ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    K's เส้นทางฝันของฉันกับเธอ

    ลำดับตอนที่ #4 : KyliexK 04

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 57



    Knock Knock.”

     

    ฉันไม่คิดว่ามันน่าจะหงุดหงิดขนาดนี้

    เขามาอีกแล้วเอมี่พูดและหมุนผมบลอนด์ของเธอไปมา "เขามาบ่อยจัง"

    ฉันพยักหน้าและเทเครื่องดื่มลงใส่แก้ว

    เธอคิดว่าเขาชอบฉันรึเปล่าคำถามของเอมี่ทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมาและมองหน้าเธอชัดๆ ว่าเธอกำลังพูดเล่นหรือว่าอะไร แต่ไม่ เอมี่พูดจริง "เขามองมาทางนี้ตลอด บางที...”

    เขามองมาทางนี้ตลอดจริงๆ และนั่นคือเรื่องที่ฉันหงุดหงิด ฉันยื่นเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วยรอยยิ้ม แต่หน้าบึ้งลงทันทีที่สบตากับเค เขานั่งอยู่ใกล้กับเคาท์เตอร์ ฉันไม่เคยสังเกตโต๊ะที่เขาเลือกนั่งมาก่อน จนกระทั่งตอนนี้

    มันเป็นแบบนี้มาสามวันแล้วเอมี่พูดต่อ

    ห้าต่างหาก

    ฉันแก้ในใจ เขาทำแบบนี้มาห้าวันแล้ว มานั่งที่โต๊ะเดิม สั่งเครื่องดื่มเดิมๆ และเอาแต่จ้องฉันด้วยสายตาที่ทำให้ฉันอึดอัด เอมี่มองไปทางเคและส่งยิ้มให้ ฉันมองไปทางเขาเพื่อจะดูปฏิกิริยา แต่เคกลับไม่เห็นรอยยิ้มเป็นมิตรนั่นด้วยซ้ำ เขากำลังมองมาทางฉัน พอฉันสบตาเขาเข้า เขาก็หลบหน้า และทำเป็นเขียนอะไรในกระดาษ ฉันกลอกตาและหันหลังให้เขา นี่มันน่าอึดอัด ฉันพยายามคิดย้อนดูแล้วว่าเขาทำแบบนี้บ่อยรึเปล่า หรือมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น เขามาที่นี่บ่อยน่าดูแต่ฉันไม่เคยสังเกตเห็นเขาอย่างจริงๆ จังๆ เลย ฉันจำได้นะว่าฉันเคยให้คุกกี้เขา...หวังว่าเขาจะไม่คิดว่าฉันสนใจเขาหรอกนะ เขาอายุสิบเจ็ดเอง อายุมากกว่าน้องชายฉันแค่ปีเดียว ฉันไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้นกับเขาได้หรอก

    ฝากเฝ้าหน่อยนะ เดี๋ยวฉันมาเอมี่บอก และตบบ่าฉันเบาๆ ฉันรู้ว่าเธอจะเข้าไปเติมเครื่องสำอาง นับตั้งแต่เคมาที่นี่บ่อยๆ ความหนาของเครื่องสำอางเอมี่ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันเริ่มเป็นห่วงสวัสดิภาพผิวของเพื่อนร่วมงาน รองพื้นที่หนาขนาดนั้นผิวจะหายใจยังไง

    เอมี่หายเข้าไปหลังร้านได้ไม่นาน เสียงกระแอมไอเบาๆ ตรงหน้าเคาท์เตอร์ก็ดังขึ้น ฉันรีบลนลานหันไปทันที แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่าคนที่ยืนหน้าเคาท์เตอร์ไม่ใช่ใคร นอกจากเขา...

    ฉันมองหน้าเขานิ่งๆ ไม่ปิดบังความไม่พอใจ เขาทำหน้าซื่อและก้มลงมองเมนูเครื่องดื่มที่แปะอยู่บนเคาท์เตอร์

    จะรับอะไรดีคะต่อไม่อยากคุยกับเขาแค่ไหนฉันก็ต้องถามออกไปแบบนั้น

    เคเงยหน้าขึ้นมาและทำมือเป็นรูปรอยยิ้มบนหน้านิ่งๆ ของเขา ฉันไม่ได้ยิ้มตามที่เขาแนะนำ และยืนเคาะนิ้วรอให้เขาสั่งอะไรสักอย่าง

    ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นเลย"

    เรามีเมนูแนะนำเป็น...”

