คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : อย่ามาเกี้ยวสามีข้า บทที่ ๔๒
บทที่ ๔๒
ไม่มีอะไรที่น่าปลื้มใจไปมากกว่าการได้มองดูทุกช่วงการเจริญเติบโตของลูกชาย เพราะด้วยที่เป็นเวลาของสวรรค์ ทารกน้อยเลยเจริญเติบใหญ่ค่อนข้างเร็วอยู่พอสมควรจนบัดนี้ก็เข้าสู่วัยห้าขวบแล้ว และด้วยที่เป็นบุตรของเทพแห่งสงครามที่เกิดจากเทวดาทำให้เด็กวัยนี้จิตใจจะดูโตราวกับเด็กอายุสิบขวบ รูปร่างและใบหน้านั้นได้มาทั้งของต้าต่านและจวินหงทำให้กลายเป็นเด็กรูปงามออกไปทางน่ารักมากเลยทีเดียว นิสัยเหมือนจวินหงไม่มีผิดเพี้ยน มีระเบียบวินัยในการร่ำเรียนอักษรและอื่นๆ กระนั้นก็มีความเป็นเด็กน้อยที่งอแงอยู่และยังติดผู้เป็นแม่มาก หลิวหยางติดต้าต่านผู้เป็นแม่ขนาดไหนนั้น
ขนาดที่ขอมานอนด้วย
ตรงกลางระหว่างจวินหงกับต้าต่านนั้นต้องมีลูกชายมานอนด้วยเสมอ แม้มันจะเป็นอะไรที่ดูอบอุ่น แต่อย่าลืมว่าจวินหงกับต้าต่านก็เป็นคนรักกัน เป็นสามีภรรยากัน ก็ย่อมอยากจะทำเรื่องอย่างว่ากันบ้าง พอมีลูกมานอนด้วยก็ยิ่งทำอะไรแบบนั้นด้วยกันไม่ได้เข้าไปใหญ่ นี่ละหนาพอมีลูกแล้วอะไรๆ หลายอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยนกันไป แล้วกว่าหลิวหยางจะเลิกติดแม่คงใช้เวลาอยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นต้าต่านก็ยังไปช่วยเขาออกรบปราบอสูรร้ายหรือภัยที่จะเกิดกับสวรรค์อยู่เสมอแม้จะไม่ทุกครั้งก็ตาม ทั้งสองคิดมาเสมอว่าแบบนี้คือพอดีแล้วไม่ต้องมีอะไรเพิ่มอีก
แต่ที่ไหนได้
ปากเล็กๆ ที่ปกติจะไม่ได้พูดเสียงเจื้อยแจ้วนั้นอยู่ ๆ ก็พูดกับทั้งสองว่า
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าอยากมีน้อง"
เล่นเอาสองสามีภรรยากันสบตากันปริบๆ เด็กชายตัวน้อยที่จิตใจโตเกินวัยแต่ก็ยังไร้เดียงสานึกอยากจะมีน้องเพราะนึกว่าการมีก็เหมือนไปจับนกในสวนเลยเอ่ยปากขอออกไป พอถามว่าทำไมถึงอยากมี หลิวหยางก็ตอบกลับมา 'ข้าเหงา' ด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า ต้าต่านกับจวินหงไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย ปกติพวกเขาก็เล่นกับลูกชายอยู่บ่อยครั้ง จางจิ้งหรือฮุ่ยเหมยเมื่อว่างก็จะมาวิ่งเล่นด้วยเสมอ แต่เด็กวัยนี้ก็ย่อมอยากมีเด็กวัยเดียวกันมาวิ่งเล่น แล้วบนสวรรค์ก็ไม่มีเด็กวัยนี้แน่นอนเพราะปกติแล้วเหล่าทวยเทพจะไม่ให้กำเนิดบุตรถ้าหากไม่ใช่คู่สมรสที่ครองคู่กันไปตลอดชั่วกัปชั่วกัลป์
พอจะมีลูกอีกหนึ่งจวินหงก็หวั่นใจแม้ว่าต้าต่านจะยอมมีให้เขาอีกก็เถอะ
แม่ทัพคนงามยืนคิดไม่ตก อีกใจก็สงสารลูกชายที่ต้องเหงา อีกใจก็กลัวภรรยาต้องเจออะไรแบบนั้นอีก ระหว่างที่คิดอยู่นั้นต้าต่านก็เดินมาหาก่อนที่จะควงแขนสามีของตน พอเห็นใบหน้างามที่ดูจะคิดมากอะไรสักอย่างและเขาก็พอจะเดาออก
"ท่านพี่ ข้าผ่านอะไรแบบนั้นมาแล้ว ข้าไม่กลัวหรอกนะ"
"แต่ข้ากลัว ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องแบกรับอะไรแบบนั้นอีก ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากมีลูกกับเจ้า ในใจข้าอยากมีลูกกับเจ้าไปทุกๆ ชาติเลยด้วยซ้ำ"
"ถ้าเช่นนั้นจะรออะไรกันเล่า ไปหาเทพธิดาแห่งการถือกำเนิดจากดอกบัวกันเถอะ"
"ฮูหยิน"
"อย่ากลัวไปเลย ข้ารู้ว่าท่านจะต้องคอยดูแลข้าอย่างดีแน่ๆ แล้วอีกอย่างข้าอยากมีลูกกับท่านพี่อีกนี่นา ทำให้ข้าไม่ได้หรือ"
จวินหงไม่รู้ว่าตัวเองใจอ่อนกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่ก็น่าจะมากพอจนมาหยุดที่สระบัวของเทพธิดาแห่งการถือกำเนิดเรียบร้อยแล้ว ในใจหวาดหวั่นไปหมดว่าจะเป็นเหมือนครั้งก่อน พอมาได้ยินจากเทพธิดาบอกว่าต้าต่านนั้นมีวาสนามากพอที่จะตั้งครรภ์ลูกของเขาได้โดยไม่ถูกกัดกินวาสนา แต่ต้องแลกความดีงามที่ทำให้กับสวรรค์ทั้งหมด ซึ่งนั้นเป็นอะไรที่น่ายินดีนัก
ไม่นานหลังจากนั้นต้าต่านก็ตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง
หลิวหยางตื่นเต้นดีใจที่จะได้มีน้อง เร่งเร้าให้แม่เอาน้องมาให้กับตนเสียที พอบอกว่าน้องยังนอนอยู่ในท้องและต้องใช้เวลา หลิวหยางก็มีงอแงบ้างนึกว่าจะได้น้องเร็วๆ จวินหงนั้นคิดว่าตนเองดูแลภรรยาดีแล้วยังสู้หลิวหยางที่ดูแลไม่ได้เลย หน้าท้องของต้าต่านเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงวันกำหนดคลอด
จวินหงอุ้มลูกชายคนโตเอาไว้เพราะเอาแต่จะวิ่งเข้าไปในห้องทำคลอด
ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ทุกอย่างปลอดภัย เด็กชายตัวน้อยได้ยินเสียงแม่ร้องอย่างเจ็บปวดตัวเองก็ร้องไห้ตาม ถามตลอดว่าแม่เป็นอะไร แม่เจ็บมากไหม อยากจะเข้าไปกอดแม่ให้หายเจ็บ จวินหงรับรู้ได้ถึงความวุ่นวาย ห่วงภรรยาก็ห่วง ต้องคอยปลอบประโลมลูกชายก็ต้องปลอบ ดีที่จางจิ้งและฮุ่ยเหมยมาคอยช่วยด้วย จนกระทั่งเด็กทารกได้ถึงกำเนิด เมื่อจัดการทุกอย่างด้านในเรียบร้อยแล้ว จวินหงอุ้มหลิวหยางเข้าไปในห้องโดยมีร่างของทารกน้อยนอนอยู่บนเบาะ หลิวหยางวิ่งไปดูน้องของตนทันทีโดยลืมแม่ที่นอนหมดแรงที่เตียงนอนไปเสียสนิท จวินหงเดินไปนั่งขอบเตียงแล้วจับมือของต้าต่านขึ้นมาจูบ สีหน้าภรรยาของเขาช่างอ่อนล้านัก
"เจ้ามอบสิ่งวิเศษให้กับข้าอีกแล้ว"
ต้าต่านอ่อนแรงจนไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกมาได้นอกจากยกยิ้ม แต่ด้วยความอยากจะอ้าปากบอกว่าอีกฝ่ายได้ลูกสาวเลยพยายามจะเปล่งเสียงออกมาอยู่นั้น
"ทำไมน้องถึงไม่เหมือนข้าละท่านแม่!"
