ตอนที่ 32 : บทที่ 28 พี่ชายขี้หวง [100%]
28
พี่ชายขี้หวง
“จ..เจ้าค่ะ” ซูเมิ่งขยับตัวออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นแล้วเดินคอตกไปหาพี่ใหญ่หลวนหลงดังที่ท่านปู่ทั้งสองสั่ง ใบหน้างามของหญิงสาวที่อยู่ข้างกายหลวนหลงทำให้เจี่ยนซูเมิ่งยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ แล้วมองอย่างสงสัยว่า สตรีนางนี้เป็นใคร เหตุใดจึงงดงามเช่นนี้ อีกฝ่ายพอที่จะรับรู้ว่ามีหญิงสาวนางหนึ่งมองอยู่ก็ส่งยิ้มตอบกลับให้อย่างเป็นมิตร
“พี่ใหญ่ น้องสาวนางนี้เป็นใครหรือเจ้าคะ” เจี่ยนซูเมิ่งถามพี่ใหญ่ของนางทันทีที่นางนั่งที่นั่งข้างกายของหลวนหลงอีกข้าง โดยที่ข้างกายของซูเมิ่งมีพี่รองอยู่ด้วย “ช่างงดงามเสียจริงเจ้าค่ะ”
“ข้า ผูมี่ฮวาเจ้าค่ะ” มี่ฮวาตอบซูเมิ่งเพราะหลวนหลงนิ่งเงียบไม่ยอมคุยแต่ชายหนุ่มมองไปที่องค์ชายสามผู้มาใหม่ “แล้วพี่สาว...”
“เป็นองค์หญิงงั้นหรือเพคะ”
“เปล่าเจ้าค่ะ เพียงแซ่คล้ายกันเท่านั้น” มี่ฮวาตอบ กลัวว่าหากมี่ฮวามิบอกเช่นนั้นซูเมิ่งต้องทำความเคารพนางด้วยการคุกเข่าเป็นแน่
“อ่า..ข้าเจี่ยนซูเมิ่งจ้ะ เป็นญาติห่างๆน่ะ” ใบหน้างดงามของมี่ฮวาทำให้ซูเมิ่งเผลอมองนานเกินไป
“เมิ่งเอ๋อร์จะมองอีกนานหรือไม่” เป็นหลวนหลงที่เคาะหน้าผากนาง “มี่ฮวาเป็นสตรีที่พี่กำลังตกลงปลงใจอยู่”
“พี่หลง!” ใบหน้าของมี่ฮวาแดงก่ำอย่างน่ารัก นั่นทำให้ซูเมิ่งหัวเราะออกมา แล้วถูกบุคคลที่อยู่ด้านข้างรั้งตัวไปกอดอย่างรวดเร็ว
“พี่รองจิ้นทง กอดเมิ่งเอ๋อร์แน่นเกินไปแล้ว” เจี่ยนซูเมิ่งส่งเสียงอู้อี้จนเจี่ยนจิ้นทงต้องปล่อยนางออกจากอ้อมกอด “บุรุษมิควรแตะต้องสตรีนะเจ้าคะ”
“เจ้าเป็นน้องสาว ใยพี่จะทำมิได้กัน” ว่าแล้วนางก็ถูกเคาะหน้าผากโดยพี่รอง “เห็นว่าเจ้าเพิ่งเดินทางมาเหนื่อย เลยอยากให้พักผ่อน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“เมิ่งเอ๋อร์ก็คิดถึงทุกคนเจ้าค่ะ” ใบหน้างามยิ้มแป้น “พี่ใหญ่จะแต่งงานแล้วหรือเจ้าคะพี่รอง”
“อืม..คงอีกไม่นานหรอกมั้ง”จิ้นทงยกมือขึ้นลูบหัวของหญิงสาวข้างกาย “ว่าแต่เจ้าเถอะ ยังมีคุณชายมาทาบทาบหรือไม่”
“เอ๋? มิมีหรอกเจ้าค่ะ เมิ่งเอ๋อร์มิมีใครทาบทามเลย”
“ก็ดีแล้ว” พี่สามที่นั่งข้างพี่รองเอ่ยอย่างโล่งใจ นั่นยิ่งทำให้ซูเมิ่งงงเข้าไปอีก
“หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะพี่สาม” นางถาม
“เอ่อ..”
