คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter6 : Mission (almost) incomplete
“เอ...ที่นี่สินะ”
ทันทีที่มาถึงโลกมนุษย์ เบื้องหน้าข้าคือร้านค้าขนาดไม่ใหญ่มากร้านหนึ่ง ประตูด้านนอกทำด้วยกระจกใสมองเห็นภายในที่มีแสงสว่างจ้าจากหลอดไฟสว่างไสวราวกับเป็นช่วงเวลากลางวัน ด้านในร้านมีผู้คนที่กำลังเดินสำรวจและหยิบของตามชั้นต่างๆ คู่รักคู่หนึ่งเดินเฉียดตัวข้าและตรงเข้าไปด้านในร้าน ทันทีที่พวกเขาก้าวไปถึงประตู เซนเซอร์ก็ทำงาน บานกระจกใสนั้นเปิดอ้าต้อนรับพวกเขาทันที
“หวา...สุดยอดไปเลย!”
ข้าตื่นตากับระบบกลไกของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เห็นตรงหน้า และเมื่อประตูเปิดออกอีกครั้งเพื่อให้กลุ่มคนเดินออกมา ข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที
ในร้านมีของมากมายเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบบนชั้นวางซึ่งแยกเป็นส่วนๆแบ่งตามชนิดสินค้า ข้าค่อยๆเดินมองหาของที่ต้องการตามชั้นต่างๆ พลางก้มลงมองกระดาษในมือไปพลาง ในกระดาษใบเล็กมีรูปห่อสินค้าที่โอริฮิเมะจังวาดมาให้พร้อมคำอธิบายคร่าวๆ...แต่ให้ตายสิ ภาพที่วาดมาดูแทบไม่รู้เรื่องแถมยังเป็นสีขาวดำเพราะวาดด้วยดินสออีกตังหาก มันเหมือนภาพห่อสี่เหลี่ยมที่มีลายอะไรก็ไม่รู้ และมีรูปลูกศรลากมาที่คำบรรยายภาษาอังกฤษบอกว่ามันเป็นสีเขียว!
...ข้ามองไปรอบๆซึ่งเต็มไปด้วยชั้นสินค้าหลากสี...เอ่อ เจอปริมาณของเยอะแบบนี้ข้าก็ตาลายเป็นเหมือนกันนะ...แถม...แถม...คำบรรยายทั้งหมดดันเป็นภาษาญี่ปุ่นซะอีก คนประเทศนี้มันจะหัวอนุรักษ์นิยมไปถึงไหนเนี่ย ภาษาอังกฤษน่ะ ใช้หน่อยไม่ได้รึไงนะ!
ข้าเอามือกุมขมับพลางถอนหายใจ...ลงเป็นแบบนี้แล้ว...เห็นทีคงต้องค่อยๆดูที่ใกล้เคียงกับของในภาพแล้วซื้อไปให้หมดนั่นล่ะนะ
...อาราวเน่เอ๊ย งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ...
เนื่องจากมนุษย์ทั่วไปมองวิญญาณอย่างพวกข้าไม่เห็น และมันคงเป็นเรื่องสยองขวัญเอาการอยู่ ถ้าจู่ๆของบนชั้นจะลอยไปลอยมาได้เอง(เพราะข้าหยิบมันขึ้นมาถือ) ดังนั้น...เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ข้าจึงด้อมๆมองๆหาของที่คิดว่าน่าจะใช่ จากนั้นก็ปัดเบาๆให้ของตกลงมาที่พื้น จากนั้นจึงค่อยๆพลิกดูเพื่อเปรียบเทียบกับที่โอริฮิเมะจังวาดมา ถึงคนแถวนั้นจะหันมามองจุดที่ข้ายืนอยู่อย่างงงๆที่เห็นของค่อยๆหล่นลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นทีละชิ้นทีละชิ้น แต่ไม่ช้าพวกเขาก็เลิกสนใจและเดินหายไปยังจุดอื่น ส่วนข้าก็ทำภารกิจค้นหาของที่ต้องการไปเรื่อยๆ ของไหนที่เข้าเค้าว่าน่าจะใช่ข้าก็รอจังหวะที่ไม่มีคนสนใจแล้วเตะมันไปกองรวมๆกันอยู่ตรงมุมมุมหนึ่ง
“ทำอะไรของเจ้าน่ะ!?”
