ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TWO? Part II Magical Faculty of Metropolitan University

    ลำดับตอนที่ #4 : Episode1 Act 4 : เทคน้อง

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 47


    9:00 ลานกิจกรรมชั้นดาดฟ้า คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมโทรโพลิแทน     

        

    คณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้แตกต่างจากสถานศึกษาอื่น คือรวมสายวิชาการเงินการบัญชี และการบริหารไว้กับวิชาเศรษฐศาสตร์ ผู้สนใจศึกษาในแต่ละสาขาต้องสอบสายตรงเข้ามา ยกเว้นสายวิชาเศรษฐศาสตร์ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกวิชาเอกได้ในปีสอง ลาลูนนั้นเลือกสอบตรงในสาขาวิชาเอกBusiness Economics(B.E.) ส่วนมิคาเอลเทียบโอนหน่วยกิตมาเรียนภาควิชาเศรษฐศาสตร์ สาขาวิชาเอกปริมาณวิเคราะห์ สายวิชานี้ว่ากันว่ายากมากขนาดรวมนักเรียนทุกชั้นปีแล้วยังมีไม่ถึงห้าสิบคน แต่ส่วนใหญ่ก็สามารถจบได้ในสี่ปี มีเพียงดาวมหาวิทยาลัยคนนี้เท่านั้นที่ตกหล่นมาถึงปีห้าได้ด้วยเหตุผลงี่เง่าเป็นที่สุด และสาเหตุส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอีกร่างของแม่ตัวแสบด้วย สำหรับฮิคารุ เมตาเลียม น้องแฟมคนใหม่ก็อยู่ในภาควิชาเศรษฐศาสตร์ สาขาวิชาเอกการตลาด



    การเลือกแฟมนั้นใช้วิธีโบร่ำโบราณที่เรียกกันว่า \"เกมวัดดวง\" นั่นเอง นักศึกษาปีหนึ่งทุกคนในคณะต้องจับฉลากเลือกรหัสรุ่นพี่ปีสองโดยไม่แบ่งแยกภาคหรือสาขาวิชาเอก และเลี้ยงดูกันไปจนจบการศึกษา บางแฟมผูกพันยาวนานจนแต่งงานแต่งการแล้วก็ยังไปมาหาสู่ บางแฟมก็เกิดความรักข้ามรุ่นขึ้นจนร่วมหอลงโลงกันไปหลายราย แต่ไม่เคยมีแฟมไหนในประวัติศาสตร์นับแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย จะมีอาถรรพณ์อย่างหญิงสาวผมทองคนนี้…



    คู่หนุ่มสาวที่เพิ่งตกลงเป็นแฟนกันเมื่อเช้า พร้อมใจดันหลังน้องใหม่ผมชมพูออกรับแสงสว่างจัดจ้ายามสาย ภายใต้การต้อนรับของเหล่าว้ากเกอร์หน้าโหด ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับชายขึ้นมาเสมอศอกสีดำสนิท ชายเสื้อเก็บเรียบร้อยในขอบกางเกงยีนส์ยาวพอดีข้อเท้า คาดเข็มขัดหนังฉลามสีดำเช่นกันซึ่งว่ากันว่า เข็มขัดสีนิลนี้ยิ่งเก่าแก่ยิ่งแสดงความเข้มขลังของผู้สวมใส่ เนื่องจากผู้ที่จะเป็นว้ากเกอร์ได้นั้น ต้องได้รับการสืบทอดเข็มขัดมาจากรุ่นก่อนที่จบการศึกษา หรือบรรลุถึงแก่นแท้ของชีวิต บำรุงรักษาจิตใจให้หายโรคจิต กลับตัวกลับใจไม่กลั่นแกล้งเด็กหน้าอ่อนผู้เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา หากปีใดมีคนโรคจิตมากกว่าคนอยากสละตำแหน่ง ผู้นั้นต้องเข้ารับการฝึกหฤโหดที่เรียกกันว่า \"หน่วยซีล\"(SEAL) หากผ่านการทดสอบก็จะสามารถหาซื้อเข็มขัดสีเดียวกัน หนังเดียวกันมาสวมใส่และเข้าร่วมทีมรวมพลคนรักSMในปีถัดไปได้



