มงกุฎตะวันตก (The Crown of West)
เมื่อชายผู้งดงามพร้อมที่จะจากมาเพื่อรักษาชีวิตคนรัก แต่ชายหนุ่มคนรักกลับพร้อมที่จะทำลายทุกกฎเกณฑ์ แม้ต้องแลกด้วยชีวิต...
ผู้เข้าชมรวม
92
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
เฮลสเลม และนรกเบื้องล่าง ถูกปกครองโดยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นามว่า จักรพรรดิมาลาไคย์ ผู้ถือเป็นบุตรองค์โตของพระเจ้า ผู้ได้รับพรให้มีพลัง และอำนาจที่ทัดเทียมกับพระบิดา ท่านเป็นผู้ที่ยอมเผาปีกอันบริสุทธ์ให้กลายเป็นเถ้าถ่าน เพื่อลงมาปกครองดินแดนเบื้องล่าง แต่พลังที่ได้รับมาจากพระเจ้ากลับทำให้จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ต้องใช้พลังอย่างมากในการควบคุม จึงมักเข้าสู่การหลับใหลอันยาวนานเพื่อรักษาสมดุลของพลังอยู่บ่อยครั้ง ท่านจึงใช้พรอันวิเศษของพระบิดาสร้างจอมปีศาจขึ้นมา 4 ตน เปรียบเสมือนผู้คุุมกฎทั้ง 4 ทิศ เพื่อหวังว่าจะทำให้พลังของตนเองลดลงจนไม่ต้องเข้าสู่นิทราอีก แต่ความปราถนาของท่านกลับไม่เป็นดังที่หวัง องค์จักรพรรดิ์ยังคงทรงพลังเทียบเท่ากับพระบิดาเช่นเดิม ท่านจึงมอบหมายหน้าที่ให้จอมปีศาจทั้ง 4 ดูแลทั้ง 4 ทิศ ทิศตะวันออกอีสเคีย ทิศใต้เซาว์ว๊อค ทิศเหนือนอร์ททรา และทิศตะวันตกเวสเนีย พร้อมกำชับให้ดูแลเฮลสเลมให้ดียามที่ตนหลับใหล อย่าให้มีผู้ใดทำผิดกฎ ถ้ามีก็จงลงโทษให้หลาบจำ...
จอมปีศาจทั้ง 4 นั้นทรงพลังด้วยมหาเวทที่องค์จักรพรรดิ์ประทานให้ แต่พวกเขานั้นโหดร้าย และชอบทารุณผู้กระทำผิด พวกเขาไม่เคยปราณีผู้ใด ยึดถือคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น
เมื่อองค์จักรพรรดิ์ตื่นจากการหลับใหล ก็พบว่าปีศาจ และภูตอสูรถูกลงทัณฑ์จนสูญสลายไปอย่างมากมาย ท่านจึงไม่อาจนิ่งเฉย และคิดหาวิธีใหม่ที่จะไม่ทำให้เฮลสเลมกลายเป็นนครแห่งการทรมาณ เพราะเฮลสเลมไม่ใช่นรกเบื่องล่าง ไม่ใช่แดนแห่งการพิพากษา
จักรพรรดิมาลาไคย์ ครุ่นคิดอยู่ไม่นานก็พบวิธีแก้ปัญหา ท่านใช้วิธีการคัดเลือกผู้เหมาะสมจากเหล่าผู้ที่มีจิตวิญญาณของตนเอง ไม่ได้ทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว นั้นคือ ภูตอสูร และปีศาจ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับฐานันดรอันสูงส่งว่า บุตรแห่งจักรพรรดิมาลาไคย์ เพื่อเป็นสิ้งที่ยืนยันถึงสิทธิ์ในการปกครองดินแดนแห่งนี้ในยามที่ท่านหลับใหล แทนผู้คุมกฎที่โหดร้าย และไร้จิตใจ
ด้วยฐานันดร และพลังที่จะได้รับ การคัดเลือกจึงเป็นที่สนใจของเหล่าชาวนรกมากมาย แต่ไม่ว่าจะมีปีศาจที่แข็งแกร่งแค่ไหนมาเข้าร่วมการคัดเลือก ก็ไม่มีผู้ใดผ่านด่านสุดท้ายอันน่าสะพรึงของการคัดเลือกนี้ไปได้...ด่านแรกคือผ่านความเห็นชอบจากองค์จักรพรรดิ์ ด่านที่สอง ด่านสุดท้าย...การกลืนกินจิตวิญญาณและพลังของจอมปีศาจผู้คุมกฎ ตามแต่ที่ทิศที่ตนปราถนาจะครอบครอง ซึ่งการจะกลืนกินจอมปีศาจได้นั้น ก็ต้องชนะจอมปีศาจให้ได้ซะก่อน...นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผ่านไปหลายพันปีก็ยังไม่มีผู้ใดผ่านการคัดเลือก...
