ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #54 : มิติพิศวง ภาค 2 ตอนที่ 10 [Re]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.24K
      235
      29 เม.ย. 64

     

     

     

    มิติพิศวง ภาค 2

    ตอนที่ 10

     

     

     

    [ จักรพรรดินี 2 ]

     

     

    นัยน์ตามณีสองสีปรายตามองกลุ่มนักเรียนชายและหญิงที่กำลังหัวเราะคิกคักกันอยู่ ในขณะที่เธอกำลังยืนทำหน้ามึนเบื่อใส่ทุกคนราวกับไม่ได้ให้ความสนใจในเสียงหัวเราะแสนพิลึกนั่นสักเท่าไหร่ สองขาก็ขยับก้าวถอยออกห่างจากกับดักประตูที่ไม่รู้ว่าไปเตรียมของกันตอนไหน ก่อนเดินจากไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่อื่นที่มันสงบกว่านี้

    แค่เวลาครึ่งวันที่อมีเรียต้องมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ณ โรงเรียนราคุซันเท่านั้น 

    เธอก็ต้องเจอกับปัญหาอันเกิดขึ้นโดยที่เธอยังไม่ได้เริ่มทำหรือสร้างปัญหาอะไรเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งจากนักเรียนหญิงบางจำพวก การถูกนักเรียนชายบางกลุ่มมาดักก่อกวนแทบจะทุกสิบนาทีอยู่แล้ว 

    พวกเขาว่างมากเหรอ..?

    ใช่ว่าอมีเรียจะไม่โต้กลับ เธอแค่ตอบโต้กลับแบบนิ่มนวลพร้อมส่งมอบรอยยิ้มให้แก่ทุกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วเธออยากจะทำหน้าเบื่อใส่มากกว่าถ้ามันไม่ติดว่ายิ่งทำแบบนั้นพวกนี้ยิ่งทวีหาพาเรื่องเข้ามาใกล้เธอ แล้วค่อยสั่งให้ฮาคุจดรายชื่อคนพวกนั้นเอาไว้ในบัญชีชำระแค้นทีหลัง (ฮาคุแฮกกล้องวงจรปิดเฝ้าดูทุกมุมตามคำสั่งแล้ว : กระซิบ)

    อ้าว! แล้วใครบอกว่าอมีเรียแสนดี --เธอไม่ได้ใจดีเป็นแม่พระผู้แสนโอบอ้อมอารีเสียหน่อย ดังนั้นอย่าสงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงได้จะคิดบัญชีทบต้นทบดอกทุกคนในภายหลัง แต่ในตอนนี้เธอจะปล่อยผ่านไปก่อนเพื่อเก็บรายชื่อทั้งหมด 

    เป็นพวกนั้นเองต่างหากที่คิดว่าเธอโลกสวยอ่อนแอ (ยักไหล่)

    ทางด้านอาคาชิ เซย์จูโร่เองก็ไม่ได้ยื่นมือมายุ่งในเรื่องนี้อย่างที่อมีเรียคาดเดา ทั้งที่ปัญหาทั้งหมดก็มาจากเขาอีกนั้นแหละ อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองอยู่หรอกนะ แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว

    ...ลงมือจัดการเองน่าจะดีกว่าเยอะ!

    เด็กสาวผู้มีนัยน์ตาสองสีนั่งประสานมือใต้คางมองประธานนักเรียนคนเก่ง ที่เอาแต่เคลียร์เอกสารไม่ยอมลุกมาทานข้าวอย่างที่ควรจะเป็นด้วยแววตาเอื่อยเฉื่อย และเขายังเป็นฝ่ายให้คนไปเรียกเธอมานั่งหน้ามึนอยู่ภายในห้อง ทั้ง ๆ ที่เธอควรจะไปนั่งทานอาหารที่โรงอาหารต่างหาก ยังดีที่มีคนซื้อเบนโตะมาเตรียมให้แล้ว เลยไม่ต้องอดมื้อเที่ยงอย่างที่คิดแต่ที่ไม่เป็นอย่างที่คิดก็คือ....

