ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Short] Fic

    ลำดับตอนที่ #2 : เพิ่งรู้ว่ารัก Kibum & Donghae

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 50


     เพิ่งรู้ว่ารัก

    Charactor : Kibum & Donghae

    เบื่อ !!!!

    ความรู้สึกที่แทรกผ่านเข้ามาเมื่อ “เขา” ถูกพวกรุ่นพี่ทั้งดึงทั้งลากให้ออกมากลางดึก
    แบบนี้ เด็กหนุ่มเริ่มหันไปสนใจกับก้อนน้ำแข็งเพียงก้อนเดียวในแก้วค๊อกเทล
    หากแต่ความรู้สึกบางอย่างกลับเรียกให้คิบอมหยุดการกระทำนั้นลง
    เขารู้สึกเหมือนใครบางคนกำลังจับจ้องเขาอยู่...ชนิดที่แทบไม่กะพริบตา

    “นายไม่ออกไปเต้นอยู่กับคนอื่นรึไง”
    “ออกไปเต้นกลางผับแล้วปล่อยให้นายนั่งเบื่อๆ อยู่คนเดียวงั้นสิ” ทั้งที่เขาเป็นคนถาม
    แต่กลับถูกย้อนกลับมาซะเฉย คนตัวเล็กกว่ายิ้มได้ใจเมื่อรู้ดีว่าคนอย่างคิบอม
    ไม่มีทางขัดใจตัวได้อยู่แล้ว

    “ฉันก็แค่อยากอยู่คนเดียว” คำตอบในใจลึกๆ แต่เขากลับไม่เลือกที่จะเอ่ยมันอออกไป
    คนท่าทางเฉยชามองร่างบางที่เริ่มเปลี่ยนอิริยาบถมาเป็นนั่งเท้าคางอย่างเซ็งอารมณ์

    “มานั่งกับฉันนายก็ทำท่าอย่างกะคนเซ็งโลก”
    “เอาน่า” ดงเฮรีบตัดบท “ฉันจะนายเป็นเพื่อนนายจะทำไม”

    ความเงียบเริ่มปกคลุมบนโต๊ะที่เหลือที่ว่างอีก 11 ที่ทิ้งพวกเขาทั้งสองคน
    ท่ามกลามความเงียบเหงา ดงเฮจับจ้องคนที่กลับไปสนใจกับน้ำค๊อกเทลสีน้ำเงินในแก้ว หนังตาที่อ่อนล้าจากการฝึกซ้อมเมื่อตอนกลางวันยิ่งทวีความหนักมากยิ่งขึ้น
    หากแต่สัมผัสเบามือสะกิดให้คนตัวเล็กนั้นตื่นจากนิทรา ร่างชุ่มเหงื่อของฮยอคแจ
    ทำให้ดงเฮระบายยิ้มออกมาอย่างงัวเงีย

    “ถ้าฉันรู้ว่านายออกมาหลับแบบนี้ ฉันน่าจะลากนายกลับไปเต้นกลับแม่สาวพวกนั้นต่อ”
    “นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบทำแบบนั้น ถ้าฝืนทำมันก็ยิ่งทำให้น่าเบื่อมากกว่าเดิมล่ะสิไม่ว่า”
    ดงเฮกล่าวกับอึนฮยอกเพื่อนสนิทของตน ก่อนจะเริ่มฟุบหลับลงนอนอีกครั้ง
    เสียงโวยวายเริ่มทวีความดังขึ้นจนขัดจังหวะการนอนของดงเฮ จนเจ้าตัวต้องจำใจหันไปมองสมาชิกในวงที่เหลือค่อยๆ ทยอยกลับมานั่ง

    “นายสองคนมาเที่ยวไม่คุ้มเสียจริงๆ เลย” ลีทึกกล่าวอย่างหัวเสีย เจ้าตัวเอื้อมไปหยิบแก้วคอกเทลขึ้นมาดื่นโดยหารู้ไม่ว่าไม่ใช่ของตัว
    “ฮยอง นั่นของผม” คิบอมบ่นอย่างหัวเสียแต่กลับโดนลูกมะเหงกจากคนเป็นพี่
    “เป็นเด็กเป็นเล็ก กินของแบบนี้มากๆ ไม่ดีนะรู้ไหม”

