ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dracotopia : มหานครมังกรเพลิง

    ลำดับตอนที่ #2 : การลี้ภัยของรัชทายาท

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 47




        เมื่อยามราตรีล่วงเข้ามาถึง และดวงจันทร์สีเงินยาวงถูกแขวนไว้บนท้องฟ้า(ตามที่นิทานปรัมปราว่าไว้) เจ้าชายเออร์นิลประทับอยู่ในห้องบรรทมอย่างกระวนกระวาย ไฟในเตาผิงกำลังลุกโชน ฉลองพระองค์ไม่กี่ชุดพร้อมเสบียงถูกเก็บไว้ในย่ามสัมภาระซึ่งวางอยู่บนเตียง พระองค์ตรวจดูแผนที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อเตรียมเดินทางในตอนเช้ามืด ในพระทัยก็นึกกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูเบาๆก็ดังขึ้น



        องค์ราชานั่นเอง พระองค์เสด็จมาพร้อมกับองค์ราชินีพระมารดา และเจ้าหญิงเอเทลผู้เป็นเชษฐภคินีเพื่อมากล่าวคำอำลา องค์ราชาดูมีทีท่าที่เหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด และสตรีสูงศักดิ์ทั้งสองก็ดูโศกเศร้าราวกับผู้ที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก



        \"ลูกรัก แม่อยากให้เจ้าระวังตัว\" ราชินีคาเลนนอร์เริ่มกันแสงแล้วกอดพระโอรสไว้ \"บางทีแม่อาจไม่ได้เห็นเจ้าอีก--\"



        \"อย่ากล่าวเช่นนี้เลย เสด็จแม่\" เจ้าชายห้าม \"ความหวังจักเรืองรอง แม้ในยามที่มืดมิดที่สุด ข้าต้องได้กลับมาพบพระองค์อีกอย่างแน่นอน\"



        ในตอนนั้น องค์ราชาก็ยื่นหัตถ์ออกมา ในหัตถ์ของพระองค์มีแหวนทองคำ--แหวนทองคำเป็นรูปมังกร ตรงส่วนที่เป็นดวงตาของมันถูกฝังไว้ด้วยเพชร เพชรสีเขียวอมฟ้าราวกับน้ำทะเล เหมือนกับดวงตาของเหล่าราชวงศ์

        

        \"รับมันไว้\" พระองค์ตรัส พร้อมกับให้เออร์นิลคุกเข่าลง เจ้าชายทำตามอย่างว่าง่าย



        \"สัญลักษณ์แห่งพลัง และสิทธิ์เหนือราชบัลลังก์แห่งดราโคโทเปีย---ข้า ผู้เป็นองค์ราชาในปัจจุบัน ขอมอบสิทธิอันชอบธรรมนี้ให้แก่ เออร์นิล เจ้าชายแห่งดราโคโทเปีย โอรสและรัชทายาทคนเดียวของข้า\"



        ราชินีนำสายสร้อยเงินบางๆมาใส่ไว้กับแหวน แล้วองค์ราชาจึงคล้องสร้อยเส้นนั้นลงบนศอของพระโอรส \"คำปฏิญาณนั้นไว้กล่าวตอนวันราชาภิเษก\" พระองค์ว่า \"ลูกเอ๋ย ขอให้เหล่าทวยเทพคุ้มครองเจ้าเถิด\"



        \"ขอให้เป็นเช่นนั้น\" เออร์นิลรับพลางแตะมือลงที่หน้าผาก แล้วจึงสวมกอดองค์ราชาผู้เป็นพระบิดา นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พระองค์จะได้สวมกอดพระบิดาหรือเปล่าหนอ ทันใดนั้นเอง ปราชญ์ฟาเอลอนก็เดินเข้ามาในห้องนั้นอย่างรีบเร่งพร้อมกับอาร์ธอน ที่มีสัมภาระห่อใหญ่อยู่บนหลัง



        \"แย่แล้วฝ่าบาท\" เขาพูด \"ทหารของสภาสูงและเจ้าชายอัมมาลาสได้มาถึงแล้ว\"



        ราชินีร้องขึ้นด้วยความตื่นตระหนก \"แล้วนี่เออร์นิลจะหนีไปได้อย่างไรเล่า\"



        \"เสด็จแม่ ลูกมีทางหนี\" เจ้าหญิงเอเทลตรัสขึ้น \"รีบตามมาเถิดเออร์นิล\"



        เจ้าชายสวมกอดพระมารดาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงรีบตามเจ้าหญิงเอเทลไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่เพียงความเงียบทางเบื้องหลัง





        \"นี่เป็นทางลับออกไปสูคอกม้าหลวงได้\" เจ้าหญิงตรัสพลางหมุนแจกันอันเล็กๆที่วางอยู่บนเตาผิงในห้องบรรทม ทันใดนั้นเอง ส่วนที่เป็นชั้นหนังสือก็ยกตัวขึ้นเหนือจากพื้น ดูนั่น!มีช่องว่างเล็กๆที่เจ้าชายและอาร์ธอนสามารถลอดผ่านไปได้ \"รีบไปเถิด\" เอเทลยื่นเชิงเทียนให้ทั้งสอง \"เวลาของเรามีไม่มากนักแล้ว\"



        เจ้าชายเออร์นิลสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ แล้วจึงสวมกอดภคินีเป็นครั้งสุดท้าย \"ลาก่อน เสด็จพี่เอเทล\"



        \"ลาก่อนน้องรัก พี่จะรอเจ้ากลับมา\" เจ้าหญิงตอบ ก่อนที่จะเริ่มกันแสง เวลานี้ช่างน่าเศร้าเหลือเกินสำหรับพระองค์ \"อย่าลืมตรวจดูเสื้อคลุมของเจ้าให้ดีนะ ระวังตัวเองด้วย เออร์นิล!\" เอเทลตรัสในขณะที่มองพระอนุชาคลานเข้าไปตามช่องว่างใต้ชั้นหนังสือ



