ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #59 : มิติพิศวง ภาค 2 ตอนที่ 15 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.98K
      233
      22 ก.ย. 64

     

    มิติพิศวง ภาค 2

    ตอนที่ 15

     

     

    [ เรื่องราวทั้งหมด ]

     

     

     

     

    หลังจากจบเรื่องราวที่แสนจะวุ่นวายลงได้เสียที

    ในเช้าวันหยุดของวันอาทิตย์ที่อมีเรียไม่ต้องไปเรียน เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์กำลังอยู่ในอารมณ์ที่ค่อนข้างคงที่ เมื่อเทียบกับหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุที่อมีเรียไม่ต้องไปเรียนก็เป็นเพราะ 

    นี่เป็นวันสุดท้ายของการแลกเปลี่ยนที่ราคุซัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปโรงเรียนราคุซันอีก ส่วนเอกสารที่คอยตื้อให้ประธานนักเรียนหัวแดงเซ็นอนุมัติ ก็ได้รับมันตามที่ต้องการแล้ว

    แถมกว่าจะยอมเซ็นให้แต่โดยดี ก็ทำเอาอมีเรียรู้สึกอยากจะชิ่งหนีไปจากที่นี่ซะเหลือเกิน แล้วบทจะดีก็ดีเสียจนเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์ถึงกับขนลุกพรึบ หวาดระแวงว่าเขาจะวางแผนอะไรขึ้นมาอีก— และมันก็ไม่ต่างจากที่อมีเรียกลัวเลยอาคาชิ เซย์จูโร่ยื่นข้อต่อรองให้เธอไปขี่ม้ากับเขา 

    โดยที่เขาไม่ได้รู้เรื่องเบื้องต้นสำหรับเด็กสาวเลยสักนิด

    แต่มันก็ไม่แปลกหรอกเพราะเรื่องนั้นมีแค่ตัวเธอกับเทรย์เวอร์เท่านั้นที่รู้เรื่อง

     

    อมีเรีย กลัว ม้า 

     

    ทั้งอมีเรียที่เป็นนักวิจัย และอมีเรียนักเรียนปกติของโลกใบนี้ ทั้งสองมีสิ่งที่เหมือนกันอย่างน่าตกใจอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะปมเรื่องกลัวม้าที่เหมือนกันราวกับแกะ คือเธอวัยเด็กที่เคยโดนม้าดีดตกหลังมันมาก่อน

    เกือบตายด้วยซ้ำในวันนั้น แต่ก็รอดมาได้หวุดหวิด

    เพียงแลกกับการที่อมีเรียจะหวาดกลัวม้าไปชั่วชีวิตนี้-- มหัศจรรย์ใช่มั้ยละ

    เพราะงั้นทันทีที่อาคาชิเอ่ยปากเกริ่นเรื่องไปขี่ม้า อมีเรียก็ทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้แก่เขา แล้วเอ่ยปฏิเสธชัดเจนเสียงเข้ม ไม่มีเว้นช่วงหรือให้โอกาสในการต่อรองและยังไม่มีอ่อนข้อให้เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงอย่างนั้นสำหรับอาคาชิแล้วคำพูดของเขาคือประกาศิต 

    ทว่าทันทีที่ความเอาแต่ใจของราชาจะถูกขุดขึ้นมา เขาก็ต้องชะงัก

    นัยน์ตามณีคู่สวยที่เคยเป็นประกายชีวิตชีวาพลันเย็นชาขึ้นมาทันที— สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้อาคาชิชะงักความคิดที่ต้องการเอาชนะ แล้วเริ่มไตร่ตรองความคิดของตัวเองให้ดี

    ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะพลาดข้อมูลบางอย่างที่สำคัญไปก็เป็นได้

     

    “ทำไมเธอถึงไม่อยากไปขี้ม้า” 

    “....”

    แม้จะถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาด อีกทั้งเด็กสาวคนนั้นยังแสดงออกชัดเจนถึงความเป็นปรปักษ์ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาระหว่างรอชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายร่วมสายเลือดของเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสองสี ซึ่งวันนี้พอดีนัดว่าจะเข้ามาพูดคุยเรื่องงานที่จะร่วมหุ้นด้วย 

    กับคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะเอ่ยขึ้นมา ทว่าก็ถูกคาดเดาเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน ก็ในเมื่อเธอนั้นแสดงออกชัดเจนเสียอย่างนั้น-- อมีเรียวางถ้วยชาที่เพิ่งจิบลงบนจานรองแก้วอย่างเบามือ แล้วจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าสุขุมพยายามปกปิดแววตาอันเต็มไปด้วยคำถาม

    แล้วหลุบตามองผิวน้ำชาในถ้วย 

    “ทำไมคุณต้องอยากรู้ขนาดนั้นด้วยคะ” ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราเกิดขึ้นด้วยคำว่า ผลประโยชน์ ดังนั้นแล้วอมีเรียไม่สามารถให้คำตอบแก่ตัวเองได้เลยว่าเหตุฉะไหนเขาถึงได้เกิดสนใจในตัวเธอเช่นนี้

    “ในเมื่อมันก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้คุณไม่ใช่เหรอคะ คุณอาคาชิ” 

    “....นั่นสิ” เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากรู้

    “....”

    เสียงขานรับที่เบาหวิว แสดงออกชัดเจนถึงความไม่เข้าใจในตัวเองเช่นเดียวกัน 

    และการที่อาคาชิ เซย์จูโร่เกิดความลังเลไม่เข้าใจตัวเองแบบนี้ อมีเรียก็ไม่ได้ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน— เธอทำเพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง ปล่อยให้บรรยากาศกลับมาสงบเงียบโดยมีอาคาชิให้ความร่วมมือโดยการหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา

    เพียงแต่ย้ายที่นั่งจากฝั่งตรงข้าม มานั่งข้าง ๆ เด็กสาวก็เท่านั้น 

    ที่จริงแล้วในวันหยุดเช่นนี้ควรจะเป็นเวลาของครอบครัวทั่วไป น่าเสียดายที่นายอาคาชิต้องกลับเข้าไปเคลียร์งานบางส่วนที่บริษัทเขา โดยปล่อยให้ลูกชายเพียงคนเดียวทำหน้าที่ดูแลแขกและพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจในเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้

    อย่างน้อย ๆ คนอย่างเทรย์เวอร์ย่อมต้องรักษาสัญญาอย่างแน่นอน 

    ถึงแม้จะแพ้พนัน— แต่นั่นก็ได้ผลประโยชน์ในหลาย ๆ ฝ่ายโดยที่แทบจะไม่มีคนเสียผลประโยชน์ หนึ่งก็คือการหมั้นหมายเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างอาคาชิกรุ๊ปกับคาร์เชลกรุ๊ป

    สิ่งนี้จะบอกได้ว่าเป็นกระดานหมากที่ถูกแทรกแซงก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่

    และคนที่แทรกเข้ามาปรับสมดุลระหว่างข้อตกลงคนทั้งสองก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นอมีเรียผู้ถูกวางเดิมพันนั่นเอง เธอเริ่มเข้ามาแทรกตั้งแต่ที่รู้เรื่องเครือธุรกิจของผู้เป็นพี่แล้ว

    เพราะถึงต่อให้มีอำนาจทางธุรกิจในต่างประเทศมากแค่ไหน แต่ถ้ายังขาดเส้นสายในประเทศเพื่อเปิดทางธุรกิจใหม่ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเงินมาโปรยเล่นให้พวกโลภมากมากอบโกย ดังนั้นแล้วเทรย์เวอร์จึงจำเป็นต้องดึงน้องสาวเพียงหนึ่งเดียวของตัวเองให้มาเป็นหมากบนกระดาน

     

