ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Bleach: Ulquiorra x Original] The Lullaby for my dream

    ลำดับตอนที่ #19 : Chapter18: ทางเลือกใหม่ การงาน ภาระ หน้าที่ หน้าที่ แล้วก็หน้าที่!!!!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      45
      5 ม.ค. 53

     

    ครืดดดด

     

    ไม่ต้องถอดรองเท้านะครับ เข้ามาได้เลยชายที่ชื่ออุราฮาร่า คิสึเกะเอ่ยเสียงระรื่นในขณะพาพวกข้าเข้ามาในบ้านของเขา   ตัวข้าจำสถานที่นี้ได้ดี เพราะมันเป็นที่ที่ข้าเคยถูกผู้หญิงที่เจอในคอนวีเนี่ยนสโตร์หลอกมาและถูกจับตัวไว้

     

    หลังจากที่ชายหมวกเกี๊ยะเกริ่นนำถึงข้อแลกเปลี่ยนเขาก็ไม่ยอมแย้มรายละเอียดอะไรเพิ่มมากไปกว่านั้น  เขาบอกเพียงแค่ให้ข้ารีบทำการรักษาคนเจ็บให้เสร็จแล้วจะพามาคุยเรื่องเงื่อนไขต่อที่บ้านของเขา  ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนกับดักเพราะต้องมาในถิ่นศัตรู  แต่ด้วยจำนวนคนของเรา  ข้าคิดว่าทางอุราฮาร่าก็คงไม่กล้าจะเล่นตลกอะไรหรอก เพราะมันคงไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่  ดังนั้นเมื่อรักษาท่านฮาริเบลเสร็จแล้ว ข้าจึงหันไปทำการรักษาท่านสตาร์คต่อทันที  จากนั้นจึงตามด้วยลิลิเนต  ขณะกำลังรักษาฟรานเชี่ยนน้อยท่านสตาร์คก็บังเอิญฟื้นขึ้นมาพอดี  เขาดูมึนงงกับสิ่งต่างๆรอบตัวในทีแรก  แต่เมื่อท่านฮาริเบลกับกริมจอว์เล่าถึงสถานะปัจจุบันของพวกเราให้ฟัง รวมถึงเหตุการณ์ที่ท่านเอสปาด้าหมายเลขสามถูกไอเซ็นหักหลังแล้ว ท่านพรีเมร่าเอสปาด้าก็เงียบไปพักใหญ่  สุดท้ายก็เอ่ยออกมาอย่างหนักใจ

     

    ข้าสำนึกในบุญคุณของท่านไอเซ็น และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อท่านเสมอ...แต่ถ้าหากเขาคิดว่าเอสปาด้าอย่างพวกเราไม่จำเป็นอีกต่อไป...ข้าก็จะไปกับพวกเจ้าละกัน  ...นั่นคือการตัดสินใจของท่านสตาร์ค และทำให้เขากับลิลิเนตเลือกที่จะตามอุราฮาร่า คิสึเกะมาพร้อมกับพวกเรา

     

    หลังจากที่ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้าน พวกเราก็ถูกพามาที่ห้องรับแขกที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก  อุราฮาร่า คิสึเกะให้พวกเรานั่งลงใกล้ๆกับโต๊ะสี่เหลี่ยมทรงญี่ปุ่น จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูตะโกนบอกคนด้านในว่ามีแขกมา ขอน้ำชามาเสิร์ฟ แล้วจึงเดินมานั่งที่หัวโต๊ะเช่นกัน เนื่องจากที่นั่งมีจำกัดท่านฮาริเบลกับกริมจอว์เลยเลือกที่จะยืนพิงประตูอยู่ไม่ไกลพลางกวาดตาสำรวจรอบๆบ้านแทน  เวลาไม่นานนัก ก็มีชายวัยกลางคนร่างสูงที่ไว้หนวดเคราและสวมแว่นตาในชุดผ้ากันเปื้อนสีสดยกน้ำชาออกมาให้  พอเสริฟ์เสร็จก็เดินไปยืนอยู่ทางด้านหลังของชายหมวกเขียวอย่างเงียบๆ  อุราฮาร่า สะบัดพัดเบาๆ ก่อนจะเริ่มเอ่ยถึงข้อเสนอของเขาอีกครั้ง

     

    อย่างที่ผมพูดไว้ในตอนแรก ผมสามารถช่วยให้คุณอยู่บนโลกมนุษย์ได้โดยที่ไอเซ็นไม่สามารถหาพวกคุณพบ แต่วิธีนี้พวกคุณจะต้องใช้เจ้านี่นะครับคนพูดล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบลูกแก้วกลมสีด้านเม็ดเล็กๆออกมาหลายลูก  ข้าชะเง้อมองมันอย่างสนอกสนใจ  มันดูคล้ายกับลูกแก้วที่ข้าบังเอิญได้มาในตอนนั้น  แต่รู้สึกจะต่างกันนิดหน่อยแฮะ

     

    สิ่งนี้จะช่วยสร้างกายหยาบให้กับพวกคุณ เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายของคุณจะถูกสร้างขึ้นเลียนแบบมนุษย์ทั่วไป แต่มันมีข้อเสียคือมันจะดูดกินพลังวิญญาณ ดังนั้นเมื่ออยู่ในกายหยาบคุณจะมีสภาพไม่ต่างจากมนุษย์ปกติ สมรรถภาพทางกายอาจจะสูงกว่านิดหน่อย แต่สูญเสียความแข็งแกร่งและความรวดเร็วของอารันคาร์ไปเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน พลังกดวิญญาณจะถูกปรับให้ต่ำลง จนยากที่ไอเซ็นจะตรวจจับได้ง่ายๆ...แต่ถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์พวกคุณก็จะสามารถมองเห็นวิญญาณได้อยู่นะครับ