        \"ดูแลตัวเองด้วยนะ อาร์ธอน\" เจ้าหญิงกระซิบอย่างห่วงใย แล้วจึงคล้องสร้อยเส้นยาวเข้าที่คอของเด็กหนุ่ม \"นี่เป็นสิ่งแทนตัวข้า ข้าจะรอท่านกลับมานะอาร์ธอน\"



        \"ข้าพระองค์จะกลับมา\" อาร์ธอนพูด แล้วจึงก้มลงจุมพิตเอเทลอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะก้มลงไปใต้ชั้นหนังสือนั้น





        \"พี่เอเทลรู้จักทางลับแบบนี้ได้อย่างไรกัน\" เออร์นิลชูเชียงเทียนไปทางด้านหน้า แสงไฟสลัวๆส่องให้เห็นทางเดินมืดสนิทที่ทอดตัวอยู่



        \"รีบไปเถิด ฝ่าบาท\" อาร์ธอนเร่ง \"หากพระองค์ชักช้า พวกสภาสูงจะไหวตัวทันแล้วรู้ว่าเราหนีออกมา--กับแหวนมังกร\"



        \"แล้วพวกเขาก็จะฆ่าข้าเสีย\" เจ้าชายว่าพลางแลบลิ้นทำท่าล้อเลียนซึ่งผิดกับท่าทีเคร่งขรึมเมื่อครู่ลิบลับ \"พวกสภาสูงน่ะฉลาดก็จริง แต่ไม่เฉลียวเสียเลย\" พระองค์โบกหัตถ์ไปมาที่เทียนไขเล่มน้อยที่กำลังลุกโชน ทันใดนั้น เปลวไฟก็สว่างจ้ามากขึ้นกว่าเก่าราวกับเป็นคบไฟขนาดยักษ์มากกว่าจะเป็นเทียนไขธรรมดา \"อย่างนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย\" เออร์นิลยิ้มอย่างพอใจ



        \"พระองค์ได้เปรียบที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เหมือนพวกผู้วิเศษ\" อาร์ธอนพูด \"แต่อย่าลืม ว่าเจ้าชายอัมมาลาสก็ใช้เวทมนตร์ได้เช่นเดียวกัน\"



        \"แล้วอย่างไรเล่า\" เจ้าชายยักไหล่ \"เขามันก็แค่พวกราชวงศ์ที่บ้าอำนาจไปหน่อย ก็เท่านั้น ในตอนนี้ข้ากลัวว่าเขาจะสั่งประหารเสด็จพ่อน่ะซี ข้ากลัวว่าอดาร์บินจะต้านอำนาจเขาไม่ไหว\"



        \"แล้วท่านพ่อของข้าจะเป็นอย่างไรละนี่\" อาร์ธอนพึมพำอยู่ในความมืด



        \"อย่ากลัวไปเลย อาร์ธอน\" เออร์นิลบอก \"ท่านอาอัมมาลาสไม่ทำอะไรบิดาเจ้าหรอก ไม่สิ เขาไม่ใช่อาข้าแล้วละ เขาไม่ทำอะไรบิดาของเจ้าหรอกน่า ใครๆก็รู้ว่าปราชญ์ฟาเอลอนน่ะปราดเปรื่องขนาดนั้น คนที่มีความคิดหน่อยก็ต้องใช้งานเขา ไม่ใช่ประหารเขา\"

        \"แต่พระองค์ก็รู้ ว่าบิดาของข้าพระองค์ไม่มีวันรับใช้คนชั่วอย่างเจ้าชายอัมมาลาสแน่\"



        \"แน่ละซี\" เจ้าชายเออร์นิลสรวลเบาๆในความเงียบ \"นั่นจะทำให้อัมมาลาสประสบปัญหาอย่างใหญ่หลวงเชียวละ--อา ไหนดูซิ\" พระองค์ก้มลงพลางส่องแสงไฟไปที่พื้น มีห่วงเหล็กเล็กๆถูกตรึงไว้ เออร์นิลส่งห่อสัมภาระให้อาร์ธอนแล้วจึงลองดึงดู แผ่นหินถูกดึงออกมาอย่างง่ายดาย



        \"แสดงว่ามีคนใช้เส้นทางนี้เมื่อไม่นานนัก\" อาร์ธอนตั้งข้อสังเกต



        \"ฉลาดมาก\" เจ้าชายตรัสชม \"จะใครเสียอีกนอกจากท่านพี่เอเทล\"



        เบื้องล่างใต้แผ่นหิน ม้าสีขาวสะอาดตัวหนึ่งกำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์อยู่ในคอก ฟางชั้นดีจำนวนมากถูกวางกองไว้ที่พื้น \"อา โลธอนเพื่อนยาก\" เออร์นิลว่าพลางยิ้มกริ่ม แล้วจึงหันไปหาอาร์ธอน \"เอาละ อาร์ธอนสหายข้า เดี๋ยวเจ้าส่งสัมภาระลงมานะ ให้ข้าไปดูต้นทางก่อน\"



        \"ฝ่าบาท ให้ข้าพระองค์ลงไปก่อนเถิด อาจมีคนอยู่ข้างล่างนั่น\"



        เออร์นิลส่ายหัว \"เอาเถอะ ข้าจะลงไปเอง เจ้ารออยู่นั่นละ ดีแล้ว\" ว่าแล้วเจ้าชายก็หย่อนตัวลงไปบนพื้นฟางด้านล่างอย่างนุ่มนวล--และเงียบกริบ ม้าใหญ่สีขาวยังคงหลับต่อไปอยางสงบ เออร์นิลกวาดสายตาไปรอบๆ ในคอกม้าหลวงนั้นร้างผู้คน มีเพียงม้าชั้นดีนับสิบตัวกำลังหลับอย่างสงบ เจ้าชายเดินไปที่ม้าขาวตัวโปรดอย่างเงียบเชียบ แล้วจึงใช้พรสวรรค์อีกด้านหนึ่งของผู้มีเวทมนตร์ให้เป็นประโยชน์



