รักล้นใจจากนายแฟนเก่า - รักล้นใจจากนายแฟนเก่า นิยาย รักล้นใจจากนายแฟนเก่า : Dek-D.com - Writer
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    รักล้นใจจากนายแฟนเก่า

    ผู้เข้าชมรวม

    24

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    24

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ต.ค. 67 / 14:25 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ



    ข้อมูลเบื้องต้น

    “อะไร? มีอะไรอีก?”

    “นายจะบอกฉันเมื่อไหร่?”

    “เรื่องอะไร เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”

    “ที่นายบอกเลิกฉัน เพียงเพราะต้องไปแต่งงานกับมัน แค่นั้นเหรอ เรื่องของเรา มีความหมายบ้างไหม!?”

    “มันเคยมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”

    “ทำไม? ฉันทำอะไรผิด”

    “นายไม่ผิดหรอก ฉันแค่มีเวลาให้นายไม่มากเท่าที่นายต้องการ ตอบสนองให้นายได้น้อยกว่าคนอื่นไง มันเลยไม่มีความหมายที่จะอยู่ต่อ”

    “ทำไมพูดเหมือนว่า ฉันมีคนอื่น…ฉันไม่เคยนอนกับใครนะ ธีร์ เราคบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนตอนนี้กี่ปีเข้าไปแล้ว จะสิบปี!! ให้บอกละเอียดกว่านี้ไหม 9 ปี 8เดือน กับอีก 24 วัน!! นายยังระแวงฉันอีกเหรอ?”

    “….”

    “พูดสิ ทำไมยังระแวงกัน ฉันดีไม่พอเหรอ? ฉันดูสำส่อนเหรอ ดูมั่วมากเลยจริงดิ ที่ผ่านมา นายไม่เคยจะเชื่อใจเลยเหรอวะ แม่ง!!”

    “อาร์ต…ฉัน…แค่…”

    “อ๋อ เพราะมันรวยกว่าสินะ นายชอบใช้ของแพงนี่ แต่อยู่กับฉันไม่มีของแบรนด์เนมให้ใช้ อยากได้อะๆรก็ต้องรอ ใช่ไหม?”

    “อย่ามาดูถูกกันนะ ถ้าเป็นเรื่องนี้ ฉันไปนานแล้ว แต่นายทำงานแบบนั้น ใช้ชีวิตแบบนั้น วัน ๆ ใครต่อใครก็เอาแต่พูดกรอกหูฉันว่าผัวฉันมีแม่ ๆ เลี้ยง มีสาวคอยสนับสนุน แล้วยัง…”

    “นายเอาแต่เชื่อคนอื่น ฟังคนอื่นพูดต่าง ๆ นา ๆ แต่ทำไมถึงไม่เคยเชื่อเวลาที่ฉันพูดอะไรเลย ได้! ถ้านายต้องการไป ฉันจะไม่รั้งอีกแล้ว นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันทำแบบนี้ อ่อ ห้องนี่ นายอยู่ไปเถอะ ไม่ต้องเก็บของไปไหนหรอก ฉันจะไปเอง!!”

     

    5 ปีต่อมา

    “บ้าเอ้ย ตอนเลิกกับมันก็ว่าจะแต่งกับกู ให้กูรอมาห้าปี ห้ามโน่นห้ามนี่ แตะเนื้อต้องตัวก็ไม่ได้!! ตกลงมึงเห็นกูเป็นอะไรวะธีร์ กูรอมึงมานานขนาดนี้ เสือกบอกว่าจะไม่แต่งงานแล้ว มึงนึกว่าเล่นขายของอยู่เหรอวะ ห้ะ!!”

    “ขอโทษด้วยนะดล แต่ว่าเราสองคนก็รู้ดีว่าการหมั้นครั้งนั้น เป็นเพราะพ่อเราเป็นหนี้ เราทำงานหนักเพื่อเวลานี้ เราไม่อยากเอาตัวเข้าแลกเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ ดลปล่อยเราไปได้ไหม”

    “ได้ ได้สิ ปล่อยเหรอวะ! ได้เลย!! มึงมานี่!!”

    “โอ้ย!! เจ็บนะ”

    ธนดล เหวี่ยงธีร์ลงไปบนโซฟาในห้องทำงานนั่นแหละ ก่อนจะเข้ามาจู่โจม พยายามจะจูบและบังคับให้ธีร์ยอมเขา แต่ธีร์ดิ้นรนสุดแรงแม้จะตัวเล็กกว่ามาก 

    “อื้อ…ปล่อยนะ!!”

    พลั่ก! ตุ้บ…ผัวะ ผัวะ!

    “เห้ย เชี่ยเอ้ย มึงเข้ามาได้ไงวะ”

    ธนดลถูกจับ ดึงขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวแล้วก็ยังถูกเหวี่ยงใส่ด้วยหมัดลุ่น ๆ อีกหลายครั้ง หันมาเห็นคนที่ดูคุ้นตาแต่ยังนึกไม่ออก เขาโมโหจนตะโกนลั่นหวังเอาเรื่องผู้ที่มาใหม่ แต่อีกฝ่ายตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน สีหน้าเย็นชา น้ำเสียงนิ่ง แววตาเหลือบมองไปยังธีร์

    “ก็เลขานายให้เข้ามาไง”

    “อะไร…ให้เข้ามาง่าย ๆ ได้ไงวะ เธอทำงานยังไง”

    “ขอโทษค่ะคุณดล แต่คุณเขาจะเข้ามาเป็นประธานคนใหม่ของบริษัทเราค่ะ”

    “อะไรนะ?”

    “ได้ยินแล้วนี่ พวกนาย…เอาตัวไอ้หมอนี่ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!”

    “ครับบอส”

    “เห้ย อะไรวะ พวกมึงทำแบบนี้ไม่ได้นะ ปล่อยกูสิวะ กูบอกให้ปล่อยไง!!”

    ธีร์ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แม้จะยังตกใจอยู่มากแต่ก็มีความไม่เข้าใจมากกว่า เขามองสายตาของอาร์ตที่เย็นชา เปลี่ยนไป เขาดูดุดันกว่าที่เคยเห็น แต่ใบหน้านั้นยังคงหล่อเหลาคมคายเช่นเคย อาร์ต หรือ อาชวิน ทำเพียงปรายตามองอดีตคนรักที่ทำเขาเจ็บช้ำมาอย่างยาวนาน แทบจะเสียคนเลยตอนนั้น เมื่อคนของอาร์ต ลากตัวธนดลออกไปแล้ว ธีร์ก็ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย รู้สึกหวั่นไหวกับสายตาที่เรียบนิ่ง

    “อาร์ต…ที่พี่บัวพูดหมายความว่ายังไง?”

