW⚠️]
⚠️[TW : การฆาตกรรมและการฉีกขาดของอวัยวะ]⚠️
หลังจากที่อ่านหนังสือมาเป็นสิบ ๆ เล่ม และได้ลองใช้เวทย์มนตร์ของตัวเองบ้างนิดหน่อย ก็พอจะทำให้ฉันเข้าใจกลไกของโลกนี้บ้าง
"ช่วงนี้พระองค์ทรงโปรดเรื่องของเวทย์มนตร์หรือเพคะ" แรริตี้ถามขึ้นมาในขณะที่ฉันอ่านหนังสือเล่มที่ 15
"ค่ะ... เวทย์มนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับฉัน" คำตอบแบบนางงามสุด ๆ พร้อมกับยิ้มหวานไปหนึ่งกรุบ
"พระองค์อยากใช้เวทย์มนตร์ได้รึเปล่าเพคะ" แอชลีย์ถามขึ้นมาในขณะที่นั่งจิบชากับแรริตี้
"ก็... ถ้าใช้ได้คงจะตื่นเต้นน่าดูนะคะ" ฉันตอบเสียงอ่อนโยน พยายามทำตัวเป็นพี่สาวที่รักให้แอชลีย์ให้ดีที่สุด
ทั้งสองคนนั้นนั่งคุยกันและดื่มชาอยู่ในห้องพักของฉัน ตอนนี้ฉันหายจากพิษอย่างสมบูรณ์ และไม่จำเป็นต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดขนาดนั้นแล้ว
กลับมาที่เวทย์มนตร์ต่อ... ฉันไม่เคยใช้เวทย์มนตร์ต่อหน้าใคร แม้แต่แอชลีย์กับแรริตี้ ฉันมักจะแอบลองใช้เวลากลางดึก เมื่อทุกคนนั้นนอนหลับกันหมดแล้ว
อืม... อธิบายสั้น ๆ เวทย์มนตร์คือสิ่งที่จะแสดงผลตามจิตใจของคนที่ใช้มัน เช่น... ถ้าฉันอยากเปลี่ยนชุด ก็แค่คิดแล้วปล่อยให้กระแสเวทย์มนตร์ไหลออกมา มันก็จะเปลี่ยนชุดให้ฉันเอง... เห็นมะ Easy!!!
แต่ในความง่ายก็มีความซับซ้อนที่ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจ คงต้องได้ลองใช้จริง ๆ จัง ๆ แต่ฉันก็ยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันใช้มันได้หรอกนะ เพราะในความทรงจำที่ผุดขึ้นมา ทุกคนรู้ว่าเรย์ซาเรียนั้นใช้เวทย์มนตร์ไม่ได้ เพราะแบบนั้นฉันก็ต้องลองเองแบบเงียบ ๆ
ในหนังสือเล่มที่ 7 บอกไว้ว่า เวทย์มนตร์เป็นเรื่องของจิตใจและวิญญาณ ถ้าทั้งสองสิ่งนี้ไม่แกร่งพอ เวทย์มนตร์ก็จะไม่ประสบผลที่ดี
ในหนังสือเล่มที่ 9 บอกไว้ว่า เวทย์มนตร์จะสลักลงบนจิตวิญญาณของคน ๆ นั้น หรือก็คือ ต่อให้วิญญาณหลุดออกจากร่าง ก็ยังสามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ถึงแม้จะเป็นเพียงวิญญาณ รวมถึงการสวมร่างใหม่ เวทย์มนตร์ก็จะตามวิญญาณดวงนั้นไป
อืม... นี่น่าจะอธิบายได้ว่าทำไมฉันถึงใช้เวทย์มนตร์ได้ทั้ง ๆ ที่ตัวของเรย์ซาเรียเองไม่มีเวทย์มนตร์... นั่นก็คือเวทย์มนตร์มันสลักอยู่ในจิตวิญญาณของฉัน โรส... ต่อให้สวมร่างก็ยังใช้ได้
ว่าแต่ไอ้คุณยมทูตไม่เห็นบอกเลยว่าฉันมีเวทย์มนตร์สลักอยู่ในจิตวิญญาณ... หรือฉันกวนประสาทเกินไป เขาเลยรำคาญที่จะบอกฉันเหรอ
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวนะเนี่ย... แต่แบบนี้ชีวิตฉันก็คงน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น เหมือนที่ฉันบอกแอชลีย์ แทนที่จะนั่งเบื่ออยู่ในวัง
หนังสือเล่มที่ 17 ที่ฉันเพิ่งอ่าน บอกไว้ว่า เวทย์มนตร์เฉพาะ... เป็นเวทย์มนตร์ที่มีเฉพาะบุคคล ใช้ได้แค่คนเดียว ไม่เหมือนใคร และรุนแรงกว่าเวทย์มนตร์ทั่วไป
หรือก็คือยูนิคสกิลนั่นเอง แหม่... คุ้น ๆ นะ เหมือนเคยอ่านนิยายอีกแล้ว
ฉันเริ่มอยากรู้แล้วสิว่าเวทย์มนตร์เฉพาะของฉันคืออะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะรู้ได้ มันจะแสดงให้เห็นยังไง ฉันไม่รู้เลย จนกระทั่ง...