        \"โลธอน เจ้าเพื่อนยาก ตื่นซี ข้ามีความจำเป็นต้องใช้เจ้า\" เจ้าชายกระซิบด้วยภาษาปกติ



        \'ฝ่าบาทเองรึ หม่อมฉันง่วง ง่วงมากนะฝ่าบาท เอาไว้ทีหลังมิได้รึ\' เจ้าม้าขาวตอบกลับมาอย่างง่วงงุน เสียงของมันเหมือนกับเสียงม้า แต่เจ้าชายก็เข้าใจในคำพูดของมันทันที นี่เป็นอีกพรสวรรค์หนึ่งของผู้ใช้เวทมนตร์



        \"สภาสูงกำลังตามล่าตัวข้า\" เออร์นิลกระซิบพลางมองไปรอบๆ \"ข้าต้องหนีไป ไม่งั้น--\" เจ้าชายทำท่าปาดคอให้ดูเป็นตัวอย่าง



        โลธอนลุกขึ้นทันทีด้วยท่าทางขนลุกขนพอง \'ตกลง เจ้าชาย เราจะไปที่ไหนกัน\' มันมีท่าทีกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าจะได้ผจญภัย



        \"พาข้าออกไปนอกนาเซียร์ก่อน แล้วข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดในเจ้าฟัง ตกลงไหม\"



        เจ้าม้าร้องเบาๆ เป็นการรับคำบัญชา เออร์นิลจึงเดินไปที่ช่องบนหลังคาโรงม้าที่เพิ่งลงมาเมื่อครู่



        \"เป็นอย่างไรบ้าง ฝ่าบาท\" อาร์ธอนกระซิบลงมาเบาๆ



        \"ทางสะดวก ส่งสัมภาระลงมาก่อน แล้วตัวเจ้าค่อยตามลงมา\"



        สัมภาระห่อใหญ่ถูกโยนลงมาอยางเงียบเชียบพร้อมกับดาบอีกสองเล่ม เจ้าม้าโลธอนทำท่าขนลุกเมื่อได้เห็น \'นี่ฝ่าบาทจะให้หม่อมฉันแบกสัมภาระหนักอึ้งเช่นนี้ไปรึ\' มันโอดครวญ \'ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ไปด้วยดีกว่า\'



        \"เอาน่า\" เจ้าชายปลอบในขณะที่อาร์ธอนหย่อนตัวลงมา--แผ่วเบาและเงียบกริบ \"ข้าติดหนี้ข้าวโพดเจ้าสามลังก็แล้วกัน\"



        \'ห้า\' เจ้าม้ายื่นข้อเสนอ \'แถมหญ้าจากทุ่งเรทไวน์อีกกระสอบหนึ่งด้วย\'



        \"เจ้าม้านี่มันเหลี่ยมจัดใช่ย่อยจริงๆ\" อาร์ธอนหัวเราะ เขาเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งสามารถฟังภาษาของสรรพสัตว์รู้เรื่อง หากแต่เรื่องเวทมนตร์นั้น เขาไม่สามารถทำได้ดีเท่าเออร์นิลเลยแม้แต่น้อย



        \"สี่ ตกลงไหม ถ้าเจ้าไม่ตกลงละก็--ข้าไปหาม้าตัวอื่นก็ได้\" เจ้าชายว่าพลางทำท่าจะเดินออกไป



        \'ตกลง แต่พระองค์ต้องเพิ่มหญ้าจากทุ่งเรดไวน์ให้หม่อมฉัน\' เจ้าม้าต่อรองทันที



        \"ตกลง\" เจ้าชายถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนในขณะที่อาร์ธอนพยายามกลั้นหัวเราะไว้สุดชีวิต \"เอาละ อาร์ธอน เอาสัมภาระของเจ้าไปหาแม่ม้าจิงเจอร์ยอดรักของเจ้าซี\" จิงเจอร์เป็นม้าสาวสีน้ำตาลอ่อน นางอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่กำลังคึกคะนอง และยังเป็นญาติกับโลธอนเสียด้วย



        เด็กหนุ่มทั้งสองจูงมามาอย่างเงียบๆจนถึงเรือนพักเล็กๆซึ่งเป็นของคนดูแลม้าประจำราชสำนัก เออร์นิลบอกให้อาร์ธอนรออยู่เงียบๆ แล้วจึงเดินไปเคาะที่ประตู เด็กหนุ่มหน้าตาดีผมสีทองคนหนึ่งเยี่ยมหน้าออกมา เมื่อเห็นว่าผู้ที่เคาะประตูเป็นใคร เขาก็ทำท่าตกใจสุดขีด



        \"ฝ่าบาท!\" เขาร้อง เจ้าชายรีบปิดปากเขาไว้ทันที



        \"ฟังข้านะ ทาเลธ\" พระองค์ตรัสด้วยท่าทีเรียบง่าย ทว่าแฝงไว้ด้วยความเคร่งเครียด \"เจ้ารู้แล้วใช่ไหมเรื่องที่สภาสูงจะเชือดข้า\" พระองค์ใช้คำว่า เชือด แทนคำว่าประหาร เด็กหนุ่มพยักหน้า เจ้าชายจึงเอามือออก \"ดีมาก ทีนี้ข้าอยากให้เจ้าช่วยทำอะไรอย่างหนึ่ง\"



        \"เพียงพระองค์บัญชา ต่อให้หม่อมฉันต้องไปตายก็จะกระทำตามบัญชานั้น ฝ่าบาท\"



