ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Bleach: Ulquiorra x Original] The Lullaby for my dream

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter6 : Mission (almost) incomplete

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1K
      56
      20 พ.ค. 52

    เอ...ที่นี่สินะ

     

    ทันทีที่มาถึงโลกมนุษย์  เบื้องหน้าข้าคือร้านค้าขนาดไม่ใหญ่มากร้านหนึ่ง  ประตูด้านนอกทำด้วยกระจกใสมองเห็นภายในที่มีแสงสว่างจ้าจากหลอดไฟสว่างไสวราวกับเป็นช่วงเวลากลางวัน  ด้านในร้านมีผู้คนที่กำลังเดินสำรวจและหยิบของตามชั้นต่างๆ  คู่รักคู่หนึ่งเดินเฉียดตัวข้าและตรงเข้าไปด้านในร้าน  ทันทีที่พวกเขาก้าวไปถึงประตู เซนเซอร์ก็ทำงาน  บานกระจกใสนั้นเปิดอ้าต้อนรับพวกเขาทันที

     

    หวา...สุดยอดไปเลย!”

     

    ข้าตื่นตากับระบบกลไกของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เห็นตรงหน้า  และเมื่อประตูเปิดออกอีกครั้งเพื่อให้กลุ่มคนเดินออกมา  ข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที

     

    ในร้านมีของมากมายเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบบนชั้นวางซึ่งแยกเป็นส่วนๆแบ่งตามชนิดสินค้า  ข้าค่อยๆเดินมองหาของที่ต้องการตามชั้นต่างๆ  พลางก้มลงมองกระดาษในมือไปพลาง  ในกระดาษใบเล็กมีรูปห่อสินค้าที่โอริฮิเมะจังวาดมาให้พร้อมคำอธิบายคร่าวๆ...แต่ให้ตายสิ  ภาพที่วาดมาดูแทบไม่รู้เรื่องแถมยังเป็นสีขาวดำเพราะวาดด้วยดินสออีกตังหาก  มันเหมือนภาพห่อสี่เหลี่ยมที่มีลายอะไรก็ไม่รู้ และมีรูปลูกศรลากมาที่คำบรรยายภาษาอังกฤษบอกว่ามันเป็นสีเขียว! 

     

    ...ข้ามองไปรอบๆซึ่งเต็มไปด้วยชั้นสินค้าหลากสี...เอ่อ เจอปริมาณของเยอะแบบนี้ข้าก็ตาลายเป็นเหมือนกันนะ...แถม...แถม...คำบรรยายทั้งหมดดันเป็นภาษาญี่ปุ่นซะอีก  คนประเทศนี้มันจะหัวอนุรักษ์นิยมไปถึงไหนเนี่ย ภาษาอังกฤษน่ะ ใช้หน่อยไม่ได้รึไงนะ! 

     

    ข้าเอามือกุมขมับพลางถอนหายใจ...ลงเป็นแบบนี้แล้ว...เห็นทีคงต้องค่อยๆดูที่ใกล้เคียงกับของในภาพแล้วซื้อไปให้หมดนั่นล่ะนะ

     

    ...อาราวเน่เอ๊ย  งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ...

     

    เนื่องจากมนุษย์ทั่วไปมองวิญญาณอย่างพวกข้าไม่เห็น  และมันคงเป็นเรื่องสยองขวัญเอาการอยู่ ถ้าจู่ๆของบนชั้นจะลอยไปลอยมาได้เอง(เพราะข้าหยิบมันขึ้นมาถือ) ดังนั้น...เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต  ข้าจึงด้อมๆมองๆหาของที่คิดว่าน่าจะใช่  จากนั้นก็ปัดเบาๆให้ของตกลงมาที่พื้น  จากนั้นจึงค่อยๆพลิกดูเพื่อเปรียบเทียบกับที่โอริฮิเมะจังวาดมา  ถึงคนแถวนั้นจะหันมามองจุดที่ข้ายืนอยู่อย่างงงๆที่เห็นของค่อยๆหล่นลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นทีละชิ้นทีละชิ้น  แต่ไม่ช้าพวกเขาก็เลิกสนใจและเดินหายไปยังจุดอื่น  ส่วนข้าก็ทำภารกิจค้นหาของที่ต้องการไปเรื่อยๆ  ของไหนที่เข้าเค้าว่าน่าจะใช่ข้าก็รอจังหวะที่ไม่มีคนสนใจแล้วเตะมันไปกองรวมๆกันอยู่ตรงมุมมุมหนึ่ง

