ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #50 : มิติพิศวง ภาค 2 ตอนที่ 6 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.43K
      255
      29 เม.ย. 64

     

     

    มิติพิศวง ภาค 2

    ตอนที่ 6

     

     

    [ นุ่มนิ่ม..? ]

     

     

     

    “มุราซากิบาระคุงหมายถึงตัวเราหรือขนมคะ?”

    ยังไม่ทันที่มุราซากิบาระจะได้อ้าปากตอบคำถามของอมีเรีย เขาก็ต้องยิ้มแห้งเมื่อเห็นรอยยิ้มบางเบาของเด็กสาวที่เขาชื่นชอบ ก่อนกระแอมไอแล้วเปลี่ยนคำพูดของตัวเองโดยไวอย่างแสนเสียดาย

    อมีเรียไม่น่าฉลาดรู้ทันเขาเลย.. (พองแก้มงอน)

    “หมายถึงขนมมาสเมลโล่— มาสเมลโล่ไม่ยอมให้ผมกินมาสเมลโล่นิ” 

    “...”

    แม้รูปประโยคจะชวนให้คิดเป็นอย่างอื่นมากกว่า แต่เมื่อสบตาเขาพร้อมจ้องเขม็งอย่างไม่ลดละ แววตามึนปรือของมุราซากิบาระเหมือนจะกลิ้งกลอกเร็วคล้ายกำลังคิดหาคำพูดโกหกเพื่อกลบเกลือนเธออยู่ เอาเถอะในฐานะที่เธอเอ็นดูเขา เธอจะทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นละกัน

    แต่พอมาคิดดูดี ๆ แล้ว ทำไมเขาถึงได้เอาชื่อขนมมาเรียกแทนตัวเธอละเนี่ย?

    “ช่างมันเถอะ” มุราซากิบาระโคลงหัวไปมา เขารีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรู้งานเมื่ออมีเรียยอมลดความกดดันลง “ไปชมรมด้วยกันไหม?”

    “ค่ะ”

    หากแต่มือที่กำลังกอบกุมมือแสนนุ่มนิ่มของเด็กสาวอยู่ มุราซากิบาระเหมือนไม่อยากจะปล่อยสักเท่าไหร่ แถมเจ้าของมืออย่างอมีเรียก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย เขาเลยถือโอกาสลูบมือแสนนุ่มนิ่มเหมือนมาสเมลโล่อย่างหนำใจ

    “อื้อ นุ่มนิ่ม” 

    อมีเรียเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “ว่าแต่...ถุงขนมมาสเมลโล่เนี่ยพี่ทัตสึยึดไปไม่ใช่หรอคะ?” 

    คนตัวสูงที่กำลังจมสมาธิกับการเล่นมือเล็กชะงักทันที เขาเงยหน้ามองเธอช้า ๆ ราวกับสมองของเขาเกิดการช็อกจนประมวณผลไม่ทัน ไม่สิ..เหมือนเขาจะนึกไม่ถึงมากกว่า

    “ไม่ได้อยู่กับมาสเมลโล่หรอ?”

    “ไม่ค่ะ ก่อนหน้าที่จะเริ่มคาบเรียนพี่ทัตสึมาที่นี่ค่ะ— เห็นพี่เขาหอบถุงขนมออกไป เลยคิดว่าน่าจะเป็นของมุราซากิบาระค่ะ” อมีเรียเอานิ้วจิ้มคางเพื่อใช้ความคิดพลางทวนความจำ ว่าตอนนั้นห่อขนมนั่นมันคือขนมอะไร จนกระทั่งภาพในหัวมันกระจ่าง เธอจึงเอ่ยออกมา “....เหมือนจะเป็นมาสเมลโล่ที่เพิ่งจะวางแผงขายใหม่ด้วยนะคะ”

    “.....”

    “มุราซากิบาระ?”

    “ทัตสึจิน!!”