     

    หมายความว่าพวกเราจะเสียพลังของอารันคาร์ตลอดไปเลยงั้นรึท่านฮาริเบลเอ่ยถามออกมา อุราฮาร่าส่ายหน้าปฏิเสธ

     

    ก็แค่ช่วงที่อยู่ในร่างกายหยาบน่ะครับ  แต่ถ้าดึงเอาลูกแก้วนี่ออกมาคุณก็จะกลับไปเป็นอารันคาร์ตามปกติ  แต่นั่นก็จะทำให้ทั้งฝั่งไอเซ็นและยมทูตตรวจจับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของพวกคุณได้ทันทีนะครับ  พอเห็นสีหน้าของคนฟังแต่คนที่ทำหน้าแปลกๆเมื่อรู้ว่าตนเองจะต้องอยู่ในสภาพไร้พลังอย่างถึงที่สุดแล้วชายสวมหมวกจึงอธิบายเพิ่มเติมพลางหลุดหัวเราะออกมา

     

    แหม~ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ  แค่อาจจะปลดปล่อย แล้วก็ใช้ซีโร่ไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ที่จริงถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์คุณก็สามารถเรียกดาบของพวกคุณออกมาแล้วเร่งพลังใช้โซนีดได้บ้างอยู่เหมือนกันนะครับ...ก็ผมปรับพลังของกายหยาบให้เป็นแบบนี้นี่นา  เพราะพวกคุณจำเป็นมันต้องใช้มันสำหรับข้อแลกเปลี่ยนของผม  ประโยคสุดท้ายถูกเอ่ยออกมาโดยที่สายตาของชายตรงหน้าแฝงความนัยบางอย่าง  กริวจอว์เลิกคิ้ว

     

    สรุปแล้วแกต้องการให้พวกเราทำอะไรกันแน่?”

     

    ...ผมก็แค่...อยากให้พวกคุณช่วยผมตรวจตราดูแลความสงบสุขของเมืองคาราคุระไงคร้าบบบ~~” เจ้าชายสวมหมวกเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางสะบัดพัดชี้ไปหากริมจอว์ราวกับพิธีกรเกมส์โชว์  ทำเอาคนโดนชี้สะดุ้งเฮือก ข้ามองพฤติกรรมของเจ้าบ้านแล้วก็อดคิดไม่ได้

     

    ...ประสาทรึเปล่านะ ตาคนนี้...

     

    ไอ้ตรวจตราของแกนี่หมายความว่ายังไง กริมจอว์ถามอีกครั้ง  ซึ่งเป็นคำถามที่ข้าเองก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน อุราฮาร่ากระแอมเล็กน้อย แล้วจึงขยายความ

     

    ก็...เพราะว่าช่วงนี้ห้วงมิติบริเวณเมืองคาราคุระถูกเปิดไปเปิดมาบ่อยๆ ทำให้อาณาเขตที่ปิดกั้นค่อนข้างจะแปรปรวน เลยมีหลายครั้งที่มีฮอลโลว์หรือเมนอส กรังเด้หลุดมายังโลกมนุษย์เป็นประจำ  แต่ครั้นจะรอให้กำลังของยมทูตมาจัดการก็ดูเหมือนจะไม่ทันใจผมเอาซะเลย ดังนั้นผมก็เลยอยากจะตั้งกองกำลังป้องกันเมืองคาราคุระขึ้นมาจัดการกับปัญหานี้ซะเองไงล่ะครับ

     

    สรุปก็คือเจ้าต้องการยืมมือพวกข้าจัดการกับฮอลโลว์งั้นสินะ ท่านอุลคิโอร่าสรุปประเด็นที่ถูกพล่ามมาซะยาวจนเหลือสั้นๆ

     

    ไม่กลัวพวกเราจะทรยศด้วยการใช้พวกฮอลโลว์พวกนั้นบุกทำลายพวกมนุษย์แทนรึไง?”  นายท่านเอ่ยเสียงเรียบแฝงความกดดัน  หากอีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้ม จ้องกลับด้วยสายตาเป็นมิตร

     

    ผมคิดว่าผมเชื่อใจพวกคุณได้นะครับ

     

    ทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งต่างฝ่ายต่างไม่ยอมละสายตาจากกัน  สุดท้ายท่านอุลคิโอร่าจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้   หลับตาพลางเอ่ยถามคนอื่นที่อยู่ในห้อง

     

    พวกเจ้าจะเอายังไง

     

    เอ่อ...ข้าตามท่านอุลคิโอร่าค่ะ ท่านเลือกอะไรข้าก็เอาอย่างนั้น  ข้าเอ่ยเสียงค่อย แล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอสายตากริมจอว์ที่จ้องเขม็งมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วก็โดนเสียงหงุดหงิดตวาดใส่

     

    เจ้าคิดเองไม่เป็นรึไงห๊ะ!? เอาแต่ตามมันอยู่นั่นแหละ!”

     

    ก็ข้าเป็นฟรานเชี่ยนนายท่านนี่ ท่านไปไหนข้าก็ไปด้วยสิ!!”