     

    ทำอะไรของเจ้าน่ะ!?”

     

    น้ำเสียงหวานแต่ออกห้าวของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาข้าสะดุ้งเฮือกรีบหันกลับไปมองทันที

     

    หญิงสาวตรงหน้าที่ยืนกอดอกจ้องมองข้าอยู่นั้นมีรูปร่างเพรียวบางและสูงโปร่ง  เธอมีผิวสีแทนออกเข้ม  ผมของเธอเป็นสีม่วงเข้มซอยไล่ระดับลงมาระแก้ม  ผมด้านหลังมัดรวบไว้ตรงกลางศีรษะ  ดวงตากลมโตแลดูดุสีน้ำตาลออกเหลืองของหล่อนจ้องมาที่ข้าอย่างไม่ไว้ใจ  ข้ากวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของนาง แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก...เธอสวมเสื้อสายเดี่ยวรัดรูปกับกางเกงขาสั้นเอวต่ำ...ไม่ใช่ชุดยมทูต...แค่มนุษย์ธรรมดา

     

    แต่เอ๊ะ...เธอมองเห็นข้าสินะ?

     

    ข้าถามว่าเจ้ากำลังทำอะไร น้ำเสียงนั้นเริ่มแสดงอารมณ์หงุดหงิด

     

    โอ้  ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประทานมนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณได้มาให้ข้าในเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้!  อาราวเน่ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งค่ะ...ข้าคิดพลางยกมือกุมประสานกันไว้ที่หน้าอกเป็นการขอบคุณ

     

    ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นจะเปิดปากพูดอีกครั้งข้าก็รีบลุกขึ้นยืน  เอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่กลบความดีใจเอาไว้ไม่มิด

     

    เจ้าเห็นข้าจริงๆใช่ไหม ข้าถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจพลางชี้นิ้วมาที่ตนเอง  เธอคนนั้นผงะไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าพลางตอบกลับมา

     

    ใช่...และนอกจากจะเห็น ข้าก็ถามเจ้ามาสองรอบแล้วว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่  จะตอบข้ามาได้หรือยัง?”

     

    ข้าฉีกยิ้มพลางพยักหน้าหงึกๆ

     

    ข้ากำลังตามหาของที่เรียกว่าผ้าอนามัยล่ะ  คนที่วานข้ามาเค้าบอกว่าลักษณะมันเป็นแบบนี้  ข้าหามาตั้งนานไม่เจอสักที  เจ้าช่วยข้าหาหน่อยสิ  ข้าพูดรัวเร็วด้วยความดีใจ และยื่นกระดาษในเล็กในมือให้คนตรงหน้า

     

    ผู้หญิงคนนั้นหยิบกระดาษจากมือข้าไปดู  สักพักเธอก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง  สีหน้าเธอดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

     

    ถ้าจะเอายี่ห้อนี้รุ่นนี้น่ะไม่มีหรอก ตอนนี้ขาดตลาด...  ประโยคที่เอ่ยออกมาทำเอาข้าคอตก  แต่ประโยคถัดมาก็ทำให้ข้าพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง

     

    แต่รุ่นนี้ข้าก็ใช้อยู่...ถ้ายังไงไปเอาที่บ้านข้ามั้ยล่ะ ไม่ไกลจากที่นี่หรอก  เดี๋ยวข้าแบ่งให้

     

    ...อืม...ฟังดูเข้าที  ยังไงซะถ้าซ่อนตัวดีๆก็คงไม่เจอยมทูตหรอกมั้ง  แถมมนุษย์ตรงหน้าก็ดูไม่มีพิษมีภัยแล้วยังอุตส่าห์มีน้ำใจอีก  ตามเธอไปที่บ้านก็คงไม่เสียหายหรอก...

