ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Bleach: Ulquiorra x Original] The Lullaby for my dream

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter11 : การตัดสินใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      52
      25 ธ.ค. 52

     

     

    ปังงงง!!

     

    ท่านไอเซ็นคะ!”  ข้าตะโกนเสียงดังเมื่อผลักบานประตูเปิดผัวะเข้าไปโดยแรงแล้วพบกับร่างของคนที่ตามหานั่งอยู่บนบัลลังก์ใหญ่สีขาวสะอาดนั้น  ข้างๆเขามีร่างของเอสปาด้าหมายเลขหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ  สตาร์คหันหลังมามามองข้าด้วยสีหน้าเนือยๆพลางยกนิ้วขึ้นแคะหู

     

     

    ว่าไง อาราวเน่  ดูท่าทางรีบร้อนจังนะ  ท่านไอเซ็นซึ่งนั่งในท่วงท่าสบายเอ่ยพลางยิ้มให้  แววตาเขาที่จ้องมองมามันช่างดูราวกับว่าเขารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว  ซึ่งข้าไม่ชอบแววตาแบบนี้เลย

     

     

    จะมาถามเรื่องอุลคิโอร่าสินะ  เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทำเอาข้าสะดุ้งเฮือก

     

     

    ท่านทราบ?”

     

     

    หึหึ  งินที่นั่งดูอยู่ในห้องวงจรปิดมาเล่าให้ทุกอย่างข้าฟังแล้ว  เจ้านั่นเพิ่งกลับออกไปเรียกคานาเมะก่อนเจ้าเข้ามาไม่นานเอง  พอเห็นสีหน้าข้าที่สงสัยเขาจึงอธิบายให้ฟัง

     

     

    แต่คราวนี้  กริมจอว์ทำเกินไปจริงๆนั่นแหละนะ   ข้าเกรงว่าคราวนี้ข้าคงหาข้อแก้ตัวช่วยเขาจากคานาเมะไม่ได้แล้วล่ะ  ท่านไอเซ็นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับมันเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ  สตาร์คเสมองไปที่กำแพง พลางถอนหายใจ  ส่วนข้าก้มหน้านิ่ง  ไม่พูดอะไรตอบกลับไป

     

     

    ...กริมจอว์...

     

     

    ข้านึกไปถึงเขาแล้วก็ต้องหลับตาแน่นอย่างปวดใจ...ในที่สุดที่ข้ากลัวมันก็เป็นจริงจนได้  ลองท่านไอเซ็นพูดออกมาแบบนี้ แปลว่าถึงอย่างไรท่านโทเซ็นก็ไม่ปล่อยเขาไว้แน่

     

     

    ทันใดนั้น  ข้าก็รู้สึกใจหายวาบ  ราวกับมีฟ้าผ่ากรีดลงที่กลางใจ  มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอามากๆ  ข้ารีบหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง  มองไปยังบริเวณที่เป็นจุดต่อสู้ระหว่างอิจิโกะและกริมจอว์

     

     

    ...หรือว่า!

     

     

    ดูเหมือนว่านอยโทร่าจะจัดการแทน  คงไม่ต้องถึงมือคานาเมะแล้วล่ะนะ  ท่านไอเซ็นกล่าวขึ้นลอยๆพลางเหยียดยิ้มบางๆ  แต่ประโยคนั้นทำเอาข้าหันไปมองหน้าเขาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

     

     

    กริมจอว์!

     

     

    ข้ารวบรวมพลังสมาธิแล้วพยายามจับจิตของเอสปาด้าหมายเลข6 ให้ได้  พอรับรู้ได้ว่าจิตของเขาแม้จะอ่อนแรงลงมากแต่ก็ยังไม่หายไปซะทีเดียวจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

     

    เอาล่ะเรื่องนั้นช่างเถอะ  กลับมาที่ธุระของเจ้าดีกว่า  ท่านไอเซ็นเปลี่ยนหัวข้อกลับมาทันที

     

     

    ท่านอุลคิโอร่าจะเป็นอย่างไรบ้างคะท่านไอเซ็น

     

     

