คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter18: ทางเลือกใหม่ การงาน ภาระ หน้าที่ หน้าที่ แล้วก็หน้าที่!!!!
ครืดดดด
“ไม่ต้องถอดรองเท้านะครับ เข้ามาได้เลย” ชายที่ชื่ออุราฮาร่า คิสึเกะเอ่ยเสียงระรื่นในขณะพาพวกข้าเข้ามาในบ้านของเขา ตัวข้าจำสถานที่นี้ได้ดี เพราะมันเป็นที่ที่ข้าเคยถูกผู้หญิงที่เจอในคอนวีเนี่ยนสโตร์หลอกมาและถูกจับตัวไว้
หลังจากที่ชายหมวกเกี๊ยะเกริ่นนำถึงข้อแลกเปลี่ยนเขาก็ไม่ยอมแย้มรายละเอียดอะไรเพิ่มมากไปกว่านั้น เขาบอกเพียงแค่ให้ข้ารีบทำการรักษาคนเจ็บให้เสร็จแล้วจะพามาคุยเรื่องเงื่อนไขต่อที่บ้านของเขา ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนกับดักเพราะต้องมาในถิ่นศัตรู แต่ด้วยจำนวนคนของเรา ข้าคิดว่าทางอุราฮาร่าก็คงไม่กล้าจะเล่นตลกอะไรหรอก เพราะมันคงไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อรักษาท่านฮาริเบลเสร็จแล้ว ข้าจึงหันไปทำการรักษาท่านสตาร์คต่อทันที จากนั้นจึงตามด้วยลิลิเนต ขณะกำลังรักษาฟรานเชี่ยนน้อยท่านสตาร์คก็บังเอิญฟื้นขึ้นมาพอดี เขาดูมึนงงกับสิ่งต่างๆรอบตัวในทีแรก แต่เมื่อท่านฮาริเบลกับกริมจอว์เล่าถึงสถานะปัจจุบันของพวกเราให้ฟัง รวมถึงเหตุการณ์ที่ท่านเอสปาด้าหมายเลขสามถูกไอเซ็นหักหลังแล้ว ท่านพรีเมร่าเอสปาด้าก็เงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็เอ่ยออกมาอย่างหนักใจ
“ข้าสำนึกในบุญคุณของท่านไอเซ็น และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อท่านเสมอ...แต่ถ้าหากเขาคิดว่าเอสปาด้าอย่างพวกเราไม่จำเป็นอีกต่อไป...ข้าก็จะไปกับพวกเจ้าละกัน” ...นั่นคือการตัดสินใจของท่านสตาร์ค และทำให้เขากับลิลิเนตเลือกที่จะตามอุราฮาร่า คิสึเกะมาพร้อมกับพวกเรา
หลังจากที่ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้าน พวกเราก็ถูกพามาที่ห้องรับแขกที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก อุราฮาร่า คิสึเกะให้พวกเรานั่งลงใกล้ๆกับโต๊ะสี่เหลี่ยมทรงญี่ปุ่น จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูตะโกนบอกคนด้านในว่ามีแขกมา ขอน้ำชามาเสิร์ฟ แล้วจึงเดินมานั่งที่หัวโต๊ะเช่นกัน เนื่องจากที่นั่งมีจำกัดท่านฮาริเบลกับกริมจอว์เลยเลือกที่จะยืนพิงประตูอยู่ไม่ไกลพลางกวาดตาสำรวจรอบๆบ้านแทน เวลาไม่นานนัก ก็มีชายวัยกลางคนร่างสูงที่ไว้หนวดเคราและสวมแว่นตาในชุดผ้ากันเปื้อนสีสดยกน้ำชาออกมาให้ พอเสริฟ์เสร็จก็เดินไปยืนอยู่ทางด้านหลังของชายหมวกเขียวอย่างเงียบๆ อุราฮาร่า สะบัดพัดเบาๆ ก่อนจะเริ่มเอ่ยถึงข้อเสนอของเขาอีกครั้ง
“อย่างที่ผมพูดไว้ในตอนแรก ผมสามารถช่วยให้คุณอยู่บนโลกมนุษย์ได้โดยที่ไอเซ็นไม่สามารถหาพวกคุณพบ แต่วิธีนี้พวกคุณจะต้องใช้เจ้านี่นะครับ” คนพูดล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบลูกแก้วกลมสีด้านเม็ดเล็กๆออกมาหลายลูก ข้าชะเง้อมองมันอย่างสนอกสนใจ มันดูคล้ายกับลูกแก้วที่ข้าบังเอิญได้มาในตอนนั้น แต่รู้สึกจะต่างกันนิดหน่อยแฮะ
“สิ่งนี้จะช่วยสร้างกายหยาบให้กับพวกคุณ เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายของคุณจะถูกสร้างขึ้นเลียนแบบมนุษย์ทั่วไป แต่มันมีข้อเสียคือมันจะดูดกินพลังวิญญาณ ดังนั้นเมื่ออยู่ในกายหยาบคุณจะมีสภาพไม่ต่างจากมนุษย์ปกติ สมรรถภาพทางกายอาจจะสูงกว่านิดหน่อย แต่สูญเสียความแข็งแกร่งและความรวดเร็วของอารันคาร์ไปเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน พลังกดวิญญาณจะถูกปรับให้ต่ำลง จนยากที่ไอเซ็นจะตรวจจับได้ง่ายๆ...แต่ถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์พวกคุณก็จะสามารถมองเห็นวิญญาณได้อยู่นะครับ”
