ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทฤษฏีของ"รัก"

    ลำดับตอนที่ #4 : คนที่ใช่กว่า

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 50


    คนที่ใช่กว่า
    เรามีเรื่องของคู่รัก 2 คู่มาเล่าให้ฟัง…
    ทั้ง 2 คู่ต่างก็เป็นคู่รักที่รักกันมาก
    ดูแลเอาใจใส่และเข้าอกเข้าใจกันมานาน 7- 8 ปี
    เป็นคู่รักที่คนรู้จักต่างก็แน่ใจว่า
    อีกไม่นานก็คงได้ยินข่าวดีจากคู่รัก 2 คู่นี้แน่ๆ
    แต่แล้ววันนึงก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันขึ้นกับคู่รักทั้ง 2 คู่

    …..เมื่อฝ่ายชายก็ได้พบใครใหม่ที่คิดว่า "ใช่" มากกว่า
    ผู้หญิงคนใหม่ที่สวยกว่าและมีเสน่ห์มากกว่า
    ฝ่ายชายตัดสินใจคบดูใจด้วย โดยที่ยังไม่เลิกกับคู่รักเดิม….
    ยิ่งคบเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่
    ผู้หญิงคนใหม่ที่คบกันมา 2 - 3 เดือน กับคนรักคนเดิมใน 7- 8 ปีที่ผ่านมา
    เริ่มถ่วงดุลน้ำหนักที่เท่ากันบนตาชั่งการตัดสินใจของเขา
    ทายสิว่า ชายหนุ่มทั้งคู่เลือกใคร

    เขาทั้งคู่เลือกผู้หญิงคนใหม่….
    สิ่งที่ผู้ชายทั้งคู่ต่างหยิบยกมากล่าวถึงก็คือ คนรักคนเดิมที่เคยคบด้วย
    มีอะไรบางอย่างที่เขาไม่ค่อยชอบใจ อาจจะเป็นนิสัยส่วนตัวบางประการ
    แต่ในขณะที่คบกันมานั้น
    สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาพอรับได้เมื่อเทียบกับความดีอื่นๆ ที่เธอทำให้เขา
    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักอย่างหมดใจที่เธอมีให้เขา
    แต่วันนึงที่พบผู้หญิงคนใหม่ อะไรที่เคยทนได้ก็กลับทนไม่ได้ขึ้นมา
    โดยเฉพาะเมื่อผู้หญิงคนใหม่ไม่ได้มีข้อเสียในจุดนั้นเหมือนคนรักเก่า

    แต่ข้อแตกต่างอยู่ที่…ผู้ชายคนที่ 1
    ถูกคนรักของเขาจับได้เองว่าเขามีผู้หญิงคนใหม่
    และเมื่อขาบอกว่าเขาเลือกผู้หญิงคนใหม่ เขาให้เหตุผลว่า
    "เขาดีกว่าคุณทุกอย่าง เขาคอยดูแลผม
    เขาเข้าใจผม(และที่สำคัญเขาสวยกว่า และใหม่กว่าคุณด้วย) "

    ส่วนผู้ชายคนที่ 2 …เลือกสารภาพกับคนรักว่า
    "ผมเป็นคนผิดเองที่นอกใจคุณ แต่คนที่ผมเลือกก็เป็นเขา
    ขอโทษนะ ผมผิดเอง ขอโทษจริงๆ"

    ถามคุณว่า ถ้าต้องเลือกระหว่างการปฏิบัติของผู้ชาย 2 คนนี้
    ….แบบไหนที่ดูเป็น "ลูกผู้ชาย" มากกว่ากัน
    แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ถ้ามีทางเลือก…ผู้หญิงเราคงไม่เลือกสักทาง จริงไหม
    เพราะถ้าเราเลือกได้จริงๆ เราก็ขอเลือกให้เขามีเราคนเดียวมากกว่า
    เราเชื่อว่า สิ่งที่คนส่วนใหญ่(อาจจะไม่ทุกคน…แต่ก็เชื่อว่าเป็นจำนวนมาก)
    ต้องการมากที่สุดในการตัดสินใจที่จะรักและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใครสักคนแล้ว
    ก็คือความ"จงรัก" และ"ภักดี"

    คุณทมยันตี เคยกล่าวถึงคำทั้ง 2 คำไว้ และเราสรุปเป็นใจความได้ว่า
    "จงรัก" อาจจะมากมายในวัยหนุ่มสาว
    อาจจะร้อนแรง อาจท่วมท้นในยามแรกรัก
    แต่วันนึงอาจจะจืดจางได้ตามกาลเวลา
    แต่คนรักคู่ใดๆในโลกก็มักเริ่มชีวิตคู่ด้วยคำๆ นี้
    แต่ "ภักดี" นั้นชั่วชีวิต
    ความจงรักหรือความรักนั้น เราเชื่อว่ามันไม่เข้มข้น ร้อนแรงตลอดไปก็จริง
    แต่มันคงเหลืออวลไอเป็นใยบางๆ ไว้ตราตรึงใจบ้างกระมังในยามที่เราหวนนึกถึงมัน
    แต่การที่คนสองคนอยู่กันมานานแสนนานขนาดนี้ ย่อมต้องมีความผูกพัน
    ความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจซึ่งกันและกันบ้างไม่มากก็น้อย

