ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    K's เส้นทางฝันของฉันกับเธอ

    ลำดับตอนที่ #3 : KyliexK 03

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 57



    miracle, unpredictable, remarkable.”

     

    เดี๋ยวรายการของบิลลี่จะมาออกอากาศแล้วนะ มานั่งดูด้วยกันสิ" ฉันที่เพิ่งเดินลงบันไดบ้านมาชะโงกหน้ามองแม่ที่นั่งเอกเขนกบนโซฟาหน้าโทรทัศน์

    หนูต้องอ่านหนังสือ" ฉันโกหก รายการพวกนั้นแค่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันสนใจต่างหาก

    ตั้งแต่น้องชายเราออกรายการนี้มา เราได้ดูบ้างรึเปล่าน่ะ" แม่ตำหนิด้วยโทนน้ำเสียง ฉันพยายามทำเป็นไม่สนใจและเดินไปหยิบพัสดุของตัวเองที่วางไว้บนโต๊ะกินข้าว นิตยสาร Vogue ที่ฉันสั่งมาจาก Amazon มาส่งแล้ว ฉันฉีกถุงพลาสติกออกและเปิดดูอย่างรวดเร็ว ความสุขของฉันคือการได้เปิดนิตยสารเล่มใหม่ และติดตามอ่านข่าวแฟชั่นที่อยู่ในอีกโลกหนึ่งเนี่ยล่ะ

    ไคลี่ แม่กำลังพูดกับเรานะ" ฉันกลอกตาและเดินถือนิตยสารออกมาจากห้องครัว แม่ขมวดคิ้วมองฉันอยู่ "เราไม่สนใจเลยเหรอไงว่าน้องชายเรากำลังทำอะไร"

    อันที่จริงแล้ว ไม่เลย

    บิลลี่น่ะผ่านเข้ารอบมาจนเกือบถึงรอบสุดท้ายแล้วนะ เด็กคนนั้นน่ะเก่งจริงๆ คนอื่นๆ เทียบเขาไม่ติดเลย" คนเป็นแม่ก็ย่อมเข้าข้างลูกของตัวเองอยู่แล้วน่ะล่ะ "พ่อโทรมาบอกด้วยว่ามีแฟนคลับไปดักรอถึงหน้าบ้าน เล่นเอาเพื่อนบ้านแตกตื่นกันหมด แม่น่ะรู้อยู่แล้วว่าสักวันเขาจะต้องได้ดีทางนี้แน่ๆ บิลลี่ชอบร้องเพลง เล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เขาฮัมเพลงก่อนจะพูดได้เป็นคำด้วยซ้ำ...” ฉันทำเป็นไม่สนใจและก้มหน้ามองนิตยสาร เปิดหน้าแล้วหน้าเล่าผ่านไป ในขณะที่แม่ก็สรรเสริญลูกคนโปรดไปเรื่อยๆ "แม่บอกบิลลี่แล้วว่าพวกเราจะไปดูเขาแสดงสดรอบหน้า ไม่ว่าลูกจะทำอะไรลูกก็ต้องไปเพราะ...ไคลี่ นี่ไม่ได้ฟังแม่เลยใช่มั้ย เอาแต่อ่านนิตยสารไร้สาระอะไรพวกนั้นอยู่ได้"

    ฉันไม่ได้เถียง ไม่ใช่เพราะไม่มีอะไรจะเถียง แต่รู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นต่างหาก ฉันเปิดผ่านไปอีกหน้า ตั้งใจจะยืนจนแม่ไล่ฉันไปเอง แต่ความตั้งใจก็เปลี่ยนไปเมื่อฉันเห็นหน้าเขา...

    ปึก!

    นิตยสารหล่นลงกับพื้น ฉันนึกย้อนว่าตัวเองเพิ่งเห็นอะไร และมันไม่ใช่ภาพลวงตาใช่มั้ย...

