คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 "Threat"
4
ขยี้ตารอบที่หนึ่ง...
ขยี้ตารอบที่สอง...
ขยี้ตารอบที่...
“จะขยี้อีกกี่ครั้งฉันก็ไม่หายไปไหนหรอกน่ะ"
“นะนะนะนาย!! O_O” ฉันตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจหลังจากที่เข้าใจชัดเจนแล้วว่าผู้ชายตรงหน้ามีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่แค่ฉันจินตนาการไปเอง ซัมเมอร์แห่งมหาวิทยาลัยโฮลี่ครอส ยืนกอดอกพิงกำแพงตรงทางเข้าสตูดิโอที่ฉันกำลังจะมาทำงาน เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทลำลองสีฟ้าอ่อน แถมใส่หมวกสานทรงเฟดอร่าสีขาวดูเข้ากั๊นเข้ากันกับชุดทั้งหมด ตอนแรกที่ฉันเดินเข้ามามองจากหางตาแล้วนึกว่าเขาเป็นพวกนายแบบที่มาทำงานด้วยกันวันนี้ซะอีก ไม่สิๆ คิดแบบนั้นเหมือนฉันชมเขาทางอ้อมชัดๆ -_-
“ฉันไม่ให้เงินนายหรอกนะ!” ฉันรีบโพล่งออกไป ส่วนเขาก็หัวเราะด้วยท่าทีสบายๆและเดินเข้ามาหาฉันราวกับเราสนิทสนมกันอย่างนั้น
“ฉันไม่ได้มาทวงเงินวันนี้"
“แล้วนายมา...”
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงน่ะสิ O_O”
“ฉันไม่ให้เงินนายหรอก -_-”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้มาทวงเงิน =_=”
“แล้วนายมา...”
“บอกแล้วไงว่าคิดถึง" เขาตอบหน้าตายก่อนจะลากฉันไปที่ลิฟต์ของตึก ฉันพยายามยื้อฉุดตัวเองไว้แต่ก็ไม่เป็นผล อีกอย่างฉันต้องไปชั้นห้าอยู่แล้ว นัดกองถ่ายไว้กำลังจะสายแล้วเนี่ย -_-
“คิดถึงอะไร อยากได้เงินล่ะสิไม่ว่า"
“เห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย" ซัมเมอร์บ่นพึมพำก่อนจะลากฉันเดินเข้าไปในลิฟต์ แถมยังกดชั้นห้าหน้าตาเฉยอีกต่างหาก เขารู้...เขารู้ได้ไง O_O!
“นี่นายแอบสะกดรอย...”
“เคยมีคนบอกเธอรึเปล่าว่าเธอเป็นคนที่มีใบหน้าแบบที่มองแล้วลืมไม่ได้น่ะ" เขาหันมาสบตาฉันสีหน้าจริงจัง ในขณะที่ฉันแค่กระพริบตาปริบๆมองเขาและพยายามประมวลคำพูดทั้งหมด ใบหน้าแบบที่มองแล้วลืมไม่ได้...มัน...มันหมายความว่ายังไง
“นายจะซับซ้อนไปไหน ขอแบบสั้นๆเข้าใจง่ายๆได้มั้ย =_=”
“แปลให้ฟังคือฉันหลับตาและเห็นแต่หน้าเธอมาสามคืนติดแล้ว (' ')"
“...”
“พูดจริงๆนะ"
“อย่านะ อย่ามาตกหลุมรักฉัน ผู้ชายอย่างนาย...”
“นี่ หมายความว่ายังไงฮะผู้ชายอย่างฉันเนี่ย" เขาพูดและโยกหัวฉันเบาๆอย่างหยอกล้อ
นี่เราไปสนิทสนมอะไรกันขนาดนั้นฮะ! -O-
“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าฉันตกหลุมรักเธอ ฉันแค่...ไม่รู้สิ ลืมหน้าเธอไม่ลง" ซัมเมอร์ตวัดสายตามามองฉันอีกครั้งด้วยแววตาจริงจัง และสายตาแบบนั้นทำเอาฉันสะดุ้งและเผลอขยับตัวหนีอย่างประหม่า เขามันเสือผู้หญิง จอมเจ้าชู้ เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าจะพูดยังไงให้อีกฝ่ายหวั่นไหวได้ขนาดนี้ ตะตะ...แต่ไม่ได้แปลว่าฉันหวั่นไหวหรอกนะ!
