ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Mpreg] อย่ามาเกี้ยวสามีข้า [Yaoi + เมะสวย]

    ลำดับตอนที่ #42 : อย่ามาเกี้ยวสามีข้า บทที่ ๔๐

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 66


    บทที่ ๔๐

     

     

    เทวดาผู้มีหน้าที่เก็บผลไม้ล้วนเก็บผลไม้หลายชนิด แต่ผลไม้ที่ต้าต่านต้องคอยเก็บคือผลท้อเพราะเพียงผลไม้ชนิดนี้ชนิดเดียวก็เก็บจะไม่ทันอยู่แล้ว แม้จะมีเทวดาองค์อื่นเก็บผลท้อด้วยเหมือนกันก็เถอะ ตะกร้าหวายตอนนี้ว่างเปล่าหลังจากนำผลท้อจากต้นท้ายสวนไปให้กับเทพแห่งความมั่งคั่ง และอีกสักพักอีกต้นก็กำลังจะออกผล ต้นนี้ถ้าหากเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นของเทพที่มากไปด้วยฉายาอย่างเทพแห่งสงคราม เทพแห่งการทำลายหรือก็คือของท่านแม่ทัพสวรรค์อย่างจวินหง พอนึกถึงแล้วต้าต่านก็ถอนหายใจออกมา ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากช่วงนี้เขาโดนอีกฝ่ายตามเกี้ยวไม่หยุดหย่อน

    จนการเป็นที่ร่ำลือกัน

    ต้าต่านไม่ได้รู้สึกอับอายหรือไปในทางที่ไม่ดีเท่าไรนัก แต่รู้สึกว่าเขานั้นเหมาะสมกับแม่ทัพหรือ? แน่นอนว่าไม่มีทางเหมาะสม ขนาดวาสนายังเทียบกันไม่ได้เลย ยิ่งได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าของแม่ทัพคนงามที่ทำเพื่อสวรรค์ไม่รู้กี่เรื่องราวแล้วนั้น ช่างยิ่งใหญ่นัก ขนาดเง็กเซียนจะมอบรางวัลเพื่อเป็นการขอบคุณ ท่านแม่ทัพยังปฏิเสธและไม่ขออะไรเง็กเซียนไม่โกรธหรือไม่พอใจใส่ด้วยซ้ำ แถมตำแหน่งหรือผลงานมากขนาดนั้นจะขอเทวดาที่หน้าตางดงาม น่ารัก หรือนางฟ้าสวยๆ ไปปรนนิบัติก็ได้ แต่ไม่เคยร้องขอแบบนั้นเลย แล้วเหตุใดถึงได้ตามมาเกี้ยวเขาเช่นนี้ได้กัน

    ต้าต่านสะบัดความคิดที่แล่นในหัวออกไปเพื่อเก็บผลท้อ

    เพราะต้องให้สมาธิในการเก็บมิใช่น้อยเพื่อดูว่าผลไหนควรเก็บ ผลไหนควรเอาไว้ที่ต้นก่อน อีกอย่างเขายืนแช่ตรงต้นท้อนานเกินไปแล้ว เดี๋ยวจะเก็บไปจัดให้สวยงามไม่ทันการ

    ในขณะที่มือเรียวกำลังเอื้อมไปเก็บผลท้อนั้น

    จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งด้านมาจากด้านหลังว่า 'แฮ่!' มันดังมาก และด้วยที่ต้าต่านกำลังใช้สมาธิกับสติจดจ่ออยู่กับผลท้อก็ย่อมผวาเป็นธรรมดา ทำให้ตะกร้าหวายที่อยู่ในมือตวัดไปด้านหลังอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมันฟาดเข้ากับสิ่งที่อยู่ด้านหลังหรือเจ้าของเสียงนั้นเต็มไหล่ซ้ายเลยทีเดียว แถมฟาดแรงจนตะกร้าเกือบพังดีที่เป็นตะกร้าทำจากหวายที่ปลูกบนสวรรค์ ไม่เช่นนั้นคงแหลกไปแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นว่าตะกร้าจะอยู่ดีมีสุขหรือไม่ เพราะเจ้าของเสียงที่โดนตะกร้าฟาดเข้าไปเต็มๆ นั้นก็คือ

    "ท่านแม่ทัพ!"

    เล่นเอาเทวดาผู้วาสนาน้อยใจหล่นไปอยู่ที่พื้นเพราะฟาดตะกร้าเสียเต็มแรง แล้วอีกฝ่ายคือแม่ทัพสวรรค์ ต้องถูกโกรธเป็นแน่ ว่าแล้วก็รีบวางตะกร้าลงกับพื้นเพื่อไปดูว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เทพที่มีความสำคัญกับสวรรค์ถ้าได้รับบาดเจ็บละก็

    หมับ!

    ต้าต่านตกใจรอบสองเมื่อมือของเขาที่กำลังจะเอื้อมไปหาแม่ทัพคนงามกลับถูกมือสวยคว้าจับเอาไว้พร้อมกับถูกดึงเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมจากอีกฝ่ายชัดเจน แถมมือที่จับมือของเขานั้นก็ไม่รุนแรงอะไรมันแผ่วเบาแต่ก็มีกำลังมากพอจะรั้งมือของเขาเอาไว้ไม่ให้หลุดง่ายๆ

    "ข้าเจ็บนะ"

    เจ็บแต่ยิ้ม มีแบบนี้ด้วยรึ แถมยังมองเขาด้วยแววตาที่ดูชื่นชอบอีกต่างหาก

    "ก็ท่านแม่ทัพมาด้านหลังเช่นนี้ข้าก็ตกใจเป็นธรรมดา"

    ต้าต่านไม่เถียงกลับเปล่าๆ แต่พยายามดึงมือตัวเองกลับด้วยเช่นกันแต่ไม่ว่าจะออกแรงดึงกลับมากเพียงใดก็ไม่ยอมหลุดออกง่ายๆ ซึ่งจวินหงรับรู้ได้ถึงแรงดึง ใจก็อยากจะปล่อยอยู่หรอก แต่พอได้จับมือของอีกฝ่ายแล้วนั้นก็ไม่อยากปล่อยเท่าไร อยากจะจับเอาไว้แบบนี้นานๆ เมื่อไรนะ เมื่อไรที่เขาจะได้จับมือคู่นี้ได้ตลอดเวลา ตอนนี้คงต้องปล่อยก่อนสินะ และเมื่อต้าต่านถูกปล่อยมือเป็นอิสระก็ดึงมือกลับพร้อมกับถอยห่างจากอีกฝ่ายทันทีเพื่อรักษาระยะห่างให้ดูไม่น่าเกลียดนัก

    "ข้าขออภัยที่ล่วงเกินท่านแม่ทัพออกไปเมื่อครู่ ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพบาดเจ็บหรือไม่"

    จวินหงมองใบหน้าหล่อเหลามองมาที่ตนอย่างกังวลใจ ตอนแรกที่เขาแอบมาด้านหลังเพื่อแกล้งอีกฝ่ายให้ตกใจเล่นโดยหวังจะได้เห็นใบหน้าตกใจหรือเสียงร้องน่ารักๆ แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะกลายเป็นตะกร้าที่ฟาดมาเสียเต็มแรง ถามว่าเจ็บหรือไม่ เขาที่โดนหางอสรพิษฟาดจนกระเด็นไปหลายลี้กับตะกร้าหวายใบเล็กๆ มันแทบจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วละก็... ตีหน้าเศร้าก่อนเล่าความเท็จ

    "เจ็บสิ ข้าคงขยับแขนลำบากแน่ ขืนเป็นเช่นนี้ ถ้ามีภัยมา ข้าคงจับอาวุธยากขึ้นสินะ"

    พูดจบก็ยกมือขวาไปจับไหลซ้ายของตนแล้วทำเป็นขยับลำบากโดยไม่ลืมจะนิ่วหน้าว่าเจ็บ การกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เทวดารูปหล่อตรงหน้าเขายิ่งวิตกกังวลเข้าไปใหญ่