แต่สองหมื่นปีให้หลังองค์จักรพรรดิ์ท่านก็ได้พบผู้ที่สามารถกลืนกินจอมปีศาจได้ ผู้ที่เป็นบุตรตนแรก และราชาแห่งยมโลก ผู้ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ของจอมปีศาจตะวันออกอีสเคีย
ราชาตนแรกได้รับนามว่า...มงกุฎตะวันออก ราชาแห่งทิศบูรพา เขาเป็นปีศาจที่ฉลาด และหยิ่งทะนง มากด้วยเล่ห์กล มีผิวกายสีแดง เขาสองข้างใหญ่โตน่าแกรงขาม เมื่อได้กลืนกินจอมปีศาจอีสเคียแล้ว เขาก็ได้รับรูปร่างที่คล้ายกับองค์จักรพรรดิ รูปลักษณ์ของชาวสวรรค์
ราชาตนที่สองเป็นปีศาจผู้กลืนกินจอมปีศาจเซาว์ว๊อค ท่านได้นามว่า...มงกุฎใต้ ราชาแห่งทิศทักษิณ ท่านโดนเด่นอย่างมากในการต่อสู้ และไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใด มีรูปลักษณ์ที่งดงามไม่แพ้กับมงกุฎตะวันออก
ในช่วงเวลานั้น ยมโลกกลายเป็นดินแดนที่สงบยาวนานนับหมื่นปี ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะทำสิ่งใดตามกิเลสของตน เพราะราชาทั้งสองต่างปกครองดินแดนของตนได้ดี ทั้งเด็ดขาด แข็งแกร่ง และยุติธรรม จนทำให้ดินแดนอื่นๆที่เหลือต่างหวาดกลัวไปด้วย
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจอมปีศาจอีกสองตนที่ยังไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะได้ ก็มักสร้างความเดือนร้อนให้อยู่เป็นครั้งราว จนในที่สุดก็ได้ราชาตนที่สาม ภูตอสูรผู้กลืนกินจอมปีศาจนอร์ททรา ราชาผู้มีนามว่า...มงกุฎเหนือ ราชาแห่งทิศอุดร มีรูปลักษณ์ที่บริสุทธ์ ผิวขาวราวหิมะ เยือกเย็น ดั่งดอกไม้ที่ผลิบานกลางพายุ เป็นหนึ่งในบุรุษที่สตรีเห็นแล้วต้องคะนึงหา…
นับจากนั้นอีกหลายพันปีก็ไม่มีผู้ใดที่มีความสามารถมากพอที่จะชนะจอมปีศาจเวสเนียได้ ดินแดนปัจฉิมจึงไร้ผู้ปกครอง กลายเป็นดินแดนรกร้าง ไม่มีอสูรหรือปีศาจตนใดกล้าเข้าใกล้ เพราะจอมปีศาจเวสเนียนั้นชอบล่อลวงให้เหล่าปีศาจ และภูตอสูรหลงใหลในความงามของเธอ จนต้องจบชีวิตลงหุบเขาแห่งผาไร้อาวรณ์ สถานที่ๆจะนำพาเหล่าผู้ไร้สติดิ่งสู่นรกขุมที่ลึกที่สุด.......”
