ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #9 : มิติพิศวงที่ 7 [Re]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.31K
      706
      3 ส.ค. 63

     

     

     

     

    มิติพิศวงที่ 7

     

     

     

    การแข่งขันในรอบสุดท้ายของวันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

    เป็นการแข่งระหว่างทีมบาสชูโตคุที่มีเสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่วสแตนเชียร์รอบสนาม กับทีมบาสเซย์รินที่เป็นทีมบาสหน้าใหม่ เพิ่งก่อตั้งได้ไม่กี่ปีแต่กลับเป็นที่จับตามองของหลายคน เนื่องจากสามารถเอาชนะหนึ่งในสามราชันย์อย่างโรงเรียนเซโฮมาได้อย่างฉิวเฉียด..

    ถึงจะบอกว่าฉิวเฉียดแต่ก็ทำได้ดีด้วยลูกเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมเซย์ริน นับได้ว่ามีฝีมือจริงๆ

    อมีเรียมองทีมชูโตคุที่ยังคงเสียงดังราวกับว่าพวกเขาไม่ได้เหนื่อยกับการแข่งก่อนหน้านั้นเลย แล้วหันกลับมามองเปรียบเทียบกับกัปตันทีมตัวเองแล้ว.. – รุ่นพี่ฮิวงะ ดูท่าจะหมดไฟแล้วสินะคะ...?

    “เฮ้อ..เหนื่อยจังเลย” ฮิวงะขมวดคิ้วพร้อมถอนหายใจออกมา “วันนี้ฉันห่อเหี่ยวมาตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ ต้องแข่ง 2 แมตช์รวดแถมยังเจอราชาอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆราวกับว่า กำลังอยากจะนอนพักใจจะขาดอยู่แล้ว ไม่พอยังทำสีหน้าเข้ากับน้ำเสียงของตัวเองอีกต่างหาก

    “ตอนที่แข่งกับเซโฮก็คิดนะว่า ถึงจะชนะแมตช์นี้ได้ก็ต้องแข่งอีกแมตช์หนึ่ง – ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการออมแรงไว้ลุยในรอบต่อไปอีกแล้ว ตอนนี้สบายใจละสิ่งที่เราต้องทำมีแค่อย่างเดียว ลุยให้สุดกำลังจนกว่าจะหมดแรง

    “โอ้ว!”

    อมีเรียสังเกตเห็นว่า สีหน้าของทุกคนที่ตอนแรกมีแต่ความเหนื่อยอ่อน

    บัดนี้พวกเขากลับมีสีหน้าจริงจังมากกว่าก่อนหน้านั้นเสียอีก จนอมีเรียที่ทำหน้ามึนเบื่อต้องเลิกคิ้วมองด้วยความสนใจกับความสามารถในการปรับเปลี่ยนสีหน้าของแต่ละคนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย พวกเขาทำได้ยังไงกันนะ...? แต่จะให้เธอสงสัยพวกเขามันก็ยังไงอยู่ 

    จะว่าไปเป็นเพราะคลุกคลีกับพวกเขาบ่อยๆรึเปล่าน่ะ ในตอนนี้เธอถึงเริ่มมองโครงหน้าแต่ละคนในทีมได้บ้างแล้ว – แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้สัญชาตญาณกับเสียงเพื่อบอกว่าคนนั้นเป็นใครอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องโรคของเธอหาทางแก้ได้ที่ไหนละ ทว่าสิ่งที่อมีเรียไม่เข้าใจจริงๆ ก็คือ ทำไมพวกเขาสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้ไวเหมือนกับแอมมีลี่และเพื่อนร่วมทีมแลปของเธอเลย

    มนุษย์นี่มีหลากหลายสีหน้าจัง....

     

     

     

    การแข่งแมตช์สุดท้ายของวันระหว่าง ทีมเซย์รินและหนึ่งในสามราชาชูโตคุ อมีเรียมองบรรยากาศของทีมชูโตคุที่แผ่ออกมาด้วยความสนใจครู่หนึ่งแล้วหันไปตีแหมะที่แขนคางามิหนึ่งที เด็กหนุ่มมองญาติสาวด้วยความสงสัยว่าทำอะไรก่อนจะมองตามสายตาของอมีเรียที่ยังคงจ้องทีมชูโตคุอยู่

    “สนใจอะไรมีเรีย?”