...
ในกลางดึกคืนหนึ่งหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้ 2 สัปดาห์ ทั้งแอชลีย์และแรริตี้นั้นไม่ได้อยู่กับฉันในคืนนั้น พวกเธอกลับไปพักที่ห้องของเธอตามปกติ
มีเสียงลมเอื่อย ๆ ที่พัดเข้ามาในห้องนอนของฉัน ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรมีเพราะหน้าต่างนั้นปิดไว้ ฉันรู้แล้วว่าคืนนี้ไม่ปกติ มีเรื่องเกิดขึ้นแน่ ๆ
ฉันแกล้งหลับ ตั้งใจโฟกัสเสียงต่าง ๆ มากมาย และเวทย์มนตร์ก็ช่วยให้ฉันแยกเสียงต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้นอย่างน่าประทับใจ
เสียงลมพัดอ่อน ๆ เสียงผ้าที่เสียดสีกันไปมาของผ้าม่าน เสียงลมหายใจของฉันเอง... และของอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้อง...
เสียงเท้าที่แผ่วเบากำลังเดินเข้ามาใกล้ฉันและหยุดอยู่ที่ข้างเตียง... เสียงของใบมีดที่เสียดสีกับปลอกมีด... หมอนี่คือมือสังหาร...
หมอนั่นง้างมีดขึ้น พร้อมที่จะปักที่กลางอกของฉันอย่างมั่นใจ ในขณะที่ฉันลืมตาขึ้นมา... และยิ้มให้ไปหนึ่งกรุบอย่างกวนประสาท
ฉันจับข้อมือของเขาก่อนที่มีดจะปักลงมาจนเกือบโดนตัวฉัน ปลายมีดห่างกับหน้าอกของฉันเพียงแค่เซนเดียว ฉันจับข้อมือของเขาไว้แน่นมาก มากจนเขาเริ่มแพนิค
สัณชาตญาณนักฆ่าช่วยฉันไว้อีกแล้ว และครั้งนี้คงต้องขอบคุณทักษะการต่อสู้ที่เคยฝึกฝนมาเมื่อชาติที่แล้ว ฉันบิดข้อมือของเขาอย่างแรงจนได้ยินเสียงกัดฟันด้วยความเจ็บปวดของเขา
หมอนั่นกระชากมือกลับอย่างแรงจนล้มไปข้างหลัง มีดหลุดจากมือและหล่นไปอยู่ข้างเตียง อยู่ที่ปลายเท้าของฉันในขณะที่ฉันลุกขึ้นจากเตียง
"อะไรวะ ไหนยัยนั่นบอกว่าจักรพรรดินีอ่อนแอไง" เขาเริ่มสบถในขณะที่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน
ฉันก้มลงไปหยิบมีดของเขาก่อนที่เขาจะหยิบมันได้ ในตอนนั้นฉันไม่รู้เลย... ว่าดวงตาสีฟ้าของฉันนั้นมีนัยน์ตาสีแดงแฝงอยู่...