“หากเมิ่งเอ๋อร์ออกเรือน ก็ต้องไปอยู่บ้านสามี มิได้มาเยี่ยมที่พรรคบ่อยๆ พวกพี่คงคิดถึงแย่” เป็นเจี่ยนลู่เหวินที่ชวนตอบแทนพี่ชายที่อ้ำๆอึ้งๆ
“นั่นสินะเจ้าคะ งั้นก็ดีสินะเจ้าคะที่มิมีผู้ใดมาทาบทาม”
“อื้ม ดีแล้วล่ะพี่ซูเมิ่ง” เจี่ยนซือเฉิงตอบ ทำให้องค์ชายหานเฟิงที่อยู่ด้านข้างก็กระซิบถามอย่างสงสัย
“ญาติของพี่ซือเฉิงมิมีบุรุษมาทาบทามสู่ขอจริงๆหรือ”
“จริงกับผีน่ะสิ มีเป็นกองสูงเกือบเท่าภูเขาแล้ว แต่พวกข้าจัดการไปหมดแล้วล่ะ หึหึ”
“แล้วเหตุใดจึงมิให้นางออกเรือนเล่า”
“มิมีชายใดที่คู่ควรกับพี่ซูเมิ่งเลยแม้แต่ผู้เดียว” น้ำเสียงเด็ดขาดนั่นทำให้องค์ชายหานเฟิงเผลอพยักหน้าเข้าใจตาม
แล้ว...
“แล้วพี่สามของข้าพอได้หรือไม่” จากนั้นองค์ชายแปดก็บรรยายสรรพคุณของพี่ชายตนเองทันที “เขาเป็นองค์ชายสาม ที่เกิดจากสนมขั้นเฟย เก่งกาจด้านการรบ การเมืองการปกครอง การต่อสู้ระยะใกล้และระยะไกล รูปร่างสูง มีกล้ามเนื้องดงาม ใบหน้าหล่อเหลาที่สุดในหมู่พี่น้องทั้งหมด ทำงานได้ดีจนเกือบจะได้เป็นรัชทายาทหากไม่หนีออกมาก่อน เสด็จพ่อก็โปรดปรานพี่สามไม่น้อย ทั้งยังเป็นสุภาพบุรุษ สตรีเกือบทั้งแคว้นต่างต้องการเป็นพระชายาของเขาทั้งนั้น หรือเป็นเพียงชายารองก็ถือว่าดีมากๆ”
“เฟิงเอ๋อร์” ชายหนุ่มที่ถูกพูดถึงมองดุน้องชายของตน แล้วเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่สวมใส่เสื้อคลุมของเขาทับไว้ เหมือนซูเมิ่งจะรู้สึกตัวว่าถูกมอง จึงได้สบตากับคนแอบมองนาง...
ใบหน้างามหลบสายตาของเขา ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างขบขัน ใบหน้างามแดงก่ำอย่างน่ารัก แม้เขาจะเคยเห็นสตรีหลายนางเขินอายให้แก่เขาหลายครา แต่ครานี้กลับต่างออกไป รู้สึกดีไม่น้อยที่นางเขินอาย องค์ชายสามมองไปเห็นหญิงสาวอีกนางหนึ่งซึ่งนั่งอีกด้านของชายหนุ่มที่นั่งข้างซูเมิ่ง มี่ฮวาสบตากับองค์ชาย
นั่น..ใบหน้าเช่นนั้น...ช่างคุ้นยิ่งนัก
“นางนามว่ามี่ฮวาขอรับพี่สาม ผูมี่ฮวา” องค์ชายแปดช่วยคลายความสงสัยให้แก่เขา
“ผู? แซ่ผู?”ชายหนุ่มรู้สึกตะลึงงัน เขามองน้องชายแปดสลับกับสตรีนางนั้น ใช่ใบหน้าเช่นนั้น ซ้อนทับกับเสด็จแม่ฮองเฮา เหตุใดนางถึง...