    “คุณบัว คุณเป็นเลขาธนดลนี่ อธิบายสิครับ”

    “เอ่อ…แต่คุณธีร์เป็นคนนอก”

    “เขาเป็นอดีตคู่หมั้นของลูกชายประธานคนเก่าอย่างนายธนดล และเป็นทั้งอดีตคนรักของประธานคนใหม่อย่างฉัน และที่สำคัญ พ่อของเขาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ”

    “เอ่อ…ค่ะ พอดีว่าสภาพคล่องทางการเงินของที่นี่มีภาวะวิกฤตมาสักระยะแล้วค่ะ คุณธีร์คงไม่ทราบว่าเงินจำนวนมหาศาลถูกพ่อของคุณธนดลโกงไปเมื่อหลายปีมาแล้ว เขาล็อบบี้คนอื่นด้วยอำนาจเงินที่โกงไปค่ะ นั่นทำให้ใครหลายคนเป็นหนี้ ล้มละลาย ถอนหุ้น ขายหุ้นทิ้ง และอีกหลายท่าน…ฆ่าตัวตาย ขายลูกแบบที่พ่อคุณทำ…เอ่อ…นั่นแหละค่ะ แต่ว่า…คุณอาชวินได้เข้ามาจัดการซื้อหุ้น ควบรวมกิจการที่กำลังถูกฟ้องอยู่ เคลียร์ปัญหาทั้งหมด เริ่มจากการที่หากลโกงพร้อมหลักฐาน ตอนนี้คุณธนดลกำลังถูกตำรวจพาตัวไปสอบสวนด้วยอีกคนค่ะ”

    “ว…ว่าไงนะ?”

    “ส่วนเงินที่คุณพยายามหามาใช้หนี้แทนคุณประสิทธิ์พ่อของคุณ รับคืนได้ที่คุณอาชวินเลยค่ะ”

    “พี่บัว…”

    “ดิฉันขอตัวนะคะ”

    เมื่อเหือเพียงสองคน บรรยากาศแห่งความกระวนก็ลอยอบอวลขึ้นมาในทันที อาร์ตเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของประธานบริษัท ส่วนธีร์ได้แต่มองตามร่างสูงนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยคำพูดใดออกมา จนกระทั่ง…

    “ไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยเหรอ”

    “เอ่อ..ข…ขอบคุณนะ ขอบคุณที่มาช่วย”

    “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”

    “นายอยากได้อะไรตอบแทนล่ะ ชีวิตนี้ เหมือนว่านายจะได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว”

    “มีอยากนึงที่ฉันยังไม่มีและยังอยากได้มันอยู่”

    สายตาอีกฝ่ายที่เคยเรียบเฉยดูเปลี่ยนไป มันดุดันน้อยลง มีแววสั่นไหวเล็กน้อย ธีร์หายใจติดขัด รู้สึกแปลก ๆ รอแบบใจจดใจจ่อ ก่อนตัดสินใจถามกลับเมื่ออีกฝ่ายเว้นช่วงนานเกินไป 

    “นายยังมีอะไรที่อยากได้อีก”

    “นาย และความเชื่อใจจากนายไม่ว่าเรื่องอะไร”

    “นายหมายความว่ายังไง”

    “5 ปี นายได้มีอิสระ ไปทำตามความต้องการของครอบครัวและตัวนายเอง นายพอใจหรือยัง”

    “เดี๋ยวสิ ตอบคำถามฉันมานะ นายหมายความว่ายังไงที่นายพูดเมื่อกี้”

    “ฉันต้องการนาย แค่นี้ยังไม่ชัดอีกเหรอ”

    “นาย…ไม่ได้เกลียดฉันไปแล้วหรอกเหรอ”

    “ก็ถ้าฉันเกลียด แล้วนายจะทำยังไง”

    “ไม่รู้สิ…แต่คนที่เขาเกลียดกัน เขาจะไม่อยากเจอหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่นายพึ่งบอกนี่ว่านายต้องการฉัน นายล้อเล่นกับฉันหรือไง”

    “ฉันไม่เคยล้อเล่น ชีวิตของฉันพูดและทำจริงเสมอ ฉันบอกว่าฉันจะไปฉันก็ไป แต่ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะไม่กลับเข้ามาในชีวิตนาย ตอนนี้ระหว่างเรา ไม่มีอุปสรรคแล้วนี่ ที่นี้นายจะพูดความจริงกับฉันได้หรือยัง หรือต้องรอให้ฉันแห่ขันหมากไปที่บ้านของนาย แล้วคุยต่อหน้าพ่อแม่นายเลย”

    “ยังไงฉันก็ไม่เข้าใจ นายช่วยฉันทำไม นายควรจะเกลียดฉันสิ ฉันทอดทิ้งนายนะ”

    “ถ้าฉันบอกว่าที่ผ่านมาฉันรู้และเข้าใจเหตุผลของนายดีจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายไป ทำให้เหมือนกับว่าฉันและนายจบกันไปจริงๆ ถ้าฉันจะบอกว่าที่ผ่านมาฉันเชื่อใจนายเสมอว่าเราจะไม่ยอมมีอะไรกับใครและรอฉันกลับเข้ามาในสักวัน ถ้าฉันจะบอกว่าฉันรู้ทุกอย่างตลอดระยะเวลา 5 ปีที่เกี่ยวกับตัวนาย นายจะเชื่อฉันไหมล่ะ”

    “ไม่อยากจะเชื่อเลย”

    “ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันบอบช้ำ แล้วก็เจ็บปวดทั้งๆที่รู้เหตุผลของนาย ฉันรู้ว่านายต้องแต่งงานเพื่อครอบครัวและทิ้งคนจนๆแบบฉันไป และฉันก็รู้ทั้งรู้ว่านายไม่ได้เต็มใจฉันสามารถยื้อและพานายหนีไปได้แต่ฉันไม่ได้เลือกทำเพราะรู้ว่านายรักครอบครัวมาก ต่อให้ไปอยู่ด้วยกันนายก็จะไม่มีวันมีความสุขไปตลอดชีวิต เราสองคนทุกข์ทรมานมามากพอหรือยัง ตอนนี้ถึงเวลานายต้องตัดสินใจที่จะทำอะไรเพื่อชีวิตของตัวเองบ้างแล้ว”

    “นาย…รู้มาตลอดเลยเหรอ”