    สิ่งที่เราเห็นจากคู่รักทั้ง 2 คู่ก็คือ
    …ฝ่ายชายหมดความ "จงรัก" ลงไป
    แต่ความรู้สึกอื่นๆ ล่ะ ความผูกพันของคนสองคน ความเห็นอกเห็นใจ
    ความเข้าอกเข้าใจที่เคยมี มันไม่เหลือพอที่จะผูกใจเขาให้อยู่กับเราแล้วหรือ
    คู่รักทั้ง 2 คู่ เป็นคู่ที่เรารู้จักดีทั้ง 2 คู่ ตอนที่เขารักกัน
    เขาก็รักกันมาก เขาดูแลกันเป็นอย่างดี ตอนนี้เมื่อถึงจุดแตกหัก
    เราพอรู้ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นอย่างไร
    พอเข้าใจว่าผู้หญิงที่รักและภักดีต่อฝ่ายชายแต่เพียงผู้เดียวจะรู้สึกอย่างไร
    ผู้หญิง 1 ใน 2 คนนี้บอกกับฝ่ายชายตอนที่เขามาขอเลิกว่า
    "ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่กับคุณก่อน จะอยู่ดูแลคุณอีกสักพักเพราะตอนนี้
    คนรอบข้างคุณและเพื่อนๆ ของเราไม่ค่อยมีใครอยู่ข้างคุณแล้ว
    พอเพื่อนๆ ของเรายอมรับผู้หญิงคนใหม่ของคุณได้แล้วฉันก็จะไป"

    แต่ฝ่ายชาย เราไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะคิดอย่างไร
    อาจจะกำลังมีความสุขกับผู้หญิงคนใหม่ ความรักอาจกำลังท่วมท้น
    อาจกำลังวางแผนสร้างอนาคตที่สดใสกันอยู่
    เขาอาจจะมีความรักที่รุ่งโรจน์กว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้
    เราก็หวังไว้แต่ว่าวันนึง เขาคงจะไม่เจอคนที่ "ใช่มากกว่า" อีก
    เพราะนั่นหมายถึง ผู้หญิงที่ต้องเสียใจจะเพิ่มขึ้นอีก 2 คน
    ถ้าเราคิดจะมองหาคนที่ถูกใจ คนที่ "ใช่" คุณเชื่อไหมว่า
    เราหาได้เกือบชั่วชีวิต
    แต่คนที่จะตรงใจคุณจริงๆ 100% นั้น ไม่มีหรอก
    นอกจากคุณจะหยุดความต้องการที่ไม่มีข้อสิ้นสุดของตัวคุณเองลง
    เราเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา ไม่ได้ต้องการบอกว่าใครผิดใครถูก
    แต่ต้องการให้คุณหยุดคิดสักนิดว่า อะไรในชีวิตที่คุณต้องการ
    อะไรที่เป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่ากัน
    มนุษย์เรา หากจะรักและคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับใคร
    ก็คงจะต้องการเพียงแต่ "เพื่อนคู่ชีวิต" สักคน
    คนที่อยู่กับเราเสมอไม่ว่ายามทุกข์ยาก ลำบาก
    หรือผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน
    คนที่มองเห็นข้อเสียและข้อผิดพลาดของคุณ
    แต่ก็ยังรักและยังอภัยให้คุณได้เสมอ
    คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณแม้คุณจะกลายเป็นตาแก่หัวล้าน พุงยาน หนังเหี่ยว
    เขาก็พร้อมที่จะแก่เฒ่าไปพร้อมกับคุณ แต่คนที่ว่ามานี้
    คุณมักลืมเขาในยามที่คุณยังมีความสุขอยู่
    ในยามที่ชีวิตของคุณยังเป็น "ผู้เลือก" ที่ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ถูกเลือกได้อยู่
    ในยามที่คุณยังมีหน้าตา
    มีเครื่องประกอบชีวิตที่เป็นที่สนใจจากคนเหล่านั้นอยู่
    คุณอาจจะต้องนึกถึงเขาอีกที ในยามที่คุณไม่มีใครแล้ว
    ในยามที่คนที่คุณคิดว่า "ใช่" เขาก็ไปกับคนใหม่ที่เขาก็คิดว่า "ใช่"
    มากกว่าคุณเหมือนกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×