    ตอนนี้เจ้านั่นคงไม่เป็นอะไรมากหรอก  เพราะยังไงมิติภายในคาฮา เนกาเชี่ยนก็ไม่ได้มีอะไรอันตรายอยู่แล้ว  อาจจะน่ารำคาญอยู่บ้างเพราะในนั้นมันมีแต่ความว่างเปล่าและมืดมิดนั่นแหละ  แล้วท่านไอเซ็นก็เลิกคิ้วขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง

     

     

    อ้อ ข้าลืมบอกไป...ในช่วงแรกๆที่อารันคาร์โดนกักขังอยู่ในนั้นจะถูกทำให้หมดสติไปพักหนึ่ง  ก่อนจะตื่นขึ้นมาแล้วพยายามหาทางออกให้เจอ  ตอนนี้เจ้านายของเจ้าก็คงหลับอยู่...อีกสักพักตื่นเมื่อไหร่ก็คงจะออกมาเอง

     

     

    แล้วในสถาการณ์แบบนี้  พอจะมีวิธีดึงเขาออกมาได้โดยเร็วที่สุดไหมคะ?”

     

     

    ...ก็คงต้องหาวิธีปลุกให้ตื่น แล้วถ้าอัดพลังรุนแรงเข้าไปจนทำให้มิติระเบิดได้เมื่อไหร่ก็ออกมาได้แล้วล่ะนายใหญ่แห่งฮูเอโก้ มุนโด้กล่าวทิ้งไว้แค่นั้น  แล้วจึงจ้องมองข้าพลางยิ้มเหยียด

     

     

    ที่จริงตอนนี้ข้าก็ว่าจะพาพวกเอสปาด้าบางส่วนไปที่โลกมนุษย์  ดังนั้นเลยอาจจะต้องมอบหมายหน้าที่ดูแลที่นี่ให้กับคนที่ไว้ใจได้...ดังนั้น  อาราวเน่  ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยไปปลุกอุลคิโอร่าให้หน่อย  เพราะข้าไม่อยากเสียเวลา 

     

     

    สิ่งที่ได้ยินทำเอาข้าหูผึ่ง  รีบตอบรับอย่างแข็งขัน เพราะนี่เป็นสิ่งที่ข้าต้องการอยู่แล้ว

     

     

    ข้ายินดีค่ะ!...แล้วข้าต้องทำอะไรบ้างคะ

     

     

    ท่านไอเซ็นก็โยนบางสิ่งบางอย่างลงมาให้  ข้ารีบตะครุบรับมันมาดู  มันคือวัตถุทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆสีดำสนิท...คาฮา เนกาเชี่ยนอีกอันหนึ่งถ้าข้าเข้าไปแล้วจะออกมาได้ไหมเนี่ย?

     

     

    ไม่ต้องกังวลไปหรอก  อันนั้นเป็นแบบพิเศษ  พอเจ้าเข้าไปปลุกอุลคิโอร่าแล้ว  เอายื่นให้เขา  อุลคิโอร่ารู้วิธีใช้มันดี  มันจะส่งพวกเจ้าสองคนกลับออกมาที่นี่เอง   พอพูดจบท่านไอเซ็นก็เบนหน้าไปมองเอสปาด้าหมายเลขหนึ่งที่ยืนหาวอยู่ไม่ไกล 

     

     

    ขอโทษที่ข้าขัดจังหวะการนอนของเจ้า  แต่ที่เรียกมาเพราะว่า   ข้าอยากให้เจ้าช่วยไปพาตัวอิโนะอุโอะ  โอริฮิเมะจังกลับมาพบข้าหน่อย

     

     

    แค่มนุษย์ผู้หญิงเดียวถึงกับต้องใช้ข้าเลยเหรอครับ  สตาร์คกล่าวพลางยกมือขึ้นเกาหัวอย่างเซ็งๆ  พอเห็นแบบนั้นท่านไอเซ็นจึงฉีกยิ้มกว้าง

     

     

    พอดีว่าข้าอยากรีบทำเวลาน่ะ  เจ้าก็รีบไปเถอะ

     

     

    คร้าบๆ  สตาร์คตอบรับอย่างเสียไม่ได้  แล้วจึงหันหลังเดินดุ่มๆเอามือล้วงกระเป๋าผ่านข้าออกจากห้องไป

     

     

    ตอนนี้ในห้องโถงกว้างเหลือเพียงแค่ข้ากับท่านไอเซ็นเท่านั้น  ทุกอย่างเงียบกริบ  ข้าเหลือบมองเขา

     

     

    เอ้อ...ถ้าอย่างนั้น...ข้าขอตัวเข้าไปในคาฮา เนกาเชี่ยนก่อนนะคะ  ข้าเอ่ยของอนุญาตพลางค้อมหัวให้นิดๆ  พอท่านไอเซ็นพยักหน้าตอบรับแล้ว  ข้าจึงหยิบเจ้าสี่เหลี่ยมเล็กๆในมือขึ้นมามองอย่างงกๆเงิ่นๆ

     

     

    ...เอ  แล้วเปิดยังไงล่ะเนี่ย...