    \"ถ้าน้องปีนี้ดื้อนักก็ตัดรุ่นไปเลยนะ\"

    ลาลูนพูดยิ้มๆกับเพื่อนชายในเอกที่ยืนต้อนรับรุ่นน้องอยู่หน้าประตูออกสู่ดาดฟ้า มือขวาถือมอร์นิ่งสตาร์อย่างหลวมๆ มือซ้ายสวมสนับมือมีหนามแหลมคม



    \"เหมือนปีที่แล้วที่เธอเกือบทำให้พวกเราโดนลอยแพใช่มะ?\"

    อีกฝ่ายแสยะปากพลางปรายตามองรุ่นน้องของแม่ตัวแสบด้วยสายตาอาฆาต เมื่อนึกถึงวีรกรรมของหญิงสาวที่อาจหาญฝ่าฝืนคำสั่งรุ่นพี่ในการเล่นเกม \"จูบทางอ้อมผ่านขนมปังหนึ่งแผ่น\" โดยการส่งว้ากเกอร์สามคนเข้าศูนย์พยาบาล จนรุ่นพี่คนอื่นๆถึงกับสั่งตัดรุ่นชั่วคราว และสาวผมทองก็แก้ไขด้วยการขู่กรรโชกพวกโรคจิตเหล่านั้นด้วยอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ พอให้กระดูกหักชิ้นสองชิ้นโดยไม่อาจเอาผิดเจ้าหล่อนได้ เพื่อนร่วมรุ่นอีกสองร้อยเก้าสิบเก้าคนจึงสามารถมีรุ่นมีแฟมเหมือนคณะอื่นๆในปีการศึกษาเดียวกัน และวีรกรรมครั้งนั้นทำให้แม่สาวร่างเล็กแต่ใจใหญ่คนนี้ กลายเป็นเจ้าแม่ประจำคณะไปโดยปริยาย



    \"ใช่แล้ว…ตามสบายเลยนะ ฉันมั่นใจว่าปีนี้  ก็มีตัวแสบๆไม่แพ้ฉันหรอก\"    

    ร่างเล็กกระทัดรัดยิ้มยิงฟันขาวสะอาดก่อนเดินกลับไปโดยมีร่างสูงโปร่งตามติดๆ และเมื่อทันกันก็มีการเขกกะโหลกฝ่ายหญิงเสียหนึ่งที จากนั้นก็ได้ยินเสียงแว้ดๆไปตลอดทางจนถึงชั้นล่าง



    9:10 ห้องโถงชั้นล่าง คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมโทรโพลิแทน

        

    \"จะไปไหนต่อ?\"

    เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงชวนหลงใหลถามเสียงขุ่น ด้วยยังอารมณ์ค้างจากการทะเลาะเบาะแว้งที่หญิงสาวไปก่อศัตรูให้น้องแฟมคนใหม่โดยไม่จำเป็น และจบลงโดยหยุดถกเถียงกันก่อนโทสะจะปะทุจุดเดือด จนต้องลงไม้ลงมือให้ตกบันไดตายไปข้าง



    \"ไปเอาของที่ตึกเก่า\"

    สาวนัยน์ตาสีฟ้าสดเดินนำไปยังตึกอิฐแดงอันเก่าแก่ ตึกเรียนที่หญิงสาวใช้มาตลอดตั้งแต่ปีหนึ่ง และยังไม่รู้ว่าบัดนี้ได้โอนกรรมสิทธิ์เป็นของคณะอื่นเรียบร้อยแล้ว



    \"นั่นสินะ…ต้องเอาหนังสือเรียนให้น้องด้วยนี่นา\"

    เมื่อมิคาเอลนึกเรื่องสำคัญซึ่งเป็นหนึ่งในระเบียบการเทคแคร์ขึ้นมาได้จึงหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง และมุ่งหน้าตามไปยังประตูหลังของตึกเก่า แต่เมื่อทั้งสองเดินผ่านรั้วดอกไอริสซึ่งไม่เคยมีมาก่อนเพียงก้าวเดียวเท่านั้นก็พากันชะงักงัน



