ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Love กลับมาพบรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : กลับมาพบรัก 1 (ตอนปลาย)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 66


    เมื่อเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อย สองเพื่อนซี้ก็พร้อมที่จะเป็นนักท่องเที่ยว ตะลอนไปตามสถานที่ต่างๆ หาอะไรอร่อยๆ ทาน พร้อมกับกล้องคนละตัว

    นี่เป็นความคิดของเพียงฝันที่น้ำหนาวเองก็เห็นด้วย เธออยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยออกไปเที่ยวรอบๆ เลยสักครั้ง ที่ผ่านมาเธอไม่เคยนึกถึงเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ

    น้ำหนาวอยากไปเที่ยว เมื่อก่อนอยู่กับคุณยายเพียงสองคนก็ไม่อยากทิ้งท่านไปไหนคนเดียว พอท่านจากไปก็เป็นช่วงที่เธอขึ้นมหาวิทยาลัยพอดี เพราะมัวแต่มุ่งมั่นตั้งใจกับการเรียนเลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก จนเมื่อเธอแต่งงาน เธอเอาแต่รอให้สามีมีเวลาว่าง เพื่อพาเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ทั้งที่เธอมีเวลาว่างมากมาย มันมากพอที่เธอจะออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ในที่ใกล้ๆ คนเดียวได้

    ตอนนี้น้ำหนาวรู้แล้วว่าเธอยึดติดกับสามีมากเกินไป จนลืมนึกถึงตัวเอง เธอไม่เคยคิดจะทำอะไรเพื่อตัวเองเลยสักครั้ง

    พอได้มองย้อนกลับไป มันก็ทำให้เธอคิดได้ว่า ที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตมาอย่างน่าเสียดายจริงๆ

    น้ำหนาวและเพียงฝันไปตามสถานที่ต่างๆ ที่พวกเธอหาข้อมูลเจอในอินเตอร์เน็ต แม้อากาศจะร้อนไปบ้าง แต่น้ำหนาวก็ยังคิดว่ายุคนี้ดีกว่าโลกในอนาคตมากนัก

    ชีวิตที่ต้องเจอทั้งฝุ่นควันและโรคระบาด จะไปไหนก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยและพกแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อติดตัวตลอดเวลาจนกลายเป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายนั้น เธอไม่ชอบเอาเสียเลย

    หลังจากที่ตะลอนกันมาทั้งวันจนฟ้าเริ่มมืด เดินถ่ายรูปกันจนเหนื่อยก็เริ่มรู้สึกหิวอีกครั้ง ทั้งคู่ตัดสินใจจบมื้อสุดท้ายของวันด้วยชาบูที่เป็นร้านประจำของพวกเธอ เพราะร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนด้วยกัน

    หาที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว ก็รอพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ น้ำหนาวที่ไม่รู้จะทำอะไรก็ได้แต่หันไปมองรอบๆ ร้าน ก่อนจะพบกับใครบางคนที่เธอไม่อยากเจอเข้า รสริน หรือว่า คุณโรส ผู้หญิงคนนั้นที่เป็นเลขาของสามีเธอนั่นเอง

    รสรินเรียนรุ่นเดียวกับคินภัทร น้ำหนาวไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากนัก รู้เพียงว่าผู้หญิงคนนี้เรียนรุ่นเดียวกับสามีเธอ เธอไม่รู้ว่าสองคนนี้สนิทกันมากน้อยแค่ไหน ตอนที่พวกเธอแต่งงานกัน คินภัทรเชิญแขกมามากมาย คนที่เรียนรุ่นเดียวกันกับเขามากันค่อนข้างเยอะ แต่เธอจำได้ว่าไม่เห็นผู้หญิงคนนี้ พอคินภัทรขึ้นเป็นประธานบริษัท รสรินถึงได้เข้ามาเป็นเลขาของเขา

    น้ำหนาวไม่รู้อะไรนอกเหนือจากนั้น เธอรู้เท่าที่สามีบอกให้รู้ เธอไม่เคยเข้าไปวุ่นวายในที่ทำงานของเขา ตอนนี้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่า เป็นสามีที่ปิดหูปิดตาเธอ หรือเป็นเธอที่หลับหูหลับตาไม่สนใจมันเองกันแน่

    “มาแล้ว~” เสียงของเพียงฝันช่วยดึงหญิงสาวออกมาจากภวังค์ความคิด เธอรีบปัดความคิดพวกนั้นทิ้งไป แล้วหันมาสนใจของกินตรงหน้าแทน

    “สาวๆ มากันสองคนเองหรอ” ตอนที่กำลังลงมือกับอาหารตรงหน้าก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังของน้ำหนาว ก่อนที่ชายหนุ่มจะนั่งลงข้างๆ เธอ เป็น ทิวา ลูกชายเจ้าของร้านชาบูร้านนี้นั่นเอง