    ใช่ มันไม่ใช่ภาพลวงตาจริงๆ ล่ะ ฉันเห็นเขา...ในนิตยสารโว้ก

    เขาที่ฉันไม่ได้เจอมาสองปีแล้ว

    เขาไปไกลถึงขนาดนั้นแล้วเหรอ

    เป็นอะไรน่ะ" คำถามของแม่ดึงฉันกลับมาที่ๆ ยืนอยู่อีกครั้ง ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาแม่และจำได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

    ฉันกำลังเรียนคณะบริการ อีกแค่ปีเดียวฉันก็จะเรียนจบแล้ว ในขณะที่เขา...อยู่ที่นิวยอร์ก ทำงานกับแบรนด์ดัง และยังได้ลงนิตยสารโว้กอีก

    ฉันจำได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่จำไม่ได้ว่าฉันทำแบบนั้นลงไปทำไม

    ไคลี่" แม่เรียกอีกครั้ง ฉันก้มลงไปหยิบโว้กขึ้นมาจากพื้น

    วันนี้หนูไม่กินข้าวเย็นนะคะ" ฉันวิ่งหนีขึ้นไปชั้นบน

    ฉันไม่รับรู้ถึงความอยากอาหารของตัวเอง อันที่จริง...ฉันไม่รับรู้อะไรเลยต่างหาก

     

     

    ฉันมาสาย...เพราะฝนนี่แท้ๆ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบฝน และฝนเองก็คงไม่ชอบฉันเหมือนกัน

    ฉันสะบัดร่มสีดำของตัวเอง และเสียบมันไว้กับที่วางร่มตรงทางเข้าร้านกาแฟ เสื้อคาร์ดิกันฉันเปียกชื้นๆ จนฉันต้องถอดมันออก เหลือไว้แค่เสื้อยืดสีขาวตัวเดียว ให้มันได้อย่างนี้สิ ฉันกัดฟันหงุดหงิด ป่านนี้เอมี่คงบ่นฉันแทบบ้าแล้ว ฉันมาสายกว่าที่ตั้งใจไว้ตั้งเจ็ดสิบนาที

    เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้น ฉันจินตนาการว่ามันคือเอมี่ที่พุ่งออกมาด่ากราดที่ฉันมาสาย แต่มันไม่ใช่แบบนั้น คนที่เดินออกมาคือ ผู้ชายหน้าคุ้นๆ ฉันใช้เวลาอยู่สักพักก่อนจะจำได้ว่าเขาคือลูกค้าประจำคนนั้น คนที่ให้ฉันยืมร่มวันก่อน เขากำลังจะกลับแล้ว เขาบอกว่าเขาชื่ออะไรนะ ฉันไม่กล้าทักก่อน เพราะจำไม่ได้จริงๆ ว่าเขาชื่ออะไร มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ แม้ว่าจริงๆ แล้วฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกแบบนั้นก็ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน และชะงักไปด้วยความตกใจ

    ฉันแค่ยิ้มขืนๆ "กำลังจะกลับแล้วเหรอ"

    อะ...ใช่" เขาพยักหน้า ฉันนึกขึ้นได้ว่าร่มของเขาอยู่ในกระเป๋า เลยรีบหยิบมันออกมาคืน

    ขอบคุณ" ฉันบอกสั้นๆ เขารับร่มไป ทำท่าทางเหมือนมีอะไรจะพูด แต่เขาเลือกที่จะเงียบ

    ฉันเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับบรรยากาศที่คุ้นเคย กลิ่นกาแฟอบอวล และมีกลิ่นหอมเนยของวาฟเฟิลลอยคลุ้ง เอมี่ส่งสายตาไม่พอใจมาให้ แต่ฉันเลี่ยงเดินไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นเหมือนที่คาดไว้ ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาที่เคาท์เตอร์ เอมี่ก็บรรยายว่าเธอต้องลำบากมากแค่ไหนที่ต้องทำงานแทนฉัน เธอไม่หยุดพูดจนฉันเสนอเงินค่าแรงครึ่งหนึ่งให้เธอในวันนี้ เป็นเงินจำนวนไม่เยอะที่คุ้มค่าที่สุดเลยล่ะ อย่างน้อยเอมี่ก็ยอมหุบปากซะที

    ผู้จัดการร้านเดินมาตำหนิฉันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือไล่ให้ฉันไปทำงาน ฉันเห็นว่านมนอน-แฟทของเรากำลังจะหมดแล้ว เลยเดินไปหยิบจากตู้เย็นหลังร้านมาให้ และขณะที่ฉันกำลังนั่งยองๆ เอากล่องนมพวกนั้นใส่ตู้เก็บใต้เคาท์เตอร์ เสียงกระดิ่งร้านก็ดังขึ้น ฉันลุกขึ้นยืนมาต้อนรับลูกค้า และก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าคนที่วิ่งเข้ามาในร้านคือคนที่ฉันเพิ่งเห็นเดินออกไป

    ฉันยังคิดไม่ออกว่าเขาชื่ออะไร และตอนนี้เขาก็มายืนตรงหน้าฉันแล้ว เขาหอบเล็กน้อยจากการวิ่ง ตัวเขาเปียกปอน ผมปรกหน้าลงมา เขามีร่มที่ฉันคืนไปไม่ใช่หรอ ทำไมปล่อยให้ตัวเองเปียกแบบนี้ล่ะ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก...