    คนบ้าขนมก็ยังเป็นคนบ้าขนมอยู่วันยังค่ำ 

    เขารีบปล่อยมือเธออย่างไว ก่อนจะผุดลุกวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วจนอมีเรียที่ยังนั่งมึนงงอยู่รู้สึกได้ถึงลมเย็น ๆ ที่พัดมากระทบใบหน้า กะพริบตาอีกทีคนตัวสูงโย่งผมม่วงก็หายไปจากสายตาของเธอเสียแล้ว แม้แต่เพื่อนร่วมห้องที่ยังไม่ไปโรงอาหารก็ยังมีสีหน้าตะลึงปนงงเลย 

    อมีเรียหลุบตามองเก้าอี้ของคนตัวสูงที่ล้มลง สลับกับมองประตูห้องที่เปิดออกด้วยแรงของใครบางคน แล้วเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนร่วมห้องทั้งหลายที่ต่างก็พากันกะพริบตาปริบ ๆ 

    เกิดอะไรขึ้น....?

    นั่นคือเสียงภายในหัวของทุกคนที่กำลังสงสัยอย่างชัดเจนเลย

     

    ........................................................................

     

    เสียงเสียดสีของรองเท้ากีฬาและเสียงลูกบอลกระทบพื้นดังขึ้นต่อเนื่องภายในโรงยิม โดยที่มีนักกีฬาทั้งตัวสำรองและตัวจริงต่างพากันเลี้ยงลูก แล้วสลับกันส่งลูกให้เพื่อนในทีมเพื่อเป็นการซ้อมพัฒนาฝีมือ ในขณะที่อีกฝั่งของสนามบาสก็มีนักกีฬาอีกกลุ่มหนึ่งเลี้ยงลูกบาสหลบทีมฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะทำคะแนนได้ในเวลาต่อมา

    นี่คือการซ้อมของนักกีฬาโรงเรียนโยเซ็นที่ไม่ต่างอะไรกับเซย์รินสักเท่าไหร่

    เพียงแต่เซย์รินมีผู้เล่นตัวสำรองแค่สามสี่คนเท่านั้น ต่างจากโยเซ็นที่มีเยอะ แถมยังแบ่งแยกเป็นทีม A ทีม B ทีมตัวจริงและทีมตัวสำรอง

    จึงไม่แปลกเลยที่ภายในโรงยิมจะเต็มไปด้วยนักกีฬาบาสจนทำให้เหมือนพื้นที่คับแคบไปเลย

    ท่ามกลางฝูงนักกีฬาบาสที่กำลังซ้อม เด็กสาวเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์กลับดูโดดเด่นที่สุดตรงม้านั่งขอบสนาม เธอได้รับสิทธิพิเศษจากโค้ชสาวประจำทีมโยเซ็นแลกกับการที่เธอจะช่วยวิเคราะห์ความสามารถของผู้เล่นในแต่ละคน เพราะฉะนั่นอมีเรียเลยได้มานั่งทำหน้ามึนถือแฟ้มเอกสาร มืออีกข้างก็มีดินสอกดคู่ใจหมุนควงระหว่างนั่งมองการซ้อมของทีมตัวหลักอยู่ --ก็แหม่..ได้ผู้จัดการที่วางแผนการเล่นให้กับเซย์รินมานั่งดูแบบนี้ จะให้มานั่งเฉย ๆ ให้เสียเปล่าทำไม จริงมั้ย?

    อมีเรียเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากผงกหัวยินดีช่วยเหลือโค้ชสาว

    ด้วยใบหน้าหวานที่เรียบนิ่งออกไปทางมึนของเธอ ทำให้ไม่มีใครคาดเดาอารมณ์ในตอนนี้ออกว่าเด็กสาวคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แม้จะมีสมาชิกทีมบาสโยเซ็นบางคนแอบเนียนเข้ามาตีสนิทเธอ สุดท้ายพวกเขาก็ได้เพียงแค่แววตาราบเรียบและประโยคคำพูดแสนสุภาพกลับไปเท่านั้น

    ‘ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ’

    ก็นั่นแหละ... 