    เริ่มแรกก็คือส่งน้องมาที่ญี่ปุ่น 

    เหตุผลใหญ่ก็คือให้มาพักรักษาตัว หลบหนีเรื่องราวในอดีตบางอย่าง โดยมีเหตุผลรองลงมาคือให้น้องสาวสร้างสายสัมพันธ์กับคนอื่นให้มากที่สุด โดยเฉพาะพวกที่มีอิทธิพล— โชคร้ายที่อมีเรียเป็นพวกไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปยุ่งในเรื่องวุ่นวาย เหตุผลรองข้อนั้นเลยถูกปัดตก 

    ก็เหลือแค่เพียงสร้างชื่อเสียงให้อมีเรียเพื่อแลกกับความสนใจของพวกที่มีอิทธิพลทั้งหลาย

    และมันก็ได้ผลหลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปได้ไม่นาน

     

    แต่จะบอกว่าอมีเรียเป็นหมากบนกระดานเพียงอย่างเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะเธอเองก็เดิมพันหมากเช่นเดียวกัน— เดิมพันว่าคนอย่างเทรย์เวอร์จะใจแข็งกล้าใช้ผลประโยชน์จากน้องสาวมากแค่ไหน ซึ่งก็ตามที่เห็น คือเขาใช้ประโยชน์จากเธอแค่ไม่นานก่อนหยิบหมากอย่างเธอออกจากกระดานในทันที

    เทรย์เวอร์ คาร์เชล เป็นใคร....? 

    ประโยคคำถามนี้สำหรับอมีเรียมันช่างเป็นคำถามที่ลอยปะปนอยู่ภายในหัวอย่างไม่รู้จบ แต่กลับไม่สามารถหาคำตอบมาไขคำถามได้ง่าย ๆ เลย 

    ในบางครั้งเขาก็เหมือนพี่ชายสติเพี้ยน บางครั้งก็เหมือนบอสในโลกเดิมของเธอไม่มีผิด 

    นั่นแหละมั้งที่ทำให้อมีเรียระวังตัวจนรับรู้ว่าตัวเองถูกวางลงในกระดานหมากธุรกิจ

    และโชคดีที่เทรย์เวอร์เลือกสองพ่อลูกอาคาชิ—  อย่างน้อย ๆ ในแง่ของธุรกิจ พวกเขาทั้งสองคนถือได้ว่าเป็นแนวหน้าในวงการที่สามารถไปได้ไกลกว่านี้ ในขณะเดียวกันก็เหมาะสมที่จะร่วมงานในระยะยาวด้วยได้ 

     

    หมั้นหมาย

     

    จึงเป็นตัวเลือกอีกอย่างที่จะเชื่อมกลางบดบังความต้องการจริง ๆ ของผู้ใหญ่ทั้งสอง เพราะสำหรับโลกธุรกิจแล้ว ไม่ว่าอะไรก็มีประโยชน์ในแบบของมัน ขึ้นอยู่ที่ว่าใครกันที่จะดึงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างชัดเจนและมีประโยชน์ต่อตัวเองมากที่สุด

    ดวงตาสองสีเหลือบตามองอาคาชิที่นั่งคิ้วขมวดอยู่ข้างกาย แล้วหลุบตามองหน้าจอโทรศัพท์ที่เด้งขึ้นหน้าเมลล์ จากสีหน้าที่เคร่งเครียดกับคิ้วที่ขมวด คงจะได้ข่าวอะไรที่น่าตกใจ หรือเป็นเรื่องยุ่งยากเขา 

    แต่เมื่อเขาเงยหน้ามองเธอ ดวงตาของเด็กสาวพลันมืดมน

     

    “เกี่ยวกับดิฉันสินะคะ”

    “ใช่”

    “เลวร้าย...?”

    “ก็ไม่เชิง”

    “....”

     

    .

    .

    .

     

    เป็นอย่างที่อมีเรียคิดหลังจากเห็นสายตาของอาคาชิ เซย์จูโร่

    เมลล์ที่เขาได้รับเกี่ยวข้องกับเธอชัดเจนแบบไม่ต้องเอาปากกามาวงกลม ทันทีที่เทรย์เวอร์มาถึง ซองเอกสารสีน้ำตาลก็ถูกส่งให้แก่อาคาชิ ในขณะที่อมีเรียได้รับเป็นแฟ้มเอกสารอันจั่วหัวว่า ‘สรุปเหตุการณ์เบื้องต้น’ ราวกับจะบอกว่า การหมั้นหมายระหว่างสองขั้วอำนาจใหญ่ กำลังมีเรื่องแปลก ๆ ตามมาเป็นขบวน 

    ซึ่งมันก็ ‘ใช่’

    เกิดข่าวลือขึ้นมาว่า ที่ประธานคาร์เชลตกลงหมั้นหมายกับอาคาชิกรุ๊ปมาจากการที่ ความสัมพันธ์ระหว่างน้องสาวของประธานคาร์เชล พลาดท่าตั้งท้องหรือมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบุตรชายประธานอาคาชิ— มันช่างเป็นข่าวลือที่ไร้มูลเหตุ มีเพียงแค่รูปแอบถ่ายระหว่างเธอกับอาคาชิเท่านั้น

    กับรูป จูบ ในงานแข่งบาสที่เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้ 

     

    “ไม่ต้องกังวล”

    “หน้าดิฉันเหมือนคนกำลังกังวลงั้นเหรอคะ?”

    เทรย์เวอร์จ้องใบหน้ามึนอึนของน้องสาวครู่หนึ่ง ก่อนพ่นหายใจออกมา “ให้ตายสิ— ช่วยทำหน้าให้เหมือนเด็กสาวหน่อยได้ไหม ตอนนี้น้องกำลังเรียนมัธยมอยู่นะคะคนเก่ง”

    “อ้อ”

    “....” อย่าแค่อ้อสิเห้ย! 

     

    อย่างที่เคยเกริ่นบอกไปเมื่อนานมาแล้ว ทุกอย่างที่เทรย์เวอร์ทำไม่เคยทำให้เขาเสียผลประโยชน์โดยไม่จำเป็นเลย ไม่มีเลยสักอย่างเดียว ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน! 

    หุ้น 20% ที่หลุดไปอยู่ในกำมือของอาคาชิ เป็นการจงใจอย่างเห็นได้ชัด 

    เช่นเดียวกับเรื่องข่าวลือต่อมาที่ถูกปล่อยออกไปหลังจากมีข่าวลือก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแค่ทำให้หลายครอบครัวต้องล้มละลายเท่านั้น มันยังทำให้ฐานอำนาจในการต่อรองของอาคาชิและคาร์เชลพุ่งขึ้นสูงยิ่งขึ้นไปอีก

     

    “ให้ตายสิ— คุณนี่ ‘ชั่วร้าย’ กว่าที่คิดจริง ๆ  คุณคาร์เชล”

    “ฉันจะถือว่ามันเป็นคำชม” 

    “....”

    พอได้รู้ตัวว่าตัวเองตกเป็นหมากมาตั้งแต่แรก มันก็เหมือนเห็นตัวเองเป็นฐานเหยียบของอีกฝ่าย ทั้งเจ็บใจ ทั้งสมเพชที่มองแผนนั่นไม่ออกตั้งแต่เนิ่น ๆ ในขณะที่คาร์เชลคนนี้ยกมุมปากขึ้น แตกต่างจากคาร์เชลคนน้องที่นั่งสงบเงียบไม่พูดไม่จามาตั้งแรกเริ่มของบทสนทนา 

    ราวกับเธอกำลังลอยตัวเหนือเรื่องน่าปวดหัวอยู่เลย

     

    “คุณเองก็รู้อยู่แตกแรกแล้วใช่ไหม คุณคู่หมั้น”

    “....” 