    เธอเรียนคณะไหนเขาถามแทรก ไม่สนใจเมนูเครื่องดื่มที่ฉันกำลังแนะนำ ฉันเองก็ไม่ได้ชอบเมนูเครื่องดื่มของร้านเท่าไหร่ แต่วินาทีนี้ฉันเลือกที่จะพูดถึงมันมากกว่าพูดกับเขา

    สตรอเบอร์รี่ฟรอสตี้โยเกิร์ตฉันพูดต่อหน้านิ่ง "กับเลมอนเนดคั้นสด"

    ให้ผมเดานะ เกี่ยวกับศิลปะใช่มั้ย"

    ซื้อเครื่องดื่มแนะนำตอนนี้ได้ลดสิบเปอร์เซ็นต์"

    อินทีเรียหรือแฟชั่นล่ะ"

    ตกลงสนใจเมนูไหนคะ"

    ฉันประหลาดใจที่เขายังทำหน้านิ่งอยู่ได้ เคมองหน้าฉันเหมือนรอให้ฉันตอบ เขาดูไม่กระดากอายหรืออึดอัดอะไรกับการกระทำของตัวเอง ฉันจ้องหน้าเขากลับ ถ้าเขาจะเล่นเกมจ้องตาก็เอาสิ ฉันไม่เคยแพ้...นั่นไง พอเจอฉันจ้องเข้าจริงๆ เขาก็หลบสายตา แสร้งทำเป็นก้มลงมองเมนูเครื่องดื่มและเกาจมูกด้วยปลายนิ้วชี้

    เอ่อ...ผม...”

    หรือจะเอาอเมริกาโน่ที่ไม่เคยดื่มแบบเดิม"

    ผมดื่มนะเขาเงยหน้ามาเถียง ขมวดคิ้วเหมือนเด็กๆ "มันแค่...ขม"

    สั่งอย่างอื่นสิฉันตอบ “สตรอเบอร์รี่ฟรอสตี้โยเกิร์ตฟังดูดีนะ"

    จริงเหรอ"

    "ไม่จริงหรอก ฉันเกลียดสตรอเบอร์รี่ฉันตอบหน้าตาย "แต่เธออาจจะชอบ"

    ผมไม่ชอบสตรอเบอร์รี่เขาส่ายหน้า "เครื่องดื่มอะไรใช้เวลาทำนานสุด"

    ฉันขมวดคิ้วคิด "ผลไม้รวมปั่น ร้านเราใช้ผลไม้สด ผลไม้ทุกชิ้นเลยต้องหั่นใหม่หมด"

    ผมเอาอันนั้นก็ได้เขาตอบและยื่นเงินสดมาให้ "เราจะได้คุยกันต่อได้อีกนิด"

    ฉันทำหน้าบึ้งเพราะเหตุผลของเขา แต่เมื่อลูกค้าสั่งมา ฉันจะทำอะไรได้ ฉันรับเงินเขามา และหันไปมองหาคนมาช่วย เอมี่ดันเลือกหายไปนาน สุดท้ายฉันเลยต้องเป็นคนทำเมนูนั้นจนได้ เคยืนเท้าคางรออยู่ตรงเคาท์เตอร์รอรับเครื่องดื่ม ฉันพยายามไม่มองไปทางเขา เพราะเมื่อไหร่ที่ฉันหันไป จะต้องสบตาเขาทุกที เขาช่วย...หยุดมองฉันสักนาทีจะได้มั้ย

    ฉันก้มลงไปหยิบผลไม้ทั้งหมดมาวางเรียงกัน และสบตาเขาอีกครั้ง เคาท์เตอร์ที่ต้องหั่นผลไม้ดันหันหน้าเข้าหาเขาพอดี และมัน...เกินทนจริงๆ

    ฉันจะออกค่าเครื่องดื่มนี้ให้ แต่เธอช่วยกลับไปนั่งรอที่โต๊ะได้มั้ย"

    ทำไมล่ะเขาเลิกคิ้ว

    ...ยังไม่รู้ตัวอีก

    ฉันไม่ชอบเวลาถูกมอง"

