ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เพื่อน
"ง่ำๆ" เสียงการโกยอาหารเข้าปากของเด็กหนุ่มผมสีทองนามเรนีสดังขึ้นติดต่อกันตลอดสี่ชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้เด็กหนุ่มผู้ (จำใจ) เป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวในมื้อนี้ต้องมุ่ยคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะเบือนสายไปมองท้องฟ้าข้างนอกที่เริ่มจะมืดแล้ว
ห้านาทีแรก...กินข้าวไปสองจาน...
ยี่สิบนาทีต่อมา...กวาดสเต็กลงไปในท้องแปดชิ้น...
สองชั่วโมงต่อมา...ก็กินของหวานเรียบซะจนพ่อครัวไม่ต้องล้างจาน...
สี่ชั่วโมงต่อมา...หันไปสั่งเค้กมาเพิ่มอีก 2 ปอนด์...
อะไรมันจะกินจุได้ขนาดนี้!!!
"นี่..." ซาคัสพูดขึ้นซึ่งก็ไร้การตอบรับจากเด็กหนุ่มผมสีทองที่กำลังกวาดไอศกรีมถ้วยที่สิบแปดอยู่อย่างใจจดใจจ่อเหมือนไม่ได้ยินที่เขาเรียก
"นี่!..." ซาคัสเริ่มพูดเสียงดังขึ้นแต่ก็ยังไร้การตอบรับอยู่เช่นเดิม ซาคัสเริ่มกำหมัดแน่นก่อนที่จะพยายามสงบสติของตนไว้อีกครั้ง...
"เรนีส!!!" เสียงเรียกสุดท้ายดังขึ้น...พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของเด็กหนุ่มนามเรนีสเมื่อเหยื่อ (?) ของเขาติดกับเขาเข้าเต็มๆ นัยน์ตาสีอะเมทิสต์เหลือบขึ้นมาสบตากับดวงตาสีอำพัน ก่อนที่เจ้าของผมสีทองจะเป็นคนเอ่ยปากขึ้นมาด้วยเสียงใสซื่อที่ไม่เข้ากับรอยยิ้มสุดแสนเจ้าเล่ห์นั้นเลยแม้แต่น้อย
"หืม?" เรนีสครางขึ้นเป็นเชิงถามทั้งๆที่รอยยิ้มที่มุมปากยังไม่หายไปเป็นผลให้ซาคัสรู้ตัวทันทีว่าติดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าเข้าให้แล้ว
"นี่เจ้า...แกล้งไม่ได้ยิน...งั้นเหรอ?" ซาคัสถามขึ้นอย่างใจเย็นทั้งๆที่เสียงสั่นด้วยอารมณ์ครุกกรุ่นและพร้อมจะระเบิดอยู่รอมร่อ
"เปล่านี่...ว่าแต่...เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าทำไมเหรอ?" เรนีสส่งยิ้มใสซื่อให้พร้อมคำถามก่อนที่จะนั่งตักไอศกรีมที่ยีงเหลืออยู่เข้าปากอย่างสบายอารมณ์ ดูยังไงก็ดูแสร้งทำชัดๆ
"เจ้า!!!" ซาคัสพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนแต่ก็ถูกเรนีสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเอานิ้วชี้มาแนบที่ริมฝีปากเป็นเชิงว่า 'อย่าส่งเสียงดังสิ คนอื่นเค้ามองกันหมดแล้ว' ซึ่งซาคัสก็ได้แต่กัดฟันแล้วนั่งลงอย่างว่าง่ายเช่นเดิมทั้งๆที่ยังหงุดหงิดไม่หาย
"อืม...ข้าอิ่มแล้วแหละ" เรนีสยิ้มบางๆก่อนที่จะเรียกพนักงานในร้านมาให้เก็บเงินก่อนที่เขาจะกระซิบอะไรบางอย่างข้างๆหูของพนักงานคนนั้นซึ่งพนักงานคนนั้นก็มีสีหน้าตกใจสักพักก่อนที่จะรีบวิ่งไปด้านหลังครัว เรนีสมองแล้วยิ้มขำๆก่อนที่จะหันมามองทางซาคัสต่อ
"ไปกันเถอะ" เรนีสพูดขึ้นพร้อมกับยืนบิดตัวด้วยความเมื่อย ซาคัสมองอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ก่อนที่จะลุกขึ้นตาม