    สัมผัสบางอย่างในบรรยากาศร้อยเมตรรอบตึกเรียนเก่าแก่ทำให้สองหนุ่มสาวมองตากันโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงเสมองรั้วสีม่วงสดซึ่งรายรอบเป็นวงกลมตึกเรียนสีชาดนี้ หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวแยกย้ายกันเดินเลียบรั้วดอกไอริสจนไปบรรจบกันอีกครั้งตรงประตูหน้า มองตากันโดยปราศจากวาจาเป็นช่วงเวลาลมพัดดอกฟูจิสีเดียวกับรั้วธรรมชาติร่วงลงสู่พื้นดินจึงพูดออกมาพร้อมกัน

    \"ใครมากางเขตอาคมไว้ที่นี่!!\"



    เมื่อสายลมพัดดอกฟูจิร่วงหล่นอีกครั้ง…

    บุรุษผมทองก็สังเกตเห็นป้ายศิลาเก่าแก่จารึกตัวอักษรอ่านได้ใจความว่า \"คณะเวทมนตร์ศาสตร์\"



    อาการนิ่งงันดั่งถูกสาปด้วยมนต์เมดูซ่านั้น ทำให้สาวผมทองหันศีรษะตามสายตาอีกฝ่ายบ้าง และเมื่อเจอสิ่งนั้นก็นิ่งงันชั่วขณะ ก่อนอ่านออกเสียงคำจารึกด้วยหมึกสีทองช้าๆ

    \"คณะ เวทมนตร์ ศาสตร์\"



    เมื่อสายลมพัดดอกฟูจิมาหล่นลงบนศีรษะหญิงสาว…

    \"ฉันไม่มีทางจำตึกเรียนผิดแน่ สถานที่ก็ถูกต้อง แต่ป้ายนี่มันอะไรกัน\"

    สติหญิงสาวกลับคืนมาและเริ่มต้นโวยวาย แต่ชายหนุ่มที่คืนสติแล้วเช่นกันหุบปากอีกฝ่ายด้วยสายตา



    \"ฉันก็ว่าไม่ผิดหรอก แต่เพื่อความแน่ใจควรเข้าไปข้างใน\"

        

    บัดนี้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทั้งสองซึ่งห่างหายจากมหาวิทยาลัยไปตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ไม่ได้รับรู้เรื่องการเข้ามาของคณะแห่งมนตรานี้เลย น่าแปลกที่ไม่มีใครบอกคู่นี้ว่า ทางคณะได้ประกาศให้นักเรียนขนย้ายข้าวของจากล็อคเกอร์ไปตึกใหม่ให้เสร็จสิ้นตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว



    แต่ถึงรู้…

    ลาลูนก็ต้องเข้ามายังคณะนี้อยู่ดี เพราะของที่พี่แฟมสั่งให้มาเอานั้น คงไม่มีใครใจดีหยิบออกมาให้ด้วยแน่ และถึงมีคนหวังดี คนผู้นั้นก็คงไม่ทราบสถานที่เก็บแน่นอน



    ทั้งสองก้าวช้าๆเข้าไปในอาคารเรียนซึ่งเคยเป็นของคณะตนจนถึงกลางเดือนที่แล้ว ไฟอาคารซึ่งสว่างไสวอยู่เสมอเมื่อเปิดเทอมมืดสนิทสมเป็นที่เก็บเอกสารและห้องพักอาจารย์ร้างผู้คน แต่แสงอาทิตย์ยังสามารถส่องผ่านประตูหน้าเข้ามาได้บ้าง คู่หนุ่มสาวจึงสามารถก้าวเดินได้โดยไม่ต้องหาไฟฉายจนถึงห้องล็อคเกอร์รวม และหยิบข้าวของตนเองออกมา



    ณ ห้องนี้…

    ทั้งสองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอาคมกับดัก และขอบเขตเวทย์ป้องกันล้อมรอบตู้ทุกบานที่ไม่ใช่ของตนเช่นกัน  



    \"ฉันต้องไปเอาของที่พี่แฟมทิ้งไว้ให้ด้วย\"

