ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Mpreg] อย่ามาเกี้ยวสามีข้า [Yaoi + เมะสวย]

    ลำดับตอนที่ #41 : อย่ามาเกี้ยวสามีข้า บทที่ ๓๙

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 66


    บทที่ ๓๙

     

     

     

    หลิ่งฮุ่ยเหมยไม่เคยหัวหมุนแบบนี้มาก่อน หลังจากเมื่อวานที่จู่ ๆ ประมุขสำนักก็กลับมาอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ยด้วยสีหน้าที่หม่นหมองจนไม่รู้จะใช้คำพูดใดหรือประโยคใดปลอบประโลมจิตใจ แต่พอตอนเช้ากลับมาทำงานแล้วก็ยื่นคำถามมาให้เขาด้วยสีหน้าที่คิดไม่ตกด้วยคำถามที่ว่า

    ฮูหยินกำลังยั่วยวนข้าอยู่หรือไม่

    แล้วเขาจะไปรู้ด้วยรึ!

    ทำให้รองประมุขสำนักได้แต่ถอนหายใจแล้วตอบส่งๆ ไปว่า 'เรื่องของสามีภรรยาคนนอกอย่างเขาไม่ขอยุ่งเกี่ยว' ว่าแล้วก็วางงานที่ประมุขคนงามต้องจัดการโดยเฉพาะเรื่องที่หลบซ่อนให้กับองค์รัชทายาทที่ตอนนี้หนีออกมาได้ปลอดภัยแล้วด้วยความช่วยเหลือของหลิวหยาง จากนั้นก็ทิ้งให้อีกฝ่ายวิเคราะห์อยู่เพียงผู้เดียวไป อีกอย่างมันคือการแก้แค้นที่โยนลูกศิษย์ของตนมาให้ดูแลอย่างไร้ความรับผิดชอบอีกด้วย แม้อีกฝ่ายจะรู้ถึงอดีตชาติของตนแล้วก็เถอะ แต่กระนั้นก็ยังนับเป็นศิษย์ของจวินหงอยู่ดีเนื่องจากตกลงไปแล้วก็ต้องเป็นไปตามนั้น

    เป่ยจางจิ้งแท้จริงแล้วในอดีตชาติเขาคือสุนัขนำทัพ ก่อนที่จะตายในสงครามมังกรทมิฬ

    ตอนที่เจ้าตัวรู้ก็เกือบจะเสียสติโวยวาย แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงได้ระงับสติได้อย่างรวดเร็วแล้วขอตัวออกไปทำใจอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็กลับมาหาเขาแล้วขอดูเรื่องราวที่เคยอยู่กับแม่ทัพสวรรค์และนั้นทำให้รู้ว่า ต้าต่านก็คือนายของตนเช่นกัน ถึงแม้ชีวิตส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่แม่ทัพสวรรค์อย่างจวินหง แต่ดันรักต้าต่านมากกว่า ไม่แปลกที่อยู่ ๆ จางจิ้งจะเปลี่ยนท่าทีไปแบบนั้น เมื่อรับรู้ถึงความจริงของตนเอง

    ถ้าหากฮูหยินไม่ได้จับสังเกตจนผิดปกติก็ดีไป

    ฮุ่ยเหมยกลับมายังห้องทำงานของตนเพื่อทำเรื่องเสบียงอาหาร อาวุธ และพวกยารักษาที่ซิงเยียนหรือบุตรสาวของจวินหงกับต้าต่าน ที่น่าจะส่งมาแล้วว่าควรมีอะไรมากน้อยเพียงใด ขืนเอาไปให้ประมุขสำนักหรือตัวตนที่แท้จริงอย่างแม่ทัพสวรรค์คงไม่ทันการเป็นแน่ ไหนจะเรื่องการต่อรองราคาอีกแม้ว่าเงินทองจะไม่ได้เรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาก็ตามที แต่เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของตนแล้วนั้นก็สัมผัสได้ถึงร่างของใครบางคนที่อยู่ในห้องทำงาน และเมื่อได้พบก็ต้องประหลาดใจ

    เหตุใดถึงได้มาที่ห้องทำงานของเขากัน .....

     

     

    ดวงตาคู่สวยที่มองกลยุทธ์สงครามมาไม่รู้กี่ครั้ง มองการเคลื่อนไหวและการคาดคะเนความไปได้ในสงครามว่าจะชนะหรือไม่มาแล้วไม่รู้กี่หน แต่เมื่อมองมือของตนที่กำลังเลือนหายและค่อยๆ กลับมาปกตินั้นกลับไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะสามารถอยู่ได้อีกนานเพียงใด แต่ขอให้อยู่นานมากพอที่จะสามารถสะสางสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปก็เพียงพอแล้ว

    แต่ถ้าหากมีเวลามากกว่านี้เขาก็อยากจะทำอย่างอื่นให้เรียบร้อยเช่นกัน

    โดยเฉพาะเรื่องของต้าต่าน ภรรยาที่เขารักสุดดวงใจ ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ งานตรงหน้านั้นมันเป็นงานที่เขาไม่ต้องทำอะไรมากแค่อ่านมันเพื่อรับรู้ว่ามีสำนักใดบ้างที่เข้าร่วมกับทางพวกเขาและสำนักใดบ้างที่กำลังไปเข้าร่วมกับสมาคม จวินหงไม่คิดเลยว่าจวินหรงจะดึงมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยซึ่งมันเป็นการกระทำที่ต่ำช้า ไม่ต่างอะไรกับการเอามนุษย์ที่แสนบอบบางมาเป็นโล่ป้องกันตน นั้นยิ่งทำให้เขากังวลไปหมด เพราะมนุษย์ไม่สมควรมารับผลกับการกระทำของเหล่าผู้ที่เป็นทหารของสวรรค์ ถ้าหากเขารู้ตัวเร็วกว่านี้ รับรู้สิ่งที่ผิดปกติของอีกฝ่ายเร็วกว่านี้มันคงไม่เกิดเรื่องนี้ใช่หรือไม่?