    “ฮยองครับ ผมว่ากลับกันเถอะนะ พรุ่งนี้ก็มีซ้อมตั้งแต่เช้า ถ้าพี่ซึงฮวานมาเห็นพวกเรา
    มีแต่ซวยนะครับ” ซีวอนที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น เขาไม่ได้ออกไปเฮฮาเหมือนพวกพี่ๆ
    แต่เลือกที่จะหามุมเงียบๆ เขาไม่ชอบสถานที่แบบนี้นักมันไม่เหมาะกับคำว่า
    ซุปเปอร์ จูเนียร์เอาเสียเลย

    “ผมเห็นด้วยนะ อีกอย่างในนี้ไม่เห็นมีอะไรที่สนุกเหมือนที่ฮยองพูดเลย” ดงเฮบ่นอุบอิบพลางเทน้ำเปล่าใส่แก้วให้คนข้างตัว อึนฮยอกรับแก้วน้ำจากดงเฮมาดื่มเฮือกใหญ่
    พลางมองคนที่ตัวเหมือนเด็กๆ

    “นายไม่ยอมไปสังสรรค์กับคนอื่นเองนี่ แล้วยังมีหน้ามาบ่นอีกเอาอย่างคิบอมบ้างสิ
    เป็นเด็กเฝ้าโต๊ะอย่างไม่บ่นสักคำเลย” คำพูดของฮยอคแจทำให้คนขี้บ่นหันไปสบตา
    กับเด็กเฝ้าโต๊ะอย่างจัง ก่อนคิบอมจะเป็นฝ่ายหลบหน้าไปเสียก่อนเล่นเอาหัวใจอีกฝ่ายเต้นไม่เป็นส่ำ

    “จะออกไปกันแบบกลุ่มใหญ่ๆ แบบนี้เหรอครับ” คิบอมเอ่ยออกความเห็น
    “ถ้าเกิดออกไปแบบนี้มีหวังต้องโดนสังเกตเห็นแย่สินะ”

    “งั้นก็แยกทาง” คังอินที่กำลังอยู่ในอาการเมาค้างทุบโต๊ะจนทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันอย่างไม่รู้ตัว คิบอมมองภาพเบื้องหน้าอย่างนึกระอา ถ้าจะให้แยก เขาก็จะแยกแต่จะแยกไปแค่คนเดียว

    สัมผัสอบอุ่นที่มือทำให้เด็กหนุ่มนึกแปลกใจ “นายจะทำอะไร”
    “ไปกับนายไง”
    คนตัวเล็กกว่ากล่าวง่ายๆ พลางรีบลากคิบอมออกจากผับไปเสีย
    คนตัวเล็กกว่ายังคงจับมือคิบอมแน่น ท่ามกลางหยดน้ำที่เกาะตามเศษไม้ใบหญ้า
    บอกได้เป็นอย่างดีว่าฝนเพิ่งหยุดตกได้ไม่นาน

    “พักก่อนได้ไหมคิบอม มันเบลอนะ” อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
    สีหน้าของคนตัวเล็กกว่านั้นดูไม่ดีเท่าใดนัก คิบอมจึงพยักหน้ารับก่อน
    จะทรุดลงนั่งข้างๆดงเฮที่นั่งถอนหายใจรอยรินอยู่ก่อนแล้ว

    “เป็นอะไรมากรึเปล่า” เขาถามเพราะเป็นห่วง แต่ห่วงในฐานะ....เพื่อน (ละมั้ง)
    ดงเฮเพียงยิ้มดีก่อนจะโน้มตัวพิงไหล่ของคนที่สูงกว่าเขานัก
    “ขออยู่แบบนี้อีกสักพักเหอะนะ คิบอม” คนตัวเล็กกว่าหลับตาพริ้มก่อนจะปล่อยเวลา
    ให้ผ่านไปนานที่สุดเท่าที่มันจะรั้งไว้ได้

    เขามีความสุขที่เป็นแบบนี้ แค่อยู่กับคนๆนี้...
    ความรู้สึกแปลกๆ ทำให้คิบอมละสายตาจากคนตัวเล็กกว่าไปมองสีดำของรัตติกาล
    บนท้องฟ้าแทน เขาไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้เอาเสียเลย ไม่เข้าใจว่าเขารู้สึกกับดงเฮ
    ว่ามันคืออะไร เพียงแต่ตอนนี้แค่เค้าอบอุ่นใจเมื่อมีคนๆ นี้อยู่เคียงข้าง..บางสิ่งที่เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ หรืออาจเป็นเพราะเขายังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องแบบนี้....