    ลาลูนพูดสั้นๆ ก่อนหอบหิ้วของพะรุงพะรังนำไปโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะตามมาหรือไม่ แน่นอนว่ามิคาเอลไม่มีวันอยู่คนเดียวในบรรยากาศไม่คุ้นเคยเช่นนี้แน่ จึงเดินตามต้อยๆไปโดยไม่รู้จุดหมาย และอีกฝ่ายก็เดินดุ่มๆโดยไม่มองสิ่งแวดล้อมอันแสนคุ้นเคย ผิดแต่บรรยากาศอันแปลกประหลาดจนถึงชานพักบันไดชั้นสาม



    เมื่อฝ่ายชายตามมาถึง หญิงสาวก็วางของ และเหยียบขอบหน้าต่างตรงชานพักนั้น เพื่อยืดมือให้ถึงฝ้าเพดานเตี้ยๆ แล้วความสงสัยของหนุ่มผมทองก็กระจ่างเมื่อแม่ตัวแสบทลายฝ้าผุๆนั้นด้วยกำปั้นพลังช้างสาร จากนั้นข้าวของสองสามอย่างก็ร่วงหล่นลงมา…



    หญิงสาวหยิบมาปัดฝุ่นทีละชิ้นอย่างเบามือ ของปริศนานั้นเป็นหนังสือเรียนวิชาบังคับของเอกหล่อนหนึ่งเล่ม เมื่อกรีดหน้าหนังสือไล่ฝุ่นเพียงครั้งเดียว ปอยผมจำนวนมากก็ร่วงหล่นลงมา เส้นผมสีดำสนิทเหล่านั้นยาวสยายและนุ่มเหมือนเส้นไหม พี่แฟมคงใช้ผมของแฟนสาวคั่นหนังสือกระมัง



    หลังเก็บรวบรวมเส้นผมไว้เป็นกองเดียวกันแล้ว หญิงสาวก็พิจารณาออแกไนเซอร์ลายน่ารักหนาเตอะเป็นรายการต่อไป เมื่อเปิดคร่าวๆก็พบว่าข้างในอัดแน่นไปด้วยรูปสติ๊กเกอร์ของพี่แฟมกับแฟนที่ถ่ายคู่กันนับร้อยรูป น่าแปลกที่อัลบั้มติดสติ๊กเกอร์หน้าสุดท้ายเป็นศูนย์รวมคนในแฟมตัวเอง ลาลูนมีโอกาสเห็นหน้าปู่แฟมวิปริตเป็นครั้งแรก หน้าตาก็ดูดีมีเสน่ห์เช่นฆาตกรโรคจิตทั่วไป และยังได้เห็นทวดซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักด้วย แต่รูปที่สะดุดตามากสุดคงเป็นภาพถ่ายคู่ของตนกับพี่แฟมนั่นล่ะ หญิงสาวจำไม่ค่อยได้หรอกว่าเลือกกรอบนี้ไปได้อย่างไร หัวใจลูกโป่งกับกามเทพสีชมพูพรรค์นี้เนี่ยนะ…คงเป็นหนึ่งในชุดสิบหกแอ๊คชั่นที่พี่แฟมเลือกนั่นแหละ



    สำหรับของปริศนาชิ้นสุดท้าย หลังจากพินิจภายนอกอยู่นาน แม่สาวผมทองก็ตัดสินใจไม่เปิดสมุดสเก็ตช์สีน้ำตาลซึ่งผ่านการใช้งานมายาวนาน จนขอบเหลี่ยมคมลบเลือนไปหมดแล้วเล่มนั้น หญิงสาวไม่อยากคิดว่าจะเจออะไรที่มากไปกว่าเส้นผมหรือรูปถ่ายอีก แค่หนังสือที่ต้องการและเอาของส่วนตัวพวกนี้ไปมอบให้พี่แฟมก็คงจบสิ้นกันเสียที ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่นักเรียนดีเด่น สติปัญญาล้ำเลิศในรุ่น เจ้าหล่อนคงไม่ดั้นด้นมาเอาหนังสือและหาของพวกนี้ไปมอบให้หรอก



