คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : อย่ามาเกี้ยวสามีข้า บทที่ ๔๑
บทที่ ๔๑
เพราะวาสนาน้อยทำให้ต้าต่านลงมาเกิดในดินแดนมนุษย์ในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่งในสถานที่ไม่ดีเท่าไรนัก แม้จวินหงจะลงมาคอยจับตามอง อะไรหลายๆ อย่างเขาก็ทำไม่ได้ นอกจากไม่ให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตราย อีกหนึ่งอย่างที่เขาได้รับมาคือ
เมื่อไรที่ต้าต่านอายุครบสิบแปดปี จะสามารถจดจำเรื่องราวที่อยู่สวรรค์ได้
เพราะฉะนั้นมันจึงต้องมาแลกมาด้วยการที่เขาจะไม่ทำอะไรเกินไปมากกว่าที่กฎสวรรค์กำหนดมาให้ จวินหงเลยทำได้แค่มองดูและช่วยอะไรเท่าที่ช่วยได้เท่านั้นจนกว่าต้าต่านจะอายุครบสิบแปดปี ทุกๆ การกระทำ ทุกๆ การเจริญเติบโต เขาสงสารภรรยาจับใจ แม้เวลาสวรรค์จะไม่ได้นานเท่าเวลาของดินแดนมนุษย์แต่กว่าเวลาของมนุษย์จะผ่านไปในแต่ละวันมันช่างทรมานนัก ต้าต่านเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยแต่ไร้ซึ่งความรักเพราะเกิดจากภรรยาน้อยที่ตระกูลต่ำต้อยกว่า เลยถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ จวินหงไม่ได้โกรธเกลียดมนุษย์เหล่านั้น
เมื่อมองจากดวงตาสวรรค์จะรับรู้ได้ทันทีว่า
ผู้คนเหล่านั้นคือหนึ่งในเจ้ากรรมนายเวรที่เกิดมาเพื่อให้ต้าต่านได้ชดใช้กรรมในแต่ละชาติ
ถ้าหากหลุดพ้นจากตรงนี้ไปแล้วโดยที่ใจของต้าต่านไม่ผูกใจพยาบาทจะสิ้นเวรสิ้นกรรมกันในชาตินี้ ทั้งๆ ที่ต้องไปชดใช้กันในชาติที่เก้าแต่เพราะต้าต่านหมดวาสนาบนสวรรค์เร็วเลยต้องมาชดใช้ชาตินี้แทน จวินหงได้แต่ภาวนาแผ่เมตตาขอให้จิตใจที่ยังบริสุทธิ์และคิดในสิ่งดีจะอยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะครบสิบแปดปี ยามที่เห็นภรรยาในร่างวัยเด็กร้องไห้ก็อยากเข้าไปกอดเพื่อปลอบโยน ยามเห็นภรรยาเจ็บก็อยากเข้าไปบรรเทาให้หาย
ฮูหยินที่รักของข้า อดทนอีกสักนิดเถอะนะ
แล้วข้าจะกอดเจ้าให้แน่นที่สุด
วันเวลาในดินแดนมนุษย์ข้ามผ่านไปในละวันของต้าต่านผ่านดวงตาของจวินหงไม่เคยขาด เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้พบหน้ากัน ภรรยารักของเขาเติบโตเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาเหมือนครั้งยังเป็นเทวดาบนสวรรค์ ในใจของแม่ทัพคนงามหวั่นใจนักว่าจะมีใครมาตกหลุมรักหรือทำให้ตกหลุมรัก ตลอดเป็นแม่ทัพไม่เคยภาวนาอะไรแบบนี้มาก่อนแต่คราวนี้ตรงนี้เขานั่งอยู่บนต้นไม้ภาวนาเช้าเย็นว่าอย่ามีใครเข้ามาเกี้ยวเลย ยามมีแม่หญิงสวยๆ มาพูดคุยหัวใจก็ตกไปถึงตาตุ่ม ยามมีหนุ่มรูปงามเข้ามาใกล้ชิดก็อยากเข้าไปผลักออกไปให้ไกลๆ