    มันเป็นคำถามที่จวินหงไม่มีทางรู้หรือได้คำตอบที่ชัดเจนอยู่ดี ต่อให้รู้ทันแล้วมันจะเปลี่ยนแปลงจากที่เป็นอยู่หรือเปล่า

    ร่างงามลุกจากเก้าอี้เพื่อออกไปหาสถานที่เพื่อเดินเล่นพักผ่อนก่อนที่จะไม่มีเวลาได้พักผ่อน อยู่แต่ในห้องมันจะทำให้เขาคิดอะไรต่างๆ นานาจนไม่อาจจะเป็นผู้นำทัพได้ หลังจากนี้มันก็เกินกำลังของเขาไปมากแล้ว ที่บอกว่าเกินกำลังตนนั้นที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ไม่คิดว่าร่างกายของเขาจะถึงเวลาสลายเร็วถึงเพียงนี้ ตอนที่ประลองกับจวินหรงนั่นแหละเขาถึงได้รับรู้ว่าตัวเขานั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ ต้องอาศัยบารมีจากองค์รัชทายาทเพื่อต่อเวลาให้ร่างกายนี้อยู่ได้นานขึ้น

    จวินหงเดินออกมาจากห้องเพื่อไปยังทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกล

    แต่กระนั้นก็ยังสอดส่องสายตามองหาร่างของต้าต่านแต่ก็ไม่พบ พอจับจิตของเขาจากจี้ก็ยังอยู่ในสำนักเพ่ยนั่นแหละ นี่เขาเหนื่อยหรือพลังของเขาอ่อนกำลังลงกันแน่ถึงได้ไม่สามารถจับจุดได้ชัดเจน เอาเถอะอย่างน้อยก็ยังอยู่ในสำนัก เดี๋ยวเขาขอไปสงบจิตสงบใจแล้วค่อยไปแกล้งฮูหยินเล่น สองขายาวเดินมาถึงทะเลสาบที่ตอนนี้ไม่มีใครนอกจากเขา ความสงบ เสียงลม เสียงใบไม้ที่เบียดเสียดกัน เสียงนกร้อง เสียงปลาที่กระโดดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ทั้งหมดมันทำเขานึกถึงตอนอยู่สวรรค์

    ตอนที่อยู่กับต้าต่าน

    เรื่องราวของเขากับต้าต่านนั้นต่อให้เล่าก็ไม่อาจจะเล่าความรู้สึกหรือบรรยายทุกอย่างให้เข้าใจได้ว่าช่วงเวลานั้นๆ มีความสุขมากเพียงใด นับตั้งแต่วันแรกที่ได้สบตากัน จนเกือบวันสุดท้าย จวินหงยังจดจำทุกอย่างได้ดี จนอยากให้ต้าต่านจดจำเรื่องราวได้ไม่ต่างกัน

     

    วันนั้นคือวันที่จวินหงจำได้ดีหลังจากทำสงครามชนะที่ผนึกมังกรทมิฬได้สำเร็จ มันก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่กลับไปสวรรค์ จะได้รับคำชื่นชมและรางวัลต่างๆ นานา เขาเดินไปตามพรมทองคำอร่ามตาโดยมีเหล่านางฟ้าและเทวดาถือดอกไม้ยืนต้อนรับซ้ายขวา มันคือภาพที่ไม่รู้ว่าเห็นมากี่ครั้งแล้ว แต่ละครั้งมันก็เหมือนเดิมทุกครั้ง อาจจะมีนางฟ้าและเทวดาเปลี่ยนหน้าค่าตาไปบ้างแต่ไม่รู้หรอกว่าเป็นองค์ใด เขาเดินไปหาเง็กเซียนพร้อมกับรองแม่ทัพมือซ้ายอย่างฮุ่ยเหมยและรองแม่ทัพมือขวาอย่างจวินหรงน้องชายของเขา โดยคราวนี้ที่ต่างออกไปคือเขาสูญเสียจางจิ้งสุนัขนำทัพที่ร่วมรบด้วยกันมาไม่รู้กี่ศึกสงครามไป เมื่อเดินมาถึงทุกอย่างก็เป็นไปตามพิธีการที่เหมือนเช่นเดิม ๆ ระหว่างที่กำลังรับฟังคำสรรเสริญในการรบเพื่อสวรรค์อยู่นั้น เหล่านางฟ้าเทวดาที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าเพื่อถือของรางวัลและดอกไม้

    นั้นทำให้จวินหงได้เห็นเทวดาองค์หนึ่งสวมชุดสีเขียวอ่อนยืนอยู่ด้านหลังนางฟ้าอีกองค์

    บนสวรรค์คือเหล่ามนุษย์ที่สะสมความดีก่อนสิ้นอายุขัย ความดีจะทำให้ใบหน้างดงาม สวย หล่อ ไปตามคุณลักษณะที่บุญสะสมมา จวินหงเห็นมาไม่รู้เท่าไร แต่ไม่เคยเลยที่ทำให้ความรู้สึกที่อยู่ในอกของเขาแตกต่างออกไป เมื่อดวงตาคู่งามกำลังมองใบหน้าหล่อเหลาของเทวดาองค์นั้น อีกฝ่ายเองก็คงอยากจะเห็นใบหน้าของเขาเช่นกัน ก็เงยหน้าขึ้นมาเพื่อเหลือบสายตามองมาทางตนและเหมือนจะรู้ว่าเขามองอยู่ก็รีบหลบสายตาทันที แต่ไม่ใช่แค่เทวดารูปนั้นที่หลบแม้แต่เขาเองก็หลบเช่นกัน

    เพียงแรกพบที่ได้สบตา จวินหงเหมือนถูกอะไรบางอย่างทุบเข้าที่อกเขาอย่างจัง

    ทุบแรงจนเจ็บยิ่งกว่าค้อนของอสุรา แล้วบริเวณท้องคงเขาก็รู้สึกมีอะไรบินอยู่ในนั้นจนอยากจะล้วงแล้วดึงมันออกมา จวินหงไม่รู้หรอกว่าเขาได้รับคำชมหรือรางวัลอะไรบ้าง เพราะทุกอย่างถูกเทวดารูปหล่อดึงความสนใจไปหมด เมื่อพิธีการจบ เขาก็กลับมายังจวนบนสวรรค์ของตนเพื่อพักผ่อนและฝึกฝนร่างกายให้เตรียมพร้อมกับศึกที่ไม่รู้จะมาเมื่อไร

    แต่ไม่ว่าจะฝึกเท่าไร ทำอะไรไปตามประสาของตน ใบหน้าของเทวดาองค์นั้นก็ยังตราตรึงเขาแม้ยามหลับตา