        \"อย่าเพิ่งมาเล่นสำบัดสำนวนกับข้าในตอนนี้\" เออร์นิลตรัสพลางมองซ้ายทีขวาที เจ้าม้าโลธอนหายใจฟืดฟาดอยู่ข้างๆกับจินเจอร์ ม้าสาวดูมีทีท่าเอือมระอาญาติของตนอยู่ไม่น้อย \"ข้าอยากให้เจ้านำม้าสองตัวนี่ออกไปทางประตูหลังของวังหลวง เข้าใจใช่ไหม หากมีทหารของสภาสูงมาเห็นเข้า ให้บอกไปว่าเจ้าม้า \'แก่\' สองตัวนี่จะถูกนำไปปล่อย--\"



        \'หม่อมฉันยังไม่แก่นะฝ่าบาท\' เจ้าม้าส่งเสียงประท้วง



        \"เงียบไปเลยโลธอน ดูจิงเจอร์ซี นางไม่เห็นงี่เง่าเหมือนเจ้าเลย เจ้าม้าจอมขี้เกียจ\" เจ้าชายเอ็ด ม้าหนุ่มส่งเสียงด้วยความไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง จิงเจอร์ร้องเบาๆอย่างพอใจเมื่อได้รับคำชม เจ้าชายจึงหันมาทางทาเลธอีกครั้ง \"ขี่ม้าออกไปให้เงียบที่สุด เข้าใจนะ เอาละ ไปเอาเสื้อคลุมของเจ้าออกมา แล้วข้ากับอาร์ธอนจะไปรอเจ้าทางป่าด้านหลังวัง ระวังตัวด้วยล่ะ\" ว่าแล้วเจ้าชายก็ยัดเหรียญทองลงในมือของเด็กหนุ่ม \"เจ้าจะได้อีกเหรียญเมื่องานลุล่วง\" พระองค์ตรัส

            

        \"แต่หม่อมฉันมิได้ต้องการรางวัล--\" เด็กหนุ่มท้วง



        \"ข้าจะให้ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม เอาละ ไปทำงานได้แล้ว\" เจ้าชายเออร์นิลตรัสก่อนที่จะดึงอาร์ธอนให้เดินไปในความมืดเบื้องหน้า



        เบื้องหน้าคือกำแพงวังใหญ่ที่สูงทะมึน หินสีขาวสะอาดได้ถูกแกะสลักไว้เป็นรูปมังกรพ่นไฟอย่างประณีต นี่คือมังกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของดราโคโทเปีย



        \"ฝ่าบาทจะ \'ปีน\' ขึ้นไปอย่างนั้นหรือ\" อาร์ธอนถามอย่างตกใจ



        เออร์นิลยิ้ม \"จะให้ข้าเหาะขึ้นไปหรืออย่างไรกัน\" เจ้าชายหยอก \"เอาละ เท่าที่ข้าจำได้ ข้างนอกกำแพงนี่มีต้นโอ๊คใหญ่อยู่ พอเราปีนขึ้นไปจนสุดกำแพงแล้วก็ให้เจ้าไปเกาะที่ต้นโอ๊ค แล้วปีนลงไป--ต้นไม้จะบดบังเราจากสายตาคนภายนอก\"



        อาร์ธอนนึกชมในความเฉลียวฉลาดของเจ้าชายอยู่ไม่น้อย ทุกอย่างที่พระองค์วางแผนไว้เป็นไปอย่างรอบคอบ และระมัดระวัง นี่คือสายเลือดของกษัตริย์ดโรนูรินผู้ยิ่งใหญ่โดยแท้



        \"ปีนขึ้นไปซี เพื่อนยาก\" เจ้าชายเร่ง แล้วจึงเริ่มปีนขึ้นไปบนกำแพงใหญ่ บาททั้งสองวางอย่างหมิ่นเหม่อยู่บนรอยสลักที่เป็นจมูกและเท้าของมังกร อาร์ธอนจึงรีบตามขึ้นไปอย่างเงียบเชียบ สัมภาระที่อยู่บนหลังช่างเป็นภาระจริงๆเสียด้วยซี



        ในที่สุด ทั้งสองก็มานั่งอยู่บนขอบของกำแพงหนา เจ้าชายมองกลับไปที่ปราสาทเป็นครั้งสุดท้าย นึกในใจว่าพระองค์จะได้กลับมาอีกเมื่อใดกัน อาร์ธอนก็เช่นกัน เมื่อใดเขาจะได้กลับมาหาบิดา--และเจ้าหญิงเอเทลอีก บุตรแห่งปราชญ์รู้ ว่าความรักครั้งนี้ช่างเป็นไปได้ยากที่จะสมหวัง



        \"ไปเถิด\" เจ้าชายถอนหายใจ แล้วจึงเริ่มไต่ไปตามกิ่งโอ๊คขนาดมหึมาที่ทอดตัวเข้ามาในกำแพงวัง \"เอาฮู้ดขึ้น อาร์ธอน เราต้องปกปิดตัวตนนับแต่นี้เป็นต้นไป\" บุตรแห่งปราชญ์ทำตามอย่างว่าง่าย จริงอยู่ที่เขาอายุมากกว่าเจ้าชายถึงสองปี วิชาการศึกษาต่างๆก็เรียนมามากกว่าด้วยว่าบิดาของเขาตั้งใจให้เขาเป็นปราชญ์ตามบรรพบุรุษ แต่เรื่องวางแผน ต้องยกให้เจ้าชายเออร์นิลนี่ละ



        เมื่อปีนลงมาถึงข้างล่าง ทั้งสองก็พบว่าทาเลธได้มารออยู่แล้วพร้อมกับม้า เด็กหนุ่มมีท่าทีตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเจ้าชายและอาร์ธอนลงมาจากต้นไม้