    “ดงเฮ มีจดหมายมาหานายน่ะ” จดหมายสีขาวสะอาดถูกยื่นส่งให้เด็กหนุ่มที่กำลัง
    งงวยกับท่าทีของเพื่อนรัก ทำไมต้องลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ด้วย....

    “ถ้าเป็นจดหมายของพวกแฟนคลับเดี๋ยวฉันค่อยกลับมาอ่านแล้วกัน ฉันจะรีบไปหาคิ...” ดงเฮยัดจดหมายซองเดิมกลับไปให้อึนฮยอกก่อนจะรีบวิ่งออกไปทางห้องซ้อม

    “ฉบันนี้มันสำคัญนะเว้ย ดงเฮ” ร่างบางชะงักกึกก่อนมองฮยอคแจอยู่นานเป็นการชั่งใจพลางรับจดหมายนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน ดวงตาระริกนั้นไล่ไปตามแต่ละบรรทัดก่อนจะจ้องมองทางเพื่อนสนิทที่ยืนนิ่ง เขาต้องการคำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้....

    “เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน เฮ้ยบอกมานะ” อารมณ์ของดงเฮเริ่มกรุ่น
    เรื่องความเป็นความตายแบบนี้ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ทั้งที่หมอนี่ก็น่าจะรู้ดี
    ว่าความสุขของแฟนๆ คือสิ่งทีสำคัญมากที่สุดของการเป็นซุปเปอร์ จูเนียร์

    “ห้อง 203 โรงพยาบาลคังนัม” ทันทีที่ได้คำตอบที่ต้องการ คนตัวเล็กก็รีบผลุนผลัน
    ออกไปทันที
    คิบอมก็คิบอมเหอะ แค่ฮยอคแจรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาก็คือสีฟ้าซัฟไฟร์บลู
    ดงเฮคงรู้สึกแบบเดียวกับเขา

    เสียงฝีเท้าที่ซอยถี่ตลอดทางพาร่างที่ชุ่มเหงื่อมาหยุดอยู่ที่ประตูของห้อง 203
    คิม แฮวอน ดงเฮชั่งใจชั่วครู่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เด็กน้อยท่าทางซีดเซียวนอนซึม
    อยู่บนเตียง แฮวอนไม่ทันสังเกตแม้แต่จะมีใครเข้ามาในห้องของเธอ ดวงตาระริกนั้นจับจ้องไลฟ์ล่าสุดของซุปเปอร์ จูเนียร์

    “คุณคือ....” คุณแม่ที่ข้างๆ นั้นมองหน้าดงเฮอย่างไม่เชื่อสายตา เธอมองหน้า
    ของเด็กหนุ่มสลับไปกับโปสเตอร์ที่ติดอยู่ไม่ไกลนัก แฮวอนหันหน้าไปตามเสียง
    ของเด็กหนุ่มก่อนดวงตานั้นจะเบิกโพลง

    “ดงเฮ โอปา โอปามาหาฉันจริงๆ เหรอคะ” เด็กสาวกรี๊ดเสียงร้องเสียดังลั่นห้อง ก่อนเด็กสาวจะนอนกระหืดกระหอบรอยยิ้มนั้นแต้มความสดใสอ่อนโยนไว้ฉายชัด

    “พี่จะอยู่ข้างเธอจนกว่าเธอจะหายดีนะแฮวอน” แม่ของแฮวอนมีท่าทีขอบคุณดงเฮ
    ที่มาตามคำขอร้องของเธอที่ส่งไปทางจดหมาย

    “สัญญานะคะพี่ดงเฮ ฉันจะได้เห็นหน้าพี่ตัวเป็นๆ ทุกวันแทนโปสเตอร์พวกนั้น”
    เด็กสาวโบ้ยไปทางโปสเตอร์รูปของดงเฮที่อยู่ห่างจากเตียงไปในระยะที่
    เด็กสาวจะมองเห็นมันทันทีที่ลืมตาตื่น รอยยิ้มมีความสุขฉายชัดนักแต่ก็อยู่ได้เพียงครู่เดียวเมื่อแฮวอนกลับส่ายหน้าด้วยท่าทางเศร้า