    อาชวิน หรืออาร์ต เขาเกิดในครอบครัวปานกลางพ่อเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาแล้วแม่ก็เป็นแค่แม่ค้าขายของในหมู่บ้านจัดสรร ขายแค่พวกของเครื่องใช้ทั่วไปเหมือนร้านโชห่วย แต่เป็นเพียงร้านที่เปิดหน้าบ้านกั้นเป็นตู้กระจกและมีของไม่กี่ชิ้นที่จำเป็นสำหรับคนในหมู่บ้านเผื่อว่าใครขี้เกียจออกไปข้างนอก ไม่ได้มีกำไรอะไรมากมายนัก ส่วนตัวเขาเอง เรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่กลับหางานทำไม่ได้ตลอดระยะเวลาที่คบกัน เขาเลยไปเป็นเด็กบาร์โฮส คอยดูแลเทคแคร์สาวแก่แม่หม้ายหรือคนมีเงินต่างๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาไม่มีรสนิยมที่จะชื่นชมในตัวผู้หญิงเลย เขารู้ตัวเองมาตั้งแต่วัยรุ่นก็แท้จริงแล้วเขารักในเพศเดียวกันมากกว่า พ่อแม่ของเขาเองก็รู้ จนกระทั่งมาเจอกับธีร์ ธีรเดช ทั้งสองคนรู้สึกถูกตาต้องใจ แล้วก็ไม่คิดว่าจะคบกันมายาวนานถึง 9 ปีกว่า แต่อาร์ตก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่พัฒนาไม่ว่าจะด้านการเงินการงานหรืออะไรเลย การเป็นบาร์โฮสทำให้เขาหลงลืมเรื่องที่จะไปเป็นวิศวกร ไม่ active ชีวิตของตัวเอง เลิกพยายามเพราะรู้สึกว่าการหาเงินก็ไม่ได้ยาก เขาลืมมองไปว่าธีรเดชเป็นลูกของคนร่ำรวยที่ต้องการความมั่นคง แล้วเพราะครอบครัวมีปัญหาอาร์ตก็ไม่สามารถ support ครอบครัวของคนรักได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะงั้นจะมีหน้าไปขัดขวางตอนที่พ่อของคนรักอ้อนวอนขอให้เขาไปแต่งงานหรือหมั้นหมายกับคนที่มีผลประโยชน์ร่วมกันได้ยังไง แต่ภายหลังเขาสืบจนรู้ว่าครอบครัวนั้นแท้จริงแล้วมีดีแต่เปลือกโดยเฉพาะคู่หมั้นของอดีตคนรักเขา ธนดลเป็นผู้ชายเจ้าชู้มากรัก เป็นเสือใบนิยมชมชอบในการร่วมรักกับทั้งผู้หญิงและผู้ชายโดยเฉพาะการมีเซ็กส์หมู่หรือเรียกว่าสวิงกิ้ง มีรสนิยมที่ค่อนข้างรุนแรง สาเหตุที่เขายอมให้ธีรเดชได้เช่นคัวมายาวนานนั่นก็เพราะว่า พวกผู้ใหญ่ขอเอาไว้ เนื่องจากไม่อยากมีปัญหาจิตใจกันเพราะครอบครัวของธีรเดชเป็นผู้ดีเก่าและค่อนข้างมีเส้นสาย อย่างเดียวที่ผิดพลาดไปก็คือพ่อของธีรเดชถูกโกงซึ่งคนที่โกงก็เป็นพ่อของธนดลนั่นเองเมื่อรู้ความจริงนั้น เขาจึงเริ่มพัฒนาตัวเองเรียนรู้เกี่ยวกับการเล่นหุ้นเพราะเพื่อนบอกว่านี่เป็นทางเดียวที่จะรวยทางลัดถ้าหากจับทางถูกยังไงเขาต้องกลายเป็นมหาเศรษฐีภายใน 2 หรือ 3 ปีอย่างแน่นอนแต่ปรากฏว่าเหมือนเขาจะมีดวงทางนี้ เรียนวิศวกรรมมาไม่มีดวงเลยไม่ว่าจะไปสมัครที่ไหนก็ไม่มีใครรักเพราะผลการเรียนของเขามันแค่ปานกลางไม่มีอะไรโดดเด่นแถมมาจากคนที่ไม่มีอะไรเลยครอบครัวก็อยู่แค่ฐานะปานกลางเท่านั้น แต่พอมาเล่นหุ้นเท่ากับสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดีภายใน 6 เดือนแรกและปีครึ่งต่อมาเขาก็กลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างลับๆ ลับแบบค่อยเป็นค่อยไป เขานำเงินนั้นมาสร้างธุรกิจหลายอย่างและจ้างผู้ชำนาญการแต่ละด้านไปดูแล ตัวเองเน้นทำเงินไปลงทุน และถือหุ้น จนกระทั่งไล่ควบรวมกิจการเก่าแก่ที่มีปัญหาจนมาถึงบริษัทนี้ และเขาทำสำเร็จ ทันทีที่ทนายแจ้งว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็ไม่รีรอที่จะมาปรากฏตัวที่หน้าคนรักและเขาคิดถูก หากมาข้ากว่านี้เขาคงได้กลายเป็นฆาตกรเพราะนายธนดลนั่น 

    “มึง!!...อย่าให้กูรอดไปได้นะ พวกมึงได้ตายแน่”

    “เงียบหน่อย!”

    ทุกครั้งที่มีการขึ้นศาลต่อสู้คดี พ่อของธนดลถูกส่งเข้าคุกไปแล้ว เหลือเพียงลูกชายที่้ขารักยังดิ้นรนต่อสู้เพื่ออิสรภาพ แต่พยายามยังไง หลักฐานที่ยังทิ้งร่องรอยแม้คนเป็นพ่อจะพยายามกลบเอาไว้มิดชิดแค่ไหนก็ไม่อาจรอดสายตา หลังสู้กันมานานหลายเดือนศาลก็ตัดสินให้จำคุก ท่ามกลางความโล่งอกของผู้เป็นพ่อของธีรเดช 

    “ขอบใจนะอาร์ต ถ้าไม่ได้เรา ลุงคงแย่และโง่ไปอีกนาน ไม่นึกเลยว่าเพื่อนจะทำได้ลงคอ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง ผมยินดีครับ”

    หลังจากจบเรื่องแล้ว อาร์ต พยายามจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของธีร์ แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกผิดมากจนพยายามถอยหนี ผ่านมาหลายเดือน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับไปเป็นดังเดิมได้ 

    “ธีร์ ไปคุยกับฉันหน่อยสิ”

    “มีอะไร”

    “มาเถอะน่า”

    “ไม่ไป”

    “ธีร์…ไปคุยกับอาร์ตเขาหน่อยสิลูก มีอะไรก็ค่อยคุยกันเถอะนะ พ่อขอโทษที่เห็นแก่ตัวและไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับลูกเลย ถ้าพ่อรู้ พ่อคงจะยอม…ล้มละลายไปเสีย ไม่ต้องให้ลูกเลิกกับคนรักแบบนี้”

    ธีรเดชอึ้งไป อึกอักอยากปฏิเสธเพราะกลัวใจอ่อน เขาไม่อยากเอาตัวเองกลับไปเพื่อเอาเปรียบอีกฝ่าย เขารู้สึกผิดและโทษตัวเองมาโดยตลอด พออีกฝ่ายยิ่งมาทำดีขนาดนี้เขายิ่งรู้สึกแย่ แต่ถ้าพ่อพูดขนาดนี้ก็คงต้องลองไปคุยดู

    “มีอะไรอีก ถ้าจะคุยเรื่องของเราก็ไม่ต้องหรอกนะ ฉันบอกไปแล้วว่ามันไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม”

    “นี่นายไม่รู้สึกผิดกับฉันเลยเหรอ สักนิดก็ไม่เลยเหรอ นายทอดทิ้งฉัน! ทำฉันเสียใจเท่าไหร่ แต่นายจะไม่คิดทำอะไรเพื่อฉันบ้างเลยเหรอ!?”