     

     

    ข้าพยายามหาวิธีใช้เพราะไม่เคยได้ลองแตะมันมาก่อน  พลางนึกไปถึงตอนที่กริมจอว์ใช้กับท่านอุลคิโอร่า  เอ...ทำยังไงบ้างนะ?

     

     

    อ่ะ...ลองโยนดูละกัน

     

     

    ข้าลองโยนมันขึ้นฟ้าแล้วปล่อยให้มันกลิ้งกลุกตกลงมาบนมือเช่นเดิม...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น....ข้าขมวดคิ้ว

     

     

    ...หรือว่าต้องโยนใส่รูนะ?

     

     

    ว่าแล้วข้าก็ปลดกระดุมเสื้อที่คอเผยให้เห็นช่องรูบนอกตรงตำแหน่งเดียวกับของท่านอุลคิโอร่า  แต่ก่อนที่จะได้จับเจ้าก้อนสี่เหลี่ยมโยนเข้าไป  ท่านไอเซ็นที่ท่าทางคงจะทนดูความอนาถของข้าต่อไม่ไหวเลยช่วยบอกวิธีใช้ให้

     

     

    แค่อัดพลังเซโร่ใส่มัน  แค่นี้มันก็เปิดให้แล้ว

     

     

    อ่อ...เอ้อ  ขอบคุณค่ะท่านไอเซ็น  ข้ากล่าวขอบคุณท่านไอเซ็น  แอบรู้สึกอายที่โชว์ความงี่เง่าของตัวเอง  จากนั้นจึงทำตามที่ท่านบอก  ประคองเจ้าวัตถุสีดำในมือขึ้นแล้วรวมสมาธิสร้างเซโร่ขึ้นทันที

     

     

    พอจับได้ถึงพลังเซโร่  เจ้าวัตถุสีดำก็ลอยตัวขึ้นจากมือ  แล้วค่อยๆคลี่แผ่ออกคล้ายเป็นผ้าหลายสายตรงเข้ารวบพันร่างข้า  แถบผ้าทั้งหมดพันไขว้ไปมาจนปิดบังทัศนียภาพเบื้องหน้าทั้งหมด  เพียงครู่เดียวทุกอย่างรอบตัวก็เหลือแต่ความมืดมิด  จากนั้นข้าก็ถูกส่งมายังสถานที่โล่งแห่งหนึ่งที่มืดสนิท  มองไปทางใดก็เห็นแต่ความมืด  และไร้ซึ่งกำแพงหรือผนังใดๆ  ราวกับสถานที่นี้ไม่มีจุดสิ้นสุด

     

     

    ข้าหลับตานิ่ง เปิดเพสควิสเพื่อจับพลังของคนที่ข้าต้องการจะตามหา  เมื่อสัมผัสได้แล้ว  ข้าจึงรีบวิ่งตามไปยังเส้นทางนั้นทันที  วิ่งไปได้ซักพัก  ก็เห็นร่างของท่านอุลคิโอร่านอนนิ่งสนิทอยู่ที่พื้น ข้าจึงรีบตรงไปประคองแล้วปลุกเขาทันที

     

     

    ท่านอุลคิโอร่าคะ...ท่านอุลคิโอร่า...ตื่นเถอะค่ะ  เขย่าตัวเรียกไม่นาน  ร่างของเขาก็เริ่มขยับ  ท่านอุลคิโอร่ายกมือขึ้นปัดผมที่ปรกใบหน้าอยู่ออกพลางค่อยๆลืมตาช้าๆ  แล้วดวงตาสีเขียวสดนั้นก็กระพริบปริบอย่างงุนงงเมื่อเห็นข้า

     

     

    อาราวเน่?”  เขาชันตัวลุกขึ้น  มองไปรอบๆ  นั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  พอเริ่มจำอะไรได้จึงหันกลับมามองข้าอีกครั้ง  ส่งคำถามให้

     

     

    เจ้าเข้ามาในนี้ได้ยังไงกัน?”