    คนที่เรียกเธอมาเขาไม่ยอมกินอะไรเลยเนี่ยสิ

    “เราว่าวางงานลงก่อนแล้วมาทานอะไรลงท้องจะดีกว่านะคะ” อมีเรียพูดหลังจากกลืนอาหารในปากลงไปแล้ว มือขาวผ่องวางตะเกียบลงแล้วหันไปมองอีกคนในห้องที่กำลังอ่านเอกสารบางอย่างของเขาอยู่

    เธอไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่ายงานของเขาหรอกน่ะ แต่มันก็รู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ที่ต้องมานั่งทานอยู่ตรงหน้าคนทำงานแบบนี้ แล้วจะให้ลุกออกไปนอกห้องมันก็ยังไงอยู่ เพราะก็เป็นอีกฝ่ายอีกนั่นแหละที่เรียกเธอมาที่นี่

    อาคาชิเงยหน้าจากกระดาษในมือ เขามองเด็กสาวหน้ามึนที่เพิ่งทานเบนโตะไปไม่กี่คำ วางกระดาษในมือลงบนโต๊ะพร้อมปากกาที่เขาหมุนควงอยู่ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ปรายตามองร่างเล็กที่นั่งจ้องเขาอยู่ กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับวงหน้ามึนนั้น 

    “นั้นสินะ...” เขายิ้มพร้อมท่าทางผ่อนคลาย

    “....”

    “ป้อนหน่อยสิ...”

    อมีเรียเลิกคิ้วมองประธานนักเรียนคนเก่งอย่างประหลาดใจ “กำลังคิดอะไรแปลก ๆ อยู่ใช่มั้ยคะ?”

    “สมกับเป็นผู้จัดการเซย์รินที่ดักทางฉันได้ตลอด”

    “....” อมีเรียมองนัยน์ตาสีแดงของเขาแล้วหรี่ตาลง

    เธอจำได้ว่าก่อนหน้านั้นเขาตาสองสีเหมือนกับเธอนิ ทำไมวันนี้ที่เธอได้สังเกตตาของเขาเป็นสีแดงทั้งสองข้าง?! มีบางอย่างผิดปกติรึเปล่า อมีเรียถึงแม้จะสงสัยแต่เธอก็มีมารยาทมากพอที่จะไม่เอ่ยถามในเรื่องส่วนตัวของคนตรงหน้า เพียงแต่ลังเลเล็กน้อยกับความต้องการของอาคาชิ กลอกตาใช้ความคิดอยู่ครู่ จึงได้ลุกยืนพร้อมกล่องเบนโตะของอีกฝ่ายแล้วเดินไปวางบนโต๊ะของเขาให้

    ทว่าอาคาชิกลับทำตัวเหมือนคนแก่ที่โหมงานอย่างหนักจนกระดูกกระเดี้ยวมันไม่อยู่ตัว

    “จะป้อน..?” แม้จะประหลาดใจแต่เขาก็ยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยได้ดี

    “คงเป็นชาติหน้าค่ะ” 

    อาคาชิกลั้วหัวเราะในลำคอราวกับกำลังชอบใจในคำตอบของเธอ “ปากร้ายจังน่ะ”

    “เราปากร้ายเฉพาะกับคุณเลยค่ะ ดีใจรึเปล่าคะ?” 

    “....”

    เอียงคอมองเขาเล็กน้อยเพื่อจงใจยั่วประสาทคนตรงหน้า แล้วก็ต้องเผลอสะดุ้งเนื่องจากมือของอีกฝ่ายดันดึงตัวเธอให้เซเข้าไปหาเขาเนี่ยสิ แต่ยังดีที่ยกมือยันพนักเก้าอี้ของเขาได้ทัน ถึงกระนั่นเธอก็อยู่ในท่าที่ไม่ดีอีกแล้ว แตกต่างอยู่ที่ตัวเธอนั้นตั้งสติยั้งคิดได้ทัน อีกทั้งยังหรี่ตาลงเป็นเส้นตรงให้กับคนที่กำลังยกยิ้มพึงพอใจอยู่

    “ฉันจะดีใจกว่านี้ ถ้าเธอป้อนอาหารกลางวันให้”

    “ตลกตายค่ะ ...มือคุณก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเสียหน่อย”

    “อาจจะบาดเจ็บก็ได้น่ะ”

    “ตอแหลค่ะ”

    “ไม่คิดว่าเป็นความจริงหน่อยเหรอ?”

