คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อย่ามาเกี้ยวสามีข้า บทที่ 0
บทที่ 0
ยามบ่ายพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ เคลื่อนไปยังทิศตะวันตก แสงแดดสาดส่องกระทบผิวน้ำสะท้อนแสงทำให้น่ามองแต่ก็คงไม่มีใครอยากไปยืนชื่นชมมันนักเพราะอากาศที่ร้อน แต่มันก็ยังไม่ร้อนเท่าสถานการณ์ในตอนนี้
หญิงสาวแต่งกายเรียบร้อยสองนางที่กำลังสาวเท้าเดินให้เร็วเพื่อเดินให้ทันนายหญิงของตนที่กำลังเดินอยู่ด้านหน้าด้วยความเร็วที่บ่งบอกได้เลยว่ากำลังรีบมากแค่ไหน ซึ่งจริงๆ แล้วนางไม่ได้รีบหรอกแต่เพราะมีบางอย่างมากกว่าที่ทำให้ต้องจ้ำเท้าเดินด้วยความเร็วเช่นนี้ ขอบชายกระโปรงที่ตัดเย็บอย่างประณีตถูกเท้าเตะแล้วเตะอีกจนดูไม่งามแถมยังหวั่นใจกลัวจะเหยียบชายกระโปรงล้มเหลือเกิน แล้วใครจะสามารถห้ามได้เล่าก็อีกฝ่ายนั้นเป็นถึง
ฮูหยินใหญ่แห่งสำนักตระกูลเถียน ซูหนี่ หรือ 'เถียน ซูหนี่'
ถ้าหากกล่าวว่าท่านประมุขสำนักเป็นใหญ่ที่สุดแล้วหญิงตรงหน้าที่เดินไม่สนในกิริยานั้นใหญ่กว่า คนในสำนักจะพูดกันว่าท่านประมุขนั้นไม่ใช่คนกลัวภรรยาแต่ให้ความเกรงใจภรรยาของตนมากกว่าต่างหาก ซูหนี่จะทำอะไรก็ย่อมทำได้ โชคดีที่ฮูหยินใหญ่ไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวหรือมีนิสัยร้ายกาจ เลยทำให้บ่าวไพร่และเด็กฝึกในสำนักก็สบายใจไปด้วย แต่ช่วงเวลานี้ในสำนักกำลังเกิดเรื่องวุ่นวายเพราะไม่กี่วันก่อน บุตรชายคนโตของตระกูลได้ก่อเรื่องบางอย่างขึ้นจนทำให้สำนักถึงกับสั่นคลอนเลยทีเดียว
มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดทำให้เป็นรอยด่างของสำนัก
แต่มันเป็นเรื่องที่ยากจะแก้ไขได้แล้วต่างหาก เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฮูหยินใหญ่ของสำนักถึงเดินจ้ำอ้าวไม่รักษากิริยาเช่นนี้ เหล่าเด็กฝึกที่กำลังเดินตรวจตราและทำงานของตนก็ต้องพากันหลบหน้า ถอยห่างหรือหลีกทางให้ทันที จนมาถึงหน้าห้องหนึ่งที่ยังถูกปิดอยู่ ร่างของชายหนุ่มนามว่า 'เฉิน' ยืนอยู่หน้าประตู ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นผู้ติดตามบุตรชายคนโตมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วยกัน ทั้งคู่เลยเป็นเสมือนเพื่อนรักอีกด้วย พอเฉินเห็นร่างฮูหยินใหญ่มายืนตรงหน้าก็ถึงกับกลืนน้ำลายเหงื่อตกเลยทีเดียว คนอื่นเขายังพอสู้หรือเถียงได้ แต่นี่.....มาด้วยตัวเองเลยรึ
"ฮูหยินใหญ่คือคุณชาย...." เฉินพยายามอธิบาย แต่น้ำเสียงเย็นๆ ของหญิงผู้เป็นใหญ่ในสำนักเอ่ยดักขึ้นมาเสียก่อน นี่ถ้าหากไม่โมโหจริงคงไม่ทำกิริยาขัดคนอื่นก่อนพูดจบเช่นนี้ "หลบไป"