    “เปล่า...แค่กำลังคิดว่าอีกฝ่ายดูไม่กังวลกับทีมเราเลยนะคะ”

    อมีเรียไหวไหล่เมื่อตนเองเริ่มรู้สึกหมดความสนใจในทีมฝ่ายตรงข้ามแล้วก่อนจะเงยหน้ายิ้มให้คางามิ ปากเล็กขมุบขมิบปากแบบไร้เสียงพร้อมขยิบตาให้อย่างน่ารัก “สู้ๆนะ” นั้นคือคำพูดที่อมีเรียบอกกับคางามิ และเขาก็อ่านมันออกไม่รู้เพราะด้วยความเป็นญาติหรือเพราะตัวติดกันมาแต่เด็กกันแน่ 

    ถึงเขาจะสงสัยในบางมุมของญาติสาวที่ดูเหมือนคนแก่วัยกลางคนเลย ทว่าคางามคงไม่รู้หรอกว่า..

    ความสงสัยของเขานั้นคือความจริง

     

    .

    .

    .

     

    คางามิและคนอื่นๆเดินลงสนามไปรอเข้าแถวตามที่กรรมการสั่ง มีเพียงคุโรโกะที่ยืนคุยกับใครบางคนที่ใส่เสื้อบาสชูโตคุ เขามีผมสีคล้ายชาเขียวสวมแว่นและตัวสูงพอๆกับคางามิหรืออาจจะเตี้ยกว่าเล็กน้อย อมีเรียมองทั้งสองคนด้วยความสนใจพลันในหัวก็มีคำพูดของแอมมีลี่ลอยเข้ามา.. – ผู้เล่นทีมชูโตคุมีรุ่นปาฏิหาริย์ เขาสามารถทำสามแต้มได้อย่างง่ายได้และไม่เคยพลาดเลยแม้แต่ลูกเดียวเป็นคนที่ค่อนข้างน่ากลัวนิดหน่อย สำหรับอมีเรีย...

    “คุณคุโรโกะ..ทุกคนไปรอที่กลางสนามแล้วค่ะ” อมีเรียเดินเข้าไปเมื่อเห็นว่ากรรมการส่งสายตามาเร่งแล้ว

    คุโรโกะหันมามองผู้จัดการสาวเล็กน้อย เขาพยักหน้าก่อนจะหันไปมองอดีตเพื่อนร่วมทีมที่เขาไม่ค่อยจะสนิทมาก “ผมขอค้านนะครับ เซย์รินไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย – เราจะไม่แพ้...เด็ดขาด

    “....”

    อมีเรียมองทั้งสองคนด้วยความสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากว่าทั้งสองจะพูดคุยอะไรกัน เธอมองทีมผู้เล่นชูโตคุที่มาทักคุโรโกะเล็กน้อยก่อนจะชี้นิ้วเป็นการเตือนพวกเขาทั้งคู่ว่า ลงสนามได้แล้ว แต่เหมือนเธอจะไม่ได้อยู่ในสายตาเลยเด็กหนุ่มผมต่างสีทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย

    อา เจ้าเด็กพวกนี้

    “จะพูดอะไรก็ไว้พูดในสนามนะคะ ดิฉันยังไม่อยากโดนท่านกรรมการกลางมองด้วยสายตาคาดโทษว่า ‘ไม่สามารถทำหน้าที่ผู้จัดการทีมในการส่งตัวนักกีฬาลงสนาม’ แล้วก็...คุณกำลังทำให้เสียเวลาที่แสนจะมีค่าค่ะ” อมีเรียพองแก้มที่ไม่มีใครสนใจเธอเลย ก่อนจะหันไปมองคางามิที่จ้องเธออยู่แล้วทำสัญญาณมือ..

    ‘คุโรโกะกับตาหัวเขียวกำลังไป’

    มิโดริมะขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เคยโดนใครพูดไล่แบบสุภาพแต่ความหมายตรงดิ่งด้วยใบหน้ามึนตึงมาก่อน

    เด็กหนุ่มมองเด็กสาวผู้อยู่ในชุดนักเรียนหญิงของโรงเรียนเซย์รินเล็กน้อย ไม่ต้องให้เดาเขาก็รู้ว่า เธอเป็นนักเรียนต่างชาติ ด้วยสีตาและสีผมอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ในเรื่องส่วนสูงของเธอดูเหมือนจะต่ำกว่ามาตรฐานลูกครึ่งไปหน่อย.. ทว่าเมื่อมองเห็นป้ายที่ห้อยอยู่ที่คอของเธอเขาก็รู้แล้วว่า