“หมายความว่าพวกเราจะเสียพลังของอารันคาร์ตลอดไปเลยงั้นรึ” ท่านฮาริเบลเอ่ยถามออกมา อุราฮาร่าส่ายหน้าปฏิเสธ
“ก็แค่ช่วงที่อยู่ในร่างกายหยาบน่ะครับ แต่ถ้าดึงเอาลูกแก้วนี่ออกมาคุณก็จะกลับไปเป็นอารันคาร์ตามปกติ แต่นั่นก็จะทำให้ทั้งฝั่งไอเซ็นและยมทูตตรวจจับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของพวกคุณได้ทันทีนะครับ” พอเห็นสีหน้าของคนฟังแต่คนที่ทำหน้าแปลกๆเมื่อรู้ว่าตนเองจะต้องอยู่ในสภาพไร้พลังอย่างถึงที่สุดแล้วชายสวมหมวกจึงอธิบายเพิ่มเติมพลางหลุดหัวเราะออกมา
“แหม~ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ แค่อาจจะปลดปล่อย แล้วก็ใช้ซีโร่ไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ที่จริงถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์คุณก็สามารถเรียกดาบของพวกคุณออกมาแล้วเร่งพลังใช้โซนีดได้บ้างอยู่เหมือนกันนะครับ...ก็ผมปรับพลังของกายหยาบให้เป็นแบบนี้นี่นา เพราะพวกคุณจำเป็นมันต้องใช้มันสำหรับข้อแลกเปลี่ยนของผม” ประโยคสุดท้ายถูกเอ่ยออกมาโดยที่สายตาของชายตรงหน้าแฝงความนัยบางอย่าง กริวจอว์เลิกคิ้ว
“สรุปแล้วแกต้องการให้พวกเราทำอะไรกันแน่?”
“...ผมก็แค่...อยากให้พวกคุณช่วยผมตรวจตราดูแลความสงบสุขของเมืองคาราคุระไงคร้าบบบ~~” เจ้าชายสวมหมวกเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางสะบัดพัดชี้ไปหากริมจอว์ราวกับพิธีกรเกมส์โชว์ ทำเอาคนโดนชี้สะดุ้งเฮือก ข้ามองพฤติกรรมของเจ้าบ้านแล้วก็อดคิดไม่ได้
...ประสาทรึเปล่านะ ตาคนนี้...
“ไอ้ตรวจตราของแกนี่หมายความว่ายังไง” กริมจอว์ถามอีกครั้ง ซึ่งเป็นคำถามที่ข้าเองก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน อุราฮาร่ากระแอมเล็กน้อย แล้วจึงขยายความ
“ก็...เพราะว่าช่วงนี้ห้วงมิติบริเวณเมืองคาราคุระถูกเปิดไปเปิดมาบ่อยๆ ทำให้อาณาเขตที่ปิดกั้นค่อนข้างจะแปรปรวน เลยมีหลายครั้งที่มีฮอลโลว์หรือเมนอส กรังเด้หลุดมายังโลกมนุษย์เป็นประจำ แต่ครั้นจะรอให้กำลังของยมทูตมาจัดการก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจผมเอาซะเลย ดังนั้นผมก็เลยอยากจะตั้งกองกำลังป้องกันเมืองคาราคุระขึ้นมาจัดการกับปัญหานี้ซะเองไงล่ะครับ”
“สรุปก็คือเจ้าต้องการยืมมือพวกข้าจัดการกับฮอลโลว์งั้นสินะ” ท่านอุลคิโอร่าสรุปประเด็นที่ถูกพล่ามมาซะยาวจนเหลือสั้นๆ
“ไม่กลัวพวกเราจะทรยศด้วยการใช้พวกฮอลโลว์พวกนั้นบุกทำลายพวกมนุษย์แทนรึไง?” นายท่านเอ่ยเสียงเรียบแฝงความกดดัน หากอีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้ม จ้องกลับด้วยสายตาเป็นมิตร
“ผมคิดว่าผมเชื่อใจพวกคุณได้นะครับ”
ทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งต่างฝ่ายต่างไม่ยอมละสายตาจากกัน สุดท้ายท่านอุลคิโอร่าจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้ หลับตาพลางเอ่ยถามคนอื่นที่อยู่ในห้อง
“พวกเจ้าจะเอายังไง”
“เอ่อ...ข้าตามท่านอุลคิโอร่าค่ะ ท่านเลือกอะไรข้าก็เอาอย่างนั้น” ข้าเอ่ยเสียงค่อย แล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอสายตากริมจอว์ที่จ้องเขม็งมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วก็โดนเสียงหงุดหงิดตวาดใส่
“เจ้าคิดเองไม่เป็นรึไงห๊ะ!? เอาแต่ตามมันอยู่นั่นแหละ!”
“ก็ข้าเป็นฟรานเชี่ยนนายท่านนี่ ท่านไปไหนข้าก็ไปด้วยสิ!!”