    “...”

    ทั้งสองสบตากันเงียบ ๆ ก่อนที่อมีเรียจะเป็นฝ่ายหลบตาเขาก่อนอย่างช่วยไม่ได้ 

    ก็บอกแล้ว ...อาคาชิคือบุคคลที่เธอแพ้ทางที่สุดหากให้เปรียบในสภาพตอนนี้ อีกทั้งเขายังมีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับผู้เป็นพี่ชายอย่างเทรย์เวอร์อีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอนั้นถึงได้โบกธงยอมแพ้ก่อนที่จะเริ่มสงคราม— ร่างเล็กถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ พอจะดันตัวเองให้หลุดออกจากสถานการณ์ในตอนนี้ แขนแกร่งของเด็กหนุ่มนามอาคาชิก็ดันโอบรอบเอวรั้งเธอเอาไว้เสียอย่างนั้น

    ยิ่งเธอพยายามดันตัวออกห่าง วงแขนแกร่งก็ยิ่งออกแรงกระชับมาขึ้น จนตอนนี้อมีเรียเกยไปนั่งบนตักของอาคาชิแล้ว ทว่ายังคงมีระยะห่างระหว่างกลางอยู่ดีเนื่องจากเด็กสาวพยายามใช้แรงของตัวเองขืนตัวเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้มากไปกว่านี้ แม้ว่ามือของเธอจะเลื่อนมาวางอยู่ตรงหน้าอกของเด็กหนุ่มแล้วก็เถอะ

    “แต่ตอนนี้มือฉันไม่ว่างแล้ว...” 

    “...”

    อมีเรียมองรอยยิ้มพราวเสน่ห์ของเขาอยู่ครู่ เม้มปากหรี่ตาลงจนอยากยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน “เราไม่ตกหลุมพรางคุณซ้ำสองค่ะ”

    “แน่ใจ๊?”

    ฟู่ว~

    “!!!”

    เปลือกตาของเด็กสาวเบิกกว้างพร้อมร่างกายที่สะดุ้งเล็กน้อย ในขณะเดียวกันโครงหน้าได้รูปสวยก็เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ต่างจากคนช่างแกล้งอย่างอาคาชิที่กำลังยกยิ้มรื่นรม เขาถอนใบหน้าออกห่างจากการประทุนร้ายจากเด็กสาวพร้อมแลบลิ้นเลียปาก เมื่อกี้อาคาชิเพียงแค่ยื่นหน้าไปเป่าลมแถวต้นคอขาวเท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนจุดนั้นจะเป็นจุดอ่อนไหวถึงได้หน้าแดงง่าย ๆ ต่างจากปกติที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยนสีหน้าเลย

    “คุณอาคาชิ!” 

    อมีเรียแทบจะยกมือฟาดหน้าเขาอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่ายิ่งเธอขยับเขายิ่งเพิ่มแรงรัดให้ร่างเธอแนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น ดังนั้นอมีเรียจึงทำได้แค่เพียงเขม่นตาใส่เขาเท่านั้น

    “เรียกแต่นามสกุลฉันอยู่นั่นแหละ ...ชื่อก็มี~” 

    “....คุณสมองกลับแล้วเหรอ!?”

    อาคาชิมองวงหน้าหวานที่หายมึนอึนเปลี่ยนเป็นเหลอหลาด้วยความรู้สึกขบขัน เขาชอบใบหน้านี้ของเธอนะ มันช่างดูตลกแต่ก็ดูน่ารัก—

    นัยน์ตากลมโตแต่ก็เรียวรี เป็นการผสมอย่างลงตัวจนทำให้เธอสวยโดดเด่นกว่าใคร ๆ ที่เขาเคยพบเจอมา เธอไม่ทำตัวน่ารำคาญเหมือนพวกผู้หญิงเหล่านั้น แถมยังเหมาะสมกับตำแหน่งจักรพรรดินีอีกต่างหาก จะมีใครคู่ควรกับเขาไปมากกว่าอมีเรีย คาร์เชลคนนี้ละ? 