     

     

    เอ่อ  ท่านไอเซ็นช่วยส่งข้าเข้ามาปลุกท่านค่ะ  ดูเหมือนว่าท่านไอเซ็นและเอสปาด้าบางส่วนจะเดินทางไปโลกมนุษย์  ดังนั้นจึงต้องการให้ท่านรีบออกไปดูแล ลาส์ นอเช่ ในระหว่างที่ไปนี้ค่ะ  พอพูดจบ  ข้าจึงถามต่อบ้างอย่างเป็นห่วง

     

     

    ที่ปะทะกับกริมจอว์...เป็นอะไรมากรึเปล่าคะท่านอุลคิโอร่า

     

     

    ไม่นับรวมที่แขนเสื้อขาดไปนิดหน่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอก  เขาตอบเสียงเรียบ  หันไปมองรอบตัว  แล้วจึงเอ่ยต่อ

     

     

    ข้าอยู่ในนี้มานานแค่ไหนแล้ว

     

     

    กะคร่าวๆ  ก็คิดว่าน่าจะซักชั่วโมงล่ะค่ะ

     

     

    งั้นรึ  แล้วระหว่างที่ข้าติดอยู่นี่  มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  ความเงียบนิ่งขาดช่วงหลังจากที่ถามออกไป  ทำให้ท่านอุลคิโอร่าเบนสายตากลับมามองข้าซึ่งนั่งก้มหน้า...รับรู้ถึงความผิดปกติ

     

     

    ...กริมจอว์แพ้แล้วค่ะ  และดูเหมือนจะโดนนอยโทร่าซ้ำเข้าไป  ตอนนี้อาการสาหัสจนน่าเป็นห่วง  ข้าค่อยๆเอ่ยออกมา...รู้สึกหัวใจหนักอึ้ง อดกังวลถึงเอสปาด้าหมายเลขหกไม่ได้เมื่อพูดถึง  แล้วจึงเปลี่ยนเรื่องไปคุยถึงศัตรูบ้าง

     

     

    ตอนนี้ยมทูตที่ชื่อคุโรซากิคนนั้นกำลังสู้กับท่านนอยโทร่าอยู่  ต้องสู้กับเอสปาด้าถึงสองคนโดยไม่ได้พักแบบนี้  ข้าคิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงพ่ายแพ้แล้วล่ะค่ะ  ข้ารายงานอย่างคนมองโลกในแง่ดี  แม้ในใจลึกๆจะรู้สึกตรงกันข้าม  ตั้งแต่พวกยมทูตนั้นบุกเข้ามา เอสปาด้าคนแล้วคนเล่าต่างก็พ่ายไปอย่างไม่น่าเชื่อ  และยิ่งเวลาผ่านไป  ใจข้าก็รู้สึกไม่ดีมากขึ้นทุกที

     

     

     

    ในตัวของยมทูตที่ชื่อคุโรซากิ อิจิโกะมีพลังบางอย่างแฝงซ่อนเอาไว้  ข้าไม่คิดว่านอยโทร่าจะต้านพลังนั่นอยู่หรอก  เอสปาด้าหมายเลขสี่กล่าวเสียงเรียบ  พลางลุกขึ้นยืน

     

     

    ...ท่านอุลคิโอร่าคะ  ถ้ายมทูตนั่นผ่านนอยโทร่ามาได้  คนที่จะสู้กับเขารายต่อไปก็คือท่านสินะคะ  ข้าถามออกมาในขณะที่ลุกขึ้นบ้าง

     

     

    ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น

     

     

    ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อมั่นในตัวท่านนะคะ  แต่ข้า...ข้าไม่อยากให้ท่านปะทะกับยมทูตคนนั้น  มีบางอย่างที่ทำให้ข้าสังหรณ์ใจไม่ดี  ข้าจ้องมองเขา  ระบายความรู้สึกในใจออกมาให้อีกฝ่ายรู้

     