จู่ ๆ ร่างเด็กชายก็วิ่งหน้าตื่นมาหาทำเอาจวินหงต้องรีบอุ้มทันทีเพราะต้าต่านเพิ่งคลอดร่างกายยังอ่อนล้าและเจ็บอยู่ ไม่รู้ว่าหลิวหยางเป็นอะไรจนกระทั่งเด็กชายบอกว่าตรงนั้นของน้องไม่เหมือนกับของตนเลย น้องป่วยหรือเปล่า ทำเอาทั้งสองถึงกับหัวเราะออกมากับความไร้เดียงสาของลูกชายคนโตที่แม้จิตใจจะโตเกินวัยแต่ก็ยังมีความคิดของเด็กอยู่เหมือนเดิม พอหลิวหยางรู้ว่าตนได้น้องสาวก็ดูไม่พอใจและไม่ยอมเล่นกับน้องเลย เดินหนีไม่ยอมเข้าใกล้แม้กระทั่งต้าต่าน จวินหงเห็นดังนั้นเลยทำหน้าที่ของพ่อไปพูดเพื่อให้ลูกชายคนโตจำตอนที่ขอน้องกับแม่ได้หรือไม่ แล้วจำเสียงร้องที่แม่เจ็บได้หรือไม่ แล้วทำไมถึงไม่พอใจกับสิ่งที่แม่มอบให้
หลิวหยางไม่ใช่เด็กดื้อตีมึนอะไร แต่จวินหงก็ปล่อยให้คิดอยู่เพียงผู้เดียวไปก่อน
จากนั้นไม่นานนักร่างเด็กชายวัยห้าขวบย่างเข้าหกขวบที่แข็งแรงจนเดินเองอะไรเองได้สบาย เดินไปยังห้องที่ผู้เป็นแม่กำลังวางน้องลงเป็นเปลที่ไกวเองได้เพื่อให้น้องนอนหลับ โดยที่ต้าต่านรับรู้ว่ามีใครมาหาก็เงยหน้ามองก็พบกับลูกชายคนโตที่ยืนหน้านิ่งอยู่
"หลิวหยางมีอะไรหรือ"
เด็กชายมองหน้าแม่ของตน ตั้งแต่ท่านแม่มอบน้องสาวมาให้ตามที่ตนขอก็ไม่ได้คุยกับแม่อีกเลย เด็กชายไม่พูดอะไรนอกจากวิ่งเข้าไปกอดขาก่อนที่จะสะอื้นร้องไห้ออกมาแต่ไม่เปล่งเสียงดังเพราะกลัวน้องจะตื่นแล้วเอ่ยพูดเสียงอู้อี้ออกมา
"ข้าขอโทษขอรับท่านแม่"
ต้าต่านได้ยินแบบนั้นและสัมผัสได้ถึงไหล่ที่สั่นของเด็กชายปกติแล้วจะร้องไห้แหกปากแต่คราวนี้กลับเก็บเสียงไม่ให้ดังออกมาคงจะรู้สินะว่าน้องหลับ ว่าแล้วก็ก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วใช้สองมืออุ้มร่างลูกชายคนโตขึ้นมากพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกให้
"แม่ไม่ได้โกรธอะไรเจ้าเลย"
"ท่านแม่ไม่โกรธที่ข้าเอาแต่ใจหรือ"
"เอาแต่ใจบ้างจะเป็นอะไรไป"
"แต่ข้าก็ไม่ควรเอาแต่ใจแบบนี้ ท่านแม่ ข้ารักท่านมากๆ เลยนะ"
"แม่ก็รักเจ้าเช่นกัน"
หลิวหยางเบะปากคว้ำมากกว่าเดิมพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา แต่ก็ยังเก็บเสียงไม่ได้ดัง ต้าต่านยิ้มอย่างรักใคร่โดยที่เช็ดน้ำตาไปด้วย สุดท้ายก็จบลงที่หลิวหยางนอนกลางวันโดยกอดแม่และหลับไปด้วยกัน จวินหงเห็นทั้งสามที่นอนหลับก็ไม่คิดจะรบกวนและสั่งให้ทหารคอยดูแลความปลอดภัยให้ จวินหงนั้นไม่คิดเลยว่าตนจะได้ลูกถึงสองคนแถมคนเล็กเป็นลูกสาวอีกต่างหาก แล้วกว่าจะได้ชื่อก็เถียงกันอยู่พักใหญ่จนได้ชื่อ 'ซิงเยียน' จวินหงนั้นสุขใจไม่มีอะไรมาเทียบได้
ผิดกับอีกคนที่ทุกข์ระทม
พยานรักเพียงหนึ่งก็เจ็บช้ำมากพอแล้ว ยังจะมีสองอีกรึ! ข้าวของในห้องนั้นกระจายกระจัดจากการปัดเพื่อระบายอารมณ์ออกมา ทำไมกัน ทำไมตรงนั้นมันถึงไม่ใช่เขา ทำไมถึงเป็นชายผู้นั้น ทำไมต้องเป็นต้าต่าน! จวินหรงทรุดตัวลงตรงเสาก่อนที่จะเอาหลังพิงอย่างเหนื่อยล้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเขาไม่แสดงความรักให้อีกฝ่ายได้เห็น แต่สิ่งที่อีกฝ่ายมองเป็นเพียงความรักแบบพี่น้อง เขาไม่ได้ต้องการแบบนี้ ทำไมถึงมองไม่เห็นเลย กี่พันปีที่เขาทำกลับสู้ไม่กี่ร้อยปีได้เช่นนี้
น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่งามที่เหมือนกับชายที่เขาแอบรักมานาน
ในห้องเพียงผู้เดียวกับงูหนึ่งตัวที่ทำได้แค่อยู่ข้างๆ เท่านั้น
การมีลูกสองก็จะปวดหัวเป็นสองเท่า แต่สิ่งที่ดีขึ้นนั้นก็คือต้าต่านไม่อาจจะไปรบกับจวินหงได้เหมือนครั้งก่อนๆ เพราะลูกสองต้องเอาใส่ใจและดูแลมากกว่าเดิม หลิวหยางเติบโตมากขึ้นเท่าไร ซิงเยียนก็เติบโตไล่ตามมากขึ้นเช่นกัน ซิงเยียนนั้นได้ใบหน้างดงามของจวินหงมาทั้งหมด แต่นิสัยกลับได้ของต้าต่านมาเต็มๆ ด้วยนิสัยที่ต่างกันของสองพี่น้องก็ย่อมตีกันเป็นธรรมดา
ศึกใดเล่าจะหนักเท่าศึกห้ามลูก
ต้าต่านต้องเข้าไปอุ้มซิงเยียน ในขณะที่จวินหงต้องไปอุ้มหลิวหยางออกมา เพื่อให้หยุดทะเลาะวิวาท แต่พอห่างสายตาไปเพียงเล็กน้อยก็ตีกันอีกแล้ว จนสุดท้ายต้องหาเทวดาสององค์ที่เรียกขานกันง่ายๆ ว่าสองพี่น้องลี่ อย่างลี่ถังลี่ซือเพื่อคอยดูแลทั้งสองแม้จะทำอะไรได้ไม่มากก็เถอะ ถึงกนะนั้นสองพี่น้องที่เหมือนจะตีกันแทบเป็นแทบตายแต่พอได้ร่วมมือกันทำอะไรสักอย่างก็ป่วนจนน่าเอาไม้เรียวลงขาไม่น้อย กระโดดไปในสระบัวเพื่อจับปลาจนเปียกปอน เอางูปลอมไปใส่ที่ต้นท้อเพื่อให้นางฟ้าเทวดาตกอกตกใจกัน และอีกหลายอย่างจนความซุกซนของสองพี่น้องเลื่องลือไปทั่วสวรรค์
ต้าต่านสอนลูกผิดตรงไหนกันนะ
เมื่อหลิวหยางอายุครบสิบปีก็ถึงเวลาที่จะได้ไปร่ำเรียนกับอาจารย์ที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ เพราะด้วยที่เป็นบุตรของแม่ทัพสวรรค์ต้องร่ำเรียนตั้งแต่ยังเล็กเพื่อจะได้กลายเป็นหนึ่งในเทพที่ทรงมหาอำนาจองค์ต่อไปในอนาคต แน่นอนว่าผู้ให้กำเนิดเมื่อลูกต้องห่างไกลก็ต้องเป็นห่วงและเจ็บปวดเป็นธรรมดา แม้จะปวดหัวกับความซุกซนที่แม้แต่ตัวต้าต่านเองก็ยังซุกซนสู้ไม่ได้ หลิวหยางเองก็ไม่อยากจากไปไกลแต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่อาจจะขัดขืน หลิวหยางอำลาท่านแม่โดยมีท่านพ่อไปส่ง ในขณะที่กำลังเดินออกไปนั้น ซิงเยียนมองหลังพี่ชายที่กำลังจะไปไหนสักที่ที่นางเองก็พอจะรู้ดีว่าพี่ชายของตนจะไม่ได้อยู่เล่นด้วยกันแล้ว เด็กหญิงตัวเล็กปล่อยมือจากมือผู้เป็นแม่เพื่อวิ่้งเข้าไปกอดพี่ชายพร้อมกับร้องไห้ออก
"อย่าไปนะพี่หลิวหยาง ถ้าพี่ไปใครจะเล่นเป็นเพื่อนข้าละ ฮือ"
หลิวหยางก้มตัวลงแล้วเช็ดน้ำตาน้องสาวให้ออกไปแก้มใส แล้วค่อยยกมือไปขยี้หัวเบาๆ
"อะไรกัน ขี้แยเกินไปแล้วน้องสาวของข้า พี่เองก็ไม่อยากไป แต่มันคือหน้าที่เพราะฉะนั้นพี่ต้องไป แต่ไม่ต้องห่วงพี่จะแวะมาเล่นกับเจ้าบ่อยๆ แน่"
"แต่ๆ อึก ฮือ"
เด็กสาวพูดไม่ทันจบก็ถูกต้าต่านอุ้มขึ้นมาเพื่อปลอบประโลมลูกสาวคนเล็ก แล้วบอกให้ทั้งสองออกเดินทางได้แล้ว อาจารย์ของหลิวหยางจะรอ ส่วนซิงเยียนนั้นตนจะเป็นคนจัดการเอง