     

    เมื่อคิดได้อย่างนั้นข้าจึงพยักหน้าเป็นการตอบตกลง  แว่บหนึ่งที่เธอคนนั้นยิ้มที่มุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจแต่ข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  มนุษย์ตรงหน้าบอกให้ข้าเดินตามเธอออกจากร้านไป  ข้าจึงทำตามทันทีอย่างไม่ลังเล  เธอคนนั้นเดินพาข้าเดินผ่านตรอกซอกซอยต่างๆ  ใช้เวลาไม่นานนัก...ตรงหน้าข้าก็ปรากฏบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆด้านบนมีป้ายร้านเขียนด้วยตัวอักษรที่ข้าอ่านไม่ออกแต่เดาว่าน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น  บ้านหลังนี้อยู่ระหว่างบ้านสองชั้นอีกสองหลัง  แต่กลับให้ความรู้สึกแปลกแยกจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    ถึงแล้วล่ะ

     

    เธอเอ่ยพลางเลื่อนเปิดประตูกระจกด้านหน้า  แล้วหันมายิ้มให้

     

    เชิญเข้ามาเลย  ไม่ต้องเกรงใจ

     

    ทันทีที่ข้าก้าวเข้าไปในร้าน  ประตูด้านหลังก็ปิดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ข้าไม่ทันตั้งตัว!  แว่บเดียวที่ข้าหันหลังกลับไปข้าก็โดนผู้หญิงคนนั้นรวบตัวและกดลงติดพื้นทันที!

     

    เอาล่ะ...บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้!  อารันคาร์อย่างเจ้ามาทำอะไรที่นี่ น้ำเสียงนั้นเหี้ยมขึ้น  เธอคนนั้นบิดแขนข้าจนข้าต้องครางออกมา  ทั้งๆที่อารันคาร์อย่างข้ามีเรี่ยวแรงมหาศาลแท้ๆ  แต่ข้ากลับดิ้นไม่หลุด

     

    ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา...ข้าติดกับดัก!

     

    เบาๆกับสุภาพสตรีหน่อยก็ได้ครับ คุณโยรุอิจิ...ว่าแต่ไปเก็บมาได้จากที่ไหนล่ะนั่น

     

    น้ำเสียงทุ้มแฝงแววประหลาดใจดังขึ้นจากความมืดเบื้องหน้า  ทันใดนั้นก็มีเสียงคลิ๊กเหมือนมีคนกดสวิตซ์บางอย่าง แล้วไฟก็สว่างวาบขึ้นทันที  เบื้องหน้าข้าปรากฏร่างอีกร่างหนึ่ง  คราวนี้เป็นร่างสูงของบุรุษ  ชายคนนั้นมีผมสีเหลืองอ่อนยาวประมาณใบหูที่ดูกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง  ร่างนั้นสวมชุดคลุมที่เหมือนชุดของพ่อค้าชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน  ที่เท้าของเขาสวมเกี๊ยะคู่หนึ่ง  ข้าพยายามจ้องมองใบหน้าเขา  แต่หมวกลายที่เขาสวมอยู่ทำให้ข้ามองไม่เห็นดวงตา  แต่เพียงสังเกตแค่ริมฝีปากของเขา  ข้าก็รู้ว่าเขาแปลกใจน่าดูที่เห็นข้า

     