เวลาของมนุษย์มันช่างบ้าบอยิ่งนัก
สิ่งที่ต้าต่านต้องฝ่าฟันคือการไม่ให้จิตใจมีความพยาบาทหรือความแค้นต่อครอบครัวที่เกิดมา และก็สามารถทำได้สำเร็จเมื่ออายุได้สิบหกปีก็เดินจากมาเพื่อไปใช้ชีวิตเพียงผู้เดียว จวินหงก็ตามไปช่วยเหลือแม้จะช่วยไม่ได้มากก็ตาม ยิ่งเห็นภรรยาลำบากมากเท่าไรก็ยิ่งสงสาร อยากยื่นมือเข้าไปช่วยก็ผิดกฎสวรรค์ที่อุตส่าห์ผ่อนผันให้เขามามากพอแล้ว ยามที่อีกฝ่ายเหน็บหนาวจวินหงก็ทำเป็นมีผ้าห่มปลิวมา ทั้ง ๆ ที่ผ้าห่มก็ผืนหนักไม่น่าจะปลิวตามลมมาได้เพื่อให้ห่มร่างกายต้าต่านให้อบอุ่น ยามหิวจวินหงก็หาอาหารมาวางไว้ให้ เด็กหนุ่มที่ไม่ได้รับการเรียนหนังสือ ไม่มีเงินติดตัวสักแดง หางานอะไรทำได้ก็ทำไป ขอเพียงอย่าได้เดินไปบนเส้นทางที่หลงผิด อีกเพียงสองปีบนดินแดนมนุษย์ต้าต่านจะจำเขาได้และเขาจะชี้นำทางให้อีกฝ่ายได้ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย
และเมื่ออายุสิบแปดปี ต้าต่านก็จดจำได้ทุกอย่างเมื่อลืมตาตื่นมา
จวินหงยืนอยู่ข้างเตียงเพื่อรอให้ดวงตาเรียวคมคู่นี้ลืมตาตื่นมาเพื่อเจอเขาเป็นคนแรก จวินหงสวมกอดภรรยารักสุดหัวใจ ปลอบประโลมพร้อมเช็ดน้ำตา ก่อนที่ปากทั้งคู่สองจะมอบความรักความคิดถึงให้แก่กัน และจบด้วยการนอนกอดกันเพื่อบรรเลงเพลงรักบนเตียงที่ไม่ได้นุ่มนิ่มอะไรนั้นจนหมดวันในวันนั้นไป
สุดท้ายจวินหงก็ชี้ทางให้ภรรยารักโดยการให้ไปบวช
โดยอีกฝ่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธและยังทำตาม โดยในระยะเวลานั้นจวินหงจะไม่ไปวุ่นวายเพื่อให้อีกฝ่ายได้สะสมบุญเผยแผ่ศาสนาและธรรมะ เพราะบุญวาสนาของต้าต่านนั้นน้อยนิดมาก เขากลัวว่าภรรยาของตนจะอยู่ไม่สบายเมื่อต้องไปอยู่ที่จวน
วันเวลาผ่านไปสิ้นฤดูกาลแปรเปลี่ยนไปแล้วไม่รู้กี่ฤดู
จวินหงจ้องมองพระรูปหนึ่งที่แก่ชราน่าเลื่อมใส กำลังกวาดพื้นวัดให้สะอาด มีเณรน้อยมาช่วยอีกแรงเพราะชราภาพมากแล้วโรคภัยย่อมถามหา ในขณะที่กวาดพื้นวัดอยู่นั้นก็ไอออกมาก่อนที่จะล้มลงกับพื้น เณรน้อยตกใจรีบตะโกนให้คนมาช่วยเหลือ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