สิ้นเรื่องเล่าตรงนี้ ก็มีเสียงกระซิบพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่
“พวกเจ้าเหล่าวิญญาณเอ๋ย พวกเจ้าบางตนคงหวังอยู่ลึกๆว่าจะได้รับการคัดเลือกใช่หรือไม่ แต่ข้าคงต้องขอแสดงความเสียใจต่อความปรารถนานั้น เพราะในที่สุดองค์จักรพรรดิก็เจอผู้ที่สามารถกลืนกินจอมปีศาจเวสเนียได้ ชายผู้ที่กลายเป็นบุตรที่จักรพรรดิมาลาไคย์เอ็นดูเป็นที่สุด…
ราชาตนสุดท้ายมีนามว่า...มงกุฎตะวันตก ราชาแห่งทิศปัจฉิม ท่านผู้นี้ถูกกล่าวขานเลืองลือไปทั่วทั้งยมโลกจนถึงสรวงสวรรค์ว่า เป็นผู้ที่งดงามที่สุด งามกว่าเหล่าทวยเทพ งามจนพระเจ้ายังต้องหลงมอง ส่วนหนึ่งนั้นก็คงเป็นเพราะการกลืนกินจอมปีศาจเวสเนียที่งดงาม แต่ส่วนที่มีผลมากกว่านั้นคงเป็นการกลืนกินมนต์จันทรา...
และด้วยเหตุนี้ยมโลกก็มีราชาครบทั้งสี่ทิศ และต่างปกครองดินแดนกันอย่างสงบสุข ไม่มีปีศาจหรือภูตอสูรตนใดกล้าที่จะทำเรื่องต้องห้ามในยมโลก พวกนั้นจึงมักมาแกล้งมนุษย์เล่นบนโลกนี้แทน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามความต้องการของจักรพรรดิมาลาไคย์ ที่ได้เห็นพ้องต้องกันกับพระเจ้า มนุษย์ต้องได้รับความลำบาก และทุกข์เข็ญ ถึงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในจิตวิญญาณได้…
เอาหล่ะ พวกเจ้าเหล่าดวงวิญญาณที่กำลังเลือกเส้นทางเอ๋ย จงเลือกให้ดีว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นภูตอสูร หรือภูตเทวา เมื่อพวกเจ้าคงอยู่เป็นวิญญาณได้ถึง 100 ปี เจ้าจะได้รูปลักษณ์ใหม่ที่เจ้าปรารถนา และเจ้าจะได้เลือก ถ้าเจ้าเลือกเส้นทางสู่สรวงสวรรค์ เจ้าจะต้องผ่านบททดสอบแห่งแสงสว่าง แต่ถ้าเจ้าเลือกเส้นทางสู้ยมโลก เจ้าจะต้องเลือกอีกครั้งว่า เจ้าจะภัคดีต่อดินแดนใด...บูรพา...ทักษิณ...อุดร...หรือ...ปัจฉิม” เมื่อสิ้นคำเล่าขานก็มีเสียงปรบมือมากมายจากเหล่าวิญญาณที่นั่งรายล้อมด้วยร่างที่เลือนลาง
“ข้าขอถามได้หรือไม่...ท่านผู้เล่าขาน” วิญญาณตนหนึ่งยกมือขึ้นก่อนกล่าวด้วยเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำ ถึงจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความเด็ดเดี่ยว
“เชิญสาวน้อย” ผู้เล่าขานตอบพลางยิ้มให้วิญญาณดวงนั้น
“ถ้าข้าอายุครบ 100 ปี ข้าจะขอรูปลักษณ์ที่งดงามกว่ามงกุฎตะวันตกได้หรือไม่” วิญญาณดวงนั้นถามอย่างใคร่รู้ แต่ผู้เล่าขานกลับหัวเราะออกมาน้อย ๆ ก่อนจะตอบ