    เด็กสาวตรงหน้าเป็นผู้จัดการคนใหม่ที่ลือกัน.. – แค่หน้าสวย สุภาพ ตัวเล็ก อกใหญ่ ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน... มิโดริมะคิดก่อนจะเดินลงสนามตามหลังคุโรโกะ

    เมื่อผู้เล่นลงสนามครบแล้ว กรรมการก็ทำการพูดเปิดเล็กน้อยพอเป็นพิธีสำหรับการแข่งนัดชิงชนะเลิศรอบคัดเลือกบล็อก A ถามว่าอมีเรียใส่ใจฟังไหม ไม่เลยเธอไม่ได้ฟังในสิ่งที่กรรมการกำลังจะพูด ตอนนี้เธอกำลังจัดเตรียมของว่าง น้ำและผ้าขนหนูอยู่ พอกลับมาจากการไปเติมน้ำเธอก็เห็นว่าเริ่มการแข่งไปเสียแล้ว

     

    “เริ่มแล้วงั้นหรอคะ?” อมีเรียส่งขวดน้ำให้ริโกะก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ

    “อืม..ถ้าเล่นชิวๆ กับคู่แข่งที่เหนือชั้นกว่าก็เหมือนแจกของขวัญให้เขาคุมเกมส์ได้น่ะสิ ” ริโกะพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    “...อ่อ” อมีเรียพยายามที่จะทำความเข้าใจ 

    ถึงเธอจะเริ่มสนใจในกีฬาบาสแต่ใช่ว่ามันจะน่าสนใจเท่ากับการทำแลป ดังนั้นเรื่องการมองเกมหรือการดูสถานการณ์ในสนาม เธอก็ไม่ได้ชำนาญอะไรมากเท่าริโกะหรือคนอื่นๆที่ดำรงตำแหน่งโค้ชและผู้จัดการทีม พูดตามตรงที่มาเป็นผู้จัดการทีมก็เพราะโดนคางามิลากคอให้เข้ามาอยู่ในชมรมเดียวกัน ก็เท่านั้นเอง...

    “...ว้าว มีคนโดดสูงปัดลูกของไทกะได้ด้วย” อมีเรียผิวปากเสียงเบา 

    เธอกลอกสายตาไปมาเพื่อสังเกตผู้เล่นในสนาม ว่ากันตามตรงลูกเล่นเมื่อครู่ไวมากและคาดว่าจะทำแต้มแรกได้แต่ก็โดนสะกัดโดยมิโดริมะที่กระโดดสูงได้พอๆกับคางามิ ดังนั้นลูกบาสจึงตกเป็นของทีมชูโตคุอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้ยินหรอกว่าชายผมเขียวที่สามารถโดดบล๊อคลูกของไทกะได้นั้นพูดอะไร 

    แต่ที่เธอสนก็คือไอ้ความใจร้อนกับคำพูดของคนอื่นอย่างคางามิ ไทกะ ที่กำลังทำให้อมีเรียขมวดคิ้วยุ่ง

     

    ร่างเล็กผุดลุกขึ้นเดินไปอยู่ขอบสนาม ดวงตาสองสีมองการเล่นของทีมชูโตคุเพื่อวิเคราะห์ว่าอีกฝ่ายจะใช้ลูกเล่นไหนในการทำคะแนนไปด้วย อย่างน้อยๆการช่วยวิเคราะห์และหาทางแก้ไขสถานการณ์ให้แก่คนในทีมก็ยังดีกว่าการปล่อยให้ไทกะใจร้อนวู่วามไปเรื่อยจนได้รับบาดเจ็บละน่ะ แค่หวังว่าการวิเคราะห์กีฬากับการวิเคราะห์แลปมันจะคล้ายๆกัน

    อมีเรียจ้องไปยังผู้เล่นทั้งสองของชูโตคุที่บุกเข้ามาเพื่อทำคะแนนก่อนจะมองดูว่าใครที่พอจะบล๊อคการทำคะแนนได้บ้าง และนั้นก็เป็นอีกครั้งที่อมีเรียเริ่มทำการควบคุมสนามเหมือนในครั้งที่แข่งกับโรงเรียนเซโฮ – อมีเรียมองจังหวะการส่งลูกก่อนจะตะโกนบอกฮิวงะเสียงดัง

     

    “รุ่นพี่ฮิวงะโดดบล๊อคแล้วปัดบอลค่ะ!”

     

    “!!!”

    ปึก!