    พอถูกลากให้เข้าร่วมวงสนทนาระหว่างสองหนุ่มต่างวัย อมีเรียที่เงียบอยู่ตั้งนานจึงได้มีปฏิกิริยา ด้วยการปรายตามองไปทางเด็กหนุ่มผมแดงผู้เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเป็นหมาก แล้วเหยียดยิ้มให้เขา 

    แค่นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ คำตอบ ของคำถามก่อนหน้านี้

    ต่างจากเทรย์เวอร์ที่เบิกตากว้างมองน้องสาวด้วยท่าทางตกใจ “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

    “ตอนที่พี่โทรมาถามว่า อยากมีคู่หมั้น ไหม”

    “โอ๊ะ!” 

    อมีเรียหรี่ตามองพี่ชายอย่างจับผิดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร นอกจากกลับไปทำตัวลอยเหนือเมฆอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นหูของเธอก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีด้วยการรับฟังคำพูดทุกอย่างประโยคของทั้งสองคน และสองหนุ่มก็ยินยอมที่จะให้เด็กสาวได้รับรู้บทสนทนาระหว่างพวกเขา 

    “....ข่าวลือที่สร้างความปั่นป่วนก่อนหน้าข่าวลือของผมกับอมีเรีย— เป็นฝีมือของคุณใช่รึเปล่า คุณคาร์เชล” 

    อาคาชิกำลังเอ่ยถึงข่าวลือที่สร้างความปั่นป่วนไม่น้อยเลยให้แก่เหล่านักธุรกิจ ไม่เพียงแค่นั้นพวกคนในสภาก็แทบนั่งมีติด – มันคือเหตุการณ์ที่ถูกแทรกแซงจากอะไรสักอย่าง ฉายภาพเหตุการณ์อัปยศและหลักฐานการฟอกเงิน การทุจริตหลาย ๆ อย่างที่พวกผู้ใหญ่ทั้งหลายต้องการปกปิด

    ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม แต่ถ้าเพื่อดึงความสนใจทั้งหมดให้มาลงที่ตัวเอง 

    เขาบอกได้คำเดียวเลยว่า... คนนี้ชั่วร้ายเหนือใครเกินจริง ๆ !!

    เทรย์เวอร์กระตุกยิ้มมุมปาก “...มันน่ารำคาญจะตายที่ต้องเห็นว่ามีแมลงมาวุ่นวายกับน้องสาว”

    ไม่ว่าเปล่ายังปรายตามองมาที่เด็กสาวผู้นั่งจิบชาอยู่เงียบ ๆ อมีเรียที่รับรู้ถึงสายตาของพี่ชายก็เงยหน้าขึ้นมองสบดวงตาสีเงินของเขา เธอเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะหลุบตามองผิวน้ำชาต่อ 

    เมินเฉยซึ่งสายตาของคนทั้งสองอีกครั้ง

    “แมลงที่ว่าคงหมายถึงพวกกลุ่มนักธุรกิจโลภมากสินะครับ หลังจากที่ชื่อของ อมีเรีย คาร์เชล เริ่มแพร่กระจายไปทั่วในฐานะผู้จัดการทีมบาสเซย์รินที่นำชัยชนะมาให้แก่พวกเขาหลายครั้งติด พอได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของเธอก็เริ่มที่จะมีคนปล่อยข่าวลือกระจายออกไป..?”

    เทรย์เวอร์พยักหน้าเป็นคำตอบให้อาคาชิ แล้วเงียบรอฟังเขาพูดต่อให้จบ

    “จากข่าวลือนั่น พวกนั้นก็เลยหวังจะใช้การแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับ คุณ?”

    “ถูกครึ่งหนึ่ง”

    “....คุณปฏิเสธก็ได้ไม่ใช่เหรอ” อาคาชิหรี่ตามอง

    “เด็กน้อย... วงการธุรกิจไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”

    “....”

    “และมันก็ใช่อย่างที่นายพูด ฉันสามารถปฏิเสธได้ตราบใดที่ฉันเหนือกว่าพวกเขา” 

     

    “แต่นั่นจะไปสนุกอะไรกันละ เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้อยากแกล้งมีเรี— แค่ก ๆ ได้หาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทดสอบ ซึ่งนายดันตรงตามคุณสมบัติที่ต้องการ” 

    เทรย์เวอร์แสร้งทำเป็นไอกลบเกลื่อนทันทีที่เผลอเอ่ยความในใจออกมา แถมอมีเรียยังตวัดสายตามองมาที่เขาอย่างเย็นชาอีกต่างหาก ในขณะที่อาคาชิหรี่ตาลงอย่างไม่วางใจ แม้เทรย์เวอร์จะพลิกลิ้นกลับคำพูดของตัวเองแล้วก็ตาม ตัวเขาก็ยังไม่ไว้วางใจว่าจะเชื่อในคำพูดนั้นได้ 100% รึเปล่า 

    “แล้วก็อย่างที่รู้ ๆ กัน ไม่มีตระกูลไหนมีอำนาจรองจากคาร์เชลนอกจากอาคาชิ”

    “....”

     

    ต่อให้ไม่อยากยอมรับ แต่อาคาชิ เซย์จูโร่ก็เป็นคนฉลาดอย่างที่เทรย์เวอร์คาดหวัง— สีหน้าที่ก่อนหน้านี้เย็นชาสาดซัดใส่จนรู้สึกเหมือนอยู่ในเขตเยือกแข็ง เริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว ทว่าน้ำเสียงของเขาก็ยังแข็งกระด้างอยู่ แม้จะกำลังใช้คำพูดสุภาพก็ตาม

    พอมองในอีกมุม อาคาชิคนลูกเนี่ยให้ความรู้สึกเหมือนน้องสาวของเขายังไงไม่รู้

     

    “หึ! ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่หรอกนะครับ คุณคาร์เชล”

    เทรย์เวอร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ “ไม่เอาน่าเจ้าหนู เป็นหมากในกระดานดีจะตาย”

    “ไม่มีใครชอบตกเป็นเบี้ยล่างของคนอื่นหรอกนะ” อาคาชิจ้องตาเทรย์เวอร์อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “คุณเองก็รู้สึกเช่นนั้นไม่ใช่เหรอ” ทั้งตัวเขาเองและชายตรงหน้า ต่างก็เป็นคนที่ไม่ชอบตกเป็นเบี้ยล่างคนอื่น

    ทว่าก็สมกับคำที่ว่า ผีเห็นผี เขาสามารถรับรู้ได้ว่าควรทำเช่นไรถึงจะทำให้คนอื่นกลายเป็นหมากให้ตัวเองได้ ต่อให้ตรงหน้าจะเป็นหมากที่อันตรายก็ตาม บางทีการที่อมีเรียอยู่ในกระดานหมากนั่นตั้งแต่แรก อาจจะเป็นทั้งความต้องการของเจ้าตัว กับ ความต้องการของผู้ถูกครองกระดานหมาก 

    หรือบางทีตัวหมากที่คิดว่าเป็นเบี้ยมาตั้งแต่แรก...

    --อาจจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระดานเกมนี้ก็เป็นได้ไม่ใช่เหรอ....?