“นาย...คิดถึงแต่เงินซะมากกว่า" ฉันอึกอักรีบพูดแก้เขิน
“นี่ ไปเช็คนามสกุลฉันดีๆหน่อย ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่เงินขนาดนั้นหรอกน่ะ"
“งั้นนายจะมาบีบเค้นเอาเงินจากฉันทำไมล่ะ!”
“บอกแล้วไงว่าหมั่นเขี้ยวว~” เขาพูดแถมยังเอามือมาหยิกแก้มฉันเบา แบบสนิทสนมอีกแล้ว! ฉันปัดมือเขาออกก่อนจะหันไปถลึงตาทำท่าจะตีเขา
“คิดว่าสนิทกันเหรอไงฮะ!”
“อ้าว เราไม่ได้สนิทกันเหรอ O_O”
“ไม่น่ะสิ!!”
“นึกว่าเธออยากได้ฉันเป็นแฟนซะอีก"
การที่เอาเขาไปแอบอ้างเป็นแฟนนี่เหมือนรอยด่างในชีวิตฉันเลยนะ มันน่าเจ็บใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าตัวเอามาพูดได้อย่างหน้าระรื่นแบบหลงตัวเองสุดๆแบบนี้ ฉันจิ๊ปากใส่เขาก่อนจะเดินหนีออกมาจากลิฟต์และเข้าไปในห้องสตูดิโอที่นัดไว้ เดี๋ยวพี่ๆสต๊าฟฟ์ก็กันเขาไปที่อื่นเองล่ะ คนนอกน่ะเข้ากองถ่ายไม่ได้
วันนี้ฉันมีมาถ่ายโฆษณาภาพนิ่งของนมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่งของญี่ปุ่นที่บริษัทเจ้าหนึ่งในไทยกำลังนำเข้ามา และรูปของฉันจะถูกใช้เป็นโฆษณาแรกที่ใช้ติดตามรถไฟใต้ดิน รถประจำทาง รถไฟฟ้าและน่าจะเป็นป้ายโฆษณาตามซุปเปอร์มาร์เกตด้วยล่ะมั้ง ค่าจ้างสำหรับงานนี้น่ะเยอะสุดๆ แต่...อย่างที่ทุกคนรู้ดีน่ะล่ะว่าแม่ฉันกำลังจะตกแต่งร้านอาหารที่ภูเก็ตมั้ยอีกแล้ว ฉันเพิ่งรู้งบประมาณของแม่มาวันก่อน และก็ได้แต่ถอนหายใจ...ต่อให้มีโฆษณาดีๆเข้ามาอีกกี่ตัวฉันก็คงไม่มีทางหาเงินให้แม่ได้พอ
“ไอรีน พี่กำลังโทรตามอยู่เลย O_O” พี่กฤษณ์ เอเจนซี่ของฉันเดินมาหาด้วยท่าทีตกใจ "ไปๆ รีบไปแต่งหน้าทำผมดีกว่า"
“รถติดนิดหน่อยน่ะค่ะ" ฉันตอบไปตามความจริงก่อนจะหันไปมองซัมเมอร์ที่ยังเดินตามติดเหมือนเงาตามตัว "นายจะไปไหนก็ไปๆ"
“อ้าว วันนี้ไอรีนพาใครมาด้วยเนี่ย"
“ไม่รู้ค่ะ -_-” ฉันตอบเสียงห้วนๆในขณะที่ซัมเมอร์ยิ้มกว้างและแนะนำตัวกับพี่กฤษณ์เรียบร้อย
“ซัมเมอร์ครับ เป็นเพื่อนของไอรีน วันนี้ผมมารับมาส่งเขา"
โกหก! ฉันแยกเขี้ยวใส่เขา ส่วนพี่กฤษณ์ก็พยักหน้าตามมารยาทไม่ได้พูดอะไร "ที่แท้ไอรีนมีแฟนแล้วนี่เอง พี่ก็ว่า...ทำไมพวกวงไนท์จีบแล้วไอรีนไม่สนใจเลย"
“ไม่ใช่แฟน!” ฉันรีบแย้งและหันไปมองซัมเมอร์ที่ยิ้มอย่างได้ใจ
“เหรอ?”