น้ำเสียงหวานแต่ออกห้าวของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาข้าสะดุ้งเฮือกรีบหันกลับไปมองทันที
หญิงสาวตรงหน้าที่ยืนกอดอกจ้องมองข้าอยู่นั้นมีรูปร่างเพรียวบางและสูงโปร่ง เธอมีผิวสีแทนออกเข้ม ผมของเธอเป็นสีม่วงเข้มซอยไล่ระดับลงมาระแก้ม ผมด้านหลังมัดรวบไว้ตรงกลางศีรษะ ดวงตากลมโตแลดูดุสีน้ำตาลออกเหลืองของหล่อนจ้องมาที่ข้าอย่างไม่ไว้ใจ ข้ากวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของนาง แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก...เธอสวมเสื้อสายเดี่ยวรัดรูปกับกางเกงขาสั้นเอวต่ำ...ไม่ใช่ชุดยมทูต...แค่มนุษย์ธรรมดา
แต่เอ๊ะ...เธอมองเห็นข้าสินะ?
“ข้าถามว่าเจ้ากำลังทำอะไร” น้ำเสียงนั้นเริ่มแสดงอารมณ์หงุดหงิด
โอ้ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประทานมนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณได้มาให้ข้าในเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้! อาราวเน่ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งค่ะ...ข้าคิดพลางยกมือกุมประสานกันไว้ที่หน้าอกเป็นการขอบคุณ
ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นจะเปิดปากพูดอีกครั้งข้าก็รีบลุกขึ้นยืน เอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่กลบความดีใจเอาไว้ไม่มิด
“เจ้าเห็นข้าจริงๆใช่ไหม” ข้าถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจพลางชี้นิ้วมาที่ตนเอง เธอคนนั้นผงะไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าพลางตอบกลับมา
“ใช่...และนอกจากจะเห็น ข้าก็ถามเจ้ามาสองรอบแล้วว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ จะตอบข้ามาได้หรือยัง?”
ข้าฉีกยิ้มพลางพยักหน้าหงึกๆ
“ข้ากำลังตามหาของที่เรียกว่าผ้าอนามัยล่ะ คนที่วานข้ามาเค้าบอกว่าลักษณะมันเป็นแบบนี้ ข้าหามาตั้งนานไม่เจอสักที เจ้าช่วยข้าหาหน่อยสิ” ข้าพูดรัวเร็วด้วยความดีใจ และยื่นกระดาษในเล็กในมือให้คนตรงหน้า
ผู้หญิงคนนั้นหยิบกระดาษจากมือข้าไปดู สักพักเธอก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง สีหน้าเธอดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าจะเอายี่ห้อนี้รุ่นนี้น่ะไม่มีหรอก ตอนนี้ขาดตลาด...” ประโยคที่เอ่ยออกมาทำเอาข้าคอตก แต่ประโยคถัดมาก็ทำให้ข้าพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง
“แต่รุ่นนี้ข้าก็ใช้อยู่...ถ้ายังไงไปเอาที่บ้านข้ามั้ยล่ะ ไม่ไกลจากที่นี่หรอก เดี๋ยวข้าแบ่งให้”
...อืม...ฟังดูเข้าที ยังไงซะถ้าซ่อนตัวดีๆก็คงไม่เจอยมทูตหรอกมั้ง แถมมนุษย์ตรงหน้าก็ดูไม่มีพิษมีภัยแล้วยังอุตส่าห์มีน้ำใจอีก ตามเธอไปที่บ้านก็คงไม่เสียหายหรอก...
เมื่อคิดได้อย่างนั้นข้าจึงพยักหน้าเป็นการตอบตกลง แว่บหนึ่งที่เธอคนนั้นยิ้มที่มุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจแต่ข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มนุษย์ตรงหน้าบอกให้ข้าเดินตามเธอออกจากร้านไป ข้าจึงทำตามทันทีอย่างไม่ลังเล เธอคนนั้นเดินพาข้าเดินผ่านตรอกซอกซอยต่างๆ ใช้เวลาไม่นานนัก...ตรงหน้าข้าก็ปรากฏบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆด้านบนมีป้ายร้านเขียนด้วยตัวอักษรที่ข้าอ่านไม่ออกแต่เดาว่าน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น บ้านหลังนี้อยู่ระหว่างบ้านสองชั้นอีกสองหลัง แต่กลับให้ความรู้สึกแปลกแยกจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างอย่างไม่น่าเชื่อ
“ถึงแล้วล่ะ”
เธอเอ่ยพลางเลื่อนเปิดประตูกระจกด้านหน้า แล้วหันมายิ้มให้
“เชิญเข้ามาเลย ไม่ต้องเกรงใจ”
ทันทีที่ข้าก้าวเข้าไปในร้าน ประตูด้านหลังก็ปิดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ข้าไม่ทันตั้งตัว! แว่บเดียวที่ข้าหันหลังกลับไปข้าก็โดนผู้หญิงคนนั้นรวบตัวและกดลงติดพื้นทันที!