     

    อา.. พอคิดแบบนี้แล้ว 

    ความสนใจที่มีให้แก่คาร์เชลคนน้องก็เหมือนจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก

     

    คนแบบนี้สิถึงจะน่าคว้ามาครอบครองไว้ข้างกาย—

     

     

    เทรย์เวอร์ยิ้มกว้าง โคลงหัวไปมาอย่างไม่ใส่ใจกับแววตาอันแสนจะร้อนแรงของเด็กหนุ่มตรงหน้า ในขณะที่อมีเรียวางถ้วยชาลงแล้ว ก่อนหันไปรับเอาแฟ้มข้อมูลบางอย่างจากมือของผู้ติดตามชายที่ยืนอยู่ด้านหลังทั้งสองคน แล้วเปิดอ่านท่ามกลางการสนทนาเนี่ยแหละ 

    หน้ามึนยังไง การกระทำก็มึนตามไปด้วยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

    แต่ถึงอย่างนั้น สองหนุ่มต่างวัยก็ไม่ได้ตำหนิหรือต่อว่าอะไร 

     

    “แต่ยังไงผมก็ไม่ค่อยจะพอใจอยู่ดีครับ คุณคาร์เชล”

    “เอาน่า” เทรย์เวอร์โบกมือไปมาเมื่อเห็นว่าสรรพนามแทนตัวของเด็กหนุ่มอ่อนลง แม้สายตาจะไม่ได้อ่อนลงตามเหมือนคำพูดก็เถอะ “ตัวนายเองก็ลวนลามน้องสาวฉันไปเยอะเลย ไม่ใช่เหรอ...?”

    “....” สะอึก!

    “แค่โดนต่อย ริบหุ้นบางส่วนคืน เปลี่ยนแปลงข้อตกลงนิด ๆ หน่อย ๆ – ฉันว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ” 

     

    หากอาคาชิตาไม่ฝาด เขารู้สึกเหมือนกับว่าแววตาของเทรย์เวอร์เต็มไปด้วยประกายจิตสังหารมากกว่าแรงอดดันของพวกนักธุรกิจผู้มีประสบการณ์ ถ้าเปรียบล่ะก็ คนตรงหน้าอยากจะฆ่าเขาให้ตายมากกว่า ดูจากน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทันทีในตอนที่พูดคำว่า ‘ลวนลามน้องสาวฉัน’ 

    หากไม่ติดว่ามีน้องสาวนั่งอยู่คั่นกลางในตอนนี้ บางทีอาคาชิก็ไม่มั่นใจว่าพอเอ่ยเรื่องที่เขาล่วงเกินอมีเรียออกไป เขาจะรอดจากเงื้อมมือของชายคนนี้ได้รึเปล่า...?

     

    หรือบางทีเขาอาจจะชักนำหายนะลงครอบครัวตัวเองก็เป็นได้

     

    “พูดจบกันแล้วใช่ไหมคะ..?”

     

    เด็กสาวผู้นั่งคั่นกลางคนทั้งสองปิดแฟ้มเอกสารในมือ แล้วปรายตามองไปยังพี่ชายตัวแสบอย่างเย็นชา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองคนช่างเนียนอย่างอาคาชิอย่างห่างเหิน

    เพราะถึงยังไงต่อให้ยินยอมเป็นหมาก 

    มันก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะพอใจในผลลัพธ์ที่ออกมาเสียหน่อย

    “สรุปง่าย ๆ คือเงื่อนไขที่แอบไปตกลงกันไว้ลับ ๆ เป็นอันต้องยุติลงสินะคะ” เสียงหวานเอ่ยเนิบนาบไร้ซึ่งรอยยิ้มประจำกาย แล้ววางแฟ้มลงบนโต๊ะ “ต่อจากนี้สิทธิในการสั่งและกำหนดทุกอย่างเป็นของดิฉัน ใช่ไหมคะ?”

    “ก็ตามที่พูด”

    “ในข้อตกลงเขียนไว้ยังไง ก็ตามนั้นแหละ”

    “....”

     

    “บางทีดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าการปั่นหัวคนอื่นเนี่ยมันสนุกตรงไหนกัน...”

    “...ตัวเล็ก” 

    เทรย์เวอร์ผู้ถูกน้องสาวเอ่ยพาดพิงแทบสะดุ้ง เกือบหลุดมาดราชาผู้หยิ่งทะนง หากไม่เพราะสายตาของน้องสาวตวัดมองมาที่ตัวเองเสียก่อน บางทีเขาอาจจะไหลตัวลงไปนั่งที่พื้นแล้วเกาะขาน้องสาวเพื่อออดอ้อนไปแล้วก็ได้ 

    และเพราะอมีเรียมีสัญชาตญาณที่ดีด้วยละมั้ง เธอถึงได้ส่งสายตาปรามไปให้เทรย์เวอร์

    มิเช่นนั้น สิ่งที่เทรย์เวอร์กำลังคิดจะทำคงได้หลุดทำออกมาจริง ๆ แน่!

    “คุณชายคาร์เชลคงจะทราบดีว่า ดิฉันยินยอมก้าวขาเป็นหมากให้แก่คุณ”

    “อ อื้อ!” เขาผงกหัวเล็กน้อย

    “และคงจะทราบดีด้วยว่า -- ดิฉันไม่ค่อยจะพอใจกับข้อตกลงระหว่างพวกคุณทั้งสองคน” พอเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว สองหนุ่มผู้ชาญฉลาดต่างพากันเลิกคิ้วขึ้นทันที โดยเฉพาะกับอาคาชิที่เริ่มเปลี่ยนมุมมองในการมองเด็กสาวผู้มีนัยน์ตาสองสี พอได้มองในอีกมุม 

    มันทำให้อาคาชิตระหนักรู้ได้หนึ่งอย่างแล้วว่า...

    คนตรงหน้าเขาในตอนนี้ ไม่ใช่คนเดียวกันกับเด็กสาวหน้ามึนที่ตัวเขาคุ้นเคย 

     

    “เธอต้องการอะไร”

    “อำนาจ”

    “.....” 

     

    เทรย์เวอร์ย่นคิ้ว เขาเริ่มไม่เข้าใจความคิดน้องสาวตัวเองบ้างแล้ว— หรือบางทีความลับที่ตัวเขาแอบซุกซ่อนอาจจะเกี่ยวข้องกับตัวตนอีกอย่างของน้องสาวผู้ร่วมสายเลือดคนนี้ เพราะอย่างน้อย ๆ ความจริงเรื่องหนึ่งที่ตัวเขารอให้อมีเรียไขปริศนามัน 

    ในตอนนี้มันยังไม่ได้ถูกไขออกมาอย่างสมบูรณ์เลย

     

    “เธอกำลังหมายถึง....”

    “สิทธิที่จะอยู่เหนือกระดานหมากของพวกคุณ” อมีเรียยกยิ้มเยาะเย้ยให้กับตัวเอง เธอยอมเป็นหมากในกระดานพวกเขาไปแล้ว ถึงคราวที่พวกเขาต้องตอบแทนเธอบ้าง “....คุณบอกว่าคำพูดของคุณคือคำประกาศิต ดิฉันก็เช่นกัน...”

     

    “อิสระที่ไม่ต้องการคนผูกมัด?”

     

    อมีเรียยกชาขึ้นจิบปิดบังรอยยิ้มพึงพอใจกับคำตอบของพี่ชาย เธอปรายตามองพวกเขาอย่างใจเย็น เทรย์เวอร์เหมือนจะเข้าใจอะไรบ้างแล้วในขณะที่อาคาชิย่นคิ้วเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่พอใจ

    อย่างน้อย ๆ ในตอนนี้พวกเขาต้องกำลังมองเธอในมุมอื่นที่ไม่ใช่อมีเรียอย่างที่คุ้นเคยแน่ ๆ 

    เพราะยังไงตัวเธอย่อมรู้ดีว่าตัวเองเป็นใคร

    สักวันหนึ่งเธอจะต้องหาทางกลับไปที่เดิม— เพราะฉะนั่นแล้ว อิสระ คือสิ่งที่เดียวเท่านั้นที่อมีเรียต้องการในตอนนี้ เธอเหนื่อยมานานจากเรื่องราวในอดีต เธอถูกผูกมัดมาเนิ่นนานจนอยากถูกปลดออกจากโซ่ตรวนพวกนี้ ดังนั้นแล้วเธอจะไม่ยอมกลับไปเป็นหมากในกระดานของใครอีกทั้งนั้น หากมันไม่จำเป็นจริง ๆ 

    ต่อให้จะมีคนไม่พอใจแล้วยังไงละ...?

