น้ำตาของลูกผู้ชาย
ผู้เข้าชมรวม
1,962
ผู้เข้าชมเดือนนี้
46
ผู้เข้าชมรวม
น้ำตาลูกผู้ชาย
นับแต่เกิดมา จนวันนี้...ผมยังจดจำ เหตุการณ์ในอดีต ที่คงลืมไม่ได้… กับ ในช่วงวัยเรียน ที่เรียนชั้นประถมปีที่ 6/1 ในอดีต โรงเรียนจะมีการคัดเด็กนักเรียน ที่มีการเรียนดีจะอยู่ห้อง ก หรือห้อง /1 ตั้งแต่ผมเรียนชั้นระดับประถมต้นจนถึงประถมปลายผมจะอยู่ห้อง ก. มาโดยตลอด แต่เมื่อมาเรียนระดับชั้นมัธยมปลายมีเพียง ชั้น มศ.1 ที่ผมต้องมาอยู่ห้อง 1/2 จากนั้น ก็กลับมาอยู่ห้อง 1 ตามเดิม
ความซนของเด็กผู้ชาย น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา และการถูกครูลงโทษ ก็ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ ตอนที่นั่งใกล้กับ สมควร และสมคิด เพื่อนหญิงที่เรียนร่วมชั้นด้วยกัน ผมกับวันชัย มักแอบเอาตุ๊กตากระดาษของเธอไปซ่อน หรือบางครั้งฉีกคอให้ขาดเพื่อแกล้งคนทั้งสอง จนครั้งหนึ่ง เขาจับได้คาหนังคาเขา ว่าเราสองคน ได้แอบเปิดลิ้นชัก ที่โต๊ะเรียนของเธอ แล้วเอาตุ๊กตากระดาษ ที่เธอทั้งสองบรรจงวาดและระบายสีอย่างสวยงามมาทำลายให้เสียหาย
“คุณครูขา..ธรนินทร์ กับวันชัย เขาเอาตุ๊กตาของหนู ไปฉีกจนคอขาดเลยค่ะ” สมควรกับสมคิด ที่นั่งด้วยกัน เดินไปฟ้องครู ที่หน้าชั้นเรียน ด้านขวาของมุมห้อง ที่ห่างจากกระดานดำ ประมาณ 3 เมตร
“ธรนินทร์ วันชัย มาหาครู โดยเร็วเลย” ครูประจำชั้น เรียกชื่อ บุคคลที่ถูกฟ้อง ให้มารับยอมรับ หรือปฎิเสธ คำกล่าวหา
“ไอ้ชัย ครูเรียกเราสองคนไปหา” ผมบอกเพื่อน
“โดนไม่เรียว...แน่ๆ ละมึง” วันชัย พูด
“เตรียมแก้ตัวเลย หนักจะได้เป็นเบา” ผมเสนอความคิดเพื่อนสนิท
ครูประจำชั้นเรียกเราสองคนไปพบ.. ครู่ต่อมา ผมกับวันชัย ก็ไปยืนเรียงหน้า ที่โต๊ะครูประจำชั้น
“จะแก้ตัวอย่างไร ว่ามา ธรนินทร์ กับ วันชัย”
“ผมไม่ได้ฉีก ครับ พอดีผมรีบเอาตุ๊กตา ออกจากสมุดของสมควร แล้วหัวของตุ๊กตามันหนีบกับขอบโต๊ะ ผมเลยดึงหัวอย่างแรง มันเลยขาด” วันชัย แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด จะยอมรับสารภาพ ว่าเจตนาฉีกหรือไม่ ธรนินทร์”
“ครับ ฉีกครับ” ผมต้องยอมสารภาพ เพราะจริงอย่างที่ครูพูด มันไม่สมเหตุสมผล
“ดีแล้วจะได้ไม่ต้อง ฟังคำแก้ตัว ที่เกินจริงไปมาก” ครูพูด
“จะให้ครูลงโทษอย่างไร”
“แล้วแต่คุณครู ครับ” วันชัยพูด
“เอามือมา ครูจะตีคนละสามที วันชัยต้องหาตุ๊กตามาคืนให้สมควร ด้วย” ครูพูด
ผมกับวันชัยถูกลงโทษ คนละสามครั้ง ถึงจะเจ็บแต่ก็ทนได้ จริงๆ ระหว่าง การถูกไม้เรียวลงโทษ ด้วยการตีที่ฝ่ามือ กับฟาดที่ก้น ผมมองว่าให้ถูกตีที่ก้นจะดีกว่า
..............................................................