    "เอาเถอะ ข้าผิดเอง เจ้าไม่ได้ผิด อย่างน้อยข้าก็ยังใช้ไหล่ขวา มือขวาได้อยู่"

    "แต่ท่านแม่ทัพต้องบาดเจ็บเพราะข้า ข้าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ข้าทำด้วย อีกอย่างถ้าหากภัยมาแล้วท่านแม่ทัพยังเป็นเช่นนี้ สวรรค์อาจจะลำบากได้"

    "นั้นสินะ ถ้าเช่นนั้นแล้วก็"

    ถ้าหากมองในแง่ของความเป็นจริงแล้วนั้นเขาคือคนที่ผิดเต็มๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ความผิดของเทวดารูปหล่ออย่างต้าต่านเลย แต่เพราะความกังวลใจและด้วยที่เขาเป็นถึงแม่ทัพสวรรค์ก็เลยทำให้อีกฝ่ายเป็นกังวลไปในต่างๆ นานา แม้รู้ว่าการทำเช่นนี้มันไม่ดีนักที่เอาตำแหน่งหน้าที่การงานมาใช้ในทางนี้ ถ้าหากจะทำให้อีกฝ่ายอยู่ตนได้นานๆ แล้วละก็

    ถึงมันจะไม่ถูกต้อง เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

    ส่งผลให้ฮุ่ยเหมยต้องไปจัดการให้เทวดาเก็บผลไม้มาคอยดูแลเขาในช่วงระยะหนึ่ง โดยช่วงนี้จวินหรงได้รับมอบหมายให้ไปจัดการอสรพิษตนหนึ่งที่กำลังก่อเรื่องในดินแดนมนุษย์ เพราะด้วยที่ไม่ใช่อสรพิษที่ร้ายกาจมากจนต้องตกถึงมือเขา แต่ก็ร้ายกาจจนต้องถึงมือจวินหรงอยู่ดี เลยทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นเพราะถ้ามีภัยที่ประสงค์ร้ายต่อสวรรค์ ตอนนี้มีเพียงแค่เขากับฮุ่ยเหมยเท่านั้นที่จะรับมือได้ ถึงแม้จะโดยฮุ่ยเหมยต่อว่าเรื่องที่โกหกว่าบาดเจ็บก็เถอะ

    แต่มันก็แลกมากับที่ทำให้จวนที่แม้จะสวยงามก็น่าเบื่อ

    กลายเป็นจวนที่น่าอยู่มากขึ้น

    ต้าต่านได้รับการอนุญาตให้มาคอยดูแลแม่ทัพสวรรค์จากการเอาตะกร้าฟาดจนทำให้แม่ทัพได้รับบาดเจ็บแล้วมีหรือจากผู้ที่อนุญาตที่เป็นเทวดาอีกขั้นมีตำแหน่งเกือบทัดเทียมกับจวินหงจะไม่รู้ว่าตะกร้าใบแค่นั้นจะทำให้เทพแห่งสงครามหรืออีกหนึ่งฉายาคือเทพแห่งการทำลายล้างสะทกสะท้านได้ เขานั้นสามารถต่อรองไม่ให้ต้าต่านไปคอยดูแลได้เลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อรองแม่ทัพนาคอย่างรองแม่ทัพมือซ้ายอย่างฮุ่ยเหมยเป็นคนมาดำเนินการเองและได้บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของท่านแม่ทัพให้รับรู้ แม้จะไม่อยากให้ไปแต่จะไปขัดขว้างก็กระไรอยู่

    ต้าต่านเทวดาเก็บผลไม้ไปทำอะไรให้แม่ทัพผู้งดงามผู้นั้นตกหลุมรักได้กัน

    และแน่นอนว่าเจ้าตัวเองก็ไม่รู้และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาต้องรู้สึกผิดทั้ง ๆ ที่แม่ทัพสวรรค์เป็นคนทำตัวเองทั้งนั้น ร่างสูงมาถึงหน้าทางเข้าจวนที่ปกติแล้วจะมาเพียงแค่ส่งผลไม้แล้วกลับ แต่คราวนี้ไม่รู้เลยว่าต้องอยู่นานแค่ไหนกว่าแม่ทัพจะหายดีโดยหวังว่าจะใช้เวลาไม่นาน ต้าต่านยืนอยู่ตรงหน้าประตูรอคนในจวนมารับตอนแรกคิดว่าคนมารับคงเป็นเทวดาหรือนางฟ้าที่คอยดูแลจวนที่จะมีกันทุกจวนอยู่แล้ว ไม่ก็ทหารสักนายหนึ่งแต่กลายเป็นรองแม่ทัพนาคที่ออกมาต้อนรับเขาเสียอย่างนั้น เล่นเอาทำตัวไม่ถูกกว่าเดิมไปอีก

    "ท่านรองแม่ทัพนาค"

    ฮุ่ยเหมยออกมาต้อนรับด้วยตัวเองนั้นไม่ใช่คำสั่งของแม่ทัพหรือแต่อย่างใด แต่เทวดาที่อาจจะเป็นคู่ครองของท่านแม่ทัพสวรรค์ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเร็วหรืออีกนาน จะให้ผู้อื่นมารับได้เช่นไรกัน

    "มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปที่พัก"

    ต้าต่านได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ หมายความเช่นไร? ที่พักที่ว่า? ในขณะที่กำลังสับสนกับสิ่งที่ได้ยินร่างของรองแม่ทัพนาคก็หันหลังเดินนำหน้าไปเสียแล้ว สองขายาวก็เลยรีบก้าวเท้าตามทันที โดยทิ้งระยะห่างให้ห่างพอสมควรที่ไม่ต้องตะโกนเพื่อพูดคุย

    "ท่านรองแม่ทัพนาค หมายความว่าเช่นไรหรือขอรับที่ว่าที่พัก"

    "เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอกเทวดาเก็บผลไม้ ที่พักก็คือที่พัก เจ้าจะต้องพักที่จวนแม่ทัพจนกว่าท่านแม่ทัพจะหายเจ็บ"

    "แต่มันไม่จำเป็นเลย ข้ากลับที่พักของข้าได้ ไม่ต้องพักที่จวนแม่ทัพหรอก"

    "แล้วเจ้าจะให้ข้าเดินมารับเจ้าทุกๆ ครั้งที่เจ้ามาเลยรึ ข้าเองก็มีงานทำเช่นกัน"

    "ข้า...ขอรับ"

    ต้าต่านอยากเถียงใจจะขาดว่าทำไมไม่ให้เทวดาหรือนางฟ้าองค์อื่นมารับแทนหรือทหารสักนายมาก็ได้ แต่อีกฝ่ายเป็นถึงรองแม่ทัพนาคจะเถียงไปแบบนั้นก็คงไม่ดีเท่าไรนัก ไม่สิ ไม่เหมาะสมเลยต่างหาก สุดท้ายเลยทำได้แค่เดินตามไปยังห้องพักเท่านั้น ต้าต่านคิดว่าห้องพักคงอยู่บริเวณด้านนอกไม่เข้าไปอยู่ลึกมาก ระหว่างทางที่เดินตามรองแม่ทัพนาคก็พบว่าจวนของแม่ทัพช่างใหญ่โตนัก ถ้าหากจำไม่ผิดแล้วละก็ จวนจะใหญ่โตตามความดีงาม จวนแม่ทัพยิ่งใหญ่เพียงนี้ต้องสะสมคความดีงามขนาดไหนกันเชียว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้าต่านควรให้ความสนใจในตอนนี้สิ่งที่เขาควรสนใจก็คือที่พักของเขานั้นอยู่ด้านในจวนและยังเป็นห้องที่ใหญ่เกินวาสนาของเขาไปมากเลยทีเดียว

    "ท่านรองแม่ทัพนาค ที่พักผิดหรือเปล่าขอรับ"

    "ไม่นะ ข้าว่าข้าทำงานไม่พลาด เอาล่ะ ข้าต้องไปทำงานแล้ว"

