ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : เรื่องหน้ากลาง.....ทำยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ
ก่อนอื่นก็ต้องขอ Merry X'Mas ทุกๆคนนะครับ คือเมื่อวานพี่ได้ไปพบปะท่านอาจารย์ที่โรงเรียนเก่าของพี่ แล้วก็ได้ไปแนะแนวน้องๆชั้นม.6 ซึ่งน้องๆที่สอบติดรอบโควต้าและสอบตรงรวมทั้งน้องๆที่มีความตั้งใจจะมาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีความกังวลใจและถามพี่ว่า "เค้าเรียนเป็น ภาษาอังกฤษ จะเรียนรอดมั๊ยเนี่ยพี่" หรือ "แล้วทำยังไงหนูถึงจะเก่งภาษาอังกฤษได้ล่ะคะพี่" วันนี้พี่มีวิธีง่ายๆในการที่จะทำให้น้องๆได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษครับ
1. ลองหาภาพยนต์ที่เป็นเสียง Soundtrack และมี Subtitle ภาษาไทยมาดู ในขณะที่ตัวละครกำลังสนทนากันอยู่นั้น ให้จับคำศัพท์ว่าตรงกับที่ Subtitle ได้แปลหรือไม่ (ไม่ควรเชื่อ Subtitle ทั้งหมดนะครับ เพราะบางที่คนแปลก็แปลผิดได้) หรือลองหาหนัง Soundtrack เหมือนกันเพียงแต่ Subtitle เป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นก็หา Talking Dic หรือ Dictionary มาซักเล่มพร้อมสมุดจดศัพท์ หากเกิดคำสงสัยหรือไม่เข้าใจศัพท์ตัวใด ก็เปิดหาความหมายและจดลงไปในสมุดครับ
2. ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ เช่น "คืนนี้นะฉันจะโทรหากิ๊ก" ไม่เอาครับน้อง ไม่คิดแบบนั้น ให้คิดใหม่แบบนี้ "Tonight. I will call to my Honey!(เป็นศัพท์แสลงหมายความว่า ที่รัก)" พยายามคิดแบบนี้ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เก่งเองแหละครับ เมื่อคิดได้แล้วเวลาสนทนากับชาวต่างชาติมันก็ไปของมันเอง
3. เวลาไปที่ไหนก้ตาม ถ้าเจอคำศัพท์ที่สงสัยให้จดหรือจำไว้แล้วมาเปิด / จิ้ม Dictionary
4. การท่องศัพท์ให้ได้ผล ควรท่องทันทีที่นึกถึงมันได้ เช่น น้องๆจะท่องคำว่า Maintenance (แปลว่า การทำให้คงสภาพเดิม) ให้เปิด Dictionary แล้วจำมันไว้ พอน้องๆทำกิจกรรม เช่น กำลังอาบน้ำแล้วคิดถึงกิ๊กเพลินๆ แล้วดันฉุกคิดถึงไอ้ Maintenance ขึ้นมาได้ เอาเลยครับน้องเอาเลย "Maintenance มันแปลว่า การทำให้คงสภาพเดิม นะ" ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆแม้ว่ามันอาจใช้เวลานานกว่าจะขึ้นใจก็เถอะนะ (พี่เองใช้วิธีนี้กับคำว่า Maintenance แค่คำเดียวถึง 2 สัปดาห์กว่าจะจำได้)
5. ลองหาเนื้อเพลงภาษาไทยที่น้องๆชอบ มาลองถอดเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษดู ไม่จำเป็นว่าจะต้องถอดมาแล้วพอร้องจะเข้ากับทำนองเดิมเป๊ะ ไม่จำเป็นครับเอาแค่เราสามารถ Translation ได้ก็พอแล้ว หรือลองดูละครที่ตัวเองชอบสักเรื่อง เช่น เจ้าหญิงลำซิ่ง พอตัวละครคุยกันก็ลองถอดคำพูดเป็นภาษาอังกฤษดู แม้ว่ามันจะไม่ค่อยจะถูกก็เอาเถอะนะ เดี๋ยวก็ชำนาญเอง
6. การอ่าน Textbook ควรใช้ทักษะการอ่านแบบ Skim and Scan คือการอ่านแบบเดาคำศัพท์อย่างมีเหตุผลโดยอาศัยคำศัพท์อื่นๆเป็นตัวช่วยพร้อมกับจับใจความ เช่น " You should join our fast earning Exclusive Money Club that works! " ดูแค่คำว่า Join, Earningและ Exclusive แค่นี้ก็พอ เราจะเห็นได้ว่า โฆษณาดังกล่าวเป็นการโฆษณา "เพื่อชักชวนคนมาทำงานในรูปแบบกลุ่มสมาชิก" ครับ เยงเท่านี้การอ่าน Textbook ของน้องๆก็ง่ายขึ้นอีกเป็นกอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง Dictionary ให้รำคาญใจอีกต่อไปแล้วครับ
7. มือถือ, MP3, iPOD, Laptop เปลี่ยนภาษาฟังค์ชั่นให้เป็นภาษาอังกฤษซะ
เพียงเท่านี้น้องๆก็ได้มีโอกาสพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแล้วครับ ลองนำวิธีที่พี่แนะนำไปใช้ดูแล้วก็จะเป็นอย่างที่คุณ Andrew Biggs ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" ครับผม