    หึ...บอกว่าคอนวีเนี่ยนสโตร์เจ้าจะเชื่อมั้ยล่ะ คิสึเกะ

     

    คอนวีเนี่ยนสโตร์...อารันคาร์เนี่ยนะ?  ไปทำอะไรที่นั่นล่ะครับ  เขาย่อตัวลงนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าแล้วพูดกับข้า  ข้าสะบัดหน้าหนี  ไม่ตอบอะไรออกมา...เมื่อข้าทำเช่นกัน  ผู้หญิงที่ชื่อโยรุอิจิก็ออกแรงกดแขนข้าแรงขึ้น  มันเจ็บมากจนข้าต้องกัดฟันแน่นบังคับไม่ให้เสียงร้องลอดออกมา  ข้าส่งสายตาแข็งกร้าวให้ชายตรงหน้าที่ยังคงยิ้มอย่างสบายอารมณ์

     

    จะฆ่าก็ฆ่าเลย  แต่อย่าหวังว่าข้าจะบอกอะไร  และอย่าคิดจะเก็บข้าไว้เป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง  เพราะอารันคาร์ที่แม้แต่ภารกิจง่ายๆยังทำไม่สำเร็จ มันไม่มีค่าพอที่ท่านไอเซ็นจะชายตามองให้เสียเวลาซะด้วยซ้ำ  ข้าข่มความเจ็บปวดเค้นเสียงออกมา  พูดช้าๆทีละคำ

     

    หึ ใจกล้าดีเหมือนกันนี่  น้ำเสียงหวานดังขึ้นจากด้านหลัง ข้าเลื่อนสายตาไปจ้องนางด้วยหางตา โยรุอิจิยิ้มเหยียดให้ข้า  ก่อนเลื่อนสายตาไปด้านหน้า  และเอ่ยกับคนที่ชื่อคิสึเกะ

     

    แม่นี่มาขอให้ข้าช่วยหาผ้าอนามัยล่ะ

     

    หืม...แต่ถ้าจำไม่ผิด  พวกฮอลโลว์ไม่น่าจะต้องใช้นี่นะ  และถึงจะเป็นอารันคาร์ผมก็ไม่คิดว่าจะต้องใช้มันเหมือนกันนี่

     

    ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งไปครู่หนึ่ง  และก็เหมือนทั้งคู่จะคิดอะไรได้  พวกเขายิ้มเหยียดออกมาพร้อมกัน

     

    ของคุณอิโนะอุเอะสินะครับ  ข้าเดาได้เลยว่าสีหน้าที่ตกตะลึงของข้าคงแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี

     

    แหม...ผมนี่เดาแม่นเอาการอยู่นะครับเนี่ย  เขาหัวเราะพลางยืดตัวขึ้น  แล้วเดินไปยังตู้ด้านหลังเปิดสำรวจหาสิ่งของตามลิ้นชักต่างๆ

     

    อยู่ลิ้นชักที่สองจากล่าง  ทางซ้ายของเจ้าล่ะ คิสึเกะ  เสียงหวานเอ่ยบอกในขณะที่ผ่อนแรงจากแขนข้าลงเล็กน้อย  ถึงกระนั้นนางก็ยังคงจับข้าแน่นจนข้าดิ้นไม่หลุด  ผู้ชายสวมหมวกเคลื่อนตัวไปเปิดลิ้นชักตามที่บอก เขาหยิบห่อของบางอย่างออกมาแล้วเดินตรงกลับมา  เขานั่งลงตรงหน้าและยื่นของสิ่งนั้นให้ข้า  พอเห็นชัดๆ  ข้าจึงรู้ว่ามันคือของที่ข้าต้องการนั่นเอง

     

    ทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่  ข้าเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ  มือด้านหลังข้าคลายออกแล้ว  ข้าลุกขึ้นนั่งช้าๆสายตายังไม่ละไปจากร่างตรงหน้า

     

