ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จักรพรรดินีคนนี้มาพร้อมกับจิตสังหาร [แฟนตาซี &​ ต่างโลก]​

    ลำดับตอนที่ #3 : [บทที่ 2] สามีจักรพรรดิเฮงซวย

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 66


    "จักรพรรดินี... เราดีใจมากที่เธอฟื้นกลับมา..."  ซิโอนาลานพูด เสียงที่เย็บเฉียบบอกได้ชัดเจนว่าไม่ได้รู้สึกยินดีที่ภรรยาตัวเองฟื้นขึ้นมา

    นี่มันน่าสงสัย... แต่ก็น่าสนุกดีนี่ ความสัมพันธ์ที่ถูกบังคับให้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้...

    "ขอบพระทัยเพคะองค์จักรพรรดิ... หม่อมฉันก็ดีใจที่ได้กลับมาเพคะ"  ฉันยิ้มจาง ๆ แต่อดไม่ได้ที่จะแฝงความกวนประสาทไว้

    แล้วก็ได้ผล ใบหน้าของซิโอนาลานดูเหมือนจะหงุดหงิดจริง ๆ ไม่รู้ว่าหงุดหงิดเพราะรอยยิ้มของฉันหรือเพราะเห็นว่าภรรยาตัวเองยังไม่ตาย

    "พวกเจ้าออกไปก่อน... เราอยากคุยกับภรรยาของเราตามลำพัง..."  เขาหันไปบอกแรริตี้และแอชลีย์

    ทั้งสองสาวดูเหมือนจะไม่อยากออกไป ใบหน้าแสดงออกชัดเจนเลย แต่คงทำอะไรไม่ได้กับอำนาจของจักรพรรดิสินะ

    หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องและปิดประตู ทิ้งให้ฉันอยู่กับสามีจักรพรรดิตามลำพัง ใบหน้าของเขาดูหงุดหงิดชัดเจนยิ่งกว่าเดิมอีก... แต่ฉันกลับรู้สึกสะใจ

    "ทำไมเธอยังไม่ตายอีก..."  เขาถามเสียงเย็นชาและกระแทกกระทั้น

    ชัดเจน... คนเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ เขาไม่ถามกันแบบนี้นะจ๊ะ ดูก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่เป็นไปตามที่เขาคาด... 

    "พระองค์... อยากให้หม่อมฉันตาย... งั้นหรือเพคะ..."  เล่นกับเขาหน่อยแล้วกัน ทำหน้าตกใจเล็กน้อย...

    "เธอรู้อยู่แล้ว เรย์ซาเรีย ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นภรรยาของฉัน"

    "หม่อมฉันทราบเพคะ เราเพียงแค่แต่งงานกันทางการเมืองเท่านั้น... แต่ทำไม..." 

    ใช่ ทำไมถึงอยากให้ฉันตายล่ะ นี่ไม่สมเหตุสมผลนะ หรือปกติที่โลกนี้เขาไม่มีคำว่า หย่าร้าง กันเหรอ ไม่อยากได้เป็นภรรยาก็หย่าไปสิ

    "เพราะเธอมันน่ารำคาญ..."

    "เช่นนั้นทำไมถึง... ไม่หย่ากับหม่อมฉันล่ะเพคะ"  ฉันแกล้งพูดเสียงสั่น ทำเหมือนจะร้องไห้ การปั้นใบหน้าเป็นเรื่องถนัดของฉันอยู่แล้ว

    "หึ... คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ... เธอรู้อยู่แล้วว่าตระกูลของเธอคงยอมให้เธอหย่ากับฉันง่าย ๆ..."

    โอ้... ตระกูลของฉันนี่เองที่เป็นเสี้ยนหนามของหมอนี่... รื้อความทรงจำหน่อยดีกว่า...

    ตระกูลลิกเนอร์ส... เป็นตระกูลที่ส่งต่อตำแหน่งขององค์ชาย-องค์หญิงรัชทายาทมาโดยตลอด และคนล่าสุดก็คือ... เรย์ซาเรีย ลิกเนอร์ส...

