คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Death 1 : ชีวิตอันแสนสงบสุข
ในสมัยอดีตกาลโลกมนุษย์และโลกแห่งสวรรค์ได้อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จนกระทั้งวันหนึ่งที่เหล่าเทพได้เกิดความรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีความสามารถมากกว่าเหล่ามนุษย์ จึงได้ทำการ ปฎิวัตแล้วแยกโลกแห่งเหล่าเทพออกจากโลกของมนุษย์ แต่พวกเทพได้ทำพลาดอย่างหนึ่งนั่นก็คือ พวกเขาลืมเชื้อสายของพวกเขาไว้ที่โลกมนุษย์
ไม่นานนักในเวลาต่อมา เหล่าเชื้อสายของเทพที่ต่างเคียดแค้นพวกเทพที่ได้ทิ้งพวกเขาไว้ก็ได้ประกาศสร้างโลกแห่งปีศาจขึ้นเพื่อหวังที่จะทำลายเหล่าเทพ สงครามได้เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย บรรดาเหล่าเทพต่าถูกกำราบโดยกองทัพปีศาจภายใต้การนำของราชาแห่งเหล่าปีศาจนามว่า God of Death ปีศาจที่มอบความตายแก่ทุกสิ่งที่ขวางหน้า แต่ผู้ที่สูญเสียมากที่สุดนั่นก็คือเหล่าบรรดามนุษย์ที่เป็นคนธรรมดา
สงครามของทั้ง 2 ฝ่ายทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บรรดา เทพ และ ปีศาจต่างล้มตายกันเป็นจำนวนมาก เวทีแห่งสงครามของพวกเขานั่นก็คือ โลกมนุษย์นั้นเสียหายยับเยิน ก่อนที่หลังจากนั้นอีก 10 ปีต่อมาสงครามก็ได้จบลงโดยการที่ ราชาแห่งความตายได้ถูกเหล่าเทพทั้ง 10 ผนึกเอาไว้ ความจริงของประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือนไปเนื่องจากเหล่าเทพเป็นฝ่ายชนะ พวกเขาได้สร้างตำนานขึ้นมาว่า เหล่าเทพเป็นตัวแทนของความถูกต้อง และ เหล่าปีศาจเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย และหลังจากนั้นโลกมนุษย์ที่เป็นเวทีสงครามก็ได้ถูกบูรณะขึ้นแต่หาใช่ด้วยฝีมือของเหล่าเทพ แต่เป็นฝีมือของเหล่ามนุษย์ เทพ และ ปีศาจ ต่างแยกโลกของตัวเองออกจากโลกมนุษย์เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นอีก แต่จะมีใครหารู้ไม่ละว่า หากเทพแห่งความตายถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งมันอาจจะเกิดสงครามขึ้นอีกก็เป็นได้
...................................................................................................................................................................................
ดวงอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงลงยังพื้นโลกเพื่อขจัดความมืดมิดที่รัตติกาลเคยทำเอาไว้ ผู้คนต่างพากันลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปทำงานของตนเองที่มี ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตื่นเช้า เพราะ เมื่อคืนไม่ได้นอนเนื่องจากผม มัวแต่ทำงานที่ได้รับมอบหมายมาจนถึงเช้า ผมสีดำสนิทของผมถูกหวีปัดไปทางด้านขวาปิดตาเอาไว้ข้างหนึ่ง ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองอยู่ที่หน้ากระจก ซึ่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าทรงสามเหลี่ยมกับผิวหน้าที่ขาวสะอาดสะอ้านของผม
“ เอาละ แค่นี้ก็มีงานส่งแล้ว ” ผมพูดพร้อมกับหยิบสมุดสีฟ้าใส่ไปในกระเป๋านักเรียน