"ไม่ต้องจ่ายเงินเหรอ?" ซาคัสถามขึ้นพร้อมกับมองไปทางเรนีสอย่างเคลือบแคลง เรนีสยักไหล่เบาๆก่อนที่จะเดินนำออกนอกร้านไปอย่างสบายๆ
"อืม ไม่ต้องหรอก" เรนีสตอบยิ้มๆก่อนที่จะเดินต่อไปเรื่อยๆ ส่วนซาคัสแม้จะยังสงสัยอยู่แต่เขาก็เดินตามเรนีสออกไปเช่นกัน
"นี่...บ้านของเจ้าอยู่ไหนเหรอ?" เรนีสถามขึ้นพลางเดินเอื่อยมองท้องฟ้าไปเรื่อยๆโดยไม่ได้หันมามองผู้ถูกถาม ซาคัสเองก็มองผู้ถามอย่างงงๆก่อนที่จะตอบ
"แถวๆนี้แหละ" ซาคัสตอบเบาๆก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าบ้าง เรนีสยิ้มบางๆกับคำตอบนั้นก่อนที่จะหยุดเดินไปซึ่งซาคัสเองก็หยุดตาม
"ข้าก็เหมือนกัน" ทั้งสองคนต่างมองดวงดาวที่กลาดเกลื่อนฟ้าไปเงียบๆ จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรให้ขัดกับบรรยากาศในยามค่ำคืนที่สวยงามเฉกเช่นตอนนี้
"เรา...จะเอื้อมไปถึงดวงดาว...ได้รึเปล่านะ?" ซาคัสเปรยขึ้นเบาๆเหมือนกับว่าคุยอยู่กับตนเอง เรนีสหันมามองเด็กหนุ่มผมสีเงินด้วยสายตาที่เป็นคำถามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
"ลำพังแค่สองมือของเรา...สองมือนี้...จะสามารถ...เอื้อมไปถึงดาว...ได้รึเปล่านะ?" ซาคัสถามขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้เขาหันหน้ามาสบตากับเรนีสด้วยสายตาเรียบๆแต่คราวนี้...ไม่มีความเย็นชาในดวงตาคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย เรนีสเงยหน้าขึ้นไปมองเหล่าดาราอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ตอบอะไร ซาคัสก้มหน้ามองลงพื้นแล้วแค่นหัวเราะเหมือนกับพึ่งนึกได้ว่าตนเองถามอะไรแปลกๆออกไป
"ข้าแค่ถาม อย่าไปใส่ใจเลยละกัน ข้ากลับล่ะ" ซาคัสพูดก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินก้มหน้าออกไปคนเดียว
"ได้สิ" เสียงเรนีสดังขึ้นเรียกให้ร่างบางหยุดชะงักได้ทันที ซาคัสหันกลับมามองอย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรนัก
"เจ้า...ทำได้อยู่แล้ว...เพียงแค่เอื้อมมือออกไป...ถึงแม้ว่าจะไม่ถึง...ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัส...แต่...เจ้าก็ยังมองเห็นมัน...ยังเอื้อมไปหามันได้" เรนีสตอบทั้งๆที่สายตายังมองดวงดาวอยู่ก่อนที่จะละจากดวงดาวมามองหน้าเด็กหนุ่มผู้ถาม
"แค่นั้น...มันก็พอไม่ใช่เหรอ?" เรนีสยิ้มให้ซาคัสแต่คราวนี้ไม่ได้มีแววเจ้าเล่ห์หรือร่าเริงอยู่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงรอยยิ้มที่ดูจริงใจกับแววตาที่ซ่อนความเศร้าหมองเอาไว้ ซาคัสจ้องดวงตาคู่นั้นเหมือนกับว่ากำลังหาความรู้สึกของเจ้าของดวงตาคู่นั้น
"แหะๆ พูดอะไรแปลกๆแล้วสิเรา ว่าแต่...ซาคัส" เรนีสหลบสายตาของซาคัสก่อนที่จะกลับมายิ้มอย่างปกติจนซาคัสคิดว่าเมื่อกี้เขาตาฝาดไปแต่เขาก็ยังมีสติพอที่จะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเช่นเคย