หลังจากที่จวินหงไปส่งหลิวหยางให้กับอาจารย์โดยไม่ได้ไปส่งถึงที่เพราะจะให้อีกฝ่ายเดินทางไปเอง มันไม่ได้ยากอะไรและด้วยที่มันคือบททดลองอีกรูปแบบหนึ่ง อาจารย์ของหลิวหยางคือจ้าวใต้มหาสมุทร โดยตามคำทำนายบอกว่าถ้าหลิวหยางอยู่ในที่เย็นจะกลายเป็นเทพที่ทรงอำนาจมากเลยทีเดียว จวินหงเลยมอบบุตรชายให้เป็นศิษย์แก่จ้าวใต้มหาสมุทรที่ทั้งฉลาดและเก่งกาจ มีบริวารคอยรับใช้นับแสน
โดยที่เปลี่ยนไปคือซิงเยียนเงียบไม่ร่าเริงเท่าไร
แม้ต้าต่านจะทิ้งการเป็นทหารเพื่อมีเวลาอยู่กับลูกสาวของตนให้มากที่สุดก็เถอะ แต่ใช้เวลาไม่นานนักเด็กหญิงก็รับรู้ว่าอะไรคืออะไรและกลับมาร่าเริงในแบบเดิม
และเติบโตเกินวัย แต่ความไร้เดียงสาของเด็กน้อยอยู่บ้าง
หลายเพลาผ่านไปนานพอสมควร ต้าต่านกลับมาฝึกซ้อมอาวุธและทักษะการต่อสู้อีกครั้ง ถึงร่างกายจะผ่านการมีลูกมาแล้วแต่ทุกๆ ขบวนท่าและการโจมตียังหนักหน่วงและน่าหวาดหวั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง ระหว่างที่ฝึกฝนอยู่นั้น ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมา ต้าต่านไม่รีรอเพราะเป็นจดหมายจากจ้าวใต้มหาสมุทร เมื่อเปิดอ่านแล้วก็ตกใจกับข้อความที่อยู่ในจดหมายนั้น
ว่าหลิวหยางยังไปไม่ถึงวังใต้มหาสมุทร
ต้าต่านร้อนรนไปบอกสามีเรื่องลูกชายที่ยังเดินทางไปไม่ถึง ที่ปานนี้น่าจะถึงตั้งนานแล้ว จวินหงเองก็ไม่นิ่งนอนใจเริ่มออกตามหาลูกชายของตนทันที ตั้งแต่ตรงที่ตนมาส่งลูก ถ้าเดินจากตรงนี้ไปทางทิศขวาที่บอกก็จะเจอกับทะเลแล้วเดินลงไปได้เลย แล้วหลิวหยางเดินไปทางไหนกัน เขาไม่สามารถติดตามหรือสัมผัสได้อาจจะเพราะผ่านมานานแล้วก็เป็นได้
จนกระทั่งจดหมายที่เขียนจากหลิวหยางส่งมา
สองสามีภรรยาเปิดอ่านในทันทีว่าเป็นจดหมายขอความช่วยเหลือหรือไม่ แต่เมื่ออ่านจบแล้วต้าต่านแทบลมจับ จวินหงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาในทันที
'เรียนถึงท่านพ่อ ท่านแม่ และ น้องสาวจอมแสบ
ข้าตอนนี้สุขสบายดี แม้จะร่ำเรียนหนักไปเสียหน่อยก็เถอะ ไหนท่านพ่อบอกว่าสถานที่ที่ข้ามานั้นเย็นสบาย แต่ไฉนมันถึงได้ร้อนถึงเพียงนี้ แถมมีเสียงกรีดร้องของเหล่าวิญญาณมนุษย์ดังอยู่ตลอดเวลา มันก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่ข้าไม่กลัวเท่าไรหรอก ท่านพ่อท่านแม่สบายใจได้ อาจารย์แม้จะดุแต่ก็ใจดีกับข้าเหมือนกัน
แต่น่าแปลกที่อาจารย์ดู งุง งง กลับสิ่งที่เกิดขึ้น
ใช่ ข้าจะบอกท่านพ่อควรนอนพักผ่อนในเพียงพอ อาจารย์ไม่ใช่จ้าวใต้มหาสมุทร แต่เป็นเทพจ้าวแห่งนรกจงขุยต่างหาก ท่านพ่อนอนน้อยเกินไปแล้ว'
สถานที่ที่หลิวหยางไปนั้นก็ใต้เหมือนกันหรือก็คือดินแดนนรกนั้นเอง จวินหงรีบไปที่นั่นเพื่อบอกในสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันผิดพลาด แต่พอไปถึงเขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะหลิวหยางได้ทำพิธีลูกศิษย์อาจารย์เรียบร้อย ซึ่งจงขุยเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมแม่ทัพสวรรค์ถึงส่งลูกตนมาเป็นศิษย์ของเขา พอบอกว่าไม่น่าจะใช่ เด็กชายก็เถียงคอเป็นเอ็นจนน่าจับหักคอแล้วส่งคืน
สุดท้ายหลิวหยางก็กลายเป็นลูกศิษย์ในแดนนรกอย่างสมบูรณ์
จวินหงเลยต้องไปขอโทษกับจ้าวใต้มหาสมุทรแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้อะไรก็เถอะ ก็ถือซะว่าเป็นโชคชะตากำหนดมาให้ก็แล้วกัน ต้าต่านได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้จะทำเช่นไร ก็เลยต้องเป็นไปตามนั้น พอไปฟังคำทำนายอีกครั้งก็รับรู้เลยว่าหลิวหยางจะไม่ได้เป็นเทพและไม่แม้กระทั่งจะฝึกเป็นเซียนด้วยซ้ำ ทั้งสองได้แค่กุมขมับโดยต้าต่านบอกว่าถ้าถึงเวลาของซิงเยียนเขาจะเป็นคนไปส่งเอง หลังจากจวินหงทำพลาด
และเมื่อซิงเยียนเติบโตขึ้นจนอยู่ในวัยเพียงสิบปี
ความงามก็เลื่องลือไปทั่วสวรรค์ งดงามที่แม้แต่เทพธิดาฉางเอ๋อยังเสด็จมาเยี่ยมเพื่อเชยชมความงามที่ว่านั้น เพียงแรกพบสบตาเทพธิดาฉางเอ๋อก็ประทานพรให้ทันทีทันใด เมื่อได้รับคำทำนายว่าให้ลงไปร่ำเรียนกับเซียนสาวที่อาศัยในดินแดนมนุษย์ที่มีความสามารถและความรู้เกี่ยวกับบุปผา แม้จะเป็นเพียงเซียนแต่ก็ถูกยอมรับโดยเทพธิดาแห่งมวลหมู่ผกา ถ้าหากซิงเยียนได้ร่ำเรียนกับเซียนสาวท่านนี้แล้วจะเป็นหนึ่งให้เทพธิดาแห่งมวลหมู่ผกาอีกหนึ่งองค์เลยทีเดียว ว่าแล้วต้าต่านก็เป็นฝ่ายพาซิงเยียนลงไปยังดินแดนมนุษย์มอบให้เป็นศิษย์กับเซียนสาว และด้วยตามกฎฝึกตนต้องให้ผู้เป็นศิษย์เดินทางไปหาอาจารย์เอง
ต้าต่านเลยไม่รีรอที่อธิบายการเดินทางให้ซิงเยียนอย่างละเอียด
ไม่เช่นนั้นอาจจะซ้ำรอยผู้เป็นพี่ชายได้ ดวงตาเรียวคมยืนมองลูกสาวที่เดินไปตามเส้นทางที่ตนบอกอย่างถูกต้องจนลับสายตา แต่เมื่อมาถึงสวรรค์ในเวลาไม่นานเพราะเวลาของดินแดนมนุษย์กับสวรรค์นั้นมันห่างกันมากเลยทีเดียว จดหมายจากซิงเยียนก็ส่งมาหาโดยมีจวินหงมาอ่านด้วยอีกคน
และนั้นทำเอาทั้งสองเข่าแทบทรุด เมื่อความผิดพลาดได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
'เรียนถึงท่านพ่อ ท่านแม่
ข้าเดินทางมาหาอาจารย์และฝากตัวเป็นศิษย์เรียบร้อยแล้ว อาจารย์งดงามมากจริงๆ แม้จะรูปร่างสูงกว่านางฟ้าหรือเซียนสาวที่ข้าเคยพบเจอมา
แต่ท่านแม่ ท่านพ่อ อาจารย์ไม่ได้มีนิสัยอ่อนโยนเลย ใช้ข้าเก่งเหลือเกิน ข้าก็เพิ่งรู้ว่าดอกไม้ไม่ได้มีไว้เพียงปลูกให้งดงาม แต่มันสามารถเอามาตากให้แห้งและนำมาบดเป็นผงให้มนุษย์ได้ทานเพื่อรักษาอาการประหลาด
ถึงแม้ข้าจะโดนใช้ และก็ถือเป็นการฝึกที่สนุก
ข้าไม่เป็นอะไร ข้าสบายดีทุกอย่าง แม้ล่าสุดข้าจะปีนหน้าผาไปเก็บดอกไม้มาให้อาจารย์แล้วตกลงมาก็เถอะ ดีที่อาจารย์เก่งทำให้ข้าหายเจ็บได้ภายในวันเดียว อ่อ ข้าลืมบอกพวกท่านไปว่า สถานที่ที่ท่านแม่บอกมันไม่ได้มีดอกไม้เลย แต่มันอยู่บนยอดภูเขาสูงมาก ข้าว่าท่านแม่น่าจะรู้ เพราะท่านบอกทางข้าเอง
รักและคิดถึงท่านพ่อท่านแม่'
ต้าต่านรีบหันหน้าไปมองจวินหงทันทีว่าห้ามอ้าปากเอ่ยอะไรออกมา เพราะคราวก่อนจวินหงพลาดก็โดนต่อว่าไปยกใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าจวินหงผู้เป็นถึงแม่ทัพสวรรค์มีหรือจะกล้าอ้าปากตำหนิภรรยาของตน เลยทำได้แต่ยกยิ้มแล้วหันหน้าหนี พอไปขอคำทำนายอีกครั้งก็เดินตามเส้นทางเดียวกับพี่ชายไม่มีผิด ไม่แม้จะสนใจฝึกเป็นเซียนด้วยซ้ำ ต้าต่านเลยต้องลงไปขอโทษเซียนสาวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยนางเองก็ไม่ได้โกรธหรือต่อว่าอะไร ถือซะว่าโชคชะตากำหนดด้วยตัวของซิงเยียนเอง
