คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Death 2 : ราชาผู้ตื่นจากการหลับใหล
ดูเหมือนว่าผมจะโดนยายพัฟฟี่หลอกซะแล้ว เธอหลอกให้ผมนั่งเรียนทั้งวันทั้งๆที่อาจารย์ก็ไม่ได้สั่งงานอะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งปกติถ้าส่งงานเสร็จแล้วผมก็คงโดดเรียนไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมันทำให้วันนี้กลายเป็นวันที่แสนน่าเบื่อไปได้ในทันที และแล้วเสียงสัญญาณหมดเวลาเรียนช่วงเที่ยงก็ดังขึ้น ซึ่งในใจของผมคิดว่าจังหวะนี้แหละที่สามารถที่จะโดดเรียนได้ ผมรีบเก็บข้าวของต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโดดเรียนแต่ดูเหมือนว่ายายพัฟฟี่นี่จะรู้ไปซะหมดทุกเรื่อง
“ ซาน กินข้าวรึยัง เราไปหาข้าวกินกันเถอะ ” พัฟฟี่เดินเข้ามาหาพร้อมกับดึงแขนของผมออกไปนอกห้องเรียน
ที่กินข้าวของผมที่ประจำนั่นก็คือดาดาฟ้านั่นเอง ซึ่งมันไม่ใช่ที่ประจำของผมคนเดียวหรอกนะ มันยังมีนักเรียนกลุ่มอื่นขึ้นมากินข้าวบริเวณนี้อีกด้วย วันนี้ดูเหมือนว่าพัฟฟี่จะทำอาหารกล่องมาให้ผมชิมอีกตามเคย
เธอเป็นคนชอบทำอาหารมาก และก็มักจะมีความสุขเวลาเห็นคนกินอาหารที่เธอทำ ซึ่งผมนี่แหละเป็นเหยื่อทดลองอาหารสูตรต่างๆ บางวันก็อร่อยบ้าง บางวันก็ไม่อร่อยบ้าง และแน่นอนความฝันสูงสุดของเธอก็คือ การที่จะได้เป็น เชฟ ชื่อดังก้องโลกนั่นเอง
“ วันนี้มีอะไรให้ฉันทดลองอีกละ ” ผมถามอย่างอ่อนใจเมื่อเห็นเธอเดินถือกล่องอาหารมาให้
“ วันนี้มีสตูเนื้อราดซอสบูลเบอรี่ จ๊ะ ” พัฟฟี่พูดพร้อมยิ้มให้กับผม
โอ้ พระเจ้าเมนูที่ไม่เคยคิดจะเข้ากันได้ปรากฏขึ้นเล่นเอาผมหน้าถอดสีไปเลยทีเดียวละ แค่ฟังชื่อก็จินตนาการภาพไม่ออกแล้วละว่าหน้าตาอาหารมันจะเป็นยังไง และแล้วพัฟฟี่ก็เปิดกล่องอาหารให้ดู หน้าตาอาหารนั้นเหมือนกับสตูเนื้อธรรมดาแต่น้ำซอสที่ราดไปมีสีม่วงของบูลเบอรี่อยู่ ถึงสีมันจะดูน่ากินแค่ไหนแต่มันก็ทำให้ผมยังหวั่นใจอยู่เหมือนเดิม ผมค่อยๆตักมันใส่ปากอย่างช้าๆ
“ เป็นไง รสชาติ ” พัฟฟี่ถามผมขณะที่ผมกำลังเคี้ยวอาหารคำแรกอยู่
“ อร่อยดีนะ ” ผมพูดหลังจากที่เคี้ยวคำแรกเสร็จ
รสชาติมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิดมากนักเนื่องจากเนื้อที่ถูกทำนั้นมีรสชาติหวานเข้ากับน้ำซอสของบูลเบอรรี่ได้อย่างลงตัว วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้กินอาหารอร่อยๆอีกครั้ง ผมกินไปพร้อมกับคุยเรื่องราวต่างๆกับเธอจนในที่สุดมันก็หมดเวลาพักจนได้ ให้ตายเถอะ นี่เราพลาดอีกแล้วเหรอเนี่ย
ในที่สุดก็ต้องทนนั่งเรียนวิชาเรียนที่แสนเบื่อหน่ายอีกทั้งวันจนถึงเวลาเย็น กิจกรรมที่ต้องทำทุกครั้งก่อนกลับบ้านนั่นก็คือการเล่นฟุตบอลที่ล้างกว้างหน้าอาคาร ซึ่งมันเป็นการเรียกเหงื่อได้อย่างดีทีเดียวเลยละ ผมเล่นฟุตบอลจนเย็นก่อนที่จะเดินไปล้างหน้าบริเวณโรงยิมแล้วกลับบ้านตามปกติเหมือนดังเช่นทุกวัน ผมเดินทางกลับโดยใช้เส้นทางเดียวกับที่ใช้เดินทางมาโรงเรียนซึ่งต้องผ่านป้ายหลุมศพสีดำนั่นอีกครั้ง