"ข้า...ขอเป็นเพื่อนกับเจ้า..ได้มั้ย?" เรนีสถามพร้อมกับท่าทางดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าใดนัก ซาคัสมุ่ยคิ้วก่อนจะพยักหน้ารับตอบกลับไป
"งั้น..." ซาคัสพูดไม่ทันจบพยางค์ก็ต้องนิ่งค้างเมื่อร่างของเรนีสโผเข้ามากอดแน่น เด็กหนุ่มหน้าสวยจึงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเป็นรูปปั้นไป แต่ยังไงก็เป็นรูปปั้นแกะสลักที่งดงามนั่นแหละเนอะ หุๆ
"ขอบคุณนะ" เรนีสพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูปลื้มปิติระคนดีใจอย่างล้นเหลือจนซาคัสแปลกใจทั้งๆที่ยังคงตกใจไม่หาย
"อะ...อื้อ" ซาคัสพยักหน้าหงึกๆรับก่อนที่จะเหลือบสายตาไปมองใบหน้าของเด็กหนุ่มผมทองด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"ปล่อยข้าได้รึยัง?" ซาคัสพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆที่ขัดกับสีหน้าของตนอย่างสิ้นเชิง เป็นผลให้เรนีสที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างดีใจเหมือนมีความสุขที่ได้อยู่ในโลกส่วนตัวได้สติก่อนที่เด็กหนุมผู้ฉวยโอกาสจะค่อยๆถอยออกมาพลางเกาแก้มแก้เขิน
"โทษที...พอดีเผลอน่ะ" เรนีสพูดอย่างเขินๆ ซึ่งซาคัสก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงยกโทษให้เท่านั้น
"งั้น...ข้าขอตัวก่อนล่ะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่ บาย~" พูดจบเรนีสก็ยิ้มอย่างร่าเริงก่อนที่จะวิ่งลับหายไปในเงามืดของมุมถนน ทิ้งให้เด็กหนุ่มร่างบางได้แต่ยืนเก้ออยู่ตรงนั้นคนเดียว
"พิลึกคน" ซาคัสพึมพำเบาๆก่อนที่จะเงยหน้าไปมองบนท้องฟ้าที่ตอนนี้มีดวงดาวกระจายอยู่บนฟากฟ้าอย่างไม่รู้จบด้วยสายตาว่างเปล่า
'เจ้า...ทำได้อยู่แล้ว...เพียงแค่เอื้อมมือออกไป...ถึงแม้ว่าจะไม่ถึง...ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัส...แต่...เจ้าก็ยังมองเห็นมัน...ยังเอื้อมไปหามันได้...แค่นั้นมันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?' คำพูดของเรนีสโผล่แว๊บเข้ามาในหัวของเด็กหนุ่มผมเงินอีกครั้ง
"เพียงแค่มือของเรา...มัน...จะเอื้อมไปถึง...จริงๆงั้นเหรอ?" เสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยดังขึ้นเบาๆจากริมฝีปากบาง ใบหน้าที่เคยดูไร้ความรู้สึกกลับปรากฏริ้วรอยของความเหงาและความเจ็บปวดอย่างที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบัง
"เขาเป็นคนที่แปลกดีนะครับ ท่านซาคัส" เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มที่คาดว่าไม่น่าจะมีอายุเกินสิบห้าดังขึ้นจากทางด้านหลังของเด็กหนุ่มผมเงินซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มผมเงินตกใจเลยแม้แต่น้อย
"ใช่" ซาคัสตอบเรียบๆก่อนที่จะหันหลังไปเผชิญหน้าผู้มาใหม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างปกติโดยไม่มีวี่แววของความเหงาหรือความเศร้าสร้อยเมื่อสักครู่เลยแม้แต่น้อย