แม้จะผิดพลาด แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปจนทั้งสองเติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว
หลิวหยางเติบโตในดินแดนนรกที่บางครั้งต้องทำงานในดินแดนมนุษย์ ทำให้ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาของวัยไหนก็ได้ตามใจปรารถนา ความเก่งกาจที่สามารถจับสัตว์อสูรที่ภัยต่อดินแดนทั้งสามได้นั้นไม่ธรรมดานัก แม้จะเก่งกาจเพียงใดที่ไม่คิดจะฝึกฝนเพิ่มขั้นหรือก้าวข้ามอะไรทั้งนั้น หรือแม้แต่ซิงเยียนที่เติบโตในดินแดนมนุษย์ แม้จะงดงามเพียงใดแต่เมื่อรับรู้ถึงความสามารถแล้วจะหนาวสันหลังไม่น้อย เพราะต้องเข้าป่าเพื่อเก็บสมุนไพรและอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ซิงเยียนสามารถฝึกฝนควบคุมแมลงเพื่อช่วยในการสำรวจจากอาจารย์ไม่เพียงแค่การควบคุมแมลงเท่านั้น วิชาการแพทย์ของนางเองก็ก้าวหน้าจนน่ากลัวอยู่ไม่น้อย
และนางยังสามารถทำยาที่แม้แต่เซียนก็ดื่มได้ นั้นก็คือน้ำยาการมีบุตรและการทำบุตร
สร้างความแตกตื่นไปถึงสวรรค์และนรก โดยมีเทพธิดาแห่งการถือกำเนิดจากดอกบัวช่วยอีกแรง แม้ส่วนผสมจะถูกเก็บเป็นความลับเพื่อไม่ให้ผู้ที่มีพึงประสงค์ไม่ดีเอาไปใช้ในทางที่ผิด เซียนหนุ่มที่อยากตั้งครรภ์สามารถมาขอกับนางได้ หรือเซียนสาวอยากทำบุตรให้คู่รักก็มาขอกับนางได้เช่นกัน และที่มันน่ากลัวไปมากกว่านั้นก็คือแม้แต่มนุษย์ก็ยังดื่มได้ด้วย เพราะด้วยเหตุนี้เลยทำให้สวรรค์ต้องออกกฎว่ายาที่ซิงเยียนทำห้ามใช้กับมนุษย์เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นจะเกิดความปั่นป่วน
ซึ่งซิงเยียนก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะนางไม่คิดจะใช้กับมนุษย์อยู่แล้ว
จวินหงและต้าต่านเองก็ภูมิใจในตัวของลูกทั้งสอง แม้จะไม่ค่อยมีเวลามากนักก็ยังแวะเวียนมาเยี่ยมมาหา โดยไม่ต้องถามเลยว่าทั้งสองรักและติดใครมากที่สุดถ้าไม่ใช่ผู้เป็นแม่ โดยไม่ลืมที่จะไปเยี่ยมจวินหรงผู้เป็นอาด้วย
และนั้นยังเป็นสิ่งที่ต้าต่านยังคิดไม่ตก
อยู่มานานไม่รู้กี่ร้อยปี พูดคุยกับจวินหรงแทบนับครั้งได้ แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็รักและเอ็นดูหลานทั้งสองเป็นอย่างดี ต้าต่านไม่อยากคิดไปเองด้วยว่าสายตาที่จวินหรงมองมาที่ตนนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขากลัวจะคิดไปเองและทำให้อีกฝ่ายถูกมองไม่ดี แม้แต่ตอนอยู่สนามรบเขาเองก็แทบไม่ได้ร่วมมือกับจวินหรงเลย ส่วนใหญ่จะอยู่กับฮุ่ยเหมยเสียมากกว่า เมื่อลองชวนมาร่วมดื่มสุราหรือดื่มชาด้วยกันอีกฝ่ายก็มักจะบอกว่าไม่ว่างเสมอ แต่พอเป็นฮุ่ยเหมยหรือจวินหงชวนก็มักจะเห็นอีกฝ่ายอยู่ด้วยตลอด
แม้ไม่อยากคิดเอง แต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี
สุดท้ายต้าต่านก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับจวินหงเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ ยิ่งได้ฟังว่าทั้งสองลำบากมาด้วยกันขนาดไหน เขาก็ยิ่งไม่อยากให้ตัวเขานั้นคือคนที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีรอยร้าวหรือระคายใจต่อกัน
และแล้วก็ใกล้ถึงช่วงเวลาที่ต้าต่านจะลงไปเกิดใหม่ในดินแดนมนุษย์เพราะบุญวาสนาใกล้จะหมดลงแล้ว ร่างกายและเรี่ยวแรงเริ่มถดถอยลงไม่ต่างจากการแก่ชราของสวรรค์ จวินหงไม่ละจากต้าต่านไปไหนคอยดูแลอยู่ใกล้จนกว่าจะลงไปเกิดที่ดินแดนมนุษย์ หลิวหยางมาเยี่ยมเป็นบางครั้งบางคราวเพราะมีงานจับปีศาจและวิญญาณมนุษย์อยู่เกือบตลอด ซึ่งซิงเยียนเองก็รับปากกับพ่อว่าถ้าหากท่านแม่ลงไปอยู่ดินแดนมนุษย์นางจะคอยแวะเวียนมาดูแลจนกว่าท่านแม่จะอายุครบสิบแปดปี
จวินหงขออย่าให้มีภัยต่อสวรรค์มาช่วงเวลานี้เลย เขาอยากคอยอยู่ดูแลภรรยารักจนกว่าจะสิ้นบุญวาสนา ปกติแล้ว เขานั้นจะเป็นฝ่ายที่นอนตักต้าต่านแต่คราวนี้ขอให้ตักของเขาได้เป็นที่ลองหนุนศีรษะของภรรยาบ้าง
"ไม่ว่าเจ้าจะเวียนว่ายตายเกิดเพียงใดข้าจะคอยดูแลเจ้าไม่ห่างฮูหยินของข้า"
ต้าต่านไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มให้เพราะตนรู้ดีว่าจวินหงทำตามคำพูดอย่างแน่นอน ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่ก่อนที่ต้าต่านจะลงไปเกิด ณ ดินแดนมนุษย์ทั้งคู่ก็ได้รับความข่าวดีจากเทพผู้ชี้นำชะตา เพราะความดีของต้าต่านที่ทำให้กับสวรรค์นั้นมีมาก เพราะฉะนั้นการกลับไปเกิด ณ ดินแดนมนุษยชาตินี้คือชาติสุดท้ายและไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก นับเป็นเรื่องดีอย่างมาก แสดงว่าต้าต่านจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏนี้
แต่มันกลับไม่ใช่เรื่องน่ายินดีกับจวินหรง
เมื่อรู้ว่าทั้งสองจะได้ครองรักกันจนกว่าสวรรค์จะสิ้นสลาย แล้วสวรรค์จะมีวันนั้นด้วยหรือ? แน่นอนว่าไม่มี ในขณะที่ความริษยา ความเกลียดชังที่ค่อยๆ ก่อเกิดขึ้นในใจ ตาเฒ่าปลาทองก็ปรากฏตัวเพื่อบอกว่ามาเยี่ยมตน จวินหรงไม่มีความรู้สึกอยากพูดคุยเท่าไรแม้อีกฝ่ายมีศักดิ์ไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ บทสนทนาไม่มีอะไรมากนักแค่พูดคุยเรื่องทั่วไปโดยมีน้ำชาไว้ดื่มกับขนมทานไปพลางๆ จนกระทั่งได้ยินประโยคของตาเฒ่าปลาทองที่ว่า
'ชะตากรรมบางครั้งมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากสวรรค์ แต่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของตัวเอง'
แม้ไม่รู้จะเอ่ยถึงอะไร แต่เหมือนจะมาเตือนเขา แล้วมีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจ เพราะระหว่างที่เขาต้องอยู่โดยมองภาพทั้งสองครองรักกันนั้นมันเจ็บปวด มีใครจะเข้าใจความรู้สึกของเขาบ้าง ทำไมที่ตรงนั้นที่ต้าต่านยืนมันถึงไม่ใช่เขา ทำไมมันถึงไม่ใช่เขากันละ จนมีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของจวินหรงนั้นก็คือ
ในเมื่อเขาไม่ได้แบบนั้น ก็อย่าได้มีมันเหมือนกับเขาเช่นกัน ..........