    \"ฉันต้องเอาของพวกนี้ไปให้พี่แฟมก่อน รับรองว่าจะกลับมาให้ทันเที่ยง\"

    ลาลูนนัดสถานที่กับมิคาเอลซึ่งอาสาอยู่คอยน้องแฟมเสร็จพิธีว้ากครั้งปฐมฤกษ์ จะได้เริ่มการเทคครั้งแรกด้วยการเลี้ยงข้าวตามสูตร และขับรถไปส่งที่บ้านตามระเบียบ จากนั้นก็รีบลิ่วออกไปพร้อมข้าวของประดามี ดูๆไปไม่ผิดคนบ้าหอบฟางขนานแท้ ส่วนชายหนุ่มก็หอบของไม่กี่ชิ้นไปใส่ล็อคเกอร์ที่ตึกใหม่ แล้วกลับไปนั่งรอน้องใหม่กับเพื่อนๆที่ห้องโถงชั้นล่าง



    13:00 Canteen01 - โรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์



    \"แคนทีนศูนย์หนึ่ง\" คือหนึ่งในโรงอาหารหลายสิบแห่งทั่วมหาวิทยาลัย ทุกแห่งจะเรียกว่า \"แคนทีน\" และมีลำดับเลขหมายไว้ เบอร์01-09คือโรงอาหารที่ใหญ่สุดซึ่งสามารถจุคนได้นับพัน และมีร้านอาหารให้เลือกสรรนับร้อย



    และอาหารขึ้นชื่อของแคนทีน01นี้ก็คือ โครอกเกะมันฝรั่งยัดไส้ซอสครีมเห็ดกับทาโกะยากิ…

    สองจานนี้เป็นที่ชื่นชอบของเจ้าแม่ประจำคณะมาก ถึงขนาดวันไหนอยากกินสามารถไปจองไว้ตั้งแต่เช้าได้เลย เนื่องจากเด็กคณะอื่นก็อยากลิ้มลองจึงหมดก่อนเที่ยงประจำ แน่นอนว่าวันแรกที่กลับมาเหยียบคณะ หญิงสาวก็ต้องรี่ไปจองก่อนเรียบร้อยแล้ว



    เที่ยงตรงปุ๊บ เหล่าว้ากเกอร์ใจโหดก็ปล่อยน้องปั๊บ แต่กว่าฮิคารุจะเยื้องย่างตามฝูงชนลงมาจากดาดฟ้าชั้นสิบแปดก็กินเวลาไปครึ่งชั่วโมง และใช้เวลาอีกสิบนาทีในการตามหาตัวน้องใหม่ผมชมพูคนนี้ และจูงมือไปยังโรงอาหารในสภาพที่เด็กสาวจะหลับมิหลับแหล่



    โชคดีที่สาวๆในแฟนคลับของเทพบุตรแห่งM.U.จองโต๊ะประจำไว้ให้แล้ว ชายหนุ่มจึงสามารถนั่งคอยที่นัดหมายกับน้องแฟมปีสองได้สำเร็จ แต่เลยเวลานัดไปแล้วหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวซึ่งมักจะได้ฉายา \"นางมารสายฉิวเฉียด\" จากการวิ่งเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์สามนาทีตลอดปีหนึ่งก็โผลเผลมาถึงโต๊ะประจำในสภาพเหมือนโดนรุมโทรมมา



    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    ฮิคารุเบิกตาอันง่วงงุนขึ้นมองพี่แฟมอย่างแปลกใจนิดๆกับสภาพแสนโทรมนั้น ก่อนก้มหน้านิ่งต่อไป โดยไม่แตะต้องไก่ทอดที่ทวดแฟมอุตส่าห์ใช้รอยยิ้มทรงเสน่ห์ลัดคิวสาวๆซื้อมาให้



    แต่มิคาเอลไม่เพียงทำตาโตกับสภาพของแฟนสาวหมาดๆแน่ ชายหนุ่มกระชากร่างเล็กบางให้นั่งลงเคียงข้างแล้วถามเสียงห้วนสั้น

    \"ไปทำอะไรมา สภาพยังกับผีลืมหลุม\"