    สุภาพแถมวางตัวเหมือนคุณหนูผู้ปลีกโลกซะขนาดนั้นใครจะไปกล้าทำตัวสนิทสนมกันเล่า ถึงจะสวยแค่ไหนก็เถอะ.. แต่ต่อให้คนสวยไม่เย็นชายังไงสมาชิกทีมบาสโยเซ็นก็ไม่มีใครกล้าไปตีสนิทหรือเอ่ยคำพูดอะไรกับเด็กสาวเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์คนนี้หรอก พวกเขายังไม่อยากโดนไททันม่วงจับหักคอ ไหนจะคู่หูไททันม่วงผู้ชอบยิ้มคนนั้นอีก

    เล่นมีเจ้าของมาหวงขนาดนั้น พวกเขายังรักชีวิตอยู่น่ะ

    ปรี๊ด!!!

    เสียงนกหวีดเป็นสัญญาณหมดเวลา ผู้เล่นในสนามต่างทยอยเดินออกมารับผ้าขนหนูและน้ำดื่ม บางส่วนเดินแยกเพื่อออกไปล้างหน้าล้างตา และอีกส่วนหนึ่งนั่งพักที่ม้านั่งขอบสนามเหมือนอย่างทัตสึยะกับมุราซากิบาระที่หลังเล่นเสร็จก็ตรงดิ่งมาทรุดกายนั่งข้างอมีเรีย โดยมีผ้าขนหนูกับน้ำดื่มที่เด็กสาวได้เตรียมเอาไว้ให้แล้วถูกยื่นส่งให้ทั้งสองคน

    “มุราซากิบาระกระโดดบ่อย ๆ ไม่ดีต่อเข่านะคะ”

    “อืม~”

    อมีเรียพูดถึงการเล่นเมื่อสักครู่ที่คนบ้าขนมได้ทำลงไปในสนาม ถึงจะเป็นการกระโดดเพื่อดั๊งค์ลูกทำคะแนนก็เถอะ แต่เนื่องจากส่วนสูงที่เกินมาตรฐานของเขาแล้วบวกกับน้ำหนักตัว ทำให้การกระโดดบ่อย ๆ มันค่อนข้างจะส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อบริเวณเข่าและกระดูกของเขาโดยตรง อมีเรียค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่พอสมควร จากที่เคยแข่งกันมาแล้วมุราซากิบาระต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเช็คสุขภาพเข่า 

    เด็กหนุ่มเรือนผมม่วงกรอกน้ำดื่มจนลดไปครึ่งขวด ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ร่างเล็กที่กำลังช่วยเช็ดหน้าบนใบหน้าของทัตสึยะอยู่ อมีเรียสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่คางของเขาวางแหมะลงบนหัวของเธอ

    “เหนื่อยมากไหมคะทั้งสองคน?” เธอถามโดยที่ในใจก็รู้คำตอบดี

    “เหนื่อย~ อยากกินอะไรหวาน ๆ” 

    ไททันม่วงผู้ใช้หัวเล็กของเด็กสาวเป็นที่วางคางตอบกลับ ก่อนจะก้มหน้าเอาจมูกมาถูไถที่เส้นผมเธออย่างออดอ้อน อมีเรียหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความไม่คุ้นชิน ถึงเธอจะคลุกคลี่กับผู้ชายบ่อย ๆ แต่เธอก็ไม่เคยโดนใครมาออดอ้อนแบบนี้มาก่อนเลย ยิ่งกับญาติคนสนิทอย่างไทกะแล้วยิ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลย 

    มุราซากิบาระเป็นคนแรกที่อ้อนเธอแบบนี้ แต่จะว่าไปคิเสะก็เคยอ้อนเธอเหมือนกัน ทว่าเขากอดขาอ้อนไม่ได้มาซุกหน้าลงกับผมของเธอแบบคนแถวนี้