    อย่างนี้นี่เอง เพราะตระกูลฉันเป็นตระกูลที่รู้จักโดยทั่วไปในด้านนี้ ก็เลยกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงสินะ ถ้าเกิดการหย่าร้างขึ้นมาจริง ๆ

    "แต่ถ้าหากพระองค์ประสงค์จริง ๆ..."  กลับมาตีหน้าเศร้าต่อดีกว่าฉัน

    หมอนั่นไม่พูดอะไร แต่เขากลับง้างมือทำท่าราวกับจะตบลงมาบนใบหน้าของฉัน... นี่มันความรุนแรงในครอบครัวนะเฮ้ย อย่างน้อยก็เห็นใจคนกำลังพักฟื้นจากยาพิษหน่อยสิไอ้เวรนี่

    แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัณชาตญาณนักฆ่ารึเปล่า ฉันจับข้อมือของหมอนั่นไว้ได้ทันทีที่เขากำลังตบลงมา ฝ่ามือของเขาอยู่ห่างจากแก้มของฉันเพียงเซนเดียว

    หมอนั่นหน้าเหวอไปเลย และพยายามจะดึงมือกลับ... แต่ขอโทษนะ นายติดกับดักฉันแล้วล่ะ ไอ้สามีจักรพรรดิเฮงซวย

    "เหตุใดถึง... ใจร้ายได้ขนาดนี้ล่ะเพคะ..."  ฉันถาม เสียงของฉันเย็นชาจนเย็นเฉียบในขณะที่จับข้อมือของเขาไว้แน่น แน่นแบบที่ไม่คิดว่าคนป่วยอย่างฉันจะมีแรงขนาดนั้น

    "ปล่อยฉันนะ ทำไมเธอถึง..."  เขาพูดเสียงแข็งกร้าว และพยายามดึงมือออก

    ฉันเห็นใบหน้าที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ของเขาที่ทำอะไรฉันไม่ได้ ก่อนที่จะปล่อยมือจากเขา เขาดึงกลับไปอย่างรวดเร็วและผละไปด้านหลัง

    "เพคะ... หม่อมฉันถึง... อะไรหรือเพคะ"  ฉันเปลี่ยนมายิ้มหวานให้เขา กวนประสาทเขาอีกครั้ง

    หมอนี่ดูตกใจและอึ้ง กลัวและหงุดหงิด ทุกอารมณ์ปรากฏบนใบหน้าชัดเจน ก่อนที่เขาจะพยายามควบคุมท่าทีและพูดกับฉันเสียงแข็ง

    "เปล่า..."  แล้วเขาก็เดินออกจากห้องนอนของฉันไป

    แรริตี้และแอชลีย์กลับเข้ามาหาฉันทันทีที่ไอ้สามีจักรพรรดิเฮงซวยนั่นออกไป ใบหน้าของทั้งสองแสดงความเป็นห่วงต่อฉันอย่างชัดเจน

    "องค์จักรพรรดินี ไม่เกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่เพคะ"  แรริตี้ถาม เหมือนรู้เลยเนอะว่าเกิด แต่ก็คงรู้สึกไม่แน่ใจเลยถามก่อน

    "จะเกิดอะไรขึ้นได้หรือคะ"  ฉันถามกลับพร้อมกับยิ้มอ่อน ทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะโล่งใจขึ้นมา

    แสดงว่า... ความสัมพันธ์ของเรย์ซาเรียกับซิโอนาลานนั้นไม่ดีอยู่แล้ว ถึงขนาดที่เหล่านางกำนัลรับรู้และเป็นห่วงขนาดนี้... 

    คงต้องรื้อความทรงจำอีกรอบ... แต่ไว้ตอนนอนดีกว่า ตอนนี้คงต้องแกล้งทำเป็นคนป่วยไปสักพัก ถึงจะป่วยจริง ๆ เพราะยาพิษก็เถอะ

    .

    .

    .

    ฉันใช้เวลาเป็นสัปดาห์เพื่อฟื้นตัวจากพิษที่ได้รับ หลังจากที่อยู่ที่นี่มาสักพัก ก็พบว่าเรื่องหงุดหงิดของฉันยังคงเป็นเรื่องเดิม แต่ก็รู้สึกสบายดีที่ไม่ต้องทำอะไรเอง

    ส่วนไอ้สามีจักรพรรดิเฮงซวยนั่น... หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้มาพบฉันอีกเลย สงสัยยังสตั๊นกับกิริยาของฉันอยู่

    นอกจากนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นสามารถได้ยินเสียงที่ไกลมากได้ในระดับหนึ่งด้วย บางทีอาจเป็นเพราะเวทย์มนตร์ของฉันเอง... 

    แต่ในความทรงจำที่ฉันเห็น ดูเหมือนเรย์ซาเรียจะไม่มีเวทย์มนตร์นะ แล้วที่ฉันมีอยู่ตอนนี้มันมาจากไหนล่ะ ตัวฉันเองเหรอ โรส...