มันคือวัฏจักรของมนุษย์ถ้ายังไม่สิ้นเวรสิ้นกรรมต้องวนเวียนอยู่เช่นนี้ต่อไป จวินหงยืนรอที่หน้าประตูทางเข้าของวัดเพื่อรอ หูของเขาได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมา เพียงไม่นานนักก็มีเสียงหนึ่งดังข้างๆ ตน
"รอข้านานหรือไม่ ท่านพี่"
"นานกว่านี้ข้าก็จะรอ"
ดวงตาคู่งามจ้องมองร่างที่ไม่ต่างอะไรจากวิญญาณที่สวมชุดสีขาวสะอาดตายิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหล่านั้นเปล่งประกายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวล มือคู่สวยยื่นออกไปเพื่อรับมือของภรรยาโดยที่อีกฝ่ายไม่รอที่จะยื่นมือไปจับมือสวยเช่นกัน
"กลับกันเถอะฮูหยินของข้า"
จวินหงดึงร่างต้าต่านเข้ามาแล้วจัดการโอบเอวเพื่อพากลับไปยังจวน เมื่อผ่านชั้นสวรรค์ชุดสีขาวเปลี่ยนเป็นชุดสีทองอร่ามตา บ่งบอกถึงบุญวาสนาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ไหนจะเครื่องประดับที่มากไปด้วยเพชรนิลจินดา จวินหงที่หลงใหลในภรรยาของตนเองมากพออยู่แล้ว ยิ่งมาอยู่ในชุดนี้เขายิ่งหวงแหนและรักมากกว่าเดิม
แต่พอมาถึงแทนที่เขาจะได้โอบกอดภรรยาและพลอดรักกัน
ต้าต่านก็รีบเรียกหาลูกชายทันที จวินหงไม่รอช้าที่จะให้นางฟ้าในจวนไปรับทารกน้อยมาจากเหล่านางฟ้าที่ดูแลทารกแรกเกิดมาให้ เพราะเวลาของสวรรค์กับโลกมนุษย์นั้นมันห่างกันมาก ตลอดระยะเวลาที่ต้าต่านใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ราว ๆ เกือบร้อยยี่สิบปีนั้นเท่ากับเกือบสองวันของสวรรค์แค่นั้นเอง ทำให้จวินหงไม่ได้รู้สึกยาวนานเหมือนต้าต่านเลยแม้แต่น้อย
เมื่อทารกน้อยกลับเข้าสู่อ้อมแขนของผู้ให้กำหนด
ดวงตาเรียวคมจ้องมองด้วยแววตาที่อ่อนโยน พร้อมกับน้ำตาของความคิดถึง จวินหงเห็นเช่นนั้นก็เดินเข้าโอบกอดภรรยาพร้อมกับลูกของตน เป็นวันที่ทั้งสามได้กลับมาอยู่ร่วมกัน มันช่างเป็นภาพที่งดงามและน่ายินดี นางฟ้าเทวดาที่คอยดูแลที่จวนต่างพากันน้ำตาไหลรินออกมา โดยมีฮุ่ยเหมยและจางจิ้งก็ยืนมองอยู่ไม่ไกลด้วย ก่อนที่จางจิ้งจะเอ่ยออกมาให้รองแม่ทัพนาคได้ยินด้วยความปลื้มปีติที่นอกจากจะได้เห็นนายทั้งสองอยู่ด้วยกันพร้อมกับนายตัวน้อยอีกหนึ่ง
"เป็นภาพที่ข้าไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลย ช่างเป็นอะไรที่งดงามจริงๆ อ่า ท่านแม่ทัพได้มีครอบครัวกับเขาเสียที"
จางจิ้งเอ่ยออกจากหัวใจที่พองโต แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปกลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา ว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าดวงตาคู่สวยของฮุ่ยเหมยกำลังหลั่งน้ำตาออกมาอยู่