    พูดจบก็เดินไปทำงานโดยปล่อยให้ต้าต่านยืนอยู่ตรงนั้นจนทำอะไรไม่ถูก ดีที่มีนางฟ้ารูปงามองค์หนึ่งมาหาแล้วบอกว่าตนนั้นควรทำอะไรบ้าง เสื้อผ้าหรืออะไรต่างๆ มีเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็บอกเขาต้องทำอะไรพอได้ยินได้สิ่งที่ต้องทำก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

    ก็แค่อยู่ข้างๆ ท่านแม่ทัพและคอยดูแลในส่วนที่ท่านแม่ทัพทำอะไรไม่ได้เท่านั้นก็พอ

    ต้าต่านรู้สึกลำบากใจไม่น้อยที่จะต้องมาอยู่ข้างๆ แม่ทัพผู้ใหญ่ แต่ผู้ที่สุขใจคงเป็นคนงามนามว่าจวินหงผู้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพทองคำนั่นแหละ ปกติก็ทำงานบนโต๊ะทำงานแต่คราวนี้หอบงานมานั่งทำที่สวนอีกที่หนึ่งสถานที่เต็มไปด้วยดอกไม้และเป็นลานกว้าง ผ้าแพรพลิ้วไหลตามกระแสลม แม้โต๊ะทำงานจะเป็นโต๊ะเตี้ยที่ต้องนั่งกับพื้นโดยมีเบาะรองนั่ง ที่ปกติจวินหงไม่ค่อยมานั่งเท่าไร แต่การมานั่งรับลมและกลิ่นหอมของดอกไม้ แถมยังไม่มีใครมาวุ่นวายมีเพียงแค่เขากับต้าต่านมันก็ดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งปวง ดวงตาคู่งามไม่ได้จดจ่ออยู่งานแม้แต่น้อย สนใจแต่ร่างเทวดารูปหล่อที่กำลังปอกผลไม้ให้กับตน ด้วยที่ต้าต่านเป็นเทวดาเก็บผลไม้และยังทำหน้าที่จัดเรียงผลไม้ตามความเหมาะสมแล้ว ทำให้ผลไม้ที่มาส่งยังจวนของเขายังไม่ได้รับทำการปอกเปลือกหรือจัดเรียงวางบนจาน

    อันที่จริงเขาก็สั่งให้ฮุ่ยเหมยร้องขอเรื่องผลไม้ตรงนี้ให้ด้วย จนโดนอีกฝ่ายหรี่ตามองใส่อย่างไม่พอใจนัก

    ทำให้การนั่งมองต้าต่านปอกเปลือกผลไม้และจัดลงจานมันเป็นที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก แต่เหตุผลที่ต้องมานั่งปอกที่นี่เพราะจวนของเทพแต่ละองค์นั้นไม่มีห้องครัวนั้นเอง เพราะโดยส่วนใหญ่อาหาร ผลไม้ก็จะถูกนำมาให้โดยเหล่าเทวดานางฟ้าที่มีหน้าที่นั้นๆ มาส่งยังจวนตลอดเวลา เหมือนตอนต้าต่านเอามาผลไม้มาให้นั่นแหละ จวินหงไม่รู้ตัวเลยว่าตนนั้นมองอีกฝ่ายนานเพียงใด แต่ก็คงนานพอที่ให้อีกฝ่ายปอกผลไม้และจัดลงจานเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นต้าต่านยืนขึ้นจวินหงก็รีบทำทีท่ามาสนใจงานตัวเองต่อ

    โดยไม่ลืมทำสีหน้าจริงจัง

    ต้าต่านยกจานผลไม้มาเขานั่งลงก่อนที่จะวางจานที่ใส่ผลไม้ให้ตรงด้านหน้า แล้วเตรียมที่จะลุกขึ้นเพื่อไปจัดการปอกผลไม้อย่างอื่นมาให้อีก แต่ทว่า

    "เจ้าจะลุกไปไหนหรือ?"

    "ข้าจะไปปอกผลไม้อื่นต่อขอรับ"

    "ไม่ต้องแล้ว ในจานนี้ข้าคนเดียวก็ทานไม่หมด"

    "ถ้าเช่นนั้นข้าจะนำไปให้ท่านรองแม่ทัพก็แล้วกัน"

    "ท่านรองแม่ทัพ ปานนี้คงยังไม่ว่าง เอาไว้นั้นก่อน"

    "ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปเอาไปเก็บ"

    "แล้วจะเอาไปเก็บที่ไหน"

    แล้วจะให้เขาทำเช่นไรต่อเล่า จะให้นั่งอยู่ตรงนี้น่ะหรือ เทวดาวาสนาน้อยผู้นี้ไม่เข้าใจแม่ทัพคนงามตรงหน้าเลย และเมื่อจวินหงเห็นต้าต่านเริ่มทำตัวไม่ถูก ท่าทางของอีกฝ่ายในสายตาของเขาตอนนี้มันช่างน่ารักนัก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรทำไมถึงได้น่ารักไปเสียหมดเช่นนี้ เขาไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายทำอะไรนอกจากนั่งอยู่ตรงหน้าเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่อย่างว่าเทวดาที่มีหน้าที่และทำงานอยู่ตลอดมานั่งเฉยๆ ก็ย่อมทำตัวไม่ถูก จะว่าไปแล้ว

    "ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ป้อนผลไม้ให้ข้าสิ"

    "ป้อนรึ?"

    "ใช่ มือขวาของข้ากำลังทำงาน ส่วนแขนซ้ายของข้าก็บาดเจ็บจะจับจะยกอะไรก็ไม่ถนัด ถ้าเจ้าไม่ป้อนข้าแล้วจะให้ข้าใช้ปากก้มลงไปกินรึ"

    "ท่านแม่ทัพก็วางงานก่อนแล้วก็ค่อยทานไม่ได้หรือ"

    จวินหงถึงกับเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเสนอแนะให้ทำ แล้วดูเหมือนอีกฝ่ายเองจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเอ่ยอะไรที่ไม่ควรกับเขาออกมา แน่นอนว่าจวินหงตอนแรกก็ไม่พอใจเท่าไรนักที่ได้ยินเมื่อครู่เหมือนถูกปฏิเสธ แต่ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาไม่ต่อว่าหรือแสดงทีท่าออกไปมากนัก อาจจะเพราะความใจเย็นส่วนหนึ่งของเขาก็เป็นได้

    "ก็นั้นสินะ ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้"

    ว่าแล้วจวินหงก็ทำตามโดยวางงานของตัวเองลง ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็นั่งเกร็งต่อหน้าเขาแม้จะไม่สามารถกิริยาท่าทางอะไรมาก แต่สีหน้านั้นบ่งบอกหมดทุกอย่างเลยทีเดียว สุดท้ายเพื่อให้อีกฝ่ายไม่อึดอัดไปมากกว่านี้ ตนเลยเรียกฮุ่ยเหมยให้มาหาเพื่อนำผลไม้ที่เหลือไปทำต่อ โดยให้ต้าต่านไปจัดการด้วยอีกแรง ซึ่งรองแม่ทัพอย่างฮุ่ยเหมยเองก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็พาเทวดาเก็บผลไม้ไปยังห้องหนึ่งเพื่อจัดการผลไม้ที่เหลือแล้วค่อยเดินกลับมาแม่ทัพสวรรค์ที่ตอนนี้ไม่ได้แตะต้องผลไม้ต่อแต่อย่างใด

    "ท่านแม่ทัพ"

    ฮุ่ยเหมยเอ่ยเรียกแม่ทัพเพื่อเป็นเชิงขออนุญาตซึ่งจวินหงเข้าใจในการกระทำเลยพยักหน้าให้เท่านั้น จากนั้นฮุ่ยเหมยก็เดินมานั่งตรงเบาะข้างหน้าเมื่อสังเกตดีๆ แล้วนั้นจะพบว่าหัวคิ้วใบหน้างามกำลังขมวดเข้าหากัน ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับงานเป็นแน่

    "เกิดอะไรรึท่านแม่ทัพ"