เจ้าของเสียงทุ้มยิ้มรับเบาๆ มือขาวจับคางอย่างใช้ความคิด นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมีแววว่างเปล่าเหมือนไร้ความรู้สึกซึ่งก็รับกับผิวหน้าที่ขาวซีดหากแต่คมของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี เส้นผมสีดำสนิทซอยยาวละต้นคอเป็นสีเดียวกับชุดทหารที่ใส่อยู่ในตอนนี้จนผู้ที่ผ่านมาเห็นคงนึกว่าเป็นเทพบุตรมาจุติอย่างแน่นอน
"ว่าแต่...เจ้าแอบตามข้ามาอีกแล้วเหรอ? ชิม" ซาคัสถามเรียบๆ ซึ่งเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อก็ยิ้มรับเงียบๆแต่โดยดี
"กระหม่อมเคยทูลไปแล้วไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ ว่ากระหม่อมจะติดตามอารักขาพระองค์ไปจนกว่าชีวีจะหาไม่" เด็กหนุ่มนามชิมกล่าวขึ้น ซาคัสถลึงตามองอย่างตกใจทันที
"ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าใช้คำราชาศัพท์ในที่สาธารณะ!? ชีมาร์ ฮารัลเฮล!!!" ซาคัสตวาดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าชิมอย่างเคืองจัด
"งั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยละกันนะครับ" ชิมยิ้มให้ซาคัสซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ขัดใจเด็กหนุ่มผมเงินขนานหนักเลยทีเดียว
"ดี งั้นจงจำไว้ละกัน" ซาคัสกระแทกเสียงก่อนที่จะรีบเดินสวนชิมไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มผมดำได้แต่ยิ้มบางๆก่อนจะหยิบแว่นตาของตนขึ้นมาใส่
"คร้าบๆ นายหญิงน้อย" ชิมพูดยางคางอย่างกวนๆเป็นผลให้ผู้ที่ถูกเรียกว่า "นายหญิงน้อย" หันขวับทันที เด็กหนุ่มผมดำหยุดชะงักทันทีและเขาก็พอจะเดาได้ลางๆว่านายหญิงน้อยสุดน่ารักของเขาจะทำอะไรต่อไป เด็กหนุ่มผมดำยิ้มแหยๆให้ซาคัสก่อนที่จะค่อยๆย่องหนีไปด้านข้างของซาคัส
"ชิม~" ซาคัสเรียกชื่อเด็กหนุ่มผมดำด้วยเสียงที่สุดแสนจะหวานแต่มันกลับสยองสำหรับเด็กหนุ่มผมดำอย่างยิ่ง ใบหน้าหวานของซาคัสยิ้มบางๆอย่างน่ารักจนทำให้ใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้นมาทันที
"ไปตายซะไป๊!!!" เสียงตะโกนของซาคัสดังขึ้นก่อนที่จะมีเสียงโหยหวนอย่างน่าอนาถของชิมลอยมาตามสายลมเย็นยามค่ำคืนอันแสนจะสงบสุขราวกับเพลงกล่อมเด็กที่แสนไพเราะที่กล่อมให้ผู้คนหลับใหลสู่ห้วงนิทราอันแสนสุขไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
"หืม?"
เด็กหนุ่มนามเรนีสหันหลังกลับไปมองทางที่เขาเพิ่งจากมาด้วยสายตางุนงง
'ทำไมเสียงคุ้นจังหว่า? อืม...ชักง่วง พรุ่งนี้ค่อยคิดต่อดีกว่าแฮะ' เรนีสคิดในใจก่อนที่จะหันหลังกลับไปมองถนนตรงหน้าด้วยสายตาง่วงๆโดยไม่ไยดีเสียงกรีดร้องที่ดังข้ามเมืองมาจนถึงหูเขาสักนิดเดียว
แผ่นหลังของเด็กหนุ่มผมทองค่อยๆเลือนหายไปจากที่ๆเคยอยู่พร้อมกับกำแพงตึกที่โผล่มาแทนที่โดยที่ไร้ซึ่งร่างของเด็กหนุ่มนามเรนีสอีกต่อไป เหลือเพียงค่ำคืนอันแสนสงบสุขพร้อมกับสายลมเย็นที่พัดผ่านบ้านผู้คนราวกับกล่าว 'ราตรีสวัสดิ์' ให้กับผู้คน
ห้านาทีแรก...กินข้าวไปสองจาน...