     

    พอที!” ท่านฮาริเบลขึ้นเสียงใส่เพื่อห้ามศึก แล้วจึงหันไปถามกริมจอว์

     

    ข้าว่าลองอยู่ที่โลกมนุษย์สักพักก็ดี  ยังไงพวกเราก็ต้องการเวลาฟื้นร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ  แล้วเจ้าล่ะว่ายังไง กริมจอว์  คนถูกถามทำเสียงอยู่ในคอ ไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ตอบออกมา

     

    ลองอยู่ที่นี่สักพักมันก็ท่าจะไม่เลว  ยังไงถึงตอนนี้จะกลับไปลาส์ นอเช่ ก็คงไม่มีอะไรทำ...ที่สำคัญ  ข้าขี้เกียจเจอหน้าพวกไอเซ็น!”


    ...ไม่ใช่ไม่อยากเจอเพราะขี้เกียจอย่างเดียวล่ะมั้ง  รู้ตัวล่ะสิว่าขืนเจอล่ะโดนเชือดทิ้งแน่ๆ...

     

    ข้านึกประชดกริมจอว์ในใจ  ไม่ได้พูดอะไรออกไป...ก็แค่ส่งสายตาบอกว่ารู้ทันนะ  กริมจอว์ที่เห็นอย่างนั้นก็เริ่มขึ้นเสียงใส่ข้าอีกครั้ง

     

    มองแบบนั้นจะหาเรื่องกันรึไง อารา...

     


    แล้วท่านล่ะ สตาร์ค เอสปาด้าสาวหนึ่งเดียวในห้องถามไปยังอีกคนที่นั่งเงียบอยู่ ขัดจังหวะการพูดของกริมจอว์ให้เงียบลงทันที

     

    ถ้าพวกเจ้าจะอยู่ ข้ากับลิลิเนตก็อยู่ด้วย...เหลือกันอยู่แค่นี้ก็อยู่มันด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ  สตาร์คที่นั่งเท้าคางฟังคนอื่นพูดมาตลอดกล่าวเสียงเนือยๆ  ลิลิเนตที่นั่งพิงอยู่ข้างๆพยักหน้าเห็นด้วย

     

    ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนั้น  ท่านอุลคิโอร่าสรุปมติ พลางหันไปมองอุราฮาร่า คิสึเกะที่นั่งยิ้มฟังอยู่นาน  ชายสวมหมวกขยับพัดในมือเบาๆ พล่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเริงร่า

     

     

    สรุปว่าพวกคุณตกลงรับข้อเสนอของผมแล้วสินะครับ...ถ้างั้น คงต้องมีอีกเรื่องที่อยากจะขอความร่วมมือด้วยล่ะนะ

     

    อะไรอีกล่ะ  กริมจอว์เอ่ยอย่างเซ็งๆ  ชายตรงหน้าหยุดเว้นจังหวะไปชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

     

    นับจากนี้ไป...ขอให้ทุกท่านเลิกยื่นมือยุ่งเกี่ยวกับสงครามที่เกิดอยู่เหนือน่านฟ้าตอนนี้ด้วยนะครับ ประโยคที่เอ่ยออกมานั้นเปลี่ยนสีหน้าของอารันคาร์ทุกคนในห้อง  สายตาทุกคู่เลื่อนมาจับจ้องคนที่เพิ่งพูดออกมาเป็นจุดเดียวทันที

     

    เลิกยุ่งเกี่ยว เลิกสนใจ  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผลจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตามที  ปล่อยให้เรื่องหลังจากนี้เป็นเรื่องระหว่างพวกผม ยมทูต กลุ่มของไอเซ็น แล้วก็พรรคพวกของคุโรซากิ อิจิโกะเท่านั้นนะครับ

     

    ความเงียบและความรู้สึกกดดันโรยตัวเข้าปกคลุมในห้องนั้น  เสียงของอุราฮาร่ายังคงดังกังวาน เนิบช้า และจริงจังดังตอนแรก

     

    หากต้องการจะถอนตัวออกจากสงครามครั้งนี้ ก็ต้องไม่เหลือไว้แม้แต่เงา...พวกคุณต้องเลิกยุ่งกับพวกไอเซ็นอย่างถาวร  ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะรับปากเรื่องช่วยพวกคุณไม่ได้  แล้วพวกคุณก็คงจะต้องหาทางหนีจากการตามล่าของทั้งฝ่ายไอเซ็นและยมทูตด้วยตัวเองนะครับ  อุราฮาร่าเงียบไปอีกครั้ง  เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นแววตาที่ถูกบดบังโดยปีกหมวกมาโดยตลอด แววตาที่เต็มไปด้วยรังสีกดดันจนข้ารู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย

     

    ตกลงไหมครับ?”