ถึงแม้ว่าสมัยยังเด็กยังไม่ได้ใส่กางเกงใน แต่หากถูกตี มันยังผ่านผ้า ก่อนถึงเนื้อ แต่หากถูกตีที่ฝ่ามือ มันโดนเนื้อโดยไม่ผ่านสิ่งอื่นใดเลย พูดได้ว่าในสัปดาห์หนึ่ง ผมกับวันชัย จะต้องถูกครูลงโทษ ไม่น้อยกว่า สามวัน หนำซ้ำกลับมาที่บ้านก็ถูกแม่เฆี่ยน ที่หนีไปเตะฟุตบอล ที่เทศบาล จนแม่ต้องให้น้องไปตามมาทำขนม น้อยครั้งเหลือเกินที่ลูกผู้ชายอย่างผม จะต้องมาคร่ำครวญ และเสียน้ำตาโดยเปล่าประโยชน์
ลองมานึกทบทวน ช่วงป.4 ผมเคยถูกครูประจำชั้น (สนิทกับแม่) เพราะ ครูได้ประโยชน์ จากการขายกระดาษให้แม่ ผมเคยไปบ้านพักครู ที่อยู่ในโรงเรียน เพื่อจะ (ซี้อ) เอากระดาษมาพับถุงห่อขนม และพับขายให้กับแม่ค้าขายขนมคนอื่นๆ
“ถ้าลูกชั้น ซนและดื้อ ขอให้ครู จัดการได้เลย ค่ะ” แม่บอกครู
ครูบุญล้วน เป็นคนท้วมเตี้ย ขาว เธอมักจะมาอุดหนุนแม่ ช่วงเช้าๆ แม่มักจะแถมขนมให้ครูเป็นพิเศษ ผมเห็นแม่สนิทกับครูในใจมีความรู้สึกว่า ผมได้รับภูมิคุ้มกันในเรื่องการสอดส่องดูแล ที่อาจจะพิเศษเหนือกว่าเพื่อนบ้าง อย่างน้อย การถูกลงโทษ จากความซน ความดื้อ ก็อาจผ่อนจากหนักเป็นเบา เพราะครูอาจเกรงใจแม่ก็ได้
“ธรนินทร์ ขึ้นมาขนเอากระดาษ บนบ้านเลย ครูวางไว้ข้างๆ โต๊ะทำงานนี้” ครูบุญล้วน พูด
ผมต้องเข็นรถเข็นจากบ้าน มาที่บ้านพักครูในโรงเรียน ซึ่งมีระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร ครูบุญล้วน แม้จะเสียงดังในเวลาสอนและดุนักเรียน แต่จริงๆ แล้ว เธอใจดี (หากสัมผัสลึกซึ้ง) ใกล้เที่ยง ครูมักจะวานให้ผมซื้อโอเลี้ยง ขนม ไอศกรีม ในโรงอาหาร พลางตรวจแบบฝึกหัดไปด้วย
ช่วงป. 5 วิชาศิลปะ-ขับร้อง ผมเคยถูกครูสุรพล ครูหนุ่มที่เพิ่งจบมาใหม่ๆ ผมคาดว่าอายุของครูเวลานั้น คงประมาณ 20 ปี ผมเคยถูกครูลงโทษ เพราะทะเลาะกับสมชาย ใครๆ เห็นท่าทางของครูสุรพล เป็นต้องปอดแหก เพราะว่ากว่าเขาจะเอาไม้เรียวลงก้นนักเรียนได้ เป็นต้องแตะที่ก้นเบาๆ ก่อน เป็นสิบๆ ครั้ง แล้วเงื้อเต็มที่ก่อนไม้จะลงถึงก้น (มันเสียวกว่าถูกตีจริงๆ เสียอีก) แน่นอน ก้นที่เป็นเนื้อบางๆ เจอไม้เรียวที่ครู ตั้งใจเหลามาอย่างดี ก้นถึงกับมีเลือดซิบๆ ไม่มีใครร้องไห้
ช่วงชั้น ป5-ป.7 ผมไม่อยากเรียนวิชาเลขคณิตเลย เป็นเพราะการลงโทษ ของครู ได้ลงโทษพวกเรารุนแรงมาก ใครทำเลขผิด ข้อละหนึ่งมะตูม (หมายถึงการลงโทษ ด้วยการใช้กำปั้นทุบหลัง) ใครไม่ได้ทำมาส่ง ข้อละสองมะตูม ทุกครั้งที่เข้าชั้นเรียนวิชาเลขคณิตทีไร ผมต้องโดนมะตูม ซัดลงบนกลางหลังดัง บึ่ก /// เสียงดังสนั่น จนคนทั้งห้องได้ยิน จะเจ็บมาก เจ็บน้อย ก็ไม่เคยร้องไห้ ให้เสียน้ำตาลูกผู้ชาย