    เทวดา นางฟ้ามีเป็นหมื่นเป็นล้าน เขาจะไปหาเทวดาองค์นั้นได้จากที่ไหน ไม่รู้หรอกว่าอาการที่เป็นอยู่คืออาการของอะไร มันใช่อาการนั้นหรือไม่ เขาแทบไม่กินและไม่นอนแม้จะไม่จำเป็นก็ตาม แล้วดูเหมือนอาการของเขาจะแสดงออกมาชัดเจนมากเกินไปหรือเปล่าไม่รู้จนจวินหรงทักตนเมื่อได้มานั่งดื่มสุราด้วยกันที่สระดอกบัวในจวนของตน

    "พี่ใหญ่ พี่เป็นอะไรหรือ? ท่าทางท่านดูแปลกๆ ไป"

    จวินหงมองใบหน้างามเหมือนกับตนจนถูกเข้าใจผิด ยังดีที่จวินหรงกับเขานั้นแตกต่างกันตรงที่ป้าย ของเขาเป็นทองคำ ส่วนของจวินหงเป็นเงิน และของฮุ่ยเหมยเป็นนาค เพราะเมื่อมองป้ายก็จะรู้ว่าใครเป็นใคร จวินหงวางจอกสุราลงก่อนที่จะตอบน้องชายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายห่วงใยตน

    "ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอไม่มีภัยก็รู้สึกสงบแบบแปลกๆ"

    "หึ ข้าเข้าใจ ภัยสวรรค์เวลาจะมาก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้พอสงบก็สงบจนน่ากังวล"

    "ใช่ เอาเถอะ ช่วงเวลาที่สงบก็ควรตักต้วงเอาไว้"

    จวินหรงไม่พูดอะไรกลับมานอกจากจะรินสุราให้กับเขาแล้วดื่มด้วยกันต่อ จากนั้นไม่ช้านักฮุ่ยเหมยก็กลับมาแล้วร่วมวงดื่มสุราด้วยกัน ที่อีกฝ่ายหายไปนั้น ก็คือหายไปเพราะเรื่องของจางจิ้งสุนัขที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่เขา ดูเหมือนนรกจะวุ่นวายอยู่ไม่น้อยทำให้การไปเกิดใหม่ของจางจิ้งยังไม่ถูกพิจารณาเลยทำให้ต้องเดินเล่นในนรกไปก่อนแม้ที่นั่นจะไม่น่าดูชมเท่าไรก็ตาม จวินหงถามไปว่าจางจิ้งจะได้ไปเกิดเป็นอะไร ฮุ่ยเหมยไม่รีรอที่ตอบกลับทันที

    "ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ขอรับ"

    "ดี"

    จวินหงตอบเพียงแค่นั้นแล้วก็ยกจอกสุราขึ้นมากระดกดื่ม จนฮุ่ยเหมยแอบประหลาดเล็กน้อยเพราะท่านแม่ทัพไม่ถามรายละเอียดเลยว่า ไปเกิดเป็นมนุษย์เป็นชายหรือหญิง ไปเกิดเป็นคนจนหรือคนรวย ปกติจะถามรายละเอียดแม้จะจะไม่ได้ถามอะไรมากนักก็เถอะ แต่คราวนี้มาแปลกหรือมีเรื่องอะไรให้กวนใจอยู่งั้นหรือ?

    "ท่านแม่ทัพ มีอะไรกวนใจท่านอยู่หรือไม่"

    จวินหงมองฮุ่ยเหมยที่เอ่ยถามก่อนที่ใช้ดวงตาคู่งามที่มองการรบหรือสงครามออกว่าจะไปในทางรูปแบบไหนมองสลับไปมาระหว่างฮุ่ยเหมยกับจวินหรงที่เอ่ยถามทำนองเดียวกัน ทำให้เขามั่นใจว่าเขาแสดงทีท่าแปลกๆ ออกไปอย่างชัดเจนจริงๆ

    "ก็แค่หลังจากทำศึกมา แล้วอยู่ๆ ก็สงบ ข้าก็เลยรู้สึกแปลกๆ แค่นั้นเอง"

    จวินหรงกับฮุ่ยเหมยสบตากัน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกเพราะก่อนหน้านี้ก็สู้กับมังกรทมิฬมาอย่างดุเดือดแล้วหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มานั่งดื่มสุราอย่างสบายใจในสวนสระดอกบัว แต่ที่มันแปลกก็คือท่านแม่ทัพคนงามอย่างจวินหงผ่านมาแล้วไม่รู้กี่สมรภูมิกลับมาเป็นอะไรแบบนี้ มันยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ฮุ่ยเหมยเห็นเป็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเสนอให้ท่านแม่ทัพไปเดินเล่นหรือทำอะไรสักอย่าง

    "ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินมาว่าที่มีสวนผลท้อใหม่ ที่นั่นบรรยากาศดี ข้าว่าท่านแม่ทัพไปเดินเล่นสักนิดก็ดี ดีกว่าอยู่แต่ในจวนเช่นนี้"

    จวินหงกำลังจะอ้าปากปฏิเสธเพราะเขาไม่อยากเดินไปไหนมาไหน เพราะด้วยที่ตนมีรูปลักษณ์งดงามจะถูกมองอยู่แทบตลอดเวลา แต่พอจวินหรงเสริมทัพขึ้นมาว่าเขาควรไปเดินเล่น จวินหงก็เลยยากที่จะปฏิเสธ ทำให้วันต่อมาเขาต้องออกไปเดินเล่นที่สวนผลท้อจริงๆ มันไปตามที่คาดไม่มีผิด ใบหน้าและชื่อเสียงของการเป็นแม่ทัพสวรรค์ไปที่ใด หนแห่งใดก็จะตกเป็นเป้าสายตา แม้จะไม่ได้ยินด้วยหูของตนเองแต่ก็รับรู้มาว่าเหล่านางฟ้าเทวดาทั้งหลายต่างพูดกันถึงเรื่องที่ผู้ใดจะมีวาสนาได้เป็นคู่ครองของตน นานหลายพันกว่าปีที่ผ่านมาจวินหงยอมรับเลยว่าเขาไม่สนใจตบแต่งนางฟ้าเทวดาหรือเทพองค์ใดมาเป็นคู่ครองทั้งนั้น

    อาจจะเพราะอดีตครั้งยังเป็นมนุษย์ที่มันเป็นปมจากการถูกทอดทิ้งก็เป็นได้

    แต่ตอนนี้กลับคิดถึงเทวดาใบหน้าหล่อเหลาองค์นั้นที่ไม่รู้เลยว่าเป็นเทวดาประจำที่หนแห่งใดในสวรรค์ ไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ใด มีนามว่าอะไร อยากจะพบอยากจะเจออีก ดวงตาเรียวคมคู่นั้นยังตราตรึง