     

    ฮิวงะตกใจกับเสียงตะโกนของอมีเรียแต่เขาก็เลือกที่จะทำตามที่หญิงสาวบอก เขาที่อยู่ในตำแหน่งใต้แป้นพอดีกระโดดขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของผู้จัดการทีมไม่ต้องคิดไม่ต้องอะไร ทำตามที่เธอพูดน่าจะดีสุด! และนั้นก็ทำให้เขาสามารถปัดการชู๊ตลูกของผู้เล่นเบอร์ 5 ทีมชูโตคุได้อย่างง่ายดายแถมไม่ต้องมีการฟาวล์ใดๆเกิดขึ้น 

    ตอนนี้ลูกบาสเป็นของทีมเซย์รินอีกครั้ง ทว่าพวกเขาก็ถูกประกบจนไม่สามารถขึ้นไปทำแต้มได้เลย

    อมีเรียมองการประกบที่แทบจะสมบูรณ์ของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมก่อนจะแสยะยิ้ม ผมยาวที่ปล่อยเอาไว้ถูกรวบตึงขึ้นไปพร้อมกับดวงตาสองสีที่ถูกเผยให้เด่นชัด – ไหนดูสิ..ฉันขอใช้ความสามารถในการจดจำภาพเสียหน่อย... ยังไงซะฉันก็ไม่ได้ลงเล่นอยู่แล้วแค่ตะโกนสั่งการบอกก็เพียงพอ..

    แค่ช่วยให้สามารถคุมคะแนนในควอเตอร์แรกได้ก็คงจะเพียงพอต่อกำลังใจของทีมแล้วละมั้ง..

    ถ้าแอมมารู้ว่าเราเปลี่ยนเรื่องราวละก็ คงได้ช็อกตาตั้งแน่นอนเลย..ไม่สิเธอแค่ไม่อยากทำตัวโดดเด่นจนเกินไปจนกว่าจะหาทางกลับไปโลกเดิมได้ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นเธอก็จะขอใช้ความสามารถให้ถึงที่สุดซะก่อนละนะ เพื่ออาหารว่างที่คางามิอาสาจะทำให้ทาน.. – อมีเรียติดใจฝีมือในการทำอาหารของคางามิจริงๆ อร่อยยิ่งกว่าเธอที่เป็นผู้หญิงทำเสียอีก

    อมีเรียคิดไปเรื่อยก่อนจะสังเกตเห็นช่องว่างหนึ่งที่เผยออกมา เป็นการชู๊ตลูกที่สมบูรณ์แบบมากแต่ทว่ามันก็มีจุดอ่อนของมันเหมือนกัน อมีเรียยิ้มเมื่อเห็นคุโรโกะวิ่งไปใต้แป้นบาสฝั่งตนเองในขณะที่คางามิวิ่งไปยังแป้นบาสฝั่งตรงข้าม อ่า...คุโรโกะหัวไวใช่ย่อย มาดูกันว่าเขาจะใช้วิธีไหนในการส่งลูกข้ามฝั่ง – อมีเรียสบตาคุโรโกะครู่หนึ่งแล้วส่งยิ้มให้ห่อนจะตะโกนอีกครั้ง

    “รุ่นพี่ฮิวงะประกบเบอร์ 5 รุ่นพี่อิซึกิประกบเบอร์ 10 ”

    “!!?”

    ฮิวงะและอิซึกิวิ่งไปประกบตามเสียงของอมีเรียทันทีและนั้นก็เป็นการเปิดโล่งตรงกลางไว้ให้คุโรโกะที่รอส่งลูก ทางด้านอีกทีมก็ดูเหมือนจะรู้ตัวแล้ว แต่มันก็ช้าเกินไป อมีเรียมองใบหน้าของคุโรโกะที่รอใช้ท่าของเขาแล้วชูมือขึ้นเป็นสัญญาณที่รู้กันแค่กับคางามิเป็นการบอกให้เขาเตรียมตัว

    ฟิ้ว!

    คุโรโกะหมุนตัวส่งลูกบาสพุ่งตรงไปตามทางที่อมีเรียได้สั่งการเคลียร์เอาไว้ ลูกที่ถูกส่งด้วยแรงหมุนและเหวี่ยงของผู้เล่นมายา พุ่งไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางการตกตะลึงของทั้งผู้เล่นในสนามและผู้ชมนอกสนาม คางามิรับลูกนั้นได้ตามสัญญาณมือของอมีเรียก่อนที่เขาจะโดดดั๊งลูกอย่างสวยงามจนเกิดเสียงดัง ปึง! สนั่นไปทั่วโดม

    “เอาคืนในพริบตาเลยแหะ”

    “สุดยอด!”