เมื่อต้าต่านหมดบุญวาสนากลับมาเกิด ณ ดินแดนมนุษย์ เกิดมาในหมู่บ้านที่สงบสุข ไม่ได้ยากจนจนลำบากและก็ไม่ได้ร่ำรวยจนไม่ต้องทำงาน ต้าต่านเกิดมาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวหนึ่ง แต่เพราะชะตากรรมกำหนดให้ต้องเหลือตัวคนเดียว พออายุได้สิบห้าปีพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิดเจอชะตากรรมที่โหดร้ายทั้งสองจากไปทิ้งไว้เพียงต้าต่าน
ซิงเยียนทำตามสัญญาว่าจะคอยดูแลแม่ให้ดี และนางก็ทำได้โดยไม่ถูกจับได้
จวินหงที่อยู่สวรรค์เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกดีและอีกไม่นานเขาจะลงไปเพื่อไปหาภรรยาสุดที่รัก ระหว่างที่รออยู่นั้น จวินหรงก็เดินมาหาตนเพื่อพูดคุยแม้ในบทสนทนานั้นจะแปลกๆ ก็เถอะ โดยคำถามที่จวินหรงถามเขานั้นคือ
"ท่านคิดเช่นไรกับข้า"
แน่นอนว่าจวินหงมองอีกฝ่ายเป็นน้องชายที่เขาพร้อมจะปกป้องและพร้อมจะอยู่เคียงข้างทั้งทุกข์และสุข
"เจ้าคือน้องชายของข้าจวินหรง น้องชายที่ข้ารักมากที่สุด"
คำตอบของเขานั้นหนักแน่นให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขารักอีกฝ่ายมากจริงๆ แม้จะไม่ใช่พี่น้องทางสายเลือด แต่ความลำบากที่ผ่าฟันกันมานั้นมันผูกพันยิ่งกว่าทางสายเลือดเสียอีก โดยที่จวินหงไม่รู้เลยว่าคำตอบนั้นทำให้จวินหรงหัวใจแหลกสลายและขาดสะบั้นลงในครานั้น
เมื่อถึงเวลาที่ต้าต่านจดจำได้ทุกอย่าง
จวินหงไม่รอช้าที่จะลงไปหาอีกฝ่ายทันที แต่ก็ยังไม่ช้ากว่าลูกทั้งสอง เมื่อมาถึงซิงเยียนที่นำยาสมุนไพรที่ใช้รักษามนุษย์มาให้แม่ของตนได้ดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย หลิวหยางหาของใช้และเครื่องนุ่งห่มดีๆ มาให้ ทั้งสี่อยู่ด้วยกันอย่างผาสุกแม้จะตามด้วยเสียงทะเลาะกันของพี่น้องก็เถอะ
และแน่นอนว่าสองพี่น้องแม้จะดื้อหรือซุกซนเพียงใดก็ย่อมรู้ดีว่าควรกลับไปเพื่อให้พ่อแม่ได้อยู่ด้วยกัน
เมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกันและรู้ว่าอีกไม่นานจะครองรักกันไปชั่วกัปชั่วกัลป์นานมิอาจนับอสงไขย ความสุขย่อมเอ่อล้นหัวใจ ทั้งสองไม่รอช้าที่จะพลอดรักขอแค่มีเพียงเตียงนอนเตียงเดียวก็เพียงพอแล้ว ช่วงเวลาที่อยู่ในดินแดนมนุษย์ ซิงเยียนแวะมาเยี่ยมทั้งสองเมื่อมีเวลาว่าง หลิวหยางนั้นไม่ค่อยได้มาเพราะมัวแต่ไล่จับวิญญาณมนุษย์ที่ชอบหนีการจับกุมของนรก
มันควรจะเป็นเช่นนี้จนกว่าต้าต่านจะสิ้นอายุขัย
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฮุ่ยเหมยและจางจิ้งลงมาจากสวรรค์เพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น นั้นก็คือมังกรทมิฬที่จวินหงผนึกไว้ ณ ดินแดนมีงกรถูกปลดปล่อย จวินหงตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเพราะไม่มีทางที่มังกรทมิฬจะปลดผนึกได้นอกจากจะมีใครไปปลดผนึกที่ว่านั้น และตอนนี้มันกำลังออกอาละวาด ภัยต่อสวรรค์ขั้นวิบัติ จวินหงผู้เป็นแม่ทัพสวรรค์ไม่อาจนิ่งเฉยได้ หันมาบอกลาภรรยารักเพื่อไปปราบมังกรทมิฬอีกครั้ง จูบและกอดลาโดยสัญญาว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย
โดยที่จวินหงไม่รู้อะไรนับจากนั้นอีกเลย ไม่แม้จะมีเวลาส่งจดหมายไปหาภรรยาอันเป็นที่รัก
สงครามที่เขาสู้กับมังกรทมิฬนั้นกินระยะเวลาของโลกมนุษย์นับหลายปี สู้กันแทบตลอดเวลาไม่มีหยุดพัก ทหารล้มตายไปจำนวนมากเหมือนครั้งแรกที่สู้กัน จางจิ้งสุนัขนำทัพต้องแลกกับการเสียสละชีวิตอีกครั้งเพราะทุ่มเทพลังที่มีเพื่อกัดหางไม่ให้มังกรทมิฬสะบัดจนเกิดพายุหรือลมกระโชกแรง ไม่เช่นนั้นมนุษย์จะได้รับอันตรายได้ จนจวินหงสามารถผนึกมังกรด้วยหอกทองคำของตนได้อีกครั้ง
คำถามว่าทำไมเขาถึงไม่ฆ่า
การฆ่ามังกรทมิฬจะทำให้โลกมนุษย์ได้รับอันตรายจากพลังที่อยู่ภายใน เมื่อไรที่ร่างของมังกรสลาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่อาจคาดคะเนได้ การผนึกไว้คือสิ่งที่ควรทำมากที่สุด จวินหงก็ไม่รีรอที่จะรีดเค้นมังกรทมิฬว่าใครคือคนที่ปลดผนึก และเมื่อรับคำตอบ เขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่หูได้ยิน
จวินหรงคือผู้ที่ปลดปล่อยมังกรนั้นเอง
เขาไม่เชื่อและไม่น่าจะใช่ มังกรทมิฬน่าจะใส่ร้ายน้องชายของเขาก็เป็นได้ เมื่อกลับไปยังสวรรค์คำตอบนั้นยิ่งชัดเจนว่าจวินหรงเป็นผู้ปลดปล่อยจริงๆ ดวงตาคู่งามแทบจะหลั่งน้ำตาเพราะถ้าเป็นเช่นนี้เขาต้องออกตามล่าน้องชายและทำการลงโทษอีกฝ่ายโดยการประหาร มันคือกฎที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จวินหงร้องขอทั้ง ๆ ที่ไม่เคยร้องขออะไรมาก่อนตลอดการเป็นแม่ทัพว่าอย่าได้ประหารน้องชายของตนได้หรือไม่ โดยยอมลดบารมีของตนลงเพื่อลดโทษให้กับน้องชายโดยเปลี่ยนเป็นเพียงจองจำ และเพื่อสลายพลังของจวินหรง ต้าต่านต้องเอาหอกทองคำแทงร่างของอีกฝ่ายเพื่อผนึกพลังเหมือนกับมังกรทมิฬนั้นเอง
น้ำตาของผู้เป็นพี่ชายไหลรินอย่างไม่อาย
เมื่อตกลงแลกบารมีของตนเป็นที่เรียบร้อย จวินหงไม่รอช้าที่จะลงไปยังดินแดนมนุษย์เพื่อออกตามล่าน้องชายที่ไม่เคยมีใครจับได้ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะเป็นถึงรองแม่ทัพเงินก็ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ฮุ่ยเหมยยังไม่ฟื้นตัวดีนักหลังจากสู้รบกับมังกรทมิฬ เมื่อลงมายังดินแดนมนุษย์ จวินหงไม่อาจจะแวะเวียนไปหาภรรยาได้เพราะต้องทำหน้าที่ของแม่ทัพสวรรค์ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน เมื่อจับจิตของจวินหรงได้ก็พบว่าอีกฝ่ายจำแลงร่างกลายเป็นเด็กชาย ที่ผ่านที่ไม่มีใครจับจิตได้เพราะอีกฝ่ายลบล้างจิตสัมผัสเองมาโดยตลอด และคงรู้ว่าตนผนึกมังกรสำเร็จและคงจะรู้ว่าเขาต้องเป็นฝ่ายออกมาตามล่าเลยเปิดจิตให้ตนตามหาเจอสินะ
"จวินหรง"
"สวัสดีพี่ชาย"
ดวงตาคู่งามจ้องมองไปยังดวงตาของร่างจำแลงเด็กชายที่บ่งบอกถึงความเกลียดชังและความโกรธแค้นที่ไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ มือสวยกำหอกทองคำของตนแน่นแล้วไม่รีรอที่จะพุ่งใส่เพื่อนำอีกฝ่ายไปลงโทษตามที่ตกลงเอาไว้ แล้วมีหรือที่จวินหรงจะอยู่เฉยๆ ให้จับ การจำแลงเป็นร่างเด็กชายอาศัยความบริสุทธิ์ของวัยเยาว์เลยช่วยให้การลบล้างจิตให้สะอาดได้นั้นเป็นความคิดที่ฉลาดไม่น้อย จวินหงไม่รีรอรีบตามอีกฝ่ายไปทันที แม้จะเจ็บปวดที่ต้องทำเช่นนี้
แต่หน้าที่ของขาในตอนนี้คือแม่ทัพสวรรค์ ไม่ใช่หน้าที่ของพี่ชาย
ทุกครั้งที่ฟาดฟันหอกลงไปนั้นไม่ใช่ไม่เจ็บปวด แต่ต้องข่มความเจ็บปวดเอาไว้ไม่เช่นนั้นหอกทองคำก็จะเจ็บปวดตามตนไปด้วย แน่นอนว่ารองแม่ทัพเงินมีหรือจะสู้แม่ทัพทองคำได้ ร่างจำแลงเด็กชายถูกเตะเข้าที่ด้านหลังจนร่วงลงไปนอนกองกับพื้น จวินหงกระชับหอกตัวเองแน่นเพื่อเตรียมแทงร่างจำแลงของจวินหรงเพื่อผนึกร่างที่แท้จริง
ก่อนที่ปลายหอกทองคำจะทิ่มแทงผ่านร่างที่ไม่อาจหวนกลับคืน
ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อร่างที่มารองรับหอกทองคำตนนั้นไม่ใช่ร่างจำแลงของจวินหรง แต่เป็นร่างที่อยากกลับหาเมื่อทำหน้าที่ตรงนี้เสร็จสิ้นแล้ว อยากกลับไปกอดเพื่อคลายความเศร้าในจิตใจและความเหนื่อยล้า เลือดสีแดงไหลรินออกมาจากร่างกายอุ่นพร้อมกับน้ำตาจากดวงตาเรียวคมที่มองตน ร่างมนุษย์ที่แสนบอบบางดึงตัวเองออกมาจากปลายหอกพร้อมกับเสียงที่เอ่ยเรียก
"ท่านพี่"
หอกทองคำนั้นมีค่ามากเพียงใดก็เทียบไม่ได้กับร่างที่กำลังร่วงลงพื้น จวินหงปล่อยหอกร่วงหล่นจากมือเพื่อยื่นแขนทั้งสองข้างไปโอบร่างแสนรักเอาไว้ทันทีโดยไม่สนว่าหอกนั้นจะนอนกลิ้งไปพื้นดินหรือไม่ สองแขนโอบรับร่างภรรยาเอาไว้กับสองเข่าที่หมดแรงทรุดลงกับพื้น จวินหงไม่อาจจะหักห้ามน้ำตาได้อีก มองใบหน้าหล่อเหลาของต้าต่านที่กำลังใช้สายตามองมาที่ตน โดยมีเลือดที่ไหลรินไม่หยุด
"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!"