ยี่สิบนาทีต่อมา...กวาดสเต็กลงไปในท้องแปดชิ้น...
สองชั่วโมงต่อมา...ก็กินของหวานเรียบซะจนพ่อครัวไม่ต้องล้างจาน...
สี่ชั่วโมงต่อมา...หันไปสั่งเค้กมาเพิ่มอีก 2 ปอนด์...
อะไรมันจะกินจุได้ขนาดนี้!!!
"นี่..." ซาคัสพูดขึ้นซึ่งก็ไร้การตอบรับจากเด็กหนุ่มผมสีทองที่กำลังกวาดไอศกรีมถ้วยที่สิบแปดอยู่อย่างใจจดใจจ่อเหมือนไม่ได้ยินที่เขาเรียก
"นี่!..." ซาคัสเริ่มพูดเสียงดังขึ้นแต่ก็ยังไร้การตอบรับอยู่เช่นเดิม ซาคัสเริ่มกำหมัดแน่นก่อนที่จะพยายามสงบสติของตนไว้อีกครั้ง...
"เรนีส!!!" เสียงเรียกสุดท้ายดังขึ้น...พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของเด็กหนุ่มนามเรนีสเมื่อเหยื่อ (?) ของเขาติดกับเขาเข้าเต็มๆ นัยน์ตาสีอะเมทิสต์เหลือบขึ้นมาสบตากับดวงตาสีอำพัน ก่อนที่เจ้าของผมสีทองจะเป็นคนเอ่ยปากขึ้นมาด้วยเสียงใสซื่อที่ไม่เข้ากับรอยยิ้มสุดแสนเจ้าเล่ห์นั้นเลยแม้แต่น้อย
"หืม?" เรนีสครางขึ้นเป็นเชิงถามทั้งๆที่รอยยิ้มที่มุมปากยังไม่หายไปเป็นผลให้ซาคัสรู้ตัวทันทีว่าติดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าเข้าให้แล้ว
"นี่เจ้า...แกล้งไม่ได้ยิน...งั้นเหรอ?" ซาคัสถามขึ้นอย่างใจเย็นทั้งๆที่เสียงสั่นด้วยอารมณ์ครุกกรุ่นและพร้อมจะระเบิดอยู่รอมร่อ
"เปล่านี่...ว่าแต่...เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าทำไมเหรอ?" เรนีสส่งยิ้มใสซื่อให้พร้อมคำถามก่อนที่จะนั่งตักไอศกรีมที่ยีงเหลืออยู่เข้าปากอย่างสบายอารมณ์ ดูยังไงก็ดูแสร้งทำชัดๆ
"เจ้า!!!" ซาคัสพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนแต่ก็ถูกเรนีสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเอานิ้วชี้มาแนบที่ริมฝีปากเป็นเชิงว่า 'อย่าส่งเสียงดังสิ คนอื่นเค้ามองกันหมดแล้ว' ซึ่งซาคัสก็ได้แต่กัดฟันแล้วนั่งลงอย่างว่าง่ายเช่นเดิมทั้งๆที่ยังหงุดหงิดไม่หาย
"อืม...ข้าอิ่มแล้วแหละ" เรนีสยิ้มบางๆก่อนที่จะเรียกพนักงานในร้านมาให้เก็บเงินก่อนที่เขาจะกระซิบอะไรบางอย่างข้างๆหูของพนักงานคนนั้นซึ่งพนักงานคนนั้นก็มีสีหน้าตกใจสักพักก่อนที่จะรีบวิ่งไปด้านหลังครัว เรนีสมองแล้วยิ้มขำๆก่อนที่จะหันมามองทางซาคัสต่อ
"ไปกันเถอะ" เรนีสพูดขึ้นพร้อมกับยืนบิดตัวด้วยความเมื่อย ซาคัสมองอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ก่อนที่จะลุกขึ้นตาม
"ไม่ต้องจ่ายเงินเหรอ?" ซาคัสถามขึ้นพร้อมกับมองไปทางเรนีสอย่างเคลือบแคลง เรนีสยักไหล่เบาๆก่อนที่จะเดินนำออกนอกร้านไปอย่างสบายๆ
"อืม ไม่ต้องหรอก" เรนีสตอบยิ้มๆก่อนที่จะเดินต่อไปเรื่อยๆ ส่วนซาคัสแม้จะยังสงสัยอยู่แต่เขาก็เดินตามเรนีสออกไปเช่นกัน
"นี่...บ้านของเจ้าอยู่ไหนเหรอ?" เรนีสถามขึ้นพลางเดินเอื่อยมองท้องฟ้าไปเรื่อยๆโดยไม่ได้หันมามองผู้ถูกถาม ซาคัสเองก็มองผู้ถามอย่างงงๆก่อนที่จะตอบ