    "เฮ้อ"

    จวินหงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแม้ว่าสวนท้อสวนใหม่จะสวยงามและบรรยากาศดีอย่างที่ฮุ่ยเหมยบอกก็เถอะ เดินไปเดินมามันก็อดที่เด็ดผลท้อมากินก็ไม่ได้ เขาสามารถกินมันทั้งอย่างนี้ได้สบายเพราะตอนไปรบหรืออยู่สนามรบอาหารการกินนั้นไม่มานั่งพิธีรีตองอะไรมาก เข้าปากได้ก็กินมันไปทั้งอย่างนั้นเลยว่าแล้วจวินหงก็จัดการเอื้อมมือมาไปเพื่อจะเด็ดผลท้อ แต่ทว่ามือที่กำลังจะแตะก็ต้องเปลี่ยนมาคว้าบางสิ่งที่กำลังลอยละลิ่วมาหาเขามันบ่งบอกว่ากำลังจะถูกทำร้ายนั้นเอง เมื่อรับได้แล้วก็มองสิ่งที่กำลังจะประสงค์ร้ายต่อตนทันที

    ตะกร้างั้นรึ?

    มันเป็นตะกร้าหวายที่เอาไว้ใส่ผลไม้ จวินหงมักจะเห็นเหล่านางฟ้าเทวดาที่มีหน้าที่เก็บผลไม้ถือไว้ตลอดเวลา เพราะผลไม้บนสวรรค์ไม่ต้องรอเวลาเหมือนดั่งดินแดนมนุษย์ ว่าแต่ใครกันที่กล้าปาตะกร้าใส่เขาจนเกือบเข้าหน้า

    "เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงได้มาเด็ดผลท้อเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าผลท้อต้นนั้นเป็นของเทพองค์ใด"

    เสียงทุ้มต่ำบ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจ พร้อมกับเดินเข้ามาหา ตอนแรกจวินหงเองก็ไม่พอใจที่ถูกกระทำเช่นนี้แต่เมื่อได้เห็นเจ้าของตะกร้าใบนี้แล้ว ต่อให้โดนเขาหน้าเต็มๆ ก็คงโกรธไม่ลงอยู่ดี เทวดวรูปหล่อองค์นั้น องค์ที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นแบบนี้ เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้และเห็นใบหน้าของเขาก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน คงจะจำได้ไม่ต่างกันสินะ ท่าทางตอนนี้ของอีกฝ่ายช่างเอ็นดูนักเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใครก็รีบหลบสายตาก้มลงต่ำหนีทันที

    "ข้าขออภัยที่ล่วงเกินต้นท้อของเจ้า"

    จวินหงยื่นตะกร้าหวายให้กับอีกฝ่าย โดยที่อีกฝ่ายก็รับกลับไปทันทีก่อนที่เอ่ยขอโทษออกมาเช่นกัน

    "ข้าขออภัยท่านแม่ทัพสวรรค์ ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่านเลยพูดจาโอ้อวดออกไป"

    น้ำเสียงดีทีเดียว

    "ไม่เป็นไร ข้าผิดเองที่อยู่ ๆ ก็จะเด็ดผลท้อต้นนี้ ว่าแต่ผลท้อต้นนี้เป็นของเทพองค์ใดรึ ถ้าหากข้าทำเสียหายข้าจะได้ไปขออภัยเอง"

    ดวงเรียวคมยังคงหลบตามองต่ำไม่ยอมเงยหน้ามามองเขาตรงๆ เสียที ให้ตายเถอะจวินหงผู้นี้อยากสบตาคู่นั้นตรงๆ เหลือเกิน ถ้าหากเปลี่ยนจากสวนผลท้อเป็นจวนของเขาคงยื่นมือไปเชยคางให้เงยหน้าขึ้นมาแล้ว ถึงต่อให้ทำที่นี่ได้แต่ก็ดูไม่งามเท่าไร

    "ผลท้อต้นนี้เป็นของท่านแม่ทัพและข้ากำลังมาเก็บไปให้กับท่าน"

    จวินหงได้ยินเช่นนั้นเขาแทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ แต่ก็ต้องเก็บอาการและท่าทีเอาไว้

    "งั้นรึ แล้วเจ้าจะนำไปให้ข้าที่จวนใช่หรือไม่"

    เทวดาตรงหน้าไม่เอ่ยวาจาอะไรออกมานอกจากพยักหน้า คงจะตื่นเขาอยู่เป็นแน่

    "ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปรอที่จวนก็แล้วกัน เออจริงสิ เจ้ามีนามว่าอะไร"

    "ข้ามีนามว่าต้าต่านขอรับ"

    "ต้าต่านงั้นรึ เป็นนามที่ดี"

    พูดจบจวินหงก็เดินออกมาจากตรงนั้น เพราะอยู่ต่อเขาคงเก็บอาการไม่อยู่เป็นแน่ เขาดีใจจนไม่รู้จะดีใจเช่นไรแล้ว นอกจากจะได้รู้นามแล้วว่ามีนามว่าอะไร ต้าต่านยังเป็นเทวดาเก็บผลไม้ให้กับตนอีกต่างหาก ถ้าหากอธิบายให้เข้าใจ เทวดานางฟ้าล้วนมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป เทวดาหนึ่งองค์จะทำหน้าที่ไม่กี่อย่างหรือทำเพียงอย่างเดียว อย่างเช่นเทวดานางฟ้าผู้มีหน้าที่เก็บผลไม้ จะคอยเก็บผลไม้ที่สุกแล้วไปให้เหล่าเทพที่อยู่เหนือกว่าตนตามสถานที่ต่างๆ อย่างเช่นจวนของเขา จวินหงกลับมายังถึงก็ไม่ไปไหนนั่งรอเทวดารูปหล่อนามว่าต้าต่านนำผลท้อมาและผลไม้อื่นๆ มาให้