    “เรามีลูกอมค่ะ..ทานได้ใช่มั้ยคะ?“ อมีเรียวางผ้าขนหนูที่ใช้ซับเหงื่อทัตสึยะลง ก่อนจะเปิดกระเป๋านักเรียนของเธอหยิบเอากล่องใส่ลูกอมออกมา ตามจริงมันเป็นความเคยชินที่ต้องพกของหวานติดกระเป๋า

    เวลาเล่นกีฬาเสร็จไทกะกับคุโรโกะชอบเข้ามาถามหาของหวานกับเธอ คนอื่น ๆ ก็ด้วย เพราะงั้นอมีเรียเลยต้องพกติดกระเป๋าของเธออยู่ตลอด หากวันไหนไม่ได้พกติตกระเป๋ามันก็รู้สึกแปลก ๆ จนแทบไม่มีสติเพราะต้องมากังวลนู้นนี่นั้น

    ทัตสึยะหัวเราะในลำคอกับการเตรียมพร้อมไปซะทุกเรื่องของเด็กสาว เขาเอ่ยขึ้นอย่างติดตลก 

    “เริ่มเหมือนคุณแม่จริง ๆ แล้วน่ะมีเรีย”

    “มันเคยชินนะคะ”

    “ลูกอมแบบไหนเหรอมาสเมลโล่~”

    มุราซากิบาระยังไม่ยอมผละหน้าออกห่างจากเส้นผมของเธอ แม้อมีเรียจะสงสัยว่าทำไมเขาดูจะสนใจมันมากนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากกลอกตาไปมากับท่าทางของพี่ชาย ผู้มีสาว ๆ กลุ่มหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ดูแลของชมรมบาสวิ่งเข้ามายื่นขวดน้ำกับขนมให้ บางคนใจกล้าหน่อยก็เดินเข้ามาสะกิดไททันม่วงให้ไปสนใจเธอที่ยืนถือถุงขนม— แต่มุราซากิบาระสนใจที่ไหนละ...?

    สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือผมของมาสเมลโล่หน้ามึนของเขามากกว่า มันทั้งนุ่มลื่นมีกลิ่นหอมซากุระอ่อน ๆ แถมตัวก็นุ่มนิ่มเหมือนมาสเมลโล่ไม่มีผิด อยากจะกินแต่ถ้าไม่ติดว่า ....กินไม่ได้เนี่ยสิ—

    “มุราซากิบาระคุง”

    “....มาสเมลโล่ไหนลูกอม~”

    “....”

    เมื่อถูกอีกฝ่ายเมินแบบจงใจ เด็กสาวคนนั้นก็สะบัดหน้าหนีก่อนจะส่ง(ยัด)ถุงขนมมาใส่มืออมีเรีย แล้วเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนของเธอที่มอบของให้ทัตสึยะเสร็จแล้ว อมีเรียเองก็ไม่เข้าใจนิดหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอหันไปขอคำชี้แจงจากทัตสึยะ เขาก็เพียงแค่หัวเราะเบา ๆ พลางเอาถุงขนมเหล่านั้นวางกองไว้ ราวกับว่ามันเป็นแบบนี้ประจำแหละ

    “ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก เป็นปกติแล้วน่ะ” ทัตสึยะบอก ก่อนจะยื่นนิ้วไปดีดหัวมุราซากิบาระทีหนึ่ง

    “โอ้ย! ทัตสึจินอ่า...ยึดมาสเมลโล่ไปไม่พอยังจะมากวนอีก”