พูดก็พูด.. ผมไม่เคยเห็นเพื่อนผมสักคน ที่ถูกครูลงโทษ แล้วร้องไห้เลยสักคน ไม่ว่าจะถูกครูลงโทษ 3-5-6-10-12 ครั้ง ครูผู้ชายที่นักเรียนกลัวมากมี ครูสด ผมเคยโดนหวดก้นไปหลายครั้ง เคยโดนหนักๆ จนถึงเลือดซิบ จะอย่างไร ผมก็เพียงแค่ลูบก้นเบาๆ แล้วค่อยๆ นั่งลงที่เก้าอี้ ที่หนักกว่าครูสด ที่ผมจำได้ไม่ลืมคือ ครั้งที่เรียนกับครูพิทยา ซึ่งสอนวิชาเกษตรกรรม ผมจะต้องเรียนวิชานี้ ตั้งแต่ชั้นประถม 5-7
ในวันดังกล่าว ก่อนเช็คชื่อเข้าห้องเรียน ผมกับวันชัย ผลักกันไปผลักกันมา จนช่วงหนึ่งผมเสียหลัก ไปเหยียบหญ้าญี่ปุ่น จนเป็นรอยบุ๋มและยุบตัวลง จากรอยเท้า เหตุที่ครูพิทยาต้องโกรธ ผมกับวันชัย เพราะครูเขียนป้ายเตือนไว้แล้ว ว่า “ระวังเหยียบต้นหญ้า ที่กำลังปลูกใหม่” บริเวณนั้นคือ สวนหย่อมที่ครู เพิ่งไปซื้อต้นไม้ และหญ้ามาทำได้ไม่กี่วัน เพื่อให้อาคารเรียนและบริเวณโดยรอบสวยงาม
“สองคนนั้น..มานี่” ครูพิทยา เรียกเรา.พลันที่ครูเหลือบเห็นด้ามไม้กวาดที่พิงข้างห้องพอดี จึงใช้เป็นเครื่องมือลงโทษพวกเรา แทนไม้เรียว
“กอดอก เลย” ครูพูด
ผมจำต้องเดินเข้าไปให้ครูลงโทษ เดิมนึกว่าจะถูกฟาดก้น คิดว่ายังไง ก็คงพอทนได้
“กัดฟันทน โว้ย” ผมคิด แล้วยกมือกอดอก ผมเกร็งก้น เพื่อให้หนักเป็นเบา พลางหลับตาปี๋
“ควับ ๆๆๆ ๆ” ไม้กวาด ลงตรงน่อง ซึ่งผมคาดไม่ถึงว่า ครูจะมาไม้นี้
“อูย โอยๆๆๆๆ เจ็บ ๆๆ” ผมพูด พลางกระโดด เหย็งๆๆ
จากนั้นถึงคิวของวันชัยบ้าง การลงโทษครั้งนี้ ทั้งเจ็บทั้งอาย เพราะครูพูดแทงใจ ว่าเราสองคน มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจนี่สิ (ผมคิด)
จริงๆ แล้วครูพิทยา เป็นคนใจดี ใครๆ ก็รัก ผมยอมรับในความผิด และไม่เคยนึกโกรธครูเลยสักนิด
และสุดท้าย ดังที่ผมได้เกริ่น น้ำตาลูกผู้ชาย เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ ครูประจำชั้น ชื่อครูพันธะ ซึ่งมีอายุใกล้เคียงกับครูสุรพล ผมทราบว่าครูพันธะ เป็นลูกเจ้าของ ร้านทอง แรกๆ ที่มาสอนพวกเรา มีท่าทางใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส กับนักเรียน ช่วงหนึ่งผมกับเพื่อนๆ เคยไปช่วยครูทำความสะอาดบ้าน และมีความคุ้นเคยกันพอสมควร และแล้ว เหตุการณ์ที่ผมคาดไม่ถึง..ก็มาถึง
...............................................................................................