ดูเขาสิ กวนประสาทชะมัด =_=
“ไปแต่งหน้าเถอะค่ะ" ฉันบอกพี่เอเจนซี่หน้ามุ่ยก่อนจะเดินดุ่มๆไปหาช่างแต่งหน้าที่มารออยู่แล้ว ซัมเมอร์ไม่ได้เดินตามมา เขากลับเดินวนรอบๆกองถ่ายราวกับตัวเองเป็นคนในนี้อย่างนั้น ขอให้พี่ๆสต๊าฟฟ์คนใดคนหนึ่งไล่เขาออกไปเร็วๆเหอะ
คอนเซปนมเปรี้ยวยี่ห้อนี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ฉันใส่ชุดกระโปรงสีขาวหวานๆ และถือนมเปรี้ยว เอียงซ้ายเอียงขวา ยิ้มไปยิ้มมาก็จบแล้ว เพราะมันเป็นภาพนิ่งถึงได้ไม่มีปัญหาอะไรยังไงล่ะ ฉันนั่งให้พี่ช่างแต่งหน้าแต่งได้ไม่นานหรอก เพราะนายจ้างอยากได้ลุคส์แบบธรรมชาติ ไม่แต่งอะไรเยอะๆ ไม่ติดขนตาปลอม ไม่ทาลิปสติกสีสด แถมผมก็ยังให้ปล่อยตรงธรรมชาติด้วย เรียกได้ว่าฉันแทบจะลุกจากเตียงมาและถ่ายโฆษณานี้ได้เลย
ขณะที่ฉันนั่งรอพี่ช่างแต่งหน้าเลือกสีลิปกลอสฉันหันไปมองหาซัมเมอร์ ไม่ใช่ว่าสนใจไรเขาหรอกนะ กลัวว่าหมอนั่นไปทำเรื่องเดือดร้อนแล้วจะเข้าตัวฉันน่ะสิ เพราะเขาเดินเข้ามาพร้อมกับฉันใช่มั้ยล่ะ =_= และฉันก็ต้องช็อคแทบกรามค้างเมื่อเห็นเขาไปยืนคุยกับคุณบุษ นายจ้างของฉันที่เป็นคนนำเข้านมเปรี้ยวตัวนี้เข้ามา
หมอนั่น...หมอนั่นไปคุยอะไรกับนายจ้างฉัน TOT
“ลามปามแล้วมั้ยล่ะ" ฉันพึมพำเบาๆก่อนจะหันไปหาพี่ช่างแต่งหน้า "เดี๋ยวมานะคะ"
ยังไม่ทันที่ช่างจะได้ห้ามอะไร ฉันก็กระโดดลงจากเก้าอี้และเดินตรงไปหาซัมเมอร์ด้วยท่าทีหงุดหงิดสุดๆ เขาที่กำลังหัวเราะกับคุณบุษหันมามองหน้าฉันก่อนจะยิ้มกว้างแบบเจ้าเล่ห์ๆ
“อ้าว มาพอดีเลย ฉันกำลังคุยกับพี่บุษเรื่องเธออยู่เลยนะ"
พี่บุษ...? คือนิสัยนี่ชอบตีสนิทคนนั้นคนนี้ตั้งแต่เกิดสินะ =_=
“คุณบุษคะ ฉันขอโทษด้วย เขาเป็น...”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ซัมม์บอกพี่แล้วว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน"
ซัมม์? ซัมเมอร์? คุณบุษก็ชอบตีสนิทคนอื่นเหรอคะ -O-;
“พี่บุษกับพี่สาวฉันสนิทกันมากน่ะ จบฮาวาร์ดมารุ่นเดียวกัน แถมยังเคยทำงานด้วยกันสักพักในบริษัทโฆษณาด้วย แต่ตอนนี้พี่บุษหันไปจับกิจการของตัวเองแล้ว และเริ่มด้วยนมเปรี้ยวที่เธอกำลังจะถ่ายภาพแอดเนี่ยล่ะ น่าตกใจเหมือนกันเนอะที่มันจะบังเอิญอะไรได้ขนาดนั้น เราเป็นเพื่อนกันและเธอได้โฆษณาตัวนี้เนี่ย~" ซัมเมอร์อธิบายต่อและแฝงความในไว้ในประโยคว่า
'ฉันมีเส้นสายที่จะเขี่ยเธอออกจากโฆษณาตัวนี้ได้ จ่ายเงินฉันมาซะดีๆ'
หรืออย่างน้อยฉันก็คิดว่าเขาหมายความว่าอย่างนั้นนะ =_=;;
“นั่นสิ ถ้าซัมม์มีเพื่อนหน้าตาสวยขนาดนี้น่าจะพามารู้จักพี่แต่แรก เราจะได้ไม่ต้องรับงานผ่านเอเจนซี่ไง" คุณบุษทำท่ากระซิบกระซาบก่อนจะมองไปทางพี่กฤษณ์ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไกลๆ
“เพื่อนสวยๆน่ะผมมีเยอะแยะ ถ้าพี่บุษอยากจะเรียกใช้งานก็โทรหาผมได้เลยนะครับ ไม่ต้องผ่านเอเจนซี่หรอก"
“เพื่อนสวยๆน่ะมีเยอะ พี่เชื่อ แต่ถึงขนาดตามมาเฝ้าที่กองเนี่ย...เพื่อนแน่เหรอ" คุณบุษหรี่ตามองพวกเราสองคนสลับไปมา ฉันทำหน้าอึนก่อนจะรีบตอบไปทันที
“ไม่ใช่แฟนกันค่ะ -_-”
“เหรอออ~" ซัมเมอร์ถามเสียงยานคางยียวนก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้ ฉันขยับหนีอย่างรังเกียจก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆให้นายจ้าง
“งั้น...ฉันกลับไปแต่งหน้าต่อแล้วกันนะคะ พอดี...ลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไร" ฉันอ้างไปดื้อๆก่อนจะหันไปตวัดสายตาใส่ซัมเมอร์อีกรอบ เขายักคิ้วให้อย่างกวนประสาท ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับคุณบุษต่อ...