    “ฉันกำลังทำเพื่อนายนี่ไง! ฉันมันคนเห็นแก่ตัวมาตั้งแต่แรก นายจะมาจมอยู่กับคนแบบฉันทำไม เลิกกันไปนานแล้วนะ ให้มันเป็นอดีตต่อไปเถอะ”

    “โห…นายแม่ง โครตใจดำเลยว่ะ นายไม่เคยรับรู้ถึงความจริงใจของฉันบ้างเลยเหรอ ฉันพยายามมาตั้งไกลขนาดนี้เพื่อยืนเคียงข้างนาย แล้วดูสิ…ดูสิ่งที่นายตอบแทนความจริงใจของฉันแบบนี้เหรอ?”

    “…..”

    “นายไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เห็นแก่ตัวได้ตลอดเลยสินะ เข้าใจแล้วล่ะ จากนี้ไปจะไม่มาให้เห็นหน้าอีก ลาขาด ขอให้นายโชคดีแล้วกัน”

    ธีรเดชยืนมองอีกฝ่ายขับรถออกไปด้วยใจที่บอบช้ำไม่ต่างกัน เขารู้ดีว่าเป็นคนที่เห็นแก่ตัว เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากเอาเปรียบอาร์ตอีก เขาเหนื่อยมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่จะมาทุ่มเทให้ผู้ชายเห็นแก่ตัวกับครอบครัวเขามันก็ไม่ใช่เรื่อง จบกันแบบนี้ล่ะดีแล้ว มันคงดีแล้วจริง ๆ แต่ทำไมนะ ทำไมกัน…ยิ่งคิดว่าจบกัน น้ำตามันยิ่งไหลออกมาไม่หยุดเลย ความเจ็บปวดทรมานที่อีกคนได้รับ เขาเข้าใจมันดี เขาเข้มแข็งไม่พอที่จะกลับไป อยากให้อีกฝ่ายไปได้ดี ไปเจอคนที่ดีกว่าเขาคนนี้ ธีรเดชร้องไห้จนตัวสั่นเกินควบคุม ยืนไม่ไหว ทรุดลงไปกับพื้น นางอารยาผู้เป็นมารดาที่ยืนมองอยู่นานเห็นลูกอ่อนแอขนาดนั้นก็ทนมองเฉย ๆ อีกไม่ไหว รีบเดินเข้ามากอดประคองและพาขึ้นห้อง 

    “ธีร์ ลูกแม่…ฟังแม่นะ ความผิดเดียวของลูก คือเลือกทิ้งเขามา แต่เหตุผลลึก ๆ ลูกรู้ดี ลูกไม่อยากให้อาร์ตมีชีวิตที่แย่และเหนื่อบกับหนี้สินครอบครัวเรา ลูกหวังดีไม่ใช่เหรอ”

    “แล้วมีประโยชน์อะไร เราห่างกันมานานแล้วนะแม่ เขามีชีวิตที่ดี แต่ดูเราสิ เราไม่มีอะไรเลยนะแม่”

    “แล้วทำไมยังไม่ยอมคืนดีกับเขาอีก เขาชัดเจนมากว่าทำทุกอย่างเพื่อลูก ที่เขาทุ่มเทเพื่อลูกทั้งนั้น เขามีของที่อยากได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นของที่เงินทองซื้อไม่ได้ นั่นคือความรัก ทำไมลูกยังไม่เข้าใจ”

    “ความรัก…”

    “เขาพยายามทุกอย่างเพื่อรัก รีกที่บูกพรากมาจากเขาไง เอาคืนให้เขาเถอะนะ ถ้าลูกเองก็ยังรักเขา แล้วทำไมถึงจะยอมทิ้งหัวใจตัวเองล่ะ วันนี้เราไม่มี เราก็หาได้ ตอนนั้นเขาไม่มีเขายังหาและมาจนถึงระดับนี้ได้เลย คิดดี ๆ นะ ก่อนลูกจะเสียเขาไปตลอดชีวิต เชื่อแม่นะ ในช่วงชีวิตนึงของคนเรา มีคนดีและรักเราไม่กี่คนหรอกนะที่จะผ่านเข้ามา ถ้าหลุดมือไปแล้ว มันอาจจะไม่มีวันหวนคืนอีก”

    คำพูดของมารดาทำให้ธีรเดชฉุกใจคิดขึ้นมาได้ เขากำลังทำร้ายทั้งตัวเองและหัวใจของคนคนหนึ่งที่รักเขามาตลอด เคยทำร้ายเขาไปครั้งหนึ่งแล้วครั้งนี้ก็ยังทำอีกเขาเป็นคนเลวที่ใจร้ายจริงๆนั่นแหละ เมื่อคิดได้เขาก็กอดและหอมแก้มมารดาอีกครั้งก่อนที่จะรีบปาดน้ำตาจากนั้นวิ่งลงไปด้านล่างคว้ากุญแจรถที่ทิ้งเอาไว้ขับรถออกไป มือก็พยายามต่อสายหาอีกฝ่ายนึงไปด้วยแต่เขาไม่รับสาย โทรแล้วโทรอีกเป็นสิบๆสายเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ อาชวิน พักอาศัยอยู่ที่ไหน เลิกกันไปนานพอวนกลับมาเจอกันอีกครั้งเขาก็ไม่เคยถามว่าอีกฝ่ายยังพักอยู่ที่เดิมไหมหรือมีที่อยู่อาศัยที่ดีกว่าเดิมแล้วเพราะตอนนี้ฐานะทางการเงินของอีกฝ่ายดีขึ้นมาก ถ้าไม่รับสายเขาก็ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหนเหมือนกัน ขับมาได้ครึ่งทางก็ลังเล ว่าจะไปที่บริษัทหรือว่าจะไปที่พักเดิมที่เคยอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ระหว่างที่กำลังคิดนั้น ก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์ที่เขาพยายามโทรหาเมื่อครู่โทรย้อนกลับมา 

    “ฮัลโหลอาร์ต ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน”

    “สวัสดีครับ พอดีคุณอาร์ตประสบอุบัติเหตุ ไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติของคุณอาร์ตหรือเปล่าครับ”

    “หมายความว่ายังไงประสบอุบัติเหตุ เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

