ตอนที่ 40 : บทที่ 34 จดหมายจากผู้ประสงค์ดี [100%]
34
จดหมายจากผู้ประสงค์ดี
“หม่อมฉันเป็นเพียงเด็กกำพร้าเพคะ” ข้าก้มหน้าต่ำมิกล้าสบตา “มิเคยได้พบหน้าพ่อแม่แต่อย่างใด”
เมื่อครู่ข้าพลาดมากที่อยากรู้อยากเห็นจนเกินไป เผลอทำในสิ่งที่ไม่ควรเป็นอย่างมาก...คือการมองพระพักตร์ของพระองค์อย่างนั้น
“แต่องค์หญิงน้อยตายไปแล้ว...” เขาพึมพำกับตนเองแต่ข้าได้ยิน ดังเช่นที่ฮองเฮาว่า ว่าองค์หญิงน้อย น้องสาวขององค์ชายแปดนั้นได้ตายจากไปแล้ว
ส่วนข้านั้นก็คงเป็นเพียง..หญิงสาวนางนึงที่แอบอ้างเบื้องสูง
“เสด็จพ่อ...แต่มี่ฮวานั้น นางมีป้ายหยกประจำกายของนางคล้ายคลึงกับของเสด็จแม่ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายหกพูดขึ้น นั่นทำให้ฮ่องเต้ขมวดคิ้วยุ่งขึ้นไปอีก “คล้ายกับป้ายหยกของลูก”
ว่าแล้วองค์ชายเยวี่ยเสี่ยนก็นำป้ายหยกออกเขาออกมาแล้วมองมาที่ข้า ข้าจึงนำป้ายหยกของตนเองออกมา...
ถึงบิดามารดาของข้าจะเป็นใคร...ข้าก็ขอตามหาพวกเขา
ขอพบพวกเขาสักครั้งก็ยังดี...
“เอ้ะ…นี่อะไรกัน...” ข้ากำลังจะนำป้ายหยกออกมาให้พวกเขาดู แต่กลับพบก้อนกระดาษก้อนหนึ่งอยู่ด้วย แต่แน่นอนว่าข้ามิใช่เป็นของข้าแน่นอน
ข้าคลี่กระดาษแผ่นเล็กเพื่อนเปิดดูว่ามีข้อความอันใด
‘เจ้าเชื่อเรื่องโชคชะตาหรือไม่...โชคชะตาของเจ้ามันอยู่ในกำมือข้า...’
“พี่หลง!” ข้าร้องอย่างตกใจเมื่อกระดาษแผ่นเล็กที่อยู่ในมือข้าเมื่อครู่ถูกฉกไปด้วยบุรุษผู้นี้ ข้ายื่นป้ายหยกให้องค์ชายหกและฮ่องเต้ไป พระองค์เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วมองมันอย่างเรียบนิ่ง ข้ามิสามารถคาดเดาอารมณ์ของพระองค์ได้เลย
เรามีเรื่องต้องคุยกันมี่ฮวา...
ข้าเข้าใจความหมายของหลวนหลงได้จากสายตาที่ข้ามองมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นกระต่ายฮวาเอ๋อร์
ถึงแรกๆจะคาดเดาไม่ออกก็ตาม
“พ่อต้องการจะคุยเรื่องนี้กับเจ้าหกนิดหน่อย” นั่นทำให้ข้าและพรรคกระบี่ต้องออกมา เพื่อกลับไปยังวังขององค์ชายหก ข้ามองพวกเขาก่อนออกมาและมองป้ายหยกที่ติดตัวประจำกายตลอดด้วยสายตาคิดถึง
ตั้งแต่เล็กตัวข้าก็มีป้ายหยกสลัก‘ผู’มาแล้ว
จากกันเพียงคราที่เป็นกระต่าย...
และครานี้...
“เอานี่ไปก่อน” เสียงคุ้นเคยของเขาทำให้ข้าหลุดจากภวังค์ มองป้ายหยกอันเล็กที่เขายื่นมาให้ นั่นมัน
ป้ายของฮวาเอ๋อร์ ที่สลักคำว่า ‘ฮวา’
ป้ายครั้งที่อยู่ในร่างกระต่าย ข้าชอบมันพอๆกับป้ายสลัก‘ผู’
“แต่พี่หลง...” ข้ากำลังจะปฏิเสธแต่เขากลับคว้าข้อมือของข้าเพื่อใส่ให้ และเขาก็ใส่ให้ข้าเสร็จสรรพ เขาคิดถึงฮวาเอ๋อร์ แต่เขากลับมอบป้ายอันนี้ให้ข้าเพื่อมิให้ข้าคิดถึงป้ายอันเก่า
“ห้ามร้องไห้ เด็กขี้แย” นั่นทำให้ข้าคลี่ยิ้มออกมา
ทั้งน้ำตา...