    ทว่าสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่คนตรงหน้า ....พี่ชายของเธอต่างหากที่สำคัญ

    ถ้าข้ามพี่ชายคนนี้ไปไม่ได้ เขาก็อดได้ครอบครองอมีเรียนะสิ

    เทรย์เวอร์ คาร์เชล ชายที่สามารถครอบครองอำนาจของโลกไปมากกว่า 40% โดยที่ไม่มีใครสามารถโค้นล่มชายผู้นั้นลงได้เลย ถ้าตำแหน่งของเขาคือจักรพรรดิ เทรย์เวอร์คงจะเป็นจอมจักรพรรดิที่เขาต้องยอมสยบ— แต่บางทีคนที่อยู่จุดสูงสุดก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน อย่างคนในอ้อมแขนของเขาที่เป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวสำหรับ เทรย์เวอร์ คาร์เชล 

    แถมยังเป็นจุดอ่อนที่หอมหวานและชวนให้หลงใหลจนอยากจะครอบครองเอาไว้เพียงคนเดียว

    ชักจะไม่แปลกใจแล้วสิ ว่าทำไมชายคนนั้นถึงได้หวงนักหวงหนา หวงชนิดที่ว่า ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้วเขาก็แพ้อย่างหมดรูปเสียหลายรอบ— ไม่สิ ...พวกเขาแพ้หมดท่ากันทุกคนเลยต่างหากละ

    .

    .

    .

    .

    กว่าจะได้ทานข้าวเที่ยงดี ๆ ก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง แถมอมีเรียยังโดนอาคาชิแกล้งจนใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปมาเสียหลายรอบ สุดท้ายเธอก็ต้องจำยอมถือกล่องเบนโตะป้อนเขาที่กำลังอ่านรายงานโน้นนี้นั่นอยู่ และยังต้องนั่งป้อนอยู่บนตักแกร่งไม่อาจลุกไปไหนได้เลย

    เป็นเพราะเขาไม่ยอมปล่อยให้เธอลุกนะสิ!

    มือหนึ่งถือกระดาษอ่านรายงาน อีกมือโอบกอดรอบเอวเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย (เพิ่งสังเกตนี่เธอเอวเล็กขนาดนั้นเชียว!?) อมีเรียที่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนเธอก็แพ้ให้กับชายคนนี้อยู่ดี จึงจำยอมเป็นเบ๊ให้เขาอย่างช่วยไม่ได้ พอป้อนอาหารเสร็จก็ต้องบริการน้ำชา ช่วยเขาเคลียร์เอกสาร จัดกองเอกสารบางส่วน

    สรุปว่า เอาเธอมาช่วยงานใช่มั้ย!?

    นัยน์ตาสองสีมองจิกชายผู้กำลังพูดคุยกับรองประธานนักเรียนอย่างไม่พอใจครู่หนึ่ง ก่อนจะผินหน้าหนีเมื่อคนโดนมองจิกรู้ตัวแล้วหันมามองที่เธอ แววตาของเขาเป็นประกายอย่างเจ้าเล่ห์อีกแล้ว แค่เพียงมองก็พอนึกออกว่าภายในหัวของเขาคงกำลังวางแผนแกล้งเธออย่างแน่นอน

    ร้ายกาจนักน่ะ!

     

    ..........

     

     

    ตอนมาเธอก็มาพร้อมอาคาชิ ตอนกลับเธอก็ต้องกลับกับอาคาชิ 

    เพราะงั้นผู้จัดการเซย์รินที่ตอนนี้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน จึงได้ระเห็จตัวเองมานั่งเฝ้ากัปตันทีมบาสราคุซันที่ตอนนี้กำลังซ้อมบาสกับสมาชิกในทีมของเขาอยู่ เธอเหล่มองเขาตอนอยู่ในสนามเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกออกมาเปิดเพื่อจดบันทึกข้อมูล เผื่อในอนาคตอาจจะเอาข้อมูลพวกนี้ไปใช้ได้

    พรึบ

    “....เหลืออีกสองหน้าเองเหรอ?” 

    คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าหน้ากระดาษสมุดบันทึกของเธอเหลืออีกแค่สองหน้า

    แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่... 