    ผมก็เหมือนกันเขาถอนหายใจอย่างเข้าอกเข้าใจ "แต่ไม่ล่ะ ผมยืนรอตรงนี้ดีกว่า"

    ฉันหยิบมีดกับเขียงออกมาวาง และพยายามต่อรองกับเขาอีกครั้ง

    ถ้าเธอกลับไปนั่งรอที่โต๊ะ ฉันจะยอมบอกว่าฉันเรียนคณะไหน"

    และที่ไหนด้วย"

    นั่นมันมากเกินไป"

    คณะก็ได้เคพยักหน้า ท่าทางพึงพอใจในข้อตกลง "ถ้าเธอเบี้ยว ผมจะสั่งใหม่อีกสิบแก้ว ผมมีเงินนะ"

    ฉันเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้ว แต่นั่นคงยิ่งทำให้เขาได้ใจ ฉันพยักหน้า เคเลยยอมเดินกลับไปที่โต๊ะในที่สุด ฉันสามารถทำน้ำผลไม้รวมปั่นได้โดยที่มีดไม่บาดมือตัวเอง ต้องขอบคุณที่เขาเดินไป และเลิกยืนกดดันฉันด้วยดวงตาคู่นั้น เอมี่เดินออกมาพร้อมกับสีลิปสติกใหม่ เธอทาลิปสติกสีแดงสด

    เหลือเชื่อเลย...

    ฉันคงจะกวนประสาทเคและให้เอมี่ยกเครื่องดื่มไปให้เขาแล้ว ถ้าฉันไม่กลัวว่าเขาจะสั่งเครื่องดื่มแบบเดิมอีกสิบแก้ว เคเท้าคางรออยู่แล้วตอนฉันเดินเอาเครื่องดื่มไปให้

    คณะบริหารฉันพูดหลังจากวางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ

    ล้อเล่นน่ะ เธอต้องโกหกแน่ๆ"

    ฉันจะโกหกไปทำไม"

    เพราะกลัวผมเดาถูกเขาสรุปเรื่องเอง "เธอดูไม่เหมือนคนที่เรียนคณะบริหารเลย"

    และเธอก็ดูไม่เหมือนเด็กไฮสกูลเหมือนกัน"

    ขอบคุณ"

    นั่นไม่ใช่คำชม...แต่ช่างเถอะ"

    เธอต้องเรียนอะไรเกี่ยวกับศิลปะแน่ๆเขาหรี่ตามองฉันเหมือนว่าคณะของฉันเป็นปริศนาราคาเป็นล้าน "อาจจะแฟชั่นฉันยิ้มในคำตอบของเขา มันน่าประหลาดใจ

    ทำไมล่ะ"

    ผมแค่รู้สึกได้เขาตอบ "เธอเหมือน...” เสียงโทรศัพท์มือถือฉันดังขึ้นพอดี ฉันหยิบมันออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนและกดรับต่อหน้าต่อหน้าเค เพื่อให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้สนใจจะคุยกับเขาเลย เคขมวดคิ้วไม่พอใจ เขาหน้าบึ้งและจ้องฉันอยู่แบบนั้น

    ว่าไงแพท"

    [อย่าสติแตกนะถ้าเขาไม่ต้องการให้ฉันสติแตก นั่นคือคำแรกที่เขาไม่ควรพูดกับฉัน

    เกิดอะไรขึ้น"

    [สัญญามาก่อนว่าเธอจะไม่สติแตก]

    ก็ได้...มั้งฉันขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ ด้าน มันจะมีอะไรเกิดขึ้น แผ่นดินไหวบนถนนเส้นนี้งั้นเหรอ

    [แดนนี่กลับมาแล้วพอได้ยินแบบนั้น...ฉันก็หวังให้มันมีแผ่นดินไหว

    แดนนี่...ชื่อที่ไม่ได้หลุดจากริมฝีปากของฉันนานแสนนาน

    [ฉันได้ยินว่ามันมาจัดการเรื่องวีซ่าอะไรเนี่ยล่ะแพทอธิบายต่อ ฉันไม่แปลกใจที่เขาจะรู้เรื่องนี้ เขาสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ในขณะที่ฉัน...