"โอ้ นี่ท่านรองแม่ทัพนาคกำลังร้องไห้งั้นรึ ไหน ๆ ขอข้าดูทีเถอะ นานๆ ข้าจะได้เห็นน้ำตาของรองแม่ทัพเจ้าระเบียบ"
จางจิ้งสะบัดหางไปมาแล้วพยายามมองใบหน้าหยกที่กำลังหันหน้าหนีพร้อมกับส่งเสียงปฏิเสธออกมาว่า
"ข้าเปล่าร้องไห้ นี่! เจ้าหมาบ้า! หยุดจ้องหน้าข้าเสียที"
ทุกอย่างล้วนดูมีความสุข ยกเว้นเพียงผู้เดียวที่มองด้วยจิตใจที่เริ่มถูกความริษยาก่อตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะยืนอยู่ห่างไกลจากผู้อื่นเลยสามารถส่งสายตาแห่งความเกลียดชังออกมาได้อย่างชัดเจน จนกุมไป๋ที่เลื้อยพันอยู่ตรงคอมองออกว่านายของตนไม่ชอบกับสิ่งที่น่ายินดีนั้นเสียเท่าไร
"นายท่าน"
กุมไป๋ลองเรียกนายแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เหม่อลอยแต่อย่างใด เมื่อได้ยินเสียงที่เรียกที่ตวัดดวงตาคู่งามมามองตนเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังเพื่อเดินหนีออกไปจากตรงนั้นหรือก็คือหนีไปจากภาพที่แสนน่ายินดีนั้น เพราะมันทำให้จวินหรงปวดร้าวไปทั้งอก
ต้าต่านกลับมาอยู่เคียงข้างจวินหงได้ไม่นาน แม่ทัพคนงามก็รับรู้ถึงประโยคหนึ่งที่ว่า 'เมื่อมีลูก ภรรยาจะรักลูกมากกว่าสามี' มันจะคงจะจริงอย่างเขาว่า พอไปบ่นน้อยใจใส่ว่าทำไมถึงไม่อยู่กับเขาบ้างเลยแล้วคำตอบที่ได้กลับมาก็คือ
"ข้าใช้ชีวิตอยู่กับท่านมามากแล้ว ข้าอยากใช้ชีวิตกับลูกบ้างไม่ได้หรือ ลูกยังเล็กนะ"
จวินหงผู้นี้กำลังจะเหี่ยวเฉาในอีกไม่นาน เขาอยากกอด อยากหอม อยากเอาจมูกและปากจูบพรมไปทั่วใบหน้าและร่างกายของภรรยารักใจจะขาด อย่างน้อยต้าต่านก็ให้อภัยที่ตนตั้งชื่อลูกว่าหลิวหยางโดยไม่ปรึกษาก่อนสักคำก็เถอะ
ร่างแม่ทัพคนงาม ณ โต๊ะทำงานที่แสนว่างเปล่า
เขาดันงานออกไปอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะเอาแก้มข้างขวาแตะกับพื้นผิวโต๊ะทำงานถ้าใครเข้ามาเห็นคงหมดซึ่งราศีของความเป็นแม่ทัพแน่ แต่เขาหาสนใจไม่ แต่ในหัวนั้นกำลังหาวิธีทำเช่นไรที่จะสามารถแย่งความรักจากลูกมาได้บ้างแม้มันจะความคิดที่ไม่ดีแต่หลิวหยางยังเป็นทารกไปบอกขอความรักของแม่ให้พ่อบ้างคงจะรู้เรื่องอยู่หรอก หลังจากคิดไปคิดมาแม่ทัพคนงามก็ปลงตกเพราะคิดว่าให้ต้าต่านได้อยู่กับลูกบ้างเถอะ ช่วงระยะเวลาที่อยู่บนโลกมนุษย์หลังจากจดจำได้ทุกอย่างต้องคิดถึงลูกมากแน่ ๆ ในขณะที่กำลังปลงเพื่อทำใจก็ได้ยินเสียงเคาะประตูซึ่งน่าจะเป็นฮุ่ยเหมยที่มาบอกเรื่องภัยที่กำลังจะมาในไม่นานนี่ก็เป็นได้