    “เห็นมีกี่คนล่ะ” เพียงฝันตอบแล้วเบ้ปากใส่คนตรงหน้า

    น้ำหนาวได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางของเพื่อนสนิทตัวเอง ไม่รู้ทั้งคู่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน จริงๆ แล้วต้องบอกว่า เป็นเพียงฝันที่ไม่ชอบหน้าทิวาฝ่ายเดียวมากกว่า พอถามหาเหตุผลก็ได้เพียงคำว่า หมั่นไส้ เป็นคำตอบกลับมา

    “ดีจังเลยนะ คบกับอีกคน แต่มานั่งจู๋จี๋กับอีกคน” น้ำหนาวหันไปมองยังเจ้าของเสียง เธอไม่คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ายนั้นพูดถึงใคร แต่พอได้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นพึ่งยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเธอ และรสรินเดินมาดึงเธอกลับไป น้ำหนาวก็เข้าใจในทันที

    ผู้หญิงคนนี้ใช้ตาไหนมองว่าเธอนั่งจู๋จี๋กับผู้ชาย?

    น้ำหนาวไม่รู้ว่ารสรินมีส่วนรู้เห็นมากน้อยแค่ไหน แต่เป็นเพราะเรื่องที่เจอมา เธอมองผู้หญิงคนนี้ในแง่ดีไม่ได้จริงๆ

    “ว่าใครอ่ะ” เพียงฝันถามออกมาอย่างหงุดหงิด

    “ก็พูดลอยๆ ไม่ได้ว่าใครนี่”

    “พี่ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะ” รสรินกล่าวขอโทษพวกเธอ ก่อนจะพยายามดึงเพื่อนตัวเองกลับไปที่โต๊ะ

    “ก็เห็นอยู่ว่าตั้งใจเข้ามาหาเรื่องกัน” เพียงฝันลุกขึ้นยืนและตอบกลับไปอย่างหัวเสีย ตอนนี้เธอพร้อมจะมีเรื่องแล้วจริงๆ

    “นั่งเถอะฝัน” น้ำหนาวหันไปปรามเพื่อนก่อนจะเอ่ยต่อว่า “อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องอยากเข้าไปยุ่งมากนักก็ได้” ถ้อยคำที่เหมือนพูดกับเพื่อนตัวเอง แต่หากลองตั้งใจฟังดีๆ ก็จะรู้ว่าหญิงสาวกำลังเสียดสีอีกฝ่ายอยู่ และดูเหมือนคนฟังก็จะรู้ตัวเสียด้วย ก็ฉลาดดีนี่

    “แกว่าใคร?” เพื่อนของรสรินหันมาจ้องน้ำหนาวอย่างเอาเรื่อง น้ำหนาวได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก เดินมาหาเรื่องคนอื่นก่อนแท้ๆ คิดว่าคนอื่นจะโต้ตอบไม่เป็นหรือ คนพวกนี้นี่อย่างไรกัน

    “ก็แค่พูดลอยๆ” น้ำหนาวลุกขึ้นแล้วหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปลากเพียงฝันพาออกจากร้านไป ก่อนไปยังไม่ลืมหันไปบอกทิวาว่าเธอจะโอนค่าอาหารให้ทีหลัง หากมัวแต่จ่ายเงิน คงไม่แคล้วมีมวยเกิดขึ้นกลางร้านชาบู ทั้งเพียงฝันและเพื่อนของรสรินต่างก็เหมือนหมาบ้าที่พร้อมจะกระโจนใส่กันทั้งคู่   

    “หนาวไม่น่าห้ามเลยอ่ะ คนแบบนี้มันต้องโดนสักที” เมื่อมาถึงห้องของตัวเอง เพียงฝันก็บ่นออกมาอย่างหงุดหงิด พวกเธอใช่คนที่ใครอยากจะเข้ามาหาเรื่องแล้วปล่อยผ่านก็ได้หรือ

    “รู้ว่าฝันเก่ง แต่จะทะเลาะกันให้ได้อะไรขึ้นมา”

    “จ้า แม่คนดี แม่คนรักสงบ บวชชีเลยมั้ย เดี๋ยวพาไป” เพียงฝันเอ่ยประชดชันออกมาอย่างไม่จริงจังนัก น้ำหนาวก็เป็นเช่นนี้ “แต่ที่หนาวรู้จักโต้กลับไปบ้างก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ใช่ใครว่าอะไรก็เอาแต่นั่งเงียบเหมือนเมื่อก่อน”

    น้ำหนาวทำเพียงยิ้มออกมาเท่านั้น ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

    ที่ผ่านมาหญิงสาวคิดว่าทะเลาะหรือมีเรื่องไปก็เท่านั้น หากถึงขั้นลงไม้ลงมือก็มีแต่จะเจ็บตัวกันเปล่าๆ คนที่เป็นฝ่ายชนะก็จะได้เพียงความสะใจ ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์ตรงไหน แต่น้ำหนาวในตอนนี้ต่างออกไป อารมณ์ของเธอไม่คงที่นัก พอโดนยั่วยุเข้าจึงตบะแบกเอาได้ง่ายๆ ทุกคนควรจะรู้เอาไว้ว่าคนเราแม้จะใจเย็นแค่ไหน มันก็มีขีดจำกัดอยู่เหมือนกัน