    จะรับอะไรดีคะ"

    เขามองหน้าฉันอึ้งๆ ก่อนจะหัวเราะ

    จำผมไม่ได้เหรอ" ฉันแค่พยักหน้า เขาดูโล่งใจ...ดีใจ? “จำชื่อผมไม่ได้แล้วล่ะสิ"

    ฉันส่ายหน้า "ฉันเป็นคนความจำไม่ดี"

    เค" พอเขาพูดขึ้นมาแบบนั้น ฉันก็นึกออกทันที เขาชื่อเค ฉันจำได้แล้ว

    เค" ฉันเรียกชื่อเขาและพยักหน้าให้อีกที "จะรับอะไรดีล่ะ อเมริกาโน่ร้อนเหมือนที่สั่งบ่อยๆ หรือจะสั่งเครื่องดื่มที่ตัวเองชอบสักที" ใช่ ฉันรู้น่ะว่าเขาไม่ได้ชอบดื่มกาแฟขมๆ แบบนั้นหรอก เพราะทุกครั้งที่เขาสั่ง เขาไม่เคยดื่มมันหมดเลย ไม่ถึงครึ่งแก้วด้วยซ้ำ ฉันแค่คิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงได้สั่งมันตลอด

    รอบหน้าจะไม่ลืมอีกใช่มั้ย" เขาถาม ท่าทางคาดหวัง

    ลืม?”

    ชื่อผม"

    ฉันจะพยายาม" ฉันตอบยิ้มๆ "ทีนี้จะสั่งเครื่องดื่มได้รึยังคะ"

    อันที่จริงผมต้องรีบไปแล้ว" เขาพึมพำและก้มลงมองนาฬิกาอย่างร้อนรน ฉันสงสัยว่าเขากลับมาทำไม ถ้าเขาต้องรีบไปจริงๆ แค่เพราะจะมาถามว่าฉันจำชื่อเขาได้รึเปล่าเนี่ยนะ

    โทรศัพท์มือถือในมือของเขาดังขึ้น และเขาก็กดรับสาย ฉันคงจะต่อว่าเขาแล้ว ถ้าเกิดว่ามีลูกค้าอื่นรอคิวอยู่

    โทรมาทำไม" เขาพูดเสียงห้วน "อยู่ที่ไหนก็เรื่องของฉัน มันไม่ใช่...ฮะ อะไรนะ พูดเป็นเล่นน่ะ" เคหันมาสบตาฉัน และกดตัดสายแม้ว่าเสียงจากอีกฝั่งจะยังดังอยู่ ฉันไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งเขากระโดดข้ามเคาท์เตอร์มาซะดื้อๆ ฉันถอยหลังตกใจและมองซ้ายมองขวา กลัวว่าผู้จัดการจะวิ่งออกมาต่อว่า เคย่อตัวนั่งลงกับพื้น เหมือนกำลังซ่อน

    ทำอะไรน่ะ" ฉันเลิกคิ้วใส่เขา "ถ้าผู้จัดการออกมาเห็นเข้า ฉันจะถูกดุได้นะ"

    ขอผมซ่อนหน่อย" เขาบอก และโทรศัพท์มือถือเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขากดตัดสายและเงยหน้าขึ้นสบตาฉัน "แค่ครั้งนี้เท่านั้นล่ะ"

    ฉันอยากจะปฏิเสธ แต่ไม่รู้จะทำยังไง กระดิ่งประตูร้านดังขึ้นพร้อมกับเด็กผู้ชายในชุดยูนิฟอร์มนักเรียนที่เดินเข้ามา เคชะโงกหน้ามองผ่านเคาท์เตอร์ก่อนจะรีบผลุบซ่อนอย่างรวดเร็ว ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าเขากำลังหลบเด็กผู้ชายคนนี้ ฉันมองพิจารณาคนมาใหม่ ใส่ชุดแบบนี้ต้องอยู่ไฮสกูลแน่ๆ หน้าตากวนประสาท ดูไม่ค่อยเป็นมิตร หรือว่าสองคนนี้จะเป็นครูอริกัน แบบนั้นถ้าพวกเขาเจอหน้ากันก็ไม่ดีน่ะสิ ฉันอาจจะโดนดุได้ถ้ามีคนมาต่อยกันในร้าน