"แถวๆนี้แหละ" ซาคัสตอบเบาๆก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าบ้าง เรนีสยิ้มบางๆกับคำตอบนั้นก่อนที่จะหยุดเดินไปซึ่งซาคัสเองก็หยุดตาม
"ข้าก็เหมือนกัน" ทั้งสองคนต่างมองดวงดาวที่กลาดเกลื่อนฟ้าไปเงียบๆ จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรให้ขัดกับบรรยากาศในยามค่ำคืนที่สวยงามเฉกเช่นตอนนี้
"เรา...จะเอื้อมไปถึงดวงดาว...ได้รึเปล่านะ?" ซาคัสเปรยขึ้นเบาๆเหมือนกับว่าคุยอยู่กับตนเอง เรนีสหันมามองเด็กหนุ่มผมสีเงินด้วยสายตาที่เป็นคำถามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
"ลำพังแค่สองมือของเรา...สองมือนี้...จะสามารถ...เอื้อมไปถึงดาว...ได้รึเปล่านะ?" ซาคัสถามขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้เขาหันหน้ามาสบตากับเรนีสด้วยสายตาเรียบๆแต่คราวนี้...ไม่มีความเย็นชาในดวงตาคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย เรนีสเงยหน้าขึ้นไปมองเหล่าดาราอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ตอบอะไร ซาคัสก้มหน้ามองลงพื้นแล้วแค่นหัวเราะเหมือนกับพึ่งนึกได้ว่าตนเองถามอะไรแปลกๆออกไป
"ข้าแค่ถาม อย่าไปใส่ใจเลยละกัน ข้ากลับล่ะ" ซาคัสพูดก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินก้มหน้าออกไปคนเดียว
"ได้สิ" เสียงเรนีสดังขึ้นเรียกให้ร่างบางหยุดชะงักได้ทันที ซาคัสหันกลับมามองอย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรนัก
"เจ้า...ทำได้อยู่แล้ว...เพียงแค่เอื้อมมือออกไป...ถึงแม้ว่าจะไม่ถึง...ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัส...แต่...เจ้าก็ยังมองเห็นมัน...ยังเอื้อมไปหามันได้" เรนีสตอบทั้งๆที่สายตายังมองดวงดาวอยู่ก่อนที่จะละจากดวงดาวมามองหน้าเด็กหนุ่มผู้ถาม
"แค่นั้น...มันก็พอไม่ใช่เหรอ?" เรนีสยิ้มให้ซาคัสแต่คราวนี้ไม่ได้มีแววเจ้าเล่ห์หรือร่าเริงอยู่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงรอยยิ้มที่ดูจริงใจกับแววตาที่ซ่อนความเศร้าหมองเอาไว้ ซาคัสจ้องดวงตาคู่นั้นเหมือนกับว่ากำลังหาความรู้สึกของเจ้าของดวงตาคู่นั้น
"แหะๆ พูดอะไรแปลกๆแล้วสิเรา ว่าแต่...ซาคัส" เรนีสหลบสายตาของซาคัสก่อนที่จะกลับมายิ้มอย่างปกติจนซาคัสคิดว่าเมื่อกี้เขาตาฝาดไปแต่เขาก็ยังมีสติพอที่จะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเช่นเคย
"ข้า...ขอเป็นเพื่อนกับเจ้า..ได้มั้ย?" เรนีสถามพร้อมกับท่าทางดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าใดนัก ซาคัสมุ่ยคิ้วก่อนจะพยักหน้ารับตอบกลับไป
"งั้น..." ซาคัสพูดไม่ทันจบพยางค์ก็ต้องนิ่งค้างเมื่อร่างของเรนีสโผเข้ามากอดแน่น เด็กหนุ่มหน้าสวยจึงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเป็นรูปปั้นไป แต่ยังไงก็เป็นรูปปั้นแกะสลักที่งดงามนั่นแหละเนอะ หุๆ