“ไม่ได้หรอกสาวน้อย มงกุฎตะวันตกเป็นวิญญาณตนเดียวที่ได้กลืนกินมนต์จันทราในช่วงที่ผลัดเปลี่ยนสถานะจากดวงวิญญาณกลายเป็นภูตอสูร ด้วยอานุภาพอันทรงพลังของมนต์จันทราเพียงอย่างเดียว ก็สามารถสร้างรูปลักษณ์ใหม่ให้งดงามจนเกินจะบรรยาย รวมทั้งเมื่อได้กลืนกินจอมปีศาจแห่งเสน่หาอย่างเวสเนียเข้าไป ก็ยิ่งทำให้ท่านผู้นั้นทรงเสน่ห์กว่าใครทั้งปวง...ฉะนั้นแล้วจึงไม่อาจมีผู้ใดที่สามารถงามกว่า และมีเสนห์ไปกว่าท่านผู้นั้นได้อีก” สิ้นคำของผู้เล่าขานก็เกิดเสียงพูดคุยออกความเห็นกันอย่างมากมาย
“ถ้าเช่นนั้น ข้าสามารถหามนต์จันทราได้จากที่ใด” ดวงวิญญาณหญิงสาวยังคงสงสัย รวมถึงวิญญาณดวงอื่นๆที่นั่งฟังอยู่ด้วย
“มนต์จันทรา ไม่ใช่แค่สิ่งที่หาได้ทั่วไป แต่เป็น...ดอกรัตติกาลแห่งผาไร้อาวรณ์” ผู้เล่าขานเพียงแค่พูดชื่อสถานที่แห่งนั้น ก็ทำเอาเหล่าวิญญาณที่ดูเลือนรางขนลุกซู่ไปทั้งตัว ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าผาไร้อาวรณ์นั้นเป็นที่ๆน่ากลัวที่สุดแห่งหนึ่งในยมโลก หน้าผาที่ยื่นออกไปสู่หุบเหวที่ลึกจนสุดหยั่ง ผู้ใดล่วงหล่นลงไปจะดิ่งสู่นรกขุมที่ลึกที่สุดโดยไม่อาจกลับขึ้นมาได้อีก...ชั่วอนธการ
ผู้เล่าขานกล่าวต่ออย่างจริงจังว่า “ข้าขอเตือนสำหรับผู้ที่ได้ฟังเรื่องราวนี้ และคิดจะไปที่แห่งนั้นเพื่อมนต์จันทรา คงต้องผิดหวังแล้ว...กว่าจะกลายเป็นมนต์จันทรา ดอกรัตติกาลต้องรับแสงจันทร์ริมผาไร้อาวรณ์เป็นเวลายาวนานถึงหนึ่งแสนปี จึงจะเปลี่ยนสภาพกลีบใบให้กลายเป็นผลึกอัญมณีสีม่วงที่เปล่งประกายและมิใช่ดอกรัตติกาลทุกดอกจะสามารถแปลเปลี่ยนเป็นมนต์จันทราได้ ถ้าพวกเจ้าดื่อดึงไปที่นั้น อาจพบจุดจบที่ไม่ดีนัก...อย่างไรวันนี้ก็ขอจบเรื่องเล่าเพียงเท่านี้ และขอให้พวกเจ้าโชคดี” สิ้นคำของผู้เล่าขาน เหล่าวิญญาณที่เลือนลางก็เริ่มล่องลอยออกจากห้องโถงแห่งนี้ โดยไม่วายที่จะซุบซิบกันอย่างออกรส
“ช่างเป็นคำเตือนที่ดียิ่งนัก” เสียงอันไพเราะของชายผู้หนึ่งกล่าว ขณะเดินเข้าสู่ห้องโถงสวนกับเหล่าวิญญาณมากมายที่ทยอยล่องลอยออกมา แต่วิญญาณพวกนั้นเป็นอันต้องหยุดนิ่ง ตกตะลึงไปกับความงามของชายผู้นี้ เขาเป็นชายหนุ่มที่งามจนผู้พบเห็นไม่อาจที่จะละสายตา
ผมสีดำเงางามยาวละต้นขา ส่วนบนถูกรวบเกล้าไว้ด้วยปิ่นสีทอง หัวปิ่นเป็นพระจันทร์ที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงาม เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วงชายแขน และชุดยาวละพื้น ชุดข้างในเป็นสีดำคอกว้าง ทำให้เห็นผิวเนียนอมชมพูที่ต้องแสงไฟดูน่าหลงใหล ช่างงามอย่างที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน
“ถวายบังคมพะยะค่ะ มงกุฎตะวันตก” ผู้เล่าขานกล่าวอย่างนอบน้อมพร้อมลงไปคุกเข่าในทันที เหล่าดวงวิญญาณเมื่อได้ยินเช่นนั้นเป็นอันต้องลดดวงวิญญาณตัวเองลงราวกับคุกเข่าเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกับราชาผู้งดงาม ทุกตนต่างรู้ซึ่งถึงคำที่ล่ำลือกันว่า งามยิ่งกว่างามนั้นเป็นอย่างไร พึ่งได้ประจักษ์ก็วันนี้
“ลุกขึ้นเถิด ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ชอบพิธีรีตอง” มงกุฎตะวันตกกล่าว เขาไม่ชอบการคำนับอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะยามที่ไม่ได้นั่งบนบัลลังค์ มันชวนให้เขารู้สึกอึดอัด ด้วยความที่เขาเคยเป็นดวงวิญญาณที่ค่อนข้างสมัยใหม่อยู่บ้าง จึงไม่ชินกับอะไรแบบนี้นัก
“ขอรับนายท่าน นายท่านมาหาข้าถึงนี้ด้วยเรื่องสำคัญกระมัง” ผู้เล่าขานกล่าวอย่างสุภาพ และใช้สรรพนามแทนมงกุฎตะวันตกตามที่ท่านต้องการ มงกุฎตะวันตกยิ้มให้เขาบางๆเป็นการบอกว่าแบบนี้ดีกว่า ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่าสำคัญมากทีเดียว
“เชิญทางนี้ดีกว่าขอรับนายท่าน” ผู้เล่าขานผายมือพร้อมเดินนำไปสู่ห้องด้านใน
“นิลกาลจงเฝ้าประตูไว้ อย่าให้ผู้ใดมารบกวนการสนทนานี้ได้” ก่อนที่ประตูจะปิดลงมงกุฎตะวันตกได้กล่าวกับบริวารที่ปรากฎตัวออกมาจากมุมมืดของห้อง
“ขอรับ” นิลกาลตอบรับ เขาเป็นชายใบหน้าเย็นชา แต่หล่อเหลา ดวงตาดำไร้ซึ่งแววขบขัน ผมสีดำสนิท สีผิวไม่เข้มมาก แต่ก็ไม่ขาวจนเกินไป ดูเป็นผู้ชายที่แผ่รังสีความน่ากลัวออกมาได้ขัดกับหน้าตา จนเหล่าวิญญาณที่ชะงักค้างในตอนแรกต่างรีบออกจากห้องโถงในทันที
“ท่านสีหน้าไม่ดีเลยนะขอรับ” ผู้เล่าขานถามมงกุฎตัวตกในทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทลง มงกุฎตะวันตกมาอย่างรีบร้อน แถมยังต้องปั้นหน้าต่อเหล่าวิญญาณนั้นอีก เขาเหนื่อยจนจะเป็นลมอยู่แล้ว
“เกิดเรื่องที่ร้ายแรงขึ้นแล้วนะสิ” แมวขาวตัวอ้วนกลมกระโดดขึ้นมานั่งบนโต๊ะกลางห้องกล่าวอย่างร้อนรน