        \"เป็นอย่างไรบ้าง\" เจ้าชายตรัสถาม



        \"เกือบไปแล้วพะยะค่ะ ฝ่าบาท\" ทาเลธทูล \"ทหารของสภาเดินกันทั่วเขตพระราชฐานเลยทีเดียว ท่าทางว่าจะรู้แล้ว--ว่าพระองค์หนีมา\"



        เออร์นิลมีท่าทีตกใจ เจ้าชายเอื้อมหัตถ์ไปกุมแหวนมังกรที่ห้อยคออยู่ไว้แน่น \"แล้วองค์ราชาเล่า เสด็จพ่อเป็นอย่างไรบ้าง\"



        \"เห็นว่าเจ้าชายอัมมาลาสสั่งให้เอาตัวองค์ราชาไปคุมขัง\" เด็กหนุ่มตอบอย่างหวาดกังวล \"รวมทั้งราชินี เจ้าหญิงเอเทล เชื้อพระวงศ์องค์อื่นๆ และเหล่าขุนนางที่ยังจงรักภักดี\"



        \"เจ้าหญิงเอเทล!ข้าพระองค์จะกลับไปช่วยท่านพ่อและเจ้าหญิง\" อาร์ธอนร้องพลางตั้งท่าจะปีนกำแพงวังกลับไป แต่เจ้าชายก็ดึงเขาไว้เสียก่อน



        \"อาร์ธอน!มีสติหน่อย!\" พระองค์เตือน \"ที่ทุกคนโดนขังก็เพื่อให้เราหนีออกมา ถ้าเจ้ากลับไป ความพยายามทั้งหมดก็จะสูญเปล่า ฟังข้าสิ!\"



        บุตรแห่งปราชญ์พยายามควบคุมอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่



        \"เอาละ\" เจ้าชายหันไปหาเด็กหนุ่มพลางยื่นเหรียญทองให้ \"ขอบใจเจ้ามาก อย่าลืมล่ะ ว่านี่เป็นความลับ--ไปได้แล้ว\"



        ทาเลธโค้งคำนับ แล้วจึงเดินกลับเข้าประตูวังไปอย่างเงียบเชียบ





        \"นี่เราจะไปไหนกัน ฝ่าบาท\" อาร์ธอนถามขึ้นในขณะที่จูงม้าไปในความมืดยามราตรีที่เข้าปกคลุม



        \"ไปฟังข่าว...\" เจ้าชายตรัสตอบหลังจากหยุดคิดไปแล้วครู่หนึ่ง \"แต่ก่อนอื่น เจ้าต้องเรียกข้าว่า เออร์นิล ไม่ใช่ฝ่าบาท หรือเจ้าชาย แล้วก็--เรียกตัวเจ้าเองว่า ข้า ไม่ใช่ ข้าพระองค์ หรือ หม่อมฉัน\"



        \"พระองค์ เอ้ย เออร์นิล เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่รึ--ให้ตายซี ข้าไม่คุ้นเลย\" อาร์ธอนบ่น



        \"ข้ากำลังคิดว่าจะแปลงโฉมตัวเองอย่างไรดี\" เออร์นิลตอบพลางแหงนหน้ามองดูดวงดาวที่ร่ายรำอยู่บนท้องฟ้า \"ข้าอาจตัดผมได้ พวกชาวบ้านธรรมดาตัดผมสั้นอยู่แล้วนี่ แต่สิ่งที่ข้ากังวลก็คือ--ดวงตาของข้า เจ้าก็รู้ว่ามันเป็นสีเขียวอมฟ้าแบบพวกราชวงศ์อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ชาวบ้านธรรมดาที่ไหนจะมีตาสีเขียวอมฟ้ากันเล่า\"



        \"นั่นคือปัญหาใหญ่\" อาร์ธอนว่า



        \"ทีนี้ข้าก็สบตาใครไม่ได้อีกแล้ว\" เจ้าชายในอดีตเริ่มโอดครวญ \"แล้วสาวน้อยที่ไหนจะมาชายตาแลข้าเล่า สาวๆที่ไหนจะมาจ้องตาข้าตอบเมื่อข้าไปร้องเพลงใต้หน้าต่างบ้านนางในยามราตรี ใครกัน ใครกัน!\" เออร์นิลร้องด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด



        อาร์ธอนจ้องเออร์นิลราวกับว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว



        \"นี่....เออร์นิล เจ้ายังจะห่วงเรื่องนี้อยู่อีกรึ\" เขาร้อง \"นี่เราจะหนีรอดรึเปล่ายังไม่รู้ นี่เจ้า....\"



        เด็กหนุ่มคนใหม่กลอกตาไปมาอย่างยียวน \"เอาละ ต่อแต่นี้ไปเจ้าเป็นญาติผู้พี่ของข้า ข้ากำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่ เจ้าก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เราเคยอาศัยอยู่กับลุงที่เป็นชนเผ่าเร่ร่อน--ลุงของเราตายไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เข้าใจไหม เพื่อนยาก\"



                    \'เข้าใจแจ่มแจ้งเชียวละ\' โลธอนตอบ



                    \"ข้าไม่ได้ถามเจ้า\" เออร์นิลหันไปว่า \"เข้าใจไหม อาร์ธอน



        \"ตกลง ฝ่า--เอ้ย เออร์นิล\" อาร์ธอนตอบพลางนึกทบทวนคำพูดของเจ้าชายในอดีตอีกครั้งหนึ่ง



        \"ดีมาก\" เออร์นิลว่าพลางจูงให้โลธอนเดินต่อไป เจ้าม้าหนุ่มเดินตามผู้เป็นนายไปอย่างเงียบๆ ตอนนี้มันเริ่มง่วงเต็มทนแล้ว จึงไม่มีแรงมาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าชายอีก