ประโยคสั้นๆ เพียงไม่กี่คำทำเอาคนที่ว่าจงรักภักดีต่อนายต้องหลบไป แม้แต่สองสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังฮูหยินยังพากันขนลุกไปด้วย ทั้งๆ ที่อากาศร้อนแต่ทำไมพวกนางถึงรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นได้ก็ไม่รู้ มือสวยที่ไม่ได้บ่งบอกถึงอายุที่มากแล้วของซูหนี่ผลักประตูเข้าไปเองอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปยังจุดที่นางรู้ว่าจะได้เจอตัวการที่ทำให้ต้องเดินมาเองเช่นนี้ เตียงนอนที่ดูน่านอนแต่มันสมควรแล้วหรือที่จะนอนเวลานี้แถมอากาศยังร้อนจนไม่น่าจะห่มผ้าทั้งตัวได้ ดวงตาสวยหรี่มองคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนที่จะเรียกด้วยน้ำเสียงที่นานๆ นางจะใช้สักที
"ต้าต่าน! "
น้ำเสียงที่สมควรแหลมและดูอ่อนโยนนั้นได้ขึ้นเสียงดังกังวานจนบ่าวไพร่ด้านหลังพากันสะดุ้ง อ่า พวกเขารับรู้แล้วว่าทำไมท่านประมุขสำนักถึงได้เกรงใจภรรยาของตนยิ่งนัก แต่ทว่าเสียงเมื่อครู่ไม่สามารถทำอะไรคนที่นอนอยู่บนเตียงได้เลยแถมยังเอาผ้าห่มคลุมหัวจรดปลายเท้าเช่นเดิม ทำให้เถียนซูหนี่สูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก
"จะ-ต้อง-ให้-แม่-เอา-ไม้-ตี-เจ้า-ไหม"
น้ำเสียงกดต่ำพูดเน้นทีละคำนั้นมันช่างเหมือนเอาดาบมาจี้ที่ลำคอโดยไม่ต้องมีไม้ไว้ตีเลยด้วยซ้ำและมันก็ได้ผล คนบนเตียงนอนขยับผ้าห่มออกจากร่างกายตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วเข้มเรียวสวยที่เข้ากับดวงตาคม ผิวขาวสะอาด ผมสีดำขลับ ทุกอย่างล้วนดูดีแต่ตอนนี้การกระทำไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่ไม่อยากไปเรียนหนังสือกับอาจารย์แล้วทำตัวเองให้ดูเหมือนคนกำลังป่วย แต่มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ
"ข้าไม่สบายท่านแม่ ข้าปวดหัวมากๆ เลย"
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ ให้ตัวเองดูป่วยนั้นทำให้หางคิ้วของซูหนี่กระตุกและก่อนที่มือสวยเตรียมจะตบลงกลางกบาลลูกชายของตนโดยพูดประมาณว่า 'ให้แม่ตบไหมจะได้หายเร็วๆ' สองสาวผู้ติดตามต้องรีบไปจับมือเอาไว้ทันทีโดยชายหนุ่มที่นอนบนเตียงไม่มีทีท่าจะหวาดกลัวเลยแต่ก็ยอมยันร่างกายออกมาจากเตียงพร้อมสะบัดผ้าห่มออกจากตัวเองลุกขึ้นมานั่งขัดสมาดบนเตียงแทน ดวงตาคมมองใบหน้างามของผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังมองมาด้วยแววตาที่พร้อมจะตีเขาได้ทุกเมื่อถ้าหาก
"ข้าไม่ลองชุดแต่งงาน"