“ท่านจันทกาล” ผู้เล่าขานโค้งให้จันกาลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทันได้พูดคุยว่าไม่ทันเห็นจันทกาลตอนมงกุฎตะวันตกเดินเข้ามา ก็เป็นอันต้องรีบพุ่งเข้าไปพยุงมงกุฎตะวันตกที่โงนเงนเหมือนจะเป็นลมเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ใยท่านถึงอ่อนแอได้ขนาดนี้ขอรับ ข้าน้อยว่าควรต้องรีบเรียกท่านเซทาจากวังกลางมาตรวจสอบนะขอรับ” ผู้เล่าขานตกใจอย่างมากกับอาการของมงกุฎตะวันตก เพราะราชาแห่งนรกนะหรือจะป่วย เป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้โดยแท้ ถ้าเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดแบบนี้ต้องเรียกเซทาหมอปีศาจจากวังกลางบริวารผู้เป็นดั่งมือซ้ายขององค์จักรพรรดิมาลาไคย์มารักษาเท่านั้น
“ไม่ได้! ข้าต้องการให้ท่านตรวจดูก่อน จะให้วังกลางรู้เรื่องนี้ไม่ได้” มงกุฎตะวันตกกล่าวอย่างร้อนรน เขากลัวที่สุดคือวังกลางจะมาแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่พบเรื่องที่เขาต้องการปิดซ่อนไว้จากองค์บิดรมากกว่า
“ข้าน้อยมีวิชาการรักษาเพียงตื้นเขิน เกรงว่าจะ...”
“ข้าเกรงว่าข้าจะครองพันธะสัญญา” มงกุฎตะวันตกกล่าวตัดบทผู้เล่าขานด้วยเสียงเรียบติดจะสั่นเล็กน้อย
ผู้เล่าขานอึ่งไปในทันที ก่อนจะพึมพำออกมาเหมือนพูดกับตัวเอง “บัญญัติจักรพรรดิ” ผู้เล่าขานเป็นผู้ปกครองแห่งตำหนักปกรณัม หรือเรียกอีกอย่างว่าหอสมุดรวมสรรพ ที่ๆรวบรวมเรื่องราวของทุกพิภพเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทพ ปีศาจ ภูต อมนุษย์ หรือมนุษย์ก็ตาม เขาจึงคาดเดาได้อย่าง่ายดายว่าการครองพันธะสัญญาของปีศาจหมายความว่ายังไง
“ท่านตรวจให้ข้าสักหน่อย ขอแค่แน่ใจว่าใช่ ข้าจะไปให้เซทาที่วังกลางตรวจ และจะแจ้งกับท่านพ่อด้วยตัวข้าเอง” มงกุฎตะวันตกกล่าวอย่างจริงจัง นี้คือสิ่งที่เขาตัดสินใจกระทำด้วยตนเอง ฉะไหนเลยจะไม่กล้ารับผิดเล่า
“ถ้าเช่นนั้นโปรดนั่งลงแล้ววางมือของท่านลงบนมือข้าน้อย” ผู้เล่าขานโบกมือให้เก้าอี้สองตัวเลื่อนมาหาเขา และมงกุฎตะวันตก ก่อนจะยื่นมือสองข้างออกมาเพื่อให้มงกุฎตะวันตกนำมือของตนมาวางอยู่เหนือมือของเขา
“การจะตรวจนั้นไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ข้าน้อยต้องหาตรวนแห่งพันธะสัญญาภายในจิตของท่านว่ามีการดึงดูดจิตวิญญาณของอีกฝ่ายมารวมกับจิตวิญญาณของท่านสร้างเป็นรูปร่างแล้วหรือยัง” สิ้นคำของผู้เล่าขาน ก็เข้าสู่ความเงียบ แมวอ้วนจันทกาลที่ดูร้อนลนจนอยู่ไม่ลุขก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจแล้วนั่งนิ่งอย่างกังวล
ผ่านไปเกือบชั่วโมงก็เริ่มมีไอสีทองเปล่งประกายออกมาจากช่องว่างระหว่างมือของมงกุฎตะวันตก และผู้เล่าขาน ก่อนที่แสงนั้นจะเริ่มมีประกายไฟปะทุออกมา จากเล็กน้อยเป็นปะทุราวกับระเบิด แล้วทั้งห้องก็ผลันกระจายเต็มไปด้วยละอองสีทองฟุ้งตลบอบอวลไปหมด