    เด็กคนนั้นเดินวนไปวนมารอบร้าน เขาพยายามมองหาเคทุกๆ ที่ไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำชาย เคนั่งกอดเข่านิ่งๆ คอยเงยหน้ามองฉันตลอด จนในที่สุดเด็กคนนั้นก็เดินมาที่เคาท์เตอร์ ฉันยิ้มและถามอย่างเคย

    จะรับอะไรดีคะ"

    เอ่อ...อันที่จริงแล้วผมมามองหาเพื่อน" เขาตอบและเกาจมูกท่าทางประหม่า "ตัวสูงๆ หน้าตาพอผ่าน เสียงแหบเหมือนคนเป็นหวัดมาสามชาติ แล้วก็...เอ่อ...หน้าตาดูขวางโลก พี่พอจะเห็นคนแบบนั้นบ้างมั้ย"

    ฉันยิ้ม แต่ส่ายหน้า "ไม่นี่คะ"

    งั้นเหรอ" เขาพึมพำ ท่าทางผิดหวัง "ผมไม่มีรูปของหมอนั่นซะด้วยสิ"

    ร้านกาแฟในถนนนี้มีหลายร้าน บางทีเขาอาจจะอยู่ร้านอื่นก็ได้นะคะ"

    นั่นสิ ผมอาจจะจำชื่อร้านผิด" เขายิ้มขืนๆ "ขอโทษด้วยครับ"

    ฉันมองจนเขาเดินออกไปจากร้านแล้วถึงก้มหน้าลงไปมองเคที่ดูโล่งอก

    ไฮสกูลงั้นเหรอ"

    ฮะ" เขาเลิกคิ้วและเงยหน้ามาสบตาฉัน "ผม?”

    ถ้าเพื่อนของเธอใส่ยูนิฟอร์มแบบนั้น แสดงว่าเธอเองก็คงจะอายุไม่ห่างกันล่ะสิ" ฉันพูดเหมือนพูดกับตัวเอง เขาลุกขึ้นมาจากพื้นและปัดๆ กางเกง

    สนใจเรื่องผมด้วยเหรอ"

    เปล่า" ฉันตอบ

    จำชื่อผมได้แล้วใช่มั้ย" เขาถาม เหมือนว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก

    ฉันพยักหน้า เขาอายุเท่าไหร่นะ สิบเจ็ด หรือสิบแปด เขาดูโตเกินไปกว่าจะอายุสิบหกได้ แต่ก็ไม่แน่ เด็กสมัยนี้โตไวจะตายไป

    เธอล่ะ ชื่ออะไร" แม้เขาจะทำเป็นไม่ได้ประหม่า แต่ฉันมองออก เขาไม่สบตาฉันเลยตอนพูด พอมองเขาแล้วมันก็สมเหตุสมผลที่เขายังอยู่ไฮสกูลน่ะนะ

    ฉันไม่ได้บอกเขาว่าฉันชื่ออะไร และโบกมือไล่ "ออกไปได้แล้ว ก่อนที่ผู้จัดการจะมาว่าเอา"

    เขาห่อไหล่ และทำท่าเหมือนกำลังจะปีนออกไป แต่อยู่ๆ ก็ชะงักและหันกลับมาหาฉัน "ไม่ ผมจะไม่ออกจนกว่าเธอจะบอกชื่อ"

    ฉันกลอกตาใส่เขา "มุกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก"

    ดีกว่าไม่ได้ลอง" เขายักไหล่และกอดอก ทำท่าเหมือนว่าจะไม่ไปไหน

    ฉันถอนหายใจ "เธออายุเท่าไหร่ สิบเจ็ดหรือไง"

    อันที่จริงแล้ว...ก็ใช่" เขาพยักหน้า ฉันเผลอหัวเราะด้วยความประหลาดใจ เขาเด็กชะมัด "เธอล่ะ"