     

    ไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้น  ทุกสิ่งมีชีวิตในห้องต่างเงียบกริบ  ข้าเหลือบมองคนอื่นๆ ทุกคนต่างจ้องเขม็งมองเจ้าบ้านด้วยสายตากดดันและไม่ไว้ใจ พยายามที่จะประเมินคนตรงหน้า  แม้แต่ท่านอุลคิโอร่าที่แม้จะยังมีสีหน้าเรียบเฉยข้าก็มีแววตาไม่ต่างกัน ท่านกำลังพยายามคาดเดาถึงสิ่งที่ชายหมวกเกี๊ยะซ่อนเร้นไว้ในใจ...และให้ข้าเดา...ข้าว่าแม้แต่นายท่านก็อ่านเขาไม่ออก

     

    ความเงียบงันที่เกิดขึ้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า  ในที่สุดอุราฮาร่าก็หลุดหัวเราะออกมา  แล้วจึงยิ้มให้พลางเปลี่ยน้ำเสียงให้กลับมาเริงร่าอีกครั้งตามแบบฉบับเขา

     

    ไม่มีใครตอบอะไรข้าแบบนี้  งั้นข้าถือเป็นคำตกลงแล้วกันนะครับ  ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือที่กำพวกลูกแก้วเอาไว้ออกมาด้านหน้า แล้ววางมันลงบนจานเล็กที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ  ลูกแก้วมีทั้งหมด 6 ลูก ตรงตามจำนวนคนพอดี  ข้าที่อยู่ใกล้จานนั้นที่สุดกวาดตามองเอสปาด้าคนอื่นๆไปรอบๆอย่างลังเล  เมื่อไม่เห็นว่ามีเสียงห้ามอะไรข้าจึงขยับมือ เลื่อนไปหยิบจานใบเล็กนั้น แล้วจึงหยิบลูกแก้วขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ก่อนส่งจานเวียนให้คนอื่นๆ

     

    ...วิธีใช้คือกินเข้าไปสินะ...แล้วตอนเอาออกมาจะเอาออกมายังไงล่ะ  ข้าพึมพำถามตัวเอง  แต่เหมือนอุราฮาร่าจะได้ยิน เขาหันไปบอกกับชายไว้หนวดสวมแว่นด้านหลัง

     

    คุณเทตไซ  ช่วยไปหยิบของ พวกนั้นที่อยู่ในตู้ให้ทีสิครับ  คนที่ยืนเงียบอยู่ด้านมานานพยักหน้าน้อยๆ แล้วจึงเดินไปเปิดลิ้นชักตรงตู้ไม้ใกล้ๆ หยิบถุงผ้าเล็กๆมาหกใบมายื่นให้คนที่ร้องขอ  อุราฮาร่ารับมาพลางเอ่ยขอบคุณ แล้วจึงยื่นพวกมันให้ข้า

     

    เก็บติดตัวไว้คนละถุงนะครับ ในนั้นจะมีลูกแก้วอีกลูก  เวลาต้องการจะแปลงสภาพกลับเป็นอารันคาร์ก็กินเม็ดนี้เข้าไป มันจะไปดันพลังของลูกเก่าให้ออกมาแทน  แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็อย่าใช้มันเลยนะครับ เพราะพลังวิญญาณของพวกคุณมันจะทำให้สัญญาณเตือนภัยของยมทูตดังขึ้น แล้วขบวนพาเหรดยมทูตก็จะแห่กันมาตามล่าพวกคุณทันที  อุราฮาร่าเอ่ยติดตลก แต่พวกข้าไม่ขำด้วยเลยสักนิด   ทุกคนจ้องมองถุงผ้าอย่างสงสัย  ก่อนจะเก็บมันไว้กับตัว

     

    อีกอย่าง... อุราฮาร่าเอ่ยขึ้นมาอีก  ข้ากลอกตา  รู้สึกเริ่มหน่าย...

     

    ...ยังไม่หมดอีกเรอะ...

     

    ...ที่พักของพวกคุณในโลกมนุษย์นี้ ข้าฝากคุณโยรุอิจิช่วยจองไว้ให้แล้วนะครับ เป็นบ้านเดี่ยวขนาดเล็กอยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ แค่เดินออกจากร้าน ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย  สุดทางก็เลี้ยวขวา แค่นั้นก็ถึงแล้ว  อ้อ! อันนี้แผนที่ครับ  เขาพูดพลางล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อ ดึงกระดาษที่จดรายละเอียดบ้านและรูปแผนที่ทางไปขนาดไม่ใหญ่นักออกมาให้  จากนั้นจึงพูดต่อ

     

    ผมรู้ว่าอารันคาร์แบบพวกคุณรักการต่อสู้อยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว...

     

    ...ข้อนั้นเว้นข้าเอาไว้ซักคนละกัน...

     

    ข้าแย้งในใจพลางฟังสิ่งที่เขาพูดต่อ

     

    แต่ในระหว่างที่อยู่บนโลกมมนุษย์นี้ ห้ามฆ่ามนุษย์ หรือวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ใช่ฮอลโลว์โดยเด็ดขาดนะครับ  ถ้าอยากสู้ก็ไประบายเอาเวลาเจอฮอลโลว์ หรือไม่ก็มาที่บ้านนี้ได้นะครับ  ชั้นใต้ดินของบ้านนี้ข้าสร้างเป็นโรงฝึกเอาไว้  เชิญมาใช้ได้ตามสะดวก  ว่าแล้วเขาก็สะบัดรวบพัดเก็บดังปึบ  ไม่สนใจสีหน้ากริมจอว์ที่บ่งบอกว่าขัดใจกับสิ่งที่ได้รับฟัง

     

    เรื่องที่ข้าจะพูดก็มีแค่นี้แหละ เหลือก็แค่ทุกคนต้องไปอยู่ที่บ้านนั้น แล้วก็เรียนรู้กันเอาเองแล้วล่ะครับ พอได้ยินดังนั้นพวกข้าจึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นยืน  ท่านฮาริเบลหันมาเอ่ยกับอุราฮาร่าสั้นๆ

     