    ไม่มีวิธีอื่นที่จะเลี่ยงการปะทะได้แล้วเหรอคะ?”  ข้าถามอย่างร้อนรน แต่ท่านอุลคิโอร่ากลับจ้องมองข้านิ่ง แล้วจึงตอบเสียงเรียบ

     

     

    เจ้าจะบอกให้ข้าส่งตัวอิโนะอุเอะ  โอริฮิเมะคืนให้แก่พวกนั้นงั้นหรือ

     

     

    ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ...แต่มันไม่มีวิธีอื่นนอกจากการต้องเผชิญหน้าฟาดฟันกันเลยเหรอคะ  ท่านอุลคิโอร่านิ่งไปครู่  จ้องตาข้าจนข้ารู้สึกอึดอัดใจ  แล้วจึงค่อยๆเอ่ยออกมาช้าๆ

     

     

    เจ้ากำลังกลัวอะไรอยู่อาราวเน่? กลัวที่จะต้องต่อสู้แล้วต้องดับดิ้นไปงั้นหรือ?”

     

     

    ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ!  ข้าก็แค่...  ข้ารีบแย้งทันที  ท่านอุลคิโอร่ากำลังเข้าใจข้าผิด  แต่ก็โดนขัดขึ้นก่อน

     

     

    อารันคาร์อย่างพวกเราคงอยู่เพื่อการต่อสู้ฆ่าฟันกันเพื่อนำมาซึ่งความประสงค์ของท่านไอเซ็นเท่านั้น...ไม่ว่าอย่างไรก็หลีกหนีมันไม่พ้นหรอก  ท่านอุลคิโอร่าเอ่ยโดยเบนสายตาออกไปไม่มองข้าสักนิด   แต่ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้แฝงความโกรธหรือไม่พอใจใดๆทั้งสิ้น  เขากำลังพูดเพื่อให้ข้าระลึกถึงความเป็นจริง

     

     

    ...ใช่  โลกของอารันคาร์อย่างพวกเรามีเพียงการต่อสู้ฆ่าฟันกันเท่านั้น  และนับตั้งแต่ที่พวกเรามารับใช้ท่านไอเซ็นการทำตามคำสั่งเขาถือเป็นภารกิจสูงสุดที่ต้องทำ  ในเมื่อท่านไอเซ็นสั่งให้ท่านอุลคิโอร่าดูแลที่นี่  หน้าที่กำจัดผู้บุกรุกก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้...

     

     

    ...แต่ถึงอย่างนั้น...แต่ถึงอย่างนั้น...

     

     

    แต่ถึงอารันคาร์อย่างพวกเราจะสู้เต็มที่ พยายามแค่ไหน  หากทำภารกิจไม่สำเร็จเพียงครั้งเดียว  ท่านไอเซ็นก็จะไม่มีวันให้อภัยนี่คะ...ข้ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย  ข้าเอ่ยเสียงแผ่ว  การสนทนาขาดช่วงไปหลังจากนั้น  ท่านอุลคิโอร่าละสายตาจากพื้นที่โดยรอบ  เขายื่นมือมายังข้า

     

     

    การที่เจ้าเข้ามาได้  แปลว่าท่านไอเซ็นมอบคาฮา เนกาเชี่ยนมาให้เจ้าสินะ  ส่งมันมาให้ข้า  จะได้ออกไปกันสักที

     

     

    ข้าค่อยๆล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบของที่ต้องการออกมาส่งให้เอสปาด้าตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่  ท่านอุลคิโอร่ารับมันไปจากมือข้า  มองมันแล้วจึงพูดขึ้นลอยๆ

     

     

    ข้ารู้ดีว่าเจ้าเกลียดการต่อสู้  ดังนั้นเมื่อออกไปแล้ว  จงหนีไปจากฮูเอโก้  มุนโด้ซะ  หนีไปโลกมนุษย์  อยู่ให้ห่างเมืองคาราคุระไว้ให้มากที่สุด  พยายามพรางจิตเอาไว้อย่าให้ใครจับได้ล่ะ

     

     

    ข้าตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน...ท่านอุลคิโอร่าสั่งให้ข้าหนีไปงั้นหรือ?  ข้ารีบเอามือไปจับแขนของท่านอุลคิโอร่า  รุดไปขวางพลางจ้องหน้าเขา  กล่าวเสียงดัง

     

     

