ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นางมารร้ายงั้นหรอ (Markbam)

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 อสูรในเมืองจิ๋น

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 65


     

     

     ตอนที่ 6 อสูรในเมืองจิ๋น

     

     

    “ ถวายพระพรองค์ชาย ” ไจ้ฟ่านทำความเคารพเจ้านายตน 

    เมื่ออี้เอินให้รายงานสิ่งที่ได้สั่งให้ไปทำ ในตอนนี้ในห้องส่วนตัวขององค์ชายอี้เอินต่างมีแต่ความอึดอัดและกดดัน ไจ้ฟ่านรายงานว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนในเมืองจิ๋นตายอย่างปริศนา ซากศพที่ได้ฟังจากผู้คนในเมืองจิ๋น พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าร่องรอยของศพนั้นไม่มีรอยขีดข่วนหรือรอยต่อสู้รอยเขี้ยวสัตว์ ร่างที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก ใบหน้าและร่างกายซูบผอม แม้กระทั่งเลือดก็ไม่พบ เหมือนกับว่าซากศพเหล่านี้โดนบางอย่างสูบเลือดเนื้อไปแม้กระทั่งวิญญาณเรียกมาก็ไม่มา ซากศพปกติมักจะขึ้นอืดเน่าเปื่อยแต่ศพของคนเหล่านี้กลับไม่ขึ้นอืดเน่าเปื่อย แต่เหมือนกับต้นไม้ที่ขาดน้ำขาดแสงจนต้นเหี่ยวแห้ง คิ้วเข้มของอี้เอินขมวดเข้าหากันอย่างนึกคิด ไจ้ฟ่านยังอธิบายต่อว่า เมื่อวานก่อนคนในตระกูลฉิงที่ปกครองเมืองจิ๋นบุตรชายคนกลางได้สิ้นอย่างปริศนา รูปร่างศพเหมือนกับศพของคนในเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน ร่างกายที่เคยกำยำกลับเหี่ยวแห้งจนเป็นหนังหุ้มกระดูก แขนขาหงึกงอผิดรูป ใบหน้าที่หล่อเหลาตอนนั้นบัดนี้กลับซูบผอมจนน่ากลัวไม่มีเค้าโครงบุรุษรูปงามเลย ข่าวการเสียชีวิตของบุตรชายคนกลางตระกูลฉิงสร้างทำตกใจให้แก่ผู้คนในเมือง แต่ก็ยังมีคนที่สมน้ำหน้าและไม่รู้สึกสงสารเลยซักนิด  วีระกรรมที่บุตรชายคนกลางของตระกูลฉิงทำไว้นั่นสร้างความเกลียดชังให้แก่คนในเมืองไม่น้อย

     

    “ มันจะเป็นไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ หากศพคนตายมิขึ้นอืดหรือเน่าเปื่อยเลยแต่กลับเหี่ยวแห้งราวกับต้นไม้ที่ขาดน้ำและแสง ” เจินหรงที่ร่วมทำภารกิจนี้ด้วยก็พูดออกมาอย่างสงสัย นี่เป็นการตายที่ผิดธรรมชาติเกินไป 

    ไจ้ฟ่านที่ฟังก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย หากเปรียบร่างกายมนุษย์กับต้นไม้ เลือดคนเหมือนกับน้ำที่คอยล่อเลี้ยงให้เจริญเติบโต แสงที่คอยสังเคราะห์ให้ต้นไม้ก็เหมือนกับกายหยาบของคน หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่สามารถอยู่ได้แล้ว ทว่าร่างกายมนุษย์นั้นพิเศษกว่าต้นไม้ ขนาดสัตว์เมื่อตายแล้วซากศพของมันยังย่อยสลายและเน่าเปื่อยได้ ฉนั้นก็ไม่สามารถที่ศพเหล่านั้นเหี่ยวแห้งแบบนั้นได้นอกจากมีสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นทำ 

     

    ไจ้ฟ่านและเจินหรงที่คิดได้อย่างนั้นก็เบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วพูดพร้อมกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน 

     

    “ อสูรวิญญาณ !!! ” 

     

    องค์ชายอี้เอินพยักหน้าตอบกลับ ใบหน้าดุดันฉายแววน่าเกรงขามออกมา มุมปากยกยิ้มเย็นยะเยือก พวกสัตว์ชั้นต่ำที่อาศัยกัดกินความมืดมนของมนุษย์ สัตว์ชั้นต่ำที่โลภมากและน่าขยะแขยงพวกนั้นไม่สมควรมีอยู่ในโลกใบนี้ ยิ่งร่างสูงคิดมากเท่าไหร่ไอสังหารก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นมันแผ่กระจายออกไปจนคนในระแวกตำหนักของร่างสูงพากันขนลุกขนพองไปหมดยิ่งคนที่อ่อนแออยู่แล้วแข้งขาอ่อนหยวบลงกับพื้นเนื้อตัวสั่นเทาคนที่ยังต้านไอสังหารได้ก็รีบพยุงร่างอ่อนแอของนางกำนัลเหล่านั้นให้ออกมาจากบริเวณที่มีไอสังหารสูงทันที ไจ้ฟ่านกับเจินหรงที่ฝึกกับองค์ชายมาตั้งแต่เด็กๆก็สามารถต้านไอสังหารได้แต่หากตอนนี้ผู้เป็นนายยังไม่หยุดปล่อยไอสังหารเกรงว่าผู้คนด้านนอกตำหนักจะกระอักเลือดเอาได้