    แม้ว่าเวลาที่ผ่านไปจะไม่ได้นานนัก แต่จวินหงกลับรู้สึกนานอยู่ดี

    เดินไปเดินมารอให้ร่างของต้าต่านมาปรากฏตัว แต่เมื่อดวงตาคู่สวยเห็นชุดสีเขียวลอยมาแต่ไกลผ่านหน้าต่างก็รีบวิ่งไปนั่งที่เก้าอี้ทำท่าทางว่ากำลังทำงานทั้ง ๆ ที่งานส่วนใหญ่จะถูกจวินหรงและฮุ่ยเหมยเอาไปทำเสียส่วนมากกว่าก็เถอะ ร่างเทวดารูปหล่อมาหยุดตรงทางเข้าแล้วขออนุญาตทหารบริเวณประตูห้องเพื่อนำผลไม้ในถาดที่ปอกเปลือกบางชนิดและจัดเรียงวางจนสวยเข้ามาให้กับตน

    "ท่านแม่ทัพข้าเอาผลไม้มาให้"

    "เจ้ามาจริงด้วย วางตรงนั้นก็ได้"

    จวินหงผายมือไปยังโต๊ะและมองต้าต่านก็ถือถาดเดินไปยังโต๊ะเล็กๆ ที่เอาไว้นั่งดื่มน้ำชาหรือเอาไว้เสวนาคุยกันเรื่องงาน เมื่อวางเสร็จแล้วอีกฝ่ายก็ขอตัวกลับทันที อันที่จริงมันเป็นเรื่องปกติที่เทวดานางฟ้าจะมาทำหน้าที่ของตัวเองตรงใดตรงหนึ่งเรียบร้อยแล้วก็ไปทำหน้าที่ของตนต่อ แต่ที่ผิดปกติก็คือเขานี่แหละ ที่ไม่เคยสนใจว่านางฟ้าหรือเทวดาองค์ใดจะไปจะมาที่จวนของเขา พอเห็นอีกฝ่ายจะไปแล้วก็รีบลุกจากเก้าอี้พุ่งตรงไปหาแล้วคว้าแขนเอาไว้ไม่ให้เหาะหรือบินหายไป แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ย่อมทำให้อีกฝ่ายตกใจเป็นธรรมดาและสะบัดแขนออกจากมือของเขา เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาตื่นตระหนกจวินหงก็ใจตกวูบทันที เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะกลัวตนและระแวงจนไม่อยากเข้าใกล้

    "ขะ ข้าขอโทษ พอดีข้าแค่อยากมีเพื่อนนั่งคุย"

    "คือข้าต้องขออภัยท่านแม่ทัพสวรรค์ ข้าไม่อาจจะอยู่ได้นานหรือนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านแม่ทัพได้ ข้ามีงานต้องทำ ข้าขอตัว"

    "แล้วเมื่อไรข้าจะได้เจ้ามาอยู่คุยกับข้านานๆ ละ"

    จวินหงไม่รู้ตัวเลยว่าเขาพูดอะไรออกไปแต่เขารู้ตัวว่าเขาเป็นคนพูดออกไปเอง แล้วคำพูดเมื่อพูดออกไปแล้วมันเอากลับคืนไม่ได้ เทวดารูปหล่อตรงหน้าก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่มีคำพูดอะไรออกมานอกจากเทวดานามว่าต้าต่านจะขอตัวเพื่อกลับไปเก็บผลไม้ต่อ แม้จะเป็นเทวดาที่เก็บผลไม้ให้กับเขาแล้วก็ยังต้องเก็บให้เทพองค์อื่นด้วยเช่นกัน เมื่อร่างของต้าต่านกลับไปแล้ว ผลไม้ก็ดูไม่น่าลิ้มรสอีกเลย หลังจากครั้งนั้นเวลาเดียวที่แม่ทัพคนงามรอคอยคือช่วงเวลาที่เทวดารูปหล่อนามว่าต้าต่านคอยนำผลไม้มาให้กับตน

    และทุกครั้งที่มาก็จบลงด้วยที่อีกฝ่ายรีบกลับไปทำหน้าที่ของตนอย่างรวดเร็ว

    อยากพูดคุยมากกว่านี้ อยากรู้จักให้เร็วกว่านี้ก่อนที่ผลบุญของอีกฝ่ายจะหมดแล้วกลับไปเกิดใหม่เหลือเกิน ทุกข์ใดจะเท่ากับทุกข์ใจและจวินหงกำลังเผชิญกับมันอยู่ ยังดีที่จวินหรงไม่ได้ทันสังเกตเห็นเพราะเขาไม่อยากให้น้องชายเป็นห่วงตน แต่ก็ยังไม่พ้นสายตาของฮุ่ยเหมยอยู่ดี

    "ท่านแม่ทัพ อะไรกำลังรบกวนท่านอยู่จริงๆ ใช่หรือไม่"

    จวินหงเงยหน้าจากโต๊ะทำงานมองไปยังฮุ่ยเหมยที่กำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานไม่ห่างมากนัก

    "เปล่า"

    "เปล่ารึขอรับ รู้หรือไม่ว่าข้ายืนรอท่านประทับตรานานแค่ไหนแล้ว แถมท่านแม่ทัพยังไม่ยกตราประทับออกเลยด้วยซ้ำ"

    จวินหงก้มกลับมามองมือของตนที่ยังจับตราประทับเอาไว้และยังไม่ยกออกจริงๆ ทำให้ตราประทับเข้มมากจนเกือบทะลุกระดาษเลยทีเดียวว่าแล้วก็รีบยกตราประทับออกมาทันทีก่อนที่จะยื่นม้วนกระดาษคืนให้ฮุ่ยเหมยทั้งแบบนั้น ที่ยังไม่ม้วนกลับคือดังเดิมเพราะกลัวหมึกจะเลอะส่วนอื่นได้ รองแม่ทัพมือซ้ายฮุ่ยเหมยรับมาโดยไม่ได้ว่าอะไรก่อนที่จะมองตราประทับแล้วค่อยหันกลับมามองท่านแม่ทัพที่ทำหน้าราวกับกำลังทำเหมือนกับว่ามันไม่ได้มีเกิดอะไรขึ้น

    "ท่านแม่ทัพมีอะไรรบกวนใจก็บอกมาเถอะ"