“ ไง ไอ้น้องมีเงินพอที่จะให้พี่ยืมได้ไหม ” ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งปรากฏขึ้นมาขวางทางของผมไว้ในขณะที่ผมเดินผ่านป้ายหลุมศพสีดำ
แถวนี้เวลาเย็นๆนั้นมันอันตรายมากเลยทีเดียวละเนื่องจากต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่นได้บดบังแสงอาทิตย์จนทำให้แถวนี้กลายเป็นทางเปลี่ยว ผมเคยได้ยินข่าวมาบ้างว่าเกิดคดีจี้ชิงทรัพย์แถวๆ แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวของเอง ด้วยความรักชีวิตผมจึงรีบหยิบกระเป๋าเงินให้กับเขาในทันทีเนื่องจากในมือของเขาได้ถือมีดพกที่คมกริบอยู่
“ อะไรวะ มีเงินแค่นี้เอง ” ชายร่างใหญ่คนนั้นพูดเมื่อเปิดกระเป๋าเงินที่ผมส่งให้
“ แกซ่อนไว้ที่ไหนอีกบอกมา ” เขาพูดพร้อมกับเอามีดมาจี้ที่คอของผม
“ ไอ้โกหก แกต้องมีอีกเอาออกมาเดี๋ยวนี้ ” ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงที่เกรียวกราดพร้อมกับใช้หมัดของเขาต่อยเข้ามายังใบหน้าของผม
ด้วยแรงหมัดของเขาให้ร่างของผมกระเด็นไปชนกับป้ายหลุมศพสีดำนั้นอย่างแรงจนศรีษะของผมแตก เลือดสีแดงไหลเปื้อนหลุมศพนั้นก่อนที่ผมจะค่อยๆลุกขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นผมเป็นของเล่นไปซะแล้วเขาเดินตรงเข้ามาพร้อมกับบีบที่คอของผมก่อนที่จะกดร่างของผมลงซึ่งมันทำให้หัวของผมได้กระแทกกับป้ายหลุมศพจากด้านบนอีกครั้งจนเลือดไหลอาบป้ายหลุมศพ
“ ข้าชักจะไม่อยากได้เงินซะแล้วสิ ” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับใช้มีดเสียบลงมายังมือของผม
“ อ๊ากกก ” เสียงร้องลั่นของผมดังขึ้นพร้อมๆกับเลือดที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณ
ดูเหมือนว่าผมจะคุ้นหน้าคุ้นตายชายคนนี้ขึ้นเรื่อยๆถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าจะได้ยินข่าวมีฆาตกรโรคจิตหนีเข้ามาในเมืองที่ผมอาศัยอยู่ ถ้าจำหน้าเขาในหนังสือพิมพ์ไม่ผิดก็คงจะเป็นชายคนนี้ซึ่งผมมานึกได้ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว ผมตะเกียดตะกายเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดตอนนี้ผมไม่ต่างกับหมาที่กำลังจะโดนฆ่าเลยละ มือที่มีเลือดไหลออกมาของผมไปคว้าป้ายหลุมศพก่อนที่จะใช้มันเป็นฐานหลักในการยันร่างกายที่เสียเลือดมากขึ้นมา
แต่แล้วมีดสีเงินที่คมกริบก็ได้เสียบเข้าที่กลางหลัง
ผมไม่มีแม้แต่เสียงร้องออกมาทว่าร่างของผมนี่สิกลับล้มลงพาดไปกับหลุมศพนั้นราวกับว่ามันกำลังจะเป็นหลุมศพของผมเอง ฆาตกรกระหน่ำมีดลงกลางหลังของผมอย่างบ้าคลั่งดูเหมือนกับว่าเขากำลังมีความสุขล้นเหลือที่ได้ทำแบบนี้ สติของผมค่อยเลือนลางลงเลือดสีแดงสดไหลย้อมป้ายหลุมศพจนป้ายหลุมศพนั้นเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงด้วยเลือดของผม
“ กลัวงั้นรึ เจ้ากำลังกลัวความตายอยู่งั้นรึ ” เสียงแหบพร่าที่ผมได้ยินเมื่อตอนเช้าดังขึ้นในสติที่กำลังจะหลุดลอยออกไปของผม