    “ฝันเชื่อเรื่องย้อนอดีตหรือข้ามภพข้ามชาติอะไรทำนองนั้นมั้ย” น้ำหนาวหันไปถามเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้อาบน้ำและกลับมานอนอยู่ที่เตียงข้างๆ แล้ว

    “มันคงไม่มีจริงหรอกมั้ง” เพียงฝันตอบแล้วหยิบกล้องขึ้นมากดดูรูปที่พวกเธอไปถ่ายกันมาวันนี้

    “นั่นสิเนอะ ฝันคงไม่เชื่อหรอก” หญิงสาวหันไปหยิบกล้องของตัวเองขึ้นมากดดูรูปบ้าง

    “แต่ถ้ามีจริงก็ดีสิ เผื่อฝันจะได้ข้ามภพไปหาคุณหลวงแบบแม่มณีบ้างไง” เพียงฝันกำลังพูดถึงพระเอกในนิยายเรื่องโปรดของพวกเธอที่พวกเธอต่างยกให้เป็นพระเอกในดวงใจ

    “จริงสิ” น้ำหนาวลุกขึ้นไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก

    “ทำอะไร”

    “เขียนนิยาย” น้ำหนาวหันไปตอบเพื่อสนิทอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่คบกับคินภัทรเธอทิ้งอะไรไปมากมายเหลือเกิน นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอล้มเลิกไป

    ‘ไร้สาระน่าหนาว’ คำพูดที่ผู้ชายคนนั้นพูดกับเธอ เมื่อเธอบอกกับเขาว่าเธอมีงานอดิเรกคือการแต่งนิยาย ตอนแรกเธอก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินบ่อยๆ เข้า มันก็บั่นทอนเธอมากจริงๆ เธอจะมีกำลังใจทำมันต่อไปได้อย่างไรหากคนรอบข้างไม่เห็นด้วย

    “ดีมาก กลับไปเขียนเถอะ ไม่ต้องไปฟังพี่คินมันมาก”
    นั่นสิ ทำไมที่ผ่านมาเธอถึงปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลต่อเธอมากขนาดนี้กันนะ

    “แล้วหนาวจะเขียนเรื่องอะไรล่ะ เอาฝันเป็นนางเอกสักเรื่องมั้ย”

    “ได้ หนาวกำลังคิดว่าจะกลับไปเขียนพีเรียดเรื่องหนึ่งที่แต่งค้างไว้ แล้วเอาทิวาเป็นพระเอกด้วย” เธอตอบพร้อมกับหันไปทำหน้าล้อเลียนคนที่นอนอยู่บนเตียง

    “ฝันยอมเป็นสาวเทื้อเลยอ่ะ” เพียงฝันทำหน้าเหยเก แล้วหันกลับไปสนใจกล้องของตัวเองต่อ

    “ทำเป็นรังเกียจไปเถอะ หนาวจะรอหัวเราะคนกลืนน้ำลายตัวเอง” พูดจบก็แลบลิ้นใส่คนที่หันมาทำเสียงจิ๊จ๊ะและชี้หน้าเธออย่างคาดโทษ แล้วหันมาตั้งใจเขียนนิยายของตัวเองต่อ เพียงฝันเองก็ไม่ได้คิดจะรบกวนเธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

    จริงๆ แล้วน้ำหนาวตั้งใจจะเขียนนิยายเรื่องนี้ให้เพียงฝัน เพื่อสานฝันของเพื่อนสนิทที่อยากจะเป็นแม่มณีตั้งแต่สมัยมัธยม แต่เธอคิดไม่ออกว่าจะสร้างพระเอกนิยายแบบไหนให้เพื่อนของเธอดี ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพระเอกนิยายคนนั้นคงหนีไม่พ้นทิวา

    น้ำหนาวเข้านอนหลังจากที่เขียนนิยายไปได้มากพอสมควร และวันนี้เธอก็ตื่นขึ้นมาพบว่า เธออยู่ในโลกปัจจุบันของตัวเอง ห้องนอนที่คุ้นเคย เตียงที่นอนกับสามีมามากกว่า 6 ปี หยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่สามีพึ่งซื้อให้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้าขึ้นมาดูวันที่ก็พบว่า เมื่อวานคือวันที่สามีของเธอพึ่งพาเลขากลับมาที่บ้านแล้วบอกกับเธอว่าเขาทำผู้หญิงท้อง

    เมื่อวาน ไม่สิ เมื่อคืนเธอแค่ฝันไปอย่างนั้นหรือ มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงสินะ เธอคงไม่ได้มีโอกาสเริ่มใหม่จริงๆ พึ่งจะหลงดีใจได้ไม่นาน ตื่นเช้ามาก็ต้องพบว่ามันกลายเป็นเพียงฝันไปเสียแล้ว

    เรื่องแบบนั้นมันคงไม่มีจริงอย่างเพียงฝันว่า ใครจะโชคดีได้มากขนาดนั้นกัน… 
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×