    “ถ้าคุณเป็นญาติของเขาก็ตามมาที่โรงพยาบาล…เพราะว่าตอนนี้คนไข้ยังไม่ได้สติครับแต่เขาไม่มีเบอร์โทรติดต่อของคนอื่นเลยในเครื่องนอกจากเบอร์คุณที่โทรเข้ามา”

    ธีรเดชขมวดคิ้ว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเบอร์โทรติดต่อที่เขาให้มาใหม่ไม่ใช่เบอร์เดิมอาจจะเป็นเพราะเขาเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้วหรือไม่ก็เป็นเครื่องใหม่ที่ใช้ติดต่อเขาโดยเฉพาะ เขารีบขับรถไปยังโรงพยาบาลที่ปลายสายบอกมา พยายามประคับประคองสติและภาวนาตลอดขอให้อีกคนอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปอย่าให้เขาเป็นอะไรไปเลย ขออย่าให้ทุกอย่างสายเกินไปตอนนี้เขารู้แล้วว่าถ้าหากไม่มีอีกคนอยู่บนโลกใบนี้มันทรมานแค่ไหน เขาใช้เวลาไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาวิ่งสุดแรงเกิดไปที่แผนกประชาสัมพันธ์สอบถามบอกชื่อนามสกุลจากนั้นก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน เขาพยายามที่จะขอเข้าไปในห้องฉุกเฉินแต่ว่าเจ้าหน้าที่กันไว้แล้วบอกว่ากำลังทำการรักษาอยู่ให้รอ 

    “ฮึก…อาร์ต นายอย่าเป็นอะไรนะ ฉันขอโทษจริงๆ ขอโทษที่เห็นแก่ตัว ได้โปรดอยู่กับฉันก่อนนะ”

    “ถ้าฉันอยู่กับนาย นายจะไม่ทิ้งฉันอีกใช่ไหมล่ะ”

    “ไม่มีวัน ฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งอีกเด็ดขาด”

    “ถ้าอย่างนั้นนายได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้”

    ธีรเดชขมวดคิ้วยุ่งเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าคนที่ตัวเองกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นและภาวนาขอให้อยู่กำลังพูดอยู่ข้างๆเขานี่เอง ธีรเดชหันขวับไปมองด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่จะยิ้มกว้างไม่เห็นใบหน้าของอีกคนส่งยิ้มมาในระยะประชิด ธีรเดชรั้งคนข้างๆเข้ามากอดเอาไว้แน่นพร้อมทั้งร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม พร่ำขอโทษไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่แต่ที่เสียใจยิ่งกว่าคือเกือบจะเสียอีกฝ่ายไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เกือบจะต้องจากกันไปตลอดกาลแล้ว เขาดันร่างตัวเองออกแล้วมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงมือรีบจับพลิกร่างกายเขาดูว่ามีตรงไหนแตกหักเสียหาย เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีร่องรอยอะไรก็ยังไม่ละความเป็นห่วงเอ่ยปากถาม อาร์ตตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ธีร์ ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่จะยื่นมือขึ้นเป็นลูบใบหน้าหล่อๆนั้น 2 คนสบตากัน ก่อนที่จะจุมพิตกันเบาๆจนคนสนิทของอาร์ต ต้องกระแอมให้สองคนรู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล

    “อะแฮ่ม …ฮึ่ม”

    “เอ่อ…”

    “ไปที่บ้านฉันกันเถอะ”

    อาร์ต เป็นคนที่เอ่ยชวนขึ้นก่อน จากนั้นจึงส่งเบอร์ให้ธีร์ แล้วจูงมือกันเดินไปที่รถ อาร์ตประสบอุบัติเหตุโดนรถมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า หัวไปกระแทกด้านหน้าคอนโซลเล็กน้อย มีอาการบวมปวดแต่สแกนแล้วไม่มีเลือดข้างในสมองเพราะไม่ได้รุนแรงอะไร เจ็บหน้าอกที่กระแทกด้วยเล็กน้อย ไม่มีร่องรอยความบอบช้ำด้านอื่น พอได้รับคำยืนยันว่าไม่เป็นอะไรมากก็รู้สึกสบายใจแต่ไม่คิดว่าการประสบอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้เขาได้หัวใจกลับคืนมา 

    “ขอโทษนะ ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ฉันงี่เง่าและไม่ยอมเข้าใจนายเลย”

    “ไม่เป็นไร ตอนนี้นายก็เข้าใจแล้วนี่”

    “ขอบคุณที่ดีกับฉันขนาดนี้นะ”

    “ฉันดีแค่กับคนที่ดีกับฉันและรักฉันเท่านั้นเองไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรหรอก ฉันเต็มใจทำ”

    “จะยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดี…อื้อ…”

    “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เพื่อเป็นการขอโทษและขอบคุณฉันไปในคราวเดียวกัน นายต้องให้สิ่งที่ฉันต้องการในคืนนี้ ไม่ว่าอะไรก็ต้องให้นะ”

    “ได้สิ ฉันให้หมดเลย”

    ธีร์ ยินยอมรับปากเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เขาเองก็โหยหาการสัมผัสและการบอกรักจากอีกฝ่ายด้วยเหมือนกัน ทั้งคู่มอบสัมผัสวาบหวามแรกให้กันด้วยริมฝีปากที่ร้อนเร่าและนุ่มหยุ่น แลกจูบดูดดื่มจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วสรรพางค์กาย มือไม้ลากไล้ไปตามร่างกายของอีกฝ่าย และเร่งถอดเสื้อผ้าของกันและกันจนร่างกายเปลือยเปล่า กล้ามเนื้อที่สวยงามของอาร์ตปรากฏต่อสายตาของธีร์ กล้ามท้องเป็นลอนน่าสัมผัส กล้ามแขนเป็นมัดที่กำลังโอบกอดคนตัวเล็กกว่าอย่างธีร์ ลมหายใจขาดห้วงเพราะว่าห่างเหินไปนานมากแล้ว อาร์ตดันร่างของธีร์ให้นอนลงที่เตียง ไล่สายตามองดูแล้วอาร์ตก็อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ลากนิ้วสัมผัสกล้ามเล็กนั่นด้วยเหมือนกัน ทำเอาธีร์ขนลุกเพราะแววตาที่เปลี่ยนไป

    “ม...มองอะไร ยิ้มอะไรขนาดนั้นเล่า”

    “นาย...ดูขาวขึ้นอีกแล้วหรือเปล่านะ”

    “อะไรเล่า”