“ ใช่ ข้ากลัวที่จะตาย” ผมตอบกลับไปแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร
“ แล้วตอนนี้เจ้ารู้สึกยังไงกับคนที่กำลังจะพรากชีวิตของเจ้าไปละ ” เสียงนั้นถามผมกลับมาอีกครั้ง
“ ข้าเคียดแค้น ”
“ ถ้าเจ้ามีพลังพอที่จะมอบความตายให้แก่ชายคนนั้นเจ้าจะทำไหม ”
“ ทำ ทำแน่ๆ ” ผมตอบกลับไปด้วยเสียงที่เคียดแค้น
“ ฮ่าๆ ดีมาก แบบนี้สิถึงจะค่อยสมกับคนที่ปลุกข้าขึ้นมาหน่อย ” เสียงนั้นหัวเราะอย่างพอใจและนี่ก็คือสิ่งที่ผมได้รู้สึกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สติจะหายไป
หึๆ ข้าคือเทพแห่งความตาย ราชาแห่งความตายผู้ที่ถูกปิดผนึกจนกว่าสถานที่ปิดผนึกของข้าจะถูกอาบไปด้วยเลือดอีกครั้ง บัดนี้ข้าได้ยึดเอาร่างของเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นที่พักอาศัยแทนชั่วคราวเพื่อเตรียมพร้อมก่อนจะก่อสงครามแห่งประวัติศาสตร์ขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของข้าค่อยๆลุกขึ้นในขณะที่ชายร่างใหญ่คนนั้นกำลังกระหน่ำแทงอย่างพอใจ ศอกอันรุนแรงพุ่งเข้าที่ใบหน้าของชายคนนั้นจนร่างของเขากระเด็นกลิ้งไปไม่เป็นท่า
“ ข้าเองก็ต้องขอบใจ เจ้าเหมือนกันนะที่อุตส่าห์ช่วยเรียกข้าขึ้นมา ” ข้าพูด
“ แต่น่าเสียดายที่เลือดของเจ้าเด็กคนนี้เป็นคนปลุกข้าขึ้นมา แต่ไม่ต้องกลัวหรอกข้ามีสิ่งตอบแทนให้เจ้าแน่ๆ ” ข้าพูดพร้อมกับเดินตรงไปหาชายโรคจิตด้วยร่างกายที่อาบไปด้วยเลือด
“ บ้าน่า ไม่น่าเชื่อโดนไปขนาดนี้แล้วยังเดินได้อีก ” ชายคนนั้นมองร่างของข้าแล้วพูดด้วยสีหน้าที่หวาดกลับ
“ สิ่งที่ข้าจะตอบแทนให้เจ้าคือ ความตายไงละ ” ข้าพูดพร้อมกับกรีดรอยยิ้มออกมา
เล็บสีขาวสะอาดที่เคยสั้นบัดนี้มันได้งอกยาวออกมาซึ่งมันแหลมคมและมีสีแดงเช่นเดียวกับเลือดที่กำลังไหลอาบไปทั่วร่างของข้าขณะนี้ ดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มบัดนี้ได้กลายเป็นสีแดงดุจเปลวเพลิง นัตย์ตาหดเล็กลงจนเหลือเพียงแต่ตาดำที่ตอนนี้เป็นสีแดงเท่านั้น ผมด้านหลังที่เคยสั้นกลับยาวลงมาจนถึงหลังโดยที่ผมข้างหน้ายาวเพิ่มจากเดิมเพียงเล็กน้อย
กรงเล็บสีแดงพุ่งตรงเข้าหาร่างชายโรคจิตอย่างรวดเร็วก่อนที่ข้าจะได้ของฝากติดไม้ติดมือเป็นขาของชายคนนั้น เสียงกรีดร้องของชายโรคจิตดังออกมาซึ่งสำหรับข้านั้นมันนับว่าเป็นเสียงดนตรีที่ไพเราะเสียยิ่งกว่าเสียงใดๆ ข้าปาขาของชายคนนั้นออกไปด้านข้างก่อนที่จะเดินไปแล้วใช้เท้าเหยียบเข้าที่หน้าออกพร้อมกับกางมือเล็งไปทางใบหน้าของชายโรคจิตคนนั้น
“ ขอให้วิญญาณของเจ้าจงไปสู่สุคติเพื่อบอกกล่าวว่า ข้า เทพแห่งความตาย กลับมาแล้ว ” ข้าพูดก่อนที่จะเกิดเปลวไฟสีม่วงลุกขึ้นที่ใบหน้าของชายคนนั้น
และแน่นอนข้าสามารถที่จะสั่งให้เปลวไฟของข้าเป็นยังไงก็ได้ และ การทรมานนี่แหละคือสิ่งที่ข้าชอบที่สุด เปลวไฟของข้าลุกอย่างช้าๆทำให้ข้าสามารถรับฟังเสียงดนตรีของข้าได้อย่างพอใจก่อนที่ใบหน้าของชายคนนั้นจะเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน
ความคิดเห็น