    อมีเรียได้ยินเสียงบางส่วนดังมาจากผู้ชมทั่วสนาม ก่อนจะหันไปมองริโกะที่อ้าปากค้างกับการสั่งการของอมีเรียที่เหมือนรู้ล่วงหน้า แต่เมื่อมองรอยยิ้มและสบเข้ากับดวงตาสองสีของอีกฝ่ายแล้วริโกะก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมายังไงไม่รู้

    เหมือนกับว่าอมีเรียคือคนที่มีประสบการณ์มาก่อนยังไงยังงั้นเลย..ราวกับเป็นมืออาชีพในการอ่านเกม

    เพราะการส่งลูกข้ามฟากของคุโรโกะมันสุดยอดและไม่น่าเชื่อ จึงทำให้ทั้งในและนอกสนามต่างตกตะลึงกัน อมีเรียมองมือที่กำแน่นของมิโดริมะแล้วยกยิ้มเล็กน้อย ถึงเธอจะมองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็ตามแต่ด้านการสังเกตอารมณ์จากภาษากายก็ค่อนข้างง่ายสำหรับเธอ

    อาจเป็นเพราะมิโดริมะมั่นใจในการชู๊ตของตนเองว่า ต้องลงอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่เขาหันหลังก็เท่ากับเปิดช่องว่างให้คุโรโกะส่งลูกไปให้คางามิที่วิ่งไปรอใต้แป้นอยู่ก่อน..

    อมีเรียมองมิโดริมะที่โดนคางามิประกบ แล้วเลื่อนสายตาไปมองคุโรโกะที่วิ่งไปรอใต้แป้น เธอเดาออกว่าเขาไม่มีทางชู๊ตสามแต้มแน่นอนเพราะหากชู๊ตคุโรโกะก็จะทำการส่งลูกไปให้คางามิทำแต้ม มิโดริมะจึงทำการสลับการส่งลูกไปให้คนอื่นให้ไวที่สุดแต่ลูกก็ถูกปัดด้วยฝีมือของอิซึกิที่อมีเรียตะโกนบอกให้เข้าไปปัด – ทว่ามันก็ยากอยู่ดีที่จะเข้าไปทำแต้มนอกซะจากจะชู๊ตทำคะแนนสามแต้มเหมือนมิโดริมะ..แต่ในตอนนี้ฮิวงะยังโดนประกบแน่น

    แต่แล้วลูกก็ดันหลุดไปอยู่ในมือของผู้เล่นเบอร์ 10 ฝั่งชูโตคุได้ซะงั้น... 

    ดวงเนตรสองสีหรี่ลงยามมองการเลี้ยงลูกของเขาที่ดูแตกต่างจากตอนแรก แล้วเธอก็ต้องผิวปากถูกใจอีกรอบ เธอเชื่อเลยว่าทีมชูโตคุไม่ได้มีดีแค่ชื่ออย่างเดียวจริงๆ อมีเรียมองผู้เล่นเบอร์ 4 ที่มารอด้านหลังอยู่แล้วด้วยความชื่นชม ทันทีที่เขาได้ลูกและเตรียมชู๊ตอมีเรียก็ทำในสิ่งที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายไม่คาดคิด

    “รุ่นพี่โคงาเนะกระโดดปัดเลยค่ะ”

    ห๊ะ?!

    ไม่ต้องรอให้ตกใจนานโคงาเนะก็ทำตามที่อมีเรียพูดทันที ถึงเขาจะไม่ได้กระโดดสูงมากเท่าคางามิหรือคนอื่นๆแต่ในเมื่อผู้จัดการทีมสั่งเขาก็ต้องทำ! ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมแต่ร่างกายของเขามันก็กระโดดตามคำสั่งไปแล้ว โคงาเนะกระโดดทันทีตามที่เธอบอกพร้อมชูมือขึ้นสูงแล้วปัดลูกที่กำลังลอยเคว้งคว้างกลางอากาศเพื่อไปยังตำแหน่งเป้าหมาย...

    ปึก!

    เขาปัดลูกชู๊ตได้จริงๆ!

    โคงาเนะมองมือของตนที่เพิ่งจะสัมผัสกับลูกบาสเมื่อครู่ ด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อสลับกับมองอมีเรียที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ขอบสนาม เขากำมือที่เพิ่งปัดลูกได้หมาดๆแล้วเริ่มวิ่งไปประกบผู้เล่นฝั่งชูโตคุที่ว่าง ลูกบาสที่ถูกปัดกระดอนไปอยู่มือของฮิวงะก่อนที่มันจะถูกส่งต่อไปให้คุโรโกะพลาสต์ลูกไปยังอิซึกิที่วิ่งไปรอทำแต้ม

    สวบ!