สิ้นเสียงปฏิเสธร่างซูหนี่ผู้เป็นแม่ก็พุ่งเข้ามาจะตีเขาทันที ดีที่สองสาวผู้คอยดูแลจับไว้ได้ทัน นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมฮูหยินใหญ่ถึงมาด้วยตัวเอง เพราะ 'เถียน ต้าต่าน' บุตรชายคนโตของตระกูลไม่ยอมไปลองชุดแต่งงานนั้นเอง อีกไม่กี่วันจะถึงวันแต่งแล้วถ้าหากชุดมีปัญหาจะได้ส่งแก้ไขได้ทันที ซูหนี่ให้คนมาตามแล้วตามอีกไม่รู้กี่รอบก็ไม่ยอมออกไปพบเสียที คนตัดผ้าก็รอแล้วรออีกมันเสียมารยาทมากที่ให้ผู้อื่นรอเช่นนี้ นางเลยต้องมาตามด้วยตัวเองแล้วยังมาปฏิเสธอีก ตั้งแต่เล็กจนโตนางก็ไม่ใช่คนเอะอะจะตีลูกไปเสียทีเดียวถ้าไม่ได้ทำผิดจริงๆ
"อย่าให้แม่ต้องพูดอีก ไปลองชุดแต่งงานจะได้ให้ช่างตัดเย็บจัดการให้เรียบร้อย อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานแต่งแล้ว ทางนั้นส่งข้าวของมาแล้วด้วย"
ร่างต้าต่านลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปหาแม่ของตนด้วยใบหน้าที่งอแงราวกับเด็กน้อยถูกขัดใจมันช่างสวนทางกับใบหน้าหล่อเหลาเสียเหลือเกิน ถ้าหากคนภายนอกเห็นก็คงคิดไม่ถึงว่าบุตรชายคนโตอย่างต้าต่านจะกิริยาราวเด็กน้อยกับแม่เช่นนี้ แต่อย่างไรก็เถอะคนในสำนักคุ้นชินกับความดื้อรั้นของคุณชายกันหมดแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ความดื้อรั้นของคุณชายต้าต่านดูน้อยลงไปเลยก็คือความเก่งกาจ เก่งขนาดที่ว่าไม่มีใครที่สามารถเอาชนะได้เลยจนทำให้สำนักตระกูลเถียนมีชื่อเสียงโด่งดังนั้นเอง
"ท่านแม่ ท่านส่งคำปฏิเสธเรื่องแต่งงานไปไม่ได้หรือ ไม่ก็ให้เจียนเจี๋ยแต่งงานแทนข้าก็ได้"
เจียนเจี๋ย หรือ 'เถียน เจียนเจี๋ย' เป็นบุตรชายคนเล็กหรือน้องชายของต้าต่าน อายุห่างกันสองปีได้ เป็นคนที่ตรงข้ามกับพี่ชายมาก ใจเย็นและเรียบร้อย ไม่วู่วาม ใบหน้าก็งดงามได้จากแม่เต็มๆ ถ้าหากให้พูดแล้วละก็คนในสำนักมองออกว่าทั้งสองเป็นลูกของฮูหยินใหญ่กับประมุขสำนักไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน คุณชายใหญ่หรือบุตรชายคนโตนั้นได้ความหล่อเหลาจากพ่อแต่นิสัยใจร้อนที่พร้อมจะบุกผ่าศัตรูอย่างไม่กลัวนั้นได้จากฮูหยินใหญ่ ส่วนคุณชายเจียนเจี๋ยได้ใบหน้าของผู้เป็นแม่แต่นิสัยได้ท่านประมุขสำนักที่ใจเย็นคิดอะไรก็รอบคอบประมาณว่าคิดแล้วคิดอีกเพื่อความมั่นใจ ซูหนี่มองลูกคนโตของตนที่พูดจาเช่นนั้นออกมามือสวยก็ยกไปบีบจมูกโด่งทันทีจนชายหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บก่อนที่จะจับมือของผู้เป็นแม่ให้ออกห่างจากจมูกตน
"ไม่ต้องมาพูดเลย เป็นคนก่อเรื่องแท้ๆ ยังจะโยนให้น้องรับแทนอีก"