หนอย...หมอนี่นึกว่ารวย มีเส้นสายแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอไง...
ตะ...แต่ก็ใช่ =_=;; ถ้ารวยและมีเส้นสายจะทำอะไรก็ได้จริงๆล่ะ ฮึ้ยยย!
การถ่ายทำทั้งหมดใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมง ฉันได้ออกจากกองถ่ายตอนเกือบๆสี่ทุ่ม ฉันต้องยืนอยู่หน้ากล้องตั้งนานจนเมื่อยขาไปหมด แถมยังปวดกรามด้วยเพราะต้องยิ้มกว้างๆแบบน่าสะอิดสะเอียนตั้งนาน U.U ฉันถอนหายใจขณะที่เดินออกจากตึกสตูดิโอที่ปิดทำการแล้ว และมียามทำงานอยู่แค่ไม่กี่คน จากตรงนี้ไปเดินไปป้ายรถเมล์ค่อนข้างไกลเหมือนกัน เพราะฉะนั้นฉันจะเรียกเท็กซี่กลับบ้านแบบขามาดีกว่า น่าจะสะดวกกว่าเยอะ ฉันหิ้วถุงนมเปรี้ยวที่คุณบุษให้มาและ...
“เฮ้!!”
เสียงนี้มัน...=_=;
ฉันหันไปมองทางด้านหลังและก็เห็นซัมเมอร์ที่รีบวิ่งตามมาจนหมวกแทบหลุด อะไรของหมอนั่นอีกเนี่ย ฉันไม่หยุดรอเขาและเดินต่อไป ส่วนเขาก็วิ่งพรวดๆมาตัดหน้าฉันอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน
“จะไปไหนน่ะ"
“กลับบ้านน่ะสิ"
“ทำไมไม่รอกันเล่า"
“นี่ฉันฉวยโอกาสตอนนายไปเข้าห้องน้ำและรีบหนีออกมา นายยังไม่สำนึกตัวอีกเหรอว่าฉันไม่ได้อยากอยู่ใกล้ๆนายเลย -_-;;”
“คำพูดถากถางพวกนั้นไม่ได้ผลกับฉันหรอกนะ"
“ขอให้จริง เพราะฉันจะทวีความแรงขึ้นทุกวันๆที่เราเจอกัน รับมือให้ได้แล้วกัน"
“รถฉันจอดอยู่ตึกด้านหลัง...”
“เรื่องของนาย"
“บอกว่าจะไปส่งไง"
“ฉันไม่ได้อยากให้นายไปส่งสักหน่อย คนอะไร...ประสาทชะมัด"
“นี่ คนเค้ามาทำดีด้วย ไม่ดีเหรอไง"
“นายอยากได้เงินสามแสน =_=”
“นั่นก็จริง :)”
“ที่ฉันจะไม่มีวันให้นาย"
“คิดก่อนพูดนะ~” เขาทำท่ากวนประสาทจนฉันต้องย่นจมูกใส่ "พรุ่งนี้เธอมีถ่ายแบบให้นิตยสาร Chi~ ใช่มั้ย"
“นายมัน...โรคจิต O_O”
“บรรณาธิการ Chi~ เป็นรุ่นน้องของพี่สาวฉันเอง :)”
“นาย...นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่ฮะ!”