    \"เอาของให้พี่แฟมแล้วโดนยื้อตัวไว้\"

    ลาลูนตอบเสียงแหบระโหย แต่เมื่อฟาดอาหารเรียกน้ำย่อยของน้องแฟมเกลี้ยงในหนึ่งนาทีก็มีชีวิตชีวาอีกครา ก่อนถลาไปหาซื้ออาหารมานับสิบอย่าง แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ลืมโครอกเกะของโปรดอยู่แล้ว และตอนนี้เองที่เจ้าหล่อนได้สร้างเส้นเลือดขอดบนขมับสตรีนางหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ



    \"ป้าคะ โครอกเกะที่สั่งไว้ค่ะ\"

    สาวร่างเล็กกระเพาะสุกรตะโกนสั่งเสียงลั่นโดยไม่สนใจคิวยาวเหยียด โดยเฉพาะการเบียดสาวร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลยาวประบ่า ดวงตาสีนิลเย่อหยิ่งตวัดมองด้วยความไม่พอใจในกิริยาไร้มารยาทของคนเตี้ยกว่าที่บังอาจลัดคิวมาแซงคนหน้าสุดอย่างตนได้



    สายตาคมปลาบราวผู้ดีตีนแดงนั้นคงมีพลังมากจนสาวผมทองรู้สึกได้ จึงหันกลับมาจ้องมองอย่างไม่ยอมแพ้กัน พลันนั้นสาวร่างเล็กก็อมยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง สร้างรอยริ้วแดงแฉดตรงขมับซ้ายคู่กรณีอย่างง่ายดาย



    ก็น่าเห็นใจอาการอดขบขันไม่ได้ของแม่ตัวแสบอยู่หรอก ในเมื่ออีกฝ่ายสวมชุดกระโปรงกำมะหยี่แขนล้ำ ชายยาวคลุมข้อเท้า เนื้อผ้าทอลายตารางหมากรุกด้วยด้ายชมพูและฟ้าอย่างสีพาสเทล แถมสวมหมวกปีกกว้างสีดำสนิทในที่ร่มติดแอร์เย็นฉ่ำเช่นนี้ด้วย อายุอานามนั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ปีหนึ่ง แต่มาจากคณะไหนนั้นสาวแสบไม่คิดจะใส่ใจสักนิด และไม่ฉุกใจสักน้อยถึงคณะเวทมนตร์ศาสตร์ที่เพิ่งไปเหยียบมาก่อนเที่ยง



    \"ตกลงจะสั่งอะไรคะ\"

    เสียงดุๆของป้าเจ้าของร้านเรียกสติสองสาวกลับมา ลาลูนซึ่งจ่ายเงินเรียบร้อยแต่เช้าแล้วก็ยกโครอกเกะสองจานกลับโต๊ะ ขณะคู่กรณีตัดสินใจสั่งอย่างเดียวกับสาวแสบหลังจากนิ่งอึ้งไปอีกสิบนกกระจอกกินน้ำ และเส้นเลือดก็ปูดตรงขมับขวาอีกข้างเมื่อคุณป้าบอกว่าหมดแล้ว จานที่สาวผมทองยกไปนั้นคือชุดสุดท้าย



    ความสนใจสุดท้ายของแม่สาวนัยน์ตาสีฟ้าสดนั้นคือภาพแม่สาวเอวบางร่างสูงโปร่ง แต่งตัวพิลึกกึกกือ ถอดหมวกออก และเดินสะบัดไปนั่งยังโต๊ะที่ไม่ไกลจากกลุ่มตนนักโดยปราศจากอาหารในมือ



    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    \"ไม่กินล่ะ?\"

    สาวผมทองซอยสั้นแค่ก้านคอถามเด็กสาวผมชมพูที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง ไม่แม้แต่จะดื่มน้ำเปล่าที่ทวดบรรจงรินให้



    \"กินมังสวิรัติเหรอ?\"

    บุรุษผมสีข้าวสาลีสุกปลั่งถามบ้างเมื่อคุณน้องยังนิ่งเงียบ



    คราวนี้เด็กสาวพยักหน้าน้อยๆ และเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงใสเหมือนเด็กประถม