    จวินหงมองฮุ่ยเหมยที่เหมือนจะมองเขาออก ซึ่งใช่ ตอนนี้จวินหงกำลังคิดไม่ตกว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจกับการกระทำเมื่อครู่ของต้าต่านกัน ในเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดจาร้ายแรงหรือไร้มารยาทกับเขาอะไรเลยด้วยซ้ำ ว่าแล้วก็เล่าให้รองแม่ทัพมือซ้ายฟังทันที ซึ่งเมื่อฮุ่ยเหมยได้รับรู้เรื่องนี้ก็พอจะเข้าใจแม้ตนนั้นจะอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านแม่ทัพมาหลายพันปี แต่ครั้งที่ยังเป็นมนุษย์กว่าจะมีอยู่จุดนี้ได้ก็เกิดตายมาแล้วไม่รู้กี่ชาติ แต่ตอนเป็นมนุษย์เขานั้นก็ได้สัมผัสชีวิตรักชีวิตคู่มาหลายชาติอยู่ไม่น้อย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่แม่ทัพเป็นเช่นนี้เกิดจากอะไร

    "เพราะท่านแม่ทัพเคยชินกับบการออกคำสั่งให้ผู้อื่นทำตามตน คำสั่งของตนคือเด็ดขาด ถ้าหากใช้ในหน้าที่การงานมันก็คือสิ่งที่ถูกต้อง เหล่าทหารหรือแม้แต่ข้าเองก็ต้องทำตามและมันคือสิ่งที่พวกข้าต้องการเมื่อยามออกรบ หรือให้ข้าอธิบายเห็นภาพอย่างง่ายๆ มันไม่ต่างจากตำแหน่งคือผู้เป็นนายและผู้เป็นบ่าว"

    จวินหงไม่เอ่ยวาจาอะไรขัดปล่อยให้คนตรงหน้าเอ่ยพูดต่อ

    "เพราะฉะนั้นข้าอยากจะถามท่านแม่ทัพว่า ท่านอยากได้เทวดาองค์นั้นมาเป็นบ่าวที่อยู่ใต้อำนาจหรือภรรยาที่ยืนเคียงข้างท่านกันแน่"

    แม่ทัพคนงามเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นก็ไม่เอ่ยตอบอะไรกลับไป ฮุ่ยเหมยเลยขอตัวออกไปฝึกทหารต่อเพราะไม่อยากไปรบเร้าหรือเร่งให้อีกฝ่ายได้คำตอบเร็วนัก ปล่อยให้คิดเอาเอง ดวงตาคู่งามมองร่างรองแม่ทัพมือซ้ายหรือรองแม่ทัพนาคของตนเดินออกไปจากลานกว้างจนลับสายตา ทำไมเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายบอกกล่าวกับตน ว่าเมื่อครู่ที่ตนไม่พอใจนั้นเกิดจากอะไร

    เขาเองสินะที่ต้องปรับเปลี่ยน

    ร่างงามลุกจากที่นั่งเพื่อเดินสงบสติอารมณ์ เมื่อครู่เขาไม่พอใจต้าต่านและดูเหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้ถึงการไม่พอใจของเขาเป็นแน่ ไม่งั้นคงไม่รีบลุกตามฮุ่ยเหมยไปด้วยไม่บอกกล่าวเพื่อขอตัว จวินหงเลยเดินไปยังห้องที่เขาพอจะรู้ว่าฮุ่ยเหมยพาอีกฝ่ายไปยังห้องอะไรถ้าไม่ใช่ห้องว่างที่เอาไว้ทำอะไรก็ได้ในห้องนี้ ยังไม่ทันที่มือสวยจะแตะประตูเพื่อเคาะเรียก ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้เบาๆ ด้วยที่บริเวณนี้ค่อยห่างไกลจากผู้คนเลยได้ยินค่อนข้างชัดเจน แน่นอนว่าจวินหงย่อมตกใจเป็นธรรมดาเลยผลักประตูเข้าไปทันทีอย่างไม่รีรอ ต้าต่านที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ตกใจรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันหลังปาดน้ำตาทิ้งทันที ที่อยู่ ๆ ประตูก็เปิดออก แม้จะเพียงแวบเดียวก่อนหันหลังก็มองออกว่าผู้ใดที่เข้าหา

    แม่ทัพสวรรค์ จวินหงนั้นเอง

    พอปาดน้ำตาทิ้งได้แล้วก็รีบหันกลับมาเพื่อทำความเคารพแต่ทว่าร่างแม่ทัพคนงามกลับมาอยู่ใกล้ตนมากพอที่อาจจะมองเห็นดวงตาที่แดงจากการร้องไห้ของเขา ต้าต่านก็เลยก้มหน้าลงเพื่อหลบ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเอามือมาเชยคางของตนให้เงยหน้าขึ้นจะฝืนก็คงไม่ดีเลยทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย โดยในหัวคิดคำแก้ตัวว่าเหตุใดถึงร้องได้ออกมา

    "ข้าทำเจ้าร้องไห้รึ"

    จะกล่าวว่าแม่ทัพคนงามทำตนร้องไห้ก็คงกล่าวออกมาได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก ที่ตนร้องไห้นั้นก็เพราะกังวลกับสิ่งที่ตนนั้นได้ทำลงไปด้วย ในขณะที่กำลังจะอ้าปากแก้ตัวหรือเอ่ยปฏิเสธว่าท่านแม่ทัพไม่ได้ทำตนร้องไห้ มือที่เขากุมเอาไว้บริเวณหน้าท้องก็ถูกมือสวยยื่นมาจับแล้วดึงออกไป เล่นเอาต้าต่านตกใจเกือบทำเสียมารยาทโดยการดึงกลับมาแล้ว แม้ตอนแรกจะไม่รู้ว่าดึงมือของตนไปกุมทำไม แต่สิ่งที่ทำให้ต้าต่านตกใจมากกว่าเดิมไปอีกก็คือมือของเขานั้นถูกยกขึ้นอยู่ในระดับที่ปากสวยก่อนที่อีกฝ่ายจะประทับจูบลงมาที่หลังมือของตน

    "รสผลท้อรึ"

    จะอับอายหรืออย่างไรดี ก็ใครให้เอามือของเขาไปจุมพิตเองกันเล่า เพราะเขาเพิ่งจะปอกเปลือกผลท้อเสร็จแล้วระหว่างปอกก็คิดไปเรื่อยว่าจะถูกไม่พอใจหรือถูกเกลียดไปในต่างๆ นานาจนร้องไห้ออกมานี่นา เมื่อได้ยินแบบนั้นต้าต่านก็เตรียมจะดึงมือของตนออกมาแต่กลับกลายเป็นว่าตัวของเขานั้นถูกดึงให้ไปใกล้ชิดแม่ทัพคนงามมากขึ้นกว่าเดิมก่อนที่ปากสวยจะเอ่ยวาจา

    "ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าอึดอัดใจ ต่อไปนี้ข้าจะพยายามเรียนรู้"

    "เรียนรู้? เรียนรู้อะไรหรือขอรับ"

    ต้าต่านเอ่ยถามออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่แม่ทัพคนงามเอ่ยออกมานั้นหมายความเช่นไร

    "การเป็นสามีที่ดีของเจ้าไง"

    ต้าต่านได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเพราะว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นไม่มีทางผิดเพี้ยนเป็นแน่ อยู่ใกล้กันขนาดนี้ แต่ไม่รู้จะทำเช่นไร จะเดินหนีไปที่แห่งใดก็ไม่ได้เพราะที่นี่คือจวนแม่ทัพไม่รู้ทิศไม่รู้ทาง แถมมือก็ยังโดนกุมเอาไว้ไม่ยอมอีกด้วยแม้จะออกแรงดึงแล้วก็เถอะ