เมื่อไรที่หอกทองคำแทงผ่านร่างอสูรร้ายก็สามารถผนึกได้และสลายพลังได้ แล้วมนุษย์เหล่าจะเหลืออะไร ระหว่างที่ทำอะไรไม่ถูกนั้น จวินหรงสลายร่างจำแลงของตนไปตอนไหนไม่รู้โดยตอนนี้มีร่างเด็กชายที่เหมือนร่างจำแลงวิ่งมาทั้งน้ำตาพร้อมตะโกนเรียกต้าต่านที่อยู่ในอ้อนแขนของตนว่า
"แม่!!"
จวินหงไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรทั้งนั้น ร่างเด็กชายถูกจวินหรงอุ้มเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ตนและต้าต่าน พร้อมกับเอ่ยประโยคออกมาที่ว่า
"จวินหง เจ้าฆ่าภรรยาของข้าทำไม"
แม่ทัพสวรรค์กว่าจะรับรู้ว่าตนถูกหลอกก็สายเกินกว่าจะหวนกลับไปแล้วจริงๆ จวินหรงบอกให้เด็กชายวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น ก่อนที่จะหันมามองตนด้วยรอยยิ้มที่หลากอารมณ์ดีใจก็ไม่ จะเสียใจก็ไม่ แต่จวินหงไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลยนอกจากร่างที่อยู่ในอ้อมกอดตนที่ความอุ่นค่อยๆ หายไป
"ฮูหยินได้โปรด ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้..."
จวินหงพยายามห้ามเลือดเอาไว้ แต่ร่างกายมนุษย์นั้นบอบบางนัก มือเรียวที่ตอนนี้เปื้อนเลือดของตัวเองที่ขยับขึ้นมาที่แก้มของเขา มือสวยที่เปื้อนไปด้วยเลือดไม่รอช้าที่จะจับมือที่กำลังแตะที่แก้มของตนเอาไว้แน่นและรับรู้ว่าอีกไม่นานต้าต่านจะทนไม่ไหวแล้ว
"ท่านพี่กลับมาอย่างปลอดภัยสินะ"
"ฮูหยิน ข้าขอโทษ"
"ท่านพี่ไม่ผิดเลยสักนิด ไม่เลย"
สิ้นเสียงของต้าต่านนั้นคือลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ไม่อาจจะทนไหวอีกแล้ว จวินหงแทบจะกรีดร้องแต่มันเจ็บปวดเกินกว่าจะร้องออกมาได้ ทำได้แค่กอดร่างที่ความอุ่นใกล้จะจางหายไป จวินหรงมองภาพตรงหน้าอย่างสมเพชในความรักของทั้งสอง ก่อนที่จะเดินไปหยิบหอกทองคำขึ้นมาจากพื้นก่อนที่จะเอ่ยพูด
"ตอนข้า... ท่านไม่คิดแม้แต่จะหยั้งมือ แต่พอเป็นชายคนนั้นกลับอาลัยอาวรณ์โยนทิ้งแม้กระทั่งหอกของตัวเอง ข้าว่าท่านทำใจเถอะ มนุษย์ที่โดนหอกทองคำทิ่มแทง วิญญาณจะไม่สามารถไปไหนได้อีกนอกจากปรโลกไร้สาร"
จวินหงเงยหน้ามองจวินหรงที่กำลังถือหอกทองคำของตนเอาไว้ทั้งน้ำตา มันจริงอย่างที่อีกฝ่ายบอก เพราะมันทำอะไรไม่ทันแล้ว
"ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้ เจ้าเป็นน้องชายข้านะ"
"ข้าไม่เคยอยากเป็นน้องชายเจ้า!"
เสียงตวาดตอบกลับใส่พร้อมกับจับหอกทองคำแล้วจัดการหักมันเป็นสองท่อนทันที เมื่อไรที่จิตใจแม่ทัพสวรรค์อ่อนแอลง หอกทองคำก็จะอ่อนแอตามไม่ต่างจากกิ่งไม้
หอกทองคำหักเป็นสองท่อนร่างกายที่ลดบารมีลงก็ย่อมเจ็บปวดเป็นทวีคูณ
ทำได้แค่ข่มความเจ็บเอาไว้ แม้จะเจ็บเพียงใดที่ยังกอดร่างไร้ลมหายใจไปอยู่แบบนั้น ไม่เพียงแค่นั้นผลกระทบที่หอกทองคำหักจะปลดปล่อยอสูรที่ถูกผนึกเอาไว้ด้วย แต่กระนั้นก็ไม่ได้ความหมายว่าพลังจะได้กลับคืนเพราะตัวของจวินหงยังอยู่นั้นเอง นี้คือแผนของจวินหรงที่ปลดปล่อยมังกรทมิฬออกมาและอีกฝ่ายจะต้องมาหาตนเพื่อขอพลังคืนอย่างแน่นอนไม่เพียงแค่มังกรทมิฬ แม้แต่อสูรตนอื่นก็ด้วยเช่นกัน
"ข้าไม่เคยคิดกับท่านเป็นพี่ชายเลยสักครั้ง ตั้งแต่วันแรก"
จวินหงเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจที่ตนสูญเสียสิ่งที่ตนรักไปถึงสอง จวินหรงทำให้ตัวเองบาดเจ็บแล้วเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองจวินหงที่ร้องไห้เลยสักนิด ซิงเยียนได้รับข่าวจากแมลงก็รีบตรงมาทันทีก็พบกับร่างของแม่ที่อยู่อ้อมกอดของพ่อที่กำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด นางรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่เดินทางมา ซิงเยียนไม่รอช้าที่เข้าไปเพื่อดึงร่างแม่ออกมาเพื่อทำการรักษา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่ทันแล้ว
"ซิงเยียนพ่อขอโทษ"
"ท่านพ่อไม่ต้องพูดอะไร ข้าจะรักษาท่านแม่ มันจะไม่เป็นอะไร มันจะไม่เป็นไรแน่ๆ"
จวินหงมองมือบางของลูกสาวที่สั่นเทาและน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามไม่ต่างจากตน ปากก็เบะจนคว้ำ ทั้งผ้าที่ซับเลือด ทั้งยาห้ามเลือด และอะไรไม่รู้ออกมาจากกระเป๋าใบเล็กๆ นั้น
"ซิงเยียนลูกรัก มันไม่ทันแล้ว"
"ไม่ท่านพ่อ มันต้องทัน! ร่างกายมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้! ข้ารักษามาเยอะแล้ว มันต้องทัน มันต้องทันสิ!"
เด็กสาวมือสั่นไปหมดจนจับยาหกลงพื้น จนแขนเสื้อมาปาดน้ำตาทิ้งแล้วกล่าวโทษว่าน้ำตาทำให้มองไม่เห็น ลุกลนจนจวินหงรีบจับใบหน้าของลูกสาวให้หันมามองตน
"ซิงเยียนฟังพ่อนะลูก ฝากฝังร่างแม่ด้วย พ่อจะไปตามแม่เอง"
"ตามที่ไหนท่านพ่อ ปรโลกไร้สารไม่อาจจะนำพาวิญญาณกลับมาได้อีก"
"พ่อจะพาแม่เจ้ากลับมา"
ซิงเยียนได้ยินเช่นนั้นทำไมนางจะไม่รู้ว่าท่านพ่อของตนจะทำอะไรกันแน่ ปรโลกไร้สารคือสถานที่กักวิญญาณที่ไม่สามารถไปเกิดได้อีกและนั้นหมายความว่าจะไม่มีต้าต่านอีกต่อไป แล้วมีหรือที่นางจะห้ามอะไรพ่อของตนได้ สิ้นเสียงก็หายตัวไปทันที ซิงเยียนไม่รอข้ารีบบอกแมลงของนางให้ไปบอกกับหลิวหยาง อย่างน้อยพี่ชายของนางน่าจะห้ามได้ทัน
ไม่เช่นนั้นอาจจะสูญเสียทั้งพ่อและแม่เลยก็ได้
ร่างกายของแม่ทัพสวรรค์ในตอนนี้ไม่ต่างจากหินที่ถูกค้อนทุบจนเกิดรอยร้าวที่ทุบเพียงอีกไม่กี่ครั้งก็พร้อมแตกเป็นเศษหิน หอกทองคำถูกหักครึ่งก็แทบทำให้ไร้เรี่ยวแรงแล้ว บารมีที่สะสมมาหายไปอีกหลายพันปี การมาถึงปรโลกนั้นมันก็ฝืนเกิดกว่าร่างนี้จะทนได้ไหว ปรโลกไร้สารคือแดนที่แม้แต่เทพที่มีอำนาจก็ไม่อยากย่างเท้าเข้ามา แต่เขาต้องมาเพื่อรับภรรยาของตนกลับไป เขาไม่ยอมให้ความตายที่เกิดจากเขามาพรากต้าต่านไปจากตน ดวงตาคู่งามมองเห็นวิญญาณของต้าต่านที่อยู่ไม่ไกล ร่างนั้นอยู่ท้ายแถวเพื่อรอก้าวข้ามสะพานที่อีกฝั่ง
สองขายาววิ่งไปหาอย่างไม่คิดอะไร
คนตายแล้วออกไปไม่ได้ คนเป็นก็ย่างเท้าเข้าไปได้เช่นกัน แม้แต่เทพแห่งการทำลายล้างก็เถอะ วิ่งไม่ได้เท่าไร ร่างกายของจวินหงก็หนักอึ้งราวกับถูกภูเขาลูกใหญ่ทับ แต่เขาไม่ยอมแพ้ ความห่างไกลไม่สามารถหยุดเขาได้
เขาต้องพากลับมา เขาจะต้องพาภรรยาของตนกลับมาให้ได้
"ฮูหยิน!"