บุรุษผู้นี้...ทำให้ข้าหลงรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนนี้ข้ากลับมาที่ตำหนักขององค์ชายหก ข้าอยู่ในห้องนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้ประจำตัวข้าตั้งแต่เด็กๆ
กลิ่นดอกไม้เช่นนี้..ข้าชอบมันมาก แต่เหตุใดครานี้ถึงได้มีกลิ่นแรงนัก แต่ยังคงหอมอยู่เช่นเดิม
ข้ารู้สึกเหมือนในห้องมีใครอีกคนหนึ่ง
“เจ้า! เจ้าเป็นใคร?” ข้ามองไปรอบห้องแต่พอเลื่อนสายตากลับมากลับเจอร่างบางของสตรีนางนึงนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้างดงามของนางมองมาที่ข้าอย่างว่างเปล่า ริมฝีปากบางสีชมพูของนางยกยิ้ม
มิใช่ผีสาง นางงดงามราวกับเทพเซียน...
เทพเซียน!
“ข้าเหลียนเอ๋อร์” นางยิ้มให้ข้าอย่างโง่งม ดวงหน้าหวานของนางมองใบหน้าข้าแล้วยกยิ้ม น้ำตาของหญิงสาวตรงหน้าไหลอาบแก้ม ข้าเดินเข้าไปหานางอย่างไม่กลัวเกรง มือบางตรงหน้าเอื้อมมาจับใบหน้าข้าไว้ นางลูบแก้มของข้าอย่างแผ่วเบา
เหลียนเอ๋อร์...นางยังคงยิ้มอย่างโง่งมเช่นเดิม...สายตาเช่นนั้น...สายตาที่มีความสุขและเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน
“ข้า...กำหนดโชคชะตาของเจ้ามี่ฮวา...” นางบอกข้า “ข้าเป็นคนที่ตายแทนเจ้า...”
เหลียนเอ๋อร์...นางตายแทนข้า?
นางรู้เรื่องอันใดกันแน่ !
“เจ้าน่ะ...เป็นองค์หญิงน้อยของพวกเขา เป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่เกิด” นางยังคงพูดต่อ
ข้า...เป็นองค์หญิงน้อย !?
“ข้า...เป็นองค์หญิงงั้นหรือ...” ข้ารู้สึกชาไปทั่วร่างจนไม่สามารถยืนต่อไปได้ ร่างของข้าทรุดลงตรงหน้าของเหลียนเอ๋อร์ นางมองข้าแต่มิได้ช่วยอันใด “แล้วเจ้าบอกข้าทำไม”
“ข้าเพียงอยากให้เจ้าทราบว่าตอนนี้เจ้าเจอกับพ่อแม่ของเจ้าแล้ว และยังมีพี่ชายของเจ้าอีก”
“เจ้าบอกข้า...ข้ารู้เพียงผู้เดียว เขาก็ยังคงมองข้าเป็นเช่นเดิม” น้ำตาของข้าไหลออกมา “เขาไม่รู้ว่าข้าเป็นลูกของเขาเป็นน้องของเขา”
“...” นางมองข้า น้ำตาของนางไหลออกมาเรื่อยๆ
“ข้าไม่อยากเจ็บปวดแล้ว ข้าอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น...ไม่ต้องโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อน”
“แล้วเจ้า...คิดว่าข้าอยากเจ็บปวดมากหรือไง เจ้าคิดว่าข้าอยากมากำหนดชะตาของเจ้าหรือ!” เหลียนเอ๋อร์ทุบอกของตัวเอง “ข้าเจ็บมามากพอแล้ว...เจ็บมาตั้งแต่เกิด..”
“...”
“ข้าเป็นเพียงมารหัวขนของหญิงสาวนางหนึ่ง...เป็นบุตรที่มิมีใครต้องการให้เกิดมา ข้าเกิดมาเพื่อนแผนการของนาง..เพื่อเจ้า”
“...”
“หลังจากข้าตายไป ข้าก็ต้องมากำหนดชะตาของเจ้า” นางสะอื้น “เจ้า...ที่ข้าต้องตายแทน”
“ข้า...”
“ข้าเกลียดเจ้า แค้นเจ้า แล้วอย่างไร...สุดท้ายข้าก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเจ้าอยู่ดี” เหลียนเอ๋อร์ปาดน้ำตา “เจ็บ...ข้าเจ็บจนชาไปหมดแล้วมี่ฮวา”
เหลียนเอ๋อร์ร้องไห้ออกมา นางสะอื้นไห้บนเตียงราวกับจะขาดใจ คนตรงหน้าดูอ่อนแอมากเสียจนน่าสงสาร ข้าทำได้เพียงแต่มองดูนางร้องไห้อยู่ตรงนี้ และเรื่องทุกอย่างที่พอจะปะติดปะต่อได้หลังจากที่เหลียนเอ๋อร์กล่าวมา
“ข..ขอโทษ..ข้าขอโทษ...”
ข้าทำได้เพียงเท่านั้นจริงๆ
"มี่ฮวา...ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าพยายามทำให้เจ้ามีความสุขมาตลอด ข้า...ข้าเป็นเทพเซียนก็จริง แต่เพื่อดูแลดวงชะตาเจ้าเพียงผู้เดียว"
.
.
.
.
"แล้วสลายไป..."