    เสียงชู๊ตลูกดังขึ้นพร้อมกับคะแนนของฝั่งเซย์รินที่เริ่มตามชูโตคุเข้ามา

    ริโกะดีใจจนนั่งไม่ติด ตอนนี้เธอออกมายืนข้างๆอมีเรียที่กำลังจับคางวิเคราะห์รูปแบบการเล่นของฝั่งชูโตคุด้วยสีหน้ามึนอึน แต่ก็แผ่ความสบายออกมาให้ริโกะได้รับรู้ ถึงจะสงสัยในตัวรุ่นน้องแต่ในตอนนี้เธอกำลังดีใจมากกว่า.. – เซย์รินทำคะแนนได้อีกแล้ว อมีเรียมองโค้ชของทีมชูโตคุที่สั่งการอะไรบางอย่างก่อนจะแสยะยิ้มแล้วหันไปกระซิบกับริโกะ..

    “จริงดิ?!” ริโกะตกใจ

    แต่อมีเรียก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมนอกจากสิ่งที่กระซิบไปเมื่อครู่

    ริโกะถึงจะไม่เข้าใจสิ่งที่รุ่นน้องบอก แต่เธอก็ทำตามโดยการเดินไปหากรรมการกลางเพื่อแจ้งการเปลี่ยนตัว แล้วเปลี่ยนเอาคุโรโกะออก เด็กสาวคาดเดาสายตาของโค้ชฝั่งตรงข้ามออกว่าเขาจะให้ผู้ชายที่สวมเสื้อเบอร์ 10 เปลี่ยนมาประกบคุโรโกะ เพราะมีแค่คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นและบล๊อคคุโรโกะได้ 

    อย่างน้อยการเอาคุโรโกะออกมาก็เป็นการดีต่อตัวเขาเอง...ให้เขาออกมาเพื่อสังเกตการเล่นของอีกฝ่าย

    ปรี๊ด!

    “เซย์รินของเปลี่ยนตัว”

    เสียงเป่านักหวีดคั่นเวลาดังขึ้นทำให้การเล่นของคนในสนามหยุดชะงักเช่นเดียวกับโค้ชชูโตคุที่เหลือบมองโค้ชสาวที่ยืนอยู่ข้างกรรมการ เขากำลังสงสัยว่าเด็กสาวคนนั้นคิดจะทำอะไร เช่นเดียวกับคนในสนามเพราะเป็นการเริ่มเกมได้ไม่นานแต่จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นแล้ว

    “คุโรโกะออกมาพักก่อน”

    ห๊ะ! 

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    คุโรโกะกำลังทำหน้ามึนไม่เข้าใจตอบโต้กับใบหน้ามึนของอมีเรียที่ยืนมองเขาอยู่ เขากำลังไม่เข้าใจความคิดของผู้จัดการสาวจริงๆ อมีเรียเองก็ยิ้มไม่บอกอะไรเขามากนอกจากชี้ให้สังเกตผู้เล่นเบอร์ 10 ที่ถูกประกบด้วยมิโตเบะและนั้นยิ่งทำให้ทั้งเขาและริโกะไม่เข้าใจ จนอมีเรียต้องเปิดปากพูดอธิบายอย่างช่วยไม่ได้..

    “รุ่นพี่โคงาเนะบอกว่ามีคนหนึ่งที่สังเกตเห็นคุโรโกะได้ใช่มั้ยละ..เราแค่เดาว่าคนนั้นน่าจะเป็นเบอร์ 10 และถ้าให้เดาตอนนี้โค้ชของชูโตคุเองก็คงจะจับทางคุโรโกะได้แล้ว เขาคงจะให้เบอร์ 10 เปลี่ยนมาประกบคุโรโกะ – การให้คุโรโกะออกมานั่งสังเกตการณ์และหาทางพลิกแพลงมันจะเป็นการดีที่สุดค่ะ”

    “อ่อ...อมีเรียจังคาดเดาได้ไวจังเลยนะครับ” คุโรโกะพยักหน้าอย่างเข้าใจ 

    ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจความคิดของผู้จัดการสาวบ้างแล้ว

    “งั้นเหรอ?...คงงั้นมั้งค่ะ” อมีเรียไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