"เข้ามา"
เขาเอ่ยอนุญาตออกไปโดยไม่ได้เอาแก้มออกจากโต๊ะ เขาปลงเกินกว่าจะมารักษาภาพลักษณ์อะไรทั้งนั้นแล้ว จวินหงสัมผัสได้ถึงร่างร่างหนึ่งมายืนตรงบริเวณหน้าโต๊ะทำงานและไม่มีทีท่าจะจะเอ่ยพูดอะไรออกมาสักที
"มีอะไรก็พูดมา"
"ข้าเอาน้ำหวานมาให้"
เดี๋ยวนะ! จวินหงตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงที่แสนคุ้นหูและแสนรัก ใบหน้างามเด้งออกมาจากโต๊ะทำงานเพื่อมามองว่าใช่เจ้าของเสียงนั้นจริงๆ หรือไม่ เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังยิ้มให้กับตนและมือทั้งสองข้างกำลังถือถาดใบเล็กๆ ที่บนถาดนั้นมีถ้วยที่ใส่อะไรสักอย่างเอาไว้
"ฮะ ฮูหยินเองหรือ"
"ก็ใช่น่ะสิ ทำไมทำท่าทางประหลาดใจเช่นนั้น"
เมื่อพูดต้าต่านก็เดินมายังข้างๆ โต๊ะทำงานเพื่อวางถาดลง
"ข้าเอาน้ำหวานมาให้ท่านพี่ได้ดื่ม แล้วท่านพี่ทำอะไรอยู่รึ" จวินหงได้ยินคำถามเช่นนั้นกองงานที่ดันไปอยู่ข้างๆ เมื่อไม่นานนี่ มือสวยก็เอื้อมไปหยิบมาพร้อมกับพูดว่า "ข้ากำลังทำงานอยู่"
ดวงตาเรียวตาคมมองการกระทำของคนงามก็อดที่จะยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ เมื่อครู่ก็เห็นอยู่ว่ากำลังเอาหน้าฟุบลงกับโต๊ะทำงานอยู่แท้ๆ
"งั้นรึ ทำงานเหนื่อยขนาดนี้ดื่มน้ำหวานสักหน่อยเถอะ"
แม่ทัพคนงามพยักหน้าก่อนที่จะวางงานลงแล้วยื่นมือเพื่อไปยกถ้วยที่มีน้ำหวานที่หวานเย็นมาดื่ม แต่เมื่อน้ำหวานของลงคอไปแล้วก็เตรียมจะเอาถ้วยวางลงถาดเมื่อเดิม โดยที่ดวงตาคู่งามมองร่างฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหนเสียที จนสงสัยว่ามีอะไรหรือเปล่าถึงได้ยืนอยู่แบบนี้
"ฮูหยินมีอะไรหรือ ถึงได้ยืนอยู่แบบนี้"
เมื่อสิ้นคำถาม ใบหน้าหล่อเหลาก็ทำสีหน้าไม่พอใจก่อนที่เอ่ยตอบในทันที
"อะไรกัน ข้าแค่อยากอยู่กับสามีข้าไม่ได้เลยงั้นรึ ก็ได้ ข้าคงมารบกวนการทำงานสินะ ถ้างั้นข้าขอตัว"
สิ้นคำตอบจวินหงตาตื่นหนักกว่าเดิมไปอีก มือสวยรีบวางถ้วยใส่น้ำหวานลงทันทีโดยไม่สนว่าน้ำหวานจะหกหรือฝาจะเปิดเพราะเขารีบลุกจากเก้าอี้เพื่อไปดึงภรรยาแสนรักที่กำลังจะเดินหนี
"ไม่ทำงานแล้วรึท่านพี่"
ดวงตาเรียวคมมองค้อนเขาอย่างไม่พึงพอใจแล้วมีหรือจวินหงจะปล่อยให้ภรรยาตนไปเช่นนี้ได้ ว่าแล้วก็ดึงเข้ามาสวมกอดเพราะแค่ดึงแขนไว้อย่างเดียวเดี๋ยวสะบัดหลุดหนีไปจะทำเช่นไร ยิ่งไวอยู่ด้วย