    "ทะ ท่านแม่ทัพ ท่านไม่รู้จักข้าดี ข้าว่าท่านอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเลย บนสวรรค์มีเทวดาและนางฟ้านับแสนนับล้าน ข้าว่า..." ต้าต่านที่กำลังเอ่ยวาจาอย่างเร่งรีบไม่ทันจบก็ถูกเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยพูดแทรกขึ้นมาทันทีเพราะประโยคที่ต้าต่านกำลังพูดออกมานั้น มันไม่ค่อยรื่นหูจวินหงเท่าไรนัก

    "ถ้าเช่นนั้นก็ทำให้ข้ารู้จักเจ้ามากขึ้นกว่าเดิมสิ"

    ไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้จวินหงดึงรั้งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ตนเพื่อที่อยากจะจุมพิตลงไปบนปากที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้น แต่กระนั้นเขาก็ไม่อาจจะทำมันเลยทีเดียว เขาเลยต้องขออนุญาตอีกฝ่ายเสียก่อน

    "ขอข้าจุมพิตเจ้าได้หรือไม่"

    แน่นอนว่าเทวดาผู้วาสนาน้อยมีหรือจะกล้าเอ่ยปฏิเสธตรงๆ ก็คงทำได้แค่

    "ท่านที่เป็นถึงแม่ทัพสวรรค์ เทพแห่งการทำลายล้างกับข้าที่เป็นแค่เทวดาเก็บผลไม้เท่านั้น เรื่องเช่นนี้ข้าว่าไม่เหมาะสมเท่าไร"

    อีกอย่างเจอแบบนี้เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว จะเป็นทั้งสามีของเขาแล้วยังจะมาขอจูบอีก ต้าต่านรู้สึกตัวเองจะสลายกลายเป็นผุยผงในไม่นานนี่

    "แล้วจะทำเช่นไรข้าถึงจะได้กอดจูบเจ้าละ"

    "ขะ ข้าไม่รู้"

    "งั้นรึ"

    โชคดีที่แม่ทัพคนงามไม่ได้เป็นคนที่เข้าใจอะไรยากเลยยอมลามือแล้วขอตัวกลับไปทำงานต่อ และปล่อยให้เขาได้ปอกผลไม้ต่อไป ช่วงระยะเวลาที่ได้อยู่ที่จวนแม่ทัพสวรรค์ ต้าต่านก็ถูกอีกฝ่ายเกี้ยวไม่หยุดไม่หย่อน แน่นอนว่าโดนเช่นนี้บ่อยๆ ก็ย่อมเกินตกหลุมรักเป็นธรรมดา แม้ยามแรกพบใบหน้างามนั้นจะทำให้ต้าต่านรู้สึกตกหลุมรักมาก่อนหน้านี้แล้วก็เถอะ สุดท้ายช่วงระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันแม้ว่าจะรับเรื่องที่ถูกหลอกว่าบาดเจ็บแล้วให้ตนมาอยู่ที่จวน จวินหงที่เคยมีความคิดเรื่องตนเป็นใหญ่ก็ค่อยๆ เรียนรู้จนกลายเป็นชายที่มีอ่อนโยนมากขึ้น แม้แต่เหล่าทหารที่สัมผัสถึงตรงนี้ได้ ถึงกระนั้นก็ยังเป็นแม่ทัพที่เด็ดขาดเหมือนเดิม หรือแม้แต่ต้าต่านเองก็เรียนรู้ว่าตนนั้นควรทำเช่นไร แท้จริงแล้วนั้นเขาเป็นคนดื้อไม่น้อย เพราะฉะนั้นทั้งสองคนเลยเรียนรู้นิสัยกันและกันและปรับเปลี่ยนในส่วนใดส่วนหนึ่งจนไม่หลงลืมเป็นตนเอง นอกจากปรับเปลี่ยนแล้วก็ต้องเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายให้มากขึ้นด้วย

    และแล้ววันที่จวินหงต้องรวบรวมความกล้ายิ่งกว่าไปออกรบก็คือ

    สู่ขอต้าต่านแต่งงาน

    แน่นอนว่าการไปสู่ขอนั้นไม่ง่ายเลย ยิ่งที่อีกฝ่ายเป็นเพียงเทวดาเก็บผลไม้ย่อมเกิดเสียงครหา โดยเฉพาะเรื่องความเหมาะสม จวินหงไม่เคยคิดเรื่องพวกนั้นเขารักต้าต่านและต้องการอีกฝ่ายมาเป็นภรรยาของตน เขาสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งเง็กเซียนได้เมตตาและออกคำสั่งให้จัดงานแต่งงานให้เขา ด้วยคุณงามความดีที่ตนสะสมมานั้นมากกว่าเหล่าทวยเทพที่คัดค้านเป็นไหน ๆ เหตุใดจึงกล้ามาขัดขว้าง นั้นทำให้เทพบางองค์ไม่พึงพอใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ เทพที่สนับสนุนตนก็ช่วยอีกแรง

    นั้นทำให้จวินหงได้รู้ว่า ต้าต่านคือคู่วาสนา คู่ครองของตน

    และวันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ต้าต่านได้รับเลือกให้ไปยืนต้อนรับ

    เง็กเซียนรับรู้เลยทำเป็นใส่ชื่อต้าต่านลงไป เพราะจวินหงทำคุณงามความดีให้กับสวรรค์มามากและไม่เคยขออะไรจากตนเลย เง็กเซียนเลยประทานคู่แท้ให้ งานแต่งงานถูกจัดขึ้นนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่นักตามความประสงค์ของต้าต่านและจวินหงเองก็ด้วย แม้จะงานไม่ใหญ่ แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่ของสวรรค์ที่แม่ทัพคนงามได้มีคู่ครองกับเขาเสียแล้ว และมันก็เสียงดังมากพอที่จะทำให้จวินหรงที่กำลังทำศึกกับอสรพิษร้ายได้ยิน ได้รับรู้

    ความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะตะโกนออกไป เลยทำได้แค่เก็บเอาไว้ในใจ

    ที่ตนนั้นได้สูญเสียชายที่แอบรักมาหลายพันปีให้กับเทวดาที่วาสนาไม่อาจจะทัดเทียมตน

     

    ซึ่งในขณะที่จวินหงนั้นกลับชื่นมื่นและกำลังจะได้เป็นสามีของต้าต่าน เขามีความสุขยิ่งกว่าชัยชนะสงครามเป็นไหน ๆ เมื่อก้าวเท้าเข้าเรือนหอ ร่างของภรรยากำลังนั่งอยู่ที่เตียงเพื่อพร้อมจะเข้าหอกับตนนั้น ถ้าหากให้พูดแล้วละก็ช่วงที่เกี้ยวกัน จวินหงให้เกียรติอีกฝ่ายโดยไม่ทำอะไรมากกว่าจับมือและจุมพิตที่ฝ่ามือเท่านั้น แต่คราวนี้เขากำลังจะได้ทำมากกว่านั้นก็ย่อมรู้สึกประหม่าอยู่แล้ว

    เมื่อเปิดผ้าที่คลุมออกมา สิ่งที่จวินหงทำคือจูบปากได้รูปของอีกฝ่ายในทันทีเพราะเฝ้ารอมานาน

    และก่อนที่จะเกินเลยไปมากกว่านั้น ต้าต่านก็ได้เอ่ยถามตนว่าทำไมถึงเป็นเขา และจวินหงก็ไม่มีคำตอบอื่นใดนอกจาก 'แค่เป็นเจ้าข้าต้องคิดอะไรมากอีก' ใช่แล้วเพียงเป็นต้าต่าน จวินหงก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องตอบหรือต้องยกเหตุผลอะไรมาเพื่อตอบ ถ้าหากต้องการเหตุผลแล้วก็

    'ข้ารักเจ้า ต้าต่าน ภรรยาสุดที่รักของข้า'

     