“ข้าน้อยคงต้องกล่าวว่า นายท่าน...กำลังครองพันธะสัญญาขอรับ” ผู้เล่าขานกล่าวอย่างช้าๆ เหมือนกลัวคนฟังตกใจ มงกุฎตะวันตกยิ้มเล็กน้อยขณะได้รับการยืนยันพลางลูบท้องตัวเองเบาๆ แต่จันทกาลกลับกลิ้งตกโต๊ะไปด้วยความตกใจถึงขีดสุด
“นายท่านดูยินดีเช่นนี้ ข้าน้อยก็คงต้องกล่าวว่า ยินดีด้วยนะขอรับ”
“ข้ายินดี แต่ก็ยังคงกังวลอยู่บ้าง” มงกุฎตะวันตกกล่าว
“เจ้าแน่ใจหรือ ตรวจดูอีกครั้ง ลองตรวจดูอีกสักครั้ง อาจผิดพลาดก็ได้” จันทกาลกล่าวอย่างกระวนกระวาย
“ไม่ผิดแน่ขอรับ ตามบัญญัติจักรพรรดิได้กล่าวไว้ เมื่อตรวจพบละอองสีทองที่เปล่งประกาย นั้นหมายความว่าตรวนแห่งพันธะสัญญาได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว” ผู้เล่าขานอธิบายอย่างจริงจัง
“จะเป็นลม” จันทกาลกลิ้งไปมาอย่างไปพอใจ พลางถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“บัญญัติจักรพรรดิถูกสร้างขึ้นเพราะชาวนรกเต็มไปด้วยกิเลส มักมากในตัณหา จึงไม่รู้ว่าสิ่งใดคือความรัก องค์จักรพรรดิจึงสร้างบัญญัติว่าด้วยตรวนแห่งพันธะสัญญา สิ่งที่ทำให้ชาวนรกรู้จักความรัก โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นเพศใด มันจะดึงบางส่วนจากจิตวิญญาณของเรากับคนรักรวมเป็นหนึ่ง มนุษย์เรียกว่าลูก แต่เราเรียกว่าตรวนแห่งพันธะสัญญา และด้วยความที่นายท่านเป็นฝ่ายตั้งครรภ์นั้นหมายความว่า นายท่านทอดกายให้บุรุษ นายท่านจะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียติของกษัตริย์ ตามจารีตที่องค์จักรพรรดิยึดถือ จารีตที่ได้รับมาจากสรวงสวรรค์ สิ่งที่นายท่านกังวลคงเป็นเรื่องนี้ใช่หรือไม่ขอรับ” ผู้เล่าขานถามมงกุฎตะวันตกอย่างสุภาพ โดยไม่หันไปสนใจจันทกาลที่ดูเหมือนจะสติแตกไปแล้ว
“องค์บิดรเกลียดชังอมนุษย์เป็นที่สุด การที่ข้าทิ้งชายผู้นั้นมาก็เพื่อไม่ให้เขาเป็นอันตราย แต่ยามนี้ข้ากลับมีบุตรที่เกิดจากเขา จะให้แต่งกับเขานั้นเป็นไปไม่ได้เลย” มงกุฎตะวันตกเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัดในประโยคสุดท้าย ไม่ว่าจะเตรียมใจไว้แค่ไหน แต่พอได้รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับใครก็อดที่จะหวั่นเกรงไม่ได้…
บัลลังค์ข้า สูงตระหง่าน ในกรงทอง
ไร้ซึ่งรัก ไร้ซึ่งทุกข์ ไร้ซึ่งปีกให้โบยบิน
ผลงานอื่นๆ ของ LunarC ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ LunarC
ความคิดเห็น