    ขอบใจ  สำหรับทุกอย่างที่เจ้าช่วยเหลือ ชายหมวกเกี๊ยะแตะปลายหมวกพลางค้อมหัวให้เล็กน้อยเป็นการตอบรับ  พวกเราต่างพากันเดินออกไปที่ประตูบ้านเงียบๆ  แต่ก่อนที่มือของสตาร์คที่แตะประตูจะทันได้เลื่อนเปิดมันออก  เสียงของอุราฮาร่าก็ดังไล่หลังมา

     

    อ้อ!  เดี๋ยวครับ!  ข้าลืมเรื่องสำคัญไปอีกเรื่อง

     

    ที่พล่ามมาซะยาวมัน ยังไม่หมดอีกรึไง!!”  กริมจอว์ตวาดออกมาอย่างเหลืออด  รู้สึกรำคาญเต็มแก่  แต่พวกเราทั้งหมดก็หันหลังกลับไป เพื่อฟังอุราฮาร่า ที่เดินเนิบๆตามหลังออกมาจากห้อง

     

    ที่โลกมนุษย์...ทุกอย่างต้องใช้เงินนะครับ เขาเอ่ยพลางยกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งขึ้นแตะกันเป็นวงกลม  แล้วเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำให้พวกข้ายืนนิ่งแข็งเป็นหินกันไปทันที

     

    ดังนั้น  ผมก็เลยว่าจะเป็นนายหน้าจัดหางานให้พวกคุณทุกคนเอง

     

    ...งาน...งานอะไร? วันๆหนึ่งสิ่งที่พวกอารันคาร์เราทำก็คือการต่อสู้ ต่อสู้ แล้วก็ต่อสู้  ซึ่งข้าว่ามันคงไม่ใช่สิ่งที่เขากำลังจะพูดถึงแน่ๆ

     

    เพราะงั้น...ผมคงต้องขอรายละเอียดของพวกคุณซักเล็กน้อยเพื่อหางานที่เหมาะสมให้นะครับ  กล่าวจบเขาก็หันไปมองท่านอุลคิโอร่าเป็นคนแรก แล้วยิ้มให้พลางถามอย่างเป็นมิตร

     

    สนใจเป็นครูสอนคณิตศาสตร์มั้ยครับ เจอคำถามนี้เข้าไป ข้าเห็นท่านอุลคิโอร่ายืนอึ้งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว ก่อนจะตอบออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบสมเป็นท่าน

     

    ข้า...ยังไงก็ได้ เอาข้อมูลมาให้ด้วยแล้วกัน พอได้ยินคำตอบเขาจึงหันไปถามท่านฮาริเบลบ้าง

     

    แล้วคุณ...สนใจเป็นครูสอนภาษาอังกฤษมั้ยครับ  คำตอบที่ได้คือการพยักหน้าของท่านฮาริเบล  จากนั้นคำถามจึงผ่านมาถึงข้าบ้าง

     

    คุณอาราวเน่...ผมเห็นคุณทำการรักษาได้คล่องดี  สนใจเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลไหมครับ...อยู่โรงเรียนเดียวกับสองคนนั้นแหละ  พอเห็นข้าทำสีหน้าลังเล เขาก็ต่อประโยคหลังมาทันที  ซึ่งนั่นก็ทำให้ข้าพยักหน้าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดซักนิด

     

    ...ว่าแต่  อาจารย์ห้องพยาบาลนี่คืออะไรกันนะ...ช่างเถอะ  ไว้ถามท่านอุลคิโอร่าดูทีหลังก็ได้...

     

    แล้วเจ้าบ้านที่ผันตนเองมาเป็นสิ่งที่เขาเรียกว่านายหน้าจัดหางานก็หันมามองท่านสตาร์ค  นิ่งไปครู่ใหญ่  แล้วจึงเอ่ยถามออกมา

     

    คุณ...อยากทำอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ

     

    ท่านสตาร์คยกมือขึ้นปิดปากหาวออกมา  จนโดนลิลิเนตที่ยืนอยู่ข้างๆเตะป้าบเข้าที่หน้าแข้งจนสะดุ้ง  เขาก้มลงจ้องลิลิเนตส่งสายตาดุๆไปให้ แล้วจึงหันมาตอบ

     

    ของานสบายๆ ได้พักบ่อยๆ แล้วก็อยู่รวมๆกับพวกนี้ละกัน  ...พวกนี้ที่ว่า  หมายถึงพวกข้าสินะ...

     

    อุราฮาร่าพยักหน้าตอบรับ

     

    ถ้างั้นเป็นภารโรง...เอ่อ...พนักงานทำความสะอาดมั้ยครับ?...ทำงานเสร็จก็โดดไปนอนพักได้ตามสบาย

     

    “…ก็ดีเหมือนกัน

     

    จากนั้นชายสวมหมวกจึงเลื่อนสายตาไปมองกริมจอว์  ข้าเห็นเขานิ่งใช้ความคิด  เพียงครู่ก็เอ่ยออกมา

     

    คุณสนใจทำงานเป็นคนทวงหนี้ไหมครับ  รายได้ดี  เหมาะกับบุคลิกของคุณสุดๆ รับรองทำแล้วแจ้งเกิดในวงการนี้แน่

     

    ไอ้นี่มันก็ทำในโรงเรียนเหมือนกันเรอะ กริมจอว์ถามซื่อๆ ข้าหลุกหัวเราะกิ๊ก  เพราะงานที่อุราฮาร่าพูดถึงเนี่ย ข้ารู้จัก  ข้าเคยได้ยินชายคนหนึ่งบ่นเรื่องโดนตามรังควานจากคนกลุ่มนี้ตอนที่ได้รับภารกิจมาซื้อของให้อิโนะอัเอะ โอริฮิเมะนี่ล่ะ

     

    เอ่อ...เปล่าครับ ของคุณแยกออกมาทำที่อื่น

     

    พอได้ยินคำตอบนั้น  สีหน้าของกริมจอว์ก็เปลี่ยนไปทันที

     

    แล้วทำไมข้าต้องแยกมาทำคนเดียวด้วย!?  ในเมื่อคนอื่นมันอยู่กันที่ไอ้ที่เรียกว่าโรงเรียนเนี่ย ข้าก็จะอยู่ที่นี่เหมือนกัน!”