หมอนั่นเริ่มเข้าประชิดตัว พยายามที่จะแย่งมีดของเขาคืน แต่มันคงไม่ง่าย ในเมื่อฉันเป็นผู้ถืออาวุธเหนือกว่า
ฉันควงมีดกลับหลัง จับมันไว้แน่นในท่ารีเวิร์ส และเฉือนเข้าไปที่ข้อมือของเขา... ที่น่าตกใจคือ ฉันคิดว่าฉันแค่เฉือนตื้น ๆ แต่เสียงกรีดร้องของหมอนั่นก็ทำให้ฉันได้เห็น... ว่าฉันตัดข้อมือของเขาขาด!!
ฉันเองก็ประหลาดใจที่เห็นแบบนั้น ใครจะคิดว่าในเสี้ยววินาทีที่ใบมีดกดลงบนผิวหนังของเขา จะทำให้ข้อมือของเขาขาดออกมาอย่างง่ายดาย
ฉันมองเห็นเงาสะท้อนของดวงตาของตัวเองผ่านใบมีด นัยน์ตาสีแดงของฉันเรืองแสงอย่างน่ากลัว... นี่คือเวทย์มนตร์... เวทย์มนตร์เฉพาะของฉัน... เวทย์มนตร์แห่งการสังหาร...
ในวินาทีที่รู้ตัวและประมวลผลความคิดได้แล้วว่าทุกอย่างคืออะไร กระแสเวทย์มนตร์สีแดงฉานก็ปรากฏขึ้นเป็นสายรอบตัวฉัน ความมุ่งมั่นในการสังหารพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าหวาดเกรง
"หุบปาก..." ฉันพูดเสียงเย็นยะเยือกและเดินเข้าไปหามือสังหารคนนั้น ฉันเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของหมอนั่น
ฉันจับคางของเขาขึ้นมาและบีบให้อ้าปาก ฉันแสยะยิ้มออกมาในขณะที่กระแสเวทย์มนตร์สีแดงล้อมรอบตัวของฉัน
"ใครส่งมาเหรอ... ยัยนั่นคือใครล่ะ บอกได้ไหม..." ฉันถามพร้อมกับรอยยิ้ม เอามีดจ่อที่ใต้กรามของเขา
"มะ มะ ไม่... ฉันไม่บอกแกหรอก... แก... ปีศาจ!!" เขาเบิกตากว้าง ดูก็รู้ว่ากลัวขนาดไหน
"ฉันไม่ใช่ปีศาจ... แต่ถ้าบอกว่านรกส่งมาเกิดก็ไม่ผิดเท่าไร" ฉันหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะบีบคางของเขาแน่น ล็อกไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ
ฉันขยับมีดขึ้นไป เจาะเข้าไปใต้กรามของเขา มีดนั่นทำงานของมันได้อย่างราบรื่นอย่างน่าประหลาด ราวกับว่ากำลังปักลงไปในน้ำ
ของเหลวสีแดงฉานไหลลงมาตามใบมีด เปื้อนมือของฉันและไหลลงพื้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเข้าจมูกของฉัน
หมอนั่นไร้เสียงกรีดร้อง ไร้ลมหายใจอีกต่อไปเมื่อมีดขยับเข้าไปจนมิดด้าม... ฉันเห็นใบมีดที่ทะลุเข้าไปผ่านช่องปากของเขา
ฉันปล่อยมือและชักมีดออกมา ร่างที่ไร้วิญญาณล้มลงกับพื้นแทบเท้าของฉัน ฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตใหม่ครั้งนี้ฉันจะได้สังหารใครอีกด้วยซ้ำ
แต่ทุกอย่างก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ความรู้สึก สายตา ทุกอย่างนั้นเหมือนเดิม เหมือนกับตอนที่ฉันสังหารคนในชีวิตก่อน เยือกเย็นและไม่รู้สึกอะไร
สิ่งที่ต่างก็คือ ในชีวิตก่อนนั้น การสังหารมันคือหน้าที่และงานของฉัน ทว่าในชีวิตนี้ การสังหารที่เพิ่งเกิดขึ้น คือการสู้เพื่อเอาชีวิตรอด...
...