    อมีเรียกลับไปยืนอยู่ขอบสนามอีกครั้ง ในคราวนี้เธอไม่ได้ตะโกนสั่งการใดๆนอกจากยืนขมวดคิ้ว แล้วจับตามองการแข่งที่ดำเนินไปอย่างดุเดือด อาจจะมีคนเริ่มเดาออกแล้วว่าเธอเป็นอีกคนที่จะพลิกเกมให้กับเซย์รินได้ ดังนั้นการที่เธอเงียบบ้างก็ยังดีกว่าการตะโกนบอกตลอดเวลาให้ทีมเซย์ริน เสียเปรียบ... – อมีเรียปล่อยให้เกมมันลื่นไหลไปอย่างนั้นด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เธอไม่เครียดเลยว่าชูโตคุจะบุกทำคะแนนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่

    ยังไงสุดท้ายแล้ว..ชัยชนะก็เป็นของเซย์รินอยู่ดี....

    ทำไมถึงรู้น่ะเหรอ....?

    ก็เธอคือคนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง ผู้บังเอิญดันมาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเข้า

    ถึงจะหาสาเหตุด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักวิทยาศาสตร์อย่างเธอที่วันๆเอาแต่อ่านหนังสือและเข้าแลป – ส่วนเนื้อหาในเรื่องคุโรโกะ...ต้องขอบคุณแอมนั้นแหละที่เอาเวลางานมาเปิดฉายเสียงดังลั่นแลปจนเธอได้อานิสงค์ด้วย ขอบคุณมากๆเลย (อมีเรียกัดฟันพูดพร้อมกำหมัดเสียแน่น)

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    ในตอนนี้จบควอเตอร์ 1 ไปแล้วเรียบร้อย

    ทุกคนดูเหนื่อยหอบกันมากจนอมีเรียหัวเราะเสียงแห้ง เธอไม่ได้ช่วยพวกเขาเลยแม้แต่น้อยแต่เป็นทุกคนในสนามที่ช่วยกันโดยเฉพาะคางามิที่ดูจะเล่นหนักไปหน่อยจนอาการปวดที่ขากลับมาอีกครั้ง แน่นอนว่าตลอดการเฝ้าดูของอมีเรียนั้นเธอก็พอจะจับทางของฝั่งชูโตคุได้ โดยเฉพาะกับมือชู๊ตอย่างมิโดริมะที่ชู๊ตสามแต้มข้ามสนามแบบปิดท้ายการจบควอเตอร์

    แต้มในตอนนี้คือ 13 : 19 ชูโตคุนำเซย์รินอยู่ 6 แต้มด้วยลูกชู๊ตสามแต้มของมิโดริมะ 

    ถือได้ว่าเป็นงานช้างเพราะถ้าหากฝั่งตรงข้ามทำให้เกมกลายเป็นของพวกเขา มันก็จะยิ่งยากต่อการทำคะแนนเสมอหรือทำคะแนนนำได้ แต่ก็ยังเหลืออีก 3 ควอเตอร์ – สำหรับในการแข่งบาสจะแบ่งการแข่งออกเป็น 4 ควอเตอร์ แต่ละควอเตอร์จะใช้เวลา 10 นาทีในการแข่งซึ่งรวมแล้วก็เป็น 40 นาที ดูจากสภาพในการแข่งแค่ 10 นาทีแรกของคางามิแล้ว อมีเรียมีความคิดว่าควรให้เขานั่งพักระหว่างควอเตอร์ที่สองไม่ก็สาม เพื่อไปปิดฉากตอนจบเกมส์

    “ทำหน้าเครียดทำไมคะ?” อมีเรียเอาผ้าขนหนูวางแหมะลงบนหัวของคางามิ

    “..มีเรีย”

    “ก็แค่การชู๊ตสามแต้มข้ามสนามเองนะคะ” อมีเรียยิ้ม 

    เธอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่า เรื่องนั้นไม่ได้ทำให้เธอตกตะลึงหรือรู้สึกทึ้งแต่อย่างใดนอกจากขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยเท่านั้นเอง..