    อารืตก้มลงไปลากลิ้นที่ผิวขาวผ่องบริเวณขาของอีกฝ่าย เขาจงใจหายใจรินรดจนอีกฝ่ายรู้สึกสยิว เผลอครางแผ่วออกมา เขาสัมผัสด้วยริมฝีปากนุ่ม และลิ้นร้อนชื้นที่ลากต่ำลงมา ความเป็นชายของธีร์ลุกชันขึ้นมาและถูกเขาครอบครองด้วยปากในทันที เขาทั้งลากลิ้นไปโดยรอบ กำรูดขึ้นลงและตวัดลิ้นลงบนส่วนปลาย ดูดโลมเลียราวไอศรีมแท่งโปรด จากนั้นลิ้นร้อนชื้นก็ลากไล้ไปยังรูจีบด้านหลัง ดันให้อีกคนยกขาสูงขึ้นเพื่อสัมผัสได้ถนัดถนี่ วันนี้เขาไม่ได้เตรียมพร้อมทั้งเจลและถุงยางเพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะมีวันนี้ เมื่อเขาได้รับโอกาสก็ย่อมจะไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไป สัมผัสจากลิ้นอุ่นที่ตวัดไปมาตรงรูจีบ และมือที่สัมผัสกำรูดเจ้าหนูธีร์ทำเอาเสียวท้องจนต้องกัดปากกลั้นเสียงคราง ธีร์ดิ้นพล่านตอนอาร์ตเร่งมือ เร่าเร้าเจ้าโลกด้วยมือหนานั่น เมื่อเขาพุ่งทะยานไปสุ่ปลายทางจนน้ำรักข้นคลั่กทะลักออกมา อาร์ตปาดน้ำรักนั้นมาวนรอบรูจีบ กดนิ้วเข้าไปช้า ๆ ก่อนขยับนิ้วเข้าและออก ตัวเขาปวดเกร็งเพราะอยากสอกายเข้าไปแต่พยายามอดทน กลัวว่าคนที่ตัวเองรักจะเจ็บ จนกระทั่งธีร์รู้และเอ่ยปากร้องขอ ความใหญ่โตของอาร์ตที่ชูชันจ่อตรงรูจีบทำเอาธีร์แอบหวั่นใจ เขาไม่ได้รับสัมผัสแห่งรักมานานจนแอบกลัวความเจ็บปวด แต่เขาต้องการอยากให้อีกฝ่ายได้รับความสุขไม่ต่างกัน จึงร้องขอ เมื่ออาร์ตสอดใส่ความเป็นตัวตนเข้ามาช้า ๆ ก็รู้สึกราวกับร่างกายจะปริแตก มันอัดแน่นแต่รู้สึกดี 

    “อาห์...”

    “อื้อ แน่นชิบ”

    “ช้า ๆ หน่อย...อึก”

    อาร์ตค่อย ๆ ดันกายเข้าไปอย่างเชื่องช้า กัดฟันกรอดอดทน ไม่นานก็เข้าไปได้จนสุดลำ เอ็นอุ่นนั้นปวดหนึบรอการปลดปล่อย ธีร์เริ่มขยับโยกตัวตนเร้าอารมณ์ของอาร์ตเมื่อเริ่มรู้สึกว่าอยากปลดปล่อยเช่นกัน เมื่อได้รับสัญญาณจากคนใต้ร่าง อาร์ตก็เริ่มขยับถอนกายออกจนเกือบสุดและกระแทกกลับเข้าไปใหม่ เสียงเนื้อกระทบกันเริ่มดังระรัวขึ้น เมื่ออาร์ตรังกายเข้าออกแรงขึ้น รัวขึ้นเรื่อย ๆ เสียงครางแหบต่ำในลำคอของอาร์ตทำให้อารมณ์ของธีร์พลุ่งพล่าน เด้งก้นสวนขึ้นไปหาร่างหนาที่กระหน่ำกายเข้าออก ทั้งเสียดเสียวและเร้าใจ 

    “อ้ะ….ที่รัก…นายแน่นเกินไปแล้ว ซี้ด…”

    “เร็วอีก…”

    สองร่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ต่างฝ่ายต่างเร่งเร้าเพื่อพาตัวเองไปสู่สวรรค์ อาร์ตกดกายเข้าออกรัวแรงแล้วเน้นจังหวะวนสะโพก กระแทกกายหนักหน่วงจนธีร์ร้องครางดัง เสียงครางกระเส่าของสองคนดังแข่งกัน เหงื่อแตกท่วมตัวแม้อุณหภูมิห้องจะเย็นฉ่ำเพราะแอร์คอนดิชั่น เสียงเนื้อกระแทกเนื้อและเสียงครางดังต่อเนื่อง ทั้งสองคนเกาะเกี่ยวกันไปสู่สวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งคิดถึง โหยหาและสุขสม อาร์ตกอดร่างเล็กของธีร์ไว้ในอ้อมแขนหลังสุขสมครั้งสุดท้ายตอนย่ำรุ่ง นึกดีใจที่อุบัติเหตุเล็กน้อยนั่น ไม่ทำให้เขาเจ็บจนร่วมรักไม่ได้ และรู้สึกยินดีที่อีกฝ่ายยอมกลับมาคบกัน 

    ราวกับภาพฝันและมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาใช้ชีวิตแบบคู่รักตามเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือ รักที่มอบให้กันมันมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว มากจนบรรยายออกมาไม่ได้ในค่ำคืนนี้ 

    “ขอเสียงปรบมือให้กับความรักของคู่แต่งงานหน่อยครับทุกคน”

    สิ้นคำของพิธีกรชายใจสาวที่พยายามจะทำตัวแมนเต็มที่ แต่ใคร ๆ ก็ดูออกว่าเขามีใจรักในเพศเดียวกันแบบคู่รักที่เข้าพิธีแต่งงานในคืนนี้ อาชวิน และธีรเดช กลับมาคบกันได้เพียงหนึ่งปีก็ตัดสินใจที่จะร่วมหอลงโรงกัน ประกาศความสัมพันธ์ให้กับเพื่อน ๆ และครอบครัวได้รับรู้ มีคนไม่ได้มากนักที่มาร่วมงานเพราะถือเป็นงานเล็ก ๆ ภายในที่อบอุ่นเท่านั้น ต่อให้ตอนนี้ทั้งคู่จะมีชื่อเสียงในด้านนักธุรกิจที่น่าจัยตามองทั้งคูาก็ตามที หลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมต่าง ๆ ก็ได้เวลาเข้าหอ นั่นจึงถือเป็นเวลาของทั้งคู่อย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้สองเดือน ธีร์ยื่นเงื่อนไขว่าห้ามมีเซ็กส์กัน เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับทั้งสองคน 

    “ไง วันนี้คิดว่าจะรอดไปได้ไหมเจ้าหมาน้อยของฉัน หึหึ”

    “แล้วคิดว่าพี่เสือ จะขย้ำหมาน้อยตัวนี้เหรอถ้าหนีไม่พ้นน่ะ”

    “อยากลองวิ่งหนีก่อนไหมล่ะ”

    “ไม่ดีกว่า…”