    อืมฉันพยักหน้านิ่งๆ แม้ว่าแพทจะไม่เห็น "ขอบคุณที่โทรมาบอก"

    [ไคลี่...]

    แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเขา แดนนี่จะอยู่หรือไป ก็เป็นเรื่องของเขาชื่อของเขาที่หลุดออกปากจากฉันฟังดูไม่เหมือนเดิม เหมือนกับมันคือภาษาต่างชาติที่ไม่คุ้นชิน

    [ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะนะฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดในน้ำเสียงแพท

    นายให้เบอร์ฉันไปงั้นเหรอ"

    [เปล่ามันเกือบจะเป็นเรื่องดีแล้ว... [ฉันแค่บอกมันว่าเธออยู่ที่ไหน]

    ถ้าแพทอยู่ตรงหน้า ฉันคงจะถลึงตาใส่เขาและเขย่าๆ ตัวจนกว่าเขาจะหมดสติ แต่แพทไม่ได้อยู่ตรงนั้น ฉันเลยได้แต่กำโทรศัพท์แน่น กลั้นอกกลั้นใจไม่ให้ตะโกนลั่นร้าน

    นาย...ว่าไงนะ"

    [มันบอกว่าอยากคุยกับเธอ ไม่ใช่เรื่องอะไรดราม่าหรอกฉันรับปากได้ ที่ฉันโทรมาบอกก็เพราะเมื่อกี๊มันเพิ่งโทรมาถามว่าร้านเธอไปทางไหน คำนวนแล้วอีกไม่กี่นาทีมันก็คงเดินเข้ามาในร้าน...]

    กริ๊ง~

    เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้น ฉันไม่กล้าจะหันไปมองด้วยซ้ำ ฉันอาศัยเงาที่สะท้อนทางเข้าร้านเข้ากับกระจกใสบนหน้าต่างเอา และมองจากเงา...ฉันก็รู้เลยว่าเป็นเขา

    ฉันจะจัดการนายทีหลังฉันกรอกเสียงลงในโทรศัพท์ เบาๆ แต่หนักแน่น "อย่างเลือดเย็น"

    [ไคลี่...ฉัน...] ฉันกดตัดสายแพทและมองหน้าเคที่กำลังมองฉันเหมือนกัน ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เขา

    เมื่อวานฉันช่วยเธอซ่อนจากคนเมื่อวาน วันนี้เธอต้องช่วยฉันฉันพูดนิ่งๆ ไม่มีกระโตกกระตาก

    เคขมวดคิ้วและหันไปมองตรงหน้าประตู สีหน้าของเขาบอกได้ว่าเขาเห็นแดนนี่แล้ว "จากใคร ผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้ามาเหรอ"

    ใช่"

    เขาเป็นใครเหรอเคถามด้วยท่าทีสบายๆ ในขณะที่ฉันนั่งหลังเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ "เจ้าหนี้?”

    ฉันไม่เห็นถามเลยว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เธอก็ไม่ควรถามเรื่องฉันเหมือนกัน"

    แต่ผมอยากรู้"

    ฉันไม่อยากเล่า"

    ถ้าไม่เล่าก็ไม่ช่วยถ้าไม่ติดว่ามันจะทำให้คนอื่นสนใจเรามากขึ้น ฉันคงหยิบน้ำผลไม้มาสาดใส่หน้าเขาแล้ว (ไม่หรอก ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะฉันต้องเป็นคนเก็บกวาด และไปปั่นแก้วใหม่มาให้เขาอยู่ดี)

    เราเคยคบกันตอนอยู่ไฮสกูล ตอนนั้นทั้งฉันและเขามีความฝันเดียวกันคือการเป็นดีไซน์เนอร์ที่คนทั้งโลกยอมรับ สองปีที่แล้วเขาทิ้งฉันไปตามฝัน ส่วนฉันยังอยู่ที่เดิม...” ฉันเงียบไปเพราะตระหนักได้ว่าตัวเองฟังดูเป็นขี้แพ้แค่ไหน "ฉันไม่อยากเจอเขา"