    หลังจากแต่งงาน ต้าต่านก็ทำหน้าที่ภรรยาหรือฮูหยินได้ไม่ดีเท่าไรนัก เพราะตนนั้นไม่เคยแต่งงานในฐานะภรรยาของผู้มาก่อน เมื่อมาเป็นภรรยาของแม่ทัพสวรรค์ที่ในจวนมีแต่ทหารเดินไปเดินมา ไม่มีผู้ใดคอยสอนให้ทำอะไรบ้าง แม้ว่าจวินหงหรือสามีของตนจะไม่เคยบ่นหรือต่อว่าอะไรเลยสักครั้ง แต่ทุกครั้งที่มีเทพองค์ใดสักองค์มาที่จวน ต้าต่านก็รับรู้ได้ว่าสายตาที่มองมาทางตนนั้นบ่งบอกได้ว่าเขานั้นไม่คู่ควรเลยสักนิด วาสนาก็ไม่ทัดเทียมแล้วยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีพออีกงั้นหรือ? แม้จะไม่ใช่เทพทุกองค์ที่ส่งสายตาแบบนั้นมาก็เถอะ

    ความต่ำเนื้อน้อยใจนี้เลยทำได้แค่เก็บไว้ด้านในเท่านั้น

    แล้วยิ่งตนเป็นเทวดาเก็บผลไม้ได้มาแต่งงานกับแม่ทัพสวรรค์หรือเทพแห่งการทำลายล้างก็ย่อมมีเทพที่ไม่พึงพอใจ ถึงจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหน ก็ได้ยินเรื่องที่โดนกระแหนะกระแหน่อยู่บ่อยครั้ง ถึงจะเป็นสวรรค์ความอิจฉาริษยาก็ย่อมมีกันอยู่แล้ว ขนาดอยู่บนสวรรค์แท้ๆ นะ ต้าต่านไม่เคยบอกกับจวินหงเรื่องพวกนี้เลยเพราะมันก็สู้ช่วงที่เขาอยู่กับอีกฝ่ายไม่ได้

    มันความสุขแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างตอนนั่งอยู่ในสวนด้วยกัน

    จวินหงไม่เคยทำให้ตนร้องไห้อีกเลยนับตั้งแต่เขาร้องไห้ในครั้งนั้น มีอะไรก็ให้เขาได้รับรู้ก่อนตลอด มอบความรัก มอบความอบอุ่น มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ แต่แล้วก็มีบางสิ่งที่ต้าต่านรู้อยู่ก่อนหน้านี้ว่าจวินหงนั้นมีน้องชายหรือรองแม่ทัพเงินผู้เป็นมือขวาได้กลับมาจากการต่อสู้กับอสรพิษจนได้อสรพิษตนนั้นกลับมาด้วยนามว่า กุมไป๋ ที่ตาบอดข้างหนึ่งจากการต่อสู้กับจวินหรง และด้วยที่ทั้งสองมีหน้าตาที่เหมือนกันมากดีที่มีป้ายตรงเอวแตกต่างกันเลยทำให้พอที่จะแยกทั้งสองออกจากกันได้และดูเหมือนอสรพิษร้ายจะกลายเป็นสัตว์ประจำตัวของจวินหรงเป็นที่เรียบร้อย

    ไม่รู้ว่าต้าต่านคิดไปเองหรือไม่

    ว่าตนนั้นรู้สึกเหมือนจวินหรงจะไม่ชอบตนเท่าไรนัก แต่ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเขาที่มีจวินหงอีกฝ่ายก็ยิ้มแย้มทักทายปกติดี อาจจะเพราะเพิ่งกลับมาจากสงครามก็เป็นได้ มีอยู่หลายครั้งที่ต้าต่านพยายามชวนอีกฝ่ายพูดคุยถามไถ่ จวินหรงก็ทำเป็นว่าไม่ว่างจะพูดกับเขาอยู่ตลอดเวลา นั้นทำให้เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวจวินหรงเลยว่าอีกฝ่ายชอบอะไร มีลักษณะนิสัยเช่นไร รู้จักกับจวินหงได้เช่นไรเพราะจวินหงเล่าให้กับตนฟังว่า จวินหรงนั้นไม่ใช่น้องชายแท้ๆ แต่ที่หน้าเหมือนกันเพราะทำความดีร่วมกันมา ต้าต่านก็รับรู้เพียงเท่านั้นเพราะเขาไม่ได้เอ่ยถามถึงต่อ แม้จะเป็นเรื่องราวของสามีตนแต่ก็เป็นความสัมพันธ์ของพี่น้องของทั้งคู่อยู่ดี

    จนกระทั่งวันหนึ่งต้าต่านก็ได้พบกับตาเฒ่าปลาทองผู้เปรียบเสมือนพ่อของจวินหงและจวินหรง

    ต้าต่านดีใจมากที่ได้เจอ ด้วยที่ตนนั้นไม่ต่างอะไรกับการเป็นลูกสะใภ้อีกฝ่ายเลย และนั้นทำให้เขารู้ว่าจวินหงได้เข้าไปช่วยเหลือจวินหรงจากการถูกทำร้ายร่างกายครั้งเมื่อยังเป็นมนุษย์ ทำให้ต้าต่านรับรู้เลยว่าจวินหรงจะต้องรักพี่ชายอย่างจวินหงมากแน่ๆ แต่ก็น่าเสียดายที่ตาเฒ่าปลาทองไม่ได้เป็นเทพบนสวรรค์เป็นแค่เซียนเลยทำได้แค่ขึ้นมาเยี่ยมแล้วก็ลงไปอยู่ดินแดนระหว่างเซียนกับมนุษย์ต่อ

    และวันนี้จวินหงดูท่าทางดีใจอะไรสักอย่างเป็นพิเศษ

    พร้อมกับจูงมือเขาให้ไปยืนรอบริเวณหน้าประตูที่อยู่ด้านหลังจวนที่ไม่มีใครนอกจากเขากับจวินหง พอถามว่ามีอะไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอกตน แต่เห็นใบหน้างดงามกำลังยิ้มแย้มอย่างดีใจและตื่นเต้น ต้าต่านก็ไม่ได้ว่าอะไร

    ช่างน่าเอ็นดูราวกับเด็กน้อยนัก

    แต่ใช้เวลาเพียงไม่นาน ดวงตาเรียวคมก็เห็นบางสิ่งที่กำลังวิ่งมาแต่ไกล ถ้าหากสายตาคู่นี้มองไม่ผิดนั้นใช่สุนัขหรือไม่ ต้าต่านมองจวินหงที่ดีใจสุดๆ เมื่อร่างของสุนัขตัวนั้นวิ่งมาถึง จวินหงก็ปล่อยมือตนแล้ววิ่งเข้าไปหาสุนัขตัวนั้นทันที

    "ท่านแม่ทัพข้ากลับมาแล้ว!"

    จากนั้นทั้งสองก็กระโดดโลดเต้นและกอดกันไปมา มันช่างไม่ต่างจากเด็กน้อยเลยสักนิด สุนัขตัวนั้นถ้าหากเป็นตอนแรกที่เขาได้ยินว่าสุนัขนำทัพของแม่ทัพสวรรค์ได้สิ้นชีพลงในสงครามกับมังกรทมิฬ หรือสุนัขตัวนี้จะเป็นสุนัขนำทัพตัวนั้น ระหว่างที่ต้าต่านคิดไปก็มองทั้งสองเล่นด้วยกันไปพักหนึ่งก่อนที่จวินหงจะพาสุนัขตัวนั้นเดินมาหาตน ช่างคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกมากนักและมีสีขนสีขาวบริสุทธิ์อีกด้วย

    "ฮูหยินนี่คือจางจิ้งสุนัขของข้า จางจิ้งนี่คือนายของเจ้าอีกคน ฮูหยินของข้าเอง"

    จางจิ้งที่ตายแล้วลงไปเกิดไปเป็นมนุษย์จนสิ้นอายุขัยกลับมาเกิดบนสวรรค์ก็จำเรื่องราวของตนได้ทั้งหมด เมื่อใช้จมูกดมกลิ่นจากชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนแล้วนั้น ช่างเป็นกลิ่นที่สะอาดยิ่งนัก จางจิ้งไม่รีรอที่จะเข้าไปใกล้เข้าทำการเคารพอีกฝ่ายทันทีอย่างสงบเสงี่ยม ทำเอาจวินหงถึงกับตกตะลึงกับการกระทำของจางจิ้งไม่น้อย