“และอาทิตย์หน้าที่เธอมีถ่ายแบบให้กับ Ultra เจ้าของแบรนด์ก็เป็นพี่สาวเพื่อนฉันด้วย"
“=O=”
“และวงไนท์น่ะ สามในห้าเป็นรุ่นน้องฉันทั้งนั้น~”
“นาย...โรคจิต โรคจิต โรคจิต!! >O<”
“ฉันแค่จะพูดว่า เธอจะยอมรับปากว่าจะใช้เงินฉันมาดีๆ หรือจะยอมชวดงานทั้งหมดที่ว่านั่นไปและสูญหายหลายแสน~” ไอ้คำพูดเสียงนุ่มๆเหมือนทำนองเพลงแต่แฝงความยียวนนั่นไว้นี่มันน่า...น่าอัดไอ้คนพูดเข้าสักเปรี้ยงจริงๆ!! T^T
“บ้านก็รวย เงินก็มีเยอะแยะ รู้จักคนนั้นคนนี้ก็เยอะ ทำไมจะต้องมาคาดคั้นเงินตั้งสามแสนจากผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันด้วยฮะ!!”
“บอกแล้วไงว่าหมั่นเขี้ยว :)”
“อย่ามาจับนะ!” ฉันปัดมือเขาออกและถลึงตาใส่อย่างหงุดหงิด "ถ้านายกล้าทำก็ลองดู เอาสิ! โม้รึเปล่าก็ไม่รู้!! :P”
“นิตยสาร Chi~ ใช่มั้ย" เขาพึมพำหน้าตายก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมา ฉันได้แต่ทำหน้าตาไม่ไว้ใจใส่ตอนที่เขากำลังกดโทรออกหาใครบางคน เอาวะ ไหนๆก็ท้าทายเขามาขนาดนี้ มันจะต้องไปให้สุดทาง เผื่อว่าหมอนี่จะแค่โม้จริงๆ
[ฮัลโหล ซัมม์เหรอ] เสียงผู้หญิงดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์มือถือของเขาที่เปิดดังไว้ให้เพื่อให้ฉันได้ยินด้วย
แล้วไงล่ะ อาจจะเป็นผู้หญิงที่ไหนก็ได้ -_-
“ครับ พี่เอสรึเปล่าครับ"
[โทรหาพี่แล้วคิดว่าจะติดเบอร์ใครล่ะ]
พี่เอส...พี่เอสบรรณาธิการของนิตยสาร Chi~ น่ะนะ -_-;;
“พอดีผมมีเรื่องสงสัยน่ะครับพี่เอส คือผมได้ยินจากเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนมาอีกทีว่าพรุ่งนี้พี่มีนัดถ่ายแบบลงปักษ์หน้าใช่มั้ยครับ"
[ทำไมล่ะ ไปปิ๊งนางแบบคนไหนเข้าอีกเหรอไง โทรมาหาพี่เพราะเรื่องนี้สามรอบแล้วน่ะซัมม์ -_-]
“มะมะ...ไม่ใช่ครับ =O=;;”
...แหน่ะ ไอ้หมอนี่ -_-
[งั้นเรื่องไหนล่ะ หรืออยากจะมาช่วยงานที่กอง]
“เอ่อ...พอดีผมได้ยินข่าวเกี่ยวกับนางแบบที่ชื่อ...”
[ไอรีน?]
ชะชะ...ชื่อฉัน O_O
“อ้าว พี่เอสรู้ได้ไงครับเนี่ย"
[ก็พรุ่งนี้พี่มีนัดถ่ายคนเดียว ไอรีนคนที่กำลังดังที่ญี่ปุ่นคนนั้นไง ทำไมเหรอ O_O]
“ก็...” เขาทำตาแพรวพราวมองมาทางฉันที่จ้องหน้าเขาเขม็ง
เอาสิ ถ้าหมอนั่นจะกล้าพูดก็เอา!
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่จำได้ว่าเธอสวยมาก และก็มีใบหน้าที่ลืมไม่ลง เลยอยากจะเข้าไปดูกับตาตัวเอง ถ้าพี่เอสไม่ว่าอะไร...”