“เอาล่ะ...บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้! อารันคาร์อย่างเจ้ามาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงนั้นเหี้ยมขึ้น เธอคนนั้นบิดแขนข้าจนข้าต้องครางออกมา ทั้งๆที่อารันคาร์อย่างข้ามีเรี่ยวแรงมหาศาลแท้ๆ แต่ข้ากลับดิ้นไม่หลุด
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา...ข้าติดกับดัก!
“เบาๆกับสุภาพสตรีหน่อยก็ได้ครับ คุณโยรุอิจิ...ว่าแต่ไปเก็บมาได้จากที่ไหนล่ะนั่น”
น้ำเสียงทุ้มแฝงแววประหลาดใจดังขึ้นจากความมืดเบื้องหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงคลิ๊กเหมือนมีคนกดสวิตซ์บางอย่าง แล้วไฟก็สว่างวาบขึ้นทันที เบื้องหน้าข้าปรากฏร่างอีกร่างหนึ่ง คราวนี้เป็นร่างสูงของบุรุษ ชายคนนั้นมีผมสีเหลืองอ่อนยาวประมาณใบหูที่ดูกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง ร่างนั้นสวมชุดคลุมที่เหมือนชุดของพ่อค้าชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน ที่เท้าของเขาสวมเกี๊ยะคู่หนึ่ง ข้าพยายามจ้องมองใบหน้าเขา แต่หมวกลายที่เขาสวมอยู่ทำให้ข้ามองไม่เห็นดวงตา แต่เพียงสังเกตแค่ริมฝีปากของเขา ข้าก็รู้ว่าเขาแปลกใจน่าดูที่เห็นข้า
“หึ...บอกว่าคอนวีเนี่ยนสโตร์เจ้าจะเชื่อมั้ยล่ะ คิสึเกะ”
“คอนวีเนี่ยนสโตร์...อารันคาร์เนี่ยนะ? ไปทำอะไรที่นั่นล่ะครับ” เขาย่อตัวลงนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าแล้วพูดกับข้า ข้าสะบัดหน้าหนี ไม่ตอบอะไรออกมา...เมื่อข้าทำเช่นกัน ผู้หญิงที่ชื่อโยรุอิจิก็ออกแรงกดแขนข้าแรงขึ้น มันเจ็บมากจนข้าต้องกัดฟันแน่นบังคับไม่ให้เสียงร้องลอดออกมา ข้าส่งสายตาแข็งกร้าวให้ชายตรงหน้าที่ยังคงยิ้มอย่างสบายอารมณ์
“จะฆ่าก็ฆ่าเลย แต่อย่าหวังว่าข้าจะบอกอะไร และอย่าคิดจะเก็บข้าไว้เป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง เพราะอารันคาร์ที่แม้แต่ภารกิจง่ายๆยังทำไม่สำเร็จ มันไม่มีค่าพอที่ท่านไอเซ็นจะชายตามองให้เสียเวลาซะด้วยซ้ำ” ข้าข่มความเจ็บปวดเค้นเสียงออกมา พูดช้าๆทีละคำ
“หึ ใจกล้าดีเหมือนกันนี่” น้ำเสียงหวานดังขึ้นจากด้านหลัง ข้าเลื่อนสายตาไปจ้องนางด้วยหางตา โยรุอิจิยิ้มเหยียดให้ข้า ก่อนเลื่อนสายตาไปด้านหน้า และเอ่ยกับคนที่ชื่อคิสึเกะ
“แม่นี่มาขอให้ข้าช่วยหาผ้าอนามัยล่ะ”
“หืม...แต่ถ้าจำไม่ผิด พวกฮอลโลว์ไม่น่าจะต้องใช้นี่นะ และถึงจะเป็นอารันคาร์ผมก็ไม่คิดว่าจะต้องใช้มันเหมือนกันนี่”
ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งไปครู่หนึ่ง และก็เหมือนทั้งคู่จะคิดอะไรได้ พวกเขายิ้มเหยียดออกมาพร้อมกัน
“ของคุณอิโนะอุเอะสินะครับ” ข้าเดาได้เลยว่าสีหน้าที่ตกตะลึงของข้าคงแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี
“แหม...ผมนี่เดาแม่นเอาการอยู่นะครับเนี่ย” เขาหัวเราะพลางยืดตัวขึ้น แล้วเดินไปยังตู้ด้านหลังเปิดสำรวจหาสิ่งของตามลิ้นชักต่างๆ
“อยู่ลิ้นชักที่สองจากล่าง ทางซ้ายของเจ้าล่ะ คิสึเกะ” เสียงหวานเอ่ยบอกในขณะที่ผ่อนแรงจากแขนข้าลงเล็กน้อย ถึงกระนั้นนางก็ยังคงจับข้าแน่นจนข้าดิ้นไม่หลุด ผู้ชายสวมหมวกเคลื่อนตัวไปเปิดลิ้นชักตามที่บอก เขาหยิบห่อของบางอย่างออกมาแล้วเดินตรงกลับมา เขานั่งลงตรงหน้าและยื่นของสิ่งนั้นให้ข้า พอเห็นชัดๆ ข้าจึงรู้ว่ามันคือของที่ข้าต้องการนั่นเอง
“ทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่” ข้าเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ มือด้านหลังข้าคลายออกแล้ว ข้าลุกขึ้นนั่งช้าๆสายตายังไม่ละไปจากร่างตรงหน้า
“ผมก็ต้องการให้คุณเอาของสิ่งนี้ไปให้คุณอิโนะอุเอะยังไงล่ะครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราวกับว่าได้ยินคำถามแปลกๆ มือของเขายังคงนิ่งและยื่นห่อของมาให้ข้า แต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี ข้าจึงไม่รับของจากเขา พอเห็นอาการของข้า ชายตรงหน้าจึงยิ้มให้และเอ่ยต่อ
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ได้ติดเครื่องมือหรืออุปกรณ์ติดตามใดๆทั้งสิ้น ผมไม่เสี่ยงหาเรื่องให้โดนจับได้แล้วของถูกทำลายหรอกครับ ผมรู้ว่าคุณอิโนะอุเอะคงจำเป็นต้องใช้มันจริงๆ พวกผู้หญิงคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดมันในช่วงเวลานั้นของเดือน...พูดถูกมั้ยครับ คุณโยรุอิจิ” ประโยคสุดท้ายเขาหันไปหาร่างบางที่ตอนนี้เดินมายืนกอดอกอยู่ข้างๆเขาตรงหน้าข้า พอได้ยินคำถาม ข้าเห็นเธอคนนั้นสะบัดหน้าหนี พลางสบถเบาๆ จับใจความได้ประมาณว่า ‘ชิ!...แม้แต่เรื่องทรมานๆของผู้หญิง ก็ยังอุตส่าห์เอามาเล่นตลกได้นะ เจ้าบ้าเอ๊ย!’
คำพูดของเขาฟังดูมีเหตุผลทีเดียว...โอริฮิเมะจังจำเป็นต้องใช้มันจริงๆ และการนำกลับไปให้นางก็เป็นหน้าที่ของข้า ยังไงก็คงต้องเสี่ยงดวงดูล่ะ...ข้าค่อยๆยกมือขึ้นอย่างลังเล และสุดท้ายก็รับห่อของมาจากมือของคนตรงหน้า เอ่ยขอบคุณเบาๆตามมารยาทแล้วรีบวิ่งออกมาจากบ้านนั้นทันที พวกเขาไม่ได้ตามข้าออกมาแต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ข้าได้ยินเสียงคนที่ชื่อคิสึเกะพูดกับหญิงสาวข้างตัวด้วยน้ำเสียงติดตลกทิ้งท้ายไล่หลังข้ามาว่า ‘เธอคนนั้นเป็นอารันคารที่มารยาทดีเอาการอยู่นะครับ ยังอุตส่าห์ขอบคุณก่อนไปซะด้วย’
ข้าวิ่งกลับมาตามเส้นทางเดิมจนมาถึงจุดที่ท่านอุลคิโอร่าส่งข้ามาแล้วจึงหยุดวิ่ง ข้าก้มลงมองของในมือแล้วกอดมันไว้กับตัวแน่นด้วยกลัวว่ามันจะหายไป จากนั้นจึงตั้งสมาธิและรวบรวมพลังเปิดประตูมิติเพื่อเดินทางกลับฮูเอโก้ มุนโด้ทันที