     

    นี่คือชีวิตของเธอ

    นี่คือโชคชะตาของเธอ

    นี่คือการตัดสินใจของเธอ

     

    พวกเขาไม่มีสิทธิ์

     

     

    “ดิฉันไม่ใช่สิ่งของ ของใครที่จะต้องเคลื่อนไหวตามคำสั่ง -- หวังว่าจะเข้าใจนะคะ” 

    “แต่เธอเป็นคู่หมั้--”

    “คู่หมั้นของคุณ” ดวงตาสองสีจ้องมองชายผู้ชอบเนียนล้ำเส้นของเธออยู่บ่อย ๆ แต่ถึงกระนั่นเธอก็ยินยอมให้เขาก้าวล้ำเข้ามาแต่โดยดี อาจด้วยเพราะล่วงรู้อยู่แต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงยินยอม ทว่าแล้วมันยังไง....? 

    “ในตอนนี้ฉันยังเป็น คู่หมั้นของคุณ อยู่ แต่ในขณะเดียวกันดิฉันก็มีสิทธิที่จะถอนหมั้นได้” 

     

    “เข้าใจที่ดิฉันต้องการจะสื่อแล้วใช่ไหมคะ...?”

     

    “หรือถ้าไม่เข้าใจ— อ่านข้อมูลในแฟ้มนี้สิคะ ฉันให้คนสรุปเอาไว้ให้แล้ว”

     

    “และไม่ต้องห่วง อิสระของฉันไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจระหว่างตระกูลหรอกค่ะ”

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    ใครจะไปคิดว่าแผนของเทรย์เวอร์ คาร์เชลจะโดนน้องสาวอ่านทางออกหมด

    ไม่เพียงแค่นั้น ยังหาช่องทางเพื่อซ้อนแผนเอาไว้ลับ ๆ ผ่านการร่วมมือประสานงานกับคนที่เขาส่งไปให้ การตกลงนั้นอมีเรียมารู้ที่หลังแต่ใช่ว่าเธอจะไม่มีวิธีรับมือ เขาเองก็เช่นเดียวกัน เขาวางหมากให้น้องสาวได้ผลประโยชน์ในขณะที่เขาแทบจะไม่เสียผลประโยชน์

    แต่ใครจะไปคาดคิดว่าอมีเรียจะคิดต่างจากนั้นออกไปอีก— เธอยอมก้าวขาลงไปเป็นหมากอย่างว่าง่าย โดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียผลประโยชน์อะไรมาก 

    นอกจากมีเรื่องเข้ามาให้ปวดหัวเพิ่มก็เท่านั้นเอง....

     

     

     

    “ต้องยอมใช่ไหมคะ ตัวเล็ก”

    “มีทางเลือกด้วยเหรอคะ คุณคาร์เชล”

    “อู้ว— ก็ไม่มีนะคะ ที่รัก~”

    “.....”

     

    ตอนนี้ภายในห้องนั่งเล่นประจำคฤหาสน์ตระกูลอาคาชิ มีเด็กสาวเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์นั่งอยู่ตรงกลางบนโซฟาตัวยาว ขนาบซ้ายขวาเธอเป็นชายสองคนที่ต่างอายุกันและยังต่างสีผมอีกต่างหาก

    ไม่ต้องเดาหรือทายกันหรอกใช่ไหมว่าที่เอ่ยถึงเนี่ยใคร

    หลังจากจบการพูดคุยเรื่องข้อตกลง การหมั้นหมายที่จะประกาศออกอย่างเป็นทางการ และเพิ่มเติมในอีกหลาย ๆ เรื่อง อมีเรียก็เอาแต่นั่งหลุบตามองผิวน้ำในถ้วยชา พลางขบคิดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมานับตั้งแต่เริ่มแรก 

    วันที่เธอได้มายังโลกที่แตกต่างแห่งนี้

    แววของเธอแม้จะเหม่อลอย ทว่ากลับมีประกายอารมณ์อันซับซ้อนหมุนวนอยู่ภายใน – การเดิมพันในเกมครั้งนี้คนภายนอกอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจได้ด้วยระบบสามัญสำนึกแบบทั่ว ๆ ไป และใช่ อมีเรียเองก็ฉุดคิดเช่นนั้นขึ้นมาเหมือนกัน 

    เธอแค่กำลังไม่เข้าใจว่าตัวเองจะทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งยาก วุ่นวาย ให้ตัวเองปวดหัวทำไม....? 

    เพราะยังไงท้ายที่สุด อมีเรียที่ถูกวางเป็นกลางก็ต้องทำหน้าที่เลือกเส้นทางที่ พวกเราทั้งสามคน จะได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งหมดโดยที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งต้องเสียประโยชน์ 

    โดยเฉพาะตัวเธอเองที่จะต้องรักษาอิสระในการคิดและตัดสินใจเอาไว้

    ไม่เช่นนั้น ในอนาคตข้างเธอเธออาจจะเสียผลประโยชน์ก็ได้-- 

    อาคาชิได้กำจัดเหล่าผู้หญิงที่เขาบอกว่าน่ารำคาญ ด้วยสถานการณ์หมั้นหมายระหว่างเธอและเขา แถมยังได้หุ้นส่วนใหญ่จากคาร์เชลอีก— นี่ยังไม่นับรวมโปรเจคที่จะทำร่วมกันอีก 

    มูลค่าก็ประมาณเกือบสิบล้าน... หรืออาจจะมากกว่านั้นเสียอีก

    เทรย์เวอร์เองก็ได้ตามสิ่งที่เขาต้องการ กีดกันเหล่าผู้ชายออกจากเธอ ได้กำจัดพวกหน่อนที่เข้ามาชอนไช กำจัดคู่แข่งทางธุรกิจกับพวกที่เข้ามาเพื่อปอกลอก 

    ส่วนเธอ... 

    เธอได้สิทธิที่จะเป็นอิสระจากเกมระหว่างทั้งสอง เงื่อนไขที่เทรย์เวอร์ตกลงเอาไว้กับอาคาชิ คือการหมั้นหมายโดยแลกเปลี่ยนกับความสามารถของเด็กหนุ่ม แต่ถ้าหากเขาไม่อาจรักษาอำนาจนั้นไว้ได้ สิทธิทุกอย่างจะตกไปอยู่ในมือของอมีเรียโดยไม่มีการยกเว้น 

     

    “เฮ่อ.. แล้วที่ว่าจะไม่ไปขี่ม้าคืออะไร— เธอยังไม่ได้ให้เหตุผลเลย อมีเรีย”

    อาคาชิที่นั่งเงียบอยู่นานนับตั้งแต่สรุปผลต่าง ๆ เอ่ยขึ้นมา 

    “เรากลัวม้าค่ะ”

    “....”

    “นี่จริงจังนะคะ”

    “....”

     

     

    ....................................................