...ชมฉันก็ไม่ช่วยให้ฉันไม่ชอบขี้หน้านายน้อยลงหรอกนะ -_-//
[สุดท้ายก็โทรหาพี่เพราะเรื่องผู้หญิงจนได้ =_=]
“ฮ่าๆๆ มันเป็นนิสัยไปแล้วนี่ครับ"
[ก็ได้ ถ้าพรุ่งนี้จะเข้ามาก็ตอนบ่ายโมงนะ นัดนางแบบไว้ตอนบ่ายโมงที่สตูดิโอ K]
“โอเคครับพี่ แล้วเจอกัน" หมอนั่นกดตัดสายพี่เอสก่อนจะยิ้มให้ฉัน "ตกลงว่าฉันโม้รึเปล่า"
“ไม่ได้โม้ แต่นายก็ไม่ได้ทำแบบที่นายพูดอยู่ดี"
“อยากให้ฉันทำเหรอไง"
“...”
“สามแสนนะ"
“แต่...”
“เลิกเถียงและยอมรับความจริงสักทีเถอะว่ายังไงเธอก็ต้องจ่ายฉันอยู่ดี" เขาพูดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ "เพราะไม่ว่าเธอจะทำยังไง จะเอาเรื่องไหนมาอ้าง หรือจะหนีไปที่ไหนฉันก็ตามเธอเจออยู่ดี เราคุยกันดีๆ ดีกว่าให้เรื่องมันถึงจุดที่แย่มากๆและบังคับให้ฉันทำอะไรไม่ดีเลยนะ~”
“นั่นมันคำขู่รึเปล่า"
“อาจจะ" เขายิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่ฉันแค่มองหน้าเขานิ่งๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไร ฉันเหลือบไปเห็นเท็กซี่หนึ่งคันกำลังผ่านมาทางนี้พอดีเลยรีบไปโบกเรียก ซัมเมอร์ไม่ได้เดินตามฉันมา เขาแค่มองฉันนิ่งๆด้วยแววตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ฉันสบตาเขานิ่งๆอีกครั้งก่อนจะกระโดดขึ้นบนเท็กซี่และบอกให้ลุงคนขับออกรถทันที
ความรู้สึกถูกบีบเค้นเหมือนหายใจไม่ออกนี่มันอะไร คนไม่มีทางสู้คนอื่นเค้ารู้สึกแบบนั้นกันงั้นเหรอ ในชีวิตฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเลยสักครั้ง เคยเห็นแค่ในหนัง ในซี่รี่ส์เท่านั้นเอง เวลาที่ผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจตัวเองบังคับคนที่อยู่ในฐานะด้อยกว่า ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าความรู้สึกที่ถูกกดอยู่มันรู้สึกแย่แค่ไหน และในวินาทีที่เขาบอกว่าฉันจะต้องทำตามที่เขาต้องการอยู่ดี...ฉันรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองอยู่แนบติดกับพื้นโดยมีเขาเป็นคนกดฉันลงไป
...มันเป็นความรู้สึกที่แย่ชะมัด
LC : Play Me Monster ลงหน้าเวปแล้ว ออกขายราวๆวันที่ 10 พค.นี้จ้า http://www.jamsai.com/product/2205-play-me-monster-ผู้ชายคนนี้อันตรายสำหรับคุณ หน้าปกแบบเต็มดูได้ตามด้านล่างนี้เลย และถ้ามีความคิดเห็นอะไร ไปคุยกันได้ที่ http://www.facebook.com/photo.php?fbid=377811938936874&set=a.108017622582975.10193.107700342614703&type=1&theater เลยจ้า
ปล. นักวาดมีการเปลี่ยนแปลงด้วยหลายเหตุผล หวังว่าจะให้โอกาสนักวาดคนใหม่นะคะ นักวาดคนนี้ชื่อ kurot ชุบไปไล่ดูแล้วปกติเค้าไม่ได้วาดภาพเด็กขนาดนี้ คิดว่าคงมีการผิดพลาดอย่างอื่นมากกว่า ยังไงขอให้เปิดใจกว้างๆกันหน่อย และเล่มหน้าเอาใหม่ อะเค๊? (ส่วนตัวชอบปกนี้มาก น่ารักอ่ะ แต่พระเอก-นางเอกเด็กมากเท่านั้นเอง) ยังไงก็ตามเล่มนี้พลาดไม่ได้ ถ้าจะไม่ซื้อเพราะปกนี่จะตีตายเลย คนเขียนคนเดิมนะเฟร้ยยยยยยย!! -_-!! ไม่รู้ล่ะ พลาดแล้วพลาดเลย สนุกแซ่บบบบบ, xxxxxx
ความคิดเห็น