    ผมก็ต้องการให้คุณเอาของสิ่งนี้ไปให้คุณอิโนะอุเอะยังไงล่ะครับ เขาตอบด้วยน้ำเสียงราวกับว่าได้ยินคำถามแปลกๆ  มือของเขายังคงนิ่งและยื่นห่อของมาให้ข้า  แต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี  ข้าจึงไม่รับของจากเขา  พอเห็นอาการของข้า  ชายตรงหน้าจึงยิ้มให้และเอ่ยต่อ

     

    ไม่ต้องห่วงครับ  ผมไม่ได้ติดเครื่องมือหรืออุปกรณ์ติดตามใดๆทั้งสิ้น  ผมไม่เสี่ยงหาเรื่องให้โดนจับได้แล้วของถูกทำลายหรอกครับ  ผมรู้ว่าคุณอิโนะอุเอะคงจำเป็นต้องใช้มันจริงๆ  พวกผู้หญิงคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดมันในช่วงเวลานั้นของเดือน...พูดถูกมั้ยครับ คุณโยรุอิจิ  ประโยคสุดท้ายเขาหันไปหาร่างบางที่ตอนนี้เดินมายืนกอดอกอยู่ข้างๆเขาตรงหน้าข้า  พอได้ยินคำถาม ข้าเห็นเธอคนนั้นสะบัดหน้าหนี พลางสบถเบาๆ จับใจความได้ประมาณว่า ชิ!...แม้แต่เรื่องทรมานๆของผู้หญิง ก็ยังอุตส่าห์เอามาเล่นตลกได้นะ เจ้าบ้าเอ๊ย!’

     

    คำพูดของเขาฟังดูมีเหตุผลทีเดียว...โอริฮิเมะจังจำเป็นต้องใช้มันจริงๆ  และการนำกลับไปให้นางก็เป็นหน้าที่ของข้า  ยังไงก็คงต้องเสี่ยงดวงดูล่ะ...ข้าค่อยๆยกมือขึ้นอย่างลังเล  และสุดท้ายก็รับห่อของมาจากมือของคนตรงหน้า  เอ่ยขอบคุณเบาๆตามมารยาทแล้วรีบวิ่งออกมาจากบ้านนั้นทันที  พวกเขาไม่ได้ตามข้าออกมาแต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม  ข้าได้ยินเสียงคนที่ชื่อคิสึเกะพูดกับหญิงสาวข้างตัวด้วยน้ำเสียงติดตลกทิ้งท้ายไล่หลังข้ามาว่า เธอคนนั้นเป็นอารันคารที่มารยาทดีเอาการอยู่นะครับ  ยังอุตส่าห์ขอบคุณก่อนไปซะด้วย

     

    ข้าวิ่งกลับมาตามเส้นทางเดิมจนมาถึงจุดที่ท่านอุลคิโอร่าส่งข้ามาแล้วจึงหยุดวิ่ง  ข้าก้มลงมองของในมือแล้วกอดมันไว้กับตัวแน่นด้วยกลัวว่ามันจะหายไป  จากนั้นจึงตั้งสมาธิและรวบรวมพลังเปิดประตูมิติเพื่อเดินทางกลับฮูเอโก้ มุนโด้ทันที

     

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    ทันทีที่กลับมาถึงปราสาท  ข้าก็รีบวิ่งไปยังห้องของโอริฮิเมะทันที  เมื่อมาถึงหน้าห้อง  ข้าก็พบกับร่างของท่านอุลคิโอร่ายืนกอดอกพิงกำแพงรออยู่ข้างประตู  ร่างนั้นยืนทอดสายตามองกำแพงตรงหน้า  และเมื่อข้าเดินมาถึงหน้าประตูเขาจึงเบนเฉพาะดวงตามามองข้า

     

    ให้ไปซื้อของแค่นี้ทำไมถึงหายไปนานนักน้ำเสียงเรียบนั้นแฝงแววตำหนิ

     