    ฉันบอกแล้วไงว่ามุกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก" ฉันส่ายหน้าและดันให้เขาหลบพ้นทาง ลูกค้าคนใหม่กำลังเดินเข้ามาแล้ว ฉันฉีกยิ้มต้อนรับอย่างเป็นมิตร ส่วนเคก็ขยับหลบพ้นทางอย่างรู้งาน ฉันรับออเดอร์ใหม่ และหันไปตะโกนเรียกเพื่อนร่วมงานให้ออกมาช่วย แต่คนที่เดินออกมาจากห้องด้านหลังกลับเป็นผู้จัดการร้าน

    อะไรน่ะ" เขามองไปทางเคและขมวดคิ้ว ฉันอึกอักและสบตาเด็กอายุสิบเจ็ดด้วยความหงุดหงิด เขายังทำหน้านิ่ง ไม่สะทกสะท้านตอนที่ฉันส่งสายตาไล่ "คนรู้จักเธอหรอไคลี่"

    ไคลี่" เคทวนชื่อและหันมามองฉันด้วยสายตาพึงพอใจ ชื่อของฉันมันฟังดูเพราะกว่าความเป็นจริงเวลาเขาพูดมันออกมาแบบนั้น ฉันส่ายหน้ายิ้มๆ และพยักหน้าให้เขา

    ทีนี้จะออกไปได้รึยัง ก่อนที่ฉันจะโดนไล่ออก"

    เธออายุมากกว่าฉันเหรอ" เขายังถามต่อ

    มากกว่าหลายปี" ฉันโบกมือไล่ หลุยส์ เพื่อนร่วมงานอีกคนเดินออกมาพอดี ฉันตะโกนบอกเครื่องดื่มที่เขาต้องทำ ส่วนตัวเองก็หันไปไล่ตัวปัญหาต่อ ผู้จัดการยืนกอดอกมองด้วยท่าทีฉุนเฉียว

    ฉันจะโดนไล่ออก ถ้าเธอยังไม่ไปไหน"

    อายุ"

    จะรู้ไปทำไมกัน"

    มากกว่าหลายปีมันกี่ปีล่ะ สองปี สามปี หรือสี่ปี"

    ...”

    ผมยืนได้จนร้านปิดเลยนะ" เขาโกหก ฉันรู้ เพราะเขาบอกเองว่าเขามีธุระต้องไป และเขาก็ดูรีบร้อนมากด้วย เขาไม่มีทางยืนกวนประสาทฉันได้นานหรอก ฉันรู้ข้อนั้นดี แต่ก็ยังตอบออกไป

    สามปี" เคยิ้มอย่างพอใจ ฉันกลอกตาใส่เขาและโบกมือไล่อีกครั้ง

    ทีนี้จะไปได้รึยัง"

    ไคลี่ อายุยี่สิบ" เขาพึมพำ และเหลือบไปมองผู้จัดการฉัน เขาพยักหน้าก่อนจะรีบกระโดดข้ามเคาท์เตอร์ออกไปอย่างรวดเร็ว ฉันกำลังจะบอกเขาแล้วเชียวว่าให้เดินอ้อมออก ไม่ต้องกระโดดข้ามแบบนี้ก็ได้ แต่เขาอายุสิบเจ็ดนี่นะ

    พรุ่งนี้เธอจะมาทำงานรึเปล่า" เขาหันมาถาม

    ฉันไม่ตอบ และทำหน้าซื่อใส่เขา "ร้านกาแฟเราเปิดตลอด แค่เพราะฉันไม่อยู่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาหาอะไรดื่มไม่ได้หรอกนะ"

    แปลว่าไม่มาเหรอ" ฉันไม่ตอบ เขาคงจะพูดอะไรต่อมาอีกถ้าไม่ติดว่าโทรศัพท์เขาดังขึ้นซะก่อน ฉันเหลือบมองอย่างไร้มารยาทและเห็นชื่อที่ขึ้นหน้าจอ

    'Dad'

    สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลังจากที่เห็นชื่อนั้น เคก้มลงมองโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจะเงยหน้ามาสบตาฉัน

    ผมต้องไปแล้ว" ฉันแค่ยิ้ม ไม่รู้ว่าจะเห็นดีเห็นร้ายอะไร "อย่าลืมจำชื่อผมไว้ด้วยนะ" ฉันเกือบจะหลุดรับปากออกไปแล้วเพราะดูเหมือนว่ามันจะสำคัญกับเขามาก เคกดรับสาย ก่อนจะเดินหมุนตัวออกไปจากร้าน ฉันมองแผ่นหลังเขาที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกประหลาดที่อธิบายไม่ถูก อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกไม่ดีล่ะนะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×