     

     

    สุดท้ายอมีเรียก็ได้ทำตามแผนเดิมที่ได้ตกลงเอาไว้ก็คือ ไปว่ายน้ำกับพี่ชายของเธออย่างเทรย์เวอร์ ส่วนอาคาชิก็เลือกที่จะไปขี่ม้าเหมือนที่เขาชอบทำในกิจกรรมยามว่าง 

    ถึงแม้จะน่าเสียดายที่ความเหมือนในหลาย ๆ ด้านของทั้งสองคน ดันมีจุดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ราวกับเป็นเส้นที่ขนานกันแบบไม่คิดที่จะบรรจบแต่โดยง่าย 

    อมีเรียกลัวมาจริง ๆ โดยมีพี่ชายเธอให้การยืนยัน 

    ในขณะที่อาคาชิ เซย์จูโร่กลับไม่ชอบการว่ายน้ำ 

    ดังนั้นกิจกรรมในวันว่าง ๆ แบบนี้ระหว่าง คู่หมั้นที่เพิ่งได้ตกลงกันอย่างเป็นทางการ จึงต้องเลือกไปในสิ่งที่ตนเองถนัดคนละแบบ – ถึงสภาพร่างกายอมีเรียจะไม่ค่อยอำนวยในการเล่นกีฬาเหมือนใครอื่นเขา โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องตากลมตากฝน ออกแดด หรือต้องออกแรงมาก ๆ แต่อมีเรียก็มีงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่ชอบทำ

    เธอชอบว่ายน้ำ 

    ถึงขาเธอจะไม่เคยถึงพื้นสระก็เถอะ ทว่าสำหรับการว่ายน้ำแบบมีสติไม่จำเป็นจะต้องขาถึงพื้นเสมอไป เธอลอยตัวเป็น แถมยังชำนาญด้วย ยังไม่รวมเทคนิคพิเศษสำหรับการดำน้ำที่เคยเรียนมา 

    --น่าเสียดายที่ร่างนี้สูงได้ไม่เท่ากับร่างในโลกอีกฝั่ง

    ไม่เช่นนั้นอมีเรียคงไม่รู้สึกอนาถใจตัวเองอย่างแน่นอน

     

    ตู้ม!

     

    เสียงน้ำที่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงพูดคุยที่ดังจอแจเต็มไปหมด

    เสียงเหล่านี้ในสถานที่เช่นนี้ไม่ได้ทำให้เด็กสาวกับชายหนุ่มหยุดสนใจเลยสักนิด อีกทั้งพวกเขาทั้งสองคนยังทำเพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น มองไปยังสระว่ายน้ำรวมที่มีคนกำลังใช้บริการหลากหลายทั้งเพศชาย หญิง แม้แต่เด็กน้อยก็ยังมี ก่อนทั้งสองคนจะเดินตามหลังพนักงานไปยังโซน VIP แบบส่วนตัวที่อยู่อีกด้านหนึ่งของตึก

    เรียกได้ว่าโซนนั้นจะเป็นโซนราคาแพง แถมยังเงียบสงบที่สุดแล้วด้วย 

    โดยด้านหลังของสองพี่น้องต่างวัย ก็เป็นเหล่าบอดี้การ์ดชุดดำสี่ห้าคน ผู้ตามติดเพื่อมาคอยดูแลความปลอดภัยให้แก่ทั้งสองคนตามหน้าที่หลักของพวกเขา

    แน่นอนหนึ่งในห้าย่อมต้องมี ฮาคุ ผู้เป็นดั่งคนสนิทของอมีเรียด้วย 

     

    “พี่จ่ายเท่าไหร่คะกับโซน VIP” 

    เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมกับแว่นกันแดดที่ถูกถอดออก แล้วส่งต่อให้ชายหนุ่มข้างกายเก็บใส่กระเป๋าสะพายของตน ทว่าสายตาของเด็กสาวกลับไม่ได้จ้องมองคนที่ตัวเองถามเลยสักนิด 

    เทรย์เวอร์โคลงหัวไปมาก่อนจะตอบ “พี่ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ตัวเล็ก”

    “....”

    “แต่เพื่อเราเท่าไหร่พี่ก็มีจ่าย” แล้วขยิบตาส่งท้ายให้

    “- -”

    แต่นอกจากสายตามึนปรือที่มองมาทางเขาครู่เดียวเท่านั้น ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เพิ่มเติมเลย อีกทั้งน้องสาวผู้เอาแต่ทำหน้ามึนอึน ก็ยังเมินเขาอีกต่างหาก 

    ทำไมรู้สึกเหมือนโดนหักอกเลยนะ.....? 

     

     

     

     

    เมื่อมาถึงโซนสระน้ำ VIP ที่จองเอาไว้

    เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์ก็รับกระเป๋าชุดของตัวเองจากคนสนิท เดินไปยังห้องเปลี่ยนชุดฝั่งผู้หญิงทันทีโดยมีบอดี้การ์ดสองคนยืนเฝ้าประตูเอาไว้ให้ เพื่อกันผู้ชายเขาไปในห้องนั้น 

    เพราะถึงแม้จะเรียกว่าโซน VIP แบบส่วนตัว มันก็ยังมีพวกคนรวยที่อยู่แถวนี้เช่นกัน 

    ดังนั้นพวกเขาจึงมายืนทำหน้าที่ตามความเคยชินทันที

    รออยู่สักพักร่างบอบบางในชุดว่ายน้ำโทนสีดำฟ้าก็เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด – ชุดของอมีเรียเป็นชุดว่ายน้ำทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ ช่วงบนเป็นเสื้อแขนยาวโทนสีฟ้าม่วง ช่วงล่างเป็นขายาวกางเกงแบบ 5 ส่วนสีดำ 

    ไม่ได้ดูโป๊เปลือย อีกทั้งยังเซฟเรือนร่างใต้ร่มผ้าได้เยอะพอสมควรเลย

    บิดตัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยเดินถือหมวกกับแว่นตาสำหรับว่ายน้ำเดินไปรออยู่ริมสระ ทว่ายืนรอพี่ชายผู้แยกไปเปลี่ยนชุดได้ไม่นาน เสียงของเจ้าตัวก็ดังมากก่อนตัวเขาเสียอีก 

    “....ทำไมเป็นชุดนี้ละ!” 

    อมีเรียกลอกตาใส่พี่ชายตัวแสบ โดยไม่ลืมยักคิ้วให้แก่เขา

    “คิดว่าเราไม่รู้ทันเหรอว่าพี่คิดจะทำอะไร...”

    “ชักอยากจะภาวนาให้น้องตัวเองโง่แล้วสิ”

    เขารึอุตส่าห์แอบเปลี่ยนเอาชุดว่ายน้ำที่เพิ่งซื้อใหม่ของน้องสาว เปลี่ยนเป็นชุดสไตค์สาวน้อยแสนหวานน่ารัก ๆ  แต่ดูสิ เจ้าชุดที่นอกจากรัดรูปแล้วมันมีส่วนไหนที่เรียกว่าน่ารักกัน!

    –แต่มันก็ดีกว่าพวกวันพีช ทรูพีช อยู่นิดหน่อย

     

    “ทำหน้าเหมือนตาแก่ลามกเลยนะคะ”

    “โอ๊ะ..!”

    “- -”

     

     

     

     

     

     

     

    --ส่งท้าย--

     

    “คางามิคุง -- มีเรียจังติดต่อมาบ้างรึเปล่าครับ”

    คุโรโกะทักถามเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้ามึนเบื่ออยู่ วันนี้พวกเขามาติวหนังสือกันที่บ้านคางามิ แต่ในระหว่างติวที่ปราศจากเด็กสาวผู้ที่จะคอยเดินดูแลพวกเขาเป็นระยะ ๆ คุโรโกะก็รู้สึกเหมือนที่อ่านมาเนี่ย ไม่ได้เข้าหัวเขาเลยสักนิดเดียว

    มันเหมือนไหลออกมากกว่าเสียอีก 

    ซึ่งแน่นอนว่าคางามิเองก็ไม่ต่างกันเลย— อาจจะอาการหนักกว่าด้วยซ้ำ

    “ก็นิดหน่อย -- เรื่องล่าสุดที่ติดต่อมาก็คงจะเป็น...” คางามิโคลงหัวไปมา พอนึกถึงเรื่องที่อมีเรียเล่าให้ฟัง ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกปวดหัวจี๊ด ๆ จนต้องยกมือขึ้นมานวดขมับ “....มีเรียหมั้นกับเจ้าบ้าอาคาชินะสิ”

     

    “ดูเหมือนมันจะเป็นแผนของทั้งมีเรียกับพี่ชายใหญ่”

    “....ครับ”

    “....”