    ขะ...ขอโทษค่ะ  พอดีว่าเกิดปัญหานิดหน่อย  แต่ข้าก็ได้ของที่ต้องการมาแล้วค่ะ   ข้าค้อมตัวเล็กน้อยเป็นการขออภัย  แล้วจึงยื่นของในมือให้คนตรงหน้าดู  ท่านอุลคิโอร่าเพียงแค่เหลือบมองมันครู่เดียว  แล้วจึงส่งสายตาบอกให้ข้าเอามันไปให้หญิงสาวด้านในห้อง  ข้าพยักหน้าเป็นการตอบรับ แล้วเดินผ่านเขาจะเข้าไปในห้องทันที

     

    เดี๋ยว

     

    เขาเอ่ยขึ้นเมื่อสะดุดใจอะไรบางอย่าง   พร้อมทั้งดึงมือรั้งข้าไว้ให้หยุดเดิน  ข้าหันหน้าไปมองเขาอย่างงงงวย

     

    กลิ่นรอบตัวเจ้ามันแปลกไป  ไปเจอใครมา

     

    อะ...เอ่อข้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เจอให้เขาฟังอย่างกล้าๆกลัว...ท่านอุลคิโอร่าจะลงโทษข้าที่เกือบทำงานไม่สำเร็จรึเปล่าเนี่ย

     

    ทันทีที่ข้าเล่าลักษณะของคนสองคนที่ข้าพบให้เขาฟัง  ดวงหน้าท่านอุลคิโอร่าฉายความแปลกใจอยู่แว่บหนึ่ง  ก่อนที่จะปรับให้กลับมานิ่งเช่นเดิม  เขาจ้องหน้าข้าเขม็ง

     

    เจ้าประมาทเกินไป คราวหลังอย่าไว้ใจใครง่ายๆ...จริงอยู่ที่พวกนั้นไม่ใช่ยมทูต  แต่มันก็เป็นพวกเดียวกับพวกของแม่หญิงอิโนะอุเอะที่กำลังบุกเข้ามาตอนนี้

     

    เอ๋!?”

     

    จำภาพเหตุการณ์ที่ข้าให้ดูตอนข้าขึ้นไปบนโลกมนุษย์กับยามี่ได้หรือเปล่า

     

    ทันทีที่ท่านอุลคิโอร่าพูดจบ  ภาพความทรงจำนั้นก็ฉายย้อนกลับเข้ามาในหัว  ภาพที่ท่านอุลคิโอร่าควักดวงตาออกมา และฉายให้ทุกคนได้เห็น...ฉากที่ท่านได้เจอกับอิโนะอุเอะโอริฮิเมะ...ปะทะกับเด็กผู้ชายผมสีส้ม...และการเข้ามาขวางการต่อสู้ของคนสองคน...ผู้หญิงที่ชื่อโยรุอิจิกับผู้ชายที่ชื่อคิสึเกะ!

     

    ข้ารู้สึกชาวาบไปทั่วตัว ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป...ศัตรู!...ข้าลืมหน้าพวกนั้นไปได้ยังไงนะ  ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงรู้จักโอริฮิเมะจัง  เจ้าช่างโง่เสียจริงอาราวเน่!

     

    ขอโทษค่ะ  มันเป็นความประมาทของข้าเอง  ข้ายินดีรับการลงโทษจากความผิดพลาดในครั้งนี้ค่ะ  ข้าเอ่ยด้วยความสำนึกผิด  หากท่านอุลคิดอร่าไม่ได้พูดอะไรต่อ  เพียงแค่ปล่อยมือที่จับข้าไว้แล้วเลื่อนสายตาไปมองที่บานประตูข้างตัว  มันหมายถึงให้ข้าเอาของไปให้คนด้านในก่อนในตอนนี้  ข้าก้มหน้าก้มตา  เคาะประตูเบาๆ  แล้วจึงเดินเข้าไปทันที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×