“พอที!” ท่านฮาริเบลขึ้นเสียงใส่เพื่อห้ามศึก แล้วจึงหันไปถามกริมจอว์
“ข้าว่าลองอยู่ที่โลกมนุษย์สักพักก็ดี ยังไงพวกเราก็ต้องการเวลาฟื้นร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ แล้วเจ้าล่ะว่ายังไง กริมจอว์” คนถูกถามทำเสียงอยู่ในคอ ไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ตอบออกมา
“ลองอยู่ที่นี่สักพักมันก็ท่าจะไม่เลว ยังไงถึงตอนนี้จะกลับไปลาส์ นอเช่ ก็คงไม่มีอะไรทำ...ที่สำคัญ ข้าขี้เกียจเจอหน้าพวกไอเซ็น!”
...ไม่ใช่ไม่อยากเจอเพราะขี้เกียจอย่างเดียวล่ะมั้ง รู้ตัวล่ะสิว่าขืนเจอล่ะโดนเชือดทิ้งแน่ๆ...
ข้านึกประชดกริมจอว์ในใจ ไม่ได้พูดอะไรออกไป...ก็แค่ส่งสายตาบอกว่ารู้ทันนะ กริมจอว์ที่เห็นอย่างนั้นก็เริ่มขึ้นเสียงใส่ข้าอีกครั้ง
“มองแบบนั้นจะหาเรื่องกันรึไง อารา...”
“แล้วท่านล่ะ สตาร์ค” เอสปาด้าสาวหนึ่งเดียวในห้องถามไปยังอีกคนที่นั่งเงียบอยู่ ขัดจังหวะการพูดของกริมจอว์ให้เงียบลงทันที
“ถ้าพวกเจ้าจะอยู่ ข้ากับลิลิเนตก็อยู่ด้วย...เหลือกันอยู่แค่นี้ก็อยู่มันด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ” สตาร์คที่นั่งเท้าคางฟังคนอื่นพูดมาตลอดกล่าวเสียงเนือยๆ ลิลิเนตที่นั่งพิงอยู่ข้างๆพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนั้น” ท่านอุลคิโอร่าสรุปมติ พลางหันไปมองอุราฮาร่า คิสึเกะที่นั่งยิ้มฟังอยู่นาน ชายสวมหมวกขยับพัดในมือเบาๆ พล่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเริงร่า
“สรุปว่าพวกคุณตกลงรับข้อเสนอของผมแล้วสินะครับ...ถ้างั้น คงต้องมีอีกเรื่องที่อยากจะขอความร่วมมือด้วยล่ะนะ”
“อะไรอีกล่ะ” กริมจอว์เอ่ยอย่างเซ็งๆ ชายตรงหน้าหยุดเว้นจังหวะไปชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง
“นับจากนี้ไป...ขอให้ทุกท่านเลิกยื่นมือยุ่งเกี่ยวกับสงครามที่เกิดอยู่เหนือน่านฟ้าตอนนี้ด้วยนะครับ” ประโยคที่เอ่ยออกมานั้นเปลี่ยนสีหน้าของอารันคาร์ทุกคนในห้อง สายตาทุกคู่เลื่อนมาจับจ้องคนที่เพิ่งพูดออกมาเป็นจุดเดียวทันที
“เลิกยุ่งเกี่ยว เลิกสนใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผลจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตามที ปล่อยให้เรื่องหลังจากนี้เป็นเรื่องระหว่างพวกผม ยมทูต กลุ่มของไอเซ็น แล้วก็พรรคพวกของคุโรซากิ อิจิโกะเท่านั้นนะครับ”
ความเงียบและความรู้สึกกดดันโรยตัวเข้าปกคลุมในห้องนั้น เสียงของอุราฮาร่ายังคงดังกังวาน เนิบช้า และจริงจังดังตอนแรก
“หากต้องการจะถอนตัวออกจากสงครามครั้งนี้ ก็ต้องไม่เหลือไว้แม้แต่เงา...พวกคุณต้องเลิกยุ่งกับพวกไอเซ็นอย่างถาวร ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะรับปากเรื่องช่วยพวกคุณไม่ได้ แล้วพวกคุณก็คงจะต้องหาทางหนีจากการตามล่าของทั้งฝ่ายไอเซ็นและยมทูตด้วยตัวเองนะครับ” อุราฮาร่าเงียบไปอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นแววตาที่ถูกบดบังโดยปีกหมวกมาโดยตลอด แววตาที่เต็มไปด้วยรังสีกดดันจนข้ารู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย
“ตกลงไหมครับ?”
ไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้น ทุกสิ่งมีชีวิตในห้องต่างเงียบกริบ ข้าเหลือบมองคนอื่นๆ ทุกคนต่างจ้องเขม็งมองเจ้าบ้านด้วยสายตากดดันและไม่ไว้ใจ พยายามที่จะประเมินคนตรงหน้า แม้แต่ท่านอุลคิโอร่าที่แม้จะยังมีสีหน้าเรียบเฉยข้าก็มีแววตาไม่ต่างกัน ท่านกำลังพยายามคาดเดาถึงสิ่งที่ชายหมวกเกี๊ยะซ่อนเร้นไว้ในใจ...และให้ข้าเดา...ข้าว่าแม้แต่นายท่านก็อ่านเขาไม่ออก
ความเงียบงันที่เกิดขึ้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดอุราฮาร่าก็หลุดหัวเราะออกมา แล้วจึงยิ้มให้พลางเปลี่ยน้ำเสียงให้กลับมาเริงร่าอีกครั้งตามแบบฉบับเขา
“ไม่มีใครตอบอะไรข้าแบบนี้ งั้นข้าถือเป็นคำตกลงแล้วกันนะครับ” ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือที่กำพวกลูกแก้วเอาไว้ออกมาด้านหน้า แล้ววางมันลงบนจานเล็กที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ลูกแก้วมีทั้งหมด 6 ลูก ตรงตามจำนวนคนพอดี ข้าที่อยู่ใกล้จานนั้นที่สุดกวาดตามองเอสปาด้าคนอื่นๆไปรอบๆอย่างลังเล เมื่อไม่เห็นว่ามีเสียงห้ามอะไรข้าจึงขยับมือ เลื่อนไปหยิบจานใบเล็กนั้น แล้วจึงหยิบลูกแก้วขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ก่อนส่งจานเวียนให้คนอื่นๆ
“...วิธีใช้คือกินเข้าไปสินะ...แล้วตอนเอาออกมาจะเอาออกมายังไงล่ะ” ข้าพึมพำถามตัวเอง แต่เหมือนอุราฮาร่าจะได้ยิน เขาหันไปบอกกับชายไว้หนวดสวมแว่นด้านหลัง
“คุณเทตไซ ช่วยไปหยิบของ ‘พวกนั้น’ ที่อยู่ในตู้ให้ทีสิครับ” คนที่ยืนเงียบอยู่ด้านมานานพยักหน้าน้อยๆ แล้วจึงเดินไปเปิดลิ้นชักตรงตู้ไม้ใกล้ๆ หยิบถุงผ้าเล็กๆมาหกใบมายื่นให้คนที่ร้องขอ อุราฮาร่ารับมาพลางเอ่ยขอบคุณ แล้วจึงยื่นพวกมันให้ข้า
“เก็บติดตัวไว้คนละถุงนะครับ ในนั้นจะมีลูกแก้วอีกลูก เวลาต้องการจะแปลงสภาพกลับเป็นอารันคาร์ก็กินเม็ดนี้เข้าไป มันจะไปดันพลังของลูกเก่าให้ออกมาแทน แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็อย่าใช้มันเลยนะครับ เพราะพลังวิญญาณของพวกคุณมันจะทำให้สัญญาณเตือนภัยของยมทูตดังขึ้น แล้วขบวนพาเหรดยมทูตก็จะแห่กันมาตามล่าพวกคุณทันที” อุราฮาร่าเอ่ยติดตลก แต่พวกข้าไม่ขำด้วยเลยสักนิด ทุกคนจ้องมองถุงผ้าอย่างสงสัย ก่อนจะเก็บมันไว้กับตัว
“อีกอย่าง...” อุราฮาร่าเอ่ยขึ้นมาอีก ข้ากลอกตา รู้สึกเริ่มหน่าย...
...ยังไม่หมดอีกเรอะ...
“...ที่พักของพวกคุณในโลกมนุษย์นี้ ข้าฝากคุณโยรุอิจิช่วยจองไว้ให้แล้วนะครับ เป็นบ้านเดี่ยวขนาดเล็กอยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ แค่เดินออกจากร้าน ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย สุดทางก็เลี้ยวขวา แค่นั้นก็ถึงแล้ว อ้อ! อันนี้แผนที่ครับ” เขาพูดพลางล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อ ดึงกระดาษที่จดรายละเอียดบ้านและรูปแผนที่ทางไปขนาดไม่ใหญ่นักออกมาให้ จากนั้นจึงพูดต่อ
“ผมรู้ว่าอารันคาร์แบบพวกคุณรักการต่อสู้อยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว...”
...ข้อนั้นเว้นข้าเอาไว้ซักคนละกัน...