    ก็ตั้งแต่ที่ตกลงเป็นผู้จัดการทีมบาสให้เซย์ริน เธอก็จดบันทึกแต่ละอย่างลงไปในนี้ตลอดเลยไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้ามันใกล้จะหมดก็ไม่แปลก ยังดีที่อมีเรียได้เตรียมสมุดบันทึกสำรองมาด้วยอีกเล่มที่บ้านพักชั่วคราว(คฤหาสน์ตระกูลอาคาชิ) พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองค้างอยู่ที่ตระกูลอาคาชิแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคืองพี่ชายตัวดีนิดหน่อย— 

    คิดยังไงถึงเอาน้องสาวตัวเองลงกระดานหมากโดยไม่บอกกันล่วงหน้า

    ถ้าไม่เพราะฮาคุปริปากบอกเธอก่อน บางทีเธอก็ยังคงทำมึนไม่รู้เรื่องธุรกิจทั้งหลายแหล่ของพี่เหมือนเดิม อีกทั้งก็คงจะไม่รู้เรื่องที่พี่ชายไปตกลงลับ ๆ กับอาคาชิคนลูก โดยมีตัวเธอเนี่ยเป็นบุคคลกลางอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่

    เทรย์เวอร์ คาร์เชลคนนั้นกำลังคิดอะไรของเขาอยู่กันแน่..?  ทำเหมือนว่าต้องการประเคนน้องสาวตัวเองให้คนอื่น ทว่ากลับย้อนแย้งเหมือนไม่อยากประเคนให้ง่าย ๆ อีกทั้งยังทำตัวเป็นปริศนาที่กำลังเชิญชวนให้คนอื่นเข้ามาร่วมเล่นเกมลับสมองกับเขาอีกต่างหาก ไม่ต้องให้เดาก็รู้ว่าเทรย์เวอร์มีจุดประสงค์อะไร

    จะยอมเป็นหมากที่ล้มกระดานสักครั้งล่ะกัน--

    ปิ๊บ! ปิ๊บ! ปิ๊บ!

    อมีเรียมองสมาร์ทโฟนของตัวเองที่หน้าจอกำลังสว่างแจ้งเตือนถึงข้อความที่เพิ่งจะเข้ามา นิ้วมือของเธอกดปัดหน้าจอพร้อมรัวนิ้วกดรหัสผ่านอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาก็เด้งเปิดให้เธออ่านทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัสมัน

     

    ‘แจ้งนายหญิง

    ตามที่นายหญิงให้สืบหาว่าใครคือผู้ที่มีอิทธิพลในราคุซันรองลงมาจากท่านอาคาชิ เซย์จูโร่ กระผมได้ข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วครับ เธอคือลูกสาวคนโตของประธานบริษัทที่ร่วมลงทุนกับนายท่านเมื่อไม่นานมานี้ แต่เนื่องจากว่าประธานเขาเป็นคนที่ค่อนข้าง ...ทัศนคติติดอยู่ในแง่ลบสำหรับนายท่านอีกไม่นาน คาดว่านายท่านก็จะถอนหุ้นออกจากบริษัทนั่นแล้วเปลี่ยนมาจับมือร่วมลงทุนกับบริษัทในเครือของตระกูลอาคาชิแทนครับ ชื่อของเด็กสาวคนนั้นคือ ซากุราอิ ยูคาริ ครับ

    เธอคือคนที่อยู่เบื้องหลังการแกล้งนายหญิงในตอนแรก นายหญิงจะให้ผมจัดการเลยดีมั้ยครับ?

    ด้วยความเคารพ

    ฮาคุ’

     

    อมีเรียกวาดสายตามองเนื้อความในเมลล์ที่ส่งมาจากฮาคุ แล้วหยิบไอแพตออกมาเพื่อเข้าโปรแกรมที่เธอสร้างเอาไว้สำหรับการเจาะเข้าฐานข้อมูลต่าง ๆ ทั่วไป อ่อ ไม่ต้องแอบคิดเลยว่าเธอนั้นเอามันไปทำเรื่องไม่ดี 