     

    เอ่อ...คือผมไม่รู้ว่...  อุราฮาร่ายิ้มแห้งๆพลางพยายามจะอธิบาย แต่โดนท่านอุลคิโอร่าขัดขึ้นก่อน

     

    งานที่ใช้แต่แรง ไม่ต้องใช้สมองก็เหมาะกับเจ้าแล้วนี่ กริมจอว์ ทำไป...อย่าสร้างปัญหาให้มากนักนายท่านเอ่ยเสียงเรียบแต่คำพูดเหมือนต่อยเข้าที่หน้ากริมจอว์เต็มแรง 

     

     

    แก!!” เจ้าอันธพาลหัวฟ้าถึงกับเลือดขึ้นหน้าจะพุ่งเข้าหานายท่านทันที แต่โดนสตาร์คยกมือกันเอาไว้ก่อน

     

    ถ้าเจ้าอยากทำงานที่โรงเรียนมาก แลกกับข้าก็ได้  คนกันพูดไปแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว  กริมจอว์หันไปจ้องหน้า

     

    ไม่เอา! ทำไมข้าต้องคอยไปทำความสะอาดด้วยวะ

     

    ...โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา เรื่องมากจริง...

     

    ผมนึกออกแล้วเสียงที่ขัดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำลายบรรยากาศครุกกรุ่นในตอนแรกให้พังไม่มีชิ้นดี ทุกสายตาหันไปมองชายหมวกเกี๊ยะที่ส่งเสียงอุทานออกมา ขณะที่ยกกำปั้นขึ้นทุบมือตนเองดังปุเหมือนคนนึกอะไรได้

     

    ไม่ยักกะรู้ว่าคุณกริมจอว์จะขี้เหงาถึงขนาดนี้นะครับเนี่ย ผมขอโทษที่หางานแยกคุณจากเพื่อนๆละกันนะครับ

     

    ข้าไม่ได้เหงาว้อย! ก็แค่...  กริมจอว์พยายามจะแย้ง แต่ก็โดนอุราฮาร่าพูดแทรกขึ้นมา

     

    งั้นคุณไปเป็นครูสอนพละแล้วกัน  แต่ระวังอย่าไปโมโหทำร้ายนักเรียนเข้าล่ะ  ไม่งั้นโดนไล่ออกผมช่วยไม่ได้นะครับ...จบเรื่องแล้ว ข้าขอตัวไปจัดการทำเรื่องทั้งหมดก่อนนะครับ  ขอให้มีความสุขกับบ้านพักล่ะ  หลังจากพูดเองเออเองเสร็จสรรพ อุราฮาร่าก็วิ่งหายเข้าไปในห้องหลังบ้านทันที 

     

    ...แล้วจากนั้นพวกข้าก็เดินออกจากบ้านหลังนั้นมาอย่างงุนงง พร้อมกับกริมจอว์ที่ขมวดคิ้วพึมพำครุ่นคิดไปตลอดทาง...

     

    ไอ้ครูสอนพละนี่มันทำอะไรวะ?”

     

    ///////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    หลังจากออกมาได้สักพัก พวกข้าก็ตัดสินใจลองกินยาสร้างกายหยาบทันที  เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายพวกเราก็เกิดการเปลี่ยนแปลง...แต่ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด...ก็แค่รูโหว่และเกราะชิ้นส่วนหน้ากากสูญหายไปจากใบหน้าและลำตัว  แล้วก็รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของตนเองถูกกดเบาบางลงจนแทบไม่ต่างจากคนธรรมดาก็เท่านั้น  อ้อ...รอยขีดใต้ตาของทั้งท่านอุลคิโอร่าแล้วก็กริมจอว์ก็หายไปด้วย

    พวกเราเดินตามหาบ้านพักตามเส้นทางที่อุราฮาร่าบอกควบคู่ไปกับการสลับดูแผนที่ไปพลางๆ  กระดาษแผ่นนั้นเมื่อคลี่ออกก็พบว่ามีกุญแจดอกเล็กวางไว้ในนั้นด้วย เดินเพียงไม่นานพวกเราก็มาถึงบ้านเช่าที่เป็นเป้าหมาย  บ้านนั้นเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นขนาดไม่ใหญ่มากนัก บรรยากาศร่มรื่น บริเวณด้านข้างมีสวนเล็กๆจัดอยู่อย่างเป็นระเบียบ...ดูสวยงามและมีบรรยากาศเงียบสงบ  นายท่านเปิดประตูรั้วสีขาว เดินเข้าไปไขกุญแจประตูก่อนเปิดเข้าไปในบ้าน  ในบ้านหลังนั้นมีเครื่องเรือนไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน  เมื่อเดินไปถึงห้องครัวข้าก็พบว่าบนโต๊ะกินข้าวขนาดหกที่มีกระดาษสีครีมที่มีข้อความเขียนอยู่วางไว้  ข้างๆนั้นมีกระดาษแผ่นใหญ่ที่ถูกวาดเป็นตารางพร้อมปากกาสีดำด้ามใหญ่วางทับอยู่ด้านบน  และถัดจากนั้นไปไม่ไกลก็มีกระเป๋าสตางค์ที่บรรจุเงินไว้ด้านในมากพอควรวางอยู่  ท่านสตาร์คหยิบกระดาษสีครีมที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนว่า อ่านซะอยู่บนหัว ขึ้นมาอ่าน