ข้าแย้งในใจพลางฟังสิ่งที่เขาพูดต่อ
“แต่ในระหว่างที่อยู่บนโลกมมนุษย์นี้ ห้ามฆ่ามนุษย์ หรือวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ใช่ฮอลโลว์โดยเด็ดขาดนะครับ ถ้าอยากสู้ก็ไประบายเอาเวลาเจอฮอลโลว์ หรือไม่ก็มาที่บ้านนี้ได้นะครับ ชั้นใต้ดินของบ้านนี้ข้าสร้างเป็นโรงฝึกเอาไว้ เชิญมาใช้ได้ตามสะดวก” ว่าแล้วเขาก็สะบัดรวบพัดเก็บดังปึบ ไม่สนใจสีหน้ากริมจอว์ที่บ่งบอกว่าขัดใจกับสิ่งที่ได้รับฟัง
“เรื่องที่ข้าจะพูดก็มีแค่นี้แหละ เหลือก็แค่ทุกคนต้องไปอยู่ที่บ้านนั้น แล้วก็เรียนรู้กันเอาเองแล้วล่ะครับ” พอได้ยินดังนั้นพวกข้าจึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นยืน ท่านฮาริเบลหันมาเอ่ยกับอุราฮาร่าสั้นๆ
“ขอบใจ สำหรับทุกอย่างที่เจ้าช่วยเหลือ” ชายหมวกเกี๊ยะแตะปลายหมวกพลางค้อมหัวให้เล็กน้อยเป็นการตอบรับ พวกเราต่างพากันเดินออกไปที่ประตูบ้านเงียบๆ แต่ก่อนที่มือของสตาร์คที่แตะประตูจะทันได้เลื่อนเปิดมันออก เสียงของอุราฮาร่าก็ดังไล่หลังมา
“อ้อ! เดี๋ยวครับ! ข้าลืมเรื่องสำคัญไปอีกเรื่อง”
“ที่พล่ามมาซะยาวมัน ยังไม่หมดอีกรึไง!!” กริมจอว์ตวาดออกมาอย่างเหลืออด รู้สึกรำคาญเต็มแก่ แต่พวกเราทั้งหมดก็หันหลังกลับไป เพื่อฟังอุราฮาร่า ที่เดินเนิบๆตามหลังออกมาจากห้อง
“ที่โลกมนุษย์...ทุกอย่างต้องใช้เงินนะครับ” เขาเอ่ยพลางยกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งขึ้นแตะกันเป็นวงกลม แล้วเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำให้พวกข้ายืนนิ่งแข็งเป็นหินกันไปทันที
“ดังนั้น ผมก็เลยว่าจะเป็นนายหน้าจัดหางานให้พวกคุณทุกคนเอง”
...งาน...งานอะไร? วันๆหนึ่งสิ่งที่พวกอารันคาร์เราทำก็คือการต่อสู้ ต่อสู้ แล้วก็ต่อสู้ ซึ่งข้าว่ามันคงไม่ใช่สิ่งที่เขากำลังจะพูดถึงแน่ๆ
“เพราะงั้น...ผมคงต้องขอรายละเอียดของพวกคุณซักเล็กน้อยเพื่อหางานที่เหมาะสมให้นะครับ” กล่าวจบเขาก็หันไปมองท่านอุลคิโอร่าเป็นคนแรก แล้วยิ้มให้พลางถามอย่างเป็นมิตร
“สนใจเป็นครูสอนคณิตศาสตร์มั้ยครับ” เจอคำถามนี้เข้าไป ข้าเห็นท่านอุลคิโอร่ายืนอึ้งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว ก่อนจะตอบออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบสมเป็นท่าน
“ข้า...ยังไงก็ได้ เอาข้อมูลมาให้ด้วยแล้วกัน” พอได้ยินคำตอบเขาจึงหันไปถามท่านฮาริเบลบ้าง
“แล้วคุณ...สนใจเป็นครูสอนภาษาอังกฤษมั้ยครับ” คำตอบที่ได้คือการพยักหน้าของท่านฮาริเบล จากนั้นคำถามจึงผ่านมาถึงข้าบ้าง
“คุณอาราวเน่...ผมเห็นคุณทำการรักษาได้คล่องดี สนใจเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลไหมครับ...อยู่โรงเรียนเดียวกับสองคนนั้นแหละ” พอเห็นข้าทำสีหน้าลังเล เขาก็ต่อประโยคหลังมาทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้ข้าพยักหน้าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดซักนิด
...ว่าแต่ อาจารย์ห้องพยาบาลนี่คืออะไรกันนะ...ช่างเถอะ ไว้ถามท่านอุลคิโอร่าดูทีหลังก็ได้...
แล้วเจ้าบ้านที่ผันตนเองมาเป็นสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘นายหน้าจัดหางาน’ ก็หันมามองท่านสตาร์ค นิ่งไปครู่ใหญ่ แล้วจึงเอ่ยถามออกมา
“คุณ...อยากทำอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ”
ท่านสตาร์คยกมือขึ้นปิดปากหาวออกมา จนโดนลิลิเนตที่ยืนอยู่ข้างๆเตะป้าบเข้าที่หน้าแข้งจนสะดุ้ง เขาก้มลงจ้องลิลิเนตส่งสายตาดุๆไปให้ แล้วจึงหันมาตอบ
“ของานสบายๆ ได้พักบ่อยๆ แล้วก็อยู่รวมๆกับพวกนี้ละกัน” ...พวกนี้ที่ว่า หมายถึงพวกข้าสินะ...
อุราฮาร่าพยักหน้าตอบรับ
“ถ้างั้นเป็นภารโรง...เอ่อ...พนักงานทำความสะอาดมั้ยครับ?...ทำงานเสร็จก็โดดไปนอนพักได้ตามสบาย”
“ ก็ดีเหมือนกัน”
จากนั้นชายสวมหมวกจึงเลื่อนสายตาไปมองกริมจอว์ ข้าเห็นเขานิ่งใช้ความคิด เพียงครู่ก็เอ่ยออกมา
“คุณสนใจทำงานเป็นคนทวงหนี้ไหมครับ รายได้ดี เหมาะกับบุคลิกของคุณสุดๆ รับรองทำแล้วแจ้งเกิดในวงการนี้แน่”
“ไอ้นี่มันก็ทำในโรงเรียนเหมือนกันเรอะ” กริมจอว์ถามซื่อๆ ข้าหลุกหัวเราะกิ๊ก เพราะงานที่อุราฮาร่าพูดถึงเนี่ย ข้ารู้จัก ข้าเคยได้ยินชายคนหนึ่งบ่นเรื่องโดนตามรังควานจากคนกลุ่มนี้ตอนที่ได้รับภารกิจมาซื้อของให้อิโนะอัเอะ โอริฮิเมะนี่ล่ะ
“เอ่อ...เปล่าครับ ของคุณแยกออกมาทำที่อื่น”
พอได้ยินคำตอบนั้น สีหน้าของกริมจอว์ก็เปลี่ยนไปทันที
“แล้วทำไมข้าต้องแยกมาทำคนเดียวด้วย!? ในเมื่อคนอื่นมันอยู่กันที่ไอ้ที่เรียกว่าโรงเรียนเนี่ย ข้าก็จะอยู่ที่นี่เหมือนกัน!”