    ธีร์เลือกจะเดินเข้าหา ส่งยิ้มยั่วยวน ถอดเนตไทโยนลงพื้น ตามด้วยเสื้อสูทพอดีตัว อาร์ตนั่งรอบนเตียงและมองตาไม่กระพริบ ธีร์ปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างเชื่องล้าสะกดสายตาอาร์ตด้วยยิ้มหวานบาดใจ ใบหน้าหล่อเหลาของทั้งคู่เอนเข้าหสก่อนทก่อนจะมอบจูบดดูดดื่ม ธีร์ผลักร่างหนาลงนอน ปลดเข็มขัดของเขาและรูดซิปลง ช้อนตามองสบมาเบา ๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปาก จากลูกหมาน้อยกลายเป็นเสือร้ายจ้องจับเหยื่อกิน เขารูดกางเกงของอาร์ตออกและโยนไปไกล ๆ ก่อนจะกอบกุมเจ้าหนูตัวเขื่องที่นอนเชื่อง ๆ อยู่ขึ้นมา ก่อนจะอ้าปากและครบอครองมันช้า ๆ อาร์ตครางฮือในลำคอ ด้วยความพึงพอใจ ธีร์ค่อย ๆ เล้าโลมด้วยปากและลิ้น อีกทั้งมือยังกำรูดขึ้นลงเป็นจังหวะ อาร์ตแอ่นตัวและจับหัวของธีร์ อีกทั่งยังเด้งเอวสอบสวนขึ้นไปจนธีร์แทบจะสำลัก 

    “อึก…อ่อก..แค่ก ๆ เจ้าบ้า…แกล้งกันนี่”

    อาร์ตยกยิ้มเมื่อกระแทกแก่นกายรัว ๆ จนเสร็จสมอย่างร้อนแรงใส่ปากของธีร์อย่างรวดเร็ว ธีร์ทุบขาเขารัว ๆ ตอนโดนล็อคหัว อาร์ตลากร่างเล็กกว่าของธีร์ขึ้นมาอย่างง่ายดายและโยนบนเตียง ก่อนจะโถมกายใส่อย่างรวดเร็ว ก้มลงซุกโซร้ซอกคอ ขบเม้มเบา ๆ ริมฝีปากร้อนผ่าว สัมผัวไปทั่วกายของธีร์ ร่างเล็กสะท้านไหวตอนลิ้นและปากของอาร์ตสัมผัวโดนตัวตนของเขาที่ค่อย ๆ ผงาดขึ้น การถูกครอบครองด้วยปากทำให้เขาเสียวสะท้าน เกร็งตัวเมื่อถูกเร่งเร้า เมื่อถึงปลายทางอาร์ตก็ไม่ได้ยอมให้เขาพักผ่อน แต่กลับถูกกางขาออกกว้างกว่าเดิม เขาเลียต่ำลงไปอีกจนกระตุ้นถูกรูจีบเล็ก ๆ ความเสียวแล่นวูบขึ้นมา ร้องครางกระเส่า 

    “อ้าซ…เสียว”

    เสียงร้องดังลั่นเมื่ออาร์ตสอดใส่ตัวตนของเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขนาดที่ใหญ่โตและสอดไปจนสุดความยาวเลยทำให้ธีร์แอบจุกเล็กน้อย แต่อาร์ตชอบใจในใบหน้านั้นของธีร์ เขาเริ่มขยับกายเข้าและออกเป็นจังหวะเข้าและออกจากเชื่องช้าเป็นถี่รัวตามห้วงอารมณ์ ความเสียววาบหวานแผ่ซ่านไปทั่วตัว ธีร์ขนลุกชัน เอื้อมคว้าตัวตนของตัวเองและขยับจ้อมือประสานจังหวะไปกับอีกคน เสียงครางกระเส่าดังลั่นห้องหอ บวกกับเสียงหรอกเนื้อที่กระทบกันรัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิสูงและร้อนระอุจนเหงื่อโทรมกาย ศีรษะเปียกชื้น ต่างฝ่ายต่างร้องครางไม่เป็นภาษา อาร์ตกัดฟันกรอดตอนเร่งจังหวะรัวเร็วขึ้น ร่างกายเกร็งไปทุกส่วน 

    “อ้ะ..จะ…จะเสร็จแล้ว อ…อ๊าซ!!”

    “เสียว…แฮ่ก…”

    สองคนสอดประสานเป็นหนึ่ง สองร่างหลอมรวมทั้งกายและใจ อาร์ตกระแทกกระทั้นกายเข้าออกถี่ยิบขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ธีร์เร่งเร้าจังหวะมือตัวเองเพื่อส่วตัวเองไปถึงฝันพร้อมกัน ไม่นานทั้งสองคนก็เกร็งกระตุกเพราะเสร็จสมรุนแรง ธีร์พ่นน้ำรักใส่หน้าท้องแน่น ๆ ของอาร์ต ในขณะที่อาร์ตถอนกายออกมาและปลดปช่อยใส่ท้องจนถึงหน้าของธีร์ ยกยิ้มพอใจ ธีร์ยังหอบเหนื่อยแต่อาร์ตกลับไม่ยอมให้พัก เชาพลิกกายธีร์ให้นอนคว่ำและให้แอ่นก้นขึ้น สอดประสานกายเข้าไปอย่างรุนแรงและเริ่มขยับเข้าออกอีกครั้ง เอาคืนที่อีกฝ่ายชอบมายั่วยวนตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ธีร์แอ่นก้นและร้องครางลั่น อาร์ตตบก้นผัวะ ๆ ตามแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ก้มลงไปแนบชิด กระซิบรักข้างหูแผ่วเบาและแลบลิ้นตวัดชิมใบหูด้วย สร้างความเสียวซ่านให้กับคนใต้ร่างเป็นอย่างมาก และมือหนาของอาร์ตยังเอื้อมมาด้านหน้า คว้าจับธีร์น้อยที่เริ่มพองขยาย ขยับข้อมือรัว ๆ เป็นจังหวะเดียวกับตอนกระแทกกายเข้าออก ใช้เวลาเร่งเร้าไม่นานก็เสร็จสมอีกครั้งอย่างง่ายดาย ค่ำคืนที่เข้าหอนั้นทั้งคู่พากันไปสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเกือบรุ่งเช้าธีร์จึวขอนอนเพราะอ่อนเพลียเต็มที 