    ฉันเดินเข้าไปในห้องสมุดพระราชวังซึ่ง... กว้าง! มาก! ถามจริง นี่ขนหนังสือจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่เลยรึไงนะ หนังสือสุดลูกหูลูกตา น่าเสียดายที่ไม่มีคาเฟ่เปิด

    "องค์จักรพรรดินีอย่างอ่านเล่มไหนหรือเพคะ หม่อมฉันจะไปหามาให้ค่ะ"  แรริตี้พูดอยู้ข้างหลังฉัน

    ทั้งแรริตีกับแอชลีย์นั้นคอยอยู่ข้างฉันไม่ห่างเลย นอกจากคอยดูผลข้างเคียงจากยาพิษแล้วก็คอยช่วยฉันเรื่องต่าง ๆ ด้วย รู้สึกขอบคุณอย่างซาบซึ้ง...

    "ฉันอยากอ่านเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ค่ะ พอดีว่าเมื่อคืนฝัน..."  ไม่อ่ะ จริง ๆ แค่อยากรู้กลไกของโลกนี้เฉย ๆ ฉันจะได้ใช้เวทย์มนตร์ได้สักที

    "งั้นเดี๋ยวหม่อมฉันไปตามหาเล่มที่น่าสนใจให้นะเพคะ"  แรริตี้พูดด้วยรอยยิ้มและเดินตรงเข้าไปในห้องสมุด

    ส่วนแอชลีย์นั้นพาฉันมานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุด มันหรูหราแต่เงียบสงบ พื้นที่ในฝันสำหรับคนชอบอ่านหนังสือเลยแหละ

    ในความทรงจำไม่ค่อยเห็นภาพเกี่ยวกับห้องสมุดเท่าไร หรือเรย์ซาเรียปกติไม่เข้าห้องสมุดหว่า... แต่ตอนที่บอกแอชลีย์กับแรริตี้ว่าจะมาก็ไม่เห็นตกใจกันนี่ แสดงว่า... อาจจะมาบ้างแต่ไม่บ่อยงั้นเหรอ

    ในขณะที่นั่งเล่นรอให้แรริตี้หาหนังสือมาให้ ฉันได้ยินเสียงเท้าของใครบางคนเดินอยู่ที่โถงทางเดิน... น่าจะอยู่ไกลระดับหนึ่ง แต่กำลังเดินมาแน่นอน

    ประสาทสัมผัสหูฉันคงตีบวก 30 แล้วล่ะ...

    แล้วก็จริงอย่างที่ได้ยิน เสียงเท้านั้นเดินเข้ามาในห้องสมุด ไม่ได้เดินวนรอบเพื่อหาหนังสืออ่าน แต่เป็นการเดินเข้ามาหาฉัน... ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เจตนาชัดเจน...

    ฉันหันหน้าไปทางเสียงนั้นก่อนที่คน ๆ นั้นจะปรากฏตัว เสียงเท้าหยุดไปเหมือนกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้ามาต่อ

    ตกใจล่ะสิ จู่ ๆ ฉันก็หันไปหานี่ ใครจะคิดว่าเสียงเท้าที่เบาหวิวแบบนั้นจะมีคนได้ยิน

    "องค์จักรพรรดินีเรย์ซาเรีย... ดีใจอย่างยิ่งที่ได้บังเอิญพบพระองค์ที่นี่เพคะ"  เสียงหวาน... และแสบแก้วหูของผู้หญิงดังขึ้น ทักทายฉันจากในเงามืด

    "เลดี้จิลิซี่... มาทำอะไรที่นี่งั้นหรือคะ"  แอชลีย์ตอบกลับแทนฉันไปแล้ว ใบหน้าไม่รับแขกอีกแล้ว

    จิลิซี่ เอเลครัช... ความทรงจำของเรย์ซาเรียที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้นั้นจางมาก เหมือนอากาศ... เรย์ซาเรียเองคงไม่ได้สนใจคน ๆ นี้เท่าไร ฉันก็ไม่อยากสนใจเหมือนกัน

    ว่าแต่ใครตั้งชื่อให้หล่อนเนี่ย ไม่เป็นมงคลเลยนะ

    "ฉันแค่มาอ่านหนังสือเท่านั้นเองค่ะ เลดี้แอชลีย์ บังเอิญเห็นองค์จักรพรรดินีกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ ฉันเลยอยากเข้ามาทักทายค่ะ"

    แหม... โกหกหน้าด้าน ๆ เลยนะคะ ฉันได้ยินว่าหล่อนตั้งใจเดินมาหาฉันเลยนี่... หักหน้าสักหน่อยดีมั้ง

    "งั้นหรือคะเลดี้ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ"  ฉันเน้นเสียงเล็กน้อยและยิ้มมุมปาก ทำให้จิลิซี่รู้ว่าหล่อนหลอกฉันไม่ได้