    อมีเรียปล่อยให้นักกีฬาได้พักส่วนเธอเข้าไปสอบถามกรรมการสนามว่าขอใช้สนามบาสในช่วงเวลาพักของนักกีฬาได้หรือไม่ แน่นอนว่าคำตอบคือ ‘ใช้ได้’ แต่เพราะอยู่ในช่วงแข่งขันเลยไม่มีใครเข้ามาถามแบบเธอสักเท่าไหร่ อมีเรียโค้งตัวขอบคุณเหมือนที่เคยเห็นในหนังก่อนจะเดินออกไปหาริโกะที่กำลังวางแผนกับทุกคนอยู่ – 

    เด็กสาวมองสีหน้าของทุกคนที่กำลังเคร่งเครียด สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเดินออกไปอยู่ใต้แป้นบาสคนเดียว

    เอาเถอะ...อุตส่าห์ไปขออนุญาตกรรมการสนามกับกรรมการกลางว่า จะใช้สนามในช่วงพักของนักกีฬาซ้อมให้ตัวสำรองเสียหน่อย แต่ทำหน้าเครียดกันแบบนั้นเธอคงไม่เข้าไปชวนมาซ้อมให้โดนมองด้วยสายตาประหลาดหรอก..

    งั้นในตอนนี้เธอจะขอลองชู๊ตระยะไกลของมิโดริมะเสียหน่อย – ในเมื่อดวงตาของเธอสามารถเรียนรู้และจดจำภาพได้ง่าย...แค่เทคนิคการเล่นบาสของอีกฝ่ายที่ไม่มีใบหน้า มันคงไม่ยากเท่ากับตอนไปเล่นสกีกับพวกแอมหรอกมั้ง ที่เธอโดนแกล้งตลอดการเล่นเลย

    ตึก ตึก

    อมีเรียเดะลูกบาสสองสามทีเพื่อทำความคุ้นชินกับมัน ก่อนจะลองเพิ่มความเร็วนการเดะมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนกำลังจมอยู่กับการประชุมเพื่อหาทางรับมือของแต่ละฝ่าย ส่วนคนดูก็ออกไปข้างนอกบ้างนั่งเล่นโทรศัพท์บ้าง คงไม่มีใครมาให้ความสนใจกับผู้หญิงคนเดียวในสนามหรอก คิดว่านะ...

    ตึก ตึก

    จะว่าไปสนามบาสสะอาดกว่าที่คิดเลย (หลุบตามองพื้นสนาม)

    อมีเรียมองสนามบาสที่ผ่านการเล่นไปแล้วถึงสองสามรอบ ด้วยแววตาตื่นเต้นก่อนจะลองเลี้ยงลูกเข้าไปใกล้ทีมเซย์รินที่กำลังนั่งจับเข่าคุยกันอยู่ แต่ก็ไม่มีใครสนใจเธอเลยแม้แต่น้อยแต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากสำหรับอมีเรีย ในอีก 5 นาทีจะหมดเวลาพัก อมีเรียจึงขอลองชู๊ตลูกสามแต้มระยะไกลแบบมิโดริมะ ทว่าของเธอคือการยืนอยู่นอกสนามแข่ง

    ฮึบ

    สวบ!

    “...เข้าด้วย?” 

    อมีเรียเลิกคิ้วมองผลงานของตนเอง หางตาเธอพลันเหลือบเห็นใครบางคนเข้า เด็กสาวจึงหันไปขยิบตาให้กรรมการสนามที่เธอไปขออนุญาตเป็นการล้อเลียน อมีเรียทำท่าให้เขาเงียบเรื่องเธอชู๊ตเมื่อครู่เอาไว้แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆริโกะราวกับว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้ทำอะไรเลย ทิ้งให้กรรมการสนามอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งลูกบาสกลิ้งเข้ามาอยู่ใต้เท้าของเขา

    เซย์ริน...มีบุคคลที่น่าสนใจอยู่ด้วย!!!

    เขาคิดด้วยความตะลึงพอหันไปมองกรรมการกลางอีกสามคนที่นั่งจดคะแนนอยู่ก็ยิ่งมั่นใจว่าการชู๊ตลูกเมื่อครู่ของผู้จัดการสาวนั้น เป็นของจริงไม่ใช่ภาพลวงตาเป็นการชู๊ตสามแต้มจากนอกสนาม แถมเป็นชู๊ตที่แม่นยำอีกด้วยหากกีฬาบาสหญิงเด่นดังเทียบเท่าบาสชายก็ดีนะสิ เด็กคนนั้นอาจจะเป็นตัวท๊อปของญี่ปุ่นก็ได้!!

     

     

     

     

    …………………………………….

    ทยอยมารีไรท์ทีละนิดนะคะ ส่วนภาคสองตอนใหม่ก็กำลังไล่แต่งค่ะแต่จะมาอัพลงก็ต่อเมื่อรีไรท์ไปจนถึงตอนล่าสุดนะคะ ขอบคุณที่ติดตามและให้การสนับสนุนเสมอมาค่ะ

     

    By. ภูติสีเทา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×