        \"แล้วที่ว่าฟังข่าว--พระองค์จะไปฟังข่าวที่ไหนกัน\" อาร์ธอนถามต่อ



        เออร์นิลยิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ \"เราจะไปที่...ดิ เอ็มเพอร์เรอร์\"





        ดิ เอ็มเพอร์เรอร์เป็นผับเล็กๆที่มีชื่อเสียงแห่งนครหลวงนาเซียร์ เป็นแหล่งชุมนุมพบปะของเหล่าทหารจากทั่วทุกสารทิศและเหล่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในนครหลวงแห่งดราโคโทเปีย อาร์ธอนนึกแปลกใจไม่น้อยที่เจ้าชายผู้อาศัยอยู่ในปราสาทอันโอ่โถงจะรู้จักสถานที่เช่นนี้



        \"พระองค์ เอ้ย เออร์นิล เจ้ารู้จักที่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน\" อาร์ธอนตะโกนถามแข่งกับเสียงดนตรีในผับที่ดังสนั่น ผู้คนมากมายเต้นรำกันเบียดเสียดจนแทบไม่มีที่จะเดิน



        \"นึกว่ามีแต่เจ้ากับพี่เอเทลเท่านั้นหรือ ที่เคยหนีมาเที่ยว\" เจ้าชายตะโกนตอบกลับไป



        บุตรแห่งปราชญ์หน้าแดงทันทีเมื่อรู้ตัวว่าถูกจับได้ เออร์นิลรีบลากเขาขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ซึ่งมีโต๊ะมากมายรายล้อมกับระเบียงไม้ที่สามารถมองลงมายังชั้นล่างได้ เจ้าชายนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง แล้วจึงทำท่าให้อาร์ธอนนั่งลงบนโต๊ะอีกตัว



        \"เอาละ อยู่เงียบๆไว้\" เออร์นิลกระซิบ \"ฟังว่าเขาพูดอะไรกัน แล้วข้าจะจัดการเอง\" ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ทำท่าพยักเพยิดไปทางทหารสองคนที่นั่งหันหลังให้ ทั้งสองสวมเครื่องแบบสีแดงของสภาสูง อาร์ธอนพยักหน้าช้าๆก่อนที่จะเบนสายตาไปยังลานเต้นรำเบื้องล่าง ทว่าหูทั้งสองยังคงตั้งใจฟัง



        \"เจ้าว่าเจ้าชายอัมมาลาสจะจับเจ้าชายเออร์นิลมาประหารได้หรือเปล่า\" ทหารคนหนึ่งถามขึ้น



        \"ต้องได้แน่ๆ กะอีแค่เด็กคนหนึ่ง มีหรือที่เจ้าชายจะจัดการไม่ได้\" อีกคนหนึ่งตอบ



        เออร์นิลเหลือกตาขึ้นอย่างเซ็งๆกับบทสนทนานั้น เจ้าชายขมุบขมิบเป็นคำว่า \'เจ้างี่เง่าสองคน\' อย่างชัดเจน เขามาที่นี่เพื่อฟังข่าว ไม่ใช่มาฟังทหารโง่สองคนคุยกันว่าจะจับเขาได้หรือเปล่า เขาต้องการรู้ถึงความเคลื่อนไหวของสภาสูงในตอนนี้! เออร์นิลคิดอย่างหงุดหงิดพลางเอานิ้วเคาะกับโต๊ะเป็นทำนองเพลงประจำดราโคโทเปีย



        ทันใดนั้นเอง ทหารของสภาสูงนับสิบคนก็โผล่พรวดมาที่ชั้นล่างของ ดิ เอ็มเพอร์เรอร์ อย่างรวดเร็ว และหัวหน้าที่นำเหล่าทหารนั้นมาก็คือ คาลอร์--ทหารฝีมือเลิศแห่งดราโคโทเปีย มือขวาของอัมมาลาส ดนตรีทั้งหมดเงียบลงในทันที



        \"พลเมืองแห่งดราโคโทเปีย จงอยู่ในความสงบ!\" คาลอร์ประกาศก้อง



        \"เจ้าชายเออร์นิลได้หลบหนีการจับกุมของสภาสูงเข้ามาในเมือง หากมีผู้ใดพบเห็นพระองค์ ให้แจ้งกับทหารทันที เจ้าชายอัมมาลาสจะประทานรางวัลให้เป็นทองคำหนึ่งหีบ\"



        อาร์ธอนเตรียมตัวสวมฮู้ดอย่างรวดเร็ว แต่เออร์นิลกลับห้ามไว้



        \"เย็นไว้\" เด็กหนุ่มกระซิบ \"อยู่นิ่งๆไว้ก่อน เขาไม่สังเกตเจ้าหรอก\"



        ขุนพลแห่งดราโคโทเปียกวาดสายตาไปรอบๆอย่างระมัดระวังราวกับแมวป่าที่รอเหยื่อ เออร์นิลกำลังคิดทบทวนอยู่ในใจอย่างรอบคอบ โลธอนและจิงเจอร์ถูกผูกไว้ที่ป่าเล็กๆริมแม่น้ำเวลล์ที่ชื่อกรีนวู้ด เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตชาวเมือง เด็กหนุ่มสองคนจะมีม้าชั้นเลิศขนาดนั้นได้อย่างไรกัน แล้วพวกเขาจะหนีไปได้ทันเวลาหรือเปล่าหนอ ที่จริงแล้วเจ้าชายตั้งใจไว้ว่าจะไปให้ถึงบเลเดลก่อนเช้า แต่ในเมื่อมีฝูงสุนัขป่ามาล้อมรอบเช่นนี้ เห็นทีจะเป็นไปได้ยากเสียแล้ว เออร์นิลถอยหลังออกมาจากระเบียงอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเอนหลังลงพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน



        \"ดูเขาไว้ รอให้ทหารพวกนั้นไปก่อนแล้วค่อยเรียกข้า\" เจ้าชายกระซิบเบาๆก่อนที่จะหลับตาลง