    แสงอรุณมาเยือนในตอนเช้า แต่กลับไม่สามารถส่องลอดผ่านม่านหนาทึบเข้ามาได้ ทำให้สองร่างเปลือยเปล่าที่กอดก่ายกันหลับไหลไม่รู้ตัวว่าถึง้งลาจะตื่นนอนแล้ว แน่ละ พวกเขาเพิ่งได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปไม่นานนัก หลังผ่านสมรภูมิรักในค่ำคืนอันแสนยาวนาน ความสุขสมและอ่อนเพลียทำให้หลับสนิท นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเซ็กส์มาราธอน ตั้งแต่คบกันจนแต่งงาน จนวันนี้ครบรอบหนึ่งปีที่แต่งงานกันก็ยังคงเป็นเช่นเดิมไม่รู้เบื่อ ความสุขที่ไม่คิดว่าจะได้หวนกลับเข้ามาในชีวิต ตอนนี้ทั้งคู่ได้มันคืนมาแล้ว 

    “ฮ้าวววว~ ง่วงจัง ไม่โต้รุ่งแล้วนะวันหลัง ชักจะรู้สึกว่าสังขารไม่ให้แล้ว”

    “อะไรเล่า เรายังไม่สี่สิบเลยนะ จะรีบไปไหน”

    “ก็นายเล่นไม่ค่อยให้ฉันนอนเลย พอจัดทีไรก็หนักทุกทีเลยนี่ เพลา ๆ หน่อยได้ไหม”

    “ก็ชีวิตฉันมีแต่นายนี่ จะให้มำอะไรตอนเลิกงานล่ะ ก็ต้องเล่นกับนายไง”

    คำนั้นทำให้หลังกลับจากฮันนีมูน ธีร์รีบไปฟาร์มมแมวและเดินเลือกอยู่นานกว่าจะเจอแมวที่ถูกใจ นึกย้อนไปสมัยเรียน ทั้งคู่ต่างคนต่างอยู่และต่างคนต่างไปทำงาน ไม่ค่อยมีเวลา แม้อยากจะมีสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ไม่ว่าจะหมาหรือแมวก็ไม่เคยได้มีโอกาสเลี้ยง ตอนนี้คิดว่าคงถึงเวลาแล้วล่ะ ถือเป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็แล้วกัน เผื่อว่าอาร์ตจะเลิกหมกมุ่นกับร่างกายเขาได้บ้างในบางเวลา ไม่ได้เบื่อหน่ายแต่แค่อยากเว้นที่ให้หายใจ อาร์ต ติดเขาจนกระทั่งเพื่อน ๆ ล้อเลียนมาก 

    “แม้ว….”

    “เอ้ะ…ธีร์ นายได้ยินเสียงอะไรไหม”

    “ไม่นี่ เสียงอะไรล่ะ”

    “เหมือนเสียง….”

    “แม้วววว!”

    “แมว!!”

    “คิก ๆ”

    อาร์ตวิ่งไปตามเสียง วิ่งวุ่นไปจนทั่วบ้าน แต่ว่าธีร์นั่งหัวเราะขบขัน จนกระทั่งอาร์ตวิ่งกลับมาพร้อมแมวในอ้อมแขนสองตัว หน้าตาน่ารักน่าชังแล้วยังขนฟูฟ่อง อาร์ตยิ้มแก้มแตก ร้องตะโกนจนแมวน้อยในอ้อมแขนดิ้นพล่านเพราะตกใจ 

    “แมว..นี่…ธีร์…นายรับแมวมาให้ฉันเหรอ”

    “ใช่สิ ใครกันคลั่งรักแมวตั้งแต่สมัยเรียน”

    “ฉันน่ะสิๆ”

    “หึหึ ชอบไหม”

    “แน่นอน มีชื่อหรือยัง”

    “นายจะเป็นพ่อแมวนี่ ตั้งชื่อเอาเองสิ”

    “ว้าว ดีจัง เราช่วยกันสิ คนละตัว”

    “งั้น ฉันให้ชื่อว่า…ธันดีไหม น้องตัวผู้น่ะ ตัวที่โตกว่าและมีขนฟูฟ่อง อีกตัวนายตั้งสิ”

     “อือ…แสดงว่าอีกตัวเป็นตัวเมียสินะ ลูกสาว..เอให้ชื่ออะไรดีนะ อัน…อันอัน ดีไหมนะ”

    “ดีสิ นายว่าดีฉันก็ว่าดีแหละ”

    “เย้ ๆ ขอบใจนะ ว้าว ลืมเรื่องอยากเลี้ยงแมวไปนานแล้ว ไม่นึกว่านายจะยังจำได้ ขอบคุณนะที่รัก”

    หลังจากนั้นอาร์ตก็หลายร่างเป็นทาสแมว คนคลั่งรักเมียเปลี่ยนไปแล้วตอนนี้ ทำเอาธีร์แอบเสียใจอยู่นิดหน่อยที่อาร์ตติดแมว พาแมวเข้าไปนอนในห้อง เดินอุ้มแมวไปทั่วบ้านเวลาวันหยุด ตอนจะไปเที่ยวที่ไหนก็มักเอาแมวขึ้นรถไปด้วยเสมอ ร่างสูงที่นอนบนโซฟา กำลังหลับปุ๋ย มีแมวสองตัวนอนคลอเคลียบนอกกว้าง หลับกันหมด ธีร์กำลังจัดโต้ะหลังทำอาหารเสร็จ มองภาพความน่ารักนั้นอย่างสุขใจ ถึงอีกฝ่ายคลั่งรักแมวจนเหมือนลืมเขาแล้ว แต่ความจริง อาร์ตยังคงตามติดเขาเป็นเงาตามตัวอยู่ดี เหมือนตอนนี้ที่มานอนหลับเฝ้าเขาทำอาหารในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เขาคงทำนานไปสักหน่อย เลยทำให้พ่อแมวและลูกแมวเปอร์เซียขนฟูวัยหกเดือนรอจนหลับปุ๋ยไป 

    แก๊รงๆๆๆ!!!

    เฮือก…

    แม้ว…

    พ่อลูกสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณ อันอันและน้องธันวิ่งตาตั้งมาประจำที่ ในขณะที่อาร์ตเดินหาวตามมาติด ๆ และทรุดกายลงนั่งบนโต้ะอาหาร 

    “ได้เวลาอาหารเย็นแล้วครับผมคุณพ่อคุณลูก”

    อาร์ตส่งยิ้มให้กับคนรักด้วยความสุขล้นใจ ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขามีใจสู้ พยายามดิ้นรนจนทัดเทียมกับธีร์ ในขณะเดียวกัน ธีร์เองก็นึกขอบคุณเขาที่ไม่ทิ้งไปในวันที่เขาหันหลังให้ก่อน ทั้งสองคนกับอีกสองแมวน้อยกำลังกินอาหารตรงหน้าของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย สองหนุ่มคุยหยอกล้อกัน จนแมวน้อยอิ่มแล้วเดินขึ้นโต้ะมานั่งมอง แล้วโดดขึ้นตักอาร์ต มองตาออดอ้อน ธีร์มองค้อนอย่างหมั่นไส้ แต่ก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู ขอให้ความสุขในวันนี้อยู่กับเขาตลอดไป

     

     

    จบบริบูรณ์

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×