    จวินหงไม่ชอบโดนรบเร้า แต่พอเป็นฮุ่ยเหมยแล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาต้องยอมเอ่ยปากบอกในสิ่งที่ทำให้เป็นเช่นนี้ ฮุ่ยเหมยได้ฟังเช่นนั้นก็ยกยิ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านแม่ทัพของตน ตั้งแต่ได้มาเป็นรองแม่ทัพมือซ้ายให้กับอีกฝ่าย แรกพบที่ได้เห็นใบหน้างดงามในใจเขาก็เกิดต่อต้านว่าจะนำทัพได้ดีแค่ไหนกันเชียว น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้นไม่ได้ดูน่าเกรงขามแต่อย่างใด ทว่าตั้งแต่ศึกแรกยันศึกปัจจุบันความต่อต้านที่เคยมีมันหายไปช่วงศึกไหนไม่อาจทราบได้ จนกลายเป็นว่าเขานับถือและเคารพแม่ทัพสวรรค์ผู้มีใบหน้างดงามจากใจจริงพร้อมจะเคียงบ่าเคียงไหล่ไปทุกๆ ศึกที่เข้ามา ทุกช่วงเวลานับเดือนนับปีที่อยู่ด้วยกันแม้จะไม่ทุกครา ฮุ่ยเหมยไม่เคยเห็นอีกฝ่ายสนใจผู้ใดหรือสนใจความรักเลยสักครั้ง แม้จะนางฟ้ารูปงามที่ทัดเทียมกับความงามของแม่ทัพได้ก็ยังไม่สนใจแลมอง โดยอ้างว่าตนนั้นเป็นแม่ทัพต้องออกศึกอยู่บ่อยครั้งคงไม่มีเวลาดูแลเลยให้นางฟ้าองค์นั้นไปหาคู่ที่เหมาะสมกว่าตนเสียยังจะดีกว่า พอนางฟ้าไม่ได้ผล ก็มีเทวดาน้อยใบหน้าน่ารักก็ยังไม่สนใจหรือต่อให้เทวดาองค์นั้นๆ จะงดงามเพียงใดหรือรูปหล่อเพียงก็ไม่สน แต่เหตุใดเทวดาองค์ที่ว่านั้นถึงทำให้ท่านแม่ทัพรูปงามผู้นี้อยู่ไม่สุขได้

    "ท่านแม่ทัพสนใจเทวดาเก็บผลไม้องค์นั้นหรือ?"

    "เจ้ารู้รึว่าองค์ไหน"

    "ตอนนี้มีเพียงองค์เดียวที่คอยนำผลไม้มาที่จวนของท่านแม่ทัพ ข้าเห็นแต่ไกลๆ ก็นับได้ว่ารูปงามไม่น้อย ในเมื่อเทวดาองค์นั้นมาทุกวัน แล้วไยท่านแม่ทัพถึงได้เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่แค่สนใจใช่หรือไม่"

    จวินหงมองใบหน้าหยกของฮุ่ยเหมยที่มองมาทางตน แม้เขาเองจะรู้ว่าแท้จริงไม่ได้แค่สนใจแต่ใจของเขายังพยายามปฏิเสธว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความรู้สึกที่ว่านั้น เมื่อปากสวยไม่อ้าปากพูดอะไรออกมารองแม่ทัพมือซ้ายก็เลยจิตใจดีงามเอ่ยพูดคำนั้นออกมาให้แทน

    "ท่านแม่ทัพกำลังตกหลุมรักเทวดาองค์นั้นสินะ"

    จวินหงส่งสายตาไม่พอใจใส่ฮุ่ยเหมยทันทีที่ถูกพูดถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตนออกมา เขาอุตส่าห์เลี่ยงคำคำนั้นเพื่อพยายามปฏิเสธว่าไม่มีทาง ไม่ใช่แน่ ๆ สุดท้ายก็อ้าปากเถียงไม่ได้อยู่ดี ฮุ่ยเหมยเห็นเช่นนั้นก็ไม่อยากอยู่ต่อเลยขอตัวออกไปจากห้อง แต่ก่อนจะออกไปก็ควรบอกกล่าวบางอย่างให้แม่ทัพสวรรค์คนงามรีบลงมือทำสักอย่างก่อนที่จะมานั่งทุกข์นั่งเสียดายไปตลอดกาลก็ได้

    "บุญเทวดานางฟ้าเก็บผลไม้ไม่ได้ยืนยาวมากนักหรอกนะท่านแม่ทัพ"

    "ข้ารู้"

    ฮุ่ยเหมยยกยิ้มแล้วเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูให้ ซึ่งจวินหงมีหรือที่จะไม่รู้ว่ารองแม่ทัพมือซ้ายของตนกำลังยั่วยุให้เริ่มทำในสิ่งที่สมควรทำได้แล้ว แต่ในระยะเวลาที่ได้ใช้ชีวิตไม่ว่าจะในฐานะมนุษย์ เซียนหรือแม่ทัพสวรรค์ ณ ปัจจุบัน ไม่เคยเกี้ยวใครเลยสักครั้ง มีแต่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรมาตลอด

    แต่ถ้าหากเขาปล่อยเทวดาองค์นั้นไป คงต้องเสียใจไปตลอดกาลในการดำรงเป็นแม่ทัพสวรรค์แน่

    ว่าแล้วร่างงานก็ละทิ้งงานตรงหน้าไปทันทีเพื่อไปสวนท้อสวนนั้น โดยไม่รู้หรอกว่าเทวดานามว่าต้าต่านจะอยู่ที่นั่นหรือไม่ ถ้าหากสิ่งที่คิดในหัวมันแสดงภาพวาดออกมาได้คงจะเห็นว่าเขานั้นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ร่วมถึงการแต่งงานอีกต่างหาก ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่รู้เลยว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อร่างแม่ทัพผู้งดงามมาถึงก็เดินเตร่ในสวนผลท้อก็ย่อมเป็นอะไรที่ทำให้เหล่านางฟ้าเทวดาที่อยู่ในสอนต่างหากันประหลาดใจแม้บ่อยครั้งจะมีเหล่าเทพองค์อื่นมาเดินเล่นผ่อนคลายก็เถอะ

    แต่เพราะเรื่องเล่าเกี่ยวกับแม่ทัพสวรรค์ผู้งดงามผู้นั้นค่อนข้างเลื่องลืออยู่ไม่น้อย

    โดยเฉพาะเรื่องไร้คู่ครอง เมื่อใดที่มีคนยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วละก็ ไม่น้อยเลยที่จะมีความหวังว่าตนนั้นจะได้เป็นคู่ครองกับแม่ทัพผู้งดงามผู้นี้ ยิ่งมาเดินในสวนผลไม้ เหล่านางฟ้าเทวดาในสวนก็ต่างให้ความสนใจอยากเดินเข้าไปทักทาย แต่ก็ยังมิกล้าพอเพราะนอกจากเรื่องคู่ครองแล้วนั้นก็มีเรื่องการปฏิเสธที่แสนเจ็บปวดตามมาด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดท่านแม่ทัพคนงามถึงได้มาที่สวนผลท้อแห่งนี้กัน หรือมาเดินเล่น ครั้งที่แล้วรู้สึกชื่นชอบสวนผลท้องั้นรึ ในขณะเดียวกันจวินหงกลับไม่สนใจสิ่งรอบข้างนอกจากมองหาร่างเทวดาที่อยากเจอ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางใดกลับไม่พบเจอเลย