“เอ่อ...คือผมไม่รู้ว่...” อุราฮาร่ายิ้มแห้งๆพลางพยายามจะอธิบาย แต่โดนท่านอุลคิโอร่าขัดขึ้นก่อน
“งานที่ใช้แต่แรง ไม่ต้องใช้สมองก็เหมาะกับเจ้าแล้วนี่ กริมจอว์ ทำไป...อย่าสร้างปัญหาให้มากนัก” นายท่านเอ่ยเสียงเรียบแต่คำพูดเหมือนต่อยเข้าที่หน้ากริมจอว์เต็มแรง
“แก!!” เจ้าอันธพาลหัวฟ้าถึงกับเลือดขึ้นหน้าจะพุ่งเข้าหานายท่านทันที แต่โดนสตาร์คยกมือกันเอาไว้ก่อน
“ถ้าเจ้าอยากทำงานที่โรงเรียนมาก แลกกับข้าก็ได้” คนกันพูดไปแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว กริมจอว์หันไปจ้องหน้า
“ไม่เอา! ทำไมข้าต้องคอยไปทำความสะอาดด้วยวะ”
...โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา เรื่องมากจริง...
“ผมนึกออกแล้ว” เสียงที่ขัดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำลายบรรยากาศครุกกรุ่นในตอนแรกให้พังไม่มีชิ้นดี ทุกสายตาหันไปมองชายหมวกเกี๊ยะที่ส่งเสียงอุทานออกมา ขณะที่ยกกำปั้นขึ้นทุบมือตนเองดังปุเหมือนคนนึกอะไรได้
“ไม่ยักกะรู้ว่าคุณกริมจอว์จะขี้เหงาถึงขนาดนี้นะครับเนี่ย ผมขอโทษที่หางานแยกคุณจากเพื่อนๆละกันนะครับ”
“ข้าไม่ได้เหงาว้อย! ก็แค่...” กริมจอว์พยายามจะแย้ง แต่ก็โดนอุราฮาร่าพูดแทรกขึ้นมา
“งั้นคุณไปเป็นครูสอนพละแล้วกัน แต่ระวังอย่าไปโมโหทำร้ายนักเรียนเข้าล่ะ ไม่งั้นโดนไล่ออกผมช่วยไม่ได้นะครับ...จบเรื่องแล้ว ข้าขอตัวไปจัดการทำเรื่องทั้งหมดก่อนนะครับ ขอให้มีความสุขกับบ้านพักล่ะ” หลังจากพูดเองเออเองเสร็จสรรพ อุราฮาร่าก็วิ่งหายเข้าไปในห้องหลังบ้านทันที
...แล้วจากนั้นพวกข้าก็เดินออกจากบ้านหลังนั้นมาอย่างงุนงง พร้อมกับกริมจอว์ที่ขมวดคิ้วพึมพำครุ่นคิดไปตลอดทาง...
“ไอ้ครูสอนพละนี่มันทำอะไรวะ?”
///////////////////////////////////////////////////////////////////
หลังจากออกมาได้สักพัก พวกข้าก็ตัดสินใจลองกินยาสร้างกายหยาบทันที เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายพวกเราก็เกิดการเปลี่ยนแปลง...แต่ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด...ก็แค่รูโหว่และเกราะชิ้นส่วนหน้ากากสูญหายไปจากใบหน้าและลำตัว แล้วก็รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของตนเองถูกกดเบาบางลงจนแทบไม่ต่างจากคนธรรมดาก็เท่านั้น อ้อ...รอยขีดใต้ตาของทั้งท่านอุลคิโอร่าแล้วก็กริมจอว์ก็หายไปด้วย
พวกเราเดินตามหาบ้านพักตามเส้นทางที่อุราฮาร่าบอกควบคู่ไปกับการสลับดูแผนที่ไปพลางๆ กระดาษแผ่นนั้นเมื่อคลี่ออกก็พบว่ามีกุญแจดอกเล็กวางไว้ในนั้นด้วย เดินเพียงไม่นานพวกเราก็มาถึงบ้านเช่าที่เป็นเป้าหมาย บ้านนั้นเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นขนาดไม่ใหญ่มากนัก บรรยากาศร่มรื่น บริเวณด้านข้างมีสวนเล็กๆจัดอยู่อย่างเป็นระเบียบ...ดูสวยงามและมีบรรยากาศเงียบสงบ นายท่านเปิดประตูรั้วสีขาว เดินเข้าไปไขกุญแจประตูก่อนเปิดเข้าไปในบ้าน ในบ้านหลังนั้นมีเครื่องเรือนไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เมื่อเดินไปถึงห้องครัวข้าก็พบว่าบนโต๊ะกินข้าวขนาดหกที่มีกระดาษสีครีมที่มีข้อความเขียนอยู่วางไว้ ข้างๆนั้นมีกระดาษแผ่นใหญ่ที่ถูกวาดเป็นตารางพร้อมปากกาสีดำด้ามใหญ่วางทับอยู่ด้านบน และถัดจากนั้นไปไม่ไกลก็มีกระเป๋าสตางค์ที่บรรจุเงินไว้ด้านในมากพอควรวางอยู่ ท่านสตาร์คหยิบกระดาษสีครีมที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนว่า ‘อ่านซะ’อยู่บนหัว ขึ้นมาอ่าน