"งั้นก็ทำเรื่องปฏิเสธงานแต่งสิ"
มือสวยเตรียมจะยกไปบีบจมูกอีก ใบหน้าหล่อก็ผงะถอยออกห่างจากมือ
"เอะอะจะตีข้าอยู่ได้"
"จะไม่ให้แม่ตีเจ้าได้อย่างไรกัน สำนักเรามีชื่อเสียงขนาดไหนเจ้าก็รู้ใช่ไหม"
"รู้สิ เพราะข้าเป็นคนทำให้ผู้คนรู้จักสำนักของเรา" ซูหนี่มองหน้าลูกชายที่พูดด้วยความภูมิใจ มันก็จริงอย่างที่ลูกนางเอ่ยออกมา ความเก่งของต้าต่านร่ำลือไปทั่วแคว้นเหนือแคว้นใต้เหล่าจอมยุทธ์ที่ว่าเก่งกาจก็พามาขอประลองฝีมือแต่ไม่ว่าจะใครหรือจะมาสักกี่คน จะมาจากสำนักที่มีชื่อเสียงแค่ไหนก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้เลย และมันก็กลายเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสำนักเถียนถึงยิ่งใหญ่กว่าสำนักอื่นๆ
"ในเมื่อรู้แล้วทำไมถึงไปก่อเรื่องเช่นนั้นได้เจ้าลูกชายบ้า! "
"ก็ตอนนั้นข้าเมานี่นา ต้องโทษสุราสิไม่ใช่ข้า"
อย่างที่เอ่ยไว้ข้างต้นแล้วว่าต้าต่านนั้นเก่งกาจจนไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ มันเป็นแบบนั้นเรื่อยมา สำนักเถียนเลยไม่มีใครกล้าที่จะท้าประลองฝีมือหรือคิดปองร้าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสำนักเล็กๆ สำนักเหล่านั้นแทบจะถูกกลืนหายไป แล้วทำไมอยู่ๆ คุณชายใหญ่ของสำนักถึงได้มากังวลเรื่องแต่งงานไม่อยากแต่งงานอยู่เช่นนี้ ทั้งๆ ที่มันคืองานมงคล ก็เพราะงานแต่งครั้งนี้
ฝ่ายที่เป็นเจ้าสาวแต่งเข้าตระกูลเพื่อไปเป็นสะใภ้คือตัวคุณชายใหญ่ต้าต่านนั้นเอง
รูปหล่อ บิดาร่ำรวย มีกระบี่เล่มงามติดกาย มีรถม้านั่งสบาย ไฉนถึงกลายเป็นเจ้าสาวแทน เหตุเกิดเพราะความเก่ง เก่งแล้วหลงละเลิงว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะตนได้ แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงเตี้ยมวันนั้น ส่งผลให้เกิดข่าวลือไปทั่วว่า ต้าต่านคุณชายจากสำนักเถียนท้าว่าใครสามารถเอาชนะตนได้จะยอมเป็นภรรยานั้นเอง ตอนที่ซูหนี่ได้ยินก็แทบลมจับแล้ว และยิ่งรู้ว่าลูกชายของนางพ่ายแพ้ให้กับคนที่มาจากสำนักเล็กๆ ที่ได้ยินเรื่องร่ำลือถึงบางอย่าง เรื่องนั้นยังไม่เท่าไรแต่สำนักเถียนเป็นสำนักใหญ่แต่พ่ายแพ้ให้กับสำนักเล็กๆ ไม่เพียงแค่นั้นลูกของนางก็ต้องตกแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้อีก แค่นี้ก็พานินทาไปทั่วแล้ว แถมเจ้าลูกชายที่ก่อเรื่องจะมาผิดคำพูดของตัวเองอีก
"อย่าให้แม่ต้องลากคอเจ้านะต้าต่าน ไปลองชุดแต่งงานเดี๋ยวนี้! "
ถึงนางจะไม่อยากลูกไปเป็นภรรยาคนอื่นเขาแต่จะผิดคำพูดไม่ได้เด็ดขาด
ความคิดเห็น