    "ข้าจางจิ้ง จะคุ้มครองจะดูแลฮูหยินจนว่าสิ้นวาสนาของข้า"

    ไม่รู้ทำไมจางจิ้งถึงได้รู้สึกรักและเคารพฮูหยินผู้นี้ยิ่งนัก เหมือนอีกฝ่ายจะทำเรื่องยิ่งใหญ่ในอีกสักวันหนึ่งให้กับท่านแม่ทัพของตน จากนั้นใจที่เคยเคารพรักต่อแม่ทัพเพียงผู้เดียวบัดนี้แบ่งใจไปให้กับฮูหยินต้าต่านมากกว่าครึ่งด้วยซ้ำแถมต้าต่านเองก็มอบความรักให้กับจางจิ้งไม่น้อยเลย จนจวินหงแบบน้อยใจอยู่ไม่น้อย แต่พอภรรยารักมาปลอบโยนความน้อยใจก็น้อยลงไปบ้าง

    จนไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้โยงไปถึงเรื่องการมีลูก

    น่าจะเพราะจวินหงเผลอพูดไปว่า ขนาดสุนัขยังแย่งความรักไปขนาดนี้แล้วถ้ามีลูกละจะขนาดไหน ทำให้กลายเป็นเรื่องที่ทั้งสองไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมา จวินหงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เพราะตนเป็นเทพแห่งสงครามหรืออีกหนึ่งฉายาคือเทพแห่งการทำลายล้าง ถ้าหากมีลูกเขาจะทำหน้าที่เป็นพ่อได้ดีหรือ

     

    ในห้องนอน

    ต้าต่านมองสามีคนงามที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงที่ทำหน้าเหมือนคิดไม่ตกอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าหน้าที่ภรรยาก็ต้องแบ่งเบาความหนักใจของสามีบ้างเลยไปนั่งข้างๆ เพื่อไถ่ถาม เขาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายกังวลเรื่องอะไร

    "ท่านพี่อย่าได้กังวลไปเลย เราทั้งสองจะคอยช่วยเหลือกันและกันเพื่อเลี้ยงลูกของเรานะ"

    "แต่ข้ากลัวเหลือเกินว่าข้าจะทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีนักแล้วจะถูกเจ้าไม่พอใจได้"

    "ข้าหรือจะไม่พอใจ ขนาดข้าทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดี ท่านพี่ยังไม่เคยตำหนิข้าเลยสักครั้ง แถมยังคอยประคับประคองข้าตลอด อีกอย่างไม่แค่ท่านพี่ที่กังวล ข้าเองก็ด้วยเช่นกัน"

    จวินหงมองใบหน้าหล่อเหล่าและดวงเรียวคมที่มองตนในแววตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและกำลังใจที่เอ่อล้นออกมาอย่างชัดเจน ทำให้แม่ทัพคนงามรู้สึกอบอุ่นไปทั่งร่างกาย เขารักภรรยาผู้นี้เหลือเกิน ว่าแล้วจวินหงก็โอบกอดภรรยาของตนก่อนที่หอมแก้มขาวให้ชื่นใจสักหนึ่งหอมแล้วค่อยเอ่ยขอ

    "ถ้าเช่นนั้น ต้าต่านภรรยารักของข้า มีลูกกับข้าเถอะนะ"

    หลายครั้งที่ต้าต่านเขินอายกับอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งจนไม่อาจนับได้ แต่ที่นับได้ล้วนเป็นประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ยขอกับเขา อย่างเช่นขอแต่งงาน และการขอครั้งนี้ก็เช่นกัน

    "ได้สิท่านพี่"

    การมีลูกนั้นไม่ได้มีกันง่ายๆ ยิ่งอีกฝ่ายที่ต้องตั้งครรภ์เป็นชายต้องไปขอเม็ดบัวจากเทพธิดาแห่งการให้กำเนิดจากดอกบัวเพื่อทานลงไป จวินหงไม่รีรอที่จะไปที่นั่นพร้อมกับต้าต่านทันที เทพธิดาแห่งการถือกำเนิดจากดอกบัวเป็นเทพที่ใจดี อ่อนโยน พระองค์จดจำต้าต่านได้อย่างดีและยินดีกับทั้งสองอย่างที่สุดมิได้ แถมพระองค์ก็เป็นหนึ่งในเทพที่สนับสนุนการแต่งงานของทั้งคู่อีกด้วย เพราะมีเทพธิดาแห่งการให้กำเนิดจากดอกบัวเลยทำให้จวินหงมีอำนาจต่อรองได้ง่าย เมื่อมาถึงก็เอ่ยขอเม็ดบัวทันที

    แต่เมื่อได้รับคำตอบจากเทพธิดาสิ่งที่ได้ยินกลับมานั้นหัวใจของต้าต่านก็แทบแตกสลาย

    วาสนาของเขานั้นมีไม่มากพอที่จะตั้งครรภ์ลูกของแม่ทัพสวรรค์ที่มากไปด้วยวาสนาได้ ถ้าหากจะตั้งต้องครรภ์จริงๆ จะต้องแลกวาสนาที่สะสมมาโดยที่อาจจะไม่ทันได้ให้กำเนิดทารกเลยด้วยซ้ำ น้ำตาไหลรินออกมาจากสองดวงตาเรียวคม ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ร้องไห้มานานมาแล้ว

    "ท่านพี่ข้าขอโทษ"

    นำเสียงสั่นเครือจากการร้องไห้กับน้ำตาของภรรยาผู้เป็นที่รักนั้นทำให้จวินหงปวดร้าวไปทั้งอก แม้เทพธิดาแห่งการให้กำเนิดจากดอกบัวก็ยังเจ็บปวดไม่ต่างกัน แม่ทัพบอกลาแล้วพาภรรยากลับมาที่จวน แม้เขาบอกว่าไม่เป็นไรแต่ความรู้สึกของต้าต่านที่เก็บมาตลอดว่าตนนั้นทำหน้าที่ภรรยาไม่ดีนั้น ยิ่งเพิ่มทวีคูณเมื่อมารู้ว่าตนไม่สามารถมีลูกได้ก็เศร้าใจหนักกว่าเดิม จนบางครั้งก็ร้องไห้อยู่เพียงผู้เดียว

    แล้วมีหรือที่จวินหงจะไม่รับรู้

    ความเจ็บปวดของเขา ความกังวลของเขา หลายครั้งที่ต้าต่านเข้ามาคอยแบ่งเบาให้กับเขาอยู่ตลอดเวลา แต่พอเป็นความเจ็บปวดของภรรยาเขากลับไม่สามารถแบ่งเบาได้เลย จนกระทั่งต้าต่านได้มาขอกับตนว่าจะมีลูกให้ได้แม้จะต้องแลกกับอะไรก็ตาม

    "ฮูหยินของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ มันไม่เป็นไรเลย ขอแค่เจ้าอยู่เคียงข้างข้าแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว"

    "ท่านพี่ วาสนาของข้าไม่อาจจะอยู่เคียงข้างได้ตลอด อย่างน้อยให้ข้าทำหน้าที่ภรรยาของท่านเถอะ"

    จวินหงไม่ได้ต้องการให้ต้าต่านต้องทำอะไรขนาดนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันจะมีลูกให้กับเขาให้ได้ก็ไม่อาจจะปฏิเสธหรือห้ามได้อีก อาจจะเพราะหลายอย่างที่อีกฝ่ายต้องเจอนั้นเขาไม่อาจจะรับรู้ถึงมันได้เลย แม้อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามแต่เขาเองก็เป็นคนที่เอ่ยปากขอด้วยเช่นกัน เทพธิดาแห่งการให้กำเนิดจากดอกบัวก็สงสารเลยช่วยเหลือในการมีลูกให้กับทั้งสอง โดยเม็ดดอกบัวที่พระองค์ให้มานั้นจะช่วยชะลอการกัดกินวาสนาและร่างกายที่อาจจะได้รับผลกระทบ