"ข้าขอโทษ ได้โปรดอยู่กับข้าเถอะนะ ดวงใจของข้า"
ว่าแล้วก็ขอหอมแก้มเพื่อสูดความหอมจากแก้มขาวให้ชื่นใจ น้ำหวานเมื่อครู่ยังสู้ไม่ได้เลย แน่นอนว่าต้าต่านไม่ได้ไม่พึงพอใจอะไรสามีตนขนาดนั้นเมื่อครู่ก็แค่แกล้งเล่น ก่อนที่จะยกยิ้มแล้วจ้องมองใบหน้างดงามที่ไม่ร้จะหาความงามใดจะมาเทียบได้ ไม่คิดเลยว่าวันนั้นเขาที่ไปยืนต้อนรับจะกลายเป็นคนที่ได้ยืนอยู่เคียงข้างเช่นนี้
"ข้าขอโทษที่ไม่ได้ดูแลท่านพี่ อย่าน้อยใจเลยนะ"
"ขอโทษรึ เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย ข้าสิที่ควรทำความเข้าใจเจ้าให้มากกว่านี้ เจ้าที่ตั้งครรภ์หลิวหยางมายากลำบาก ตอนไปอยู่บนโลกมนุษย์ต้องละกิเลสเกือบทุกสิ่งเพื่อสะสมบุญวาสนามากพอได้มาอยู่เคียงข้างข้าเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่บุญวาสนาที่เจ้าสะสมมาสามารถไปเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ได้"
"แล้วเป็นภรรยาของท่านไม่ดีตรงไหนกันรึ มีสามีใบหน้างดงาม เป็นถึงเทพแห่งการทำลายล้าง ไม่พอยังเป็นสามีที่ดีอีก และกำลังจะเป็นพ่อที่ดีในอนาคต ต่อให้ข้าจะมีบุญวาสนาสูงกว่าท่าน ข้าก็เลือกที่จะเป็นภรรยาของท่านที่อยู่ดี ข้ารักท่านนะ ท่านพี่"
จวินหงจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของภรรยาที่มองตนอย่างรักใคร่
"ขอบคุณฮูหยินของข้า ข้าก็รักฮูหยินเช่นกัน"
จวินหงไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนความรักที่ต้าต่านมีให้ตนอย่างไรให้เหมาะกับความที่อีกฝ่ายมีให้ เขาเลยพยายามเป็นสามีที่ดีและพ่อที่ดีให้มากที่สุด เพราะไม่เคยเป็นพ่อมาก่อนเลยรับมือยากสักเล็กน้อย แม้หลิวหยางจะร้องไห้งอแงเก่งแต่ก็น่ารักและทุกครั้งที่มองหลิวหยางจวินหงจะนึกถึงช่วงที่ต้าต้านตั้งครรภ์ ตอนนี้อีกฝ่ายมีเส้นผมสีดำที่เงางาม ยาวสลวย ภาพตรงหน้าของจวินหงตอนนี้คือภาพที่ต้าต่านกำลังนั่งอุ้มลูกชายไว้ที่อ้อมแขนเพื่อหยอกล้อโดยมีมือเล็กๆ ของหลิวหยางจับเส้นผมเล่นพร้อมกับหัวเราะคิกคัก มันเป็นภาพที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งดวงตาคู่นี้ที่มองเห็นแต่สนามรบ สงคราม ภาพนองเลือดและความตาย จะได้มีวันที่ได้ภาพเหล่านี้ ว่าแล้วเขาก็นั่งลงข้างๆ ต้าต่านก่อนที่จะจับผมช่อหนึ่งมาเพื่อบรรจงปากสวยของตนจุมพิตลงไป โดยการกระทำนั้นก็ทำเอาคนที่โดนจูบเส้นผมถึงกับไม่เข้าใจ
"ท่านพี่ทำอะไรหรือ?"