“เหลียนเอ๋อร์” ข้ามองนางทั้งน้ำตา เอื้อมมือไปกอดปลอบนาง ผมสีขาวของนางซุกอยู่ที่อกของข้า นางยังคงตัวสั่นเทิ้ม
“ฮึก...” นางสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้นประมาณสองเค่อ...
และนางก็สลบไป..
“นางไม่เป็นไรแน่นะเจ้าคะ” ข้าเหลือบมองร่างบางที่นอนอยู่บนที่นอนของข้าด้วยความสงสาร นางยังคงเป็นมนุษย์ นั่นทำให้ข้าปิดบังเขาไม่ได้ จึงให้เขามาช่วยดูอาการของเหลียนเอ๋อร์
“อืม..นางแค่หลับไป” หลวนหลงตอบข้าแล้วมองนางด้วยสายตาราบเรียบ “เจ้าบอกว่านางคือเหลียนเอ๋อร์?”
“เจ้าค่ะ นางเป็น...เซียน” ข้าโกหกไม่เป็น จึงทำได้แค่บอกความจริงกับเขา หลวนหลงทำเพียงพยักหน้าแล้วมองไปยังร่างบางที่หลับไหลอยู่
“ไว้ค่อยคุยกันมี่เอ๋อร์” ข้าพยักหน้ารับแล้วเอื้อมไปจับมือบางของเหลียนเอ๋อร์ไว้ บีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจนาง
เหลียนเอ๋อร์ดูอ่อนแอมาก นางดูเหมือนเป็นน้องสาวของข้าเสียด้วยซ้ำ แม้แต่นางหลับ..ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท
แต่น้ำตาของนางกลับไหลออกมา...
ข้าเอื้อมมือปาดน้ำตาให้นางอย่างแผ่วเบา เหลือบไปมองหลวนหลงที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง พยักหน้าให้เขา
เหลียนเอ๋อร์ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นง่ายๆ แต่หลวนหลงอยากคุยกับข้าแล้ว ข้าจึงออกไปคุยกับเขา
เล่าเรื่องทั้งหมดที่ข้าได้รับรู้ในวันนี้ให้เขาฟัง...
หลวนหลง เขาเป็นคนที่ข้าฝากชีวิตไว้แล้ว...
“ฮึก...ฮือ” ร่างบางที่หลับใหลไปเมื่อครู่ลืมตาขึ้นมา เมื่อทั้งคู่ออกจากห้องไปแล้ว นางเห็นแก่ตัว...นางเอาแต่โทษมี่ฮวา..นางเป็นเซียนที่มีกิเลสมากเกินไป
แต่เหลียนเอ๋อร์เพียงอยาก...
เป็นมนุษย์...
ข้าเล่าทุกอย่างที่ได้ยินจากเหลียนเอ๋อร์ให้หลวนหลงฟัง...เขาทำเพียงพยักหน้ารับแต่คิ้วของเขากลับขมวดมุ่น
ข้าเดาความคิดเขาไม่ออกเลยจริงๆ
“ก่อนหน้านี้ เจ้าได้รับจดหมายอะไรหรือไม่”
จดหมาย?จดหมายอันใดกัน?
“ไม่นะเจ้าคะ” ข้ามองหลวนหลง “มีอันใดหรือเจ้าคะ”
“ข้าได้รับจดหมาย...จากผู้ไม่ออกนาม”
ไม่ใช่แค่สองคนนั้นที่ร้องไห้ คนเขียนปล่อยโฮค่ะ TT ไม่สามารถไปต่อไปแล้ว มันดราม่า มันเศร้า เพราะฉะนั้น ถึงแค่นี้นะคะ *ซับน้ำตา
ไรท์มีเพจแล้วน้าา สามารถไปทวงนิยายกันได้
ขอบคุณที่อ่านนิยายของไรท์นะคะ
มาแบ้ววว เลาหายไปนาน เลาผิดไปแล้ว เราจะพยายาม มาอัพบ่อยๆ เรื่องนี้ใกล้จบแล้วเด้อออ ให้ทายว่ามีกี่ตอน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหลียนฮวาก็น่าสงสาร
แบบอยากให้พ่อแม่นางรู้เร็วๆ
ปล. เพื่อเปิดดู/เพื่อแผนการ
ฮวาเอ๋อร์. ไม่ร้องนะ ฮึก
เหลียนเอ๋อร์. ใครร้อง.. ข้าเปล่านะ
ตัดภาพมาที่รีด. //ฮึกๆ แงงงงงงงงงง๊ ทำไมเรื่องมันเศร้าจังง แง๊---
อีกอย่าง ถ้าเหลียนเออร์ไม่ได้ตายแทน นางก็เกิดมาเป็นลูกกบฎอยู่ดี ต้องโดนประหารอยู่แล้วอะ
งงว่าทำไมไม่รู้สึกดีบ้างทั้งๆที่ชีวิตตัวเองช่วยฮวาเออร์ได้ และได้เกิดเป็นเทพเซียน
แล้วไหนว่าเป็นเทพเซียน
มาโทษนางเอกเฉย
งง
ฉากนี้เศร้า ทำไมต้องดราม่าา TT^TT