     

    ถึงเจ้าพวกอารันคาร์ ข้า ชิโฮอิน โยรุอิจิ กับอุราฮาร่า คิสึเกะเช่าที่นี่ไว้ให้พวกเจ้า ค่าเช่าเดือนแรกพวกข้าจ่ายให้แล้ว แต่หลังจากนั้นก็เอาเงินเดือนพวกเจ้าจ่ายกันเองก็แล้วกัน ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าอาหาร แล้วก็ค่าจิปาถะอื่นๆ ก็นับๆเงินในกระเป๋าจ่ายเอาแล้วก็อย่าใช้เกินล่ะ อ้อ...ดูแลรักษาบ้านให้สะอาดด้วย  ที่กระดาษแผ่นใหญ่นั่นข้าเขียนตารางเวรทำความสะอาดและหน้าที่ต่างๆเอาไว้  พวกเจ้าก็แบ่งๆหน้าที่กันไปเองละกัน  อย่าลืมแยกขยะแล้วทิ้งตามวันให้ตรงประเภทตามที่ข้าเขียนแนะนำไว้ด้วย  พรุ่งนี้พวกเจ้าก็เอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันให้เหมือนมนุษย์เขาซะด้วยล่ะ

    ส่วนเรื่องงานของเจ้า หวังว่าเจ้าจะคุยกับเจ้านั่นเรียบร้อยแล้วนะ พวกข้าจะไปจัดการทำเรื่องต่างๆ แล้วจะส่งข้อมูลที่พวกเจ้าแต่ละคนจำเป็นต้องรู้ไปให้ภายในเย็นวันพรุ่งนี้  ศึกษามันให้ดีเพราะจันทร์หน้าพวกเจ้าจะต้องเริ่มงานกันแล้ว

     

    เกือบลืม...ตรงข้างกำแพงในห้องครัว ข้าติดปฏิทินกับนาฬิกาเอาไว้  หวังว่าคงดูกันเป็นนะ...บนโลกมนุษย์ วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 9 จำไว้ด้วยล่ะ พวกมนุษย์ส่วนใหญ่ทำงานจันทร์ ถึงศุกร์  บางทีก็มีทำเพิ่มวันเสาร์บ้าง แต่ส่วนใหญ่วันเสาร์กับวันอาทิตย์จะเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ ช่วงนั้นอยากทำอะไรก็ทำไปแต่อย่าก่อเรื่องล่ะ ข้าขี้เกียจไปเคลียร์!

    รายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับบ้าน ตัวเองก็มีมือมีขา เพราะงั้นพวกเจ้าก็สำรวจเอาเองแล้วกัน  บ้านหลังนี้มีห้องนอน 5 ห้องพอดี เลือกกันเองล่ะ

     

    ช่วยซะขนาดนี้  สำนึกบุญคุณพวกข้าเอาไว้ซะ!

    ลงชื่อ

    ชิโฮอิน โยรุอิจิ

    P.S. เป็นมนุษย์มันยากกว่าที่คิดนะจะบอกให้!”

     

    พออ่านเสร็จท่านสตาร์คก็เงยหน้าขึ้นมามองทุกคน  ที่ต่างก็ยืนนิ่งทำสีหน้าแปลกๆไม่ต่างกัน

     

    มันเขียนไว้แค่นี้แหละ

    ข้าเลื่อนสายตาไปมองกระดาษแผ่นใหญ่ที่วางอยู่ไม่ไกล บนมุมบนของกระดาษมีประโยคเล็กๆเขียนเอาไว้ว่า แบ่งหน้าที่เสร็จก็เอาใส่กรอบแขวนไว้ตรงกำแพงให้เห็นชัดๆแล้วกัน  ตรงตารางนั้น ที่แถวริมสุดทางซ้ายมีเขียนตัวย่อของวันต่างๆในหนึ่งอาทิตย์  ที่แถวแนวนอนด้านบนมีช่องเขียนตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ  ข้าเอื้อมลงหยิบปากกา พลางหันไปเรียกทุกคน

     

    ...ข้าว่าเรามาแบ่งหน้าที่กันเถอะค่ะ  ว่าแล้วข้าก็ดึงปลอกปากกาออก พลางก้มลงเตรียมเขียน ในขณะที่ปากก็อ่านหน้าที่ออกไป

     

    ซักผ้าพูดจบข้าก็เงยหน้าขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ พลางหันหลังไปมองคนที่ยืนล้อมรอบข้า

     

    ...เอสปาด้า...เอสปาด้า...เอสปาด้า...แล้วก็เอสปาด้า...

     

    ...แต่ละคนเคยซักผ้ากันซะที่ไหนล่ะ...

     

    เอ่อ...งั้นอันนี้ข้าทำเองค่ะข้าเสนอพลางเขียนชื่อตนเองลงไป  จากนั้นจึงเลื่อนสายตาไปที่หัวข้อถัดมา

     

    ทำความสะอาดบ้าน

     

    ...เงียบสนิทเชียว...