    อยากพูดคุยด้วยเหลือเกิน

    จวินหงเตรียมจะกลับจวนของตนเพราะหากอยู่ที่นี่ต่อไปจะทำให้นางฟ้าและเทวดาพาแตกตื่นกันไปมากกว่านี้ แล้วเผลอๆ จะทำให้อึดอัดก็เป็นไปได้ เพราะเขาคือแม่ทัพสวรรค์คือเทพแห่งการทำลาย ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับนั้น สวรรค์เป็นใจมันคือแบบนี้หรือไม่นะ เมื่อเขาหันหลังเพื่อกลับจวนก็พบกับต้าต่านที่กำลังเดินมาทางตนพอดี และอีกฝ่ายก็เห็นเขาก็ยืนนิ่งทำความเคารพให้กับตนโดยโค้งหัวลงมาเล็กน้อยในขณะที่แขนมีตะกร้าหวายที่ว่างเปล่า อยู่หน้าศัตรูหมู่มารมานับแสนนับล้านไม่เคยเกรงกลัว ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่พอมายืนอยู่ตรงหน้าเทวดารูปหล่อนามว่าต้าต่านก็ไม่รู้จะเก็บมือเก็บแขนไว้ตรงไหน ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่ามือไม้จะเกะกะได้ขนาดนี้

    "ท่านแม่ทัพ มาเดินเล่นหรือ?"

    อยู่ ๆ โดนอีกฝ่ายทักทายก่อน ก็เกือบทำอะไรไม่ถูกเลยตอบกลับไปว่า

    "ใช่ ที่จวนน่าเบื่อข้าเลยมาเดินเล่น" บ้าจริง! ทำไมไม่บอกเลยละว่าเขามาหาอีกฝ่ายนั่นแหละ แบบนี้เมื่อไรจะคืบหน้าเสียที

    "งั้นรึ ถ้าเช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านแม่ทัพแล้ว"

    ต้าต่านเอ่ยจบก็เตรียมจะเดินไปเก็บผลท้อ จวินหงกระวนกระวายว่าจะทำอย่างไรก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินหนีไปทำหน้าที่ของตน ถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้ว

    "ข้าขอไปกับเจ้าได้หรือไม่"

    เทวดาเก็บผลไม้ที่กำลังจะก้าวเท้าเพื่อเดินไปยังต้นท้อที่ออกผล ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินแม่ทัพผู้งดงามที่งดงามสมคําร่ำลือเอ่ยขอไปกับตน และแน่นอนมันย่อมเกิดความลำบากใจอยู่เช่นกัน เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพสวรรค์ ขืนมาเดินเคียงข้างเทวดาที่มีหน้าเก็บผลไม้เช่นนี้จะเกิดเรื่องไม่ดีตามมาก็เป็นไปได้

    "ข้าไปทำหน้าที่ มิใช่เดินเล่น ท่านแม่ทัพ...." ต้าต่านพูดไม่ทันจะจบเสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน แม้อีกฝ่ายจะรู้ดีว่าการทำเช่นนี้มันเสียมารยาทก็เถอะ แต่ดีกว่าจะได้ยินคำปฏิเสธละนะ "งั้นข้าจะไปช่วยเจ้าเก็บ"

    เจอแบบนี้เทวดาที่วาสนาน้อยมีหรือจะกล้าปฏิเสธแม่ทัพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ เลยได้แต่ตอบตกลงแล้วให้ท่านแม่ทัพผู้งดงามเดินเคียงข้างตนไปยังต้นผลท้อ

    ต้าต่านมาเป็นเทวดาเก็บผลไม้ได้ไม่นานก็ได้ยินเรื่องราวของแม่ทัพผู้นี้ไม่น้อย เห็นว่ายังไร้คู่ครองช่างน่าแปลกนักที่งดงามถึงเพียงนี้กลับไม่มีผู้ใดเคียงข้างกาย หรือจะเป็นตามที่ลือกันว่าอีกฝ่ายมักจะปฏิเสธอยู่เสมอ ขนาดเทพธิดาแห่งบุปผาที่ว่างดงาม กิริยาเพียบพร้อมไปทุกระเบียดยังโดนปฏิเสธ วันที่ต้าต่านได้รับมอบหน้าที่ให้ไปยืนต้อนรับการกลับมาของกองทัพสวรรค์ที่เอาชนะมังกรทมิฬที่เป็นภัยที่สามารถสั่นสะเทือนสวรรค์ได้สำเร็จ ความอยากรู้อยากเห็นว่างดงามเพียงใดเลยแอบมอง แล้วก็เป็นจังหวะที่ท่านแม่ทัพมาทางตนพอดีด้วย ไม่รู้เลยว่าการที่อีกฝ่ายมาพูดคุยหรือมาป้วนเปี้ยนอยู่กับตนเช่นนี้กำลังคิดจะทำอะไรกับตนกันแน่ กำลังกดดันให้เขาสารภาพผิดอยู่หรือไม่

    เขาไม่น่าเงยหน้ามองในวันนั้นเลย

    เมื่อมาถึงต้นผลท้อที่ต้าต่านจะต้องเก็บไปให้กับเทพธิดาแห่งการถือกำเนิดผู้ดูแลสระบัวบริสุทธิ์ ท่านแม่ทัพก็ถามว่าต้องเด็ดเช่นไร ต้องเด็ดผลแบบไหน ต้าต่านไม่เข้าใจเลยว่าจะมาเด็ดผลไม้ทำไมกัน จับอาวุธจนเบื่อแล้วหรืออย่างไรถึงได้มาสนใจเด็ดผลท้อเช่นนี้ แต่จะทำเช่นไรได้ในเมื่ออีกฝ่ายวาสนาสูงกว่าตน ถ้าหากเทียบวาสนาเป็นระดับภูเขาแล้ว วาสนาของต้าต่านคืออยู่ตีนเขาในขณะแม่ทัพคือยอดเขาเลยทีเดียวทำให้ต้องมาสอนวิธีเด็ดผลท้อให้ ปกติแล้วมันไม่ต้องใกล้ชิดมากนัก แต่ต้าต่านกลับสัมผัสได้ถึงร่างของแม่ทัพที่ใกล้ตนจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของอีกฝ่ายจนแทบจะหยุดหายใจเลยทีเดียว จริงอย่างที่ลือกันว่าแม้ว่าร่างกายของแม่ทัพจวินหงจะถูกแต้มหรือถูกอาบไปด้วยเลือดมากเพียงใดความหอมจากกายกลับมีกลิ่นเหมือนหมู่มวลผกา เทวดาผู้วาสนาน้อยเลยทำได้แค่พยายามสอนให้เร็วที่สุดว่าควรเก็บผลไหนและผลไหนควรเอาไว้ที่ต้นก่อน