“อะแฮ่ม นี่ก็ดึกแล้ว ไปเข้านอนกันได้แล้ว ส่วนองค์ชายสาม กระหม่อมขอเวลาคุยด้วยสักครู่” ท่านอดีตประมุขพรรคกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
องค์ชายเยวี่ยเสี่ยนส่งสายตาให้กำลังใจพี่ชายแล้วออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงแต่องค์ชายสาม จนบัดนี้ ทุกคนก็ออกไปหมดแล้วเหลือเพียงท่านปู่ทั้งสองและท่านประมุขพรรค ตรงหน้าองค์ชายสาม
“องค์ชายสนใจเมิ่งเอ๋อร์?” น้ำเสียงไม่เป็นมิตรมาจากท่านปู่แท้ๆของซูเมิ่ง
“เราสนใจนาง” ชายหนุ่มตอบตามความจริง ดวงตาคมสีดำสนิทสบตากับผู้อาวุโสกว่าทั้งสามอย่างไม่เกรงกลัว
“ไม่ได้ ! กระหม่อมมิต้องการให้หลานของกระหม่อมยุ่งเกี่ยวกับอำนาจในวัง” ท่านปู่ที่แท้จริงของนางเถียง “เมิ่งเอ๋อร์นางบริสุทธิ์เกินกว่าที่องค์ชายเห็น”
“เรามิให้นางยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเช่นนั้นแน่นอน เพราะเราก็มิได้ต้องการเช่นกัน จึงได้หนีออกมาจากวังเช่นนี้” ผูหยางเหยี่ยนอธิบายแก่ทั้งสาม
“องค์ชาย..ที่ท่านสนใจนางอาจจะเป็นเพียงความหลง อยากครอบครองดังเช่นบุรุษมักมากพวกนั้น” ท่านอดีตประมุขพรรคบอกแก่เขา
“เราอาจจะหลงเสน่ห์ของนางดังเช่นท่านว่า” ชายหนุ่มยอมรับ “แต่เราองค์ชายไม่เคยมีความคิดจะมีชายารองหรืออนุ ต้องการมีเพียงพระชายาเท่านั้น”
“นางมิคู่ควรกับท่าน องค์ชาย” ท่านเจี่ยนจิ่นสือผู้เป็นปู่แท้ๆของซูเมิ่งเอ่ย “นางยังมิสมควรที่จะมีคู่ครองหรือออกเรือน”
“ท่านโกหก” เขาเอ่ยอย่างใจเย็น “เมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่ามิมีชายใดคู่ควรกับนาง”
“เฮ้อ...ท่านพ่อ” ท่านประมุขถอนหายใจแล้วมองไปที่ท่านพ่อของเขา คงต้องมาจากเจ้าลูกชายตัวดีแน่ๆ เหตุใด เพียงเพราะใจดีให้ที่พักอาศัยแก่องค์ชายทั้งหลาย แต่กลับจะได้องค์ชายมาเป็นหลานเขยเสียนี่
ซูเมิ่งของลุง
อาจจะเป็นเพราะว่าเขามีแต่บุตรชาย พอพี่น้องมีลูกสาวเลยรักเหมือนลูกในไส้ เจี่ยนเลี่ยงหวงหรือท่านประมุขพรรคถอนหายใจยาวอีกครา
“เราองค์ชายมีสิ่งใดที่มิคู่ควรกับนางหรือไม่” องค์ชายหยางเหยี่ยนถามกลับอย่างมั่นใจ
เจ้าเด็กนี่...อา พวกเขาเถียงไม่ออก องค์ชายสามผู้นี้เพียงพร้อมไปหมดเสียทุกอย่าง จากที่พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมา หากพี่ชายของเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ต่อจากบิดา องค์ชายสามต้องได้แต่งตั้งเป็นท่านอ๋องแน่นอน เพราะเจ้าตัวมิต้องการที่จะเป็นองค์รัชทายาท
“วอนท่านปู่ทั้งสองและท่านลุงพิจารณาเถิดขอรับ” ชายหนุ่มค้อมหัวลงเล็กน้อยแล้วเดินออกไป
ส่วนเรื่องมี่ฮวา วันพรุ่งนี้ค่อยสอบถามจากน้องชายก็ได้
เพราะเขาต้องอยู่ที่นี่อีกนานจนกว่าเสด็จพ่อจะประกาศองค์รัชทายาท
สี่สัปดาห์ผ่านไป...