กลอนประตูสีเงินถูกบิดออกพร้อมกับการดันประตูสีขาวนวลไปข้างหน้าก่อนที่ผมจะเดินออกมาแล้วล็อกมันให้เรียบร้อยอีกครั้ง ที่อยู่อาศัยของผมเป็นอาร์พารท์เมนต์เก่าๆที่เหลือซึ่งภายนอกออกจะดูโทรมสักหน่อยแต่ทว่าห้องภายในกลับดูแตกต่างกับภายในลิบลับ แถมราคายังถูกอีกด้วย ด้านหน้านั้นยังติดกับร้านสะดวกซื้อและ ตลาดนัด ทำให้แถวนี้เป็นทำเลที่ดีมากเลย แถมยังใช้เวลาไม่นานนักที่จะสามารถเดินไปยังโรงเรียนทำให้ผมตัดสินใจที่จะเลือกอยู่อาร์พาร์ทเมนต์
“ วันนี้ก็คงต้องแอบหลับอีกแล้วเหรอเนี่ย ” ผมพูดพร้อมกับเอามือป้องปาก
ผมเดินไปยังโรงเรียนอย่างสบายอารมณ์เนื่องจากวันนี้มีเวลาเหลือเยอะพอที่จะเดินชมวิวรอบๆทาง ซึ่งนานๆทีผมจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้เนื่องจากการเป็นคนที่ตื่นสายบ่อยมาก ทิวทัศน์รอบๆทางนั้นสวยงามมากเลยทีเดียวเนื่องจากต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่ถูกประดับไว้ข้างทางทำให้มันดูร่มรื่น แต่สิ่งที่สงสัยมีอยู่สิ่งหนึ่งนั่นก็คือ จะมีทางเดินช่วงหนึ่งที่ต้นไม้บริเวณนั้นแห้งเหี่ยวจนหมด ตรงนั้นเป็นป้ายหลุมศพของคนอังกฤษแต่มันมีสีดำสนิท คนแถวนี้ต่างร่ำลือกันไปต่างๆนานาเกี่ยวกับหลุมศพสีดำนี้ บ้างก็บอกว่าใครเข้าไปแตะต้องมันจะต้องตาย บ้างก็ว่าเห็นชายคนหนึ่งยืนบริเวณป้ายหลุมศพนี้เวลากลางคืน ใครเผลอสบตาเข้าก็จะหายตัวไปอย่างลึกลับ แต่ผมก็ไม่เคยเห็นตามที่คนแถวนี้บอกไว้เลยสักครั้ง และ ผมเองก็ไม่ค่อยที่เชื่อเรื่องพวกนี้เสียด้วย
“ โลกมนุษย์เรานี่มีแต่อะไรแปลกๆ แหะ ” ผมพูดก่อนที่จะละสายตาไปจากป้ายหลุมศพนั้นแล้วเดินต่อไป
“ ซาน ” เสียงแหบพร่าดังขึ้นด้านหลังด้านหลังของผมทำให้ผมหยุดการเดินลงในทันที
ผมรีบหันไปดูข้างหลังในทันทีแต่ว่าก็ไร้วี่แววของผู้คน บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดและเวิ้งว้าง ลมที่ผัดมาปะทะกับต้นไม้รายทางชวนให้ขนลุก ซึ่งมันทำเอาใจเต้นรั่วได้เช่นกัน ผมรีบหันหลังกลับแล้ววิ่งไปด้านหน้าทันที แต่แล้วผมก็ได้ยิงเสียงเรียกชื่อผมอีกครั้ง
“ ซานนนน ” เสียงนั้นดังไล่หลังมาแต่มันก็ไม่ทำการตอบรับ ผมรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
“ เฮ้ย แกจะหนีฉันไปไหนวะ ” เสียงๆนี้ดังตามมาซึ่งมันดูเหมือนมันเป็นเสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมหยุดการวิ่งลงพร้อมกับหันหลังกลับไปดู
และสิ่งที่ผมพบนั่นก็คือ ชายหนุ่มผมสีเงินทรงหวีแสกกลาง นัตย์ตาสีน้ำเงินเข้มผิวสีขาว หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งได้วิ่งตามหลังผมมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ แฮ่กๆๆ ” เขามาหยุดลงหน้าผมก่อนที่จะก้มหน้าหอบหายใจ
“ ซาน ทำไมแกไม่หยุดรอข้าวะ เหนื่อยนะเนี่ยกว่าจะวิ่งตามแกทัน ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก ” ผมพูดปัดออกไป
“ ว่าแต่ทำไมวันนี้แกมาโรงเรียนเช้าจังวะ ”
“ ข้าต้องถามแกมากกว่านะ เรฟ ว่าทำไมแกถึงมาเช้าได้ปกติเห็นมาสายกว่าข้าอีกนี่ ” ผมพูดเพื่อหยอกล้อเพื่อนสนิทของผม