     

    “ เย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ” เจินหรงรินน้ำชาให้อี้เอินและยื่นให้ ร่างสูงรับมาและดื่ม ในใจพยายามกดความโกรธและความต้องการที่จะกำจัดพวกสัตว์ชั้นต่ำเอาไว้ 

    “ ไจ้ฟ่าน เจ้าไปสืบหาการตายของคนในเมืองจิ๋น รวมทั้งการตายของคุณชายรองตระกูลฉิง ” ไจ้ฟ่านที่ได้รับคำสั่งของผู้เป็นนายก็พยักรับคำสั่งทันที

    “ เจินหรง พร้อมทหารนอกเครื่องแบบ 3 นาย เข้าไปสืบหาข่าวเมืองข้างๆของเมืองจิ๋น ” เจินหรงพยักหน้ารับคำสั่ง 

    “ อีก 3 วัน ข้าจะลงไปกำจัดพวกสัตว์ชั้นต่ำพวกนั้นเอง ในระหว่างนี้ข้าต้องได้ความคืบหน้าของเรื่องนี้ ”  อี้เอินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและดุดัน คนที่ได้รับคำสั่งทั้งสองก็ทำความเคารพแล้วเดินออกไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายทันที

     

     

     

    ณ จวนตระกูลหวัง

     

    ในห้องขณะนี้มีร่างบางนั่งขัดสมาธิบนเตียง นิ้วเรียวขาวทั้งสองยกขึ้นกลางขมับ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเป็นภาพที่น่าเอ็นดูไม่น้อยเหมือนแมวน้อยขี้สงสัยและดูพยายามคิดอะไรซักอย่างที่กวนใจอยู่ ริมฝีปากอวบอิ่มสีอิงเถา* ขบกัดริมฝีปากล่างแน่น ในหัวก็มีแต่เรื่องต่างๆมากมาย นิทานที่เคยฟังกลับไม่เหมือนที่เคยฟังแต่ยังมีเค้าโครงเรื่องเก่าอยู่ แต่ทว่ามันจะมีฉากแค่ฉากสำคัญที่เกิดขึ้นจริง หรือตัวละครจะหลุดคาแรคเตอร์ แล้วต่อไปอาจมีเรื่องเกิดขึ้นที่เขาไม่รู้หรือเปล่า 

     

    “ เฮ้อ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ” 

     

    ถ้ามีฉากสำคัญๆเกิดขึ้นอยู่แปลว่าอีก3วันพระเอกของเรื่องก็จะไปปราบอสูรวิญญาณกับพักพวก ตัวร้ายอย่างเขาก็โผล่ไปเห็นแล้วเกือบโดนลูกหลงแต่รอดมาได้เพราะพระเอกช่วย นี่มันนิทานหรือละคร โครตน้ำเน่า และก็ไม่มีแรงจูงใจที่เขาจะต้องไปเมืองจิ๋นเลยซักนิด นอนอยู่จวนสบายๆนั่งกินนอนกินไปฝึกวิชาดีกว่า เรื่องพระนางก็แล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วกันนะไอ้ชาย ไอ้แบมคนนี้ไม่อยากเป็นตัวละครที่เชื่อมความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของคู่พระนาง เพราะเขาก็ยังไม่อยากโดนฆ่าตายด้วย 

    คิดได้แบบนั้นแบมแบมก็ล้มตัวนอนลงไปบนเตียง เปลือกตาสีมุกขาวปิดลงทันที 

     

     

    3 วันผ่านไป

     

    “ วันนี้พี่ได้รับคำเชิญของหัวหน้าเหล่าเทพเซียนให้เข้าร่วมการประชุม ที่เมืองจิ๋น เตรียมตัวด้วยล่ะ เจ้าสองคนจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง เราจะเดินทางยามนี้เลย” 

    เจียเอ๋อพูดจบซูเลี่ยงก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ รีบวิ่งเข้าจวนตัวเองทันที ทิ้งให้ร่างบางของแบมแบมที่ตอนนี้ตกใจจนอ้าปากค้าง นั่งนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง 

     

    เมืองจิ๋น… เมืองจิ๋น!!! เขาไม่อยากไป ไม่อยากไปให้พระเอกขี้เก๊กช่วย ไม่อยากเห็นคนที่สั่งฆ่าเขาในอนาคต ถึงจะเป็นแค่นิทานก็เถอะ แต่… อร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก 

     

     

    ENJOYYYY

    รอแก้คำผิด

    _________________________________

     

     

    ผลอิงเถา* - เชอร์รี่

    ปล. หายไปนานมากกกกกกกกกก ตอนแรกไรท์ว่าจะปิดเรื่องนี้เพราะรู้สึกว่าแต่งได้ไม่ค่อยดี แต่คิดไปคิดมา เปิดมาได้ตั้งหลายตอนแล้ว เลยตัดสินใจว่าจะพยายามแต่งให้จบไปเลย สนุกไม่สนุกไรท์ขอโทษด้วยค่ะ ไรท์ถนัดอ่านอย่างเดียว บรรยายออกมาอาจจะไม่เห็นภาพตามแต่ไรท์จะพยายามพัฒนาการเขียนและเรียบเรียงให้ดีกว่านี้ค่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×