    เคเงียบ เขาดูอึดอัดกับสิ่งที่ได้รับฟัง ใช่ว่าฉันอยากพูดสักหน่อย เขาต่างหากที่เป็นคนคะยั้นคะยอ ฉันเหลือบตาขึ้นมองหน้าเขาเหมือนเป็นการถามว่าเขาพอใจรึยัง เคไม่ได้พูดอะไร เขาหยิบหมวกเบสบอลสีดำที่สวมอยู่มาสวมให้ฉัน และกดลงเพื่อให้มันบังศีรษะฉันให้ได้เยอะที่สุด และเขาก็ยังหยิบหูฟังอันใหญ่เบ้อเร่อมาครอบหูฉันด้วย เสียงดนตรีที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นในขณะที่เขาเอาเสื้อแจ๊คเกตเบสบอลสีขาวมาคลุมหลังฉันไว้ เคเหลือบไปมองด้านหลังฉัน ก่อนจะก้มหน้าลงเขียนอะไรในสมุดของเขา ฉันก็ได้แต่จ้องโต๊ะไม้ และรอให้เวลาผ่านไป หวังว่าแดนนี่จะไม่สังเกตเห็น

     

    ผมไม่ใช่พวกขี้อาย ไม่ใช่พวกชอบหลบซ่อนในเงา

    แต่เมื่อไหร่ที่มองหน้าเธอ ผมหาเสียงตัวเองไม่เจอทุกครั้ง

    ทำไมผมต้องทำตัวงี่เง่าแบบนี้ต่อหน้าเธอ

    สวัสดีครับ อากาศดีนะครับ

    คำพวกนั้นทำไมถึงได้พูดยากนักนะ

     

     

    เสียงเพลงที่เล่นอยู่ทำให้ฉันลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปชั่วขณะ มันเป็นเมโลดี้แปลกๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วนผสมระหว่าง r&b กับ hip-hop ในแบบที่กำลังพอดิบพอดี ฉันไม่ได้ฝักใฝ่สองแนวเพลงนั้นเท่าไหร่ แต่เพลงนี้ไม่เลวเลย

     

     

    ความรู้สึกนี้จู่โจมโดยที่ผมไม่ตั้งตัว

    แค่มองหน้าเธอหัวใจผมก็เต้นรัวๆ

    เสียงที่ออกจากปากเธอฟังดูเพราะจริงๆ นะ

    มันเหมือนคำสาปที่ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก

    ผมคิิดว่าผมใกล้บ้าเข้าไปทุกทีๆ

     

    เคส่งสัญญาณบอกฉันว่าแดนนี่ออกไปแล้ว ฉันขยับหูฟังออกข้างหนึ่งและหันไปมอง แดนนี่ไม่ได้อยู่ในร้านแล้วจริงๆ ด้วย

    ดีไซน์เนอร์งั้นเหรอเขาพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง

    เพลงเพราะดีนี่ฉันบอก กำลังจะเอ่ยปากถามเขาแล้วว่าเพลงของใคร แต่ท่าทีของเขาทำให้ฉันรู้ เคเบิกตากว้างและตะครุบโทรศัพท์มือถือตัวเอง เขากดปิดเพลงทันที และพยายามจะดึงหูฟังกลับไปจากฉัน

    เธอ...เขียนเพลงเองงั้นเหรอ"

    เขาไม่ตอบและดึงหูฟังกลับไปสำเร็จ แก้มของเขาเป็นสีชมพูขึ้นมา ฉันไม่เคยเห็นใครหน้าแดงแบบนี้มานานแล้ว อันที่จริง...ฉันไม่เคยเห็นใครหน้าแดงต่อหน้าฉันเลยต่างหาก

    ไม่มีใครควรได้ยินมัน ผมยังเรียบเรียงไม่เสร็จดีเลยเขาดูไม่มั่นใจ เหมือนว่าเพิ่งจะโชว์ภาพวาดที่ไม่สวยงามให้ฉันดู แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น ฉันรอให้เขาเงยหน้ามาสบตาฉัน และบอกอย่างตรงไปตรงมา

    ฉันว่ามันดีนะ"

    เคเงียบ เหมือนกำลังตั้งใจฟัง ฉันเลยย้ำอีกครั้ง

    เพลงของเธอน่ะ ฉันว่ามันเพราะดีเลยล่ะ"

    เขายิ้ม ดวงตาเป็นประกายขึ้นเพราะคำชมนั้น

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×