    ไม่ค่ะท่านอุลคิโอร่า ข้าจะอยู่สู้ด้วย!  ข้าขออภัยที่คำพูดก่อนหน้านี้อาจจะทำให้ท่านคิดว่าข้าขี้ขลาด  จริงๆแล้วข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น  ข้าเองก็เป็นฟรานเชี่ยนของท่านนะคะ ในเมื่อท่านจะสู้  ข้าก็จะสู้ด้วยเหมือนกัน  ข้าพูดรัวไม่หยุด  พลางกระตุกแขนเสื้อส่งสายตาวิงวอน

     

     

    ได้โปรด  ให้ข้าอยู่ด้วยเถอะ  อย่าไล่ข้าเลยนะคะ  ได้โปรดเถอะค่ะท่านอุลคิโอร่า!”

     

     

    ทันใดนั้น  มือแกร่งข้างหนึ่งของเอสปาด้าหมายเลขสี่ก็วางลงมาบนหัวข้าอย่างแผ่วเบา  ท่านอุลคิโอร่าลูบหัวข้าอย่างอ่อนโยน  การกระทำที่ไม่เคยคาดฝันว่าท่านอุลคิโอร่าจะแสดงออกมาทำให้ข้าตกตะลึง  หยุดอาการโวยวายทุกอย่าง  มือของข้าที่ดึงแขนเสื้อเขาเอาไว้ค้างนิ่ง

     

     

    พอเถอะ  อย่าพยายามฝืนใจตัวเองเลย เจ้าก็รู้ดีว่าถึงจะพยายามสู้ไปเจ้าก็สู้พวกนั้นไม่ได้  มีแต่ต้องตายเปล่าเท่านั้น  และถึงรอดตายท่านไอเซ็นก็คงไม่ปล่อยเจ้าไว้  ท่านอุลคิโอร่ากล่าวเสียงเรียบ  แล้วจึงลดมือลงจากหัว  เอื้อมมือไปปลดมือข้าออกจากแขนเสื้ออย่างเบามือ  ข้าเลื่อนสายตามองมือเขาที่เกาะกุมมือข้าแล้วดึงออกช้าๆ  จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขาอีกครั้ง

     

     

    แค่เจ้าพยายามผลักดันตัวเองจนก้าวเข้ามาเป็นอารันคาร์ได้มันก็ฝืนใจเต็มทนแล้ว...ชีวิตเจ้าไม่เหมาะที่จะต้องมาสละเพื่อสนองความละโมบของใครสักคนหรอก จงมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อพัฒนาตนเอง  และอยู่เพื่อใช้ชีวิตในแบบของตัวเองซะ  ท่านอุลคิโอร่าหันหลังให้ข้า  ยกคาฮา เนกาเชี่ยนขึ้นแล้วเริ่มรวบรวมเซโร่ขึ้นที่ฝ่ามือ  หากข้ากลับยืนนิ่ง  ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน...

     

     

    ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าดอกอาราวเน่ที่เกิดในโลกแห่งวิญญาณแห่งนี้  จะดำรงชีวิตรอดบนโลกมนุษย์ได้หรือไม่  แต่ในเมื่อเจ้าเกือบแลกชีวิตเฝ้าปกป้องดูแลมันมาตลอดแล้ว  จงอย่าลืมเอาพวกมันไปด้วยละกัน 

     

     

    เพียงเท่านี้  ก็แน่ชัดพอแล้ว  ข้าเบิกตากว้าง  หยาดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา  ข้ามองแผ่นหลังของคนตรงหน้า  ละล่ำละลักเอ่ยออกมา...

     

     

    ท่านรู้...ท่านรู้มาตลอด...ท่านจำได้มาตลอดสินะคะว่าข้าคือกิลเลี่ยนตนนั้น

     

     

    หากเอสปาด้าตรงหน้าทำเพียงแค่เงียบ  เขาเร่งพลังเซโร่มากขึ้นเรื่อย  วัตถุในมือขยายออกกว้างแผ่ขยายตรงเข้าพันธนาการร่างของทั้งสองคนที่อยู่ในมิติมืดมิดนั้น  แล้วจึงแหวกออกกว้าง  เปิดทางให้ออกมายังห้องโถงกว้าง...ที่มีบัลลังก์ใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านอยู่...ใกล้กันนั้น  ปรากฏร่างของหญิงสาวชาวมนุษย์ที่ยืนอยู่อย่างเดียวดาย  เธอหันมาจ้องมองท่านอุลคิโอร่าที่ก้าวเดินออกมาจากช่องมิติ  โดยมีข้าเดินก้าวตามหลังออกมาด้วยช้าๆใบหน้ามีหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาอาบแก้ม