        อาร์ธอนพยักหน้า แล้วจึงเอนหลังลงพิงเสาต้นใหญ่ข้างๆ พยายามทำท่าให้เหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาให้มากที่สุด เขาปัดชายเสื้อคลุมลงไปทางข้างเก้าอี้ ผมดำสนิทที่ถูกตัดไว้อย่างดียาวระกับปกเสื้อสีขาว สายตาเฉียบคมของเขามองไปที่กองทหารอย่างตรวจตรา คาลอร์เป็นขุนพลที่ฉลาดมาก แต่น่าเสียดายที่เขาไปยืนอยู่ที่ข้างของเจ้าชายอัมมาลาสเสียนี่  ครู่ถัดมา ทหารราวสิบคนนั้นพร้อมกับคาลอร์ก็ออกไป ดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง แล้วดิ เอ็มเพอร์เรอร์ก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติดังเดิม





        \"พวกของคาลอร์นั่นไม่ต่างอะไรกับหมาล่าเนื้อเลย\" เออร์นิลบ่นในขณะที่เดินไปบนถนนซึ่งปูไว้ด้วยอิฐสีแดง มือข้างหนึ่งแกว่งดาบไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ \"ข้ามั่นใจว่าจมูกของเขาใหญ่กว่าจมูกมังกรเสียอีก\"



        อาร์ธอนหัวเราะ \"นี่เรากำลังจะหนีไปที่บเลเดลงั้นหรือฝ่าบาท\"



        \"แน่ละ แต่ก่อนอื่นเราต้องเอาม้าเพื่อนยากทั้งสองตัวไปด้วย ข้าเดาว่าแม่จิงเจอร์ของเจ้าคงรำคาญโลธอนเต็มที่แล้วละ\"



        บนถนนยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแม้ว่าจะล่วงเข้ายามราตรีแล้วก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติในเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีอย่างนครนาเซียร์ เด็กหนุ่มทั้งสองเดินไปเรื่อยๆเพื่อจะออกนอกเมืองไปยังป่ากรีนวู้ดริมแม่น้ำเวลล์ซึ่งโลธอนและจิงเจอร์กำลังรออยู่ หากแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจอย่างสุดขีดก็รออยู่ข้างหน้า ทหารราวสิบคนพร้อมกับคาลอร์ ซึ่งอยู่ในผับดิ เอ็มเพอร์เรอร์เมื่อครู่กำลังรออยู่ คอยตรวจดวงตาของทุกคนที่จะผ่านออกนอกประตูเมืองไป เออร์นิลหยุดชะงักในทันที



        \"อาร์ธอน!\" เจ้าชายร้อง \"ดวงตาข้า จะเอาอย่างไรดี เราไม่มีทางผ่านฝูงหมาป่าทั้งฝูงไปได้หรอก\"



        \"ฝ่าบาท หลับตาลง\" บุตรแห่งปราชญ์แนะนำ \"แล้วข้าจะจูงพระองค์ไปเอง\" ในเวลานี้ อาร์ธอนลืมไปแล้วว่าห้ามเรียกเออร์นิลว่า ฝ่าบาท



        \"ไม่ดีกว่า\" เออร์นิลเริ่มสงบลง เขาเริ่มเดินไปมา0เพื่อใช้ความคิด เวลาที่กระชั้นเข้ามาเช่นนี้ทำให้หัวสมองของเจ้าชายเริ่มคิดอะไรไม่ออก \"เอาละ--\" พระองค์ตรัสในที่สุด \"สงสัยต้องลองล่อดู...\"





        อาร์ธอนเดินเข้าไปหากลุ่มทหารอย่างระมัดระวังพร้อมกับเออร์นิลที่ก้มหน้าลง เขากำดาบในมือไว้แน่น รู้สึกได้ถึงเส้นประสาทที่กำลังเต้นตุบๆด้วยความตึงเครียด นี่เขากับเจ้าชายจะผ่านไปได้หรือเปล่าหนอ หน้าที่ของอาร์ธอนคือปกป้องเจ้าชายเออร์นิล แม้ว่าจะต้องสละชีวิต หรือว่านี่จะเป็นเวลาที่เขาต้องทำหน้าที่เสียแล้ว ทั้งสองอาศัยจังหวะที่คาลอร์เดินไปทางอื่น แล้วจึงก้าวเข้าไปช้าๆ ทหารเสื้อแดงคนหนึ่งหันมา เขาชูตะเกียงใส่เด็กหนุ่มทั้งสอง



        \"เฮ้ เจ้าหนุ่ม จะไปทำอะไรนอกเมืองกันล่ะ\" ทหารถาม



        \"ข้ากับญาติผู้น้องจะไปหาท่านยายที่บเลเดลขอรับ\" อาร์ธอนตอบอย่างนอบน้อม ปกติแล้วเขาไม่เคยนอบน้อมกับทหารพวกนี้เลยแม้แต่น้อย



        \"อย่างนั้นรึ\" ทหารชุดแดงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เด็กหนุ่มสองคนจะไปเยี่ยมแม่เฒ่าแก่ๆคนหนึ่ง \"ไหนเจ้าหนุ่ม เงยหน้าขึ้นซิ\" เขาพูดกับเออร์นิล



        เจ้าชายเงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง ดวงตาสีเขียวอมฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์!