    “แต่พี่ดงเฮไม่ต้องมาหาฉันทุกวันหรอกนะคะ เพราะอีกไม่นานฉันก็จะไปอยู่บนสววรค์แล้ว”
    “แฮวอนพูดแบบนี้อีกแล้วนะ”
    เด็กสาวไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของแม่ของเธอมากนัก เธอยื่นนิ้วก้อยข้างซ้ายออกมา
    ซึ่งเขากลับเกี่ยวก้อยเด็กสาวตอบอย่างนึกเอ็นดู ใบหน้าของแฮวอนซีดเซียวลง
    มากกว่าเดิมนัก เขาลูบหัวเด็กสาวอย่างเอ็นดู

    “พักซะนะ แฮวอน พี่จะอยู่ข้างๆ เธอเอง”
    “สัญญานะคะ โอปา” เด็กสาวยิ้มรับก่อนจะรีบหลับตาพร้อม

    “ฮยอคแจ นายเห็นดงเฮรึเปล่า” เด็กหนุ่มรุ่นน้องเอ่ยถามรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ไม่ไหลจากเขานัก เขาไม่เห็นหน้าคนที่มักจะตามติดเขาอย่างกะลูกแมวมานานแค่ไหนแล้วนะ
    ตอนนี้หมอนั่นกำลังทำอะไรเขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ....และคิบอมเองก็ไม่เข้าใจหัวใจของตัวเองด้วยว่าทำไมมันถึงได้หงุดหงิดนัก แค่มันไม่ได้เจอหน้า....

    “สงสัยงีบหลับอยู่ในห้องมั้ง”
    คิบอมเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบกริบ เขาไม่อยากรบกวนเวลานอนของดงเฮ
    แค่อยากเห็นหน้า เขาแค่อยากเห็นหน้าคนที่มักวนเวียนอยู่ในใจเขามันก็แค่นั้นเท่านั้นจริงๆ สีหน้าของร่างบางดูอิดโรยนัก เด็กหนุ่มมองคนตัวเล็กกว่าอย่างพยายามหาคำตอบจากคนตรงหน้า มืออุ่นเอื้อมไปสัมผัสริมฝีปากหากแต่ผู้ถูกกระทำกลับจับข้อมือนั้นแน่น ดวงตาระริกมองเด็กหนุ่มอย่างดีใจก่อนคิบอมจะรีบดึงมือของตัวออกราวกับต้องของร้อน
    “นายเองเหรอคิบอม”
    “อืม”
    “กี่โมงแล้วนะ” ร่างบางถามอย่างงัวเงียพลางขยี้ตา คิบอมมองท่าทางของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก
    “บ่ายสาม” คนตัวเล็กกว่ารีบกุลีกุจอออกจากห้องไปทันที หากไม่ใช่เพราะเขารั้งของมือเอาไว้เขาก็คงไม่ได้เจอร่างบางไปอีกนาน “นายจะไปไหน”
    “มีธุระนิดหน่อยนะ ขอโทษนะ”
    ผม ก็แค่...ทั้งที่ผมอยากปล่อยเวลาที่เราสองคนจะอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้ แต่ดงเฮกลับหนีผมไปอีกครั้งผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เอาเสียเลย มันทำให้ผมรู้สึกแย่ๆ แย่มากๆ ผมอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอดดีกว่าให้เขาคนนี้ต้องมาทำตัวไม่ใส่ใจ ไม่สนใจผมแบบนี้
    “ขอโทษนะครับพี่ซึงฮวาน” คิบอมโค้งตัวลงต่ำให้กับผู้จัดการหนุ่ม ตอนนี้เขารู้สึกแย่เกินกว่าจะทำอะไรถึงแม้จะเป็นการวิ่งตามความฝันของตัวเองก็ตาม
    “แน่ใจนะคิบอมที่จะปฏิเสธละครฟอร์มยักษ์แบบนี้” ซึงฮวานถามย้ำกับเด็กหนุ่มในสังกัดความดูแลของเขาอีกครั้ง คิบอมมีท่าทีแปลกไป “มีปัญหาอะไรก็บอกฉันได้นะ” ซึงฮวานตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้เขาต้องอยู่กับความโดดเดียวเพียงลำพัง