    เธอเอาโปรแกรมที่ตัวเองสร้างไปทำเรื่องไม่ดีจริง ๆ นั่นแหละ

    คีย์รหัสตัวเลขต่าง ๆ ลงไปในโปรแกรมก่อนจะเริ่มขยับนิ้วมือเร็วขึ้นเมื่อหน้าจอไอแพตของเธอเริ่มมีตัวเลขหลักเดียววิ่งไปมา ในขณะเดียวกันสายตาที่จับจ้องอยู่ก็เริ่มกวาดเร็วขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับจังหวะการรัวนิ้ว จนกระทั่งตัวเลขตัวสุดท้ายถูกกรอกนั่นแหละ หน้าต่างตัวเลขต่าง ๆ จึงหยุดลงแล้วค่อยแสดงหน้าต่างฐานข้อมูลนักเรียนราคุซันขึ้นมา—

    จุ๊ ๆ  บอกไว้ก่อนน่ะว่าการทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย อย่าเอาไปบอกใครเชียว(ขยิบตาให้)

    อมีเรียคีย์ชื่อของเด็กสาวคนนั้นแล้วกดยืนยัน หน้าจอก็แสดงข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดขึ้นมาให้เห็นทันที ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง น้ำหนัก ประวัติส่วนตัวปลีกย่อย ครอบครัว สถานะ โรคประจำตัว แต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นข้อมูลที่ไม่ได้เจาะลึกมากอะไรนักหรอก 

    ...อันที่จริงอมีเรียอยากได้ข้อมูลที่มันลึกกว่านี้อยู่หรอกน่ะ ทว่ามันช่างน่าเสียดายตรงที่เธอยังไม่อยากเสี่ยงไปเจาะระบบของรัฐเล่นอีกเป็นครั้งที่สอง

    รอบก่อนไปเจาะลองดูเพื่อหาข้อมูลของเทรย์เวอร์กับตระกูลคาร์เชล

    แล้วผลของการที่ไปเจาะเครือข่ายไซเบอร์ของรัฐ เพียงแค่กดคีย์รหัสตัวสุดท้ายจบคอมเธอก็ถูกไวรัสโจมตีทันที กว่าจะแก้กว่าจะโต้ตอบเจ้าของไวรัสนั้นได้ก็ใช้เวลาเป็นคืนแนะ! พอแล้วความเสี่ยงแบบนั้น อีกทั้งที่เสียเวลาทั้งคืนคือ เธอต้องกำจัดไม่ให้ผู้ดูแลระบบป้องกันฐานข้อมูลไซเบอร์ของรัฐหาพิกัดของเธอได้

    เพราะถ้าเกิดประมาทแค่นิดเดียว มันจะเป็นเธอเองเนี่ยแหละที่จะซวย

    “ซากุราอิ ยูคาริ งั้นเหรอ...?” พึมพำเสียงเบาพร้อมจับจ้องภาพถ่ายที่ไม่ว่ายังไงด้วยโรคประจำของเธออีกนั่นแหละที่ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของเจ้าหล่อน ยังดีที่สีผมของอีกฝ่ายมีความเป็นเอกลักษณ์ 

    ผมสีม่วงพร้อมทรงผมที่ถูกดัดตรงแบบสาวญี่ปุ่นชั้นสูง

    อย่าบอกน่ะว่าเป็นเด็กสาวที่สร้างตัวตนว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูงเพื่อให้คนอื่นต้องคอยแหงนมองตัวเอง แล้วมันจะน่าสนุกแค่ไหนกันเชียวถ้าหากคนประเภทนี้ถูกกระชากให้ล่วงหล่นลงมา— 

    เอ๊ะ! 

    อมีเรียขมวดคิ้วอีกรอบ “จะว่า...เด็กคนนี้มีบุคลิกเหมือนใครรึเปล่านะ?”

     

     

     

     

     

     

     

     

    -ส่งท้าย-

    ปิดท้ายด้วยตารางส่วนสูง...

    เนื่องจากมีหลีดท่านหนึ่งถามมาว่าน้องตัวเล็กขนาดไหน

     

    อมีเรียของเรา 145 ซม. (ช่วงภาคหนึ่ง)

    ปัจจุบันอมีเรียสูง 150 ซม. แล้วค่ะ 

    แต่ก็เตี้ยอยู่ดีพอมายืนเทียบกับคนอื่น ๆ 

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×