     

    ก็ตอนอยู่ลาส์ นอเช่เนี่ย แต่ละคนก็มีฟรานเชี่ยนไม่ก็อารันคาร์รับใช้จัดการให้หมด  แม้แต่พวกฟรานเชี่ยนเอง บางคนอย่างของที่วังกริมจอว์ยังทำงานพวกนี้ไม่เป็นแล้วต้องมาลากข้าไปช่วยบ่อยๆเลย

     

    อันนี้ข้าทำเองก็ได้ค่ะข้าเอ่ยอย่างอ่อนใจ แล้วเขียนชื่อตนเองลงไปอีกครั้ง

     

    ทำอาหารพอพูดจบก็พบกับความเงียบอีกครั้ง  ข้าค่อยๆหันหน้าไปมองแต่ละคน

     

    ข้า...ไม่เคยทำท่านฮาริเบลเอ่ยเสียงเบา

     

    ข้า...เคยแต่กินสตาร์คเอ่ยเสียงเครียด  ลิลิเนตจึงยกมืออาสา

     

    งั้นข้าทำก็ได้  แต่แล้วสตาร์คก็รีบหันมาปราม

     

    เจ้าทำจะกินได้เรอะ ขนาดใช้มีดหั่นเนื้อเข้าปากยังทำไม่เป็นเลยสักครั้ง

     

    อาราวเน่...ถ้าไม่ใช่เจ้าทำข้าไม่กินนะ!” กริมจอว์เอ่ยอย่างหวาดๆเมื่อได้ยินประสบการณ์การทำอาหารของแต่ละคน ข้าตวัดมองเขาด้วยหางตา  แล้วจึงเบนหน้าไปมองท่านอุลคิโอร่าบ้าง...แม้แต่เขาก็หลบตาข้า...

     

    ...ไม่ต้องถามว่าทำเป็นไหมหรอก  ขนาดปกติทำให้ยังแทบไม่กินเลย...

     

    ข้าถอนหายใจเฮือก

     

    ข้าทำหน้าที่นี้ด้วยก็ได้ค่ะ  ข้ากล่าวเสียงอ่อย พลางเขียนชื่อลงไปอีกครั้ง...ตอนนี้ในตารางเกินครึ่งมีแต่ชื่อข้าทั้งนั้น  ข้าแอบเห็นท่านฮาริเบลกับลิลิเนตก้มลงมองกระดาษแผ่นโตก่อนหันไปมองหน้ากัน

     

    เอ่อ  อาราวเน่จัง  ข้ากับท่านฮาริเบลช่วยกันล้างจานให้แล้วกันนะ  แต่สอนให้หน่อยนะว่าทำยังไง  ลิลิเนตเอ่ยเสียงแผ่ว โดยมีท่านฮาริเบลพยักหน้าตอบรับ...

     

    ข้าเขียนชื่อทั้งสองคนลงไปในตารางแถวสุดท้าย รู้สึกเหนื่อยใจเป็นที่สุด

     

    ...ฟรานเชี่ยนคนเดียว ลิลิเนตไม่นับ...เท่ากับว่าข้าต้องอยู่ร่วมกับท่านเอสปาด้าอีกสี่ ที่แต่ละคนไม่เคยจับอะไรอย่างอื่นนอกจากดาบ!

     

    ...งานนี้ข้าเจอศึกหนักยิ่งกว่าตอนอยู่ที่ ลาส์ นอเช่ แน่ๆ

     

     

    //////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    อาราวเน่เอ๊ย...ลาออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวเถอะหนูเอ๊ย  เห็นภาระหน้าที่งานบ้านแล้วสงสารซะจริง

     

    เอสปาด้าแต่ละคน...พอเจอเรื่องพวกนี้เข้าไป  ไร้ประโยชน์กันสุดๆ!!

     

    ว่าแต่...เรื่องหัวเราะกริมจอว์ที่ถามอุราฮาร่าน่ะ  ตัวเองก็ไม่รู้จักอาจารย์ห้องพยาบาลเหมือนกันแล้วไปหัวเราะเขาได้เรอะ = =”...แต่งไปแต่งมา...อันดับเอสปาด้านี่เค้าจัดเรียงเรื่องความฉลาดกันด้วยสินะ (ฮา)

     

    ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ  พอดีซีเปิดเทอมแล้ว แล้วตารางเรียนเทอมนี้มันเฮงซวยมากค่ะ  ซีมีเรียนวันจันทร์กับอังคารจนถึง6โมงครึ่ง กว่าจะกลับถึงบ้านก็สองทุ่ม กว่าจะอาบน้ำทำอะไรเสร็จก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าๆแล้ว...หมดแรงค่ะ ฮือ...

    อาจจะอัพเว้นช่วงมากขึ้นตอนเปิดเทอม  แต่จะพยายามมาอัพให้บ่อยที่สุดนะคะ  แล้วก็ตอนหลังจากนี้ไปค่อนข้างจะเข้าช่วงชีวิตสุขสงบของพวกแก๊งค์อารันคาร์แล้ว  แล้วความสัมพันธ์ระหว่างอาราวเน่กับท่านอุลคิโอร่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วมากหลังจากนี้  ยังไงก็รบกวนติดตามด้วยนะคะ

    อ๊ะ...พ่อมารับแล้ว  ขอกลับบ้านก่อนเนอะ แล้วเดี๋ยวจะมาคุยต่อค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×