"ขอบคุณนะ" เรนีสพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูปลื้มปิติระคนดีใจอย่างล้นเหลือจนซาคัสแปลกใจทั้งๆที่ยังคงตกใจไม่หาย
"อะ...อื้อ" ซาคัสพยักหน้าหงึกๆรับก่อนที่จะเหลือบสายตาไปมองใบหน้าของเด็กหนุ่มผมทองด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"ปล่อยข้าได้รึยัง?" ซาคัสพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆที่ขัดกับสีหน้าของตนอย่างสิ้นเชิง เป็นผลให้เรนีสที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างดีใจเหมือนมีความสุขที่ได้อยู่ในโลกส่วนตัวได้สติก่อนที่เด็กหนุมผู้ฉวยโอกาสจะค่อยๆถอยออกมาพลางเกาแก้มแก้เขิน
"โทษที...พอดีเผลอน่ะ" เรนีสพูดอย่างเขินๆ ซึ่งซาคัสก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงยกโทษให้เท่านั้น
"งั้น...ข้าขอตัวก่อนล่ะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่ บาย~" พูดจบเรนีสก็ยิ้มอย่างร่าเริงก่อนที่จะวิ่งลับหายไปในเงามืดของมุมถนน ทิ้งให้เด็กหนุ่มร่างบางได้แต่ยืนเก้ออยู่ตรงนั้นคนเดียว
"พิลึกคน" ซาคัสพึมพำเบาๆก่อนที่จะเงยหน้าไปมองบนท้องฟ้าที่ตอนนี้มีดวงดาวกระจายอยู่บนฟากฟ้าอย่างไม่รู้จบด้วยสายตาว่างเปล่า
'เจ้า...ทำได้อยู่แล้ว...เพียงแค่เอื้อมมือออกไป...ถึงแม้ว่าจะไม่ถึง...ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัส...แต่...เจ้าก็ยังมองเห็นมัน...ยังเอื้อมไปหามันได้...แค่นั้นมันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?' คำพูดของเรนีสโผล่แว๊บเข้ามาในหัวของเด็กหนุ่มผมเงินอีกครั้ง
"เพียงแค่มือของเรา...มัน...จะเอื้อมไปถึง...จริงๆงั้นเหรอ?" เสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยดังขึ้นเบาๆจากริมฝีปากบาง ใบหน้าที่เคยดูไร้ความรู้สึกกลับปรากฏริ้วรอยของความเหงาและความเจ็บปวดอย่างที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบัง
"เขาเป็นคนที่แปลกดีนะครับ ท่านซาคัส" เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มที่คาดว่าไม่น่าจะมีอายุเกินสิบห้าดังขึ้นจากทางด้านหลังของเด็กหนุ่มผมเงินซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มผมเงินตกใจเลยแม้แต่น้อย
"ใช่" ซาคัสตอบเรียบๆก่อนที่จะหันหลังไปเผชิญหน้าผู้มาใหม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างปกติโดยไม่มีวี่แววของความเหงาหรือความเศร้าสร้อยเมื่อสักครู่เลยแม้แต่น้อย
เจ้าของเสียงทุ้มยิ้มรับเบาๆ มือขาวจับคางอย่างใช้ความคิด นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมีแววว่างเปล่าเหมือนไร้ความรู้สึกซึ่งก็รับกับผิวหน้าที่ขาวซีดหากแต่คมของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี เส้นผมสีดำสนิทซอยยาวละต้นคอเป็นสีเดียวกับชุดทหารที่ใส่อยู่ในตอนนี้จนผู้ที่ผ่านมาเห็นคงนึกว่าเป็นเทพบุตรมาจุติอย่างแน่นอน