“มี่เอ๋อร์ เตรียมออกเดินทางได้แล้ว” องค์ชายสามเรียกหญิงสาวที่กำลังร่ำลากับทุกคนเพื่อออกเดินทาง โดยที่มีหลวนหลง เจียนหลิวและหนิงอวี่ไปด้วย
พวกเขากำลังเดินทางไปที่แคว้นเลี่ยง ที่ๆเป็นบ้านเกิดของเหล่าองค์ชายทั้งสาม
มี่ฮวาก็ต้องการที่จะทราบชาติกำเนิดของนางว่าเป็นอย่างไร
หลังจากวันนั้น ที่องค์ชายสามมาถึงที่พรรค วันต่อมานางก็ถูกเรียกตัวให้ไปพบ เพื่อถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องของตน ดูเหมือนว่าการที่องค์ชายสามเดินทางไกลมาถึงที่พรรคแห่งนี้จะทำให้ได้ทราบเรื่องหลายเรื่อง เมื่อก่อนมีข่าวลือบางอย่างในวังหลัง เรื่องภูตผีปีศาจ คำสาป ความเชื่อทั้งหลาย ที่มีกันอย่างแพร่หลายในวัง แม้กระทั่งองค์ไทเฮาก็ยังเชื่ออยู่หลายส่วน
ถึงจะมีปีศาจอย่างเหนียนเกาจริงๆก็เถิด แต่ปีศาจที่ว่าคือสิ่งที่มองไม่เห็น คือความน่ากลัวสำหรับพวกเขา เรื่องนี้องค์ชายสามได้เล่าให้เหล่าน้องชายฟัง แม้แต่องค์ชายหกอย่างเยวี่ยเสี่ยนก็เพิ่งทราบเพราะเมื่อก่อนตัวองค์ชายหกเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
และดูเหมือนว่าหลังจากนั้นไม่นาน เสด็จพ่อหรือองค์ฮ่องเต้แห่งแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเลี่ยงก็ได้แต่งตั้งรัชทายาท เป็นไปตามคาดว่าเป็นองค์ชายใหญ่
องค์ชายพระองค์แรกที่เกิดจากฮองเฮาพระองค์แรก
ก็เพราะองค์ชายทั้งหลายหลบหนีออกมาโดยอ้างว่าจะเดินทางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีต่างแคว้น ซึ่งแน่นอนว่าเสด็จพ่อทราบว่าหมายถึงพวกเขามิต้องการที่จะครองราชย์สมบัติต่อจากพระองค์
“สักครู่เจ้าค่ะพี่หยาง” มี่ฮวาบอกเขา องค์ชายจึงเดินขึ้นไปบนรถม้า ซึ่งปกติพวกเขาไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรนัก สายตาไม่รักดีก็เหลือบไปเห็นสตรีอีกนางหนึ่งที่มี่ฮวากำลังพูดคุยและล่ำลาอยู่
เจี่ยนซูเมิ่ง...
ผ่านไปหนึ่งเดือน หลังจากที่องค์ชายสามได้เอ่ยขออนุญาตศึกษาดูใจกับคุณหนูตระกูลเจี่ยน เขาเป็นคนหัวดื้อ ดังเช่นเสด็จพ่อ
และนั่นก็ทำให้เขาหลงรักหญิงสาวนางนั้นเข้าเต็มเปา แต่..สตรีเช่นนางควรเจอบุรุษที่ดีกว่าเขา
นางไม่ใช่สำหรับเขา มิใช่ว่านางมิคู่คู่ควรกับเขา
แต่องค์ชายเช่นเขากลับรู้สึกไม่คู่ควรกับนาง ซูเมิ่งบริสุทธิ์เกินไป จนเขากลัวที่จะทำให้นางแปดเปื้อน หากเปรียบเขาก็เหมือนกับสีเทา ส่วนนางเป็นสีขาว เขาไม่ควรทำให้สีขาวต้องแปดเปื้อน
นึกไปถึงวันนั้นที่ชายหนุ่มมั่นหน้าเอ่ยขอศึกษาดูใจกับซูเมิ่ง
อา...เขาโดนสายตาเยาะเย้ยจากท่านประมุข ท่านรองประมุข ท่านอดีตประมุข และท่านปู่ของซูเมิ่งหลายคราทีเดียว
จากนั้นเขาคอยแต่เกาะติดมี่ฮวายิ่งกว่าปลิง คอยกันหลวนหลงออกไปอย่างแนบเนียน ทั้งเขา น้องหกและน้องแปดทำเช่นเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย มันเป็นความรู้สึกหวงที่เกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่ทราบ รู้เพียงว่ายามที่เห็นมี่ฮวาใกล้กับบุรุษอื่นก็ต้องคอยกันออกเท่านั้น ทั้งๆที่ก็มิทราบว่านางใช่น้องสาวที่แท้จริงของพวกเขาหรือเปล่า
รู้สึกว่าเหล่าองค์ชายจะเข้าใจความรู้สึกของเหล่าท่านปู่ ท่านประมุขและท่านรองประมุขขึ้นมา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ไหงมาตอนท้าย องค์ชายสามจะตัดใจซะง้าน?