    “- -”

    “- -”

     

    “เมื่อกี้ว่าไงนะครับ!!”

     

    คางามิยู่หน้าทันทีเมื่อถูกเพื่อนตัวเล็กตะคอกถาม เขาเบะปากเมื่อนึกถึงใบหน้าของอาคาชิ แล้วรู้สึกแค้นเคืองแปลก ๆ  ตัวเขาเองก็พอรู้ว่า พี่ชายใหญ่ฉลาด และอมีเรียเองก็เจ้าเล่ห์ไม่ต่างกัน

    แต่การตกลงหมั้นกับอาคาชิเนี่ย 

    เขาโคตรไม่เข้าใจเลยว่าทั้งสองคนกำลังคิดอะไรกันอยู่....?! 

     

     

     

    R~ R~ R~

     

    “ฮะโลว..คางามิพูดครับ”

    [ “ไทกะ – นี่มีเรียเองน่ะ “] 

    “อา...” น้ำเสียงที่เหมือนจะไร้ชีวิตชีวาของเอซหนุ่มแห่งเซย์ริน เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นทีละนิด แล้วเอ่ยถามปลายสายที่เพิ่งจะได้โทรมาจนป่านนี้ “ไม่โทรหากันเลยยัยบ๊อง” 

    [ “ขอโทษค่ะ” ]

    คางามิพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยกับน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยของคนปลายสาย คุโรโกะเองพอได้ยินว่าคนที่โทรมาเป็นใคร เขาก็รีบวางหนังสือที่กำลังอ่านติวอยู่ลงบนโต๊ะทันที คางามิที่เห็นท่าทางเช่นนั้น เลยต้องกดปุ่มลำโพงเพื่อให้เพื่อนเงาแสนจืดจางของเขาได้ฟังด้วย

    มิเช่นนั้น เขาน่าจะโดนคู่หูเงางอนลากยาวยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก

    [ “ขอโทษจริง ๆ นะคะ ที่ไม่ได้โทรหาตามที่บอก พอดีมีเหตุการณ์ชวนปวดหัวนิดหน่อ-- ซ่า! พี่เทรย์! เรากำลังคุยกับไทกะอยู่ อย่าสาดน้ำมาจะได้ไหมคะ!!” ] เสียงหวานจากปลายสายดังขึ้นนิดหน่อยในช่วงท้าย 

    ดูเหมือนเจ้าตัวจะกำลังว๊ากใส่ใครบางคน ที่ถูกระบุชื่อด้วยคำว่า ‘พี่เทรย์’ พอฟังชื่อนี้แล้ว คางามิก็พอจะนึกออกแล้วแหละว่าเป็นใคร 

    “เมื่อกี้เสียงน้ำ -- มีเรียจังอยู่ไหนเหรอครับ” คุโรโกะเอ่ยถามอย่างสงสัย

    หากเขาฟังไม่ผิด เหมือนเมื่อสักครู่จะมีเสียงน้ำ ตามด้วยเสียงหัวเราะกับเสียงตวาดดุ ๆ 

    [ “คุโรโกะ...?” ] 

    “ครับผมเอง”

    [ “วันนี้มาติวสินะคะ พอดีว่ามาว่ายน้ำนะคะ คลายเครียดนิดหน่อย-- โป้ก!” ] 

    เสียง ‘โป้ก’ ที่ดังออกมาให้ได้ยิน ชวนให้สองหนุ่มย่นคิ้วสงสัยทันที ตามด้วยความเงียบจากปลายสายที่เว้นช่วงไปพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มมีเสียงดังตามมา คราวนี้ไม่มีแล้วเสียงของผู้หญิงที่พวกเขาต้องการสนทนาด้วย แต่เป็นเสียงของผู้ชายที่กำลังร้องโหยหวนแทน 

     

    [ “ตัวเล็กพี่แค่แกล้งดึงขาเองนะ โอ๊ย! ยอมแล้ว!” ]

     

    “ปกติคุณพี่ชาย เขาชอบแกล้งมีเรียจังเหรอครับ”

    ซิกแมนหนุ่มเหลือบมองเพื่อนสนิทที่นั่งอ้าปากเหวอ จากที่ฟัง ๆ มาเนี่ย มันพอให้เขาจินตนาการภาพออกว่าตอนนี้ อีกฟากของปลายสายกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ซึ่งภาพในหัวของเขาเนี่ย มันไม่ได้มีความสงบเหมือนที่เด็กสาวเจ้าของชื่อที่พวกเขาเอ่ยถึงชื่นชอบอยู่เลยสักนิด

    คางามิผงกหัวให้เป็นคำตอบ แล้วยกมือขึ้นลูบหน้า “เดิมทีพี่ก็ดูน่าเกรงขามกับน่ากลัว แต่ไม่รู้ทำไมเวลาอยู่กับมีเรียชอบหาเรื่องแกล้งตลอด...”

    “อย่างนี้นี่เอง”

    “รอบนี้ คงจะแกล้งหนักแน่ ๆ ”

    ถ้าให้เขาเดา เสียงโป้กที่ดังขึ้นในตอนแรก น่าจะเป็นเสียงหัวของมีเรียที่ฟาดกับอะไรบางอย่าง ในตอนที่เทรย์เวอร์ดึงขาหวังลากลงน้ำแน่นอน เขาได้แต่ภาวนาละนะว่า หัวกลม ๆ ของเจ้าหล่อนจะไม่ปูดโปนเสียก่อนกลับมาที่โตเกียว 

    ถ้ากลับมาแล้วหัวปูดโปน รับรองพี่ชายใหญ่น่าจะโดนมีเรียโกรธยาวแน่

     

    [ “ขอโทษด้วย พอดีพี่เทรย์เขามาแกล้งนะคะ” ]

    “ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย –หมายถึง หัวของเธอนะ ยังโอเคอยู่ใช่รึเปล่า?” 

    ใคร ๆ ต่างก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่า อมีเรีย คาร์เชล เป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอและเปราะบางแค่ไหน โดยเฉพาะกับญาติห่าง ๆ อย่างคางามิเองก็ด้วย เขารู้ดีเลยแหละ ไม่เช่นนั้นคงไม่เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเช่นนี้อย่างแน่นอน ทว่าคำตอบที่ได้รับ กลับไม่ได้ทำให้ความเป็นห่วงมันเบาบางลงเลยสักนิด 

    ไม่สิ 

    คางามิอยากจะทะลุโทรศัพท์ไปเขย่าคอญาติสาวของตัวเองอยู่เหมือนกัน

     

    [ “ฟาดกับขอบสระนิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่โน – และคาดว่ามันคงจะช้ำในวันพรุ่งนี้” ] 

     

    แค่โน...!? 

    เธอพูดออกมาได้ยังไง แล้วน้ำเสียงมึนอึนที่เหมือนจะไม่เจ็บนั่นละ...!! 

     

    ในขณะที่คางามิกำลังรู้สึกอยากทะลุโทรศัพท์ คุโรโกะกลับขมวดคิ้วเครียดทันทีเมื่อได้ยินคำตอบที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยของเด็กสาว จะดุก็ไม่ได้เพราะคนที่ทำให้เพื่อนต่างเพศของเขาต้องหัวโน ก็ดันเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของอีกฝ่าย สิ่งที่ตัวเขาทำได้ก็คงมีแค่เอ่ยถามอาการด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น

    “....มีเรียจังเจ็บรึเปล่าครับ”

    [ “เจ็บค่ะ” ] คำตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงมึนอึนเหมือนเคย เพียงแต่ประโยคต่อมากลับทำให้สองหนุ่มต่างพากันถอนหายใจเฮือกใหญ่ [ “เพราะงั้น เลยจับหัวพี่เทรย์ โขก ขอบสระไปสองสามรอบนะคะ” ] 

     

    [ “ตอนนี้ พี่เลยถูกบอดี้การ์ดหามไปปฐมพยาบาลอยู่นะคะ” ]

     

    “.....”