    “นายปฏิเสธเดบิวต์ละครเรื่องใหม่เหรอคิบอม” เสียงใสของคนที่เขาสุดแสนจะคิดถึงเอ่ยขึ้น จนเค้าแทบจะหันไปคว้าร่างทั้งร่างของดงเฮมาก่อนแทบไม่ทัน
    “นายสนใจเรื่องของฉันด้วยเหรอ” ถ้อยคำอ่อนแรงนั้นกระซิบไว้ข้างหูของร่างบาง หากแต่ดงเฮกลับพยายามที่จะผลักร่างของคิบอมออก หมอนั่นยังไม่พูดให้เคลียร์ แต่เหมือนยิ่งดันร่างสูงเขาก็ยังกระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นยิ่งขึ้น
    “เรื่องของนาย ทำไมฉันจะไม่เคยสนใจ เพราะฉัน..... เอาน่านายปฏิเสธละครเรื่องใหม่ไปทำไม นายพยายามกับงานนี้มากไม่ใช่รึไง”
    เพราะนายไงดงเฮ นายจะรู้ไหมว่านายทำให้ฉันแฮงค์….
    “ฉันก็แค่รู้สึกแย่ๆ พอนายไม่อยู่ตัวฉันก็เหมือนไร้วิญญาณ” ร่างบางขยับรอยยิ้มขัน ก่อนจะเอื้อมไปสัมผัสข้อมือของเด็กหนุ่มให้เดินตามตนไป “งั้นนายก็ควรรู้ไว้ว่าตลอดเวลาที่ฉันหายไปนั้น ฉันทำอะไร”
    ช่อกุหลาบสีขาวบรรจงวางอย่างประณีตบนสุสานสีขาวของแฮวอน “พวกเราต่างก็สัญญากับแฟนๆ ไว้ว่าจะไม่ทำให้สีฟ้าซัฟไฟร์นั้นต้องเสียใจ แฮวอนเป็นลูคิเมียที่จะมีชีวิตอยู่บนท้องฟ้าสีครามนี้ได้อีกไม่นาน แล้วฉันก็สัญญาไว้ว่าจะอยู่ข้างเขาจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย”
    คิบอมทอดสายตาอ่อนโยนมองคนที่สำคัญที่สุด เขามองข้ามสิ่งที่สำคัญที่สุดไปทั้งที่อยู่ใกล้ตัวเพียงแค่เอื้อม เพราะดงเฮทำท่าไม่ใส่ใจเขามันถึงทำให้เขารู้ถึงคำว่าเจ็บ เจ็บมากที่สุด เด็กหนุ่มนึกไม่ออกเลยจริงๆ วันที่ไม่มีคนตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ เขารู้ซึ้งถึงคำว่าแย่ที่สุดมาแล้ว
    “นอกจากสีฟ้าซัฟไฟล์แล้ว คนที่ฉันรักมากที่สุดก็คือนาย” แววตาลึกซึ้งมองคิบอมอย่างมีความหมาย ก่อนคิบอมจะรีบดึงร่างบางนั้นมากอดอย่างนึกทะนุถนอม คนตัวเล็กกว่าซุกลงบนอกของเด็กหนุ่ม “ขอบใจนะที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญของนาย”
    “เพราะฉันเพิ่งรู้จักความรู้สึกที่มีต่อนายแค่เพียงคนเดียว”
    “หือ”
    “ซารัง ยอนวอนฮี”
    สัมผัสอบอุ่นแนบริมฝีปาก สัมผัสอ่อนโยนทำให้ดงเฮดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงก่อนจะรีบดันร่างคิบอมออกแล้วยิ้มดี
    “ฉันก็รักนะมากที่สุดเหมือนกัน” คนตัวเล็กกว่ารีบฉวยโอกาสนั้นฉกฉวยความหอมหวานที่แก้มของเด็กหนุ่มก่อนจะรีบดันร่างสูงออกไปแล้วหัวเราะร่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×