"ว่าแต่...เจ้าแอบตามข้ามาอีกแล้วเหรอ? ชิม" ซาคัสถามเรียบๆ ซึ่งเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อก็ยิ้มรับเงียบๆแต่โดยดี
"กระหม่อมเคยทูลไปแล้วไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ ว่ากระหม่อมจะติดตามอารักขาพระองค์ไปจนกว่าชีวีจะหาไม่" เด็กหนุ่มนามชิมกล่าวขึ้น ซาคัสถลึงตามองอย่างตกใจทันที
"ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าใช้คำราชาศัพท์ในที่สาธารณะ!? ชีมาร์ ฮารัลเฮล!!!" ซาคัสตวาดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าชิมอย่างเคืองจัด
"งั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยละกันนะครับ" ชิมยิ้มให้ซาคัสซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ขัดใจเด็กหนุ่มผมเงินขนานหนักเลยทีเดียว
"ดี งั้นจงจำไว้ละกัน" ซาคัสกระแทกเสียงก่อนที่จะรีบเดินสวนชิมไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มผมดำได้แต่ยิ้มบางๆก่อนจะหยิบแว่นตาของตนขึ้นมาใส่
"คร้าบๆ นายหญิงน้อย" ชิมพูดยางคางอย่างกวนๆเป็นผลให้ผู้ที่ถูกเรียกว่า "นายหญิงน้อย" หันขวับทันที เด็กหนุ่มผมดำหยุดชะงักทันทีและเขาก็พอจะเดาได้ลางๆว่านายหญิงน้อยสุดน่ารักของเขาจะทำอะไรต่อไป เด็กหนุ่มผมดำยิ้มแหยๆให้ซาคัสก่อนที่จะค่อยๆย่องหนีไปด้านข้างของซาคัส
"ชิม~" ซาคัสเรียกชื่อเด็กหนุ่มผมดำด้วยเสียงที่สุดแสนจะหวานแต่มันกลับสยองสำหรับเด็กหนุ่มผมดำอย่างยิ่ง ใบหน้าหวานของซาคัสยิ้มบางๆอย่างน่ารักจนทำให้ใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้นมาทันที
"ไปตายซะไป๊!!!" เสียงตะโกนของซาคัสดังขึ้นก่อนที่จะมีเสียงโหยหวนอย่างน่าอนาถของชิมลอยมาตามสายลมเย็นยามค่ำคืนอันแสนจะสงบสุขราวกับเพลงกล่อมเด็กที่แสนไพเราะที่กล่อมให้ผู้คนหลับใหลสู่ห้วงนิทราอันแสนสุขไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
"หืม?"
เด็กหนุ่มนามเรนีสหันหลังกลับไปมองทางที่เขาเพิ่งจากมาด้วยสายตางุนงง
'ทำไมเสียงคุ้นจังหว่า? อืม...ชักง่วง พรุ่งนี้ค่อยคิดต่อดีกว่าแฮะ' เรนีสคิดในใจก่อนที่จะหันหลังกลับไปมองถนนตรงหน้าด้วยสายตาง่วงๆโดยไม่ไยดีเสียงกรีดร้องที่ดังข้ามเมืองมาจนถึงหูเขาสักนิดเดียว
แผ่นหลังของเด็กหนุ่มผมทองค่อยๆเลือนหายไปจากที่ๆเคยอยู่พร้อมกับกำแพงตึกที่โผล่มาแทนที่โดยที่ไร้ซึ่งร่างของเด็กหนุ่มนามเรนีสอีกต่อไป เหลือเพียงค่ำคืนอันแสนสงบสุขพร้อมกับสายลมเย็นที่พัดผ่านบ้านผู้คนราวกับกล่าว 'ราตรีสวัสดิ์' ให้กับผู้คน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น