หลังอาหารเที่ยง... หลังจากที่พวกเราไปเล่นในสนามแล้ว เมื่อใกล้เวลาจะเข้าเรียนในภาคบ่าย พวกเราก็เตรียมตัวเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา และเตรียมตัว มาเข้าแถว
“แก็งๆๆ แก๊งๆๆ” ภารโรง ตีระฆัง
นักเรียนทุกชั้น เข้าแถวที่อาคารที่ตนเรียน ระหว่างที่ผมกับเพื่อนๆ ของผมเข้าแถว ผมกับวันชัย ได้เล่นและผลักกันไปมา ผมผลักวันชัย ไปชนเพื่อนผู้หญิง ที่ยืนด้านหน้า วันชัยผลักผมไปหาเพื่อนชาย ผลักกันไปผลักกันมา ไม่ทันเห็นครูพันธะที่กำลังเดินมาเช็คชื่อพวกเรา ในจังหวะที่ผมผลักเพื่อนอีกคนที่กำลังเผลอ ทำให้เขา เซออก นอกแถว ครูพันธะเห็นผมโดยตลอด เขาจึงดึงตัวผมออกมา นอกแถว ผมคิดว่า ผมต้องถูกเฆี่ยนต่อหน้าเพื่อนๆ และน้องๆ อย่างแน่นอน ผมพร้อมที่ถูกลงโทษเพราะรู้ตัวว่าผิด
“วันชัย ไปเอาเศษชอล์คในห้องเรียนมาให้ครูหน่อย เอามาเยอะๆ เลย” ครูสั่ง
วันชัย เข้าไปในชั้นเรียน ไปที่กระดานดำ แล้วหยิบเศษชอล์ก มาให้ครูพันธะ
“ธรนินทร์ อ้าปาก” ครูพันธะ พูดเชิงบังคับ
“ไม่ครับ”
“อ้าปาก เดี๋ยวนี้” เขาขึ้นเสียง และแสดงความโกรธ เขาพยายามง้างปากผม ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตกว่ามาก ผมจึงไม่สามารถขัดขืนได้ เขาเอาชอล์กยัดใส่ปาก แล้วบังคับให้ผมเคี้ยว
แรกๆ เมื่อชอล์กเข้าปาก ผมเพียงแค่อมไว้ แต่เขาบังคับให้ผมต้องเคี้ยว ทั้งยังเอามือบีบปากให้ผมเคี้ยว น้ำตาผมเริ่มไหล และไหลออกดังธารน้ำใต้ดิน ที่มันซึมไม่รู้จบ การเคี้ยวชอล์ค มันมิได้เจ็บปวด แต่นี่.... มันคือประจานผมต่อหน้าคนเป็นร้อยๆ และการลงโทษ แบบนี้ ยังไม่เคยมีครูคนใด กระทำกับลูกศิษย์เลย นี่คือครั้งแรกของ น้ำตาลูกผู้ชาย ที่ต้องไหลต่อหน้าเพื่อนๆ ทั้งห้องเรียน....
(๓๐ มิ.ย. ๒๕๖๕)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น