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทันทีที่กลับมาถึงปราสาท ข้าก็รีบวิ่งไปยังห้องของโอริฮิเมะทันที เมื่อมาถึงหน้าห้อง ข้าก็พบกับร่างของท่านอุลคิโอร่ายืนกอดอกพิงกำแพงรออยู่ข้างประตู ร่างนั้นยืนทอดสายตามองกำแพงตรงหน้า และเมื่อข้าเดินมาถึงหน้าประตูเขาจึงเบนเฉพาะดวงตามามองข้า
“ให้ไปซื้อของแค่นี้ทำไมถึงหายไปนานนัก” น้ำเสียงเรียบนั้นแฝงแววตำหนิ
“ขะ...ขอโทษค่ะ พอดีว่าเกิดปัญหานิดหน่อย แต่ข้าก็ได้ของที่ต้องการมาแล้วค่ะ” ข้าค้อมตัวเล็กน้อยเป็นการขออภัย แล้วจึงยื่นของในมือให้คนตรงหน้าดู ท่านอุลคิโอร่าเพียงแค่เหลือบมองมันครู่เดียว แล้วจึงส่งสายตาบอกให้ข้าเอามันไปให้หญิงสาวด้านในห้อง ข้าพยักหน้าเป็นการตอบรับ แล้วเดินผ่านเขาจะเข้าไปในห้องทันที
“เดี๋ยว”
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อสะดุดใจอะไรบางอย่าง พร้อมทั้งดึงมือรั้งข้าไว้ให้หยุดเดิน ข้าหันหน้าไปมองเขาอย่างงงงวย
“กลิ่นรอบตัวเจ้ามันแปลกไป ไปเจอใครมา”
“อะ...เอ่อ” ข้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เจอให้เขาฟังอย่างกล้าๆกลัว...ท่านอุลคิโอร่าจะลงโทษข้าที่เกือบทำงานไม่สำเร็จรึเปล่าเนี่ย
ทันทีที่ข้าเล่าลักษณะของคนสองคนที่ข้าพบให้เขาฟัง ดวงหน้าท่านอุลคิโอร่าฉายความแปลกใจอยู่แว่บหนึ่ง ก่อนที่จะปรับให้กลับมานิ่งเช่นเดิม เขาจ้องหน้าข้าเขม็ง
“เจ้าประมาทเกินไป คราวหลังอย่าไว้ใจใครง่ายๆ...จริงอยู่ที่พวกนั้นไม่ใช่ยมทูต แต่มันก็เป็นพวกเดียวกับพวกของแม่หญิงอิโนะอุเอะที่กำลังบุกเข้ามาตอนนี้”
“เอ๋!?”
“จำภาพเหตุการณ์ที่ข้าให้ดูตอนข้าขึ้นไปบนโลกมนุษย์กับยามี่ได้หรือเปล่า”
ทันทีที่ท่านอุลคิโอร่าพูดจบ ภาพความทรงจำนั้นก็ฉายย้อนกลับเข้ามาในหัว ภาพที่ท่านอุลคิโอร่าควักดวงตาออกมา และฉายให้ทุกคนได้เห็น...ฉากที่ท่านได้เจอกับอิโนะอุเอะโอริฮิเมะ...ปะทะกับเด็กผู้ชายผมสีส้ม...และการเข้ามาขวางการต่อสู้ของคนสองคน...ผู้หญิงที่ชื่อโยรุอิจิกับผู้ชายที่ชื่อคิสึเกะ!
ข้ารู้สึกชาวาบไปทั่วตัว ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป...ศัตรู!...ข้าลืมหน้าพวกนั้นไปได้ยังไงนะ ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงรู้จักโอริฮิเมะจัง เจ้าช่างโง่เสียจริงอาราวเน่!
“ขอโทษค่ะ มันเป็นความประมาทของข้าเอง ข้ายินดีรับการลงโทษจากความผิดพลาดในครั้งนี้ค่ะ” ข้าเอ่ยด้วยความสำนึกผิด หากท่านอุลคิดอร่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ปล่อยมือที่จับข้าไว้แล้วเลื่อนสายตาไปมองที่บานประตูข้างตัว มันหมายถึงให้ข้าเอาของไปให้คนด้านในก่อนในตอนนี้ ข้าก้มหน้าก้มตา เคาะประตูเบาๆ แล้วจึงเดินเข้าไปทันที
ความคิดเห็น