สำหรับผมกับเรฟนั้นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยยังเด็กๆ แต่ก่อนพวกเราเคยเรียนที่โรงเรียนประถมที่เดียวกัน หลังจากที่ผมย้ายมาที่นี่ ผมก็ได้เขาคนนี้นี่แหละที่เป็นคนหาที่พักอาศัยให้แก่ผม จึงทำให้เรานั้นสนิทกันมากยิ่งขึ้น นิสัยของเรฟนั้นคล้ายๆกับผมนั่นก็คือชอบนอนตื่นสาย แต่สิ่งที่ต่างจากผมนั่นก็คือ เขาเป็นคนที่ใจเย็น และ มีการวางแผนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมันต่างกับผมที่เป็นคนที่ อารมณ์ร้อน ไม่ชอบคิดหน้าคิดหลัง เรา 2 คนเดินไปเรื่อยๆจนถึงโรงเรียนซึ่งมันทำให้สมองของผมลืมเรื่องเสียงที่แหบพร่าไปเสียสนิท
โรงเรียนของผมมีขนาดใหญ่มากมีตึกเรียน 2 ตึกซึ่งทำการอิฐสีขาวซึ่งมันดูสวยมากเลยทีเดียว รูปทรงของอาคารเรียนทั้ง 2 นั้นมีลักษณะคล้ายกับตัวตึกสำนักงาน รอบๆตัวโรงเรียนถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสีขาวเช่นเดียวกับตัวอาคาร บริเวณด้านหน้าอาคารเรียนนั้นเป็นลานกว้างซึ่งเมื่อถึงเวลาพักจะมีเหล่านักเรียนมาเล่นกันที่สนามแห่งนี้ ตัวอาคาร 1 นั้นตั้งอยู่ด้านหลังลานกว้างนั้น ส่วนตัวอาคารที่ 2 นั้นตั้งถัดไปทางขวาของตัวอาคารแรก บริเวณด้านหลังของตัวอาคารแรกได้ถูกสร้างเป็นโรงยิมไว้สำหรับทำกิจกรรมในร่มต่างๆ ส่วนด้านหลังของตัวอาคาร 2 นั้นถูกล้อมรอบด้วยรั่วเหล็กเนื่องจากบริเวณนั้นถูกสร้างไว้เป็นสระว่ายน้ำ ทางด้านซ้ายของตัวอาคาร 1 ถูกปลุกไปด้วยต้นไม้พร้อมๆกับมีม้านั่งหินอ่อนจัดเตรียมไว้เพื่อให้นักเรียนมานั่งหลบร้อนยามกลางวัน
ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบมานั่งหลบแดด แต่ที่ที่ผมโปรดที่สุดนั่นก็คือดาดฟ้าของตัวอาคาร 1 ที่ผมเรียนอยู่นั่นเอง เนื่องจากมันได้มีกันสาดขนาดใหญ่ครอบคลุมเอาไว้ทำให้แสงแดดส่งมาถึงได้เพียงเล็กน้อย และ บริเวณดาดฟ้าลมยังพัดเย็นสบายอีกด้วย หลังจากที่ผมได้ส่งงานทุกอย่างที่ผมทำมาทั้งคืนเรียบร้อยแล้วผมก็ได้เดินไปตามระเบียบที่ถูกปูด้วยกระเบื้องสีเดียวกับตัวอาคารอย่างสบายอารมณ์ ส่วนเจ้าเรฟก็ต้องไปนั่งปั่นงานที่ห้องเรียนของตัวเองเนื่องจากมันลืมทำมา
“ รู้สึกสบายใจเหลือเกินนะ ” สาวน้อยนางหนึ่งพูดกับผมขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าห้องเรียน
หญิงสาวคนนั้นหน้าตาน่ารักมากๆ เนื่องจากเธอแทบจะเรียกได้ว่าเป็นดาวของโรงเรียนเลย ผมของเธอมีสีทองและปล่อยผมให้ยาวสลวยลงมา ดวงตากลมโตโดยที่มีนัตย์ตาสีฟ้าเข้มอยู่ด้านใน ผิวขาว ชุดที่เธอใส่คือชุดนักเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นชุดนักเรียนหญิงที่น่ารักที่สุดในโรงเรียนละแวกนี้
ชุดนักเรียนของโรงเรียนผมถ้าเครื่องแบบผู้ชายจะเป็นชุดเสื้อแขนยาวสีขาว กระดุมสีดำ และต้องใส่เน็คไทค์สีดำ ด้วยซึ่งมันทำให้ผมรำคาญเป็นอย่างมาก ส่วนกางเกงนั้นเป็นกางเกงขายาวสีดำ แต่ถ้าเป็นเครื่องแบบนักเรียนหญิงจะเป็น เสื้อนักเรียนทรงกลาสีสีขาวบริเวณรอบๆปกเสื้อมีสีฟ้าเช่นเดียวกับบริเวณแขนเสื้อ กระโปรงนั้นเป็นกระโปรงสีน้ำเงินลายสก็อต
“ ก็สบายใจนะสิ ส่งงานหมดแล้วนี่ ” ผมตอบหญิงสาวกลับไป
“ อย่าเพิ่งดีใจไป วันนี้มีงานใหม่มาอีก ” หญิงสาวคนนั้นพูดพร้อมกับเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไป
“ เฮ้ย เดี๋ยว หมายความว่าไงนะ พัฟฟี่ ” ผมพูดอย่างตกใจพร้อมกับวิ่งตามเธอไปในทันที
ความคิดเห็น