"ขอบคุณที่มอบสิ่งวิเศษให้กับข้าฮูหยิน"
หลังจากนั้นจวินหงจะจูบเส้นผมของอีกฝ่ายเสมอยามเวลานอนของสวรรค์ เขาทำแบบนี้ไม่ว่าจะเหนื่อยมากแค่ไหน แม้ตอนออกไปรบเขาจะขอเส้นผมหนึ่งเส้นของต้าต่านใส่ขวดโหลเพื่อห้อยคอเสมอ ตลอดการเป็นแม่ทัพสวรรค์ทุกครั้งที่รบไม่เคยคิดอะไรไปมากกว่าการนำเอาชัยชนะกลับไป แต่คราวนี้นอกจากชัยชนะแล้วเขาต้องมีชีวิตกลับไปหาภรรยาและลูกเพิ่มเข้ามาอีก จากสู้รบถวายชีวาบัดนี้มิอาจแลกมันได้
ทำให้การทำสงครามหลังจากนี้เกิดความสูญเสียน้อยลง
จนพูดถึงไปทั่วสวรรค์ว่าเทพแห่งการทำลายล้างนั้นอ่อนโยนมากขึ้นหลังจากแต่งงาน ยิ่งทำให้นางฟ้าเทวดา หรือเหล่าทวยเทพหลายองค์เกิดอยากเป็นอนุภรรยาของแม่ทัพคนงาม แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้กลับมาคือคำปฏิเสธเพราะจวินหงไม่ต้องการผู้ใดนอกจากต้าต่านเพียงผู้เดียวเท่านั้น
แต่ไม่รู้ว่าจวินหงไปรบนานเกินไปหรืออย่างไร
เมื่อกลับมาสิ่งที่ภรรยารักขอคือสอนการใช้อาวุธและทักษะการต่อสู้ให้
โดยบอกว่าตอนเป็นมนุษย์ตนเห็นเหล่าจอมยุทธ์มากหน้าหลายตาล้วนฝีมือเก่งๆ ทั้งนั้นแล้วตอนที่ยังจำอะไรไม่ได้ก็อยากเป็นจอมยุทธ์เหมือนกับผู้อื่นบ้าง จวินหงถึงกับกุมขมับเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาพยายามปฏิเสธทางอ้อมเพราะไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายมาจับอาวุธอะไรแบบนี้ เป็นภรรยาของเขาและแม่ของลูก อยู่ในจวนของเขาเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
และทำให้จวินหงต้องเจอกับการโดนเมินของภรรยารัก
แม้จะบอกไปร้อยแปดเหตุผล ต้าต่านก็ไม่ยอมฟังเพราะอยากเก่งมีความสามารถมากพอที่จะเทียบกับตนได้ อ้อนวอนวิงวอนต่อเขาทุกวิถีทางเลยทีเดียว แล้วมีหรือที่โดนแบบนี้บ่อยๆ เข้าแม่ทัพคนงามจะไม่ใจอ่อนให้กับภรรยา สุดท้ายเขาเลยยอมตกลงสอนอาวุธและทักษะการต่อสู้
ปกติแล้วต้าต่านจะสวมใส่ชุดที่มองอย่างไรที่ก็รู้ว่าคือเทวดา
ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาสะอาดหมดจดทำให้ต้าต่านดูสง่างามอยู่เสมอ แต่พอมาสวมชุดเกาะของทหารแล้วนั้นจวินหงผู้นี้หัวใจเต้นแรงเหมือนตอนเจอกันครั้งแรกก็ไม่ปาน รูปร่างที่องอาจ ไหล่ตรงที่ดูทะนงตนไม่น้อย ทุกอย่างช่างดูน่าเกรงขามนัก ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนแย่งตำแหน่งแม่ทัพเลยทีเดียว เขาฝึกสอนทุกอย่างให้กับภรรยาจนฝีมือการต่อสู้นั้นทัดเทียมพอๆ กับฮุ่ยเหมยเลยทีเดียว
นอกจากต้าต่านจะทำหน้าที่ภรรยาและแม่แล้วนั้น
ยังทำหน้าที่ทหารชั้นแนวหน้าให้กับเขาอีกด้วย