        \"หวัดดีพวก\" เออร์นิลทัก ก่อนที่จะลากอาร์ธอนวิ่งฝ่าเหล่าทหารและประชาชนที่เพิ่งออกจากเมืองมาอย่างรวดเร็ว ทหารนับสิบที่ชุมนุมกันอยู่รับรุดตามมาราวกับฝูงหมาล่าเนื้อที่ได้กลิ่นเหยื่อ ป่าริมแม่น้ำเวลล์อยู่ห่างไปราวร้อยเมตรกว่าๆ เจ้าชายคิดว่าพวกเขาน่าจะหลบทัน--บนต้นไม้หรืออะไรซักอย่าง





        \"ข้าพระองค์ว่านี่เป็นวิธีที่ไม่เข้าท่าเลย\" อาร์ธอนร้องพลางเปลี่ยนมาถือดาบด้วยมือขวาในขณะที่รีบวิ่งสุดชีวิต พื้นหินใต้เท้าเปลี่ยนไปเป็นดินและวัชพืชอันอ่อนนุ่มของป่ากรีนวู้ด



        \"เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าอย่าใช้ราชาศัพท์กับข้า\" เออร์นิลวิ่งอย่างรวดเร็วนำหน้าไป ตอนนี้เขากำลังหาวิธีที่จะหลบจากฝูงหมาล่าเนื้อที่ ขออย่าให้คาลอร์มากับกลุ่มทหารงี่เง่าพวกนี้เลย--แต่อันที่จริงแล้ว คนอย่างขุนพลคาลอร์น่ะหรือ จะมาวิ่งพรวดๆตามเด็กหนุ่มสองคนเช่นนี้ เจ้าชายกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ อา นี่ละจะเป็นประโยชน์ \"แยกกัน!\" เออร์นิลร้องสั่งแล้วจึงวิ่งไปทางด้านซ้าย ส่วนอาร์ธอนรีบวิ่งไปทางด้านขวา





        อาร์ธอนวิ่งไปตามเงามืดของต้นไม้ในป่าที่บดบังแสงจันทร์สีเงินซึ่งกำลังคล้อยไปทางตะวันตกไว้เสียสิ้น เสียงฝีเท้าของทหารยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ อันที่จริงแล้วเขาไม่ควรแยกกับเจ้าชายเลย อาร์ธอนนึกตำหนิตัวเองในใจ หากเออร์นิลถูกจับได้เล่า จะเป็นอย่างไรต่อไป เขาคงทำให้องค์ราชาผิดหวังเป็นแน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว เด็กหนุ่มจึงหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับทหารเสื้อแดงเหล่านั้น อาร์ธอนประหลาดใจอยู่มากทีเดียวเมื่อเห็นว่าทหารที่ตามเขามามีอยู่เพียงสามคนเท่านั้น บุตรแห่งปราชญ์ยิ้ม แล้วจึงกระชากดาบออกจากฝัก สามคนงั้นหรือ--ของกล้วยๆ



        ทหารเสื้อแดงสามคนนั้นหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงมองหน้ากันก่อนที่จะชักดาบออกจากฝักเช่นเดียวกัน



        \"เจ้าหนุ่ม\" ทหารนายหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน \"เจ้าไม่มีวันชนะเราสามคนได้หรอก จงยอมไปกับเราเสียโดยดี แล้วเจ้าจะไม่เจ็บตัว\"



        อาร์ธอนหัวเราะอย่างขบขัน เขาเหวียงสัมภาระไปไว้ข้างทางก่อนที่จะพูดขึ้น \"ข้าว่าเจ้าสามคนควรจะหลบไปเสียก่อนที่ข้าจะจัดการ \'เชือด\' พวกเจ้า\" เด็กหนุ่มใช้คำโปรดของเจ้าชายเออร์นิล ใช่แล้ว--เชือด



        คราวนี้ทหารสามนายนั้นหัวเราะกันเสียดังลั่น \"เจ้าเด็กอมมือ!\" ทหารคนที่มีผมสีแดงเพลิงพูด \"อย่ามาปากดี ไปกับเราได้แล้ว\"



        อาร์ธอนถอนหายใจอย่างหงุดหงิด \"ข้าเสียเวลากับพวกเจ้ามานานแล้วนะ\" เขาตวาด \"เจ้าชายกำลังโดนฝูงเศษสวะหมาป่าอย่างพวกเจ้าล้อมอยู่ หลีกทางให้ข้าเดี๋ยวนี้!\"



        \"ไม่มีทาง!\" ทหารทั้งสามร้องเกือบจะพร้อมๆกัน \"เจ้าและเจ้าชายเออร์นิลไม่มีวันพ้นเงื้อมมือเจ้าชายอัมมาลาสไปได้หรอก!\"



        เพียงเท่านั้น ความอดทนทั้งหมดของอาร์ธอนก็หมดลง เด็กหนุ่มบุกโจมตีคู่ต่อสู้ร่างยักษ์ทั้งสามทันที เจ้าชายพูดถูก คนของสภาสูง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็มักจะไม่มีสมองเสมอละ อาร์ธอนใช้ฝีมือดาบที่ได้ฝึกปรือมาตั้งแต่สิบขวบอย่างเต็มที่ ชั่วเวลาไม่นานนัก ร่างของทหารทั้งสามนายนั้นก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น อันที่จริงแล้วเด็กหนุ่มไม่ได้ฆ่าพวกเขา--แค่ซัดให้หมอบด้วยฝักดาบ...ก็เท่านั้น





        เออร์นิลวิ่งอย่างไม่ลดละไปบนพื้นดินปนหญ้าของป่ากรีนวู้ด นึกสงสัยว่าทหารพวกนี้คงเคยเกิดเป็นสุนัขล่าเนื้อมาก่อนแน่ๆ เจ้าชายกำลังคิดแผนการต่อไปในใจอย่างรีบเร่งในขณะที่วิ่งไป เท้าทั้งสองเริ่มเหนื่อยล้าเต็มที ก่อนอื่น--ต้องล่อเหยื่อ เออร์นิลมองไปรอบๆเพื่อหาที่กำบัง แต่ทันใดนั้นเอง สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็เกิดขึ้นเบื้องหน้า--



    ______________________________________________________________________________________________________

            
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×