     

     

    ไปซะ...หนีไปให้ไกลที่สุด  แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก  นี่คือคำสั่งสุดท้าย  และข้าไม่ต้องการคำปฏิเสธ  ร่างสูงตรงหน้าออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจและแรงกดดัน  เขาพูดในขณะที่ยังคงก้าวเดินต่อไป

     

     

    ท่านอุลคิโ...  ข้าจะเอ่ยปฏิเสธ  พลางจะก้าวเดินตามไป  แต่แล้วก็ชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียบออกคำสั่ง

     

     

    ข้าสั่งให้ไปเดี๋ยวนี้  คำสั่งนั้นแอ่ยออกมาช้าๆ  ชัดถ้อยชัดคำ  แฝงไปด้วยจิตแรงกล้ากดดันจนทำเอาข้าหายใจไม่ออก  และคำสั่งนี้ไม่ต้องการการฝ่าฝืนใดๆทั้งสิ้น

     

     

    ข้ากลืนคำพูดทั้งหมดลงคออย่างยากลำบาก  มองแผ่นหลังตรงหน้าด้วยความเศร้าสร้อย...น้ำตาไหลลงมาไม่ยอมหยุด...ทำไม  มันจะต้องเป็นแบบนี้ด้วย...

     

     

    ข้าหลับตาแน่น จดจำภาพด้านหลังของชายที่ข้าเทิดทูนเสมอมาเป็นครั้งสุดท้าย  แล้วหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทันที  ข้าวิ่งไปเรื่อยๆระหว่างนั้นก็จับสัมผัสได้ว่าท่านอุลคิโอร่าได้เผชิญหน้ากับยมทูตผมสีส้มแล้ว  ใจข้าเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

     

     

    ...ทำไมกัน  ทั้งๆที่ท่านอุลคิโอร่าเป็นถึงเอสปาด้าลำดับที่สี่แท้ๆ  แต่ข้ากลับสังหรณ์ว่าเขาจะแพ้ต่อยมทูตคนนั้น...ข้าคิดในขณะที่สองเท้ายังคงไม่หยุดวิ่ง  จากนั้นไม่นานข้าก็รับรู้ว่าท่านอุลคิโอร่าปลดปล่อยสภาพขั้นที่หนึ่งแล้ว...ใจข้าหายวาบ  ความหวาดกลัวในใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...ข้าหยุดวิ่งแล้วยืนนิ่ง  ถามคำถามกับตัวเอง

     

     

    ...แบบนี้จะดีแล้วเหรออาราวเน่...เจ้าจะหนีเอาตัวรอดทั้งๆที่เจ้าสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับท่านอุลคิโอร่างั้นหรือ...

     

     

    ข้ากำมือแน่น  เล็บจิกเข้าไปในเนื้อจนเลือดไหลซึมออกมา

     

     

    ...จะหนีทั้งๆที่รู้ว่าถ้าหนีแบบนี้เจ้าจะเสียใจไปชั่วชีวิตงั้นหรือ...

     

     

    ...แล้วต่อจากนี้ล่ะ  พอเกิดอะไรขึ้น  เจ้าก็จะหนีปัญหาต่อไปเรื่อยๆอย่างนั้นสินะ...

     

     

    ข้าเชิดหน้าขึ้น  ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่


    ...คำตอบคือไม่!  พอกันที!  


    ชีวิตนี้เป็นของข้า  ขอข้าใช้มันเสี่ยงไปกับสิ่งที่ข้าต้องการเถอะ!...

     

     

     

    ข้าหันหลัง  ก้าวเท้าออกวิ่งอีกครั้ง  เพื่อมุ่งไปยังสถานที่ที่ข้าต้องการทันที

     

     

    ...การกระทำครั้งนี้  ต่อให้มันจะนำมาซึ่งสิ่งใด  ข้าก็จะไม่เสียใจในภายหลังเด็ดขาด!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×