    \"กินเนื้อหมูกับปลาได้บ้าง แต่สัตว์ปีกกับของทะเลกินไม่ได้เลยค่ะ\"



    \"งั้นก็กินวาคาเมะซุปไม่ได้สินะ น่าเสียดายจัง\"

    พี่แฟมจอมตะกละกล่าวก่อนหยิบถ้วยซุปเต้าเจี้ยวใส่สาหร่ายที่ขนมาให้คนในโต๊ะกินแทน



    \"เอ่อ…พืชน้ำกินได้ค่ะ\"

    กว่าสาวน้อยผมหยักศกนิดๆ เป็นลอนสวยงามจะกล่าวจบ ทั้งเต้าหู้ และสาหร่าย รวมถึงน้ำ ก็ลงกระเพาะอันไม่มีวันเต็มของแม่ตัวแสบหมดแล้ว



    \"กินหมดแล้วน่ะ เอานี่ไปแทนละกัน อร่อยนะ ไม่มีเนื้อสัตว์เลย\"

    สาวผมทองคลี่ยิ้มเมื่อประเคนโครอกเกะที่ยังไม่ได้แตะต้องให้น้องใหม่ ทำเอานัยน์ตาสีม่วงสดของชายหนุ่มหนึ่งเดียวในโต๊ะเบิ่งกว้าง ด้วยความประหลาดใจที่จอมตะกละยอมสละของโปรดให้คนอื่นทั้งจาน แต่ก็น่าปลาบปลื้มใจที่เด็กสาวยอมกินจนหมด ชายหนุ่มจึงประเคนข้าวห่อไข่ให้บ้าง และคุณน้องก็รับประทานแต่โดยดี แม้จะเชื่องช้าและอ้อยสร้อยก็ตาม แต่ก็เสร็จทันแม่ตัวแสบที่ฟาดก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับ ข้าวหน้าหมูเกาหลี และโครอกเกะอีกหนึ่งจานที่แบ่งกินกับทวดของหนูปีหนึ่งโดยดี…



    To be continued...



    อภิธานศัพท์



    แฟม - Family = ครอบครัว ในที่นี้หมายถึงคนต่างชั้นปีที่รวมตัวกันด้วยเลขรหัสท้ายสี่ตัวเหมือนกัน หรือจับฉลากได้คู่กันรุ่นต่อรุ่น

    ส่วนม.ที่คนแต่งเรียนน่ะรึ แต่ละคณะก็มีวิธีคัดสรรต่างกันไปค่ะ แต่ไม่มีคณะไหนใช้หมวกมาเลือกแฟมหรอก



    พี่แฟม - รุ่นพี่ปี2



    พ่อ/แม่แฟม - รุ่นพี่ปี3



    ปู่/ย่าแฟม - รุ่นพี่ปี4



    ทวดแฟม - รุ่นพี่ที่เกินสี่ปี พบเห็นได้มากมายในคณะเภสัช สัตวแพทย์ แพทย์ศาสตร์ สถาปัตย์ วิทยาบางสาขา วิศวบางรายที่ชอบW or Iมากกว่าเกรดปกติ



    ว้าก(V.)/ว้ากเกอร์(N.) - การสอนน้องร้องเพลงด้วยเสียงอันดัง/กลุ่มคนโรคจิตชอบข่มขู่ผู้อ่อนแอกว่าด้วยกิริยาและวาจาโดยอ้างประเพณีทำความคุ้นเคยกับรุ่นน้อง



    เทค - การที่รุ่นพี่ในแฟมต้องดูแลเอาใจใส่ แต่ปล่อยรุ่นน้องให้ว้ากเกอร์กลั่นแกล้งตามยถากรรมแล้วค่อยมาปลอบใจภายหลัง

    การดูแลส่วนใหญ่เน้นเลี้ยงข้าว เลี้ยงขนม หากอยู่หอต้องเลี้ยงเครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม ส่งมอบหนังสือที่รุ่นน้องต้องใช้ให้ มอบเลคเชอร์สำคัญๆ แนะแนวการลอกข้อสอบอย่างมีประสิทธิภาพ บลาๆๆ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×