ในคราวหน้าพี่จะแนะนำ สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ ซึ่งเป็นสำนักวิชาน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและได้เปิดดำเนินการเรียนการสอนมา 2 ปีแล้วครับผม
1. ลองหาภาพยนต์ที่เป็นเสียง Soundtrack และมี Subtitle ภาษาไทยมาดู ในขณะที่ตัวละครกำลังสนทนากันอยู่นั้น ให้จับคำศัพท์ว่าตรงกับที่ Subtitle ได้แปลหรือไม่ (ไม่ควรเชื่อ Subtitle ทั้งหมดนะครับ เพราะบางที่คนแปลก็แปลผิดได้) หรือลองหาหนัง Soundtrack เหมือนกันเพียงแต่ Subtitle เป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นก็หา Talking Dic หรือ Dictionary มาซักเล่มพร้อมสมุดจดศัพท์ หากเกิดคำสงสัยหรือไม่เข้าใจศัพท์ตัวใด ก็เปิดหาความหมายและจดลงไปในสมุดครับ
2. ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ เช่น "คืนนี้นะฉันจะโทรหากิ๊ก" ไม่เอาครับน้อง ไม่คิดแบบนั้น ให้คิดใหม่แบบนี้ "Tonight. I will call to my Honey!(เป็นศัพท์แสลงหมายความว่า ที่รัก)" พยายามคิดแบบนี้ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เก่งเองแหละครับ เมื่อคิดได้แล้วเวลาสนทนากับชาวต่างชาติมันก็ไปของมันเอง
3. เวลาไปที่ไหนก้ตาม ถ้าเจอคำศัพท์ที่สงสัยให้จดหรือจำไว้แล้วมาเปิด / จิ้ม Dictionary
4. การท่องศัพท์ให้ได้ผล ควรท่องทันทีที่นึกถึงมันได้ เช่น น้องๆจะท่องคำว่า Maintenance (แปลว่า การทำให้คงสภาพเดิม) ให้เปิด Dictionary แล้วจำมันไว้ พอน้องๆทำกิจกรรม เช่น กำลังอาบน้ำแล้วคิดถึงกิ๊กเพลินๆ แล้วดันฉุกคิดถึงไอ้ Maintenance ขึ้นมาได้ เอาเลยครับน้องเอาเลย "Maintenance มันแปลว่า การทำให้คงสภาพเดิม นะ" ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆแม้ว่ามันอาจใช้เวลานานกว่าจะขึ้นใจก็เถอะนะ (พี่เองใช้วิธีนี้กับคำว่า Maintenance แค่คำเดียวถึง 2 สัปดาห์กว่าจะจำได้)
5. ลองหาเนื้อเพลงภาษาไทยที่น้องๆชอบ มาลองถอดเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษดู ไม่จำเป็นว่าจะต้องถอดมาแล้วพอร้องจะเข้ากับทำนองเดิมเป๊ะ ไม่จำเป็นครับเอาแค่เราสามารถ Translation ได้ก็พอแล้ว หรือลองดูละครที่ตัวเองชอบสักเรื่อง เช่น เจ้าหญิงลำซิ่ง พอตัวละครคุยกันก็ลองถอดคำพูดเป็นภาษาอังกฤษดู แม้ว่ามันจะไม่ค่อยจะถูกก็เอาเถอะนะ เดี๋ยวก็ชำนาญเอง
6. การอ่าน Textbook ควรใช้ทักษะการอ่านแบบ Skim and Scan คือการอ่านแบบเดาคำศัพท์อย่างมีเหตุผลโดยอาศัยคำศัพท์อื่นๆเป็นตัวช่วยพร้อมกับจับใจความ เช่น " You should join our fast earning Exclusive Money Club that works! " ดูแค่คำว่า Join, Earningและ Exclusive แค่นี้ก็พอ เราจะเห็นได้ว่า โฆษณาดังกล่าวเป็นการโฆษณา "เพื่อชักชวนคนมาทำงานในรูปแบบกลุ่มสมาชิก" ครับ เยงเท่านี้การอ่าน Textbook ของน้องๆก็ง่ายขึ้นอีกเป็นกอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง Dictionary ให้รำคาญใจอีกต่อไปแล้วครับ
7. มือถือ, MP3, iPOD, Laptop เปลี่ยนภาษาฟังค์ชั่นให้เป็นภาษาอังกฤษซะ
เพียงเท่านี้น้องๆก็ได้มีโอกาสพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแล้วครับ ลองนำวิธีที่พี่แนะนำไปใช้ดูแล้วก็จะเป็นอย่างที่คุณ Andrew Biggs ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" ครับผม
ในคราวหน้าพี่จะแนะนำ สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ ซึ่งเป็นสำนักวิชาน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและได้เปิดดำเนินการเรียนการสอนมา 2 ปีแล้วครับผม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น