จวินหงตะโกนเรียกสุดเสียงเพื่อให้ต้าต่านได้ยิน และเสียงก็ส่งไปถึง ต้าต่านหันกลับมามอง เมื่อเห็นร่างงามที่กำลังเข้ามาหา สองเท้าก็เตรียมจะวิ่งเข้าไปหาเช่นกัน แต่ทหารของปรโลกไม่อนุญาตเลยเดินเข้ามาขว้างเอาไว้ แล้วบอกให้ตนเดินหน้าต่อไป ต้าต่านรับรู้ดีว่าไม่อาจได้อยู่ร่วมเคียงคู่กับจวินหงได้อีกแล้ว แม้จะมีเรื่องที่อยากบอกอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่ก่อนที่จะเดินไปข้างหน้า ต้าต่านขอทหารปรโลกเพื่อบอกอีกฝ่ายก่อนไป ถึงเขาเองก็อยากวิ่งไปหาจวินหงผู้เป็นสามีมากแค่ไหนก็ตาม โชคชะตาที่กำลังจะผูกให้พวกเขาได้เคียงคู่กันไปชั่วกัลป์ชั่วกัลป์บัดนี้คงได้ขาดสะบั้นลงแล้วสินะ แม้จะเป็นวิญญาณไร้ร่างกายแต่ก็มีน้ำตาจากก้นบึ้งห้วงจิตไหลออกมาอาบแก้ม
"ท่านพี่ เราสองคงสิ้นวาสนากันเพียงเท่านี้ ท่านกลับไปเถอะ ดูแลหลิวหยางและซิงเยียนให้ดี"
แม้ต้าต่านยังอยากเคียงข้างเพื่ออยู่เลี้ยงดูลูกไปด้วยกัน อยากอยู่ด้วยกัน อยากอยู่เพื่อบอกรักและนอนกอดกัน อยากคอยอยู่ดูแลเอาใจใส่ อยากอยู่ทะเลาะกันกับเรื่องไร้สาระ อยากอยู่ด้วยกันตลอดไปจริงๆ ภาพที่ใช้ชีวิตร่วมกันย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ แต่สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือหันหลังเพื่อเดินไปด้านหน้า ต้าต่านไม่ได้ยอมแพ้แก่โชคชะตา แต่สิ่งที่เกิดนั้นมันไม่สามารถต่อกรได้แล้วต่างหาก จวินหงที่ได้ยินเช่นนั้นมีหรือที่เขาจะยอม ดวงตาคู่งามมองวิญญาณของภรรยารักที่กำลังหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังสะพาน
"ไม่! ฮูหยิน ข้าจะไม่ยอมเสียเจ้าไป!"
จวินหงออกแรงก้าวเท้าเพื่อไปหา ร่างกายหนักอึ้งมากเดิมเป็นหลายเท่าจนเข่าทรุดกระแทกพื้น แต่เขาก็กัดฟันเพื่อชันเข่าให้ลุกขึ้นแล้วก้าวเท้าที่หนักอึ้งไปด้านหน้า
"อย่าไปจากข้าฮูหยิน!"
ต้าต่านได้ยินอย่างชัดเจน แต่ก็ยังก้าวเท้าไปด้านหน้าเช่นเดิมเพื่อข้ามสะพาน แม้น้ำตาจะไหลออกและจะไม่หันหลังกลับไปมอง ซึ่งจวินหงเองก็จะไม่ยอมหันหลังกลับไปเช่นกันต่อให้กระดูกแหลกทั้งร่างกายก็พากลับมาให้ ร่างแม่ทัพสวรรค์คนงามตอนนี้ถูกกดทับจนลงนอนไปกับพื้น กระอักเลือดออกมาจากปาก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ถ้าหากขาเดินไปต่อไม่ได้ ก็ยังมีแขนที่พาไปข้างหน้าได้ จวินหงกระเสือกกระสนคลานเพื่อไปข้างหน้ามองภรรยาที่ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมาหาตน ถ้าหากข้ามผ่านสะพานนั้นไป จะไม่มีต้าต่านฮูหยินของแม่ทัพสวรรค์ผู้นี้อีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว
"ได้โปรด อย่าทิ้งข้าไป"
น้ำตาแม่ทัพสวรรค์ไหลรินออกมาอีกครั้งกับน้ำเสียงอ้อนวอน วิงวอนต่อภรรยา เขายอมทุกอย่างขอแค่ให้ได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง ขอให้ได้กลับมาอยู่เคียงข้างกันอีกครั้ง จวินหงรักได้เพียงผู้เดียว
"ข้ารักเจ้าต้าต่าน"
ต้าต่านที่ได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจน เมื่อก้มลงมองด้านล่างที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงสะพานแล้ว ถ้าพ้นสะพานนี่ไปก็ไม่อาจจะได้อยู่เคียงข้างสามีคนงามอีกต่อไป
จะไม่มีอีกแล้ว
ความรักบางครั้งมันมีมากกว่าเหตุผลและหลักความเป็นจริง บางครั้งมันก็เป็นแรงผลักดันไม่ให้ยอมแพ้กับสิ่งที่ยากจะต่อกร ต้าต่านไม่รีรอรีบหันหลังเพื่อวิ่งไปหาสามีคนงามของตน แหวกวิญญาณผู้อื่นและหลบทหารของปรโลกไร้สารเพื่อไปหาจวินหง อย่างที่บอกไว้ว่า
คนเป็นเข้าไปไม่ได้ คนตายก็อย่าหวังจะได้ออก
ต้าต่านก้าวเท้าได้ไม่กี่ก้าว วิญญาณก็ถูกแรงกดทับลงกับพื้นทันที จวินหงเห็นเช่นนั้นก็กลัวภรรยาจะเจ็บไม่ได้สนใจว่าตัวเองนั้นจะเป็นเช่นไร เขากัดฟันรวบรวมแรงฮึดสุดท้ายชันเข่าตนเองเพื่อลุกขึ้นไปหาภรรยา แม้ตอนนี้ร่างกายจะเลือดท่วมหรือต้องกระอักเลือดออกมาอีกสักกี่ครั้งก็ตาม ต้าต่านเองก็พยายามคลานเข้าไปหา โดยตอนนี้มีทหารปรโลกไร้สารวิ่งเข้ามาใกล้ถึง
"โฮ่ง!"
เสียงของสุนัขดังขึ้นและเข้าไปจัดการทหารที่กำลังจะเข้าใกล้ต้าต่าน
"อย่ามาเข้าใกล้นายของข้า!"
เสียงนั้นคือเสียงของจางจิ้งนั้นเอง จวินหงดีใจที่ได้เห็นสหายร่วมรบมาช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาเริ่มจะไม่ไหวแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะถึงอยู่แล้ว ร่างกายของเขาก็ทรุดลงกับพื้นอย่างรุนแรง ต้าต่านผวาเห็นสามีตนเป็นเช่นนั้นก็พยายามใช้สองแขนดันตัวเองไปข้างหน้า แรงกดทับก็หนักจนแทบทนไม่ไหว ทั้งสองมองหน้ากันโดยยื่นมือออกไป อย่างน้อยขอให้ได้แค่จับมือก็ยังดี ทหารปรโลกไร้สารเพิ่มจำนวนมากขึ้นและตรงมาหาทั้งสองเพื่อจับกุมเพราะอำนาจของแม่ทัพสวรรค์ใช้กับที่นี่ไม่ได้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร โซ่ตรวนสีดำก็ผุดขึ้นมาจากพื้นรัดร่างของพวกเขาไว้
"อย่ามาขัดขว้างพ่อแม่ของข้า"
หลิวหยางได้รับสารแมลงจากน้องสาวจนละทิ้งหน้าที่เพื่อมาช่วย แต่พอมาถึงเขากลับทำอะไรมากไม่ได้ นี่สินะปรโลกไร้สาร แค่ตอนนี้ยึดโซ่ตรวนเอาไว้ขายังสั่นเลย ดวงตากลมมองพ่อกับแม่ก็สงสารจับใจอยากเข้าไปช่วยเหลือเกินมากกว่านี้แต่ทำไม่ได้ จางจิ้งที่สู้กับทหารปรโลกไร้สารตรงนี้จบก็พยายามเข้าไปช่วยนายหญิงโดยการกัดชายเสื้อสีขาวลากให้เข้ามาใกล้มาที่สุดโดยที่ตนเองก็โดนแรงกดทับเช่นกัน จนกระทั่งมือของทั้งสองได้จับมือประสานกัน และช่วยกันดึงเข้าไปหาเพื่อให้ใบหน้าใกล้ชิดกัน
"ท่านพี่"
"ฮูหยินของข้า"
แรงกดทับมหาศาลไม่อาจจะแยกทั้งสองออกมาจากกันได้ แม้จะเจ็บจนแทบจะแตกสลายแต่เมื่อได้เห็นหน้ากันอีกครั้ง สบตากันอีกครั้ง ความเจ็บเหล่านั้นก็สู้ความสุขใจตรงนี้ไม่ได้ ในขณะที่พร้อมจะพบเจอกับจุดจบ แรงกดทับก็สลายหายไปในทันที ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมแรงกดทับถึงหาย ต้าต่านไม่สนและรีบลุกขึ้นมาเพื่อเข้าประคองสามีของตนที่ตอนนี้ร่างกายแทบขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
"ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ท่านพี่"
"ก็เพื่อให้เจ้ากลับมาเคียงคู่กับข้ายังไงละ"
ต้าต่านมองสามีทั้งน้ำตาก่อนที่จวินหงจะหมดสติและหลับไป จากนั้นร่างของเทพธิดาแห่งการถือกำเนิดจากดอกบัวปรากฏกายต่อหน้าพวกเขา โดยบอกว่าจะต้องพาจวินหงขึ้นไปเพื่อถูกพิพากษา การปรากฏกายของพระองค์นั้นทำให้หลิวหยางสามารถปลดปล่อยโซ่ตรวนได้และเขาไม่รีรอที่จะรีบตรงดิ่งไปหาพ่อกับแม่ทันที
"หลิวหยาง เจ้าจงพาแม่ของเจ้าและสุนัขนำทัพไปหาอาจารย์ของเจ้าเสีย"
แม้จะไม่รู้อะไรหลิวหยางก็พยักหน้าตามคำสั่งของเทพธิดาแห่งการถือกำเนิดจากดอกบัว โดยพระองค์ได้พาและนำร่างจวินหงไปด้วยโดยไม่ลืมที่จะบอกกับต้าต่านว่าทุกอย่างจะต้องไม่เป็นอะไรและนางเองก็จะช่วยด้วย เมื่อร่างของเทพธิดาหายไปพร้อมกับจวินหงแล้วนั้น หลิวหยางก็โพกอดแม่ทั้งน้ำตา ตอนที่ตนรู้ว่าแม่ไปยังปรโลกไร้สารนั้นเขาใจหายมากเพียงใดโดยที่ต้าต่านเองก็กอดร่างลูกชายกลับเช่นนั้น ตั้งแต่วันนั้นที่ร้องไห้ขอโทษเขาเรื่องน้องสาวนี่เป็นอีกครั้งที่ลูกชายตรงหน้าร้องไห้ให้ตนเห็น ไม่นานนักหลิวหยางก็พาแม่ไปพบกับอาจารย์ของตนตามคำสั่งของเทพธิดาแห่งการถือกำเนิดจากดอกบัว
.