แม้หลายครั้งที่จวินหงร้องขอว่าอย่าไป ต้าต่านก็ดื้อจะตามไปร่วมรบให้ได้ โดยบอกว่า 'ท่านพี่ไม่รู้หรอกว่าการเฝ้ารอการกลับมาของท่านพี่นั้น คนรอทรมานเพียงใด ถึงข้าจะเป็นภรรยาข้าก็ปกป้องท่านพี่ได้เหมือนกัน' โดยที่เขาอ้างเรื่องลูกขึ้นมาเสมอเพื่อให้ต้าต่านยอมใจอ่อนอยู่ติดจวนแต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อประโยคที่ว่า 'ก็รีบชนะแล้วรีบกลับมาอยู่กับลูกสิ' และนั้นก็ทำให้ต้าต่านได้อยู่บนสนามรบกับเขาเกือบทุกสนามรบเลยทีเดียว จวินหงรู้ดีว่าต้าต่านไม่ใช่ภรรยาที่อ่อนหวานหรือเรียบร้อย ที่ผ่านมาพยายามทุกอย่างเพื่อให้ดูเพียบพร้อมเสมอและเขาก็ไม่เคยบังคับหรือบ่นอะไร แต่พอมาเป็นทหารที่รบเคียงข้างตนก็ถูกพูดถึงกันให้ทำนองที่ว่า
เหมาะสมแล้วที่เป็นภรรยาของแม่ทัพสวรรค์
จวินหงได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกปลื้มปีติยิ่งนัก แล้วคงไม่มีใครปลื้มปีติไปมากกว่าเขานอกจากต้าต่านแน่นอน ทุกอย่างล้วนปกติสุขดี จนกระทั่งได้พบว่าต้าต่านมีเรื่องกลุ้มใจอีกหนึ่งเรื่องคืออีกฝ่ายไม่สามารถเข้าหาจวินหรงได้เลย จวินหงไม่เคยสังเกตตรงนี้ ปกติแล้วจวินหรงจะเป็นคนเงียบๆ พูดน้อยดูเย็นชากว่าเขาแต่ก็เป็นมิตรในการใช้ถ้อยคำ ทุกๆ ครั้งที่เขามีเวลาว่างหรือเวลาส่วนตัวก็จะชวนฮุ่ยเหมย จวินหรง ร่วมถึงจางจิ้งมานั่งดื่มสุราพูดคุยกันไปในเรื่องต่างๆ นานา พอสบโอกาสเขาเลยชวนน้องชายที่มีใบหน้าเหมือนกันตนจนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน แน่นอนว่าจวินหงไม่ได้ไม่ชอบ เขาชอบมากเลยทีเดียวที่จะได้มีน้องชายของจวินหรงผู้นี้ ผู้ใดจะเข้าใจไปในทิศทางนั้นเขายินดียิ่งนัก
พอเอ่ยถามถึงเรื่องฮูหยิน คำตอบที่ได้คือ
"ข้าไม่ได้อะไรกับพี่สะใภ้หรอกพี่ใหญ่ พี่สะใภ้เป็นคนร่าเริงและพูดคุยเก่งมาก ข้าเลยรู้สึกไม่รู้จะพูดคุยอะไรด้วยก็เท่านั้นเอง อีกอย่างมีหลานชายให้ข้าอีก ข้าจะรังเกียจได้เช่นไร"
จวินหงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาแล้วไปบอกต้าต่านทันที โดยหารู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วจวินหรงริษยามากเพียงใด ไม่ว่าจะไปที่ใดในตอนนี้เขาแทบจะถูกแทนที่ด้วยชายผู้นั้นเสมอ สนามรบมันควรจะมีแต่พวกเขา อีกฝ่ายกลับเสนอหน้ามาเป็นทหารด้วยแถมยังเป็นทหารชั้นแนวหน้าอีก หลายครั้งที่อยากจะทำเป็นพลั้งมือปลิดชีพอีกฝ่ายก็นึกถึงหน้าพี่ชายที่ต้องเจ็บปวด หลายครั้งที่เห็นทารกตัวน้อยที่เป็นพยานรักของทั้งสอง เขาอยากจะใช้สองมือบีบคอให้สิ้นลมหายใจ แต่ดันมีสายเลือดของจวินหงอยู่ในนั้น ทั้งรักทั้งเกลียดมันปะปนกันตีวุ่นไปหมดจึงทำได้แค่เก็บเงียบเอาไว้
โดยที่ไม่รู้ว่าจะเก็บมันไว้ได้นานเพียงใด
ความคิดเห็น