    เขาหมายถึงยึดขนมมาสเมลโล่เขานะ ไม่ได้หมายถึงคนตัวเล็กแถวนี้

    อมีเรียหลุดขำเล็กน้อยกับท่าทางงอแงเป็นเด็ก ๆ ของคนตัวสูง เธอเทเม็ดลูกอมจากกล่อง หยิบป้อนใส่ปากมุราซากิบาระที่ยิ้มร่าตั้งท่ารออยู่แล้วอย่างรู้งาน แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะรีบปิดปากเร็วไปหน่อย นิ้วของเด็กสาวเลยโดนปากเขาขบโดนอย่างจัง อมีเรียสะดุ้งตอนโดนขบแต่ไม่ได้ร้องอะไรนอกจากนัยน์ตากลมโตของเธอที่เบิกกว้างตกใจเท่านั้น— แต่เหมือนคนขบจะรู้ตัวนะเขาจึงได้อ้าปาก 

    ถึงจะไม่ได้ขบแรงมากแต่เนื่องด้วยอมีเรียเป็นคนผิวบางแถมยังผิวขาว เลยทำให้ปลายนิ้วเรียวเล็กมีรอยแดงชัดเจนเด่นชัด หนำซ้ำเจ้าของนิ้วยังกะพริบตาปริบ ๆ ทำหน้ามึนงงอันไม่สอดคล้องกับรอยแดงที่นิ้วตัวเองอีกด้วย

    บำรุงผิวเพิ่มดีไหมนะถ้ามันจะขึ้นรอยง่ายขนาดนี้...?

    “มาสเมลโล่ขอโทษ.... ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ร่างบางเจ็บตัวเพราะความตะกละของตัวเอง มือใหญ่จับนิ้วที่มีรอยสีแดงจางๆอย่างถนุถนอมในขณะที่ทัตสึยะเองก็ตาโตตกใจไม่ต่างกัน แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรเพราะสังเกตเห็นว่าร่างบางกำลังใช้สมองประมวณผลอยู่

    “.....” 

    เขายกมือเล็กขึ้นก่อนจะก้มลงมาใช้ริมฝีปากจูบที่รอยแดงนั่น ก่อนจะปล่อยมือ “แบบนี้ก็ไม่เจ็บแล้วนะ~”

    “....อา” อมีเรียรู้สึกสมองของเธอประมวณผลช้ากว่าปกติ รึเปล่า...?

     ทัตสึยะหัวเราะออกมาเบา ๆ กับปฏิกิริยาตอบสนองของอมีเรียที่ไม่ต่างจากที่เขาคิดเท่าไหร่ พอลองเอานิ้วจิ้มแก้มนุ่มนิ่มดูบ้าง ทว่าอมีเรียกลับหันมามองเขาด้วยแววตามึนงง คิ้วขมวดซะอย่างงั้น 

    ดูเหมือนอมีเรียจะไม่เข้าใจในสิ่งที่มุราซากิบาระสื่อเมื่อกี้แน่นอน

    ไม่รู้ว่าเขาควรจะสงสารไททันม่วงดี รึจะเวทนาชะตากรรมของตัวเองดี... (หัวเราะ)

    บทจะฉลาดก็ฉลาดจนน่ากลัว บทจะซื่อก็ซื่อจนเหนื่อยใจ บทจะมึนก็มึนได้น่าปวดหัว จะเป็นใครไปได้นอกซะจากอมีเรีย คาร์เชลผู้ที่กำลังนั่งมึนงงอยู่ระหว่างทัตสึยะกับมุราซากิบาระในตอนนี้ยังไงล่ะ หึ ไหนจะพี่ชายใหญ่ที่แสนจะขี้หวงน้อง บวกกับคนตัวเล็กที่ชอบมึนงงอยู่ตลอดเหมือนเมินเวลาโดนรุก

    บางทีก็น่าหมั่นเขี้ยวจนอยากฟาดสักทีสองที!

    มุราซากิบาระสบตารุ่นพี่หนุ่มเพื่อขอความเห็น ในขณะที่ทัตสึยะเองก็ยกยิ้มแห้งสบตามุราซากิบาระเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งสองจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ--

    .

    .

    .

    .

    เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งมาถึงวันสิ้นสุดการร่วมโครงการแลกเปลี่ยนของเด็กสาวเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์ ชั้นเรียนที่เธอใช้เวลาอยู่ร่วมกันเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ ทุกคนภายในชั้นเรียนต่างก็พากันเสนอว่าจะนัดกินเลี้ยงส่งเธอเสียหน่อย

    ตามจริงเป้าหมายแฝงของพวกเขาคือ หาเรื่องเที่ยวอย่างถูกระเบียบต่างหาก—

    พวกเขาไม่ได้คิดหนีเที่ยวเลยน่ะ จริง ๆ!!

    การกินเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนโยเซ็นมาก แถมหัวหน้าห้องก็ได้ยื่นเรื่องไปให้ประธานนักเรียนและเหล่าอาจารย์ให้อนุมัติการกินเลี้ยงส่งนี้แล้วด้วย ถึงจะอยู่ร่วมกันเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ทุกคนในห้องต่างก็สนิทใจกับการที่เด็กสาวมา

    ว่าไงดี ไม่ค่อยมีใครคุมไททันม่วงของทีมบาสได้สักเท่าไหร่หรอก 

    --ยกเว้นโค้ชของพวกเขาล่ะน่ะ

    ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พวกเขาจะเสียดายที่ต้องจากกันเสียแล้ว...

    อมีเรียที่เป็นเจ้าภาพงานก็อยู่ในชุดเดรสไปรเวทสีฟ้าอ่อน ที่ทัตสึยะเป็นคนซื้อให้ตอนเขาไปแข่งกับเซย์รินคราวนั้น สมกับที่เป็นพี่ชายของเธอ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าแอบไปถามเรื่องขนาดเสื้อผ้าของเธอกับคางามิมาแน่นอน— ก็นอกจากตัวเธอ พี่ชายใหญ่และคางามิ(ที่ให้คอยช่วยเลือกชุดอยู่บ้างครั้ง) ก็ไม่มีใครรู้เรื่องขนาดตัวของเธอเลยแม้แต่คนเดียว

    ยกเว้นบอดี้การ์ดคนสนิทของเธออย่างฮาคุเอาไว้หนึ่ง

    เพราะเขาต้องรู้เรื่องส่วนตัวของเธอมากเป็นพิเศษในฐานะมือขวาตามที่พี่ชายสั่งมา~

    เสียงเพลงที่ดังได้ด้วยลำโพงตัวใหญ่ ดังกระหึ่มเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงวีดว้ายของสาว ๆ ที่ลุกออกไปร้องเพลงและเต้นอย่างสนุกสนาน มีเพื่อนผู้ชายเข้าไปร่วมร้องและเต้นด้วยนิดหน่อย แต่ก็มีบางคนที่เอาแต่นั่งกินไม่สนใจสิ่งไหน แถมที่กล่าวมานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย

    คนเดียวประจำห้อง มุราซากิบาระ อัตสึชิ ไททันม่วงบ้าขนมประจำห้องนั่นเอง~

    “....”

    เจ้าของนัยน์ตาสองสีเหล่มองชายที่มานั่งข้างกันกพวกผู้ชายไม่ให้เข้ามาใกล้เธอเล็กน้อย หากแต่แววตาของเธอกลับแฝงไปด้วยประกายความสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพื่อขัดความต้องการของพ่อไททัน นอกจากอ้าปากรับขนมที่เขาป้อนให้แต่โดยดีเท่านั้นแหละ – เรื่องการเดินทางเพื่อไปยังโรงเรียนต่อไป อมีเรียได้ให้ฮาคุจองตั๋วไว้แล้วส่วนเรื่องที่พักเหมือนฮาคุจะบอกมาว่า พี่ชายของเธอได้จัดเตรียมไว้ให้แล้วเนื่องจากว่าเขาต้องมาเจรจาธุรกิจกับร่วมงานเลี้ยงอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ

    กำหนดการเดินทางของเธอก็คือ ออกจากที่นี้พรุ่งนี้เช้าเพื่อที่จะได้เดินทางไปราคุซันในทันที

    เรื่องการไปราคุซัน สองหนุ่มโยเซ็นต่างรู้แล้วว่าร่างบางเลือกที่จะไปที่นั้นก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอจะไปเคลียร์ปัญหาแทนกรรมการนักเรียนโรงเรียนตัวเองเสียหน่อย— เรื่องนี้ทัตสึยะค่อนข้างไม่พอใจเล็กน้อยว่าทำไมอมีเรียจะต้องไปตามเก็บ ตามเคลียร์ปัญหาของคนอื่นด้วย ทั้งที่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอเลยสักนิด

    ทว่าต่อให้รู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้—

     

    “มาสเมลโล่เบื่อปะ?” น้ำเสียงเนือย ๆ ดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสหนัก ๆ ที่วางบนหัวของเธอ 

    อมีเรียช้อนตามองคนที่ใช้หัวเธอเป็นที่วางแขนเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามของเขา “ก็..เบื่อนิดหน่อยค่ะ”

    ใช่ เธอเบื่อ แต่ไม่ได้นิดหน่อยอย่างที่บอกหรอก— ตอบไปตามมารยาทที่พึงมีต่างหากล่ะ

    “งั้นกลับดีมั้ย~ เดี๋ยวฉันไปส่ง~” มุราซากิบาระยิ้ม

    เตรียมจะหยิบกระเป๋าสะพายประจำตัวเด็กสาวมาถือแล้ว ไม่ต้องให้เดาก็รู้ว่าเด็กหนุ่มผมม่วงคนนี้อยากจะออกไปหาซื้อขนมมากินจนใจจะขาดอยู่แล้ว ดูจากกองซองขนมนั่นสิ กินไปขนาดนั้นเขายังไม่อิ่มเลย 

    อมีเรียรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยกับจำนวนขนมของคนข้างตัว ก่อนจะปล่อยให้ร่างสูงช้อนตัวอุ้มเธอแนบอกเขาพร้อมกับใช้เสื้อโค้ทตัวหนามาคลุมให้— มุราซากิบาระอยากทำอะไรอมีเรียก็ปล่อยให้เขาทำ ..ถ้ามันไม่ได้ทำให้เด็กสาวลำบากล่ะน่ะ ดังนั้นอยากจะทำอะไรก็เชิญเลย ในสภาพของเธอตอนนี้เหมือนคนง่วงนอนไม่น้อยเลยแหละ

    จุ๊บ!

    “...!?”

    เปลือกตาที่กำลังปรือปิดเปิดในทันที เช่นเดียวกับตัวที่แข็งค้างทันทีกับสัมผัสที่เกิดขึ้นเร็วเมื่อครู่ นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะหันมองคนกระทำอย่างไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ มือเล็กยกขึ้นสัมผัสแก้มนุ่มของตนเองที่เพิ่งจะมีคนฝากรอยริมฝีปากอุ่นร้อนไปเมื่อครู่ แม้จะเกิดขึ้นเร็วแต่อมีเรียก็ไม่ได้ซื่อที่จะไม่รู้ตัวว่าสัมผัสเมื่อครู่คืออะไร

    “มาสเมลโล่ทำหน้าน่ารักจัง~” เขายิ้มราวกับไม่รับรู้เลยว่าตัวเองเพิ่งจะทำอะไรลงไป “...แก้มนุ่มสมกับเป็นมาสเมลโล่เลย~”

    “....”

    ดูเหมือนเธอจะต้องคิดใหม่เสียแล้วเรื่องตามใจมุราซากิบาระ....

     

     

     

     

     

     

    “แก้มมาสเมลโล่นุ่ม.. แถมหอมด้วย”

    “….”

     

    …………………………………………………………………………..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×