    "นั่นสิเพคะ..."  อู้ว... ใจกล้า... ไม่กระตุกสักนิดเลยแฮะ

    "แค่มาทักทายหรือคะ..."  ฉันถามอีกครั้ง คราวนี้จ้องเข้าไปในดวงตาสีเขียวของจิลิซี่เลย

    "... พระองค์ทรงแย่งเก้าอี้ตัวโปรดของหม่อมฉันอยู่เพคะ"  หล่อนพูด รอยยิ้มเริ่มจางหาย หล่อนหลบสายตาฉันไปมองที่เก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่

    "หมายความว่ายังไงคะ องค์จักรพรรดินีมาก่อน คนที่มาทีหลังก็นั่งที่อื่นสิคะ"  แอชลีย์อารมณ์เสียชัดเจน... ใจเย็นก่อนอิน้อง อย่าเพิ่งตบกัน! 

    ฉันโบกมือให้แอชลีย์สงบท่าทีลง ในขณะที่แรริตี้เดินมาพอดีพร้อมกับหนังสือประมาณ 9-10 เล่ม แรริตี้ก็ใบหน้าไม่รับแขกมาแต่ไกลเลย

    "เก้าอี้ตัวโปรดงั้นหรือคะ... ต้องขอโทษด้วย"  ฉันยิ้มหวานให้ไปหนึ่งกรุบ

    ฉันลุกขึ้นยืนและเดินไปใกล้จิลิซี่ จากสายตาฉันพบว่าจิลิซี่นั้นตัวเตี้ยกว่าฉันมาก หล่อนน่าจะสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ในขณะที่ตัวเรย์ซาเรียเองสูงเกือบ 190 เซนติเมตร

    ฉันยืนอยู่ตรงหน้าจิลิซี่ ต้องปรบมือให้หล่อนที่ไม่กระตุกเลยแม้แต่น้อยกับการกระทำของฉัน แต่ก็แสดงให้เห็นว่าหล่อนนั้นต่อต้านฉันและพยายามเป็นศัตรูกับฉัน

    "ถึงจะเป็นเก้าอี้ตัวโปรดของเลดี้... แต่ก็เป็นทรัพย์สินของฉันค่ะ"  เพราะฉันเป็นจักรพรรดินีไงล่ะ ทุกอย่างในพระราชวังนี้ก็คือของฉันนั่นแหละ แล้วหล่อนเป็นใคร!! หืม!!

    "แต่ช่างเถอะค่ะ... ฉันแบ่งให้ทุกคนใช้ได้อยู่แล้ว..."  ฉันพูดพร้อมกับยิ้มหวานอีกครั้ง

    เรื่องช็อตฟีลคงเป็นเรื่องถนัดของฉัน... จิลีซี่หน้าเหวอไปเลยหลังจากที่ฉันพูดแบบนั้น เหมือนว่าตัวหล่อนเองไม่ได้คาดหวังให้ฉันปล่อยไปง่าย ๆ

    ฉันใช้จังหวะที่จิลิซี่กำลังสตั๊นอยู่เดินผ่านหล่อนมา พร้อมกับโบกมือให้แรริตี้กับแอชลีย์ตามฉันมา

    ฉันไม่รู้ว่าที่ฉันทำไปน่ะถูกไหม มันคือสิ่งที่เรย์ซาเรียทำรึเปล่า ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกสะใจ... ทั้งจิลิซี่และไอ้สามีจักรพรรดิเฮงซวยนั่นต่างก็ทำหน้าเหวอกับพฤติกรรมของฉัน

    ฉันกลับมาถึงห้องพักส่วนตัวและนั่งลงอ่านหนังสือที่แรริตี้ถือมาให้... และรื้อความทรงจำที่เกี่ยวกับจิลิซี่นิดหน่อย

    จิลิซี่... ในภาพที่เห็นเหมือนจะเป็น... คนรักของซิโอนาลาน... คล้าย ๆ กับสนม แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ

    แค่นี้?? ความทรงจำของเรย์ซาเรียที่เกี่ยวกับจิลิซี่มีแค่นี้?? ... แต่ก็นะ ใครจะอยากยุ่งเกี่ยวกับชู้ของสามีล่ะ

    ฉันชักเริ่มสงสัยแล้วสิว่า... การลอบวางยาพิษจักรพรรดินีเรย์ซาเรียที่ผ่านมา มีใครอยู่เบื้องหลังบ้าง... คงต้องทวงความยุติธรรมให้เรย์ซาเรียหน่อยแล้วล่ะ

    .

    .

    .

    [จบบทที่ 2 สามีจักรพรรดิเฮงซวย]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×