“ถึงเจ้าพวกอารันคาร์ ข้า ชิโฮอิน โยรุอิจิ กับอุราฮาร่า คิสึเกะเช่าที่นี่ไว้ให้พวกเจ้า ค่าเช่าเดือนแรกพวกข้าจ่ายให้แล้ว แต่หลังจากนั้นก็เอาเงินเดือนพวกเจ้าจ่ายกันเองก็แล้วกัน ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าอาหาร แล้วก็ค่าจิปาถะอื่นๆ ก็นับๆเงินในกระเป๋าจ่ายเอาแล้วก็อย่าใช้เกินล่ะ อ้อ...ดูแลรักษาบ้านให้สะอาดด้วย ที่กระดาษแผ่นใหญ่นั่นข้าเขียนตารางเวรทำความสะอาดและหน้าที่ต่างๆเอาไว้ พวกเจ้าก็แบ่งๆหน้าที่กันไปเองละกัน อย่าลืมแยกขยะแล้วทิ้งตามวันให้ตรงประเภทตามที่ข้าเขียนแนะนำไว้ด้วย พรุ่งนี้พวกเจ้าก็เอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันให้เหมือนมนุษย์เขาซะด้วยล่ะ
ส่วนเรื่องงานของเจ้า หวังว่าเจ้าจะคุยกับเจ้านั่นเรียบร้อยแล้วนะ พวกข้าจะไปจัดการทำเรื่องต่างๆ แล้วจะส่งข้อมูลที่พวกเจ้าแต่ละคนจำเป็นต้องรู้ไปให้ภายในเย็นวันพรุ่งนี้ ศึกษามันให้ดีเพราะจันทร์หน้าพวกเจ้าจะต้องเริ่มงานกันแล้ว
เกือบลืม...ตรงข้างกำแพงในห้องครัว ข้าติดปฏิทินกับนาฬิกาเอาไว้ หวังว่าคงดูกันเป็นนะ...บนโลกมนุษย์ วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 9 จำไว้ด้วยล่ะ พวกมนุษย์ส่วนใหญ่ทำงานจันทร์ ถึงศุกร์ บางทีก็มีทำเพิ่มวันเสาร์บ้าง แต่ส่วนใหญ่วันเสาร์กับวันอาทิตย์จะเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ ช่วงนั้นอยากทำอะไรก็ทำไปแต่อย่าก่อเรื่องล่ะ ข้าขี้เกียจไปเคลียร์!
รายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับบ้าน ตัวเองก็มีมือมีขา เพราะงั้นพวกเจ้าก็สำรวจเอาเองแล้วกัน บ้านหลังนี้มีห้องนอน 5 ห้องพอดี เลือกกันเองล่ะ
ช่วยซะขนาดนี้ สำนึกบุญคุณพวกข้าเอาไว้ซะ!
ลงชื่อ
ชิโฮอิน โยรุอิจิ
P.S. เป็นมนุษย์มันยากกว่าที่คิดนะจะบอกให้!”
พออ่านเสร็จท่านสตาร์คก็เงยหน้าขึ้นมามองทุกคน ที่ต่างก็ยืนนิ่งทำสีหน้าแปลกๆไม่ต่างกัน
“มันเขียนไว้แค่นี้แหละ”
ข้าเลื่อนสายตาไปมองกระดาษแผ่นใหญ่ที่วางอยู่ไม่ไกล บนมุมบนของกระดาษมีประโยคเล็กๆเขียนเอาไว้ว่า ‘แบ่งหน้าที่เสร็จก็เอาใส่กรอบแขวนไว้ตรงกำแพงให้เห็นชัดๆแล้วกัน’ ตรงตารางนั้น ที่แถวริมสุดทางซ้ายมีเขียนตัวย่อของวันต่างๆในหนึ่งอาทิตย์ ที่แถวแนวนอนด้านบนมีช่องเขียนตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ข้าเอื้อมลงหยิบปากกา พลางหันไปเรียกทุกคน
“...ข้าว่าเรามาแบ่งหน้าที่กันเถอะค่ะ” ว่าแล้วข้าก็ดึงปลอกปากกาออก พลางก้มลงเตรียมเขียน ในขณะที่ปากก็อ่านหน้าที่ออกไป
“ซักผ้า” พูดจบข้าก็เงยหน้าขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ พลางหันหลังไปมองคนที่ยืนล้อมรอบข้า
...เอสปาด้า...เอสปาด้า...เอสปาด้า...แล้วก็เอสปาด้า...
...แต่ละคนเคยซักผ้ากันซะที่ไหนล่ะ...
“เอ่อ...งั้นอันนี้ข้าทำเองค่ะ” ข้าเสนอพลางเขียนชื่อตนเองลงไป จากนั้นจึงเลื่อนสายตาไปที่หัวข้อถัดมา
“ทำความสะอาดบ้าน”
...เงียบสนิทเชียว...