    แต่ทำไมเขากลับรู้สึกได้ถึงดวงตาคู่งามไม่ได้มองผลท้อเลย

    ว่าแล้วต้าต่านก็หันมามองแม่ทัพอย่างอดไม่ได้แม้จะพยายามไม่หันมามองหลายครั้งแล้วก็เถอะ และมันก็จริงอย่างที่ตนรู้สึก ดวงตาคู่งามมองมาที่เขามากกว่าผลท้อเสียอีก

    "ท่านแม่ทัพ ท่านไม่มองผลท้อจะรู้หรือว่าผลไหนควรเก็บหรือไม่ควรเก็บในตอนนี้"

    ใบหน้างามและดวงตาคู่งามหันมาตนทั้งหมดแม้แต่ร่างกายก็ยังใกล้ชิดเขามากกว่าเดิมอยู่พอตัวเลยทีเดียว แถมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังมองมาที่ตนนั้นมันคือแววตาเช่นไรกันแน่

    "ก็ตอนนี้ข้ามองสิ่งที่ข้าอยากเก็บมากกว่าอยู่ไง..." แม่ทัพผู้งดงามพูดเว้นเอาไว้แล้วค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขามากขึ้นแล้วการจะเดินถอยหลังหนีนั้นคือสิ่งที่ไม่สมควรทำเพราะมันจะเสียมารยาทแก่ท่านแม่ทัพได้ ก่อนที่ปากสวยจะเอ่ยพูดต่อว่า "อยากเก็บมาไว้ข้างกาย มิอยากให้ใครได้ครอบครอง"

    แม้จะเป็นเทวดาที่วาสนามิอาจทัดเทียมแต่ประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ต้าต่านไม่ได้คิดไปเองหรือจินตนาการไปเองเป็นแน่ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจาเกี้ยวพาราสีตนอยู่ ทำเอาพูดอะไรไม่ออกไปเลยทีเดียวยิ่งเมื่อมือสวยที่จับอาวุธมาไม่รู้กี่เท่าไรกำลังยื่นมือมาทางเขาก่อนที่หยิบดอกท้อที่หล่นใส่หัวเมื่อไม่รู้ออกให้แต่แทนที่ปล่อยให้มันร่วงลงพื้นกับเอาดอกท้อดอกนั้นไปจุมพิตแทน ภาพตรงหน้ามันงดงามจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ปากสวยสีแดงระรื่นกับดอกท้อสีชมพูมันช่างงามยิ่งนัก ระหว่างที่กำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น มีร่างของชายรูปงามอีกหนึ่งเดินมาแต่ไกล ต้าต่านจำได้ว่าเป็นใคร รองแม่ทัพมือซ้าย หลิ่งฮุ่ยเหมยนั้นเอง

    "ท่านแม่ทัพมาอยู่นี่เอง มีรายงานส่งมาเรื่องอสูร ท่านแม่ทัพได้โปรดกลับจวนด่วน"

    ฮุ่ยเหมยคาดเดาไม่ผิดว่าท่านแม่ทัพน่าจะมาที่นี่เลยถามนางฟ้าแถวนั้นๆ ว่าแม่ทัพไปอยู่ส่วนไหนของสวน แล้วพอใช้สายตามองไปยังเทวดาองค์หนึ่งที่ทำความเคารพตนก็พอจะเข้าใจแล้วว่า แม่ทัพของเขานั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน อีกอย่างเทวดาเก็บผลไม้ตรงหน้าพอได้เห็นใกล้ๆ แล้วรูปหล่อมากเลยทีเดียว

    "ได้ งั้นสักครู่"

    จวินหงหันมามองต้าต่านที่ยังยืนนิ่งไม่ได้ขยับไปไหน

    "ดอกท้อดอกนี้ข้าขอจุมพิตจองเอาไว้ได้หรือไม่"

    พูดจบก็ยื่นดอกท้อดอกนั้นมาให้กับต้าต่านโดยที่ต้าต่านเองก็ยื่นมือไปรับมันมา แล้วมีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าแม่ทัพผู้งดงามที่บอกว่าขอจองดอกท้อนั้น ดอกท้อที่ว่าคืออะไร หมายความว่าเช่นไร เอาเป็นว่าเขาทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน

    "แล้วแต่ท่านแม่ทัพจะประสงค์เถอะ ถ้าหากดอกท้อดอกนี้ท่านแม่ทัพชื่นชอบมากพอ"

    จวินหงยกยิ้ม ซึ่งฮุ่ยเหมยเองก็เกือบยกยิ้มแต่เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้เลยต้องกัดฟันกรามระงับยิ้มเอาไว้

    "ไม่ใช่แค่ชื่นชอบ แต่ชอบมากๆ เลยต่างหาก ข้าขอตัวลากลับก่อน"

    เมื่อร่างของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่กับร่างของรองแม่ทัพที่ว่าฝีมือเทียบเคียงได้เดินห่างไปไกลแล้วนั้น ต้าต่านที่ยืนนิ่งอยู่นานก็ถึงขั้นเข่าทรุดลงไปนั่งเลยทีเดียว เพราะการกระทำเมื่อครู่ของแม่ทัพสวรรค์เขาไม่ได้ตั้งตัวกับสิ่งนั้นเลยสักนิด ไม่รู้เลยว่ากำลังเกี้ยวพาราสีจริงๆ หรือกำลังแกล้งตนเล่นกันแน่

    เพราะตนนั้นเป็นเพียงเทวดาที่วาสนาน้อยเท่านั้นเอง

     

     

     

     

     

     
    FAN
    TAS
    TIC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×