     

    พี่น้องคู่นี้เล่นกันแรง!

     

    เล่นกันแรงเกินไปแล้ว...!

     

    [ “อ้อ! จริงสิไทกะ คุโรโกะ -- คิดว่าระหว่าง ชูโตคุกับไคโจ ไปไหนก่อนดีคะ?” ] 

    “ห๊า? ไม่ไปสักที่ได้ปะกลับมาเซย์รินเลย” คางามิแหวเสียงตอบ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยยินยอมสักเท่าไหร่กับการไปแลกเปลี่ยนแบบนี้ ถึงจะแค่หนึ่งอาทิตย์แต่มันก็ไม่น่ายินดีเลยสักนิด 

    แต่สุดท้ายคางามิก็คือคางามิ 

    รู้ใจอมีเรียผู้เป็นญาติยังไง ย่อมต้องเข้าใจและยอมรับง่าย ๆ เช่นกัน

    เอซแห่งเซย์รินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตอบออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “...ฉันแนะนำชูโตคุ อย่างน้อยพวกนั้นก็รู้จักเธอ น่าจะไม่ต้องมีอะไรให้ต้องเป็นห่วงมาก” 

    ถ้าพูดถึงชูโตคุแล้ว ก็ต้องนึกถึงเจ้าแว่นหัวชาเขียว

    มิโดริมะ ชินทาโร่ คนนั้นที่เขาไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่--

    “ผมก็เห็นด้วยกับคางามิคุงนะครับ – ที่ชูโตคุมีคนที่ไว้ใจได้อย่างมิโดริมะคุงอยู่” พอนึกถึงสีหน้าของอดีตเพื่อนร่วมทีมคนนั้นแล้ว เขาก็พอจะนึกออกว่าชีวิตในโรงเรียนชูโตคุในหนึ่งสัปดาห์ของอมีเรียจะเป็นยังไง “อย่างน้อย ๆ เขาก็เป็น สุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ทำอะไรมีเรียจังแน่นอนครับ” 

    ปลายสายเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยเอ่ยถามขึ้นมาเสียงเนิบนาบ

    [ “....ที่ว่า สุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ทำอะไรเราเนี่ย หมายความว่ายังไงคะ?”]

    “ก็หมายความว่า เธอจะไม่โดนลวนลาม อีกยังไงล่ะ!” น้ำเสียงของคางามิดูหงุดหงิดไม่น้อย พอปลายสายเงียบ เขาก็เดาออกได้ในทันทีว่าญาติสาวกำลังสงสัย “ฉันรู้มาจาก ทัตสึยะ แล้วว่าที่โยเซ็นเธอถูกมุราซากิบาระลวนลาม ไหนจะที่ราคุซันอีก” 

    [ “....” ]

    “ฉันละไม่เข้าใจเลย ไหงเธอไปหมั้นกับเจ้าอาคาชิได้ละหะ?! – รู้งี้ฉันห้ามเธอไม่ให้ไปซะก็ดี” 

    [ “...ก็แค่หมั้นทางธุรกิจเองค่ะ” ]

    “เหอะ!”

     

    ก็แค่หมั้นทางธุรกิจ...?!

    แค่หมั้นทางธุรกิจ! – เธอพูดมันออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถยอมรับได้ง่าย ๆ ได้ยังไงกัน ต่อให้เขาจะโง่ทางเรื่องธุรกิจอะไรนั่น แต่ก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆ เหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะยอมรับได้ง่าย ๆ จากการพูดแค่สองสามประโยค

    แล้วอมีเรีย ญาติหน้ามึนของเขาคนนี้ ดันพูดออกมาได้ง่าย ๆ !!

    แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาโต้แย้งได้ด้วยเหรอ....?

     

    [ “ไทกะอย่างอนสิคะ ไว้จะรีบกลับไปทำของอร่อย ๆ ให้ทาน – ไม่งอนนะ“]

    “....แบบพิเศษสองสัปดาห์”

    “....”

    [ “ตกลงค่ะ” ]

    “งั้นฉันจะรอเธอกลับมาละกัน รีบกลับมาละยัยบ้า”

     

    .

    .

    .

     

     

    คุโรโกะมองสายที่เพิ่งจะถูกตัดไปด้วยแววตาเลือนลอย ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองเพื่อนสนิทผมแดงผู้นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ข้างกายเขา แล้วย้อนนึกถึงสิ่งที่สองญาติห่าง ๆ พูดคุยกันก่อนหน้า เขาก็รู้สึกมึนงงไปครู่หนึ่ง 

    เมื่อกี้เอซของเขาไม่ได้ถูกผู้จัดการทีมล่อลวงด้วยของกินหรอกใช่ไหม...?

    “คางามิคุง” แล้วมองเพื่อนสนิทข้างตัว ด้วยสีหน้าว่างเปล่า “เป็นคนเห็นแก่กินสินะครับ”

    พอถูกท้วงในเรื่องนั้น ใบหน้าคางามิ ไทกะพลันแดงเถือกลามไปแม้กระทั่งหูของเขาก็ยังแดงด้วย มองจากไกล ๆ เหมือนสีหน้าจะแดงแข่งกับสีผมของเขาเลย แถมยังทำเสียงดังกลบเกลื่อนไปอีก 

    “ยุ่งน่า คุโรโกะ!”

    “เห็นแก่กินจริง ๆ ครับ”

    “อย่ามาทำหน้าเหมือนมีเรียสิเฟ้ย! อ๊าก!-- ติวต่อ ๆ”

     

    “หน้าแดงด้วยครับ”

    “คุ โร โกะ!”

     

     

     

     

     

     

    …………………………………………………

    พูดคุยกับนักเขียน :: 

    บทนายน้อยจะเหลือแค่นี้แล้วนะคะ เพราะพี่เทรย์เวอร์จะลากไปเก็บด้วยกัน-- 

     

    ชี้แจงเรื่องเพิ่มเติมสำหรับ พาร์คนายน้อยอาคาชิ 

    คือบุคลิกของนายน้อยกับอมีเรียค่อนข้างใกล้เคียงกัน ดังนั้นในหลาย ๆ ครั้งจึงมักจะทันกันตลอด นายน้อยก็ช่างเนียนแกล้ง เนียนจับน้อง 

    คนหนึ่งเผด็จการชอบเป็นผู้นำ อีกคนก็ดื้อเงียบแต่ชอบซ้อนแผนตลบหลัง 

     

    ปล. เทรย์เวอร์ไม่ได้ชอบนายน้อยอาคาชินะคะ 

    ที่ดูให้คะแนนนำเยอะกว่าคนอื่นเนี่ย เป็นเพราะเทรย์เวอร์เขา สนใจในความสามารถและหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกับตัวเองและอมีเรีย ยิ่งน่าสนใจยิ่งถูกจับตามอง ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งถูกคุมเข้ม 

    มันจะเป็นโมเม้นต์ที่แบบพี่ชายกับน้องชายที่ลับสมองแข่งกันบ่อย ๆ 

    มีแพ้ มีชนะบ้างตามสถานการณ์ 

     

    เพิ่มเติมเผื่อมีคนสังเกต :: 

    ใครที่อมีเรียยอมรับให้เป็น คนสำคัญ อมีเรียจะเรียกชื่อเล่น

    ได้แก่ เทรย์เวอร์ ไทกะ ทัตสึยะ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×