ก็ตอนอยู่ลาส์ นอเช่เนี่ย แต่ละคนก็มีฟรานเชี่ยนไม่ก็อารันคาร์รับใช้จัดการให้หมด แม้แต่พวกฟรานเชี่ยนเอง บางคนอย่างของที่วังกริมจอว์ยังทำงานพวกนี้ไม่เป็นแล้วต้องมาลากข้าไปช่วยบ่อยๆเลย
“อันนี้ข้าทำเองก็ได้ค่ะ”ข้าเอ่ยอย่างอ่อนใจ แล้วเขียนชื่อตนเองลงไปอีกครั้ง
“ทำอาหาร” พอพูดจบก็พบกับความเงียบอีกครั้ง ข้าค่อยๆหันหน้าไปมองแต่ละคน
“ข้า...ไม่เคยทำ” ท่านฮาริเบลเอ่ยเสียงเบา
“ข้า...เคยแต่กิน” สตาร์คเอ่ยเสียงเครียด ลิลิเนตจึงยกมืออาสา
“งั้นข้าทำก็ได้” แต่แล้วสตาร์คก็รีบหันมาปราม
“เจ้าทำจะกินได้เรอะ ขนาดใช้มีดหั่นเนื้อเข้าปากยังทำไม่เป็นเลยสักครั้ง”
“อาราวเน่...ถ้าไม่ใช่เจ้าทำข้าไม่กินนะ!” กริมจอว์เอ่ยอย่างหวาดๆเมื่อได้ยินประสบการณ์การทำอาหารของแต่ละคน ข้าตวัดมองเขาด้วยหางตา แล้วจึงเบนหน้าไปมองท่านอุลคิโอร่าบ้าง...แม้แต่เขาก็หลบตาข้า...
...ไม่ต้องถามว่าทำเป็นไหมหรอก ขนาดปกติทำให้ยังแทบไม่กินเลย...
ข้าถอนหายใจเฮือก
“ข้าทำหน้าที่นี้ด้วยก็ได้ค่ะ” ข้ากล่าวเสียงอ่อย พลางเขียนชื่อลงไปอีกครั้ง...ตอนนี้ในตารางเกินครึ่งมีแต่ชื่อข้าทั้งนั้น ข้าแอบเห็นท่านฮาริเบลกับลิลิเนตก้มลงมองกระดาษแผ่นโตก่อนหันไปมองหน้ากัน
“เอ่อ อาราวเน่จัง ข้ากับท่านฮาริเบลช่วยกันล้างจานให้แล้วกันนะ แต่สอนให้หน่อยนะว่าทำยังไง” ลิลิเนตเอ่ยเสียงแผ่ว โดยมีท่านฮาริเบลพยักหน้าตอบรับ...
ข้าเขียนชื่อทั้งสองคนลงไปในตารางแถวสุดท้าย รู้สึกเหนื่อยใจเป็นที่สุด
...ฟรานเชี่ยนคนเดียว ลิลิเนตไม่นับ...เท่ากับว่าข้าต้องอยู่ร่วมกับท่านเอสปาด้าอีกสี่ ที่แต่ละคนไม่เคยจับอะไรอย่างอื่นนอกจากดาบ!
...งานนี้ข้าเจอศึกหนักยิ่งกว่าตอนอยู่ที่ ลาส์ นอเช่ แน่ๆ
//////////////////////////////////////////////////////////////////
อาราวเน่เอ๊ย...ลาออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวเถอะหนูเอ๊ย เห็นภาระหน้าที่งานบ้านแล้วสงสารซะจริง
เอสปาด้าแต่ละคน...พอเจอเรื่องพวกนี้เข้าไป ไร้ประโยชน์กันสุดๆ!!
ว่าแต่...เรื่องหัวเราะกริมจอว์ที่ถามอุราฮาร่าน่ะ ตัวเองก็ไม่รู้จักอาจารย์ห้องพยาบาลเหมือนกันแล้วไปหัวเราะเขาได้เรอะ = =”...แต่งไปแต่งมา...อันดับเอสปาด้านี่เค้าจัดเรียงเรื่องความฉลาดกันด้วยสินะ (ฮา)
ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ พอดีซีเปิดเทอมแล้ว แล้วตารางเรียนเทอมนี้มันเฮงซวยมากค่ะ ซีมีเรียนวันจันทร์กับอังคารจนถึง6โมงครึ่ง กว่าจะกลับถึงบ้านก็สองทุ่ม กว่าจะอาบน้ำทำอะไรเสร็จก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าๆแล้ว...หมดแรงค่ะ ฮือ...
อาจจะอัพเว้นช่วงมากขึ้นตอนเปิดเทอม แต่จะพยายามมาอัพให้บ่อยที่สุดนะคะ แล้วก็ตอนหลังจากนี้ไปค่อนข้างจะเข้าช่วงชีวิตสุขสงบของพวกแก๊งค์อารันคาร์แล้ว แล้วความสัมพันธ์ระหว่างอาราวเน่กับท่านอุลคิโอร่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วมากหลังจากนี้ ยังไงก็รบกวนติดตามด้วยนะคะ
อ๊ะ...พ่อมารับแล้ว ขอกลับบ้านก่อนเนอะ แล้วเดี๋ยวจะมาคุยต่อค่า
ความคิดเห็น