กระแสเวทย์มนตร์สีแดงเริ่มสงบและจางลง ไหลกลับเข้าไปในตัวฉันเหมือนเดิม ฉันมองมือที่เปื้อนเลือดที่กำลังถือมีดที่เปื้อนเลือด และหันไปมองศพของมือสังหารคนนั้นที่นอนจมกองเลือด
"เฮ้อ... แล้วจะซ่อนศพยังไงล่ะเนี่ย" ฉันบ่นพึมพำคนเดียวและเดินเข้าไปล้างเลือดในห้องน้ำ
ฉันนั่งคิดอยู่พักหนึ่งว่าจะทำยังไงกับศพดี และฉันก็ได้ไอเดียในการลองใช้เวทย์มนตร์ในการซ่อนมัน
ฉันลองนึกภาพป่าลึกที่อยู่ข้าง ๆ กับกำแพงพระราชวัง ก่อนที่จะดีดนิ้วและวาร์ปไปที่นั่นพร้อมกับศพ
อ้าว... แบบนี้ก็ง่ายสิ... ก็ใช้เวทย์มนตร์ช่วยในการซ่อนศพไปเลยสิ Very Easy~
ฉันวาร์ปกลับมาที่ห้องนอนและทำความสะอาดเลือดที่เปื้อนอยู่บนพื้นเพื่อปกปิดเหตุการณ์ ถึงฉันจะเป็นฝ่ายถูกโจมตี แต่คนที่ตายคือคนที่มาโจมตีฉันเอง ฉันไม่อยากมีปัญหาจุกจิกตามมาทีหลัง
และอย่างน้อย... เรย์ซาเรียก็ไม่ตายอีกครั้ง ถ้าหากเป็นตัวเรย์ซาเรียจริง ๆ ที่ฟื้นขึ้นมา เธอคงได้กลับไปที่ช่องว่างแห่งความตายอีกรอบแน่
.
.
.
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ไม่แม้แต่แรริตี้หรือแอชลีย์ ทุกอย่างเงียบสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และนี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ...
ในที่สุดฉันก็ได้รู้ว่าเวทย์มนตร์เฉพาะของฉันคืออะไร และในที่สุดฉันก็ได้เข้าในคำพูดของยมทูตที่บอกฉัน
จิตสังหาร... เวทย์มนตร์ที่จะทำให้คนที่ฉันต้องการที่จะสังหารจริง ๆ สามารถตายได้อย่างง่ายดายถึงแม้จะโจมตีเบาแค่ไหนก็ตาม... หรือก็คือ เวทย์มนตร์สั่งตาย ในอีกวิธีหนึ่งอ่ะนะ
ทุกอย่างในโลกนี้ช่างเหมือนเกม... กับนิยายผสมกัน มีอีกหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้ กลไกและตรรกะของโลก เป็นสิ่งที่ฉันตั้งตาที่จะเรียนรู้มันเพื่อเอาตัวรอด
"องค์จักรพรรดินี!!" เสียงเรียกที่ดังลั่นของแอชลีย์ดังขึ้น ฉันตกอยู่ในภวังค์หนังสือนานไปหน่อยจนทั้งสองคนถึงกับต้องเขย่าตัวฉัน
"คะ!? มีอะไรหรือ แอชลีย์" ฉันรีบดึงสติกลับมาและขานกลับ รู้สึกอายนิดหน่อยที่ปล่อยตัวเองให้ไหลไปจนไม่รู้ตัว
"องค์จักรพรรดิ... ต้องการร่วมโต๊ะพระกระยาหารกับพระองค์เย็นนี้เพคะ" แอชลีย์ใบหน้าหงุดหงิดอีกแล้ว หงุดหงิดทุกครั้งที่พูดถึงจักรพรรดิเลยรึเปล่าเนี่ยคุณน้อง
"งั้นหรือคะ... งั้นทั้งสองคนช่วยฉันเตรียมตัวทีนะคะ" ฉันพูดด้วยรอยยิ้ม ปิดหนังสือและเตรียมตัวไปร่วมโต๊ะอาหารกับไอ้สามีจักรพรรดิเฮงซวยนั่น...
ฉันมีความรู้สึกแปลก ๆ ว่าการร่วมโต๊ะกันครั้งนี้ไม่น่าจะจบสวย... เพราะปกติซิโอนาลานไม่เคยคิดที่จะมาเจอหน้าฉันเลยด้วยซ้ำ การเจอหน้ากันครั้งนี้มีจุดประสงค์อื่นรึเปล่า...
.
.
.
[จบบทที่ 3 เวทย์มนตร์และจิตสังหาร]
ความคิดเห็น