.
.
...................
จวินหงลืมตาตื่นขึ้นมาก็เรียกร้องหาต้าต่านไม่หยุดจนฮุ่ยเหมยต้องเข้ามาช่วยสงบสติอารมณ์ว่าตอนนี้ทุกอย่างยังดีอยู่แม้จะไม่ได้ดีไปทั้งหมดก็ตาม แต่ก่อนที่จะอะไรไปมากกว่านั้นฮุ่ยเหมยบอกให้แม่ทัพสวรรค์ไปพบเง็กเซียนเพื่อรับคำพิพากษา เมื่อมาถึงก็พบว่านอกจากเง็กเซียนแล้วยังมีเทพองค์อื่นอีกมากที่เข้าร่วมพิพากษาตนในครั้งนี้ โทษที่เขาได้รับนั้นคือ ไม่สามารถนำตัวผู้ร้ายอย่างจวินหรงกลับมาได้สำเร็จและยังทำหน้าที่ไม่ดีจนหอกทองคำถูกหักออกเป็นสองท่อนทำให้อสูรที่เป็นภัยต่อสวรรค์ได้ออกมาต่อกรกับสวรรค์ ส่วนโทษที่เขาได้รับสูงสุดก็คือการลงไปปั่นป่วนปรโลกไร้สารนั้นเอง
แต่เรื่องที่ทำให้จวินหงรู้สึกยินดียิ่งกว่าสิ่งนั้นก็คือ
ต้าต่านไม่ได้ไปยังปรโลกไร้สารแต่ไปได้เกิดใหม่ที่ดินแดนมนุษย์อีกครั้งเพราะความดีที่ต้าต่านทำให้กับสวรรค์นั้นสามารถนำไปต่อรองกับกฎของปรโลกได้ว่าคนดีควรอยู่เพื่อทำความดีต่อไปเพื่อความสมดุล แต่การไปเกิดครั้งนี้จะไม่สามารถจดจำอะไรเกี่ยวกับสวรรค์หรือชาติอื่นๆ ได้อีก ด้วยที่จวินหงทำคุณงามความดีไว้ให้กับสวรรค์นั้นมากพอที่จะลบล้างความผิดที่นำตัวผู้ร้ายกลับมาไม่ได้ และละเลยต่อหน้าที่จนหอกทองคำหัก จวินหงก็แค่ต้องลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อออกตามหาน้องชายของตนมาลงโทษและนำหอกทองคำกลับมาเพื่อปราบอสูรร้ายที่ภัยต่อสวรรค์และโลกมนุษย์โดยจะให้บารมีเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลาสามสิบปีของโลกมนุษย์ แต่ก็ยังโดนลงโทษที่ไปปั่นป่วนปรโลกไร้สารที่เกิดจากความรัก เพราะฉะนั้นบทลงโทษของเขาคือสามารถไปหาต้าต่านได้แต่ห้ามบอกเกี่ยวกับความทรงจำทั้งหมดและห้ามบอกความจริงเพื่อพิสูจน์ความรักของเขากับต้าต่าน
และไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่โดนลงโทษ
ซิงเยียน หลิวหยางเองก็โดนลงโทษด้วยเช่นกัน อย่างแรกซิงเยียนโดนลงโทษที่เอาน้ำยาต้องห้ามไปใช้กับมนุษย์และมนุษย์ดื่มน้ำยานั้นก็คือต้าต่านเองจนทำให้มีลูกชายอีกคน โดยที่นางผิดจริงเพราะดันไปสลับยาตั้งครรภ์ที่จะไปให้เซียนหนุ่มบยาที่เอาไว้บำรุงร่างกาย ส่วนหลิวหยางเองก็โดนลงโทษที่ละเลยหน้าที่และมีส่วนร่วมในการปั่นป่วนปรโลกไร้สาร ฮุ่ยเหมยเองก็ไม่พ้นที่จะโดนผลพ่วงเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นทั้งหมดจึงถูกลงโทษโดยการห้ามเล่าเรื่องในอดีตชาติของต้าต่าน
สุดท้ายจวินหงก็ลงมาดินแดนมนุษย์และตั้งสำนักเป็นสำนักเพ่ย หรือ เพ่ยจวินหงจนถึงทุกวันนี้ เขาติดตามต้าต่านมาตั้งวัยสิบห้าปี และออกตามหาลูกชายอีกคนของต้าต่านหรือก็คือหลวนเซียน ตามหาจางจิ้งที่อยู่สำหนักเฟ่ย เมื่อใช้ดวงตาสวรรค์ก็พอจะทำให้เขานั้นสามารถรับรู้ได้ว่า ใครจะเข้าร่วมชะตากรรมครั้งนี้ได้บ้าง เขาพยายามสู้กับชะตากรรมพวกนี้แต่ดูเหมือนจะทำอะไรมากไม่ได้ ยิ่งพอรู้ว่าหอกทองคำเขานั้นต้องใช้ต้าต่านที่เป็นเลือดหยดสุดท้ายให้หอกกลับมาเหมือนเดิม
แล้วเขาจะเลือกอะไรละ ระหว่างหอกกับต้าต่าน
แน่นอนว่าเขาต้องเลือกภรรยารักของตน แม้ไม่รู้จะหาหนทางเอาชนะจวินหรงได้อย่างไรถ้าหากไร้ซึ่งหอกทองคำ จวินหงเลยรวบรวมกองกำลังและทำพันธมิตรกับองค์รัชทายาทที่เป็นไพ่ตายที่จะมาซึ่งชัยชนะที่มีเพียงครึ่งต่อครึ่งเท่านั้น ถ้าหากตอนนั้นเขามีสติและมองรอบๆ ข้างมากกว่านี้เขาคงจะหยั้งมือทันและอาจจะมองเห็นต้าต่านที่อยู่แถวนั้น และไม่แปลกใจนักที่หลวนเซียนจะเข้าใจว่าเขาคือคนที่ฆ่าต้าต่านในชาติที่แล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกของน้องชายก็ตาม เขาก็ยังรักต้าต่านเหมือนเดิมและจะรักหลวนเซียนไม่ต่างจากลูกชายอีกคนด้วย
สงครามครั้งนี้จะจบลงโดยที่ต้าต่านจดจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร
อย่างน้อยมันก็ดีกว่าให้อีกคนจำได้ แล้วเป็นเขาที่ไม่สามารถอยู่ด้วยได้อีก ชาตินี้เขาได้รัก ได้แต่งงาน ได้ชีวิตร่วมกันได้ไม่นานก็รู้สึกยินดีมากแล้ว สงสารก็เพียงแต่ลูกๆ ที่ไม่อาจจะเรียกต้าต่านว่าแม่ได้อีก
"มายืนอยู่นี่เอง ข้าหาตั้งนาน"
จวินหงออกจากหวงความคิดถึงอดีตชาติของตนกับต้าต่าน หันมามองเจ้าของเสียงที่เอ่ยเรียก ไม่ใช่เสียงใครอื่นไกล เสียงของต้าต่านภรรยารักของเขานั้นเอง เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาหันไปมองก็เดินเข้ามาใกล้จนมายืนๆ ข้างเขาเพียงไม่นาน
"มีอะไรหรือฮูหยิน"
"ก็ตอนนี้ถึงมื้อกลางวันแล้ว ข้าเลยมาตามไปทานข้าวด้วย แม้ว่าช่วงนี้จะเครียดมากแค่ไหน ท้องต้องอิ่มก่อน เอาล่ะ ตามมาก็แล้วกัน"
ต้าต่านพูดจบก็เตรียมจะเดินนำไปก่อนแต่ก็ถูกมือสวยยื่นมาจับมือของตนเอาไว้เพื่อไม่ให้เดินหนี
"ฮูหยิน คือข้า..."
จวินหงมองใบหน้าหล่อเหลาที่มองตนอย่างไม่เข้าใจในการกระทำ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไปมา อีกฝ่ายก็ดึงมือของตัวเองออกไปเสียก่อน
"อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ข้าหิวแล้ว ไปทานข้าวกันก่อนเถอะ"
ต้าต่านพูดจบก็เดินหันหลังไป จวินหงมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเดินตามไปนั้น ก็ยกมือที่ใช้จับอีกฝ่ายขึ้นมาดู มันลางหายไปครู่หนึ่งแล้วก็กลับมาเหมือนเดิม โดยในใจยังหวังว่าต้าต่านยังไม่จับผิดหรือสังเกตเห็นสิ่งนี้
ความคิดเห็น