    เพราะสิ่งที่ต้องแลกคือต้าต่านจะต้องตั้งครรภ์นานกว่าปกติและอาจจะแลกมาด้วยความน่าเกลียดของร่างกาย

    "อย่างน้อยก็ให้ข้าได้ทำหน้าที่ภรรยาในชาตินี้ให้ท่านพี่เถอะนะ"

    นั้นคือสิ่งที่ต้าต่านปรารถนาต่อเขา จวินหงรักภรรยาผู้นี้สุดหัวใจและเคารพหัวใจของภรรยาเกินกว่าจะพรรณนาออกมาได้ทั้งหมด ตลอดการตั้งครรภ์นั้น วาสนาของต้าต่านก็กัดกินไปเรื่อยๆ เริ่มจากเสื้อผ้าที่สวมใส่แม้จะเอาชุดอะไรมาสวมใส่ ต่อให้มันสวยงามเพียงใดก็จะหม่นหมองลงไปในทันที ท้องที่กินอิ่มบัดนี้ไม่ว่าอะไรที่ตามทานลงท้องไปจะโหยหิวอยู่ตลอดเวลา ร่างกายที่อิ่มเอิ่มเปล่งประกายก็ค่อยๆ ซูบผอมลง แม้กระทั่งเส้นผมที่เคยดำยาวสลวยก็หลุดร่วงจนหมด

    จวินหงสงสารภรรยาจับใจ

    แม้ภรรยาจะน่าเกลียดเพียงใด จวินหงก็โอบกอดด้วยความรักและจูบอีกฝ่ายทุกครั้งไม่ว่าต้าต่านจะหันหน้าหนีก็ตาม ต้าต่านคือฮูหยินที่หล่อที่สุดในหัวใจของจวินหงผู้นี้เสมอ การกระทำของต้าต่านหรือฮูหยินแห่งจวนแม่ทัพนั้นต่างพากันรับรู้ แม้กระทั่งจวินหรง ยิ่งรู้ทั้งสองจะลูกด้วยกันในอีกไม่ช้านี้ ตอนแรกที่อิจฉา บัดนี้ได้ก่อเกิดเป็นริษยาแม้ว่าจะเพียงน้อยนิดพอที่จะดึงสติตนเองกลับมาได้ก็เถอะ

     

     

    และแล้วก็ถึงวันกำหนดคลอด

    ร่างกายที่ทรุดโทรมกับวาสนาที่น้อยลงไปเรื่อยๆ นั้นมันช่างก่อให้เกิดความหวาดหวั่น จวินหงไม่อาจจะรอหน้าประตูได้ ตนเข้าไปด้านในเพื่ออยู่ด้วยและกุมมือต้าต่านเอาไว้ในยามที่อีกฝ่ายเจ็บปวด ราวกับร่างกายจะแตกสลายเพราะการคลอดไม่ได้คลอดเหมือนกับมนุษย์ แต่ทารกจะออกมาจากท้องโดยมีดอกบัวโอบอุ้มเอาไว้ มันจะทรมานมากถ้าหากผู้ให้กำเนิดมีวาสนาน้อย ต้าต่านทรมานจนบีบมือของจวินหงแน่น และจวินหงเองก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบจนอยากเอาความเจ็บปวดนั้นมาให้กับตนบ้าง แต่ก็ทำให้ได้แค่อยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างไปไหน

    จนกระทั่งได้ถือกำเนิดบุตรชายคนแรกของแม่ทัพสวรรค์

    ทารกน้อยร่างกายสมบูรณ์ทุกอย่างบัดนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของจวินหง เขาอุ้มทารกน้อยมาหาต้าต่านที่นอนอยู่เพราะไม่มีแรงแม้จะอุ้มทารกด้วยแขนทั้งสองข้างด้วยซ้ำ แม่ทัพสวรรค์ผ่านอะไรมากกำลังหลั่งน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เพราะวันที่ถือกำเนิดทารกน้อยคือวันที่ต้าต่านหมดวาสนาต้องลงไปเกิดใหม่ที่ดินแดนมนุษย์ จวินหงวางทารกไว้ข้างๆ ให้ต้าต่านได้มองใบหน้าลูกน้อยก่อนลาจาก ดวงตาเรียวคมที่อ่อนล้าเต็มทีมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลน้ำตาเอ่อล้อออกมาอย่างยินดีที่ตนนั้นได้ให้กำเนิดลูกชายได้สำเร็จ ก่อนที่จะหันมามองใบหน้างามของสามีตนที่ตอนนี้ร้องไห้อย่างไม่น่าดูนัก

    "อะไรกันท่านพี่ ขี้แยไม่ได้นะ เป็นพ่อแล้ว"

    จวินหงปากเบะอย่างห้ามไม่ได้ก่อนที่จะยกแขนมาเช็ดน้ำตาของตนก่อนเพื่อที่จะได้ก้มหน้าลงไปประทับรอยจูบที่หน้าผากเพื่อบอกลา

    "ขอบคุณมากฮูหยินของข้า แล้วข้าจะรอเจ้ากลับมาเคียงคู่กับข้าอีกครั้ง"

    ต้าต่านยกยิ้มก่อนที่ร่างกายจะสลายเพื่อลงไปเกิดใหม่ที่ดินแดนมนุษย์ แม้ว่าเวลาของสวรรค์กับมนุษย์นั้นจะห่างกันไม่เท่าไรนัก แต่กว่าต้าต่านจะได้กลับมาอยู่บนสวรรค์ก็ต้องใช้เวลาที่ดินแดนมนุษย์นานกว่าจะสิ้นอายุขัย และจวินหงต้องคอยดูแลไม่ให้อีกฝ่ายทำอะไรนอกลู่นอกทาง สองมือคู่สวยแต่แข็งแกร่งโอบอุ้มร่างทารกน้อย บุตรชายคนแรกของเขาด้วยแววตาและใบหน้าที่อ่อนโยนขึ้นมาแล้วจูบลงที่แก้ม ทารกช่างบริสุทธิ์ ไม่คิดเลยว่าตนจะมีวันนี้

    ฮูหยินของเขาได้มอบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับเขาจริงๆ

    "หลิวหยางลูกรัก พ่อจะให้นางฟ้าดูแลเจ้าสักพัก เพราะพ่อจะลงไปดูแลแม่เจ้าที่ดินแดนมนุษย์ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจพ่อนะ"

    ทารกน้อยที่หลับใหลไม่ได้โต้ตอบอะไร จวินหงเรียกฮุ่ยเหมยให้นำบุตรชายของตนไปให้เหล่านางฟ้าที่คอยปกป้องทารกแรกเกิดดูแลให้ เพราะตนนั้นจะลงไปยังดินแดนมนุษย์เพื่อคอยดูแลต้าต่านนั้นเอง

    การไปเกิดในดินแดนมนุษย์นั้นไม่ได้อะไรมากนัก ถ้าหากจวินหงจะรอคอยอยู่บนสวรรค์และเหตุผลนี้ไม่ได้แย่อะไร แต่ตลอดการที่ต้าต่านตั้งครรถ์หลิวหยางนั้น ต้องพบเจอกับความทรมานจากความหิวและอะไรหลายๆ อย่าง วาสนาที่อีกฝ่ายสั่งสะสมมานั้นสามารถอยู่กินบนสวรรค์นานกว่านี้หลายร้อยเลยปีทีเดียว เมื่อลงมาเกิดดินแดนมนุษย์ก่อนกำหนด วาสนาไม่ได้มีมากพอจะเกิดมาในที่ดีๆ เท่าไรนัก จวินหงเลยตามาดูแลอีกฝ่าย แม้จะผิดกฎบางอย่างไปบ้าง

    แต่นี่ภรรยาของเขาที่ยอมแลกทุกอย่าง

    เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายต้องเผชิญความลำบากแต่เพียงผู้เดียวเป็นแน่

     

     

     

     

     
    FAN
    TAS
    TIC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×